คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 2 ผู้ปกครอง
ช่วงวันเสาร์เป็นช่วงที่ต้องเข้างานตั้งแต่บ่ายจรดค่ำ เด็กหนุ่มทำงานมาหลายชั่วโมง และกำลังล้าแรงพอดู เพราะวันนี้เจอลูกค้าเจ้าปัญหา บอกอยากได้กุหลาบสีดำ ทั้งยังกดดันให้ทางร้านหามาให้ได้
ทางฝั่งพนักงานก็พยายามพูดจาภาษาดอกไม้ว่าทางร้านไม่มีกุหลาบสีดำ หากอยากได้อาจจะต้องสั่งย้อมสีเอง
คุณลูกค้ากิตติมศักดิ์ก็ดันไม่ยอมความ ยืดเยื้อกันมาเป็นชั่วโมง ไม่ยอมจบ แต่พอหันมาอีกที ไม่รู้ไปไหนเสียแล้ว อาจจะโมโหหนักจนออกไปจากร้านแล้วก็ได้
เปล่า คุณลูกค้ากิตติมาศักดิ์ไม่ได้หนีไปไหน แต่ถูกอำนาจมืดพาไปหากุหลาบสีดำที่ป่าแบล็กฟอเรดตามที่ร้องขอ แถมเจอเพื่อนใหม่เป็นสัตว์หลายสายพันธุ์ ซึ่ง ทริปฉบับด่วนนี้ได้มาแบบฟรี แบบที่ไม่เสียเงินสักแดงเดียว และแน่นอนหากได้กลับมาบ้านเมื่อไหร่ คุณลูกค้าท่านนั้น จะไม่เรียกหากุหลาบสีดำอีกเลย
ครืด ครืด เหนื่อยกายเหนื่อยใจ แต่พยายามกัดฟันอดทน และใช้สองมือลากลูกกรงเหล็กลงมาปิดประตูหน้าร้านเป็นลำดับสุดท้าย ออกแรงหน่อยก็ชักจะรู้สึกหิวๆ จึงเดินไปหาพี่วิน และบอกทางให้พาไปตลาด
หลังจากอิ่มหนำจากขนมนมเนย ที่มีทั้ง โตเกียว ลูกชิ้นปิ้ง น้ำแข็งใส จนเต็มพุง จึงเหลียวมองนาฬิกาบนข้อมือสักหน่อย
“โอเค สามทุ่มสิบห้า ยังทัน” คิดจบตัดสินใจจบ จึงเดินร่อนตลาด ดูของอีกหน่อย
“กางเกงตัวเท่าไหร่ครับ”
กางเกงเลย์หลากสีวางขายล่อตาล่อใจ เจ้าตัวจึงเลี้ยวไปหาทันที
“สองตัวร้อย สี่ตัวสามร้อยห้าสิบ” ฝ่ายพ่อค้าก็พยายามลดราคาเพื่อเรียกลูกค้า
เด็กหนุ่มล้วงกระเป๋ากางเกง และหยิบเงินที่เพิ่งได้มาเมื่อเช้า จากคนร่วมห้องพร้อมคำกับชับว่า ‘ข้าเป็นผู้ปกครองเจ้า ข้าจะจ่ายให้ทุกเดือน’ มาใช้ซื้อของในครั้งนี้
ตั้งใจจะซื้อไปให้เขานี่แหละ จะได้ไม่มาแย่งเสื้อผ้าคนอื่นเขาไปใส่อีก และยิ่งคิดย้อนถึง ก็ยิ่งอยากเถียงกลับว่า
“ถามผมสักคำ ผมอยากได้ผู้ปกครองเพิ่มไหม” ติดเพียงว่าไม่กล้าขัดขืนต่อหน้าโดยตรงเท่านั้นเอง
ยามนั้นจึงทำเพียงยิ้มรับ และรับเงินมา
