ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [OS/SF] Don't Touch Him!! -All HOSEOK-

    ลำดับตอนที่ #10 : Writer vs Reader -KookHope- (1)

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 66



    - Writer vs Reader 1 -

     


     

    นานมาแล้วที่นิยายในเว็บไซต์เคยเป็นกระแสจนสามารถตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ใหญ่ ๆ และได้นำไปทำเป็นซีรีส์อยู่หลายเรื่อง

     

    นานมาแล้วที่มีนักเขียนผู้โด่งดังในเว็บไซต์ เปลี่ยนจากบุคคลธรรมดากลายเป็นคนดังเพียงชั่วข้ามคืน ในขณะที่ไม่มีผู้อ่านท่านใดเคยพบหน้า

     

    นานมาแล้วที่นักอ่านมากหน้าหลายตาต่างติดตามนิยายในเว็บสีส้มอย่างบ้าคลั่ง และยอมเสียเงินซื้อนิยายแฮนด์เมคจากนักเขียนหลายต่อหลายคนที่จัดพิมพ์นิยายเอง

     

    นานมาแล้วนักเชียนหลาย ๆ คนเติบโตจากการย่ำก้าวผ่านเว็บสีส้มนั้น สู่เส้นทางของนักเขียนมืออาชีพ

     

    นานมากแล้ว นานมาแล้วมากจริง ๆ

     

    คิดถึงช่วงเวลานั้นจัง

     

    ช่วงเวลาที่ยังเป็นเพียงเด็กน้อยไร้เดียงสา ที่อ่านนิยายงอมแงมจนมีความฝันที่จะแต่งเรื่องราวสักเรื่องด้วยตนเอง

     

    เรื่องราวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากใครสักคน

     

    ไม่สิ อาจจะหลายคน….

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    นิ้วเรียวยาวกดไปที่แป้นตัวอักษรอย่างช่ำชอง ในหัวก็พยายามประมวลผลความคิดอย่างตั้งใจ เพื่อให้เนื้องานที่กำลังพิมพ์ลงไปนั้นเกิดความสนุกสนานอย่างสูงสุด นักเขียนไส้แห้งแบบเขาก็คงไม่ได้เป็นที่รู้จักมากมายนักในหมู่นักอ่านนิยายลึกลับแนวปวดประสาท แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงทำงานที่ชื่นชอบนี่ด้วยความพอใจอยู่ดี

     

    แว่นตากรอบสีเงินถูกขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อมันเลื่อนลงมาจากใบหน้าหวานที่ตอนนี้ยังคงตั้งใจทำงานอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะนั่งหลังแข็งมาเป็นเวลากว่าสี่ชั่วโมงแล้ว แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อตอนนี้ความคิดมันกำลังแล่นพล่านยังกับน้ำเดือด ถ้าไม่รีบพิมพ์ไว้มีหวังได้ลืมไปแน่ ๆ

     

    ฮัก หนุ่มเหนือหน้าตาจิ้มลิ้มวัยยี่สิบห้าปี เหยียดแขนสองข้างออกไปข้างหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน แว่นตากรอบเงินของเจ้าตัวถูกถอดออกจากใบหน้ามนแล้ววางไว้บนโต๊ะคอมข้างแก้วเซรามิกสีครีมที่มีกาแฟเย็นชืดอยู่ด้านใน สายตาหวานนุ่มเหลือบมองตัวอักษรที่อยู่ในหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างต้องการทบทวนอีกครั้ง มือเรียววางลงบนเมาท์สีดำแล้วเลื่อนอ่านอย่างรอบคอบ

     

    เหมือนรอบนี้ความคิดเขาจะแล่นได้ดีเป็นพิเศษเลยแฮะ

     

    ลูกกลิ้งเมาท์เลื่อนมาจนถึงหน้ากระดาษสุดท้าย ตัวเลขที่ขึ้นจำนวนหน้าบ่งบอกว่ามันคือเลข 87 เจ้าของงานยกยิ้มอย่างพอใจให้กับความอดทนที่นั่งพิมพ์งานมาได้เยอะเพียงนี้ ก่อนจะเอาเท้ายันตัวเองออกจากโต๊ะคอมตัวใหญ่แล้วลุกขึ้นเดินไปหาที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาเสียหน่อย

