คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Beauty -YoonSeok- (100%)
ไม่ใช่แค่หน้าที่สวย แต่พวกมันยังเหมารวมถึงหุ่นและสีผิวของผมด้วย ทั้งที่ผมอยากจะประกาศให้โลกรู้ว่า กูแมนมาก แมนกว่าไอ้พวกเหี้ยๆที่ตามจีบผมนั่นอีก แต่ถึงแม้กูจะปฏิเสธไป ไอ้พวกผู้ชายที่โง่เง่าดูไม่ออกมาเขาแมนก็ยังตามไล่ตามจีบเขาอยู่ดี
“วันนี้ว่างไปกินข้าวเย็นกับพี่ไหมจ้ะ น้องยุนกิคนสวย” เสียงหมาเห่าดังมาแต่ไกล พร้อมกับร่างอ้วนๆของไอ้เพื่อนข้างห้อง สายตาคมเหล่มองไปทางผู้มาใหม่ด้วยความรำคาญ
“น้องพ่อง”
เสียงทุ้มต่ำที่ฟังยังไงมันก็ขัดกับหน้าตาอ่อนหวานนั่นซะเหลือเกินเอ่ยตอบกลับไอ้คนที่ยืนเอาพุงพิงประตูอยู่อย่างหงุดหงิด เรียนปีเดียวกันแท้ๆ มึงเอาตาตุ่มคิดรึไงว่าตัวมันแก่กว่ากู
“อ่าวเห้ย พูดงี้ได้ไงวะ กูอุตส่าห์ชวนไปกินข้าว” ร่างท้วมเดินดุ่มๆเข้ามาที่โต๊ะของคนตัวขาว มือหนาที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าเขาถึงสองเท่าจับเข้าที่กระเป๋าเป้ลายทหารของยุนกิแล้วยกขึ้นเป็นเชิงไม่ให้เขาเก็บของต่อไปแล้ว
“กูไม่ได้ขอ แล้วถึงกูขอ กูก็ไม่ไปขอมึงแน่นอน เอากระเป๋ากูมา!” มือขาวเอื้อมไปกระชากกระเป๋าจากไอ่อ้วนกลับคืนมา โถ่เอ้ย เมื่อไหร่ไอ่ห่านี่จะไปจากห้องเขาสักทีนะ
“อ้าวๆ พูดยังงี้ก็สวยสิครับ มึงคิดจะลองกับกูเหรอ” จากตอนแรกที่คิดว่าจะมาจีบแต่กลับโดนคนสวยสวนคืนอย่างเจ็บแสบกลายเป็นว่าตอนนี้เขาอยากจะสั่งสอนไอ้หน้าจืดนี่ให้หายซ่าส์สักทีสองที เหอะ คิดอะไรอยู่นะ ถึงกล้าต่อล้อต่อเถียงกับเขาน่ะ
“ทำไม มึงคิดว่ามึงมีตีนคนเดียวรึไง” ร่างขาวที่ดูบอบบางแต่ทว่าพอยืนขึ้นมากลับสูงกว่าไอ้อ้วนที่ยืนอยู่ตรงหน้าซะอีก แขนเสื้อนักศึกษาถูกถกขึ้นมาถึงข้อศอก ฝ่ามือขาวตบลงที่โต๊ะเสียงดังทำให้ร่างท้วมสะดุ้งนิดหน่อย
ปัง!
“เอาไง มาตัวต่อตัวเลยมั๊ย ในนี้ก็มีแค่กูกับมึงอยู่แล้วนี่” เสียงทุ้มต่ำที่ก่อนหน้านี้ฟังดูไร้ความรู้สึก แต่ตอนนี้กลับมีอารมณ์โกรธและฉุนเฉียวอย่างกับไปกินรังแตนที่ไหนมา
“หยุดนะ! ทำไรกันน่ะ” ในขณะที่กำปั้นขาวกำลังเงื้อมขึ้นจะตะบันใส่หน้าอวบอ้วนของไอ้เวรข้างห้องนั้น เสียงใสที่มาจากไหนก็ไม่รู้เอ่ยห้ามซะก่อนทำให้ร่างท้วมรีบหนีออกจากห้องไปเลย ทิ้งไว้เพียงคนตัวขาวที่ยืนงุนงงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้
เดี๋ยวนะ คือมึงโผล่มาจากไหน โผล่มาได้ทันเวลาพอดีเป๊ะเลย
“กำลังจะทำอะไรน่ะ” เสียงใสเอ่ยถามพร้อมกับร่างบอบบางที่เดินเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยม
“เปล่านี่” ให้ตายเถอะ ทำไมต้องสอดรู้เรื่องคนอื่นด้วยนะ
“มิน ยุนกิ” เสียงใสเอ่ยพร้อมกับจดชื่อเขาลงบนสมุดเล่มหนาบนแขน อ่าว คราวนี้กูงงกว่าเดิมอีกครับ
“อะไรของนาย” คราวนี้เป็นคนตัวขาวบ้างที่เอ่ยถามร่างบอบบางตรงหน้า ดวงตากลมใสช้อนขึ้นมองร่างขาวด้วยแววตากวนประสาท
“จดชื่อไปให้อาจารย์ภาคไง” ร่างบางพูดจบก็เตรียมตัวจะเดินออกจากห้องไป แต่ฝันไปเถอะ ยังไม่เคลียร์ไม่ยอมปล่อยให้ออกไปง่ายๆหรอก
“เดี๋ยว หมายความว่าไง” ร่างขาวซีดเอื้อมมือขาวๆของตัวเองไปรั้งแขนเรียวให้กลับมาก่อนที่จะเอ่ยถามเพราะต้องการคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้
“อาจารย์สั่งให้จดชื่อบุคคลที่กระทำความผิดซึ่งนายทำร้ายร่างกายนิสิตคนอื่น เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องจดชื่อนาย เข้าใจ๊” ร่างบางเอ่ยตอบร่างสูงพรางเอาปากกาเคาะใส่สมุดเล่มหนาไปด้วย
“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ร่างขาวเถียงหน้าตั้ง เหอะ ให้ตายสิ กล่าวหากันโดยที่ยังไม่รู้เรื่องราวได้ยังไง
“ไม่รู้แหละ นายกำลังจะต่อยเพื่อนคนนั้น แค่คิดก็ผิดแล้ว ฉันไปล่ะนะ เตรียมตัวรับมือกับอาจารย์ภาคให้ดีล่ะ” ร่างบางหมุนตัวเดินออกไปด้วยท่าทีสบายอารมณ์ เหลือเพียงยุนกิที่ยังคงยืนหัวเสียให้กับความซวยของตัวเอง แต่ก่อนที่ร่างบางจะเดินไป เขาได้มองป้ายชื่อเรียบร้อยแล้ว เจอกันแน่ จอง โฮซอก
มิน ยุนกิ นิสิตปีสามคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ คนที่ใครๆก็ขนานนามให้เป็นหนุ่มสวยประจำม.เพราะด้วยใบหน้าที่อ่อนหวาน สวยปานนางฟ้า และยังเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน บวกกับรูปร่างบอบบางที่เกินจะเป็บบุรุษนั้นทำให้สายม่วงพากันตามจีบเขากันหมด ใครก็ปราถนาที่จะได้มาครอบครอง มากดให้อยู่ใต้ร่าง พร้อมกับเสียงครางกระเส่าได้อารมณ์… พอ พอเลย ลบภาพพวกนั้นออกไปจากหัวของคุณซะ ยุนกิตัวจริงไม่มีทางที่จะโดนกดเว้ย ยุนกิคนนี้นี่แหละที่จะจับกดเอง อย่าให้เจอนะ ไอ้คนที่ปล่อยความคิดบ้าๆออกมา พ่อจะจับกดให้จมเตียงเลย
จอง โฮซอก นิสิตปีสามคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาตกแต่งภายใน ใครๆก็มองว่าเขาหล่อ แมน เท่ เหมาะที่จะเป็นแฟนของหนุ่มสวยประจำม.มากที่สุด ชีวิตประจำวันของเขาก็ไม่มีอะไรมากมาย มาเรียน กิน เมาท์กับเพื่อนในกลุ่ม แล้วก็เดินตรวจตึกในคณะให้อาจารย์ประจำภาค ซึ่งเขาต้องเดินตรวจทุกตึกที่อยู่ในคณะ เท่ากับว่าโฮซอกก็เป็นที่รู้จักของเพื่อนทั่วไปในคณะถึงแม้ว่าจะเรียนกันคนละสาขาก็เถอะ ใบหน้าหล่อที่ออกหวานนิดหน่อยของเจ้าตัวทำให้สาวๆพากันคลั่งใคล้ วาจาสุภาพที่เป็นกันเองกับทุกคนทำให้เขาดุมีเสน่ห์มากขึ้นเป็นกอง และนอกจากผู้หมายปองจะเป็นอิสตรีแล้วบุรษเพศจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่สนใจในความร่างเริงของตัวเขา แต่ถึงแม้จะมีคนมาให้เลือกมากขนาดไหน หัวใจดวงน้อยๆก็ยังไม่มีใครเข้าไปนั่งเล่นเลย
“คุณมิน ยุนกิ เมื่อวานนี้ไปทำอะไรมา”
ร่างขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าอาจารย์จางสายโหดกำลังประมวลหาคำตอบในสมองเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้
“คือว่า มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับ” ปากซีดเอ่ยตอบคำถามของคนแก่กว่า สายตาคมมองที่หน้าของอาจารย์ด้วยความไม่เกรงกลัว ต้องเอาความจริงใจเข้าสู้เว้ย ถึงจะรอด
“ไหนเล่าซิ” ร่างสมส่วนกำยำของจาง ยองมินกอดอกถามลูกศิษย์ของตัวเอง เขาจำได้ว่าเคยสอนนิสิตคนนี้เมื่อตอนปีสอง ยุนกิเป็นคนที่นิ่งมาก ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร จึงน้อยมากที่คนเด็กกว่าจะเรื่องมีราวกับใครให้ต้องเดือดร้อน เขาจึงถามย้ำเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ยุนกิพูดนั้นเป็นเรื่องจริง
“เมื่อวานตอนเย็นครับ ผมกับไอ้อ้ว.. เออ ลี ดาฮุนคุยกันเสียงไปหน่อยครับ เลยทำให้นิสิตที่อาจารย์สั่งงานเข้าใจผิด คิดว่าผมกับดาฮุนมีเรื่องกันน่ะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างใจเย็น พร้อมกับส่งสายตาที่ดูจริงใจสุดๆให้กับคนตัวสูงกว่า ยองมินถอนหายใจน้อยๆให้กับกระต่ายตื่นตูมที่เขาใช้งาน โฮซอกก็ยังคงเป็นโฮซอก ไม่เคยเปลี่ยนเลย
“ผมจะเชื่อคำพูดของคุณ รอบหน้าก็คุยกันให้พอเหมาะพอควรล่ะ ส่งเสียงดังมันก็รบกวนคนอื่น เดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องเป็นราวให้เข้าใจผิดแบบนี้อีก เอาล่ะ เชิญคุณไปพักได้” จาง ยองมินพยักหน้าให้นิสิตตัวขาว คนเด็กกว่าโค้งขอบคุณก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“เฮ้ออออ” เสียงถอนหายใจยาวจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาคิดว่าเขากำลังแช่งให้ตัวเองอายุสั้นไปอีก ร่างขาวเดินไปตามระเบียงที่ทอดยาวไปสู่โรงอาหารของคณะ เพราะเพื่อนๆในกลุ่มกำลังรอให้เขากลับไปกินข้าวกลางวันอยู่
“เป็นไงบ้างมึง โดนมั๊ย” นั่งลงก้นยังไม่ทันได้แตะเก้าอี้ เสียงแหลมๆที่ฟังแล้วแสบหูของเพื่อนซอกจินก็เอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“โดนเหี้ยไร รอดเว้ย” เสียงทุ้มเอ่ยตอบเพื่อนขี้เสือก พรางเลื่อนเอาจานข้าวของเขามาให้ใกล้ตัวมากขึ้น
“มึงนี่ยังแถเก่งเหมือนเดิมเลยนะ” เสียงแหบแต่ทรงเสน่ห์พูดกับเพื่อนตัวขาวอย่างขำๆ พร้อมกับตบบ่าเขาเสียจนสำลักข้าว