หลังจากซื้อข้าวของจนพอใจ จึงเริ่มมองหาทำเลเพื่อจะไปจัดของสักหน่อย นั่นๆ ม้านั่งข้างทางดูเข้าที ผู้คนดูบางตา คิดจบเด็กหนุ่มจึงรีบเดินไปทางนั้นทันที
พลั๊ก! โครม! ใครก็มารู้มาจากไหน พุ่งเข้าชนแบบเต็มๆ
“ฮือ ไข่ไก่ แตกหมดแล้ว” ไข่ไก่ครึ่งแผงกลิ้งไปคนละทิศละทาง ที่ยังเหลืออยู่ไม่ตกแตก มีไม่กี่ฟอง
เฮ้ย เลือด! และสิ่งแรกที่มองเห็นหลังถูกชนจนเกือบล้ม คือเลือดแดงๆเป็นย่อมๆบนเสื้อของตัวเอง
“คุณ คุณครับ”
พยายามเขย่าเรียกคนแปลกหน้าที่หมดสติอยู่แทบเท้าตน ยิ่งเห็นเลือดสีแดงที่เปื้อนติดบนพื้นซีเมนต์ ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มตกใจ แต่พยายามควบคุมสติไว้ และหาทางช่วยคยเจ็บให้ไว้ที่สุด
“แค่กๆ ช่วยด้วย ผมถูกตามล่า” เสียงแหบต่ำ ทั้งยังดูโรยแรง
“ไปครับ ลุกขึ้นก่อน ผมจะพาไปโรงพยาบาล”
ไข่ไก่บนพื้นตัดสินใจไม่เก็บแล้ว แต่หันมาพยายามพยุงคนเจ็บขึ้นพาดบ่าแทน
“ไม่ได้! ห้ามไปโรงพยาบาล”
ยามพูดถึงโรงพยยาบาล คนเจ็บออกแรงต่อต้านทันที
“...” ‘สงสัยจะกลัวคู่อริมาตามเก็บ’
“ไปบ้านผมก่อน เดี๋ยวผมเรียกพี่มาช่วยทำแผล พี่ผมเป็นพยาบาลครับ”
นึกไปถึงพี่รหัสที่เป็นพยาบาล ว่าอาจจะพอมีเส้นสายหาหมอเก่งๆ มารักษาคนป่วยสักคน
“ขอบคุณครับ ผมขอไปหลบบ้านคุณก่อน เดี๋ยวเพื่อนผมมารับ”
หลังจากตกลงกันจบ จึงพาคนเจ็บขึ้นแท๊กซี่ และมุ่งหน้ากลับไปคอนโด
ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง
“หิวไหม”
คำถามแรกเป็นคำถาม ชวนกินข้าว เช่นเคยรูมเมทอีกคนไปฉกกางเกงเลย์คนอื่นเขามาใส่อีกแล้ว ครั้งนี้เลือกตัวสีแดงเลยเชียว
“...” ส่งสายตาประมาณว่า ก่อนชวนกินข้าว มาช่วยแบกคนเจ็บดีกว่าไหม
“ใคร”
สายตากวาดมองคนแปลกหน้าจากหัวจรดเท้า เป็นการมองที่ทำให้อีกฝ่ายทำได้เพียงยิ้มอ่อนๆส่งให้
“เจอเขาข้างทาง เขาขอหลบคู่อริไม่นาน เดี๋ยวเพื่อนมารับ”
เป็นการรายงานที่สั้นกระชับ และรวบรัดแบบสุดๆ
“ส่งมา”
อสูรหนุ่มเปิดทาง ทั้งยังดึงแขนคนเจ็บไปทางตัวเอง ทำให้น้ำหนักบนบ่าหายไปทันที อีกฝ่ายจึงเซหน่อยๆ
“เบาๆครับพี่ เขาเจ็บอยู่” เห็นตอนถูกกระชากดึงไป แล้วรู้สึกเจ็บพุงแทนคนเจ็บจริงๆ
ตุบ! “โอ๊ย”
ร่างคนเจ็บถูกลากไปโยนกองบนโซฟา และยามหลังกระทบกับโซฟาจึงมีเสียงร้องออกมาไม่เบา
