ตอนที่ 55 : ข้อเสนอของเพื่อนสนิท
*ลงครั้งแรก 20 มี.ค. 61
*แก้ไขคำผิด 8 เม.ย. 61
“ทำไม... พวกนั้นถึงมาอยู่แถวนี้ได้!”
ชายหนุ่มผมดำหลบวูบเข้าหลังต้นไม้ใหญ่ก่อนจ้องมองกลุ่มคนบนลานตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด ในเมื่อ ‘จุดตั้งแคมป์’ เขตปลอดภัยของทางระบบซึ่งเป็นจุดนัดหมายตามแผน กลับเต็มไปด้วยกลุ่มคนในชุดคลุมสีดำผู้ซึ่งประดับเข็มกลัดสีเงินสลักรูปปีกนกสีดำสนิทกลางหน้าอก เครื่องแบบที่เพียงเหลียวเห็นชายหนุ่มก็ต้องรีบหลบหาที่ซ่อน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ตนกำลังเป็นผู้ถูกตามล่าเช่นนี้
ตอนประชุม พวกนั้นย้ำนักย้ำหนาว่าจุดนัดพบคือลานตั้งแคมป์หน้าประภาคารปากแม่น้ำ ที่นี่ไม่ผิดแน่ แล้วทำไม... หรือจะเป็นฝีมือนักเวทวิปริตนั่น ไม่สิ ถึงมันส่งข่าวให้พวกปีกดำมาดักรอก็ไม่น่าจะมากันเร็วขนาดนี้ หรือกิลด์เราจะมีหนอน!
หนุ่มผมดำสะบัดมือข้างหนึ่งขึ้นวาดไปมากลางอากาศอย่างรวดเร็ว จนแมวตัวน้อยในอ้อมแขนผวาต้องตะปบเท้าหาที่เกาะ หากเมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นคิ้วหนาขมวดเข้าหากันเป็นปมกับนัยน์ตาสีเพลิงที่กวาดไปมาอย่างเคร่งเครียด ปากที่กำลังจะร้องประท้วงจึงยอมหุบลงแล้วเกาะแขนชายหนุ่มอยู่นิ่ง ๆ
ในขณะที่แมวขนฟูยอมทำตัวเป็นเด็กดี ชายหนุ่มก็ปราดนัยน์ตาสีเพลิงอ่านข้อความย้อนหลัง ข้อความจากเหล่าผู้ร่วมอุดมการณ์ที่ส่งมาในระหว่างที่ตนกำลังกระเสือกกระสนหลบหนีหาทางรอด
ข้อความจาก วิหคอัคคี
14:32 พวกไอ้เจ๋งที่อยู่แถวเมืองเริ่มต้นเตรียมไปรอเอ็งตามแผนแล้ว อีกสักพักน่าจะถึง มันบอกรวมคนมาได้แค่ 10 กว่า ถ้าเอ็งจัดการหมาล่าเนื้อเสร็จให้รีบมารอที่ประภาคารปากน้ำ คนของเรามีไม่มาก ระวังตัวดี ๆ อย่าเพิ่งไปเสนอหน้าให้พวกปีกดำเห็นแล้วตามมาซิว ถ้าพวกข้าเคลียร์เรื่องทางนี้เสร็จจะรีบลงไปช่วย แต่ไม่ต้องห่วง ทีมไอ้เอกเดินทางลงไปก่อนแล้ว ถ้าพวกเอ็งทำตัวสงบเสงี่ยมรอได้ถึงพรุ่งนี้บ่าย จะมีสหบาทาไปช่วยกระทืบพวกปีกดำอีกหลายสิบคู่แน่
15:41 ข่าวร้าย ไอ้เจ๋งบอกว่าจุดนัดพบมีพวกปีกดำยั้วเยี้ย สงสัยข่าวจะรั่ว เปลี่ยนไปใช้แผน 3 ทำทีหนีขึ้นเหนือ ล่อพวกมันให้มาเจอพวกไอ้เอกกลางทาง เจอกันเมื่อไหร่เราจะเผด็จศึกพวกมันกันตรงนั้น แล้วก็อย่าเงียบ รายงานสถานการณ์ฝั่งเอ็งมาด้วย
ข้อความจาก เปลวเพชฌฆาต