“ไอ้ห่า มึงก็ตบมาได้นะ เหี้ยนัมจุน” นิ้วขาวหยิบเอาเศษข้าวที่ออกมาทางจมูกทิ้งใส่กระดาษทิชชู่ที่แทฮยองส่งมาให้
“โทษทีๆ กูไม่ได้ตั้งใจนี่หว่า” นัมจุนมองเพื่อนตัวขาวอย่างสงสารพร้อมกับส่งแก้วนมปั่นให้ยุนกิดื่ม
“ช่างเถอะๆ คืองี้เว้ย กูมีเรื่องอยากจะถาม” หลังจากที่เช็ดข้าวและดูดนมปั่นจนชื่นใจแล้ว ยุนกิก็เอ่ยถามเพื่อนทุกคนด้วยใบหน้าจริงจัง
“ว่า”
“พวกมึงรู้จักคนชื่อ จอง โฮซอง ป่ะ”
“กูรู้จัก” ทุกคนในกลุ่มเงียบหมด มีเพียงแทฮยองที่เอ่ยขึ้นมาทำให้ทุกสายตาหันไปมอง
“มึงมีไรเหรอ” เสียงทุ้มต่ำของคนผิวเข้มเอ่ยถามกลับเพื่อนตัวขาว พรางตักข้าวเข้าปากไปด้วย
“ก็ไอ้นี่แหละที่มันจดชื่อกูไปให้จารย์ยองมินน่ะ กูว่าจะชำระซะหน่อย แล้วมันเป็นใครวะ” ร่างขาวถามเพื่อนรักด้วยความใคร่รู้เต็มทน ทำให้แทฮยองรีบกลืนข้าวคำสุดท้ายลงไปจนเกือบติดคอ
“เป็นเมียกูในอนาคต”
ทันทีที่จบประโยคก็โดนฝ่ามือขาวโบกเข้าให้เสียเต็มแรง จนหน้าคว่ำไปจูบโต๊ะ เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนในกลุ่มได้เป็นอย่างดี
“กูจริงจัง มึงยังจะเล่นอีก” ยุนกิสบถออกมาอย่างหัวเสีย พร้อมกับปรายตามองคนข้างกายด้วยสายตาเอือมระอา
“ไอ้สัส มึงก็เล่นกับกูหน่อยไม่ได้เหรอ เออ เขาเป็นเพื่อนที่กูรู้จักตอนไปค่ายสานสัมพันธ์น่ะ” แทฮยองเล่าให้ฟังพร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวตัวเองป้อยๆ ชิบหาย เหมือนหัวบวมขึ้นมาเลย ไอ้ห่ายุนกิเอ้ย มึงก็ตบมาได้ เจ็บชิบ
“เหรอ” เสียงทุ้มตอบกลับเพื่อนผิวเข้มแล้วใช้ความคิดว่าจะแก้เผ็ดอีกคนนั้นได้ยังไง ถ้าจะไหว้วานให้ไอ่แทฮยองช่วย ดูท่าก็น่าจะเหลว
สายตาคมเหลือบมองไปรอบกายก่อนจะสะดุดกับร่างบางที่นั่งหัวเราะกับเพื่อนในกลุ่มอีกสองคน ปากบางกระตุกยิ้มเมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะลอบมองร่างบางเป็นระยะจนอีกฝ่ายลุกขึ้นจากโต๊ะนั่นแหละ เขาถึงได้ลุกตาม
“อ่าว ไอ้กิ มึงจะไปไหน” เสียงแหลมเอ่ยถามเพื่อนตัวขาวที่ยืนขึ้นพร้อมถือจานข้าวไว้ในมือ
“กูปวดขี้ว่ะ พวกมึงขึ้นตึกไปก่อนเหอะ เดี๋ยวกูขี้เสร็จจะตามไปทีหลัง” ร่างขาวพูดกับเพื่อนเสียงเบาพรางเอามือจับที่ท้องเพื่อบอกว่ากูจะราดแล้ว
“เออๆ มึงไปเถอะ เดี๋ยวก็ขี้แตกกันพอดี” เสียงแหบของเพื่อนร่างสูงเอ่ยเสริมให้คนตัวขาวรีบไปห้องน้ำซะก่อนจะที่ข้าศึกจะบุกซะก่อน
“เคๆเว้ย ไว้เจอกัน” ร่างขาวรีบจ้ำออกมาจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว จานข้าวที่ไม่เหลือไรแล้วถูกวางไว้ในถังพลาสติกของร้านอาหารที่เขาซื้อมา แต่สายตาคมก็ยังจดจ้องไปที่ร่างบางอยู่ดี
“ไอ่กุก รอกูด้วยดิวะ”
เสียงใสเอ่ยเรียกเพื่อนตัวโตที่มีหน้าตาคล้ายกระต่าย พร้อมกับเดินตามหลังคนตัวโตกว่าไปทางห้องน้ำด้วยความร่าเริง อีกนิดก็จะร่าเริงไม่ออกแล้วล่ะ
ร่างขาวเดินตามหลังกลุ่มคนตัวบางมาอย่างห่างๆ สายตาคมมองร่างบางราวกับจะกลืนกิน ไม่ใช่เพราะความใคร่ แต่มันเป็นความแค้นที่มีอยู่จนล้นอก ขายาวก้าวให้เร็วขึ้นเมื่อร่างบอบบางเดินเข้าไปในห้องน้ำเพียงคนเดียว ทิ้งเพื่อนอีกสองคนไว้ด้านนอก
“เห้ยๆ!”
เสียงใสร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆประตูห้องน้ำที่เขากำลังจะลงกลอนถูกผลักเข้ามาพร้อมกับร่างขาวแสบตาของใครอีกคนที่แทรกตัวเข้ามาได้ทันก่อนจะจัดการลงกลอนประตูแล้วเอามือขาวๆมาปิดปากเขาไว้
“ชู่ๆ” นิ้วชี้ยาวถูกยกขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเองเป็นเชิงบอกว่าให้เงียบปากซะ แถมยังส่งสายตาที่ดุดันมาให้ร่างบางอีกด้วย
“อื้ม!” เสียงอู้อี้ถูกเปล่งออกมาจากปากบางที่อยู่ใต้มือขาว มือบางสองข้างยกขึ้นดึงหนังหัวสีขาวของอีกคนเสียแรงจนร่างขาวร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“โอ้ยยๆ! เบาหน่อยสิวะ” เสียงทุ้มต่ำของยุนกิเอ่ยบอกคนตัวบางที่ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากหัวของเขาสักที จนเป็นเขานั่นแหละที่ต้องเอามือออกจากปากบางก่อน
“ก็นายทำฉันก่อนอ่ะ” เสียงใสตอบกลับร่างขาวทันทีที่สามารถเอ่ยปากพูดกับอีกคนได้
“นายนั่นแหละเริ่มก่อน”
“เริ่มอะไร” เสียงใสเถียงเขาทันทีพร้อมกับมองคนตัวขาวตาขวาง แขนยาวยกขึ้นมากอดอกทั้งยังแสดงทีท่าเหย่อหยิ่ง
“เมื่อวานนี้ จำไม่ได้เหรอ” ขาวยาวก้าวเข้าใกล้ร่างบางจนชิดกับชักโครกทั้งยังเอามือท้าวไว้กับผนังเพื่อกักอีกคนไม่ให้หนีไปไหน
“จะทำอะไรน่ะ” ร่างบางเลี่ยงตอบคำถามของอีกฝ่าย แต่ถามกลับด้วยท่าทีลนลานเมื่อใบหน้าขาวหวานเลื่อนเข้ามาใกล้เขามากจนเกินไป
“เอาคืนไง”
เสียงทุ้มต่ำเงียบลงพร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้กับคนตัวบางมากขึ้น ตากลมที่เคยกวนประสาทเขาหลับปี๋แถมริมฝีปากบางยังเม้มกันแน่นเป็นเส้นตรง
“อื้อ!” เสียงใสครางขึ้นพร้อมกับดวงตากลมที่เบิกโพรงขึ้นเมื่อถูกขโมยจูบด้วยริมฝีปากซีดของคนตัวขาว มือบางกำเข้าที่เสื้อของอีกคนทั้งยังทึ้งเสื้ออีกฝ่ายเพื่อให้อีกคนปล่อยเขา แต่มันคงจะน้อยไป มือบางอีกข้างจึงดึงเข้าที่เส้นผมสีสว่างอย่างแรงจนร่างขาวผละออกจากปากบางแล้วร้องเสียงหลง
“โอ้ยยๆ! เจ็บๆ พอแล้วๆ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขอร้องคนตัวบางที่ยังไม่ยอมปล่อยจากผมของเขาเสียที มือขาวยกขึ้นไปจับข้อมือบางเพื่อลงความเจ็บลงบ้าง
“นายกล้าทำแบบนั้นกับฉันได้ยังไงห้ะ!” เสียงใสตะหวาดใส่ร่างขาวเสียงดัง พร้อมกับออกแรงดึงหนังหัวให้มากขึ้นไปอีก
“โอ้ยย! มันเจ็บนะเว้ย พอแล้วๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่! แค่นี้ยังไม่พอเลย กล้าดียังไงเดินเข้ามาในห้องน้ำที่ฉันเข้า เหอะ นายนี่มันพาลจริงๆ” ร่างบอบบางนั่งลงบนชักโครกแต่มือก็ยังไม่ยอมปล่อยออกจากหัวของอีกคนอยู่ดี จึงทำให้คนตัวขาวต้องตามลงมานั่งยองๆไปด้วย
“โอเคๆ ฉันขอโทษ นายปล่อยมือก่อนได้ไหมเนี่ย มันเจ็บ” มือขาวยกขึ้นพนมมือขอร้องให้อีกคนปล่อยมือ ถ้ายังจับไว้แบบนี้มีหวังหัวเขาโปกเป็นวงแน่ๆ
“หายกันงั้นเหรอ”
“ใช่ๆ” พูดพร้อมกับส่งสายตาวิ้งวับไปให้
“ไม่” มือบางที่ขยุ้มหนังหัวของคนด้านล่างส่ายหัวของอีกคนไปมา ทำให้ยุนกิต้องส่ายไปตามทิศที่ร่างบางกำหนด
“นี่ ฉันเจ็บนะ นายปล่อยเถอะ ผมจะร่วงหมดแล้ว”
“นี่แนะ! หายกันแล้วนะ” มือบางดึงผมของอีกคนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้คนฟังแทบไม่เชื่อหู ทำไมง่ายจังวะ
“หายแล้วเหรอ” ที่จริงเขาต้องเป็นคนพูดประโยคนี้สิ เขาเป็นคนมาชำระแค้นนะ ไหง่เป็นแบบนี้ไปได้วะ
“เออ หายแล้ว ก็ในเมื่อฉันจดชื่อนายให้เดือดร้อน นายมาเอาคืนแล้วก็จบไง” เสียงใสเอ่ยพูดกับร่างขาวอย่างคล่องแคล้ว แต่คิ้วบางๆของคนตัวขาวก็ยังขมวดเป็นปมไม่หายอยู่ดี
“นายออกไปได้แล้วไป ฉันปวดฉี่จะราดแล้วเนี่ย” มือบางดันอกให้ร่างขาวออกไปจากจุดนี้ คนตัวขาวยืนขึ้นอย่างงงๆก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินออกมา
“เห้ยๆมึง ออกมาแล้วว่ะ” เสียงซุบซิบของนักศึกษาชายสองคนกระซิบกันเบาๆ แต่หูของเขาก็ยังได้ยินอยู่บ้าง สายตาคมเหลือบมองไปทางที่พวกนั้นยืนอยู่ทำให้สองคู่หูรีบหันหน้าหนีแล้วคุยกันต่อ
“เสื้อก็ยับ แถมผมยังกระเซิงแบบนี้อีก กูว่าโดนไอ่โฮซอกสอยแล้วล่ะวะ” ชายตัวโตเอ่ยเบาๆกับเพื่อนของตนพร้อมกับพยักหน้ากันเป็นเชิงว่าเขานั้นเสียตัวให้ร่างบางที่ยังอยู่ในห้องน้ำแล้วแน่ๆ ใจหนึ่งก็อยากจะเข้าไปถามว่าพวกมึงเอาอะไรคิด แต่อีกใจก็ขี้เกียจเพราะยังไงซะไอ้พวกนี้มันก็ไม่มีทางเชื่อเขาอยู่ดี ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาจนถึงทุกวันนี้หรอก
ขายาวก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยความงุนงง ในนั้นเขาเผลอทำอะไรไป เขาไม่ได้ตั้งใจจะจูบหมอนั่นนะ แต่เขาก็จูบไปแล้วเว้ย จูบจริงๆ ความอ่อนนุ่มของปากอีกคนยังติดอยู่บนริมฝีปากของเขาเลย จากที่จะมาสั่งสอนให้กลัวเขาเสียหน่อยกลับกลายเป็นว่าตอนนี้เขาเสียการทรงตัวเพราะรอยจูบของร่างบางซะแล้ว บ้าจริง ยุนกิเอ้ย ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้นะ
