ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [OS/SF] Don't Touch Him!! -All HOSEOK-

    ลำดับตอนที่ #11 : Writer vs Reader -KookHope- (2)

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 66


    - Writer vs Reader 2 -






    เช้าวันเสาร์แบบนี้ส่วนมากเด็กนักเรียนก็คงจะชอบตื่นสายกัน เพราะตื่นเช้าเพื่อไปโรงเรียนมาแล้วห้าวัน จะขอพักการตื่นเช้าซักสองวันก็คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่กับจอมนั้นไม่ใช่ เพราะหนุ่มน้อยอย่างเขายังมีภารกิจให้ทำเยอะแยะเหลือเกิน ถ้าจะต้องตื่นสายมีหวังไม่ทันได้ทำอะไรก็มืดค่ำเสียแล้วมั้ง


    เช้านี้ไม่รู้เป็นอะไร ใจมันปลุกให้เขาตื่นมาตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ มองดูเวลาที่นาฬิกาข้างหัวเตียงก็บอกเวลาตีสี่แล้ว ครั้นจะให้ข่มตานอนหลับอีกสักหน่อยมันก็คงทำได้ไม่อยาก แต่สำหรับเขา ถ้าล้มตัวลงนอนอีกมีหวังตื่นไม่ทันไปทำงานพอดี เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงต้องจิกหัวตัวเองให้เข้าห้องน้ำเพื่อทำให้ร่างกายสดชื่นต้อนรับเช้าวันใหม่นี้เสียที


    ก่อนเข้าห้องน้ำก็ไม่วายฉวยเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องสวยมาถือไว้ในมือ กดเข้าแอปสีฟ้าที่ช่วงนี้เข้าบ่อยกว่าปกติเพื่อที่จะส่งข้อความหาใครบางคนที่คิดว่าน่าจะยังไม่ตื่นแน่ ๆ 


    อย่างน้อยก็ขอเป็นคนแรกที่ส่งข้อความหาในวันนี้แล้วกัน


    “เช้านี้ ขอให้สดใสกว่าเมื่อวานนะคับ”


    กดส่งไปก่อนทำท่าทางประหลาดคนเดียวในห้องนอน เสียงหัวเราะดังออกมาเบา ๆ เพราะกลัวว่าพ่อกับแม่จะได้ยิน ก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป


    ทุกเสาร์อาทิตย์จอมจะต้องไปทำงานที่ร้านกาแฟตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงหกโมงเย็น จริง ๆ ก็ไม่ได้ขัดสนอะไร แต่แค่รู้สึกว่าการได้ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองมันเท่ห์กว่าการขอเงินพ่อแม่เป็นไหน ๆ ทั้งยังรู้สึกว่าอยากได้ประสบการณ์อะไรบางอย่างที่โรงเรียนไม่ได้สอนจากโลกภายนอกบ้าง


    หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จ มื้อเช้าง่าย ๆ ที่แม่ของเขาเตรียมไว้ให้นั้นก็ส่งกลิ่นหอมลอยขึ้นมาถึงชั้นบนที่เขาอยู่ มือขาวสะอาดรีบติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าอย่างรีบร้อนแล้ววิ่งลงมาจากชั้นสองอย่างว่องไว


    พอเห็นลูกชายตัวดีลงมานั่งทำตาแป๋วที่โต๊ะกินข้าว คนเป็นแม่ก็อดที่จะส่งมือไปขยี้ผมเปียกชื้นของลูกไม่ได้ ไข่พระอาทิตย์จานใหญ่ถูกวางลงตรงหน้าคนอายุน้อย พร้อมกับขวดซอสพริกที่ตามมานั้นเรียกให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนต้องรีบจับช้อนมาถือไว้ในมือ


    “ขอบคุณค้าบผมม”


    เอ่ยต่อมารดาอย่างสั้น ๆ ก่อนจะยิ้มตาหยีให้หนึ่งทีแล้วละเลงซอสลงบนไข่จนฉ่ำ คนเป็นแม่มองลูกอย่างขำ ๆ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม


    “พ่อยังไม่ลงมาเหรอครับ” 


    “ลงมาแล้ว แต่ออกไปรดน้ำต้นไม้หลังบ้านอยู่น่ะ”


    กลืนความขมปร่าของกาแฟลงไปก่อนจะตอบลูกชายที่เคี้ยวข้าวหงุบหงับอย่างน่าเอ็นดู บางทีก็รู้สึกเหมือนโตแล้ว แต่บางทีก็ทำตัวยังกะเด็กไม่รู้จักโต เจ้าลูกคนนี้นี่


    “ผมถามแม่อะไรอย่างได้ไหมครับ”


    “ว่ามาได้เลยจ่ะ”


    “ตอนพ่อจีบแม่นี่ นานไหมครับกว่าแม่จะยอมเป็นแฟนพ่อ”


    พอจบคำถามตาคมสวยก็เหล่มองลูกชายอย่างจับผิด ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรมากนักหรอก เพราะอายุเจ้าลูกชายคนนี้ก็เข้าสู่วัยรุ่นวัยมันแล้ว แต่แค่ขำนิดหน่อยที่อยู่ ๆ ก็มาถามเรื่องของผู้ใหญ่ แถมยังเป็นเรื่องของตัวเองซะด้วย


    “จะมีแฟนแล้วรึไง”


    “โถ่แม่ ผมถามแม่ก็ตอบสิครับ”


