คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 10 มาทีหลังดังกว่า
“ในงานของกินไม่มาก มา มาทานข้าวต้มปลา”
หลังจากเดินผ่านประตูสู่กาลเวลาที่เป็นหยดน้ำก้อนยักษ์กลับมายังบ้าน ตามที่อสูรหนุ่มเรียกคอนโดขนาดย่อมไว้เช่นนั้น นั่นเป็นประโยคแรกที่เขาเริ่มเปิดบทสนทนา
‘มีสาวอยู่แล้ว ยังจะมากั๊กคนอื่นเขาอีก’
“ขอบคุณ ผมไม่หิว”
จบศึกเดือด มันทำให้ความรู้สึกตื่นเต้นจบลง และมีความรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาแทนที่ ข้าวต้มปลาถ้วยนี้ดูคุ้นตา และมาจากร้านไหน ทำไมจะจำไม่ได้
‘พี่เองมีสาวได้ ทำไมผมมีบ้างไม่ได้’
บ่นในใจแบบเปิดอก และมองหน้าเขานิ่งออกแนวท้าทาย เพราะรู้ดีว่าเขาสามารถอ่านความคิดของตนได้
“ทำตาโตใส่ข้าทำไมครับ” สายตาออกแนวสงสัย
“ไม่ต้องทำเนียน ผมคิดให้พี่ฟังไปแล้ว”
”จะเอายังไงว่ามา”
กายแลกกายไปแล้ว เหลือแค่ใจจะเอายังไงว่ามา เพราะความสัมพันธ์แบบไม่ชัดเจนเช่นนี้ เด็กหนุ่มไม่ถนัด และไม่คิดที่จะเล่นสนุกกับเขา
“ข้าไม่ได้ยินสักเรื่อง นนท์ นับตั้งแต่ข้าข้ามมาโลกสีขาว ข้าไม่อาจอ่านความคิดใครได้”
“อย่าเพิ่งเถียง ใช่ ครั้งก่อนได้ แต่ครั้งนี้ไม่ได้” เห็นอีกฝ่ายอ้าปากจะค้าน จึงรีบพูดออกมาก่อน
ไม่รู้ว่าทำอะไรให้เด็กในปกครองเคือง อสูรหนุ่มจึงพยายามใจเย็น
“พูดออกมานนท์” เปิดทางให้อีกฝ่ายพูดออกมาก่อน
“ข้าวต้มปลา ซื้อมาจากไหน”
ในถุงจ่าหน้าว่าร้านริมสระ แค่ชื่อร้านก็พอรู้อยู่ว่ามาจากร้านของใคร ก็เล่นเข้าไปช่วยเสิร์ฟข้าว เสิร์ฟปลาด้วยรอยยิ้มเต็มอกเต็มใจเสียขนาดนั้น
“ร้านคนรู้จัก” อีกฝ่ายอธิบายเพียงนั้น
“ไม่ใช่คนรู้จักหรอกครับ สาวของพี่ชัดๆ”
“ฮึ คนที่พี่มองตาปรอยๆ”
“พี่มีคนของพี่ ก็อย่ามายุ่งกับผม” ทางนี้ไม่มีทางยอมเป็นตัวเลือกของใคร
“ไปกันใหญ่” โครงศีรษะเบาๆ
“ข้าไม่ได้คิดกับนางเชิงชู้สาว นางเป็นผู้มีคุณ นางเคยช่วยข้า”
เห็นท่าทีของเด็กในปกครอง มันทำให้รู้สึกแปลกในใจและยืดหน่อยๆ เพราะอย่างน้อย ตนยังมีความสำคัญ ถึงได้ทำสีหน้าเอาเรื่องพร้อมจะกัดกันอยู่เช่นนี้
“พี่หลอกคนอื่นไม่ได้หรอกครับ” คำอธิบายยังไม่เพียงพอ และเลือกที่จะไม่ฟัง
‘สายตาก็บอก ชอบเขาชัดๆ แค่ไม่รู้ใจตัวเอง’
แรกเริ่มก็แค่ความสัมพันธ์ผิวเผิน หากมันจะจบลง คงไม่เจ็บมากนัก
“ข้าไม่จับผู้มีคุณของข้า ฟัดเช้าฟัดเย็น และตอนค่ำๆเช่นเจ้าหรอกนนท์”