“อ่าว ไอ้กิ”
เสียงติดแหลมหน่อยๆของอินซูเพื่อนร่วมคณะเอ่ยทักเพื่อนตัวขาวที่เดินเหม่อลอยจนไม่ได้ยินเสียงเขา ทำให้ต้องเดินไปจับบ่าของอีกคนไว้ นั่นแหละ มิน ยุนกิถึงได้สติ
“อ่าว ว่าไงวะอินซู” เสียงทุ้มต่ำตอบกลับเพื่อนสมัยเด็กของตน
“มึงเป็นไรปะเนี่ย ดูเหม่อๆนะ” ร่างสูงเอ่ยกับเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง สายตาคมที่จะดูดุตลอดเวลาตอนนี้กลับมีแต่ความสับสน ดูแล้วไม่ใช่ยุนกิเลย
“ป่าว กูโอเค” หัวสีสว่างสะบัดไล่ความรู้สึกก่อนหน้านี้ออกไปแล้วกลับมาคุยกับอินซูเหมือนอย่างเดิม
“คืนพรุ่งนี้น่ะเว้ย กูจะชวนมึงไปงานวันเกิดพี่ที่กูรู้จัก มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ”
“พี่ไหนวะ กูรู้จักป่ะ”
“พี่อูชอนไง พี่ว้ากวิศวะอ่ะ” ร่างสูงอธิบายรายละเอียดของรุ่นพี่ที่ว่าให้ยุนกิฟัง สายตาคมหรี่ลงเล็กน้อยอย่างคนใช้ความคิด แล้วก็ตาโตขึ้นมาทันทีที่คิดออก
“อ๋อออ กูนึกออกแล้ว ไปดิวะ ไม่ได้เจอพี่แกตั้งนานคิดถึงเหมือนกันว่ะ” มือขาวตบเข้าที่บ่าของเพื่อนเบาๆเป็นเชิงตกลงที่จะไปด้วย ร่างสูงยิ้มออกมานิดหน่อยก่อนจะพูดกับเพื่อนตัวขาวอีกหนึ่งคำ
“มึงอย่าลืมหาของขวัญให้พี่แกด้วยล่ะ ไม่ใช่ไปกะกินฟรีอย่างเดียวนะเว้ย”
“เอออ กูรู้แล้วหน่าา เดี๋ยวกูไปซื้อเย็นนี้เลย พรุ่งนี้มึงก็มารับกูที่หอด้วยล่ะ ไม่อยากเอารถไปเองเดี๋ยวกลับไม่ถึงหอ” ร่างสูงพยักหน้าเบาๆก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงร่างขาวของเพื่อนสมัยเด็กที่ยิ้มกรุ่มกริ่มอยู่คนเดียว ได้แดกเหล้าฟรีแล้วเว้ยยยย โชคดีจริงๆที่เย็นนี้ว่างมาก คงจะต้องออกไปหาซื้อของขวัญให้พี่อูชอนซะหน่อยแล้ว
“แล้วเจอกันนะเว้ยพวกมึง”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยลาเพื่อนในกลุ่มที่ยังนั่งหน้าสลอนปั่นรายงานที่อาจารย์บอกให้ส่งพรุ่งนี้ ก็นะ อาจารย์สั่งเป็นเดือนพวกมันเพิ่งมาทำเอาตอนนี้ ช่วยไม่ได้แล้ว เพื่อนช่วยตัวเองกันนะ กูเอาใจช่วยอยู่
“เออเว้ย” เสียงแหบต่ำของเพื่อนร่างสูงที่สุดในกลุ่มเอ่ยตอบกลับเพื่อนตัวขาวที่สะพายกระเป๋าเป้เรียบร้อยแล้ว
“สู้ๆนะเว้ยพวกมึง” มือขาวตบเบาๆบนไหล่หนาของแทฮยองทำให้คนผิวเข้มเงยหน้าขึ้นตอบ
“มึงก็อยู่ช่วยพวกกูดิวะ” เสียงทุ้มเข้มพยายามกล่อมให้ร่างขาวอยู่ช่วยก่อน ยุนกิถือได้ว่าเป็นคนที่เขียนเร็วที่สุดในกลุ่มแล้ว รับรองว่าถ้ามันอยู่ช่วยคืนนี้ก็เสร็จแน่
“ไม่อะ งานใครงานมัน กูไปละ” ร่างขาวรีบเดินหนีไปโดยที่มีเสียงตะโกนโอดครวญของเพื่อนๆตามหลังมาให้ได้ยิน
ขาขาวภายใต้กางเกงยีนส์สีดำจ้ำไปที่รถของตัวเองที่จอดอยู่ในโรงรถ มือขาวล้วงเอากุญแจในกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดสัญญาณปลดล็อกรถ กระเป๋าเป้ลายทหารถูกโยนไปไว้ที่เบาะหลังรถทันทีเมื่อเขาแทรกร่างเข้ามาภายในได้ รถเก๋งสีดำติดเครื่องก่อนจะเคลื่อนตัวออกจากที่ สถานที่ที่เขาตั้งใจจะไปเป็นร้านขายของขวัญทั่วไปและมันก็ไม่ได้ไกลจากมหาลัยมากทำให้การเดินทางสะดวกและถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว
รถเก๋งสีดำยี่ห้อดีที่ราคาไม่ได้แพงมากนักจอดสนิทลงที่หน้าร้านข้างถนน ประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออกพร้อมกับร่างขาวที่อยู่ในชุดนักศึกษาเดินลงมาก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินเข้าไปในร้าน
“เชิญค่ะ” เสียงสดใสจากพนักงานหญิงที่ยืนตำแหน่งเคาน์เตอร์เอ่ยกับคุณลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มทักทายไปหนึ่งที
“:)” ร่างขาวยิ้มคืนนิดหน่อยก่อนจะเดินไปในโซนที่ตัวเองต้องการจะซื้อของ
สิ่งของมากมายถูกวางเป็นระเบียบดีในชั้นวางของ มีทั้งของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนไปถึงตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เท่าบ้าน ร่างขาวเดินดูสินค้าไปเรื่อยๆจนสะดุดเข้ากับตุ๊กตาม้าตัวหนึ่งที่หน้าตาคล้ายกับคนกวนประสานตัวแสบ มือขาวเอื้อมไปหยิบที่ตุ๊กตาตัวนั้นขึ้นมาดูแล้วพิจารณามองอย่างถี่ถ้วน
น่ารักดี
เมื่อสมองประมวลผลถี่ถ้วนแล้วร่างขาวก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ แต่ยังไม่ทันถึงก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ทำให้ต้องเงี่ยหูฟัง
“พรุ่งนี้กี่โมงนะเฮีย” เสียงใสของคนตัวบางที่อยู่อีกฝั่งของชั้นวางของดังขึ้นไม่มากนัก สายตาคมลอบมองทะลุผ่านช่องเล็กๆเพื่อดูว่าอีกคนเป็นใคร
“จอง โฮซอก”
“เฮียอยากได้อะไรไหมล่ะ เดี๋ยวผมซื้อให้ ตอนนี้อยู่ร้านของขวัญเนี่ย” ด้วยที่อยู่กันคนละฝั่งทั้งยังตุ๊กตามากมายที่ดูดเสียงไปจนหมด ทำให้ร่างขาวได้ยินเสียงของอีกฝ่ายไม่ค่อยชัดเจน แต่ก็ยังพอที่จะจับใจความได้บ้าง ดูเหมือนว่าอีกคนจะซื้อของให้ใครซักคนนี่แหละ
“โหเฮีย ใครผมไปกินฟรีอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ เอางี้ๆ ถ้าผมซื้ออะไรไปให้เฮียก็รับไว้เหอะ อะไรก็ต้องเอานะเฮีย” ร่างบางพูดเสียงเจื้อยแจ้วพร้อมกับหัวเราะคิกคักให้กับปลายสาย ร่างขาวที่ฟังอะไรไม่ได้ความเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่คนตัวบางดูมีความสุขกับใครอีกคนในโทรศัพท์ ร่างขาวรีบเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ก่อนจะเดินออกจากร้านด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“บีบคอให้ตายไปเลย”
มือขาวคว้าเอาตุ๊กตาม้าที่อยู่ในถุงกระดาษมาบีบคอให้หายหงุดหงิดสายตาของเจ้าม้าน้อยกวนประสาทเหมือนคนๆนั้นไม่มีผิด โมโหเว้ย
“อุ้ย!” เสียงใสมาพร้อมแรงกระแทกที่หลังของร่างขาวทำให้ตุ๊กตาที่อยู่ในมือหล่นลงพื้นไปซะได้ ให้มันได้อย่างนี้สิ
“ขอโทษครับ” เสียงใสเอ่ยคำขอโทษออกมาพร้อมกับโค้งให้อีกคน ร่างขาวก้มลงเก็บตุ๊กตาก่อนจะยืนขึ้นแล้วมองคนชนอย่างไม่พอใจ
“แล้วนี่เอาไง” ร่างขาวเอ่ยกับคนตัวบางเสียงเย็น พร้อมกับชูตุ๊กตาม้าที่เปื้อนฝุ่นให้อีกคนดู จนคนตัวบางเงยหน้าขึ้นมามองนั่นแหละ
“ยุนกิ” เสียงใสเอ่ยออกมาเบาๆพร้อมกับมองตุ๊กตาสลับกับหน้าของคนตัวขาว ทำให้ยุนกิเอ่ยตอบกลับอย่างอายๆ
“เอาไง ซื้อให้พี่นะเนี่ย” โกหกคำโตออกไปเพราะยังไงซะอีกคนก็ไม่รู้อยู่ดีว่าตุ๊กตาตัวนี้เป็นของเขา รู้ก็โดนล้อตายเลย โตเป็นควายแล้วยังจะเล่นตุ๊กตาอีก
“นายจะเอาไงล่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ” ใบหน้าหวานหม่นลงนิดหน่อย คราวนี้เขาทำผิดจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ซะหน่อย
“เอากลับไปซักซะ” คำพูดเรียบง่ายแต่ฟังได้ใจความทุกคำเอ่ยกลับร่างที่บอบบางกว่าตน มือขาวยัดตุ๊กตาใส่ในถุงกระดาษเหมือนเดิมก่อนจะเอาใส่มือของร่างบางที่ยืนอยู่ตรงข้าม
“ก็ได้ แล้วจะเอาไปคืน เจอนายนี่มีแต่เรื่องซวยๆทั้งนั้นเลย” ประโยคพูดกับเขาแต่ประโยคหลังบ่นกับตัวเองเบาๆ
“บ่นอะไรน่ะ”
“เปล่า ฉันไปล่ะ” ร่างบางเดินจากไปโดยไม่รอคำตอบจากคนที่ยืนตรงข้ามเลยสักนิด สายตาคมเหลียวมองตามหลังอีกฝ่ายไปจนร่างบอบบางเดินขึ้นแท็กซี่นั่นแหละ เขาถึงเดินขึ้นรถแล้วขับออกไป
(45%)
“ไอ่กิ
มึงเห็นนี่ยังวะ”
เสียงดังแต่เช้าเลยนะไอ้แท
มันเดินมาพร้อมกับไอแพดคู่แล้วส่งให้เขาดูกระทู้ข่าวของมหาลัยที่มีหน้าเขาเด่นหราอยู่
‘แฉ! คลิปเสียงเด็ด มิน ยุนกิทำฉาว
แอบเข้าห้องน้ำเดียวกับหนุ่มหล่อก่อนจะออกมาด้วยสภาพที่ยังกะไปทำรบมา!
รีบฟังก่อนโดนลบ’
ตาตี่เบิกโพรงก่อนที่นิ้วยาวจะเลื่อนดูรูปที่มีคนแอบถ่ายมา
มีทั้งรูปเขาที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพเสื้อยับหัวกระเซิง
แล้วยังมีรูปที่แอบถ่ายจากใต้ห้องน้ำอีก
เป็นช็อตที่เขานั่งลงตรงหว่างขาของโฮซอกพอดี กูไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเว้ย
กูแค่โดนขยุ้มหนังหัว และท้ายสุดก็คลิปเสียงเด็ดที่แปะเอาไว้
มือขาวไม่รอช้ารีบกดเข้าที่คลิปนั่นทันที
‘อื้ม!’
‘โอ้ยยๆ! เบาหน่อยสิวะ’
‘อื้อ!’
‘โอ้ยยๆ! เจ็บๆ พอแล้วๆ’
‘นายกล้าทำแบบนั้นกับฉันได้ยังไงห้ะ!’
