ตอนที่ 39 : ความเป็นจริง ไม่อิงเรื่องเล่า
*ลงครั้งแรก 3 ก.ย. 60
หนุ่มหน้าทะเล้นที่มักจะอารมณ์ดีอยู่เสมอย่างสามขุมเข้ามายังโต๊ะยาวตัวประจำของแก๊งซ่าขาใหญ่ประจำคณะอย่างเคร่งเครียดผิดวิสัย มือเรียวตบลงตรงโต๊ะไม้หน้า ‘คิม’ หนึ่งในเพื่อนสนิทของตนแล้วเอ่ยขึ้นอย่างเดือดดาล ให้ผู้ร่วมโต๊ะที่เหลือสะดุ้งโหยง พากันเงียบเสียงลง แล้วหันมามองทั้งสองเป็นตาเดียวอย่างหวาด ๆ
“ไอ้คิม! สายบอกมาว่าน้องจาของกรูโดนล่อลวง สารภาพมา! อะไร! ยังไง! ทำไม!!”
ทว่าหนุ่มเป้าหมายกลับทำหน้างง หากเมื่อสมองเริ่มทำงานจับใจความปะติดปะต่อเรื่องได้ก็แผ่ไอสังหารออกมารอบตัว แล้วถามสวนกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น แต่กลับให้ความรู้สึกดั่งภูเขาไฟคุกรุ่นที่รอเวลาปะทุ
“ใคร! มันเป็นใคร!! ก่อนออกมาฉันส่งไปที่ปลอดภัยแล้วแท้ ๆ นี่ไม่อยู่ด้วยแค่แป๊บเดียว โดนใครล่อไปไหนอีก!!”
ใคร! ใครมันบังอาจมาล่อลวงเจ้าตัวเล็กของผม ลงทุนตีตราขอเป็นแฟนขนาดนี้แล้ว สิทธิ์ล่อลวงเจ้านั่น ต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น!
เมื่อเห็นท่าทางเป็นเดือดเป็นร้อนจริงจังของเพื่อนสนิท อีกทั้งเปลวไฟลุกโชนในดวงตาและรังสีสังหารที่แผ่ออกมารอบร่าง พี่หวงน้องที่ร้อนมา พอเจอคนร้อนกว่าก็เริ่มเย็นลง ส่วนเพื่อน ๆ ที่เหลือ หากไม่ปลีกกายหนี ก็ขยับออกห่างสองเกลอจนไปกองกันอยู่ปลายอีกฝั่งของโต๊ะ เหลือทิ้งไว้เพียง ‘โต้’ ผู้นอนหลับได้ ไม่สะทกสะท้านแม้ยามพายุโหมกระหน่ำ
“กรูก็ไม่แน่ใจ แต่สายกรูบอกว่า เจ้านั่นมันทั้งโอบทั้งกอดทั้งอุ้มน้องจา อุ้มท่าเจ้าสาวด้วย! น้องกรูแท้ ๆ กรูยังไม่เคยได้อุ้มท่านั้นเลยนะ แล้วมัน มันเป็นใคร กล้าดียังไง อย่าให้เจอ กรูจะใส่ชุดเกราะเต็มสูบ จับล็อกคอทุ่มแล้วกระโดดทับให้แบน!!”
“จัดไป! เจอตัวเมื่อไหร่เรียกด้วย ฉันจะช่วยอีกแรง!!”
โอบ กอด อุ้มท่าอุ้มเจ้าสาว ใครมันช่างกล้า!! แต่จะว่าไป... แต่ละอย่างที่พูดมามันก็คุ้น ๆ เหมือนเราจะเคยทำมาหมดแล้วนะ.......