ว่าจบคนกำลังตั้งท่าเป็นทนายจึงถูกลากเข้าอก และถูกกกฟัดอยู่บนโซฟาสีน้ำตาลมะฮอกกะนี โดยเริ่มมาจากลิ้นอุ่นที่งับเม้มบนข้อมือ ตามมาด้วยแก้มอุ่นที่ถูกหอมไปหนึ่งฟอด
“มือที่ยอมให้สาวจับ” เว้นคำไปสักพักก่อนว่าขึ้นมาใหม่
“ต้องโดนลงโทษ”
เนื้ออุ่นบนหลังมือถูกเม้มแน่นอยู่ในปาก ยามเขาปล่อยออกจากปาก จึงมีของแถมเป็นเชือกสีนิลคล้องเป็นปมอยู่บนข้อมือไว้ ก่อนจะกลืนหายเข้าไปในผิวหนัง
“พี่ทำอะไรผม”
พลิกข้อมือมองหาเชือก ทางซ้ายทางขวา ทางหน้าทางหลังไม่เจอสักเส้น ทำให้ใจหนุ่มเต้นตึกๆด้วยความกลัว ‘อะไร มันคืออะไร’
“มันเรียกว่าปมโชคร้าย หากคล้องในมือใครจะมีเรื่องทั้งวัน ลองดูวันพรุ่งนี้ครับนนท์ วันเดียวก็จบ”
ว่าจบจึงผละออกจากโซฟา และเดินไปทางห้องของตัวเอง
“พี่ กลับมาก่อน เอาเชือกปีศาจออกไป!” ตะโกนลั่นห้อง แต่ทว่าอีกฝ่ายไม่ฟัง
“อนิล ฟรอส ปีศาจโรคจิต”
มองบนข้อมือตัวเองด้วยความช้ำใจ กลัวก็กลัว และพยายามคิดหาหนทางว่าจะทำยังไงดี จนหวยออกมาเป็นคนนี้ จึงรีบต่อสายหาตัวช่วยทันที
“พี่หนึ่ง อนิลใส่เชือกสีดำในแขนผม บอกเป็นตัวเรียกโชคร้าย มีทางแก้ไหมครับ” เคืองสุด ไม่เรียกพี่แล้ว
“หืม พี่ไม่เคยได้ยิน เขาบอกไหมว่า เวทย์จะเริ่มทำงานเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้ครับ”
“ได้น้อง ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่ช่วยหาทางให้” ว่าจบและรีบตัดสายไป เพื่อรีบหาข้อมูลช่วยรุ่นน้อง
“พี่อนิล เอาเชือกบ้านี่ออกไป”
ในเมือประตูไม่ได้ล็อก เด็กหนุ่มจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาห้องเขา จึงพบแขกแปลกหน้าตนหนึ่ง
“ยินดีที่ได้พบ เด็กของฟรอส”
“ข้าตรีกูฏ”
ชายผมแดงเปิดปากทักทาย พร้อมโบกมือไหวๆแสดงความเป็นมิตร
“ครับ ผมนนท์ครับ”
ตั้งใจมาฉะคนในห้องแต่ดันมาเจอกับแขกคนอื่นเข้าก่อน ทำให้เด็กหนุ่มต้องยืนนิ่งๆ
‘เด็ก ใครเด็กใคร ผมไม่ใช่เด็กเขา’
“ตรี เรียกนนท์” เจ้าบ้านหันไปปรามแขก
“ครับท่านครับ ข้ามาเอาของ ไหนเล่า” หันมาทวงของดีจากสหาย ทั้งยังแบมือมารอรับของ
“กินแล้ว” อีกฝ่ายตอบเพียงเท่านั้น
“ท่าน! อายุสุ กว่าข้าจะได้มาไม่ง่ายท่าน ท่านกินเองได้อย่างไร”
อายุสุเป็นพืชวิเศษที่ขึ้นอยู่บนเทือกเขาลานนภาซึ่งตั้งอยู่บนเมฆก้อนหนึ่งที่ไม่มีวันจางหายกลายไปเป็นฝน นานทีจะเกิดขึ้นสักผลและนานทีจะลอยมาผ่านให้เก็บได้ทัน
“น้องข้าจำต้องบ่มเพาะ ข้าจะเอาไปให้น้องข้า ดูท่านทำ”