‘โอ้ยย! มันเจ็บนะเว้ย
พอแล้วๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ’
ร่างขาวรีบกดออกจากเว็บไซด์แล้วส่งไอแพดคืนให้แทฮยองที่ยืนฟังด้วยอยู่ข้างๆ
เพื่อนผิวเข้มรับเครื่องมืออิเล็คโทรนิคมาถือไว้ในมือ แต่อาการช็อคก็ยังไม่หาย
ไม่อยากเชื่อเลยว่าเพื่อนเขาจะเป็นแบบนั้นจริงๆ
“นี่มันจริงเหรอวะ”
ร่างสูงเอ่ยถามเพื่อนรักที่ยังฉุนเฉียวอยู่ด้วยความอยากรู้
คนตัวขาวเงยหน้าขึ้นมองอีกคนแล้วพยักหน้า
“เฮ้ยๆ
นี่มึงเสียตูดให้โฮซอกแล้วจริงๆเหรอวะ”
พูดเสร็จก็ทำตาโตตกใจกับคำพูดของเพื่อนรัก
แต่ใบหน้าขาวก็ส่ายไปมาทำให้แทฮยองถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“กูไม่ได้เสียตูด
มึงก็รู้ว่าก็รุก
แต่ที่จริงน่ะคือกูแค่เข้าไปเคลียร์กับมันเรื่องอาจารย์ยองมินเฉยๆ”
“เฮ้ออ กูโล่ง” ร่างสูงเอามือทาบอกทำท่าทางโอเว่อร์แอคติ้งใส่ร่างขาวจนได้รับสายตาเอือมระอากลับมา
ร่างสูงถึงได้กลับไปนั่งที่ตัวเอง
“มิน ยุนกิ”
เสียงใสเอ่ยเรียกชื่อคนที่เพิ่งจะหลับตาลงให้ลืมตาขึ้นแล้วมองไปทางผู้มาใหม่
มาพอดี
“อ่ะ ซักมาให้แล้ว” มือบางวางถุงกระดาษไว้บนโต๊ะของร่างขาว
พร้อมกับเดินออกจากห้องไป แต่ยังไม่ทันหันตัวกลับ
ข้อมือบางก็ถูกรั้งไว้ด้วยมือขาวเสียก่อน
“เห็นข่าวในเว็บมหาลัยยัง”
“เห็นแล้ว แล้วไงล่ะ”
“ไปคุยกันหน่อย”
ร่างขาวไม่ตอบคำถามแต่ลากร่างบางให้เดินตามตนออกไปข้างนอก
ร่างสูงที่สังเกตเหตุการณ์ตลอดเดินมาที่โต๊ะของเพื่อนตัวขาวหลังจากที่ทั้งคู่เดินออกไปแล้ว
สายตาอบอุ่นมองไปที่ถุงกระดาษก่อนจะเปิดดูด้วยความสอดรู้
ตุ๊กตา!
กูว่าไม่ธรรมดาแล้วครับเพื่อน
ระหว่างทางเดินที่ทั้งสองก้าวผ่าน
สายตานับสิบจับจ้องมาที่พวกเขาราวกับเป็นซุปตาร์พร้อมกับเสียงซุบซิบที่ดังมาเป็นระยะ
“แกๆ
เดินมาด้วยกันแบบนี้ เมียโกรธผัวแน่ๆเลย ดูพี่ยุนกิลากพี่โฮซอกสิ
น่าเอ็นดูอ่ะแก”
“เออจริง
ชั้นเห็นพี่แกเล่นตัวมาตั้งนาน สุดท้ายได้พี่โฮซอกเป็นผัวเฉยเลย
เค้าไปแอบปิ๊งกันตอนไหนวะ”
ทั้งเสียงของชายหนุ่มและหญิงสาวดังเข้าหูของร่างขาวตลอดเวลาแต่เขาก็ไม่ได้สนใจไปกว่าร่สงบอบบางที่เดินตามหลังมาเลย
“นายจะไปไหนเนี่ย”
เสียงใสเอ่ยถามร่างขาวที่เอาแต่เดินไม่หยุด
บ้าจริง เห็นตัวเล็กๆขาวๆแบบนี้แรงเยอะใช่เล่นเลย
“ที่เงียบๆ” เสียงทุ้มตอบกลับร่างบางที่อยู่ด้านหลัง ทั้งสองเดินมาจนถึงสวนหย่อมเล็กๆที่อยู่หลังตึกคณะ
ยุนกิปล่อยข้อมือของร่างบางให้เป็นอิสระ แล้วหันมาพูดกับร่างบางอย่างจริงจัง
“ฉันไม่ชอบที่มีข่าวแบบนี้”
“แล้วไงล่ะ
นายคิดว่าฉันชอบรึไง”
เสียงใสเถียงกลับทันที ทำให้ร่างขาวนั่งลงที่ม้านั่งข้างๆร่างบาง
“ฉันว่าเราต้องแก้ข่าวซะหน่อยนะ”
ร่างขาวเหลือบมองคนด้านข้างที่ยังนั่งทำหน้าตายเหมือนไม่ได้สนใจหรือสะทกสะท้านกับข่าวที่ออกมาเลยสักนิด
“แก้ไง”
ร่างบางหันมามองหน้าร่างขาวที่กำลังพยายามคิดหาวิธี
แต่ก็ดูเหมือนจะจนปัญญาเพราะอีกคนก็คิดไม่ออก
“ไม่รู้อ่ะ คิดออกเดี๋ยวจะบอกอีกที”
“ลากฉันมาตั้งไกลเพื่อจะคุยแค่นี้อะนะ” พูดพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
เรื่องเล็กๆทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย
“อืม แค่นี้แหละ
เดี๋ยวฉันจะหายวิธีแก้ข่าวเอง แย่าให้รู้นะว่าใครปล่อย พ่อจะเล่นให้น้วมเลย” เสียงทุ้มเอ่ยพรางเอากำปั้นต่อยเข้าที่มืออีกข้างทำให้โฮซอกหลุดขำออกมากับท่าทีที่เหมือนเด็กน้อยของอีกคน
“ขำอะไร”
“ก็นายดูงี่เง่าอ่ะ
ไปล่ะ ฉันไปเรียนแล้ว”
ยังไม่ทันที่ร่างขาวจะเอ่ยทักท้วงอะไรร่างบางก็เดินออกไปซะก่อน ให้ตาย
เป็นแบบนี้ทุกทีเลย
เสียงดนตรีดังกระหึ่มในบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่มากเรียกให้คนที่เดินเข้ามาภายในเป็นต้องโยกย้ายตามจังหวะเพลงแทบทุกคน
ร่างขาวเดินเข้ามาในตัวบ้านพร้อมกับนา อินซู
เพื่อนตัวสูงที่เป็นคนชวนเขามาในงานนี้ สายตาคมมองหาเจ้าของงานวันเกิดในหมู่ผู้คนจนเจอร่างสูงโปร่งที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนๆอยู่
“พี่อูชอน”
เสียงทุ้มเรียกคนที่สูงกว่าตนที่ยังคุยกับเพื่อนอยู่ทำให้ร่างโปร่งของอูชอนหันมามองคนที่เพิ่งทักเขาไปเมื่อกี้นี้
“อ่าวววว ไอ้กิ โห้ย คิดถึงเอ็งว่ะ” ร่างโปร่งหันมาแล้วพบกับรุ่นน้องที่ตนสนิท
มือหนาตบเบาๆที่ไหล่ของร่างขาว ยุนกิยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับส่งของขวัญที่เขาตั้งใจเอามาให้
“สุขสันต์วันเกิดนะพี่ มีความสุขมากๆนะครับ” ร่างสูงรับกล่องกระดาษเล็กๆที่อีกคนส่งมาให้
กระดาษห่อของขวัญดูยับยู่ยี่นิดหน่อย
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงจะเป็นรุ่นน้องตัวขาวแน่ๆที่เป็นคนห่อเอง
“อะไรวะเนี่ย” มือหนาเขย่ากล่องไปมาพอให้ได้ยินเสียงกุกกักด้านใน
สายตาคมยิ้มกับรุ่นพี่อย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้ร่างสูงตรงเลิกคิ้วถาม
“ถุงยาง” ปากซีดพูดจบก็ยิ้มมุมปากบางๆ
ทำให้ร่างสูงยิ้มกลับอย่างชอบใจ
“เอ็งนี่รู้ใจกูจริงๆ 5555” ร่างสูงกอดคอร่างขาวก่อนจะพาไปนั่งที่โต๊ะด้านในที่จัดไว้ให้รุ่นน้องกลุ่มนี้นั่ง
“นั่งกับกลุ่มจองกุกก็แล้วกัน รุ่นเดียวกันน่าจะเคยเห็นกันมาบ้างแหละ”
รุ่นพี่แนะนำกลุ่มที่นั่งอยู่ให้รู้จัก
คนแรกเป็นมนุษย์หน้ากระต่าย เหมือนเคยเห็นที่ไหนเลยแฮะ
ถัดมาเป็นคนหัวส้มหน้าตาดูกริ่มๆแล้ว คนนี้ก็เหมือนจะเคยเห็นนะ ส่วนคนสุดท้ายร่างบอบบางที่ดูคุ้นตานั่งคอพับลงบนโต๊ะไปแล้ว
เลยไม่ได้เห็นว่าหน้าตาเป็นยังไง
“นั่งๆเว้ย”
เสียงทุ้มที่ฟังแล้วนุ่มหูสุดๆเอ่ยกับสองเพื่อนซี้อย่างเป็นกันเองพร้อมกับยิ้มมาให้พวกเขาอย่างเป็นมิตร
“ได้ๆ” เป็นเสียงของอินซูที่เอ่ยตอบกลับร่างสูงของอีกคน
ร่างขาวนั่งลงตามเพื่อนตัวสูงก่อนจะได้รับแก้วเหล้ามาจากคนหน้าหล่อ
“จองกุกนะ จอน จองกุก”
แนะนำตัวเองพร้อมกับดื่มเหล้าไปด้วย
ยุนกิพยักหน้ารับเบาๆแล้วเอ่ยชื่อตัวเองบ้าง
“ฉัน มิน ยุนกิ”
“นา อินซูนะ”
ทั้งสองเอ่ยแนะนำตัวเองเสร็จจองกุกก็ยิ้มรับแล้วหันไปมองร่างสมส่วนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ข้างๆ
“ไอ่มิน” ศอกหนากระทุ้งเข้าไปที่สีข้างของคนตัวบางกว่า
ทำให้จีมินหันมองเพื่อนรักอย่างเคืองๆแล้วเอ่ยแนะนำตัวเองไป
“ปาร์ค จีมิน” พูดจบก็กระดกเหล้าดื่มจนหมดแก้วทำให้จองกุกส่ายหัวอย่างเอือมระอา
มึงรีบไปไหนวะ
“แล้วอีกคนล่ะ” อินซูเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนอีกคนยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะเสียที
ทำให้จีมินจับเข้าที่หัวทุยๆของเพื่อนรักให้เงยหน้าขึ้นมา
“ไอ่ห่า มึงเมาขนาดนี้เลยเหรอวะ”
“บ้าาาา กูยังไม่เมาเว้ย” เสียงใสเอ่ยยานๆแต่ก็ยังพอฟังรู้เรื่อง
จีมินตบเบาๆที่ใบหน้าหวานแล้วบอกให้อีกคนแนะนำตัว
“จอง โฮซอก”
คนตัวขาวเงยหน้าจากจอมือถือที่ตนสนใจอยู่ให้หันมามองร่างบอบบางที่เพิ่งพูดจบไป
“เจอกันอีกแล้วเหรอเนี่ย”
เสียงทุ้มสบถออกมาเบาๆแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
สมองสั่งให้คิดว่ามันคือความซวยที่เขาได้มาเจอคนน่ารักนี่อีก
แต่ใจมันกลับพองโตที่ได้เห็นร่างบอบบางใกล้แบบนี้
เวลาที่ร่างบางเมาไม่ได้สติแบบนี้โคตรน่ารักเลย
แก้มพวงใสที่แต้มด้วยสีแดงเรื่อจากฤทธิ์แอลกอฮอลบวกกับตาหวานที่เป็นประกายเสริมให้โฮซอกดึงดูดสายตาให้เลิกชวนมองไม่ได้เลย
“เฮียไปไหนแล้วอ่ะ ยังไม่ได้ให้ของขวัญเลย” ร่างบางหันไปถามจองกุกที่นั่งอยู่ข้างจีมิน
คงจะเมาไปหน่อยทำให้มองไม่เห็นมิน ยุนกิที่นั่งอยู่ใกล้ๆนั้น
“ไม่รู้ว่ะ เพิ่งเดินไปเมื่อกี้เอง มึงลองเดินไปหาดูสิ”
จองกุกตอบเพื่อนตัวบางแล้วพยักเพยิดหน้าให้อีกคนเดินไปหารุ่นพี่ในงาน
ร่างบางลุกขึ้นพร้อมกับถือถุงกระดาษสีสวยไว้ในมือแล้วออกจากโต๊ะเพื่อตามหารุ่นพี่อูชอน
ยืนยังเซขนาดนี้ แล้วจะเดินไหวเหรอ
“เดี๋ยวกูไปห้องน้ำแปบ” หลังจากที่ร่างบอบบางเดินหาเข้าไปในฝูงชนแล้ว ยุนกิก็เอ่ยกับเพื่อนในกลุ่มก่อนจะลุกเดินตามอีกคนไป
สายตาที่พร่าเบลอนิดๆมองหารุ่นพี่เจ้าของงานวันเกิดจนตอนนี้รู้สึกปวดหัวไปหมด