15:59 อยู่ไหนแล้วเฮีย พวกผมเจอจุดตั้งแคมป์ใหม่ในป่า ลงมาทางใต้ของจุดนัดอันเดิมนิดหน่อยแล้วเดินเลาะลำธารมา เข้ามาในเขตป่าไม่ไกลหาไม่ยาก พวกผมเช็กแล้ว แถวนี้ไม่มีพวกปีกดำ เฮียมาเจอพวกผมตรงนี้ก่อนก็ได้แล้วค่อยไปด้วยกัน พิกัด der 456,1339 จะให้รอไม่รอยังไงก็ตอบด้วยนะคร้าบ
ข้อความจาก วิหคอัคคี
16:27 เปลี่ยนแผนโว้ย ไอ้เจ๋งมันเจอพวกปีกดำรวมหัวทำอะไรกันแปลก ๆ เหมือนไม่ได้จะมาดักรอเอ็ง แต่พวกมันปักหลักตั้งกระโจมจริงจังแล้วส่งคนเวียนกันออกไปทำอะไรสักอย่าง พวกข้าวิเคราะห์ดูแล้ว ข่าวฝั่งเราก็ไม่น่าจะรั่ว พวกนั้นน่าจะกำลังซุ่มทำโปรเจคลับ ไอ้ก้องเดาว่าน่าจะเกี่ยวกับแท่นอักขระที่เอ็งตามหา
16:35 แผนใหม่ เดี๋ยวเอ็งไปสมทบกับพวกไอ้เจ๋งแล้วพรุ่งนี้เตรียมไปเป็นตัวล่อ ดึงคนที่เฝ้าฐานทดลองนั่นออกมาให้ได้มากที่สุด พวกไอ้เอกไปถึงเมื่อไหร่เราจะบุกยึดทันที แล้วทางเอ็งเป็นยังไง รายงานมาหน่อยสิโว้ย
16:54 เห้ย! โดนสอยไปแล้วรึไง ตอบอะไรมั่งสิวะ ส่งมาแค่พิกัดก็ยังดี เดี๋ยวก็ปั๊ด ยกเลิกแผนปล่อยลอยแพเลยนี่
เมื่อไล่อ่านข้อความจบ ชายหนุ่มผมดำก็ถอนหายใจออกยาว ก่อนจะมองสำรวจไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง กระชับวงแขนแล้วอุ้มแมวตัวน้อยออกห่างจากพื้นที่สุ่มเสี่ยงอย่างรวดเร็ว จวบจนพ้นเขตอันตรายมาได้ มือหนาจึงรีบต่อสายหาเพื่อนผู้เป็นหัวเรือใหญ่ในปฏิบัติการนี้ทันที
ติ๊ด
-กว่าจะติดต่อมาได้นะเอ็ง-
“โทษที หมาล่าเนื้อทางนี้ตึงมือไปหน่อย”
-หะ นี่ข้าหูฝาดไปรึเปล่า ถึงขนาดท่านเงาอัคคี อดีตมือโจมตีอันดับหนึ่งของกิลด์บอกว่าตึงมือ แสดงว่าใช่ย่อย มันเป็นใคร คราวหน้าคราวหลังพวกข้าจะได้ระวังตัว ถ้าเจอหน้าจะได้สั่งจัดเป็นเป้าแรก ตัดปัญหาก่อนเลย หือออ นั่น... สวัสดีน้องเหมียว ปลอดภัยดีสินะ-
“เมี้ยว”
-ดีครับ-
“มันใช้ไอเทมปกปิด ไม่รู้ชื่อ เป็นนักเวทไร้ธาตุสายลดเวลาร่าย ตอนอาชีพขั้นกลางน่าจะเล่นสายจอมเวทน้ำ แต่ที่โหดก็คือมันดันมีฝีมือการต่อสู้ชั้นครูมาจากโลกจริง ใช้คทากระดูกขาวคู่กับดาบเรเปียร์ฟันแทนดาบ 2 มือ ฟัน ๆ ไปมีร่ายเวทอัดใส่ได้อีก”
-อื้อหือ!-
“แถมมีสกิลเร่งการโตของพืชที่เคยเล่าให้ฟัง แล้วยังฉลาดเป็นกรด มองปราดเดียวก็เดาสถานการณ์ออก ตัดสินใจเร็ว ที่สยองสุดคือมันเป็นเก้งโรคจิต สู้ไปหลอนไป ฉันสู้กับมันเป็นชั่วโมงก็ล้มไม่ได้ จนน้องจามาช่วย ถ้าเจอคราวหน้า ฉันต้องหาทางเอาคืนแน่!”