ชายหนุ่มร่างสูงคิดทบทวนพลางใบหน้าคมก็เริ่มจืดเจื่อน เหลือบตาไปมองเพื่อนจอมหวงน้องข้าง ๆ ที่ยังคงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันชวนสยองก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอ รวบรวมความกล้าแล้วถามขึ้น
“จ๋าย สายข่าวนายนี่ใคร เชื่อได้แค่ไหน เอ่อ... คราวที่แล้วที่น้องนายหาย ฉันวิ่งวุ่นหาตั้งนาน สุดท้าย เจ้าแมวนั่นแค่แอบไปเล่นสะกดรอยชาวบ้าน สมัครใจไปเองล้วน ๆ ฉันเลยถาม พวกเราอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้”
“ข่าวแม่นชัวร์ล้านเปอร์เซ็นต์! จากที่สายบอก เรื่องน่าจะเพิ่งเกิดช่วงออนไลน์ที่ผ่านมา ไอ้คิม เมิงอยู่กับน้องกรูแทบจะตลอดนี่หว่า บอกมาดิ๊ ใครมันน่าจะเป็นตัวการบ้าง”
กูเองเพื่อน...
คิดในใจแต่ไม่กล้าตอบ เมื่อสบเข้ากับสายตาร้อนแรงของพี่ชายดีเด่นแห่งชาติที่มองตรงมา ดวงตาคมก็เสหรุบลง ทำท่าทางเหมือนครุ่นคิด ชั่วขณะหนึ่ง ประกายวาบก็ฉายพาดผ่านนัยน์ตาที่กำลังจับจ้องอยู่ที่พื้น ให้รอยยิ้มลึกลับผุดขึ้นบนมุมปากเสี้ยววินาทีก่อนจางหายไป
“นึกออกละ ถ้าเอาแค่ออนไลน์ที่ผ่านมา น้องนายหายตัวไป 2 รอบ ถ้าไม่นับรอบที่หนีไปเล่นกับพวกเสือที่ไม่น่าจะเจอใคร ก็คงเป็นตอนที่ให้ไปฝึกลากม่อนคนเดียวแต่กลับหายหัว ส่วนคนที่น่าจะล่อลวงน้องนาย ก็คงมีแค่... ไอ้หนุ่มนั่น”
“ไอ้หนุ่มนั่น! หนุ่มไหน มันเป็นใคร!”
คนคิดไม่ซื่อแกล้งลากเสียงยาว ก่อนจะลงท้ายประโยคอย่างหนักแน่น ให้พี่หวงน้องถามกลับทันควัน
“พวกหลงหางยาว ๆ เท้าปุย ๆ เข้าขั้นคลั่งไคล้ นายพลอสูรเต็มเหนี่ยว! ตอนฉันเจอมัน มันกอดน้องจาทั้งตัวแล้วฟัด คิดดูสิ ตัวเท่าหมีควาย กอดเด็กตัวเล็ก ๆ ซะจมมิด ขนาดน้องนายขัดขืนแล้วมันยังไม่สะดุ้งสะเทือน ฉันเนี่ยเดือดจนเอาแอปเปิลปาอัด น้องจาเลยรอดออกมา คิดแล้วก็แค้น!”
“ชิชะ ไอ้หมีควายนั่น แค่หลงสัตว์หน่อยก็คิดว่าจะไล่กอดน้องจาของกรูได้เหรอ มันต้องโดนท่าทุ่มปราบมังกือสะท้านโลกันตร์พลังพี่ชายของกรูให้หายบื้อ! เมิงไม่ต้องห่วง กรูไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่”
สองหนุ่มมองสบตาแลกเปลี่ยนความเคียดแค้นอย่างเข้าอกเข้าใจ ก่อนพี่ชายหน้าทะเล้นจะหันมองไปรอบ ๆ แล้วตะโกนเรียกหาเป้าหมายใหม่
“ไอ้เจ๋ง ไอ้เจ๋งโว้ย ไปไหนแล้วฟระ พวกนี้นี่พอจะใช้งานก็หายหัวไปหมด พอไม่อยากเจอนี่เสนอหน้ากันจัง ไอ้เจ๋ง โผล่หัวออกมา กรูมีงานล่ามาแรงให้เมิงทำ!”