    จอมกรอกตาอย่างเซ็ง ๆ ใส่มารดาก่อนจะโดนมือเรียวฟาดเข้าไปเต็มแขนข้อหาที่ล้อเลียนแม่ของตัวเองอยู่


    “ก็…นานอยู่นะ พอดีตอนนั้นแม่ฮอตมาก มีหนุ่ม ๆ มาจีบเยอะเลย”


    “นานของหนูนี่แค่สองอาทิตย์เองนะ”


    เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นขัดจังหวะพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่เดินเข้ามาโอบไหล่ภรรยาจากข้างหลัง จอมที่เห็นการกระทำอย่างนี้ก็รู้สึกเลี่ยนขึ้นมาเสียดื้อ ๆ 


    “นี่พี่ อย่าพูดแบบนั้นนะ หนูไม่ได้ยอมเป็นแฟนพี่ตอนนั้นซะหน่อย”


    “เอ้า นี่พี่เข้าใจผิดมาตลอดคนเดียวเหรอเนี่ยว่าหนูเป็นแฟนพี่ตั้งแต่ตอนนั้น”


    เอาเข้าไป ทั้งหอมแก้มทั้งกอดไหล่ แล้วลูกชายอย่างเขาจะนั่งมองพ่อแม่สวีทกันต่อไปเพื่ออะไร ขอปลีกตัวออกจากที่ตรงนี้ท่าจะดีกว่า จอมลุกขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วเดินไปวางจานข้าวที่กินหมดแล้วลงในอ่างล้างจาน 


    สรุปที่ถามเมื่อกี้คือได้คำตอบยัง


    เอาเถอะ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่ามันคงใช้เวลาไม่นานเกินไปในการจีบใครสักคนหรอก แต่ใครสักคนที่ว่าน่ะ จอมกำลังนึกถึงใครกันล่ะ


    หรือจะเป็นคุณนักเขียนรึเปล่านะ


    บ้าจริง พอคิดถึงคุณนักเขียนรอยยิ้มที่เผลอยิ้มออกมานี่มันอะไรกัน แต่จนถึงตอนนี้คุณนักเขียนก็ยังไม่ตอบข้อความเขาเลย จวนเวลาจะต้องไปทำงานด้วยสิ ถ้าอย่างนั้น ทั้งวันจนถึงหกโมงเขาก็จะไม่ได้แชทกับอีกคนแน่เลย 


    แต่บางทีอาจจะแอบแชทได้ตอนเข้าห้องน้ำอ่ะนะ


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    นาฬิกามือถือที่ตั้งไว้ปลุกตอนสิบโมงเช้าทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องอะไร ร่างเพรียวบางพลิกตัวไปมานิดหน่อยก่อนจะนั่งหลังตรงอย่างเพลีย ๆ มือเล็กยกขึ้นมาขยี้ตาเบา ๆ แล้วหยิบเอาเครื่องมือสื่อสารเครื่องสวยมากดปิดนาฬิกาปลุกที่ส่งเสียงร้องดังโวยวาย


    เมื่อรู้สึกปรับสายตาได้แล้วก็ลุกไปเปิดม่านสีทึบที่ปิดแสงตะวันนั้นเสีย ความร้อนสาดส่องเข้ามาด้านในอย่างบ้าคลั่ง ก็นะ เวลาสิบโมงตะวันโด่งขนาดนี้ คนอื่นคงใช้ชีวิตทำอะไรต่อมิอะไรไปกันมากมาย แต่ฮักก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองพลาดอะไรในช่วงเช้าไปหรอก ขอแค่ได้หลับตาสักงีบเขาก็พอใจแล้ว


    หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็มานั่งเช็คข้อความในมือถือเสียหน่อย มีเมลจากสำนักพิมพ์ส่งมาให้สองเมล แต่ไม่ใช่สำนักพิมพ์ที่เขาทำงานอยู่เลยนี่สิ สำนักพิมพ์ที่ส่งมานี้เพิ่งจะก่อตั้งได้ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ อยากที่จะติดต่อเขาเพื่อนำนิยายในเว็บไปตีพิมพ์งั้นเหรอ


    เอาไงดี สัญญาของสำนักพิมพ์ไม่ให้เขาขายผลงานกับสำนักพิมพ์อื่น


    แต่ก็ไม่เคยเอาผลงานเขาไปตีพิมพ์สักทีอ่ะนะ


    จะว่าไปสำนักพิมพ์ที่ส่งเมลมานี่ถึงจะยังไม่เปิดถึงปี แต่งานหนังสือที่ออกมากลับเป็นกระแสดังอยู่มากซะอย่างนั้น ตากลมกวาดอ่านคอลัมม์ข่าวเกี่ยวกับความปังของสำนักพิมพ์แห่งนี้ด้วยประกายความตื่นเต้น


    น่าสนใจอยู่นะ


    คนสวยละความสนใจจากเว็บข่าวในมือแล้วเลื่อนกดเข้าอีเมลอีกครั้ง ข้อความที่พิมพ์กลับไปนั้นไม่ได้อนุญาตให้นำหนังสือไปลงจนกว่าเขาจะกลายเป็นนักเขียนอิสระ


    ใช่แล้ว ในเมื่อเติบโตในที่ใหญ่ ๆ ไม่ได้


    ขอเฉิดฉายในพื้นที่เล็ก ๆ ของตัวเองแทนดีกว่า


    หลังจากตอบกลับข้อความไปก็เลื่อนแถบโนติลงมาก่อนจะพบว่ามีข้อความจากแอปสีฟ้าส่งมาหาเขาอีกแล้ว