ครุฑหนุ่มรู้สึกขัดใจเหลือเกิน แต่ไม่อยากจะหาความกับสหาย ด้วยอยู่กันมานานและการกระทำเช่นนี้ อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายจำต้องใช้ของเหมือนกัน ซึ่งอายุสุจัดเป็นยาชั้นดีที่จะช่วยเสริมกำลังในการบ่มเพาะ
“ข้ามีอีกต้น มาช้าสองวัน ไปรับของกับฟักทอง”
หลังจากฉกของเพื่อนเสร็จ และจัดการแลกของแบบไม่ขอล่วงหน้า จึงเมินเพื่อน และหันไปมองเด็กในปกครองแทน
“ท่านมันแสบ ฟรอส”
ถึงจะช้า แต่ของยังมี เจ้าชายครุฑจึงไม่คิดจะมากความต่อ ทำเพียงมองหน้าสหายออกแนวเคืองๆ และเดินเข้าไปในหยดน้ำก้อนยักษ์ที่ตั้งอยู่ตรงข้างกำแพง
เมื่อเหลือเพียงสองคนในห้องกว้าง สองฝ่ายจึงยืนคุมเชิงกันอยู่พักหนึ่ง
“เอาปมบ้านี่ออกไป ผมไม่อยากโชคร้าย”
ยื่นมือขวาออกไปให้เขาแก้เวทย์มนต์ดำ ตามที่เจ้าตัวคิดเอาเองว่ามันต้องเป็นสิ่งโชคร้าย
“มาใกล้ๆข้า” เรียกให้เข้ามาหา ทั้งยังเอนอิงร่างนอนพิงอยู่บนหมอน
“…”
กลืนน้ำลายไปหนึ่งอึกก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้ เพราะคราก่อนฟัดกัน เขาก็นั่งท่านี้ เรือนผมยาวสลวยระเคลียกับหมอน และสายตาเชิญชวนนั่นดูแล้วไม่น่าเข้าไปใกล้ แต่เพราะความกลัวโชคร้ายจะมาหา จึงยอมเดินเข้าไปหาเจ้าดอกไม้พิษ
ยามได้เด็กมายืนใกล้ๆ สามนิ้วจึงเริ่มแตะบนข้อมืออุ่นเพื่อตรวจหาอายุสุว่ากลมกลืนไปกับแหล่งกำเนิดพลังของเจ้าตัวหรือยัง
‘หืม สามสาย ของข้าหนึ่ง ของนนท์ อีกสายของใคร!’
ยิ่งสงสัยทำให้ยิ่งเขาไปสแกนเจ้าแหล่งพลังแปลกหน้า จนรู้แล้วว่าเป็นฝั่งของชาวเวทย์
“ทำไมเจ้าถึงมีกระแสพลังของฝั่งนักเวทย์”
“ใครให้เจ้ามา”
ยามนี้คนถูกซักกำลังนั่งพิงหลังอยู่ในอกอุ่น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขามาจัดท่าในตอนไหน เพราะตอนเขาแตะบนข้อมือมันทำให้รู้สึกเหมือนได้หลับลึกไปหนึ่งตื่น พอรู้ตัวอีกทีก็อยู่ในอกเขาแล้ว
“พี่ว่าอะไร ขออีกรอบ” ความรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่น ยังเบลออยู่หน่อยๆ
“เจ้าจะเข้าฝั่งเวทย์หรือ”
การที่ได้กระแสกำลังฝั่งนั้นมา เดาได้ไม่ยากว่าใช้ทำอะไรและมาจากใคร
“ครับ ผมอยากลองดู”
สายตามุ่งมั่นยามคิดจะก้าวเข้าไปโลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วยความแฟนตาซี ยิ่งคิดยิ่งตื่นเต้น
“ทางมรนาการเปิดรับคนเหมือนกันหนา” ทางนี้ก็เริ่มเปิดการขายของ เตรียมเรียกลูกค้า