ขาขาวก้าวเดินอย่างโงนเงนเพราะเหล้าที่ดื่มไปได้สำแดงฤทธิ์ของมันเสียแล้ว
มือบางยกขึ้นมาจับที่โต๊ะด้านข้างเพื่อพยุงตัวเองไว้ไม่ให้ล้มก่อนจะล้วงเอามือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเพื่อต่อสายหารุ่นพี่ตัวสูง
“ฮัลโล เฮียอยู่ไหนเนี่ย ผมหาตั้งนานไม่เห็นเฮียเลย”
ร่างบางกรอกเสียงใส่มือถือไปก่อนยิ้มออกมานิดหน่อยแล้ววางสายไป
“เป็นไง”
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหูทำให้ร่างบอบบางตกใจนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองอีกคนแล้วยิ่งตกใจไปกว่าเดิม
“มิน ยุนกิ”
เสียงใสอุทานออกมาเป็นชื่อของเขาแล้วมองมาที่คนตัวขาวตาตื่นๆ
ใบหน้าขาวยกยิ้มให้นิดหน่อยก่อนจะพูดคุยกับอีกคนต่อ
“พี่อูชอนอยู่ไหนล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อร่างบางยังไม่ตอบคำถามของเขาเสียที
“อยู่บนห้องนอนน่ะ” เสียงใสเอ่ยตอบอีกคนไปก่อนจะเดินหนีไปเลย
แต่ร่างขาวก็ยังเดินตามอีกฝ่ายอยู่ดี
“นายจะตามฉันมาทำไมเนี่ย” ใบหน้าหวานหันไปเอ็ดอีกคนเสียงดังแต่มันก็ไม่มากพอทีทุกคนในงานจะได้ยิน
ยกเว้นยุนกิ แต่อีกคนก้ยังยิ้มแถมเดินตามเขามาไม่เลิก
ร่างบางเดินขึ้นมาชั้นสองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์โดยที่มีคนตัวขาวสว่างเดินตามหลังมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ดวงตาอัลมอนด์กวาดหารุ่นพี่ตัวสูงที่เป็นเจ้าของงานในวันนี้ก่อนจะพบกับอีกคนที่เพิ่งเปิดประตูเดินออกมาจากห้องนอน
“เฮียยยยย” เสียงใสเอ่ยเรียกพี่ชายตัวสูงก่อนจะวิ่งเข้าไปหาอีกคนพร้อมกับยื่นถุงกระดาษให้
“ถ้าเรียกกูเพี้ยนนิดนึงนี่ เฮียเป็นเหี้ยเลยนะเว้ย”
รุ่นพี่พูดอย่างกันเองพรางหัวเราะสนุกสนาน
มือใหญ่เอื้อมมายีหัวคนตัวเล็กกว่าทำให้ได้รับสายตาที่แสดงความไม่พอใจจากอีกคนทันที
“โหเฮีย อย่าเล่นหัวดิ ผมยุ่งหมด” มือบางจับเข้าที่มือใหญ่ก่อนจะยกมืออีกคนออกจากหัวของตัวเอง แล้วก็จัดทรงไปพรางๆ
“แล้วนี่อะไรอ่ะ” เสียงทุ้มแหบเอ่ยถามรุ่นน้องพร้อมเขย่าๆถุงไปมา
“ไม่บอก อยากรู้เฮียก็เปิดดูเองสิ”
ร่างบางหยอกล้อกับรุ่นพี่ด้วยท่าทางสนิทสนมทำให้ร่างขาวที่ยืนอยู่ด้านหลังอดที่จะรู้สึกอิจฉาไม่ได้
“เปิดดูเลยน้าา” ร่างสูงยิ้มกว้างก่อนจะแกะเทปที่ปิดปากถุงออกแล้วหยิบเอาสิ่งของที่อยู่ด้านในออกมา
“โห คิดว่าเฮียเป็นเด็กรึไงเนี่ย” ร่างสูงร้องโอยออกมาเสียงดังทำให้ร่างบางหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจที่สามารถแกล้งพี่ชายคนนี้ได้
“ก็มันน่ารักเหมือนเฮียไง”
เสียงใสพูดอย่างอายๆก่อนที่ใบหน้าหวานจะเริ่มขึ้นสีแดงนิดๆ
ตุ๊กตาเป็ดสีเหลืองที่อยู่ในมือของรุ่นพี่มันหน้าคล้ายกับคนถือไม่มีผิดเลย
ทำให้ร่างสูงยิ้มออกมาบางๆกับความน่ารักของรุ่นน้องคนนี้
“นี่จีบกันอยู่หรอวะ”
เสียงทุ้มสบถออกมาเสียงเบาแต่มันก็สามารถขัดจังหวะของคนทั้งสองได้
สายตาเหวี่ยงๆถูกส่งมาให้พร้อมกับคำพูดที่ไม่ออกเสียง
“เสือก”
ปากบางขยับพูดเป็นคำพอให้ยุนกิอ่านออกก่อนจะหันหน้ากลับไปมองรุ่นพี่ร่างสูงที่ยังคงยิ้มกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“ลงไปข้างลงกันเถอะ” ร่างสูงพูดขึ้นมาทำให้โฮซอกพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามรุ่นพี่ไปโดยที่มียุนกิเดินตามมาด้วย
“เอ็งเมาแล้วป่ะเนี่ยห้ะ” อูชอนวาดแขนพาดบ่าเล็กกว่าจะเอ่ยถามรุ่นน้องด้วยความเป็นห่วง
“ก็นิดหน่อยเองเฮีย” เสียงใสเอ่ยตอบร่างสูง ตอนแรกอ่ะอาจจะเมาจริงๆ แต่ตอนนี้เริ่มมีสติบ้างแล้ว
“เมาได้แต่อย่าเมาเป็นหมาล่ะมึง เอ้า
เอาเพื่อนพวกมึงมาส่งเว้ย” ร่างสูงดันหลังบางให้เข้าไปนั่งข้างจีมินเหมือนเดิมกว่านั่งลงข้างๆยุนกิ
“มาๆดื่มกันดีกว่าพี่ ฉลองเว้ย” เสียงทุ้มเข้มของจองกุกเอ่ยบอกกับทุกคนก่อนจะชูแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วแก้วเหล้าที่เหลือก็ตามมาชนกันจนหมดทุกคน
“ไม่เมาไม่เลิกเว้ย” รุ่นพี่คนเดียวของโต๊ะพูดเสียงดังก่อนจะกระดกดื่มจนหมดแก้ว
แล้วทุกคนก็ดื่มตามๆกัน
ผ่านไปหลายสิบนาที
แก้วเหล้าทั้งหมดชนกันนับครั้งไม่ถ้วนร่างบอบบางนั่งโงนเงนไปมาแต่ก็ยังไม่หมดสติ
หันมองไปทางขวาก็เห็นเพื่อนกล้ามใหญ่นั่งหัวทิ่มกับพื้นพรมไปแล้ว
ส่วนเพื่อนร่างสมส่วนก็นั่งนับดาวบนเพดานเล่นเสียแล้ว
“เฮียยยย อยู่หนายยยยเนี่ยยยย” เสียงใสเอ่ยเรียกหารุ่นพี่พรางมองไปรอบบริเวณ
แต่อาจจะหมุนมากไปหน่อยทำให้มึนหัวขึ้นมา
“กูอยู่นี่เว้ย” เสียงทุ้มขานรับรุ่นน้องหน้าหวานที่นั่งอยู่บนโซฟาก่อนจะเดินเซๆเข้ามาหาอีกคนพร้อมกับกล้องโพลาลอยด์สีดำด้านติดมือมาด้วย
“ไปเอาไอ้นี่มาเว้ย” เสียงทุ้มเอ่ยพูดกับร่างบางก่อนจะนั่งลงข้างๆ
อาจจะมีเมานิดหน่อยแต่ก็ยังไม่มาก
“เอามาถ่ายรูปเหรอเฮียยยย” เสียงใสเอ่ยยานครางหน่อยๆแล้วจับเข้าที่ต้นแขนของอูชอนทำให้รุ่นพี่คลี่ยิ้มออกมานิดหน่อยเพิ่มความน่ามองให้เจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
“เออดิ” มือหนาถกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดเลนส์นิดหน่อยก่อนจะเอ่ยเรียกน้องชายให้มาถ่ายรูปด้วยกัน
“มะ มาถ่ายรูปกันดูซิ”
ร่างสูงกระเถิบเข้ามาใกล้กับร่างบอบบางก่อนจะโอบรอบคอคนน้องแล้วยกกล้องขึ้นมาถ่าย
ใบหน้าหวานเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
ไหนจะหัวใจที่เต้นแรงจนเหมือนจะกระเด็นหลุดออกมาจากอกซะให้ได้
ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวเหมือนจะมีเพียงแค่เขาและรุ่นพี่เพียงเท่านั้น
“ยิ้มนะ เอาละ 1 2 3”
แชะ~
แผ่นฟิล์มค่อยๆไหลออกมาก่อนที่มือใหญ่จะหยิบเอามาแล้วสะบัดเพื่อให้รูปขึ้น
ร่าบอบบางที่นั่งอยู่ด้านข้างถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปดูรูปที่อยู่ในมือรุ่นพี่
แต่ว่า…
“ถ่ายสวยดี...”
เสียงทุ้มขาดหายไปเมื่อเขาตั้งใจจะหันมาพูดกับรุ่นน้องหน้าหวานแต่กลายเป็นว่าตอนนี้เราสองคนกลับจูบกันซะงั้น
ด้วยจังหวะที่มันพอดีเกินไปทำให้การหันไปของเขาเป็นการจูบปากของร่างบางอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ตาใสเบิกโตอย่างตกใจเมื่อถูกรุ่นพี่ตัวสูงจูบอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะแค่จะมาขอดูใกล้ๆไม่คิดว่ารุ่นพี่จะหันกลับมา
จึงทำให้เขาสองคนจูบกันแบบนี้ ใจที่อยู่ภายในอกสั่นระรัวจะเหมือนมีคนมาตีกลองด้านใน
มือไม้สั่นไปหมด เหงื่อเม็ดโตก็ไหลตามกรอบหน้าหวาน
พร้อมกับอาการประหม่าที่เริ่มเกิดขึ้นต่อคนทั้งสอง
“ทำอะไรกันน่ะ!”
เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นมาเรียกสติของเขาทั้งสองให้รีบผละออกจากกัน
และก็เป็นรุ่นพี่ที่เงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่
“ยุนกิ”
ร่างสูงเอ่ยชื่อรุ่นน้องออกมาก่อนจะยืนขึ้นแล้วเดินไปหาคนตัวขาวที่ยังมองหน้าเขาไม่เลิก
“พี่ทำอะไรกันน่ะ” ร่างขาวเอ่ยถามรุ่นพี่ร่างสูงพร้อมกับปรายตามองคนที่ยังนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา
ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่เห็นมันคืออะไร
“โฮซอกมันแค่เมาน่ะ” รุ่นพี่อูชอนเอ่ยกับรุ่นน้องแล้วหันหลังไปมองร่าบอบบางนิดหน่อย
“เมางั้นเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับมองไปที่ร่างบางอีกครั้ง
ใบหน้าหวานแดงก่ำไปหมด ไม่รู้เพราะเมาหรือเพราะเขินกันแน่
“อืม แค่อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ” ร่างสูงตบบ่าของยุนกิเบาๆก่อนจะเดินจากไป
แต่ก็ต้องชะงักเท้าไว้เมื่อมีเสียงใสเอ่ยรั้งเขาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวเฮีย” ร่างบอบบางลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะเดินมาหารุ่นพี่ที่ยืนอยู่ด้านหน้า
แววตามุ่งมั่นแบบนี้โฮซอกจะทำอะไรกันแน่
“เฮ้ย ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษหรอกหน่า”
เสียงทุ้มรีบเอ่ยดักคออีกคนพร้อมทั้งเอามือไปวางไว้บนหัวทุยเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจว่าเขาไม่ได้ว่าอะไร
“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย!”