    คนเดิมคนเดียวนั่นแหละ


    “เช้านี้ ขอให้สดใสกว่าเมื่อวานนะคับ”


    มันก็ยังคงสั้นเหมือนเดิมกับที่เจ้าตัวเคยได้รับ แต่ว่ามุมปากก็ยกยิ้มอย่างรู้สึกดี สดใสกว่าเมื่อวานงั้นเหรอก็คงจะสดใสกว่าจริง ๆ นั่นแหละ 


    เห็นตัวเลขที่ข้อความส่งมาก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย แฟนคลับคนนี้ส่งมาตอนตีสีสองนาที นั่นเพิ่งตื่นหรือยังไม่ได้นอนกันนะ แต่ที่แน่ ๆ คือตัวเขาเพิ่งหลับไปได้นิดเดียว หัวเราะเบา ๆ ในลำคอก่อนจะส่งข้อความกลับไปหาอีกคน


    “ขอบคุณนะ สงสัยคำอวยพรของเธอจะเกิดผลแล้วล่ะ555”


    ส่งไปก่อนจะนั่งรอข้อความตอบกลับ เพราะปกติอีกคนจะตอบกลับเขาเร็วยิ่งกว่าอะไร แต่ทำไมตอนนี้ที่ผ่านมาเป็นสิบนาทีแล้วก็ยังไม่มีข้อความอะไรจากอีกฝ่ายส่งมาเลย แถมยังไม่ขึ้นอ่านด้วยซ้ำ


    แล้วเขาจะมานั่งรอข้อความจากอีกคนทำไมเนี่ย


    เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำเรื่องไร้สาระอยู่ก็เลยขยับตัวไปหยิบโน้ตนุ๊คและไอแพดเข้ากระเป๋าเป้ วันนี้วันเสาร์ก็จริง เขาสามารถนอนหรือทำอะไรที่กินเวลาได้ทั้งวัน แต่ว่าความคิดเกี่ยวกับงานและเนื้อเรื่องที่เขียนค้างไว้มันกระตุ้นให้ต้องตื่นตัวอยู่ในตอนนี้ 


    รู้ตัวอีกทีก็พาตัวเองมาอยู่บนรถไฟฟ้าเสียแล้ว โชคดีหน่อยที่เวลาบ่ายแก่ ๆ แบบนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เสียงเพลงสากลที่ดังอยู่ในหูของเขาตอนนี้มันก็พอจะช่วยให้รู้สึกว่าการเดินทางมันสนุกขึ้นนิดหน่อย แต่ว่ายังมีอีกเรื่องที่กวนใจเขาอยู่เป็นระยะ 


    ทำไมยังไม่ตอบข้อความอีกนะ


    อ่า แกต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ความรู้สึกบ้าบอที่ก่อขึ้นนี้อยากสะบัดให้ออกไปจากหัวจนหมดสิ้น แต่ก็ทำไม่ได้สักที หรือเขาจะเริ่มตกหลุมรักคุณแฟนคลับคนนั้นกันนะ 


    แม้แต่ชื่อเรายังไม่รู้จักกันเลยนะ 


    ช่างมันเถอะ สะบัดหัวไล่ความคิดนิดหน่อยเมื่อมองเห็นว่าถึงสถานีที่ต้องการลงแล้ว สองขาก้าวออกจากรถไฟอย่างรวดเร็ว วันนี้แต่งตัวค่อนข้างสบายเพราะแค่ต้องการมานั่งทำงานที่คาเฟ่เล็ก ๆ เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขาสั้นสีครีมมันก็คงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม 


    ประตูคาเฟ่เปิดพร้อมร่างบางที่เดินเข้ามาหาที่นั่งด้านใน หลังมองเห็นว่ามีโต๊ะกลมในสุดที่ยังไม่มีเจ้าของก็ได้ทำการวางข้าวของจองเสียเลย ก่อนจะเดินมาที่เคาน์เตอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มสำหรับวันนี้


    “รับอะไรดีครับ”


    สุ้มเสียงนุ่มพร้อมใบหน้าหล่อเหลาแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเด็กหนุ่มตรงหน้ามันดูน่ารักเกินไปในสายตาของฮักตอนนี้ หล่อขนาดนี้เป็นดาราได้เลยนะ ใบหน้าขาวแถมผิวที่ไม่มีสิวนั่นอีก ปากสีชมพูบางนั่นก็ดูดีเป็นไหน ๆ มองรวม ๆ แล้วมีเสน่ห์สุด ๆ 


    ยืมเรฟมาเป็นพระเอกนิยายคงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง


    ยกยิ้มให้ความคิดตัวเองนิดหน่อยก่อนจะดึงสติให้กลับมาสนใจคำถามจากอีกคน สายตาสวยเลื่อนมองข้ามหัวเด็กตัวสูงไปที่ด้านหลัง กวาดสายตาอ่านเมนูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยสั่งออกไป


    “เอาแบล็คคอฟฟี่เย็นหวานน้อย แล้วก็เอาเค้กนี่ด้วยชิ้นนึงครับ”


    มือเรียวชี้ไปที่ตู้เค้กข้าง ๆ เลือกจิ้มสตอรเบอร์รี่ชอตเค้กเนื้อนุ่มสีขาวนั่น และล้วงเอาบัตรเครดิตมาวางไว้ในถาดไม้สีเหลี่ยมที่มีสลิปค่าเสียหายวางอยู่ก่อนแล้ว