     

    ติ๊ง

     

    เสียงข้อความดังมาจากคอมพิวเตอร์ที่เขายังเปิดค้างไว้ คนสวยเดินออกมาจากห้องน้ำหลังล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้ว ก่อนจะต้องมานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้งเมื่อมุมขวาล่างของจอปรากฎการแจ้งเตือนข้อความจากเว็บทวิตเตอร์ที่เขาเปิดทิ้งไว้เมื่อตอนทำงาน

     

    “เราอ่านฟิคของเธอในเด็กดีเรื่องหวังพบแล้วเราชอบมากเลย เธอแต่งดีจัง เราอ่านมาถึงจุดที่มีเอ็นซีแล้วเราพยายามหาตามแท็กตามเว็บที่เธอแปะไว้ในไบโอแต่เราหาไม่เจอ เธอยังไม่ได้ลบเว็บไปใช่ไหม เราขอเว็บหน่อยได้ไหม????????????”

     

    ตาสวยกวาดอ่านข้อความเล็ก ๆ นั่น ก่อนจะกดเข้าไปที่ตัวข้อความจึงได้เข้าสู่หน้าต่างของเว็บทวิตเตอร์ มุมปากบางยกยิ้มออกมาอย่างดีใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคนที่ชื่นชอบนิยายของเขา แม้ว่าสำนวนที่เขาเขียนเรื่องนี้นั้นดูเหมือนจะไม่ได้เรื่องเสียเท่าไหร่ เพราะมันก็ผ่านมานานแล้วมาก ๆ ที่เขาได้ลงเรื่องนี้ไว้ในเว็บนิยายชื่อดังในสมัยนั้น ไม่นึกเลยว่าผ่านไปเกือบเจ็ดปีแล้ว ยังมีคนมาทักหาเขาเพื่อขอเอ็นซีแบบนี้

     

    “...มันนานมากจนเราจำไม่ได้แล้ว- โฮรวๆ มัน 6-7 ปีแล้ววว เราลืมหมดสิ้น แงแงแง”

     

    มือบางตอบกลับข้อความสั้น ๆ ก่อนจะใช้เมาท์ลากไปที่หน้าโปรไฟล์ของนักอ่านคนนี้ กดเข้าไปได้ไม่นานก็มีแจ้งเตือนข้อความอีกครั้ง แต่ว่าเขายังไม่คิดที่จะตอบตอนนี้ ขอดูหน่อยละกันว่าเจ้าคนนี้เป็นใคร

     

    โปรไฟล์เรียบ ๆ ที่ไม่มีอะไรให้น่าสนใจนักมีผู้ติดตามเพียงแค่ 59 คน ที่หน้าหลักก็ไม่ได้รีอะไรไว้เยอะมากนัก รูปภาพอะไรก็ไม่เคยลงเลยด้วยซ้ำ แถมเพิ่งจะเข้ามาใช้งานบัญชีนี้ได้เพียงแค่ 2 เดือน มือใหม่สำหรับทวิตเตอร์สุด ๆ ตาสวยละความสนใจจากหน้าจอโปรไฟล์ของคนคนนี้ก่อนจะเข้าไปที่กล่องข้อความอีกครั้ง

     

    “น่าเสียดายจัง เราน่าจะอ่านฟิคเธอตั้งแต่ตอนนั้น จะได้มีโอกาสอ่านเอ็นซีบ้าง แฮะ”

     

    คนสวยยิ้มและหัวเราะออกมาเล็กน้อย ข้อความที่ส่งมานั้น อ่านแล้วทำให้รู้สึกเหมือนอีกคนจะเป็นคนน่ารักอยู่นะ เพราะคำพูดคำจามันดูนุ้บนิ้บแม้จะไม่มีหางเสียงเลยด้วยซ้ำ