เล่าจบชายหนุ่มผมดำก็เม้มปากแน่น ดวงตาคมทอแววคับแค้น จนแมวน้อยต้องขยับแก้มถูไถอย่างออดอ้อนจึงได้รู้สึกตัว ตรงกันข้ามกับทางผู้ฟัง ซึ่งพอได้ยินก็ดวงตาลุกวาวด้วยความสนใจ
-ขนาดนั้น! เสียงเอ็งนี่เหมือนแค้นมากว่ะ โดนอะไรมาเยอะละสิเพื่อนคิม อืม... โจมตีได้ทั้งเวททั้งประชิด ถอดแบบอาชีพนักดาบเวทของเอ็งมาเลยนี่หว่า แต่เป็นนักเวทงี้ เวทอลังการแถมแรงกว่าชัวร์ งั้นเอ็งก็แพ้ทางทั้งเวททั้งเชิงดาบเลยน่ะสิ รอดมาได้ไงวะเนี่ย ให้ตาย บิวท์นี้น่าสนชะมัดยาด แต่จะไปหาใครเทพการต่อสู้จากโลกจริงมาเล่นได้วะ ถึงได้บิวท์มาก็ไม่มีปัญญาเลียนแบบ เฮ้อ... แล้วสถานการณ์ทางเอ็งเป็นไง บอกว่ารอดนี่คือฆ่าได้แล้วใช่ไหม-
“นักเวทน่ะใช่ แต่ยังเหลือนักดาบน่ารำคาญอีกหนึ่ง”
-ฝีมือตกไปนะ งั้นแสดงว่าหมาล่าเนื้อที่บอกว่ามี 2 ตัว ตัวที่เป็นนักดาบยังล่าเอ็งอยู่-
“ใช่”
-ส่วนนักเวทขาโหดนั่น ตายกลับจุดเซฟ แต่เอ็งไม่รู้ว่ามันเซฟไว้ที่ไหนละสิ-
“เป็นไปได้อีกอย่าง นักดาบนั่นอาจจะชุบนักเวทขึ้นมาทัน โทษที ตอนนั้นสภาพฉันไม่ไหวจริง ๆ เลยไม่ได้เก็บงานให้เรียบร้อย”
-เอาน่า เอ็งก็รอดพาน้องจาออกมาได้ตามแผนนี่ ยังไงผลจากจารึกนั่นก็อยู่แค่ 7 วัน นับที่ปิดเซิร์ฟไปก็เหลือไม่ถึง 6 นั่น... แป๊บนะ ไอ้ปิง พวกมันส่งของไปที่ปราสาทสลักจันทร์รึยัง กว่าแม่คุณประภาฉายจะตรวจ กว่าจะตอบกลับมาอีก เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปไหนกันพอดี-
-เออ ๆๆ เดี๋ยวกูไปดูให้-
เงียบกันไปพักใหญ่ จนชายหนุ่มผมดำเดินเลาะแม่น้ำออกจากที่โล่งเข้าสู่ร่มเงาป่า เดินไปมือหนาก็ลูบตัวแมวน้อยอย่างครุ่นคิด จนในที่สุดก็เอ่ยปากถามเพื่อนถึงสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ
“โต้ เรื่องแผนใหม่ที่นายว่า... แน่ใจแล้วเหรอ”
-ยิ่งกว่าแน่ นาน ๆ จะได้ขัดขาไอ้พวกปีกดำให้กระอักทั้งที โอกาสงาม ๆ อย่างงี้ ข้าไม่พลาด!-
“แต่ถ้าอะไรก็ที่พวกปีกดำเฝ้าอยู่นั่นเกี่ยวกับแท่นอักขระจริง ฉันก็ไม่อยากลากพวกนายมารับหน้า แค่ดูแลเมืองใหม่ก็วุ่นวายกันพอแล้ว มาขัดขาพวกมันเพราะฉันอย่างนี้ เดี๋ยวก็โดนพวกมันพุ่งเป้าอีก จะเดือดร้อนกันเปล่า ๆ เรื่องเควสท์ประดับสัญลักษณ์ ให้ฉันโดนเพ่งเล็งคนเดียวก็พอ”
-วะ! ศัตรูตลอดกาลอย่างพวกมัน ขัดขาข้ามาตั้งแต่เปิดเกม ถึงไม่มีเรื่องเควสท์ของเอ็งข้าก็พอใจจะทำ อย่าคิดมากน่า เอ็งควรจะห่วงว่าพวกข้าจะรู้ความลับแท่นอักขระนั่น แย่งทำเควสท์แล้วยึดเมืองมาเองมากกว่า ฮ่า ๆๆๆ-
“มะ..เมี้ยว แม้ว”
-ง่ะ.. ไหงพี่พูดงี้อะ-
“หึ ๆๆ ทำได้ก็เอาสิ”
-หน็อย อย่าท้านะโว้ย เฮอะ! แต่ไม่ดีกว่า แค่เมืองเดียวก็ปวดหัวจะตายละ-
หัวหน้ากิลด์หนุ่มทำทีเป็นยกมือกุมศีรษะแล้วส่ายหน้าเหมือนกับเหนื่อยซะเต็มประดา ให้แมวตัวน้อยได้คลายใจ ส่วนชายหนุ่มที่รู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดีก็ยิ้มขำ ก่อนนัยน์ตาสีเพลิงจะจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายนิ่ง ๆ อย่างจริงจัง
“แต่ฉันออกกิลด์มาแล้ว นายไม่ต้องช่วยขนาดนี้ก็ได้”
-ออกกิลด์แล้วยังไง เพื่อนก็ต้องช่วยกันสิวะ-
“ถ้าต้องให้คนทั้งกิลด์มาเหนื่อยช่วยฟรี ๆ ถึงสุดท้ายฉันได้เมือง มันก็ตะขิดตะขวงใจ รู้สึกเหมือนติดหนี้บุญคุณอยู่ดี”
“แม้ว...”