    “นั่งรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมเอาไปเสิร์ฟ” 


    คนที่น่าจะอายุน้อยกว่าโค้งหัวให้ทีหนึ่งก่อนที่ฮักจะหมุนตัวเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ คนสวยหยิบเอาเครื่องทำงานออกมาจากกระเป๋าเป้ ไม่ลืมที่หยิบโทรศัพท์มากดเข้าแอปสีฟ้าอีกครั้ง


    ก็ยังไม่อ่านอยู่ดี สงสัยวันนี้คงไม่ว่างแน่เลย


    คิดไปคิดมาก็ขออัปรูปลงทวิตเตอร์สักหน่อย ภาพหน้าจอโน้ตบุ๊คกับข้อมือของเขาเป็นรูปที่ไม่เลวเลย ข้อความสั้น ๆ ถูกทวิตไปพร้อมกับรูปภาพ


    “งาน = เงิน”


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    หลังจากทำงานมานานก็เพิ่งจะมีเวลาได้พักเข้าห้องน้ำสักหน่อย ลูกค้าคนเมื่อกี้น่ารักไม่หยอกเลย ขนาดเป็นผู้ชายยังหน้าหวานอย่างนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงคงจะสวยมากแน่ ๆ ดูจากที่ไปเสิร์ฟกาแฟกับขนมมาแล้วก็คิดว่าเขาคงจะนั่งที่ร้านอีกสักพัก เพราะเห็นเอาโน้ตบุ๊คกับไอแพดออกมาตั้งหราเสียรกโต๊ะ


    ในเมื่อมีเวลาว่างสักทีก็ถึงเวลาเช็คโทรศัพท์สักหน่อย ป่านนี้คุณนักเขียนคงตื่นแล้วแหละ และก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อเห็นข้อความที่อีกคนส่งมาให้ตั้งแต่สิบโมง ไม่รีรอที่จะส่งข้อความกลับไปทันที


    “ขอโทษนะคับที่ตอบช้า”


    “ตอบกลับมาแบบนี้คงมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นแล้วใช่ไหมเนี่ย”


    ยิ้มนิด ๆ ในห้องน้ำคนเดียวก่อนจะกดเข้าไปส่องหน้าหลักอีกคนระหว่างรอตอบกลับ นิ้วมือเรียวเลื่อนหน้าทวิตไปเจอกับทวีตล่าสุดที่เพิ่งลงไปได้แค่สิบบนาที รูปหน้าจอโน้ตบุ๊คกับข้อมือเล็ก ๆ นั่นที่วางไว้บนแป้นพิมพ์ดูคุ้นตาอย่างกับเพิ่งเคยเห็นมาก่อน แล้วบรรยากาศรอบข้างก็คือร้านกาแฟที่เขาอยู่ตรงนี้ชัด ๆ ไหนจะสร้อยข้อมือสีเงินนั่นอีก จี้ตัวเฮชนั้นเขาเคยเห็นแน่ ๆ 


    อ่า นึกออกแล้ว


    มันเหมือนกับของลูกค้าคนเมื่อกี้เลยนี่


    ไม่ทันได้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้คุณนักเขียนก็ตอบกลับมา


    “ขอโทษทำไมเล่า5555 จะว่าเรื่องดีก็คงใช่แหละ แต่ต้องรอดูให้แน่ใจอีกทีว่าดีจริง ๆ หรือเปล่าอ่ะนะ”


    “เป็นกำลังใจให้ทุกเรื่องเลยนะ เธอคนเก่ง”


    พิมพ์ตอบกลับไปแล้วอดยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ได้เลย 


    แต่สรุปคือ คุณนักเขียนเป็นผู้ชายเหรอ


    “5555 ขอบคุณมาก ๆ เลยนะ ตัวลอยไปหมดแล้ว”


    “เห็นอัพรูปนี่ อยู่ร้านกาแฟเหรอคับ”


    “ใช่แล้ว รู้สึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศอ่ะ เลยออกมานั่งทำงานข้างนอกบ้าง”


    “จะเป็นไรไหมถ้าเราอยากเจอเธออ่ะ”


    เพราะอะไรไม่รู้เหมือนกันที่ทำให้จอมส่งข้อความไปหาอีกคนแบบนั้น ถ้าคุณนักเขียนไม่ได้อยากเปิดเผยตัวตนล่ะ เท่ากับว่าเขาล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวเกินไปรึเปล่า แล้วถ้าคุณนักเขียนรู้สึกไม่โอเคขึ้นมาจริง ๆ จะยังคุยเล่นกับเขาได้แบบนี้อยู่รึเปล่า 


    จะยกเลิกก็ทำไม่ได้ซะด้วยสิ


    “ขอโทษที เราไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวนะ”


    มีเพียงทางเดียวที่เขาจะทำได้คือรีบขอโทษแล้วแก้ตัวกับคุณนักเขียนซะ 


    “ไม่เป็นไร เราไม่ได้คิดมากเลย ถ้าอยากเจอกันก็มาเจอกันได้นะ”


    แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองหลังอ่านข้อความจบเลย คุณนักเขียนจะน่ารักเกินไปรึเปล่าเนี่ย


    “ขอเป็นเลิกงานได้ไหม เราเลิกงานหกโมงอ่ะ ถ้าไม่ได้วันหลังก็ได้คับ”