เมื่อเรียกหาไม่เจอ พี่ติดน้องก็ลุกออกตระเวนหา ทิ้งให้ชายหนุ่มตาคมมองตามแล้วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างสมใจ หากเมื่อหันหน้ากลับมายังโต๊ะก็ต้องชะงัก เมื่อพบรอยยิ้มปริศนาของ ‘โต้’ ผู้ตื่นขึ้นมาเฝ้ามองเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
“มีเรื่องอะไรดี ๆ ไม่เล่าให้เพื่อนฝูงฟังบ้างเลยนะ เพื่อนคิม”
“ก็มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ฉันว่า... เรื่องของนายดังและน่าสนใจกว่าเยอะ ไม่คิดจะเล่าให้เพื่อนฟังบ้างเหรอ เพื่อนโต้”
“หึ! เปลี่ยนเรื่องหน้าด้าน ๆ เอาเถอะ ว่าแต่ที่พูดมา เอ็งหมายถึงเรื่องไหน ข้าบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยมีความลับกับเพื่อนว่ะ ว่ามา เคลียได้เสมอ”
“งั้นฉันไม่เกรงใจล่ะ”
ผู้ได้สิทธิ์ถามเงียบไปหลายอึดใจเพื่อเรียบเรียงคำพูด ก่อนเผยยิ้มแบบมีลับลมคมใน แล้วมองเข้าไปในดวงตาเพื่อนตรง ๆ
“ข่าวลือมีมูลดังไปทั่วกิลด์ ขนาดคนนอกอย่างฉันยังได้ข่าว เรื่องที่ว่า นาย กับ จ๋าย ดูใจกันอยู่... แบบคนรัก”
“เฮ้ย! มั่วแล้วเอ็ง ข่าวบ้าอะไรกัน!!”
“โวยวายไรฟระโต้ ขี้หูกรูเต้นระบำหมด เฮ้ยคิม ไม่ต้องเป็นห่วงนะ กรูสั่งงานไอ้เจ๋งเรียบร้อยแล้ว รับรอง ผ่านวันนี้ไป หมีควายตัวนั้นมันต้องอยู่ไม่เป็นสุข หนีหัวซุกหัวซุน ชดใช้ความผิดที่มันทำกับน้องกรู! หึ ๆๆ”
หัวเราะเจ้าเล่ห์อย่างพออกพอใจหากขัดอารมณ์ของคู่ขาตามข่าวเข้าอย่างจัง ทำผู้หงุดหงิดงุ่นง่านอยากพ่นไฟทำตาเขียวปั้ดใส่
“พักเรื่องบราค่อนของเอ็งไปก่อนเลย ตอนนี้มีเรื่องหนักหน่วงกว่ารอให้จัดการ คิม เอ็งพูดอีกรอบดิ๊ ขอรายละเอียด เอาแบบชัด ๆ”
“เรื่องอะไรฟระ สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ จะได้เวลาเข้าเรียนแล้วนะเฟร้ย”
“สำคัญ มาก! เรื่องคลาสของเฮียสมชายต้องชิดซ้าย!!”
“งั้นก็ฟังดี ๆ ทั้งคู่เลย ข่าวกำลังมาแรงว่า นาย…”
คิมยกนิ้วขึ้นชี้อก ‘โต้’ ผู้จ้องกลับอย่างดุดัน ก่อนจะเบนนิ้วหันไปชี้ ‘จ๋าย’ เพื่อนหน้าทะเล้นที่เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
“และ นาย… กำลังสร้างความสัมพันธ์ แบบคนรัก”
“เย้ยยยย!”