-นั่นสิ...-
-คิดมากน่า-
“เอาเป็นว่า เพื่อความสบายใจของฉันเอง ฉันมีข้อเสนอ”
-หือ!?-
ดวงตาสีดำลึกลับมองกลับไปสบนัยน์ตาสีเพลิงของเพื่อนอย่างค้นหา ก่อนจะพบแววจาจริงจังแฝงแววเจ้าเล่ห์ แววตาแบบเดียวกับที่เคยเห็นชายหนุ่มตรงหน้าใช้เจรจากับ NPC ระดับสูงสำเร็จมานักต่อนัก หากแววตาเช่นนั้นมิเคยถูกนำมาใช้กับพวกตน
“คิดว่านายคงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว เควสท์แท่นอักขระของเมืองเริ่มต้น คนที่ตามหาเจอ... จะได้สกิลพิเศษ”
-นั่น... ก็เคยได้ยินมาแว่ว ๆ เรื่องจริงสินะ-
“จริง แต่ไม่ใช่แค่หาเจอก็จะได้เหมือนตอนรับเควสท์ประดับสัญลักษณ์ ถึงเจอแท่นอักขระก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้สกิล มันต้อง... มีวิธีพิเศษอะไรอีกนิดหน่อย”
“มะ..เมี้ยว แม้ว”
-พะ..พี่คิม พี่จะทำไรอะ-
อุ้งเท้าปุยพยายามจะจิกเล็บลงบทท่อนแขนแข็งแรงเพื่อทัดทาน หากหนุ่มเป้าหมายจะทำเพียงเหลือบตาลงมอง ลูบหัวปลอบอย่างอ่อนโยน แล้วหันมาสนใจกับบทสนทนาตรงหน้าต่อ
“แถมก็ไม่รู้ด้วยว่าถ้ามีคนขึ้นครองเมืองได้แล้ว จะยังไปรับสกิลพวกนั้นได้อีกรึเปล่า สกิลที่ว่านั่น ตอนนี้ฉันรู้มาสาม สองในนั้น... ฉันคิดว่านายน่าจะสนใจ”
วิหคอัคคียกมือลูบคางพลางคิดตาม ดวงตาคมปราดมองเพื่อนตรงหน้าที่ดูเหมือนจะกลายเป็นคนที่ตนไม่รู้จัก อสูรหนุ่มหรี่ดวงตาลงก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
-ว่ามา-
“อันแรก สกิลติดตัว ทุก ๆ 10 วินาทีที่สัมผัสแหล่งน้ำธรรมชาติ เลือดจะเพิ่ม 200 กับมานาอีก 50”
-หืม!?-
สกิลนั่น... สวรรค์สายตะลุยเก็บเลเวลชัด ๆ คราวที่แล้วที่ปักหลักกันที่เวิ้งอสูรจนยาหมดเกลี้ยง เลยต้องพากันถ่อสังขารกลับ ถ้าตอนนั้นมีสกิลนี้ละก็...
“ส่วนอีกอัน สกิลเรียกใช้ สร้างเกราะเวทมนตร์ใช้มานารับดาเมจแทนได้ทุกรูปแบบ มานา 20 เปอร์เซ็นต์ต่อการรับดาเมจ 1 ครั้ง ดาเมจที่โดนจะลดตามเปอร์เซ็นต์มานาที่เหลืออยู่ในหลอด ถ้ามีมานาเต็มหลอดล่ะก็... หึ ๆๆ”
เต็มหลอดก็... ลด 100 เปอร์เซ็นต์ นี่มัน..สกิลพระเจ้าสายแท้งค์ชัด ๆ !