“...” บุรุษพยาบาลชั่วคราวยืนกอดอก และส่งสายตามาถามอีกคนว่า จะเอายังไงต่อ
“ผมขอพักสักครู่ ไม่ต้องตามหมอหรือพยาบาลหรอกครับ เพื่อนผมรักษาได้ เดี๋ยวเขามา” คนเจ็บยิ้มอ่อน
“ครับได้ครับ เชิญพักตามสบาย”
ส่งยิ้มตอบกลับ และเริ่มใช้กรรไกรตัดที่ปลายเสื้อ และไล่ขึ้นมาจนถึงเอว เพื่อเตรียมจะทำแผลเบื้องต้น เพราะเด็กหนุ่มเองก็เคยมีประสบการณ์ตีรันฟันแทงกับเขามาเหมือนกัน จึงพอรู้ว่าจะจัดการกับบาดแผลเบื้องต้นยังไง
“พี่ ผมขอน้ำร้อนสักถ้วย”
หันไปสั่งของกับคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ว่าง่าย เดินไปต้มให้ทันที
“รอสักครู่นะครับ” เดินหายไปพักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมชุดประถมพยาบาล
“ผมเช็ดเลือดให้ก่อน ส่วนแผลให้หมอเย็บนะครับ”
ว่าพลางทำงานไปพลาง สำลีชุบน้ำเกลือค่อยๆกวาดเช็ดเลือดรอบๆแผล
“ผมอยากจะลุก ช่วยพยุงที” เสียงอ่อน อ้อนวอนขอ พร้อมสบตาออกแนวขอร้อง
“ครับ เกาะบ่าผมไว้ครับ” รอยยิ้มเพลียๆ ประกอบกับสีหน้าล้าๆ อีกทั้งหน้าตาดูดีของคนเจ็บ ทำให้อีกฝายยอมตามใจ
ยามที่ต้นคอค่อยๆเข้าใกล้กับริมฝีปาก ยามนั้นเขี้ยวคมโง้งยาวค่อยๆเผยแย้ม ยามนั้น คนพยุงยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะตกเป็นเหยื่อของอมนุษย์
“กัดสิ” เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา ก่อนที่ปลายเขี้ยวจะจรดลงบนผิวเนื้อ
“ดวงตาสีเขียวเบิกกว้าง ทั้งยังทำเหยื่อหลุดจากมือด้วยความตกใจ” กลิ่นไอนี้ พวกมรนาการ
มีมรนาการอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ยังไง หรือว่ากลิ่นเหยื่อที่หอมหวนตรงหน้าจะเป็นเหยื่อของพวกมรนาการ มิน่าเล่า ถึงหอมเหลือเกิน มันต้องตีตราจองเอาไว้แล้ว
“ขออภัย ข้าไม่รู้ว่าเขามีเจ้าของ”
ปลายนิ้วชี้ พร้อมเล็บเรียวยาวสีดำแหลมเฟี้ยวชี้ไปทางเด็กมนุษย์
“ว๊าก ว๊าก ตัวอะไร ปีศาจ” ปีศาจตรงหน้าเหมือนคนธรรมดา ต่างแค่เขี้ยวยาวเหมือนสิงโตทะเล และมีความยาวประมาณหนึ่งนิ้วก้อย
เด็กหนุ่มร้องลั่น ใจเต้นระทึก ทั้งยังกระโดดไกลเพียงครั้งเดียวไปหาคุณผู้ปกตรอง อีกทั้งยังรีบพุ่งไปหลบอยู่ทางด้านหลัง และเกาะอสูรหนุ่มเอาไว้แน่น และทำแค่เพียงชะโงกหน้าออกมาดูสถานการณ์เท่านั้น