    ถอนหายใจออกมาเซ็ง ๆ ถ้าคุณเค้าไม่อยู่รอก็เท่ากับว่าวันนี้ไม่ได้เจอกันสินะ


    หรือว่าบางทีอาจจะเจอกันแล้ว


    “ไม่รับปากแล้วกันว่าจะอยู่ถึงหกโมงไหม แต่ว่าจะนั่งรอนะ”  


    “โอเคเลย ไว้เจอกันนะ”


    อิโมจิรูปหัวใจปรากฏขึ้นที่ข้อความที่เขาเพิ่งส่งไป แบบนี้คือเรียกว่าคุณนักเขียนจะรอเขาใช่รึเปล่า บอกตามตรงว่าอยากให้เลิกงานแล้วตอนนี้ แต่อีกเรื่องที่ยังไม่ได้คำตอบคือ คุณนักเขียนกับคุณลูกค้าหน้าหวานคนนั้น 


    จะใช่คนเดียวกันรึเปล่านะ


    อ่า สงสัยจะต้องแอบไปสังเกตคุณลูกค้าคนนั้นสักหน่อยแล้วสิ


    ว่าจี้ที่สร้อยข้อมือใช่ตัวเฮชรึเปล่า


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    ทำไมยังไม่มาอีกนะ


    อยากจะบ้าตายเพราะไม่เข้าใจตัวเอง นั่งทำงานกินเวลากว่าสามชั่วโมงมันไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไรเท่าไหร่ แต่แค่ว่าทำไม เหมือนตัวเองแค่กำลังเอางานมาบังหน้าเพื่อนั่งรอใครสักคนที่เผลอนัดไปในมือถือ 


    จะให้พูดว่ายังไงดี ก็ในเมื่อตอนนั้นนึกคึกอะไรไม่รู้ถึงได้ส่งข้อความไปหาอีกคนแบบนั้น แถมยังยกเลิกข้อความไม่ได้ด้วยไอ่แอปบ้านี่! หลังจากที่ส่งไปแล้วก็ได้แต่ลุ้นว่าอีกฝ่ายจะมาเมื่อไหร่ คนนั้นคนนี้เดินผ่านไปมาก็ไม่เห็นว่าจะใช่คนที่รอเลย 


    แถมตอนนี้ก็หกโมงเย็นแล้ว ใจดวงน้อย ๆ ในอกยิ่งเต้นระรัวอย่างกับคนตื่นเต้น บ้าจริง ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยนะ แค่การเจอแฟนคลับคนนึงไม่เห็นต้องเป็นขนาดนี้เลยฮัก


    “เลิกงานแล้วนะ เธอยังอยู่ที่ร้านรึเปล่า”


    เสียงข้อความจากแอปสีฟ้าแสดงขึ้นบนมือถือเครื่องหรู ฮักรีบละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊คไปจับจ้องที่เครื่องมือสื่อสารก่อนจะกดเข้าไปตอบข้อความคนที่กำลังรออยู่


    “อ่าาา พอดีว่างานยังไม่เสร็จน่ะ เลยยังอยู่ที่เดิม แหะ”


    “งานไม่เสร็จ หรือตั้งใจรอเรารึเปล่า”


    บ้าจริง ทำไมต้องทำเป็นรู้ดีด้วยนะ แล้วใครมันจะไปกล้าบอกแบบนั้นล่ะโว้ยยยยย


    “55555 ถ้าคิดงั้นแล้วสบายใจก็เชิญเลยจ้าาาา”


    อยากตีมือตัวเองให้หักไปเลย ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ยอมรับเนี่ยนะ เป็นนักเขียนนี่รู้จักใช้ความลื่นไหลทางภาษาได้เก่งจริง ๆ 


    “เรามาถึงแล้วนะ เธอนั่งตรงไหน”


    ห้ะ ทำไมมาถึงเร็วจัง เขายังไม่ทันได้ไปเช็คสภาพหน้าตาก่อนเลยว่าโทรมไหม หน้ามันรึเปล่า หรือผมยุ่ง ถ้าคุณนักอ่านมาเจอแล้วตกใจจะทำไง


    “เดี๋ยววววว มาเร็วไปป่าว ขอไปเข้าห้องเช็คเบ้าก่อนได้ไหมมมม”


    “ไม่เห็นต้องเช็คอะไรเลย เธอก็น่ารักดีนี่”


    กำลังจะกดตัวอักษรส่งข้อความกลับไปในโทรศัพท์ แต่ว่าฝ่ายนั้นยังไม่ตอบมาเลยนะ แล้วเมื่อกี้คือเสียงใคร ไม่ใช่เสียงในหัวเขาที่อ่านข้อความอยู่รึไง


    “สวัสดีนะครับ คุณนักเขียน”


    เสียงทุ่มเอ่ยขึ้นข้าง ๆ โต๊ะก่อนที่คนน่ารักจะเงยหน้าจากมือถือเพื่อมองคนมาใหม่ แล้วใบหน้าหวานก็ซีดลงเล็กน้อยพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น


    เด็กหนุ่มร่างสูงหน้าหล่อยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับชูโทรศัพท์ในมือให้ดูแสดงข้อความในแอปนกสีฟ้าที่เป็นการสนทนาของตัวเองกับคุณนักเขียน ซึ่งก็คือฮัก และคุณนักอ่านก็คือเจ้าเด็กหน้าหล่อพนักงานที่เป็นคนชงกาแฟให้เขาเอง! บ้าจริง ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้นะ