มือบางยกขึ้นมาบัดมือใหญ่ที่วางอยู่บนหัวออกอย่างไม่ใยดี
ทำให้รุ่นพี่ตกใจนิดหน่อยเพราะโฮซอกไม่เคยที่จะทำแบบนี้กับเขาซักครั้ง
“นายเมาแล้วนะ” เป็นเสียงของยุนกิเองที่เข้ามาเรียกอีกคนไว้ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายไปมากกว่านี้
ดูก็รู้ว่าพี่อูชอนรักน้องคนนี้มากขนาดไหน
ถ้าขืนปล่อยให้ร่างบางอาละวาดขึ้นมีแต่จะทำให้เข้าใจผิดกัน
“นายอย่ามายุ่ง!” เสียงใสหันมาตะหวาดใส่ยุนกิพร้อมกับมองมาที่คนตัวขาวตาขวาง
“กลับบ้านไหม เดี๋ยวเฮียไปส่ง” อูชอนเสนอทางให้โฮซอกเลือก แต่เหมือนจะคิดผิดเพราะร่างบางหันกลับมาแล้วร้องไห้ใส่เขาซะงั้น
“เฮียไล่ผมเหรอ” ร่างบางเอ่ยถามเสียงสั่น แววตาแสดงออกว่าเสียใจอย่างปิดไม่มิด ทำให้คนฟังรู้สึกใจหายไม่น้อยเลยต้องเอ่ยปลอบอีกคนไปแทน
“ไม่ๆ ก็เห็นว่าเมาแล้ว กลับไปพักน่าจะดีกว่านี่นา
“ผมรักเฮีย”
(70%)
เสียงใสเอ่ยออกมาทำให้อูชอนแล้วยุนกิต้องเบิกตากว้าง อยู่ๆอีกคนก็มาบอกรักกันแบบนี้ทั้งที่ประโยคก่อนมันไม่เชื่อมโยงกันเลยสักนิด ร่างบอบบางร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ให้ตายเถอะ นี่เขาพูดออกไปแล้วจริงๆเหรอ
“โฮซอก
นายเมามากแล้วนะ”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกอีกคนพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้แล้วมองหน้าอีกคนอย่างห่วงๆ
“ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่เมา!”
“กลับบ้านเถอะ
เดี๋ยวไปส่งเอง”
ยุนกิที่เงียบมานานเอ่ยบอกกับร่างบางที่เริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว
แต่ก็ยังไม่วายได้รับสายตาเคืองๆจากคนตัวบางมาอยู่ดี
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่ง!”
“นายไปส่งโฮซอกเถอะ
เดี๋ยวฉันส่งโลเคชั่นไปให้”
อูชอนเอ่ยพูดกับยุนกิโดยที่ไม่สนใจคำของโฮซอกเลยซักนิด
ร่างบางหันกลับมามองรุ่นพี่ก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงแน่น
“เฮียตอบผมก่อนสิ
ว่าเฮียรักผมรึเปล่า”
เสียงใสเอ่ยถามเสียงสั่น พร้อมกับโอบกอดอีกคนให้แน่นขึ้น
น้ำตาหลั่งไหลออกอย่างห้ามไม่อยู่ เสียงสะอึกสะอื้นดังไปทั่วบริเวณ
ยังดีที่งานเลี้ยงเลิกไปแล้วทำให้มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่ยังอยู่
“เฮีย ..เฮียรักเรา..
แบบน้อง” ฝ่ามือใหญ่ลูบเบาๆที่เส้นผมนุ่ม
เสียงใสสะอื้นหนักขึ้นไปอีกเมื่ออีกฝ่ายตอบแบบนั้น
ตาใสที่นองไปด้วยน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายอย่างรู้สึกผิดหวัง
“ผมเข้าใจแล้ว” เสียงใสเอ่ยตอบก่อนจะคลายอ้อมกอดจากรุ่นพี่แล้วเดินถอยหลังมาสองก้าว
“ไม่ต้องคิดมากนะ
เราเป็นน้องเฮียนะ” ร่างสูงเอ่ยเสียงนุ่ม
ก็ไม่ได้อยากจะทำร้ายจิตใจใครหรอกเพราะเขารู้ดีว่ามันเจ็บปวด
แต่มันก็บังคับใจกันไม่ได้ ความรู้สึกมันเปลี่ยนกันได้ง่ายๆซะที่ไหน
“ครับ” ร่างบางตอบกลับเพียงเท่านั้นเพราะยังไม่ต้องการจะพูดอะไรให้มากความไปกว่านี้
“เดี๋ยวฉันไปส่งเอง”
ยุนกิพูดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอารมณ์ของโฮซอกเย็นลงแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นร่างบางก็ยังไม่หยุดร้องไห้อยู่ดี
“เอารถกูไปสิ
ไม่ได้เอารถมาเองไม่ใช่เหรอ”
ร่างสูงเอ่ยกับคนตัวขาวก่อนจะล้วงเอากุญแจรถส่งให้
มือขาวรับมาก่อนจะเอ่ยเรียกให้คนหน้าหวานไปกับเขาซะที
“ไปกันเถอะ”
ร่างขาวเดินมาใกล้กับร่างบางมากขึ้นทำให้ได้เห็นชัดๆว่าร่างบอบบางดูอ่อนเพลีย
ไม่ร่าเริงอย่างก่อนหน้า ทั้งยังตาใสที่เริ่มบวมจากการร้องไห้นั่นอีก
คงจะรักพี่อูชอนมากงั้นซิ
“อืม” ร่างบางครางตอบก่อนจะหันมาลารุ่นพี่ที่ยังยืนอยู่
“ผมไปแล้วนะ”
“กลับบ้านกันดีๆล่ะ”
รุ่นพี่บอกลารุ่นน้องทั้งสองก่อนที่ทั้งคู่จะเดินจากไป
มือหนายกรูปในมือขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มบางๆ เรายังคงเป็นเหมือนเดิมนะ
โฮซอกน้องของเฮีย
“เป็นยังไงบ้างเนี่ย” เสียงทุ้มเอ่ยถามร่างบางที่นั่งอยู่ด้านข้าง
ตั้งแต่นั่งรถมาอีกคนยังไม่ยอมคุยกับเขาซักนิดแถมยังมองออกนอกหน้าต่างตลอดเวลาอีกต่างหาก
“ให้รู้สึกยังไงล่ะ”
เสียงใสเอ่ยกลับพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้ง
แต่คราวนี้มือบางปาดทิ้งทันที เพราะเขาจะไม่ยอมอ่อนแอให้ใครเห็นอีกแล้ว
“เปล่า
ก็แค่เป็นห่วง”
เสียงทุ้มเผลอหลุดคำพูดสำคัญออกไป
ทำให้ร่างบางหันกลับเข้ามามองร่างขาวที่ยังขับรถอยู่ด้วยแววตาสงสัย
“เป็นห่วงทำไม”
เสียงใสเอ่ยถามทำให้ร่างขาววางหน้าแทบไม่ถูกเลยเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยไปเลยดีกว่า
“นายอยู่หอเหรอเนี่ย
นึกว่าอยู่บ้านซะอีก”
ร่างขาวพูดขึ้นมาเมื่อเขารู้ที่อยู่ของอีกคนจากรุ่นพี่อูชอนที่ส่งโลเคชั่นมาให้
“อืม
บ้านฉันอยู่กวางโจวน่ะ”
“ต่างจังหวัดเหมือนฉันเลย”
“...” เงียบ ชวนคุยก็ไม่ยอมคุยด้วยซะงั้น
“นายเคยโดนปฏิเสธไหม”
หลังจากที่เงียบไปซักพักเสียงใสก็เอ่ยถามขึ้นทำให้ยุนกิถอนหายใจนิดหน่อยก่อนจะตอบอีกฝ่ายไป
“เคยสิ คนเราอ่ะ
มันไม่สมหวังเสมอไปหรอกนะ มีรักก็ต้องมีเลิก เรารักเขาแต่เขาไม่รักเรามันก็เยอะ
ก็ไม่รู้ทำไมเราถึงไม่ ‘รัก’ คนที่เขารักเรา ถ้าเป็นแบบนั้นอะไรๆก็คงจะง่ายขึ้น”
เสียงทุ้มพูดกับร่างบางเพื่อให้อีกคนคิดอะไรขึ้นมาได้
ร่างบางรับฟังแล้วใช้ความคิดนิดหน่อยก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆพร้อมกับพูดกับร่างขาวอีกครั้ง
“นั่นสินะ
ทำไมเราถึงไม่รักคนที่เขารักเราซะล่ะ”
ตอนนี้ดูเหมือนว่าร่างบางจะพอเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว
ดูเหมือนจะสบายใจมากกว่าก่อนนี้
“อีกหนึ่งร้อยเมตร
เลี้ยวซ้าย”
เสียงของจีพีเอสดังขึ้นแล้วรถคันงามก็เลี้ยวตามอย่างไม่ต้องลังเล
คอนโดหรูที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าคือจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจ
“ถึงแล้ววว”
“ขอบใจนะที่มาส่ง
ขึ้นไปกินอะไรร้อนๆข้างบนก่อนไหม เผื่อนายเมาจะได้สร่างบ้าง” ทันทีที่เครื่องยนต์ดับลง
เสียงใสก็เอ่ยกับร่างขาวทันที
“ดีเหรอ
อ่อยฉันป่ะเนี่ย”
ร่างขาวพูดติดตลกแต่ก็ยอมลงจากรถขึ้นไปห้องของอีกคนอยู่ดี
“จะบ้าเหรอ
ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนายซะหน่อย”
ร่างบางว่าอีกฝ่ายเบาๆแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างสบายใจเมื่ออีกคนยิงมุกแบบนี้มา
“โอเคๆ
ไม่อ่อยก็ไม่อ่อย”
ร่างขาวลงจากรถก่อนจะเดินตามร่างบางที่ยังโซซัดโซเซ
นี่ยังไม่สร่างเมาอีกเหรอเนี่ย
“นายยังเมาอยู่อีกเหรอ”
ร่างขาวเดินขึ้นมาขนาบข้างอีกคนแล้วเอ่ยถามอย่างห่วงๆ
“ก็นิดหน่อยมั้ง
ยังมึนๆอยู่อ่ะ” ร่างบางเอ่ยตอบก่อนจะเดินไปที่ลิฟท์แล้วกดชั้นของตัวเองทันที
“แล้วนี่นายอยู่คนเดียวเหรอ” ทันทีที่ลิฟท์เปิด
ร่างขาวก็ยิงคำถามใส่อีกคนทันที ไม่รู้เพราะความสงสัยอะไรนักหนาทำให้เขาถามออกไป
แต่มันก็คือความอยากรู้ที่มันมีอยู่เต็มอกจนอดไม่ได้ที่อยากจะถาม
“อืม ฉันไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนอื่นน่ะ
มันอึดอัด”
ร่างบางพูดพรางแตะคีย์การ์ดเพื่อเปิดห้องไปด้วย
“แล้วนี่นายจะกินอะไร
มีช็อกโกแลตกับชาร้อน”
ร่างบางเอ่ยถามคนตัวขาวอีกครั้งทันทีที่เข้ามาถึงห้อง
“ชาร้อนก็ดี
ฉันไม่ชอบช็อกโกแลตเท่าไหร่น่ะ”
ร่างขาวว่าพลางใช้สายตาสำรวจไปรอบๆห้องแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาสีน้ำเงินเข้มที่ตั้งอยู่หน้าทีวีเครื่องใหญ่
“ได้ๆ รอแปบนะ” ร่างบางว่าก่อนจะหายเข้าไปในครัว
ร่างขาวเหลือบมองไปที่ร่างบางเมื่อเห็นว่าอีกคนเข้าครัวไปแล้วร่างขาวก็ถือวิสาสะเดินดูรอบห้อง
ห้องของคนน่ารักดูเรียบง่ายแต่ก็หรูหราในเวลาเดียวกัน
โทนสีที่ใช้แต่งห้องเน้นเป็นสีน้ำเงินขาว ของใช้ตกแต่งมีไม่มากแต่ก็ไม่ได้น้อยจนขาดเหลือ
ข้างทีวีเครื่องใหญ่มีกรอบรูปของร่างบางที่วางไว้อยู่
มือขาวหยิบขึ้นมาดูแล้วอมยิ้มนิดๆ
ร่างบอบบางของเด็กชายตัวน้อยยืนอยู่ที่ขั้นบันไดกอดอกมองมาทางกล้องอย่างมุ่งมั่น
ความสูงช่างแตกต่างจากปัจจุบันมาก ต้องนับถือจริงๆ
เพราะขนาดเขาตอนเด็กตัวสูงกว่าเพื่อนในรุ่นแต่ตอนนี้เขากลับหยุดการเจริญเติบโตไปเสียอย่างนั้น
นั่นก็คงจะเป็นส่วนหนึ่งที่โดยเรียกว่า หนุ่มสวยประจำม. ล่ะมั้ง
“มาแล้วๆ”
เสียงใสแว่วมาพร้อมกับร่างบางที่ถือทั้งแก้วชาและกระป๋องเบียร์มาด้วย
“ยังจะกินต่ออีกเหรอเนี่ย” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางรับเอาแก้วชาจากมือบางไว้