     

    “ตอนนี้เราไม่ค่อยได้แต่งนิยายแนวนั้นแล้วล่ะ เปลี่ยนมาแต่งแบบที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วอ่ะ ไม่รู้จะมีไฟไปแต่งเรื่องแบบนั้นได้อีกรึเปล่า”

     

    “ไม่เป็นไรเลย แต่ถ้ามีโอกาสเราจะคอยติดตามนะ เอาที่เธออยากทำเลยคนเก่ง”

     

    เอาเข้าจริงพอถูกชมดื้อ ๆ จากบุคคลที่เขาขออนุมานเองว่าเป็นแฟนคลับชมแบบนี้ก็รู้สึกตัวลอยเหมือนกันนะ

     

    “ขอบคุณมากเลยนะ ไว้ถ้าเรากลับไปแต่งอีกจะรีบกระซิบบอกเลย”

     

    “โอเคเลยคับ เดี๋ยวจะลองไปอ่านผลงานอื่น ๆ ที่เธอแต่งตอนนี้บ้างละกันนะ”

     

    คับ? งั้นเหรอ ผู้ชายเหรอ

     

    แต่ว่าสมัยนี้ ใคร ๆ ก็ใช่คำแบบนี้กันแทบจะทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย แล้วอีกอย่างเพศไหนก็สามารถอ่านนิยายของเขาได้

     

    แต่ถ้าเป็นผู้ชายจริง ถึงขนาดทักมาขอเอ็นซีเลยเนี่ยนะ555

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    น่ารักจัง

     

    หลังจากที่ได้อ่านนิยายเรื่องหนึ่งในเว็บนิยายสีส้มที่เคยโด่งดังในสมัยก่อนจนถึงจุดพีคของเรื่อง จุดที่ต้องตามหาในทวิตเตอร์ว่าฉากเอ็นซีอยู่ที่ไหน คุณนักเขียนแปะไว้ที่ไหน ก็หาไม่เจอ จนต้องกดเข้ากล่องข้อความส่งหานักเขียนที่น่าจะเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุดเพื่อถามหาฉากเอ็นซีสำคัญที่หากเขาไม่ได้อ่านคงต้องรู้สึกเหมือนเนื้อเรื่องมันขาดหายแน่ ๆ

     

    “เราอ่านฟิคของเธอในเด็กดีเรื่องหวังพบแล้วเราชอบมากเลย เธอแต่งดีจัง เราอ่านมาถึงจุดที่มีเอ็นซีแล้วเราพยายามหาตามแท็กตามเว็บที่เธอแปะไว้ในไบโอแต่เราหาไม่เจอ เธอยังไม่ได้ลบเว็บไปใช่ไหม เราขอเว็บหน่อยได้ไหม????????????”

     

    กลั้นใจกดส่งข้อความไปแบบเร็ว ๆ หลังจากที่ตรวจทานดูรูปประโยคก็คิดว่าใช้ได้แล้วสำหรับความต้องการของตัวเอง นั่งรออยู่หน้าจอมือถือเครื่องเล็กอย่างใจจดใจจ่อ ไม่นานนักก็ขึ้นอ่านและอีกฝ่ายกำลังตอบกลับข้อความของเขา

     

    “...มันนานมากจนเราจำไม่ได้แล้ว- โฮรวๆ มัน 6-7 ปีแล้ววว เราลืมหมดสิ้น แงแงแง”

     

    ข้อความสั้น ๆ ที่ส่งมานั้นแม้จะอ่านแล้วรู้สึกเศร้าใจอยู่ไม่น้อยแต่ใบหน้าหล่อเหลาก็ยกยิ้มอย่างรู้สึกดีใจ อย่างน้อยคุณนักเขียนที่เขาชื่นชมก็ตอบกลับมาแล้ว แถมดูท่า น่าจะเป็นผู้หญิงซะด้วย คำที่พิมพ์มานั้นมัน น่ารักจัง

     