    “หวัดดี” 


    กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอก่อนจะเอ่ยทักทายคนมาใหม่ที่ถือวิสาสะนั่งลงฝั่งตรงข้าม เด็กหนุ่มข้างหน้ายังคงยิ้มอย่างน่ารักไม่ได้มีอาการตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่ ทั้งที่มันน่าตกใจไม่ใช่เหรอที่ลูกค้าอย่างเขาในสามชั่วโมงก่อน คือนักเขียนที่อีกคนอยากเจอ


    “จริง ๆ ผมนึกว่าคุณจะเป็นผู้หญิงซะอีกนะ”


    คนตรงหน้าเอ่ยเสียงนุ่มอย่างสุภาพ พร้อมกับยิ้มขำให้ท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ของฮัก 


    “ผมก็คิดเหมือนคุณ”


    “หมายถึง คิดว่าผมเป็นผู้หญิงอ่ะนะ”  


    “อืม”


    ทำไมถึงรู้สึกเหมือนใจจะหลุดออกมานอกอกเลย ทั้งที่มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายด้วยกัน ถ้าเป็นผู้หญิงน่ารัก ๆ อย่างที่คิดไว้ไม่เขินกว่านี้อีกรึไง


    “ถ้าผมเป็นผู้หญิง คุณคงจะจีบผมใช่ไหมล่ะ”


    “ทำไมคิดอย่างนั้น”


    “ก็คุณหน้าแดง”


    “บ้าจริง”


    สบถกับตัวเองเสียงเบา พร้อมเอามือจับที่ใบหน้าทั้งสองข้างอย่างลืมตัว ครั้นพอเหลือบตามาสบกับตากลมโตของคนตรงหน้าก็ยิ่งเพิ่มความร้อนให้ร่างกายขึ้นไปอีก 


    “ผมชื่อจอมนะครับ”


    เพราะรู้สึกว่าอีกคนน่าจะเขินมากเกินไปหน่อยจึงถึงเวลาต้องเปลี่ยนเรื่องเสียที 


    “ผมฮักครับ”


    เอาจริง ตลอดการทำงานที่ผ่านมามีคนรู้จักชื่อจริง ๆ ของเขาน้อยมาก ๆ ถ้าไม่ใช่คนสนิทก็จะไม่รู้จักเลย ยิ่งนักอ่านในเว็บไซต์ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่มีใครรู้จักเลยเพราะเขาไม่ค่อยแทนชื่อตัวเอง แถมนามปากกาก็ยังไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นตัวตนของเขาเลยแม้แต่น้อย


    “ชื่อน่ารักจังครับ”


    เสียงนุ่มเอ่ยถามอย่างน่ารักน่าเอ็นดู ทั้งยังส่งสายตาใสมองอย่างคนต้องการคำตอบอีก คนฟังอย่างฮักใจหวิวไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะรีบดึงสติกลับมาตอบคำถามอีกคน


    “ขอบคุณนะ พอดีมันเป็นภาษาถิ่นน่ะ พ่อชอบเลยตั้งให้”


    "อ่ออออ ภาษาอีสานใช่ไหมครับ"


    "ก็ไม่ผิดนะ แต่พอดีว่าผมเป็นคนเหนือน่ะ"


    "อ๋าาาา"


    เด็กหนุ่มยิ้มอายก่อนจะเอามือเกาท้ายทอยอย่างเขิน ๆ คนที่อายุมากกว่าเลยลอบยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้กับท่าทางน่ารักของอีกฝ่าย


    “อายุเท่าไหร่ครับ”


    “สิบเจ็ดครับ” 


    “โห อย่างเด็กเลย”  


    แอบพูดเสียงเบา แหม ตัวเองดูแก่ขึ้นมาทันทีเลยพอน้องบอกอายุเป็นตัวเลข ทั้งที่ตอนแรกเรานั่งคุยกันไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองแก่ขนาดนี้ด้วยซ้ำ 


    “แล้วคุณอายุเท่าไหร่ครับ”


    “ยี่สิบห้าแล้ว แหะ”


    กลายเป็นว่าคราวนี้คนที่รู้สึกเขินอายกลายเป็นฮักแทน คนน่ารักยกมือขึ้นมาถูจมูกอย่างที่ชอบทำเวลาประหม่า


    “ก็ไม่กี่ปีเองครับ แบบนี้ผมเรียกพี่ได้รึเปล่า”


    “ได้สิ”


    “งั้น… เราไปหาอะไรกินกันไหมครับ ผมเห็นพี่นั่งมาตั้งนานกินแค่เค้กกับกาแฟเอง”


    “ก็ดีเหมือนกัน…. นี่! เราแอบมองพี่เหรอ”


    ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าอีกคนรู้ตั้งนานแล้วสิว่าคุณนักเขียนกับคุณลูกค้าคือคนเดียวกัน มีแต่เขาสินะที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย


    “ก็ผมเห็นรูปที่พี่ทวีต มันติดข้อมือพี่ เลยคุ้น ๆ เหมือนเห็นที่ไหน พอมาสังเกตก็เลยรู้ว่าลูกค้าหน้าสวยกับคุณนักเขียนคือคนเดียวกันอ่ะครับ”


    “ลูกค้าหน้าสวย?”