‘ผี หรือ อสูร ฮือ แม่จ๋า’ ใจสั่น ตัวยิ่งสั่น เด็กหนุ่มกำลังกลัว
‘หายใจช้าๆ ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ แค่พวกตรุ ไม่ต้องกลัว’ เสียงปลอบนิ่งๆดังตรงเข้าสู่สมอง
“…”
ยามได้ยินเสียงเขา จึงเผลอแอบมองไปทางเขาพักหนึ่ง ทำให้ใจที่กำลังสั่นค่อยๆสงบลงอย่างช้าๆ แม้จะยังกลัวอยู่บ้าง แต่ยามที่อยู่ข้างหลังเขา ทำให้ความกลัวไม่ค่อยมากสักเท่าไหร่
“ไม่ให้อภัย มือขวาของเจ้า” ตอกกลับไปพร้อมรอยยิ้มเพียงมุมปาก
ฉับ! “อ๊าก อ๊าก”
เสียงร้องลั่นของอีกฝ่ายยามถูกแรงลมตัดแขนขวาดังฉับ เศษเนื้อและกองเลือกตกกระจายเกลื่อนพื้น
ฉับ! “มือช้ายของเจ้า แตะผู้น้อยของข้า” ดวงตาสีเทาเจือฟ้าเปล่งกระกายกร้าว
“อ๊าก อ๊าก”
จะร่ายเวทย์ต้านสู้ยังไม่ทัน เพราะแขนซ้ายล่วงตามมาติดๆ ทำได้เพียงร้องลั่นและใช้เวทย์ห้ามเลือดเพียงเท่านั้น นับเป็นวันซวยโดยแท้ ล่าเหยื่อทั้งที เจอใครไม่เจอมาเจอพวกมรนาการ
“อยากโดนแทงบนท้อง ข้าจะสนองให้”
แท่งน้ำแข็งขนาดเท่าฝ่ามือและความยาวประมาณหนึ่งช่วงแขนพุ่งเข้าเสียบท้องปีศาจดวงซวยจนทะลุไปทางด้านหลัง เรียกเลือดกองโตกระอักพุ่งออกมาจากปาก
ฟุบ! ครั้นเมื่อตั้งหลักได้ ปีศาจดวงตกจึงรีบร่ายเวทย์หนีทันที
“อย่าเก็บใครเข้าบ้านอีก”
ว่าพลางคว้าเด็กหนุ่มมาขยี้ผมฟูๆ จากนั้นจึงวาดมือทีหนึ่งเพื่อทำความสะอาดกองเนื้อ และเลือดในห้องรับแขก จนสะอาดเอี่ยมเหมือนกับว่าเรื่องเลือดสาดเมื่อครู่ แค่ฝันไปเท่านั้นเอง
“ไม่อีกแล้ว” เด็กหนุ่มสั่นหน้าหนี ทั้งยังนั่งกองอยู่บนพื้น เพราะยังไม่พร้อมที่จะขึ้นไปนั่งบนโซฟาเคยเปื้อนอะไรบางอย่างนั้น
“พวกมนุษย์ชั้นต่ำเช่นพวกเจ้า ชอบเข้าสังคมเหลือเกิน”
ว่าพลางยกน้ำอุ่นในมือ จิบไปพลาง
“อย่ามาว่าคนอื่นชั้นต่ำ ผมไม่ต่ำ” ความกลัวชักจะหากยามได้ฟังถ้อยคำไม่ถูกหู
กริ๊ก เสียงวางถ้วยน้ำอุ่นลงบนโต๊ะกระจกข้างโซฟา ดังแทรกเบาๆ
“อ๋อ เจ้าเก่งกว่าข้าหรือ”
เสียงถามออกแนวเย้ยพอควร ทั้งยังมองด้วยปรายหางตา ออกแนวว่า เจ้าหรือจะสู้ข้าไหว