“ข่าวบอกชัดว่าหัวหน้ากิลด์และรองหัวหน้ากิลด์หงส์เพลิง ระบุชื่อด้วยไม่ผิดตัวแน่ หลักฐานยืนยันมีตั้งแต่เรื่องเล่าปากต่อปากเรื่องการกอดคอใกล้ชิดแบบถึงเนื้อถึงตัว แล้วยังมีรูปฉากพลอดรักส่งความในใจกันสองต่อสอง รูปผ่านการพิสูจน์จากระบบเกม ยืนยันว่าเป็นของจริงไม่มีการตัดต่อแต่งเติม”
พูดพลางกดนาฬิกาข้อมือฉายรูปเจ้าปัญหาขึ้นเป็นโฮโลแกรมสามมิติตรงกลางโต๊ะ ภาพคมชัด เห็นเป็นชายหนุ่มในชุดเกราะหนักเต็มยศสีเงินสองคน ที่ถ้าหากรู้จักคุ้นเคยกันในเกม มองแค่แวบเดียวก็บอกได้ว่าเป็นใคร คนตัวใหญ่กว่ากึ่งนั่งกึ่งนอนเหยียดขาอยู่บนพื้น เอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย สองมือหนาโอบเอวของคนตัวเล็กกว่าที่นั่งคร่อมอยู่ด้านบนเอาไว้ คนตัวเล็กกว่ากางขางอเข่านั่งคร่อมตักคนด้านล่าง ใกล้ซะจนลำตัวคนทั้งสองอิงแอบแนบชิด ทั้งยังพิงศีรษะซบไหล่กว้างดั่งกำลังออดอ้อน อีกทั้งสองมือเรียวที่เหมือนกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่บริเวณหน้าท้องของทั้งคู่ชวนให้สงสัย
ภาพที่ฉายขึ้นทำให้คู่ขาในข่าวช็อกตาค้างเมื่อได้เห็น แล้วแย่งกันตะครุบปิดเจ้าเครื่องฉายแทบไม่ทัน ก่อนจะพากันหันมองซ้ายขวาว่ามีใครเห็นบ้าง โชคดีที่ได้เลยเวลาเข้าเรียนไปแล้ว รอบด้านจึงเงียบสงบมีคนรอบ ๆ มีเพียงกลุ่มเพื่อนด้วยกันเองที่แต่ละคนมองมาตาไม่กะพริบ ทว่า ดูจะไม่มีใครตกใจเหมือนกับเห็นภาพนั้นมาแล้วหลายครั้ง
“ม่ายยย...”
“นะ..นั่น มันตอนไหนวะ”
“อะแฮ่ม! นอกจากรูป ก็ยังมีการตะโกนบอกรักให้ทุกคนในกิลด์รับรู้ผ่านช่องแชท แถมยังมีคนสนิทของทั้งคู่เป็นพยาน ทั้งยืนยันทั้งรายงานความคืบหน้าเป็นระยะอีก ใช่ไหม ปิง!”
เสียงเน้นเข้มจนเจ้าของชื่อที่ตั้งท่าจะลุกหนีตั้งแต่ได้ยินคำว่า ‘คนสนิท’ สะดุ้งเฮือก แล้วหันมายิ้มเจื่อน ๆ ให้บุคคลในข่าวทั้งสองที่หันไปจ้องเขม็ง
“แหะ ๆ แล้วมันไม่ใช่เหรอวะ โต้ จ๋าย ข้าเห็นพวกเอ็ง... สนิทกันขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งเยอะ แล้วยังรูปนั่น...”