“ฉันอยากกิน
อีกอย่างถึงห้องแล้ว ไม่มีอะไรหรอกน่า”
ร่างบอบบางนั่งลงก่อนจะเปิดกระป๋องเบียร์แล้วกระดกดื่ม ปากซีดก็จิบชาไปพลางๆเพราะความร้อนจัดของชาทำให้เขาดื่มได้ช้าลง
“นาย…
รักพี่อูชอนจริงๆเหรอ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามหลังจากที่กลืนชาร้อนลงคอได้สำเร็จ
ตาใสเหลือบมองมาทางร่างขาวนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยตอบ
“รักมั้ง ฉันก็ไม่รู้
รู้แต่ว่าเวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆกับเฮียฉันมีความสุขมาก
แล้วก็แทบจะตลอดเวลาเลยมั้งที่ฉันคิดแต่เรื่องของเฮียน่ะ” เสียงใสพูดออกมาจากความรู้สึกของตัวเอง
ดวงตาฉ่ำไปด้วยน้ำคล้ายคนกำลังจะร้องไห้ซะให้ได้
มือบางยกกระป๋องเบียร์ขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ก่อนจะครางออกมาเสียงเบา
“อ่าาา เย็นชะมัด”
“แล้วนาย… ไม่คิดจะมอง
….คนอื่นบ้างเหรอ”
ร่างบางหันมองมาทางร่างขาวทันที ที่อีกคนพูดออกมาหมายความว่ายังไง
พูดแบบนี้ต้องการคำตอบแบบไหนกัน หรือว่าอีกฝ่ายจะชอบเขาอย่างนั้นเหรอ
“ก็ไม่มีนะ
...แต่ว่ามีบางคน...ที่ตอนนี้ชอบเข้ามาวนเวียนในชีวิตฉันมาก
เจอหน้ากันทีไรก็ต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกันตลอด แต่ฉันก็ไม่ได้เกลียดเขาหรอกนะ
กลับรู้สึกอยากเจอบ่อยๆด้วยซ้ำไป”
ร่างบางพูดออกมายาวและยกเบียร์ขึ้นมาดื่มอีกจนหมดกระป๋อง
ก่อนจะลุกเดินไปที่ครัวเพื่อหยิบเอาเบียร์กระป๋องใหม่มาดื่มต่อ
ร่างขาวที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าแดงทำอะไรไม่ถูก
คนเมื่อกี้ที่พูดถึงคือเขารึเปล่านะ บ้าจริง คิดเข้าข้างตัวเองชะมัด
แต่ไอ้อาการเขินจนตัวแดงขนาดนี้มันหมายความว่ายังไงกัน
เราชอบคนน่ารักนั่นเหรอเนี่ย…
“นายอยากได้ซักป๋องไหม” ร่างบางกลับมาพร้อมกับกระป๋องเบียร์อีกประมาณสี่ห้าป๋องที่อยู่ในอ้อมแขน
ร่างบางนั่งลงข้างๆแล้วเปิดกระป๋องเบียร์ก่อนจะยื่นมาทางร่างขาวที่นั่งอยู่
แต่อีกคนกลับส่ายหน้าไปแล้วยกชาขึ้นมาจิบต่อ
“ฉันก็มีเหมือนกันนะ” เสียงทุ้มพูดออกมาเสียงเบาๆแต่คนข้างๆก็ได้ยินชัดเจน
“มีไร” ร่างบางเอ่ยถามทันทีที่จบประโยค
เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อก่อนหน้านี้คุยเรื่องอะไรกัน
“คนที่ชอบเข้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ๆตัวฉัน
เขาดูเหมือนไม่ค่อยชอบหน้าฉันเท่าไหร่หรอก แต่ทุกครั้งที่ฉันเห็นเขา
ฉันก็อยากกวนประสาท อยากเข้าไปหา จะบอกว่าชอบฉันก็พูดได้ไม่เต็มปาก
เพราะเราสองคนเพิ่งรู้จักกัน ฉันคงไม่ชอบใครเร็วขนาดนั้นหรอก
แต่ฉันก็รู้สึกดีๆด้วยอยู่ ฉันชอบเวลาที่เขายิ้ม ทุกอย่างดูสดใสขึ้นมาเลยนะ
แต่ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาคิดยังไงกับฉัน”
ร่างบางเงียบฟังมาจนจบประโยค มือบางกุมเข้าหากันแน่น แววตาคู่สวยฉายแววสับสน
ความร้อนวูบวาบที่วิ่งวนในร่างกายนี่หมายความว่าอะไร
กระป๋องเบียร์ถูกยกขึ้นดื่มอีกครั้ง
แต่คราวนี้ร่างบางซัดเบียร์ที่กองอยู่ตรงหน้าจนหมดภายในไม่กี่นาที
“อ่าา”
เสียงใสครางออกมาแผ่วเบาเรียกให้คนตัวขาวที่นั่งนิ่งไปนานหันมามอง
กระป๋องเบียร์ที่เปิดแล้วสี่ห้าป๋องวางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะ พอหันมามองร่างบอบบางก็เจอกับใบหน้าแดงก่ำ
และตาสวยที่ฉ่ำเยิ้มและล่องลอยคล้ายคนไม่ได้สติ
“โฮซอก”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเบาๆพรางเขย่าตัวอีกคนไปด้วน
ใบหน้าหวานหันมองร่างขาวแสบตาตามแรงสั่นก่อนจะปัดมือหนาออกแล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มต่ออย่างไม่สนใจ
“พอได้แล้วหน่าา
นายเมาแล้วนะ”
ร่างขาวพยายามแข่งกระป๋องเบียร์จากมือบางถึงจะยากไปซักหน่อยแต่ร่างขาวก็ทำได้สำเร็จ
“ไปๆ นอนได้แล้ว
ฉันจะกลับแล้วนะ”
ร่างบางลุกยืนก่อนจะดึงอีกคนให้ลุกขึ้นนั่งด้วย
“ยั่มเพิ่งงงกลับบบซี”
เสียงใสว่าขึ้นพร้อมกับจับเข้าที่ชายเสื้อของร่างขาว
“เมาแล้ว คุยกันไม่รู้เรื่องหรอก” ร่างขาวพยายามแกะมืออีกคนออก
ทำให้ร่างบางลุกขึ้นยืน เพียงต้องการรั้งอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ไป
ถึงแม้จะโซเซบ้างแต่ก็ยืนขึ้นได้ด้วยการพยุงของมิน ยุนกิ
“ยางงงม่ายยมาววว”
ร่างบอบบางพูดเสียงยานครางพร้อมกับเซเข้ามาหาร่างขาว
ทำให้สองมือหนารับร่างบางไว้ด้วยสัญชาตญาณก่อนที่อีกคนลงไปกองกับพื้นซะก่อน
“ไปนอนไป
เดี๋ยวพาเข้าห้องนอน”
ยุนกิก้มลงพูดกับร่างบอบบางที่อยู่ในอ้อมแขน
ก่อนจะหิ้วปีกอีกคนเดินไปตามทาง
“อุบ แหวะ!”
เดินมาได้ไม่ทันไรคนน่ารักก็หันกลับมาหาเขาก่อนจะปล่อยเศษอาหารที่มีอยู่ในปากใส่ร่างขาวเต็มๆ
“ย่าาห์ นายนี่มัน…
”
ยุนกิอุทานออกมาเบาๆก่อนจะรีบพาคนน่ารักไปที่ห้องน้ำ
เสื้อที่เขาสวมมาเปอะเปื้อนไปด้วยของเก่าจากคนสวย แต่ยังดีที่กลิ่นไม่แรงมาก
ทำให้เขาไม่อยากอาเจียนตาม
“ขอโต้ดดด”
ร่างบางที่ถูกจับให้นั่งบนชักโครกเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว
มือบางยกขึ้นปาดน้ำลายที่เปื้อนอยู่ตรงมุมปาก สายตาคู่สวยก็จับจ้องมาที่คนตัวขาวที่กำลังใช้น้ำในอ่างล้างมือล้างเศษอาหารออกไป
“เชี่ยเอ้ย
ทำไมมันไม่หมดซักทีวะ”
ยุนกิสบถออกมาเบาๆก่อนจะต้องพยายามถอดเสื้อออกไปซะ
เพราะล้างเท่าไหร่ไอ้เศษอาหารและกลิ่นก็ยังไม่ยอมออกไปซักที
“มีเครื่องซักผ้าอยู่ใช่ไหม” ร่างขาวหันมาถามคนตัวบางที่นั่งมองอยู่ไม่ห่าง
อีกคนพยักหน้างึกงักเป็นคำตอบก่อนจะก้มหน้างุดเพราะอาการบางอย่าง
“เดี๋ยวมานะ” ร่างขาวกำชับอีกคนให้นั่งอยู่กับที่ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป
ร่างบางที่ยังนั่งนิ่งอยู่บนชักโครกใบหน้าแดงก่ำ
จะด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือเพราะคนตัวขาวก็ไม่ทราบดี เมื่อกี้นี้เขาเห็นอะไรไปนะ
เรือนร่างของอีกฝ่ายดูดีขนาดนี้เลยหรอ ทำไมเนื้อตัวรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด
แก้มร้อนจนเหมือนจะระเบิดออกมาให้ได้นี่มันหมายความว่าอะไร
เขาเพิ่งจะเสียใจมาจากรุ่นพี่ ไม่มีทางที่เขาจะใจสั่นกับคนอื่นได้เร็วขนาดนี้หรอก
“โฮซอก นายไปนอนมั๊ย”
ร่างขาวเดินกลับเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้งแต่เรือนร่างก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
“อืม” ร่างบางลุกขึ้นยืนจากชักโครก แล้วเดินนำหน้าเข้าห้องนอนไป
แต่ก็อวกเก่งไปได้ไม่ไกลก็เดินไปชนโต๊ะเข้าจนยุนกิต้องรีบเดินเข้ามาช่วยประคอง
“นายกลับไปเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้”
หลังจากที่เดินพยุงกันมาส่งถึงเตียงเสร็จ เสียงใสก็เอ่ยปากบอกอีกฝ่ายไป
“ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะเฝ้า แค่รอเสื้อปั่นแห้งอยู่น่ะ”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยตอบกลับ แหม โฮซอก หน้าหงายไปเลยมั๊ยล่ะ
“อืม งั้นก็นั่งรอได้ตามสบายนะ” เสียงใสเอ่ยเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะห่มผ้าคลุมโปงหนีร่างขาวไป
“อะไรของเขาวะ”
ร่างขาวสบถเบาๆก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนั่งรอข้างนอก
เสียงเครื่องซักผ้ายังคงทำงานต่อไปเรื่อยๆ
และยุนกิเองก็นั่งรอที่โซฟาตัวเดิมเพื่อรอให้เสื้อที่เปอะอาเจียนของโฮซอกแห้งซะที
แต่ด้วยเวลาที่ดึกมากแล้วเลยทำให้เขาเผลอหลับไปอย่างง่ายดายถึงแม้ว่าจะนอนตัวเปล่าแบบนั้น
กริ๊ก
เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างบางที่เดินออกมาพร้อมกับผ้าห่มผืนนุ่ม
เท้าเล็กพยายามย่องเบาเข้ามาใกล้กับคนนอนหลับเพราะกลัวว่าถ้าเสียงดังจะทำให้อีกคนตื่นและรู้ว่าเขาออกมาห่มผ้าให้
“อื้อ”
เสียงทุ้มครางในลำคอก่อนจะพลิกตัวไปมาเพื่อไล่ความหนาวที่เกาะกิน
จนทำให้ร่างบางสะดุ้งจนเผลอลื่นพรมลงไปทับมิน ยุนกิ
“ชิบ”
เสียงใสอุทานออกมาเสียงดังแต่ก็ต้องรีบเอามือมาปิดปากของตัวเองไว้
เพราะยุนกิเหมือนจะรู้สึกตัว
“อื้ม” ร่างขาวพลิกตัวมาโอบกอดร่างบอบบางไว้
พร้อมกับยกยิ้มบางๆที่มุมปาก
“...” ร่างบอบบางที่ถูกกกอดโดยไม่ได้ตั้งใจรอจนแน่ใจว่าอีกคนหลับสนิทแล้วจึงค่อยๆพยายามออกจากอ้อมกอดแกร่ง
แต่นยิ่งพยายามออกแรงมากเท่าไหร่ อีกคนก็กอดแน่นขึ้นมาเท่านั้น
จะมุดออกมาก็ทำไม่ได้เพราะกลัวว่าอีกคนจะตื่น
“อื้อ”
เสียงทุ้มต่ำครางออกมาอีกครั้งอย่างคนถูกขัดใจ
ทำให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดไม่กล้ากระดุกกระดิกไปไหน
“...” ก็ได้วะ
นอนอย่างนี้ถึงเช้าก็ได้ ชิ!