    “ก็พี่ไง หน้าสวยยังกะผู้หญิง”


    บ้าจริง รู้สึกหน้ามันร้อน ๆ เหมือนจะระเบิดยังไงไม่รู้ เกิดมายี่สิบกว่าปีไม่เคยมีใครชมว่าสวยเลย ส่วนมากก็จะชอบบอกว่าน่ารักไม่ก็เป็นผู้ชายหน้าหวาน แต่อีกคนเล่นบอกกันโต้ง ๆ แถมยังเพิ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมงเนี่ยนะ ฮักอยากจะระเบิดตัวเองเสียตอนนี้เลย


    “ได้ ๆ … พี่หิวข้าวสุด ๆ เลย เก็บของแปบนะ”


    มือบางกอบเอาทุกอย่างบนโต๊ะลงในกระเป๋าอย่างรีบร้อน ท่าทางลนลานของคนอายุมากกว่าถูกสายตาคมจับจ้องอยู่ตลอด 


    ของที่เอามาด้วยไม่ได้มีเยอะมากเท่าไหร่ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็เก็บทุกอย่างลงในกระเป๋าจนหมด ฮักเงยหน้ามองอีกคนที่นั่งมองเขานิ่ง ทั้ง ๆ ที่เขาเก็บของเสร็จแล้วแต่สายตาคมนั่นก็ยังเอาแต่จ้องมาที่มือของเขาไม่หยุด 


    “ไปกันเถอะ”


    เอ่ยชวนอีกคนพร้อมกันลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋าไว้บนบ่า คนอายุน้อยกว่าหลุดจากภวังค์การเหม่อลอยแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินตามร่างโปร่งบางที่เดินออกมาก่อน 


    “อยากกินอะไร” 


    “อะไรก็ได้ครับ”


    “เดี๋ยวพี่เลี้ยง”


    “เลี้ยงผมทำไมครับ แชร์กันก็ได้”


    “ไม่เป็นไร ถือว่าต้อนรับแฟนคลับคนใหม่”


    ฮักยิ้มกว้างพร้อมกับเดินนำร่างสูงของเด็กหนุ่มไปที่ร้านอาหารใกล้ ๆ คนเริ่มหนาตาขึ้นกว่าตอนบ่าย แต่ก็ยังดีที่ภายในยังพอมีโต๊ะให้พวกเขาบ้าง คนตัวสูงเดินตามร่างโปร่งของรุ่นพี่นักเขียนเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้ 


    “อยากกินอะไรสั่งเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”


    เอ่ยกับคนตรงข้ามอย่างสบายใจ พร้อมกับพลิกหน้าเมนูอาหารที่พนักงานเพิ่งเอามาวางให้ไปมา จอมรู้สึกอึดอัดนิดหน่อยที่อยู่ ๆ คุณนักเขียนก็จะมาเลี้ยงข้าวเขาแบบนี้ เกรงใจจนไม่กล้าที่จะหยิบเมนูขึ้นมาดูด้วยซ้ำ


    “เอ้า ไม่ดูเมนูรึไง”


    “ถ้าพี่เลี้ยงผมเกรงใจ แชร์กันเถอะครับ”


    คนหน้าสวยลดสมุดเมนูลงเมื่อรู้สึกว่ารุ่นน้องตรงข้ามยังเอาแต่นิ่งไม่ยอมสั่งอาหารเสียที จนพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์พ่นลมหายใจหลายครั้งแล้ว 


    “ถ้าไม่แชร์จะไม่ยอมสั่งสินะ”


    “ครับ”


    “เฮ้ออ โอเค แชร์กัน ๆ ”


    ยอมให้เพราะเหมือนพนักงานจะกินหัวยังไงไม่รู้ ถ้าไม่ได้ข้อสรุปสักทีมีหวังโดนเล่มเมนูพาดหัวแน่ ๆ 


    หลังจากสั่งอาหารแล้ว ก็เกิดอาการเงียบขึ้นมาอีกครั้งทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ที่ร้านกาแฟคนอายุน้อยกว่าดูไม่ได้ประหม่าขนาดนี้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับนั่งก้มหน้าก้มตาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาคุยกันดี ๆ ถามคำก็ตอบคำ ดูแล้วมันผิดวิสัยจากในแชทไปรึเปล่า


    “เป็นอะไรรึเปล่า ยังไม่ชินกับพี่เหรอ”


    เสียงแหบเอ่ยถามพร้อมกับดันจานอาหารมาไว้ตรงกลางหลังจากที่พนักงานเอามาเสิร์ฟเป็นจานสุดท้าย หนุ่มน้อยเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาด้วยแววตาสั่น ๆ จนคนอายุมากกว่าตกใจ


    “ทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นล่ะ”


    “คือผม… อยู่ ๆ มันก็รู้สึกดีใจขึ้นมาครับ แบบว่า ได้เจอคนที่ชอบมาก ๆ มันเหมือนฝันเลย”


    “โอ้ยยย พี่ตัวลอยหมดแล้ว”


    เอ่ยพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบา ๆ ทั้งพยายามเอื้อมมือไปลูบผมของคนที่นั่งตรงข้ามเบา ๆ 


    “เงยหน้าขึ้นมาสิ”


    “ครับ…”


    จอมเงยหน้าขึ้นมาตามคำที่อีกคนว่า พอเอาเข้าจริงเขาก็เขินอยู่ดีนั่นแหละ ทั้ง ๆ ที่ก่อนจะเลิกงานเขาคิดว่าตัวเองพร้อมแท้ ๆ กับการเจอคุณนักเขียน เข้าไปทักทายเองด้วยซ้ำ ตอนนั้นยังไม่เขินเท่าตอนนี้เลย ก็เพราะพี่เขาทำดีด้วยขนาดนี้มันเลยอดใจฟูไม่ได้ที่คนที่เราชื่นชอบเขามาทำดีกับเราขนาดนี้


    “พี่ก็ดีใจเหมือนกันที่ได้เจอเรานะ”


    “ครับ?”