คำบอกเล่าที่ทำเอาคนหนึ่งนั่งกุมขมับ ส่วนอีกคนโพล่งขึ้นมาเสียงดัง
“ดูปากกรูนะ มัน เป็น ไป ไม่ ได้ โว้ยยยยยย หล่อ ๆ อย่างกรู ถ้าจะมีแฟนสักคน มันก็ต้องเป็นสาวน้อยสดใสหน้าอกหน้าใจพอดีมือ ไม่ก็หนุ่มน้อยบอบบางน่ารัก อย่างน้อยก็น่ารักได้สักครึ่งหนึ่งของน้องกรู ส่วนไอ้พวกถึก บึกบึน ทนไม้ทนมืออย่างไอ้เนี่ย มันไม่ใช่สเปค ไม่ใช่แนว ไม่ใช่ทาง ไม่ใช่โว้ยยยยยยยยยยยย”
“งั้นที่ฉันเดาไว้ก็คงจริง ว่าแต่... นายยอมรับใช่ไหมว่าถึงเป็นผู้ชายก็โอเค”
คิมถามขึ้นพร้อมแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย ทว่าคนโดนถามกลับไม่มีอาการสะทกสะท้าน ยักไหล่แล้วตอบกลับชิล ๆ
“ก็ถ้ามันน่ารักได้อย่างน้องกรูอ่านะ อยู่กับน้องทุกวัน กรูรู้ฤทธิ์ความน่ารักดี อยู่ใกล้ ๆ มันก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างแหละ”
เสียงตอบฉะฉานเชิดหน้าอย่างมาดมั่นทำให้คนถามสะอึก ส่วนชายที่นั่งกุมขมับอยู่ข้าง ๆ เหล่มามองหน้าเหวอ
“ข้าเพิ่งรู้ว่าเอ็ง... นิยมปลูกป่ากับเขาด้วย”
“จ๋ายตอบแล้ว นายล่ะโต้”
คำถามขัดขึ้นมาตรง ๆ ทำเอาคนโดนถามยกมือขึ้นมากุมขมับอีกข้าง
“ข้าไม่รู้ ข้ามึน นี่มันอะไร ภาพพจน์หัวหน้ากิลด์ที่สั่งสมมา พัง พังหมด... ไม่น่าล่ะ ช่วงนี้เวลาเจอสาว ๆ ในกิลด์ ถ้าไม่ส่งสายตาน่าขนลุกหรือพูดอะไรประหลาด ๆ ก็มีแต่เมินหน้าหนี จบ จบแล้ว...”
พูดจบก็ซบหน้าลงไปนอนหมดอาลัยตายอยากลงกับโต๊ะ ให้จ๋ายเข้ามาโอบไหล่เอนหัวเข้าเกยบ่า แล้วตบปลอบใจเบา ๆ
“เรามันหัวอกเดียวกัน ไม่เป็นไร พวกเราต้องผ่านมันไปได้”
“เฮ้อ... ก็พวกเอ็งชอบทำท่าทำทางซะอย่างเงี้ย มันก็ชวนให้เข้าใจผิดสิวะ ไว้กูจะพยายามแก้ข่าวให้พวกมึงละกัน... ถ้ามันจะได้ผลละนะ”
ปิงถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าปลง ๆ ตรงข้ามกับคิมที่ยิ้มขำ ๆ
“ที่จริง ฉันว่าพวกนายลองคบกันดูจริง ๆ ก็ได้นะ ท่าจะรุ่ง”
“ไอ้คิม!!/ไอ้คิ้มมมม!!”
สองเสียงตะโกนสอดประสานขึ้นอย่างพร้อมเพรียงชวนขบขัน เรียกเสียงหัวเราะของผองเพื่อนให้ดังขึ้นรอบตัว
*****-----*****-----*****
“พี่โจ้นี่ช้าจังเลย ไปไหนของเค้ากันนะ”
ร่างเล็กในชุดคลุมสีเทาหม่นบ่นพลางหันมองสำรวจรอบ ๆ ลานหน้าปราการหลักใจกลางเมืองเริ่มต้นยังคงคึกคักเช่นเคย แม้ไม่ถึงขั้นพลุกพล่านเช่นช่วงเวลากลางคืนที่คนส่วนใหญ่ว่างเข้ามาเล่นกัน แต่ก็ยังมีหลายคนก็มายืนหันซ้ายหันขวารอเพื่อนเหมือนกับตน บางคนก็มารอแลกเปลี่ยนสินค้า สังเกตได้จากป้ายขนาดใหญ่ของทางระบบชัดเจนเหนือศีรษะ พร้อมข้อความอย่าง ‘รอชุดเซตนักบุญ นี่ตั้มเอง’ บนหัวหนุ่มน้อยนักบวชข้าง ๆ หรือ ‘ขายดาบสะบั้นวารี +8 5M สนใจคุย’ เหนือหัวนักดาบบนหลังหมาป่าที่ยืนถัดไป