    “น่าเสียดายจัง เราน่าจะอ่านฟิคเธอตั้งแต่ตอนนั้น จะได้มีโอกาสอ่านเอ็นซีบ้าง แฮะ”

     

    ไม่รอให้เวลาผ่านไปนานนัก เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดอย่างเขาก็ตอบกลับข้อความอย่างกระตือรือร้น ตากลมใสมองหน้าจออย่างรอข้อความที่อีกคนจะส่งมา แต่ก็ต้องขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่ออีกฝ่ายเหมือนจะหายไปเสียแล้ว ในขณะที่กำลังจะกดออกจากแอปสีฟ้านั่นเองข้อความจากคนที่เขารอคอยก็ตอบกลับมาจนได้

     

    แล้วเขาเผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจขนาดนี้ทำไมกันนะ

     

    “ตอนนี้เราไม่ค่อยได้แต่งนิยายแนวนั้นแล้วล่ะ เปลี่ยนมาแต่งแบบที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วอ่ะ ไม่รู้จะมีไฟไปแต่งเรื่องแบบนั้นได้อีกรึเปล่า”

     

    “ไม่เป็นไรเลย แต่ถ้ามีโอกาสเราจะคอยติดตามนะ เอาที่เธออยากทำเลยคนเก่ง”

     

    ข้อความที่เขาส่งไปเหมือนจะเป็นการอวยอีกคนใช่ไหม แต่เขารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ไม่ชอบหรอกหากจะต้องมีใครฝืนใจทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ชอบแล้ว ไม่ชอบเลยหากต้องฝืนตัวเองเพื่อให้คนอื่น ๆ พอใจ เขาเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน รู้เลยว่ามันอึดอัดมากขนาดไหน

     

    “ขอบคุณมากเลยนะ ไว้ถ้าเรากลับไปแต่งอีกจะรีบกระซิบบอกเลย”

     

    “โอเคเลยคับ เดี๋ยวจะลองไปอ่านผลงานอื่น ๆ ที่เธอแต่งตอนนี้บ้างละกันนะ”

     

    ยกยิ้มดีใจอย่างกับกระต่ายโลดเต้น พอได้คุยกับคนที่เรารู้สึกชื่นชมเขาอยู่ในใจแล้วมันโคตรจะรู้สึกดีแบบนี้สินะ บอกตามตรงว่าอีกคนน่ารักมากจัง ตั้งแต่คุยกับคุณนักเขียนมามีเพียงคำเดียวเท่านั้นที่เขารู้สึก เด็กหนุ่มอย่างเขาที่ยังเรียนไม่จบมัธยมนั้นรู้สึกเหมือนได้รับกำลังใจมาเต็ม ๆ

     

    คงดีกว่านี้ ถ้ามีโอกาสได้เจอคุณนักเขียนสักครั้ง

     

    บ้าจริง เหมือนคนโรคจิตเลยที่เพิ่งคุยกับคนแปลกหน้าได้ไม่ทันไรก็อยากที่จะพบเจออีกคนเสียแล้ว ไอ่จอมเอ้ย สงสัยเองเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    วันนี้คงเป็นวันที่โชคไม่ค่อยดีของฮักสักเท่าไหร่ เอางานที่คิดว่าเรียบร้อยดีมาส่งที่บก.แล้วแท้ ๆ แต่กลับได้รับคำติมากกว่าคำชมมาเสียอย่างนั้น คงจะจริงอย่างที่บก.ว่า เขามันก็เก่งแค่ในเว็บนิยายออนไลน์ที่ผู้ติดตามอ่านเป็นเพียงเด็ก ๆ เท่านั้น ฝีมือยังไม่ช่ำพอที่จะตีพิมพ์ลงร้านหนังสือใหญ่ ๆ ได้เลย ได้แต่คิดแล้วก็ถอนหายใจอย่างนึกเซ็ง มือเรียวข้างที่ไม่ได้โหนรถไฟฟ้าอยู่จึงล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเสียหน่อย อย่างน้อยวิวนอกหน้าต่างตอนนี้มันก็ดูสวยกว่าชีวิตเขาเยอะ แสงสีแดงที่ย้อมท้องฟ้ายามเย็นมันช่วยปล่อยประโลมให้เขายังมีแรงสู้ต่ออยู่บ้าง