    “ตั้งแต่เราทักมาหา พี่ก็เหมือนได้กำลังใจทุกวันเลย ไม่รู้สิ555”


    “....”


    “ขอบคุณนะที่ทักพี่มา”


    ร่างโปร่งบางยิ้มจนปากกลายเป็นรูปหัวใจ ไม่วายใช้มือเล็ก ๆ นั่นลูบกลุ่มผมของเด็กตรงหน้า 


    “ดีใจนะครับ ที่ผมได้รู้จักพี่”


    เสียงนุ่มเอ่ยพร้อมกับใช้มือของตนจับเข้าที่มือเล็กบนศีรษะแล้วนำมากอบกุมไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง คนตรงข้ามยิ้มกว้างอย่างไม่รู้สาเหตุ แต่พอโดนกุมมือนานเข้าก็รู้สึกหวั่น ๆ ภายในใจ จึงค่อย ๆ ชักมือกลับมาวางไว้ตรงหน้าตัวเองเหมือนเดิม


    “เรากินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวเย็นหมด”


    คนอายุน้อยกว่าพยักหน้ารับหลังจากที่พี่ชายนักเขียนพูดจบ ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มลงมือจัดการความหิวโหยของตนเองด้วยอาหารน่าทานตรงหน้า ระหว่างนั้นก็มีบทสนทนาเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวบ้างประปราย 


    “หลังจากนี้เรายังต้องคุยกันในทวิตเตอร์เหมือนเดิมไหมครับ”


    จอมถามขึ้นในตอนที่ทั้งคู่กำลังเดินมารอรถไฟที่ชานชาลา 


    “ทำไม อยากคุยในไหนล่ะ”


    ฮักเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเอ็นดูพร้อมกับยกยิ้มขึ้นบาง ๆ 


    “บางทีอาจจะแลกไลน์กันไหมครับ”


    “ก็ได้นะ”


    มือบางล้วงเอามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนส่งให้ร่างสูงของเด็กหนุ่มตรงหน้า 


    จอมรับเอาเครื่องมือสื่อสารราคาแพงมาถือไว้ก่อนจะกดไอดีของตัวเองลงไปและเพิ่มเพื่อน ยังไม่ลืมส่งสติ้กเกอร์ไว้สักตัวเพื่อให้ขึ้นแจ้งเตือนในเครื่องเขาด้วย


    “ขอบคุณครับ” 


    มือหนาส่งคืนมือถือให้รุ่นพี่ พร้อมเอามือแตะเบา ๆ ที่กระเป๋ากางเกงของตนเองเมื่อรับรู้ได้ถึงการสั่นไหวของเครื่องมือสื่อสาร


    “งั้น… ไว้เจอกันรอบหน้านะ พี่ไปก่อนละ”


    ฮักโบกมือลาในขณะที่ก้าวเข้าไปในรถไฟฟ้า จอมมองยิ้มพร้อมกับโบกมือตอบคนตัวเล็ก หลังจากที่ประตูปิดลงและรถไฟได้เคลื่อนตัวออกไปจอมก็เดินลงมาจากชานชาลาเพื่อกลับบ้านของตนเองบ้าง จะบอกว่าเขาดื้อก็ได้ที่เดินมาส่งอีกคนทั้งที่ตัวเองจอดรถไว้อีกฟาก ถึงแม้จะโดนบ่นนิดหน่อยแต่มันก็คุ้มอยู่ดีที่ได้ใช้เวลาด้วยกันแบบนั้น อ่า หลังจากนี้สงสัยไอ้จอมจะต้องคิดถึงหน้าหวาน ๆ ของพี่ฮักแน่ ๆ ให้ตายสิ


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


    .


              - พื้นที่นักเขียน -
              มาดึกอีกแน้วววว55555 จริง ๆ ยังไม่ได้ตั้งใจว่าจะลงต่อนะคะ แต่ว่าเห็นคอมเม้นทั้งในเด็กดีแล้วก็รอร.มันใจฟูค่ะ คือเราดีใจมากจริง ๆ นะคะที่มีคนอ่านนิยายของเราอยู่ แม้จะเป็นจำนวนที่ไม่เยอะแล้วก็มีคนเม้นแค่หนึ่งคนแต่เราก็ดีใจมากแล้วจริง ๆ ค่ะ

              อยากรีบแต่งให้จบเลยค่ะ แต่เราไม่แน่ใจว่าจะมีเวลามาอัพได้อีกเมื่อไหร่เพราะวันจันทร์นี้เราเริ่มฝึกงานแล้วค่ะ โฮวววว เป็นกำลังใจให้นิสิตฝึกงานคนนี้ด้วยนะคะ

              รักทุกคนที่เผลอเข้ามาอ่านนิยายเรานะคะ จุ๊ฟฟฟ ๆ แฮร่!!





              

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     Free Lines - Handwriting
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×