“กำลังกายหรือพลังวิเศษ พวกเราสู้คุณไม่ได้ แต่สมองกับหัวใจของพวกเราไม่เคยต่ำ”
ว่าออกมาเสียงเข้ม ทั้งยังยืดอกสู้อย่างฮึกเฮิมเพื่อป็นตัวแทนของชาวมนุษย์
ถ้อยคำนั่นทำให้นึกถึงคำพ่อในวัยเยาว์ ‘จงอย่ากดขี่ชาวมนุษย์ พวกเขามีกำลังเกินเราจะต้าน’
“เจ้าไม่ชอบคำว่าต่ำหรือ”
ถามออกมาเสียงนิ่ง ทั้งยังรอฟังคำตอบ แบบจ้องอีกฝ่ายไม่ให้คลาดสายตา
“ใช่ มันเป็นคำเหยียดหยามกันชัดๆ” มองหน้าจ้องตาออกแนวเอาเรื่องเลยทีเดียว
“เหยียดหยามคืออะไร”
อสูรหนุ่มยิ้มอ้อน ทั้งยังมองอ้อนๆด้วยสายตา ว่าข้าไม่เข้าภาษาเจ้า ช่วยแปลความหมายออกมาที
“ฮึ ว่าร้าย พูดไม่ดีไส่คนอื่น เป็นนิสัยที่แย่มาก”
น้ำเสียงออกแนวไม่ชอบใจ และว่า ฮึ ออกมาแบบขึ้นจมูกเลยทีเดียว
“อ๋อ ดูหมิ่นหรือ” คิดตรึงตรองดูสักพัก ก่อนสรุปอออกมาได้ความนี้
“ใช่” เสียงใช่นี่เข้มทีเดียว เพราะยังเคืองอยู่ หนอยมาว่าเราต่ำ
“ขออภัย ข้าไม่คิดดูหมิ่นเจ้า”
ว่าออกมาง่ายๆ ทั้งยังขอโทษแบบจริงใจ เล่นเอาอีกฝ่ายชะงักเลยทีเดียว
‘มาแบบนี้ ผมจะพูดอะไรครับ โอ๊ย พ่อคนมารยาทดี ใครหนอเลี้ยงท่านมา’
“เจ้าอยากรู้จักครอบครัวข้าหรือ ได้ ข้ามีแม่สองท่าน ท่านหนึ่งเป็นแม่ทูนหัว อีกท่านเป็นแม่ให้กำเนิด”
นานมากแล้วที่ไม่เคยจะถกเรื่องราวสบายๆกับใครสักคน เนิ่นนานถึงเพียงนี้
“พ่อพี่เจ้าชู้หลายใจ คงเหมือนพี่” ยกสองมือกุมหัวเอาไว้ก่อน เพราะกลัวถูกตี ข้อหาเผลอไปว่าพ่อเขา
‘ปากหนอปาก ไม่น่าเลยเรา’
“ซื้อมาฝาก” ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง จึงคว้าถุงกางเกงเลย์ปาไปทางเขา
“ผิดแล้ว ตระกูลข้า ล้วนรักเดียวใจเดียวทุกรุ่น ที่ข้าได้แม่เพิ่ม มันเป็นเรื่องบังเอิญ”
ไม่เคืองที่อีกฝ่ายว่าพ่อ เพราะไม่ถูกกับพ่ออยู่แล้วเป็นทุนเดิม
‘รักเดียวใจเดียว แล้วทำไมต้องมองตานนท์ด้วยครับ” แก้มขาวสองข้างร้อนชู่ ยามเผลอไปสบเข้ากับดวงตาสีเทาฟ้าเจือยิ้ม
“อะไร อย่ามามองนะ นนท์ไม่เกี่ยว’
บ่นเพียงในใจทั้งยังเดินแยกออกมาให้ห่างจากเขา จึงพลาดที่จะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆที่แสนจะหายากของคุณผู้ปกครอง และรอยยิ้มเปิดกว้างยามมองเห็นกางเกงเลย์สามตัวในถุงก๊อบแก๊บ
ความคิดเห็น