     

    ภาพท้องฟ้าสีนมเย็นพร้อมแคปชั่นที่เป็นเพื่อรูปอิโมจิหน้าเหนื่อยล้าถูกทวีตไปได้เพียง 3 นาที เสียงข้อความจากทวิตเตอร์ก็ดังขึ้น เขาจึงต้องกดเข้าไปดูว่าใครกันนะที่ดีเอ็มมาหาเขาในตอนนี้

     

    “เป็นอะไรรึเปล่าคับ”

     

    ข้อความสั้น ๆ ถูกส่งมาจากบุคคลที่เขาเพิ่งสนทนาด้วยเมื่อวันก่อน แล้วที่เขาเผลอยิ้มออกมานี่มันหมายความว่าอะไรกัน

     

    “อ่าาาา ก็มีเรื่องเซ็ง ๆ นิดหน่อยน่ะ”

     

    มือบางพิมพ์ข้อความตอบกลับอีกคนด้วยมือข้างเดียว ก็ไม่เห็นจำเป็นเลยนะที่อีกคนจะต้องมาอยากรู้เรื่องของเขาขนาดนี้ แต่ทำไมอ่านเร็วจัง ทั้งยังกำลังพิมพ์ข้อความกลับมาอีกแน่ะ

     

    เห็นแบบนั้นใจกลับเต้นรัวอย่างไม่รู้สาเหตุ

     

    “ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็อย่าเพิ่งคิดมากนะ เราเชื่อว่าเธอจะผ่านมันไปได้แน่ ๆ เธอเก่งอยู่แล้ว”

     

    ข้อความให้กำลังใจนี้มันเป็นปกติของแฟนคลับใช่รึเปล่า

     

    “ขอบคุณมากนะ ได้กำลังจากเธอก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้วล่ะ”

     

    ยิ้มบาง ๆ ให้กับข้อความที่ตนเพิ่งส่งไป บ้าจริง คนแปลกหน้าคนนี้เป็นใครกันนะทำไมแชทกันทีไรรู้สึกเหมือนได้เติมกำลังใจยังไงยังงั้นเลย

     

    “ยินดีเสมอ ถ้าเธอต้องการกำลังใจเรามีให้ได้ตลอดเลย”

     

    ใจเต้นรัวอีกแล้ว

     

    นี่มันอะไรกัน เกิดมาจนเบญจเพศเพิ่งเคยรู้สึกแปลกประหลาดขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีแฟนซะหน่อย แต่ว่าไอ้ความรู้สึกเหมือน ตกหลุมรัก นี่มันอะไรกัน ฮักแกต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    เป็นอีกวันที่คุณนักเขียนร่างผอมบางคนนี้นั่งทำงานเสียจนดึกดื่น ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่เวลากลางคืนเงียบ ๆ ความคิดมันถึงได้ฟุ้งเพียงนี้ นาฬิกาดิจิตอลบนโต๊ะทำงานบอกเวลาตีสองแล้ว แต่คนที่ยังจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก สิ่งเดียวที่เขาใส่ใจอยู่ในตอนนี้คือบทความที่กำลังแก้อยู่ต่างหาก

     

    จากนักเขียนนิยายในเว็บชื่อดังสมัยนั้น ไม่ว่าจะเขียนเรื่องไหนออกมาก็ได้รับผลตอบรับอย่างดีเสมอ ทำให้ได้มีโอกาสนำผลงานไปตีพิมพ์แบบจัดการเองเสียหลายเรื่อง และยังมีการได้รับไปทำบทละครอีกต่างหาก แต่ความที่คิดว่าตัวเองเก่งกล้าสามารถของเขานั่นแหละที่มันทำร้ายตัวเขาอยู่ในตอนนี้ ทรนงคิดว่าตัวเองเก่งพอที่จะเป็นนักเขียนมืออาชีพได้ จนเข้ามาเป็นนักเขียนในสังกัดของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ครบ 2 ปีแล้วด้วยที่เข้ามาทำงาน แต่ฮักกลับไม่ได้มีผลงานออกจำหน่ายอย่างนักเขียนคนอื่น ๆ เลย ไม่รู้เพราะตัวเขามันฝีมือตก หรือเพราะไม่มีฝีมืออยู่แล้ว