บางคนก็มาตั้งห้องหาปาร์ตี้เพื่อออกล่า สังเกตจากป้ายเชิญชวนเด่นชัด อย่างพวก ‘ดันผีลืมหลุม 45+ ขาดทุกอาชีพยกเว้นนักเวท’ หรือ ‘เควสท์หมาป่าทะเลทราย แชร์ของแชร์ตัง ขาด 3 คน ครบแล้วออกเลย’ ซึ่งนอกจากตัวป้ายแล้ว เอกลักษณ์อีกอย่างของห้องปาร์ตี้ก็คือกลุ่มผู้เล่นหลากหลายอาชีพที่มายืนมุงอยู่รอบ ๆ เหมือนกับนัดกันมาประท้วง เป็นภาพแห่งสีสัน ถัดออกไปจากกลุ่มคนทั้งหมด ไม่ไกลเท่าไหร่เป็นแนวร้านรวงของผู้เล่นสายพ่อค้าแม่ค้า ที่ตั้งเรียงรายเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นภาพที่ผู้เล่นทั้งหลายเห็นกันจนชินตา
“เอ... หรือเราต้องตั้งห้องอย่างนั้น ว่าแต่..มันทำยังไงหว่า”
ดวงตาสีฟ้าใสเหลือบลงมองกำไลผู้เล่นของตัวเองแล้วกดลองผิดลองถูกเรื่อยเปื่อย หากในระหว่างนั้นเอง เสียงพูดคุยของคนที่เดินผ่านก็ทำให้หนุ่มร่างเล็กต้องหยุดมือแล้วเบนใบหูสีส้มฟูไปฟังอย่างสนอกสนใจ
“โหดชะมัด เนี่ย เราโดนมันกัดตายมาหลายรอบแล้ว เสียไปหลายเปอร์เซ็นต์ เจ้ามินท์ก็โดนกัด เกือบไม่รอด จนเราไม่กล้าเอามันออกจากแหวนเลยอะ ทำไมถึงมีมอนสเตอร์โหด ๆ หลุดมาแถวที่เปลี่ยนอาชีพมือใหม่อย่างนี้ได้นะ พวกพี่ ๆ ในกิลด์ก็ไม่อยู่กันด้วย เราไม่อยากตายอีกแต่ก็จะหมดเวลาส่งเควสท์แล้ว ถ้าส่งไม่ทัน ก็เปลี่ยนเป็นชาวนาไม่ได้ ทำไงดี ฮือออ...”
เด็กสาวในชุดมือใหม่ร้องโอดครวญกับเพื่อนข้าง ๆ น้ำตาใสไหลนองหน้าชวนให้สงสาร
“มันเป็นตัวอะไรยังไงเหรอ ถ้าไม่โหดมากพวกพี่ชายเราน่าจะพอสู้ไหว”
“มันเป็นแมวตัวใหญ่ สูงพอ ๆ กับเจ้ามินท์ได้ สีขาวแต่มีลายทางเหมือนเสือ เห็นไกล ๆ ก็ดูน่ารักนะ แต่พอเข้าไปในระยะของมันเท่านั้นแหละ มันวิ่งเข้าใส่เลย ถ้าเราตั้งท่าสู้มันก็จะเขามากัด แต่ถ้าวิ่งหนี มันจะยิงแสงอะไรไม่รู้ตูมเดียวตายอะ ฮือออ...”
“ฟังดูก็น่าจะโหดอยู่ เดี๋ยวเราลองถามพี่ชายดูก็แล้วกัน อาจจะพอช่วยได้”
“อืม ขอบใจมากนะ”
สองสาวเดินผ่านไปนานแล้ว แต่ชายหนุ่มร่างเล็กยังคงแข็งค้างอยู่ในท่าเดิม พร้อมกับดวงตากลมที่เบิกกว้าง
นึกออกแล้วว่าผมลืมอะไรไป เจ้าเสือน้อย!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เรา:ก็แกนั้นแหละโว้ย จะใครอีกล่ะ
ว่าแต่จิ้นแรงอ่ะ พี่โต้กับจ๋าย สร้างสถานการณ์คู่นี้ให้ปิ๊งๆกันทีได้มั้ย กร๊ากๆ คนอ่านจิ้นไปไกลลิบลับแว้วววววว