วิหคอัคคี หนึ่งในผู้เล่นตำแหน่งแท้งค์ของกิลด์หันขวับ ดวงตาคมเบิกกว้าง หากเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนมุมปากของเพื่อน ประสบการณ์การเจรจากับผู้เล่นมานับร้อยพันก็ทำให้ชายหนุ่มเผ่าอสูรหรี่ตาลงกัดฟันกรอด แล้วถามออกไปเสียงเข้ม
-แลกกับอะไร! ของอย่างนี้มันรู้แล้วรู้เลย มีค่าขนาดนั้น แถมยังพ่วงเควสท์ปริศนามาด้วยอีก ไม่ได้แลกกับแค่ช่วยยันพวกปีกดำง่าย ๆ แค่นี้หรอกใช่ไหม เพื่อนคิม-
“สมเป็นนาย เพื่อนโต้ เข้าใจง่ายดี 1 สกิลต่อ 1 คำขอ”
“มะ.. มี้ แม้ว ม้าววว”
-หะ..เหอออ เอางี้เลยเหรอ-
-ว่ามา-
“สำหรับสกิลแรก นายต้องช่วยฉันยันพวกปีกดำจนกว่าจะทำเควสท์แท่นอักขระฝั่งนครทุ่งหญ้าเสร็จ แล้วก็ช่วยทำลายโปรเจคอะไรก็แล้วแต่ที่พวกมันกำลังทำอยู่ พนันได้ว่านายส่งคนไปสืบจนพอรู้มาคร่าว ๆ บ้างแล้วใช่ไหม”
-เออ ได้ ข้ารับปาก แล้วอีกสกิลล่ะ อย่าให้มันมากนักนะโว้ย-
“ไม่มากหรอก”
รอยยิ้มลึกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมพร้อม ๆ กับนัยน์ตาสีเพลิงที่เหลือบลงมองแมวขนฟูในอ้อมแขน ก่อนมือข้างที่ว่างจะยกขึ้นโบกสะบัด เปลี่ยนการพูดคุยจากธรรมดาให้กลายเป็นการสนทนาลับ ไร้เสียงเล็ดลอดออกมาให้แมวตัวน้อยได้ยิน ภาพที่เคยปรากฏชัดก็กลายเป็นเพียงเงาให้เดาบทสนทนาไม่ออก แถมด้วยมือหนาที่เลื่อนลงมาปิดดวงตาสีฟ้าใส จนแมวตัวน้อยทั้งร้องทั้งดิ้นประท้วงแม้จะยังคงไร้เรี่ยวแรง
“แม้ว! เมี้ยว ๆๆ มี้ ม้าววววววววววว”
-เห้ย! ไหงงั้นง่ะ ให้ผมฟังด้วยสิพี่คิม ปล่อย ปล่อยผมน้า-
เมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่เริ่มเหมือนกลายเป็นคนไม่รู้จักไปทุกทีเอาแต่รังแกแมวขนปุย วิหคอัคคีที่อยากได้ทักษะในฝันชาวสายแท้งค์จนแทบเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่จึงกระแอมเรียกร้องความสนใจขึ้น
-อะแฮ่ม! แล้วของอีกสกิลน่ะ ตกลงว่าไง-
หนุ่มผมดำเบนสายตาออกมาจากร่างเล็กแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย นัยน์ตาคมสีเพลิงคู่นั้นวูบไหวอย่างลังเลเล็กน้อย ก่อนเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งอย่างคนตัดสินใจได้ ชายหนุ่มจ้องมองเข้าไปในดวงตาของวิหคอัคคีอย่างจริงจังแล้วเอ่ยขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ ชัดเจนจนทำเอาผู้ฟังตะลึงค้างสติหลุดลอย
“ฉันกับน้องจา เราคบกันอยู่ ฉันอยากให้นายช่วยทำให้จ๋ายให้เข้าใจและยอมรับความรักของเราสองคนหน่อย ตอนนี้นายสนิทกับจ๋ายที่สุด ฉันเชื่อว่านายทำได้ ช่วยหน่อยนะ เพื่อนโต้”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คอมเม้นทีเดียวเลยเนอะๆ
ไรท์ค้าาาาา กินอะไรมา บอกมาเด่วนี้น้าาาาา ตะไมเเต่งนิยายเก่งเยี่ยงนี้ ฮือออออ ชอบมากๆอ่าาาา หลงรักเจ้าเหมียว หลงรักพี่คิม หลงรักตัวละครทุกตัวววว
มีความอยากให้น้องเหมียวไปอยู่กับท่านราชันย์ เค้าลงเรือนี้ไปแย้วว5555555
#fightingggg
มาต่อเยวๆน้าาาา
รออยู่เน้ออออ
ห้ามเทนะ สนุกมากๆ จริมๆ
#สู้ๆ
ดูเเลสุขภาพด้วยนะค้าาาา
ทำให้พี่จ๋ายยอมรับได้เนี่ยยากกกกกก~