     

    ความรู้สึกถึงอดีตมันย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ตอนนั้นรู้สึกดีกว่านี้เยอะเลย ไม่ต้องมีใครมาวิจารณ์ผลงานของเขา อยากเขียนอะไรก็เขียน อยากทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ ยังไงก็มีคนรออ่านอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันมันจะเหมือนอดีตได้อย่างไร ในเมื่อเว็บที่เขาเติบโตมานั้นตอนนี้เป็นเพียงด่านแรกของนักเขียนมือใหม่ แอปนิยายหลายหลากได้แย่งกันโฆษณาตัวเองอยู่เต็มอินเทอร์เน็ต ไม่นับการนำเสนอนิยายรูปแบบอื่น ๆ นั่นอีก ใจหนึ่งก็รู้สึกโอนเอนไปตามแอปใหม่ ๆ เหล่านั้นเหมือนกัน แต่ก็ไม่ยอมทิ้งเส้นทางเก่าที่เคยให้โอกาส บอกตามตรงว่าเขาเองก็ปรับตัวยาก

     

    มีหลายเรื่องเหมือนกันที่เขาเขียนลงในแพลตฟอร์มอื่น ๆ ผลตอบรับมันก็ดีอยู่พอสมควร แต่เหมือนว่าเด็กรุ่นใหม่นี้จะไม่นิยมอ่านหนังสือกันเลยในช่วงหลัง เพราะแอปพลิเคชั่นวีดิโอสั้นที่ยอดฮิตอยู่ตอนนี้รึเปล่า ที่เรียกร้องความสนใจของชาวประชาโซเชี่ยลไปจนหมด ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยอยู่อย่างนั้น

     

    พอรู้สึกว่าในหัวสมองเริ่มออกทะเลไปคิดเรื่องอื่น ๆ คนสวยก็เลือกที่จะหยุดทำงานไว้ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหยิบเอาตังเมกรอบที่เขาชื่นชอบมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย พอเจอของหวานแล้วมันรู้สึกดีขึ้นมาเหมือนกันนะ

     

    แต่เหมือนว่าร่างกายของเขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่ตังเมกรอบอย่างเดียว เสียงร้องดังจากท้องนั้นบ่งบอกให้รู้ว่าต้องการอาหารที่ให้พลังงานได้มากกว่านี้ แต่ในตู้เย็นของเขาตอนนี้ว่างเปล่าเกินกว่าที่จะหาอะไรมากินรองท้องเพื่อรอให้ถึงเช้าได้

     

    เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ทำการหยิบกระเป๋าตังใบเล็กพร้อมคีย์การ์ดออกจากห้องไป ชุดบาง ๆ ที่ใส่ไม่ได้ดูน่าเกียจเกินไปในการเดินออกมาหาอะไรกินที่เซเว่นในเวลาเกือบตีสาม ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นสีเงินที่เจ้าตัวลืมถอดนั้นกวาดสายตาไปที่ชั้นของแช่เย็นอย่างต้องการหาสิ่งที่เขาอยากกินที่สุด

     

    สุดท้ายก็จบลงที่ไข่ตุ๋นและข้าวแพนงเช่นเดิม เหมือนโดนสาปให้ต้องกินสองอย่างนี้ตลอดไปยังไงก็ไม่รู้ หลังจ่ายเงินเสร็จก็รีบเดินกลับห้องอย่างไวเพราะกลัวว่าอาหารที่เพิ่งอุ่นร้อนมานั้นจะเย็นเอาเสียก่อนที่จะถึงห้อง