พลาดแล้วล่ะโฮซอก J
แสงแดดยามเช้าที่สาดกระทบกับผ้าม่านสีน้ำเงินเข้ามาภายในห้องแยงเข้าตาคมของคนที่นอนหลับอยู่บนซาให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้เป็นอย่างดี
ตาคมพยายามลืมขึ้นมาก่อนจะพบกับคนน่ารักที่ยังนอนมุดกับอกของเขาอยู่ น่ารัก
คงจะเป็นคำนิยามเดียวที่เมาะกับคนๆนี้
ต้องขอคุณความหวังดีของอีกคนจริงๆที่เมื่อคืนอุตส่าห์เป็นห่วงเขาเดินเอาผ้าห่มออกมาให้
แต่ก็นะ คนโชคดีแบบยุนกิก็ต้องได้กำไรจากอะไรแบบนี้บ้าง
ได้นอนกออดร่างนุ่มนิ่มนี่ทั้งคืน หลับสบายสุดๆ อยากมีกอดอย่างนี้ทุกคืนจังเลย
“อื้ม”
เสียงใสครางในลำคอก่อนจะที่ตาคมจะรีบปิดลงและตาใสก็ลืมขึ้นมา อ่า
เกือบไปแล้วสินะ
“...” ร่างขาวที่กอดเขาไว้ยังคงนอนหลับไม่ได้สติอยู่
ดีนะที่เขาตื่นมาก่อนที่อีกคนจะรู้สึกตัว
ร่างบอบบางพยายามออกมาจากวงแขนแกร่ง
ซึ่งมันง่ายกว่าเมื่อคืนนี้อย่างไม่น่าเชื่อ
และทันทีที่เขาหลุดออกมาจากอ้อมกอดของร่างขาวได้
ก็เดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระร่างกายก่อนจะออกมาปลุกอีกคนให้ตื่น
หลังจากที่ร่างบอบบางลุกเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว
ตาตี่ก็ลืมขึ้นมาแล้วลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทีสบายๆ รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นเป็นรอบที่สอง
ความรู้สึกพองโตในใจนี่คงจะไม่ได้คิดไปเองแล้ว มันเกิดขึ้นแล้ว มันเกิดกับคนซื่อบื้อที่ชื่อจอง
โฮซอก
เขาชอบโฮซอก
‘โทษทีนะที่ค้างที่นี่ แต่นายคงจะรู้ ขอบคุณสำหรับเครื่องซักผ้านะ ไว้เจอกันที่ม.นะ
ยุนกิ^^’
กระดาษโน้ตแผ่นน้อยที่มีลายมือขยุกขยิกของใครบางคนแปะไว้ที่โทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่น
หลังจากที่เขาอออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เห็นอีกคนอยู่แล้ว เห็นแต่เพียงแผ่นกระดาษที่แปะไว้เท่านั้น
“คนบ้า” ถึงปากจะบ่นอีกคนแต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกดี
ทำไมต้องเผลอยิ้มให้คนแบบนั้นด้วยนะ
“มึงครับ”
เสียงทุ้มต่ำของเพื่อนผิวเข้มดังขึ้นที่ข้างหูพร้อมแรงตบเบาๆที่บ่ากว้าง
“ไร”
เสียงทุ้มต่ำถามอย่างงงๆพร้อมกับเลิกคิ้วถาม
“ก็ไม่มีไร
แค่จะถามว่ามึงกับโฮซอกอ่ะ เป็นไง” ร่างสูงนั่งลงที่ว่างข้างๆก่อนจะเอ่ยถามเสียงกระตุกกระตัก
“ให้เป็นไงวะ
ก็เพื่อนกัน” ยุนกิตอบคำถามของแทฮยองแต่ก็ไม่ค่อยจะเต็มปากนัก
“เหรอ อ่ะ
แล้วแต่ๆ” ร่างสูงว่าก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป
อะไรของมันวะ
“ยุนกิ”
ยังไม่ทันที่คนตัวขาวจะได้สงสัยอะไรเสียงใสก็เอ่ยทักขึ้นมาพร้อมกับร่างบอบบางที่เดินเข้ามาในห้องของเขา
“มีไรอีกละ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามพรอมกับเหลือบมองหน้าหวานอย่างสงสัย
“ก็แค่คิดว่าวิธีแก้ข่าวได้แล้ว” ร่างบางว่าพลางมองตายุนกิด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“ยังไงล่ะ” ร่างขาวถามพลางเลื่อยเก้าอี้ให้มาอยู่ใกล้กับร่างบางมากขึ้น
“ก็...
เราสองคนควรจะมีแฟน หมายถึงว่า นายควรมีแฟน” ร่างบางเอ่ยพร้อมกับก้มหน้ามองมือตัวเอง
“แล้วนายล่ะ
ไม่คิดจะหาบ้างรึไง”
ร่างขาวว่าพลางก้มหน้าลงมามองคนน่ารัก
“ก็เมื่อวานเพิ่งโดนปฏิเสธมาไงเล่า!”
ใบหน้าสวยเงยขึ้นมาเอ็ดยุนกิเสียงดัง
ดีหน่อยที่ไม่มีใครอยู่ในห้องเพราะตอนนี้มันเช้าเกินไปที่นักศึกษาจะมาเรียนกัน
“ก็บอกแล้วไง
ว่าให้รักคนที่เขารักเรา”
ยุนกิเอ่ยเสียงทะเล้นแล้วเอื้อมมือมาเชยคางของคนสวยให้ขึ้นไปรับกับริมฝีปากที่ทาบทับลงมา
“อื้ม!” เสียงใสครางประท้วงในลำคอแต่ก็ยอมเล่นไปกินรสจูบนุ่มนวลที่อีกคนมอบให้
เรียวลิ้นร้อนหยอกล้อกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร
เขากับโฮซอกก็เหมือนน้ำกับไฟที่อยู่ใกล้กันไม่ค่อยได้ มีเรื่องชวนให้ทะเลาะตลอดเวลา
แต่ถ้าหากขาดสักคนไป
ไฟที่โหมไหม้ก็จะยิ่งลามไปทั่วจึงต้องคอยมีน้ำเย็นเข้าลูบเพื่อปลอบประโลมไม่ให้ไฟมันรุมเร้า
เขากับโฮซอกก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าเราจะเพิ่งเจอกันได้ไม่นาน แต่ความรู้สึกที่เขามีต่ออีกฝ่ายมันเป็นเครื่องการันตีได้เลยว่าเขาขาดโฮซอกไม่ได้
และเขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้โฮซอกเป็นของคนอื่นแน่
“อื้อ” เสียงใสครางอีกครั้งก่อนที่ปากซีดจะถอนจูบอบ่างอ้อยอิ่ง
ยังไม่วายคล้อเคลียกับริมฝีปากบางไม่เลิก จนโฮซอกทนไม่ได้จึงต้องลุกหนีออกมาจากตรงนั้นก่อน
“นี่เดี๋ยวสิ” มือขาวเอื้อมไปรั้งแขนเรียวไว้ก่อนที่อีกคนจะดินออกจากห้องไป
“อะไรอีกเล่า!”
ร่างบางหันมาแห้วใส่ยุนกิอย่างน่าเอ็นดูพร้อมกับเป่าปากที่เจ่อบวมแดงจากการถูกจูบเมื่อกี้นี้
“นายบอกว่าฉันควรจะมีแฟน
แล้วจะหนีไปไหนล่ะ”
ยุนกิเอ่ยยิ้มๆพร้อมกับดึงอีกคนเข้ามากอดแน่น อ่า หวังว่าทุกอย่างคงจะลงเอยด้วยดี
“นายหมายความว่าไง”
“เราคบกันมั๊ย”
‘ช็อก! หนุ่มสวยประจำม.ขอหนุ่มหล่อตัวย่อ ฮซ เป็นแฟน!!
ฮือฮากันทั้งมหาวิทยาลัย หลังจากที่คิดว่ามิน ยุนกิเป็นหนุ่มสวยมานาน
ออกมาแก้ตัวว่าเขาแมน และจะจับ ฮซ กดให้จมเตียง
เรียกเสียงวิจารย์จากนิสิตในม.ได้เป็นอย่างดี’
(100%)
เค้าจะเปิิดเทอมแล้วล่ะ แต่ด้วยความสำนึกผิดที่บอกทุกคนว่าจะมาอัพบ่อยๆตอนปิดเเทอม แต่เราไม่ได้ทำตามที่บอกไว้ เราเลยมาอัพให้เรื่องนีี้เป็นการขอโทษค่ะ อย่าลืมรออ่านกันเยอะๆนะคะ
เรามาแล้วทุกคนนนนนนน เหลืออีกแค่ 30% ก็จะจบแล้วค่าาาา เรื่องนี้ยอมรับจริงๆว่าแต่งนานมากกกก แถมยังเนื้อเรื่องยาวสุดๆไปอีก ใครที่เข้ามาอ่านแล้วงงๆหน่อยก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะเรื่องนี้เราแต่งในโทรศัพท์แล้วก็ยังไม่ได้ตรวจคำผิด ถ้ามันแปลกๆยังไงเราขอโทษด้วยน้าาาาา
ปล.1 เราจะมาแก้คำผิดในเรื่องก่อนๆ ถ้ามีการอัพเดทยังไงก็แค่การแก้คำผิดและอาจจะแก้ชื่อตอนนิดหน่อยเพราะชื่อตอนเราคืองงมากกกกกกกกกก555555 โปรดเข้าใจไรท์ด้วยนะคะ
ปล.2 อ่านแล้วช่วยคอมเม้นให้กำลังใจในการแต่งเรื่องต่อไปให้ไรท์ด้วยนะคะ ช่วงนี้คอมเม้นเงียบจัง อย่าเป็นนักอ่านเงากันเลยนะคะ มันบ่ดีเด้อ
ปล.สุดท้ายแล้ววว แกรรรรรรอย่าลืมไปปั่นวิวให้สามีของพวกเรากันนะคะ งานดีมากอ่ะ ฮืออออ ไรท์นี่จะตายคาจอคอม แต่ละคนคือบับ กราวใจเว่อร์ๆ แต่ไรท์ว่าช่วงนี่จิมจิมดูผอมเกินไปเนาะ ว่ามะ อย่าลืมนะจ๊ะ Fake เคอะ Love Fake เคอะ Love Fake เคอะ Love~~
ปล.สุดท้ายแล้วจริงๆ คือธีมมันไม่ขึ้นสีตัวอักษรให้ ต้องขออถัยด้วยนะจ๊ะ
ไว้ไรท์จะอัพให้เมื่อมีโอกาสนะคะ ไปล้าาาา~ จุ๊ฟฟๆ แฮร่!
(รูปสมัยเด็กของโฮซอกที่ยุนกิหยิบขึ้นมาดู)
เรามาแล้วจ้าาาา วันนี้เราอัพทั้งสองเราเรื่องเลย แล้วเรื่องนี้็จบซักทีเนาะ5555 เป็น 30% ที่ยากเย็นจริงๆ555 ยาวนานเหลือเกิน จริงๆเราควรตัดเป็นsfเนาะ แต่ขี้เกียจจ้าเลยมายาวๆแบบนี้แหละ ขอโทษจริงๆนะคะที่ตอนจบมันแปล้กแปลก แต่เราอยากบแบบนี้จริง ให้ทุกคนคิดต่อเอาเลยว่าโฮซอกจะว่ายังไงบ้าง โอเค สำหรับเรื่องนี้ก็ขอบคุณคนที่ทนอ่านมาจนจบน้าาา ยาวมากจริงๆ แล้วก็เจอกันใหม่ในตอนหน้า see you later! ไปล้าาาา จุ๊ฟฟๆ แฮร่! ร้ากกกทูกกโค้นนนนนนนนนนน
ความคิดเห็น