     

    ร่างโปร่งบางนั่งที่โต๊ะเดี่ยวในครัวเล็ก ๆ อย่างคุ้นเคย แก้วน้ำเก็บความเย็นถูกหยิบออกมาจากโต๊ะทำงานเพื่อรินโซดารสเปรี้ยวที่เขาชอบลงไปเตรียมรอสำหรับการรับประทานอาหารมื้อเกือบเช้านี้

     

    ข้างแพนงส่งกลิ่นหอมหลังจากแผ่นพลาสติกถูกลอกออกไป ช้อนพลาสติกตักเอาอาหารเข้าปากอย่างรวดเร็วด้วยความหิว ลมหายใจจากปากถูกพ่นออกมานิดหน่อยเพื่อเป่าไล่ความร้อนที่เกาะอยู่บนไข่ตุ๋นนุ่มนิ่ม แล้วส่งเข้าปากคำโต ผ่านไปไม่นานอาหารที่เพิ่งซื้อมาก็หมดลง มือเรียวยกแก้วเก็บความเย็นสีเทาขึ้นมาดูดดื่มน้ำซ่าด้านในจนหมดแล้วจึงเก็บเอาเศษพลาสติกหลายชิ้นนี้ไว้ในถุงพร้อมกับเดินเข้าไปทิ้งที่ถังขยะในครัว

     

    ถึงเวลาที่เขาควรจะล้มตัวลงบนที่นอนนุ่ม ๆ ได้แล้วเนื่องจากนาฬิกาบอกว่าตอนนี้นั้นเป็นเวลาเกือบตีสี่ คนน่ารักเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่จัดการล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว ขาเรียวก้าวฉับ ๆ ไปที่โต๊ะทำงานเพื่อวางแว่นสายตาไว้บนนั้นและหยิบเอาโทรศัพท์มือถือที่ชาร์ตอยู่มานอนเล่นบนเตียง

     

    กดเข้านั้นนี่ไปเรื่อยจนตาเริ่มหนักขึ้นทุกที จึงยอมปิดหน้าจอและพลิกตัวให้ใบหน้าซุกเข้ากับหมอนข้างอย่างที่ชอบทำประจำ

     

    แล้วเจ้าของห้องนอนแห่งนี้ก็ได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปในเวลาเกือบรุ่งเช้า

     

    เมื่อนั้นเองที่แสงสว่างจากหน้าจอข้าง ๆ ได้กระพริบเตือนข้อความเข้า

     

    ข้อความที่ต้อนรับเช้าวันใหม่

     

    จากแฟนคลับคนนั้น

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

    - พื้นที่นักเขียน -

    สวัสดีค้าบผม ไม่รู้ว่ามีใครรออ่านเรื่องที่เค้าแต่งอยู่ไหม แต่วันนี้มาเกือบเช้าเลย5555 จริง ๆ ตั้งใจจะแต่งให้จบแล้วค่อยมาลง แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้ายังแต่งไม่จบจะได้ลงตอนไหน บางทีอาจจะไม่ได้ลงเพราะแต่งไม่จบ เอ้า5555 

    พล็อตเรื่องนี้เราเอามาจากเรื่องจริงของเราเองค่ะ ตอนที่แต่งเราเพิ่งผ่านเหตุการณ์มาเลย แล้วรู้สึกว่าสตอรี่มันน่ารักมาก ๆ เลยเอามาแต่งเป็นเรื่องยาว ถ้าคุณเค้ามีโอกาสผ่านมาเห็นเราก็ขออนุณาตนะคะ ที่ใช้คำพูดของคุณมาใส่ในงานนี้ แต่ว่าคุณน่ารักมาก ๆ ><

    หวังว่าคนที่ได้อ่านจะชอบนะคะ ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนตัวน้อย ๆ คนนี้ด้วยนะคะ^^

    B
    E
    R
    L
    I
    N

    Free Lines - Handwriting
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×