“มรนาการเช่นเราไม่ว่าจะเกิดหรือสิ้น ล้วนวนเวียนอยู่ในมรนาการ ต่างเพียงว่าจะไปเกิดในครอบครัวใหม่”
ลูกค้ายังไม่คิดจะย้ายฝั่ง แต่คุณพ่อค้าใช้คำว่าเราไปแล้ว
‘น่าสนใจแฮะ ต่างกับทางฝั่งพี่หนึ่ง ตรงที่วนเวียนอยู่ที่เดิม ไม่ต้องไปโลกใหม่’
“อายุยืนยาว แถมไม่ต้องฝึกกำลังเวทย์ เพียงหาผู้ให้แบ่งปันให้ ย่อมเรียก น้ำ ดิน ลม ไฟได้ทันตา”
ยิ่งฟังชักเริ่มคิดตาม จากคำพูดเขาแปลว่าไม่ต้องฝึกหนักเหมือนฝั่งเวทย์ก็สามารถความเรียกแฟนตาซีได้แล้ว
“พาพ่อกับแม่ไปด้วยได้ไหม” แม้จะรู้ว่ายากแต่ก็อยากจะลองถามดู เพราะทางฝั่งเวทย์ พาไปไม่ได้
“เส้นข้า พาเข้าได้ทุกผู้” ทางนี้ก็เตรียมใช้อำนาจมืดตามใจเด็ก
"ขอบคุณครับ ผม…”
ไม่ต้องแยกจากพ่อกับแม่และอยู่ด้วยกันในถิ่นใหม่เป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มไม่เคยคิดฝันมาก่อน ริมฝีปากจึงยิ้มกว้างทั้งยังมองคนพี่ตาเป็นประกาย
“ผมรับปากพี่หนึ่งไปแล้ว” อีกฝั่งดูน่าเข้าไปร่วมมาก แต่ไม่กล้าผิดคำเพราะกลัวเสียพี่
“ข้าจัดการเอง อยากเข้ามรนาการใช่ไหม”
พ่อค้ายิ้มร้ายและย้ำชวนเสียงใส พลางแอบหมกเม็ดพูดไม่หมด เพราะหากได้ ผู้ให้ถ่ายทอดกำลังมาให้ แต่ควบคุมไม่เป็นล่ะก็ ล้วนเท่ากับสูญ
ฉะนั้น การจะได้เรียกลม น้ำได้ตามใจล้วนต้องฝึกเอาทั้งนั้น ต่างเพียงว่า ทางมรนาการอาจจะมีภาษีดีกว่าชาวเวทย์ตรงที่ไม่ต้องฝึกเพื่อสร้างกำลัง แต่ต้องฝึกหนักในการควบคุมกำลังแทน
ส่วนทางฝั่งเวทย์เมื่อได้กำลังมาจากการฝึกทำให้สามารถควบคุมได้ง่ายกว่าทางมรนาการ จนไม่จำเป็นต้องฝึกในการควบคุมกำลัง
“ครับ อยากมาก”
ทางนี้ตาเป็นประกาย ยามคิดถึงวันคืนที่ตนสามารถเรียกลม เรียกน้ำได้
สามนิ้วจรดลงบนข้อมืออีกครา และถอดจิตแบบล่องหนเข้าไปในห้วงจิตที่มีกระแสพลังทั้งสามสายยืนกันคนละมุม และดูท่าไม่รู้เมื่อไหร่จะผสานหลอมรวมเข้าหากันได้สักที เพราะไม่มีใครยอมลงให้ใคร
เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!! กระแสพลังของฝั่งเวทย์ถูกสายฟ้าขนาดย่อมฟาดเข้าใส่ในห้วงจิต จนหายลับไม่เหลือเศษซาก
เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!! ตามมาด้วยกระแสพลังของฝั่งมรนาการที่ถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่ตามมาติดๆ จนหายลับตามเพื่อนไปเช่นกัน ยามนี้ในร่างของเด็กหนุ่มเหลือเพียงกระแสพลังของเจ้าตัวที่กำลังยืนอยู่นิ่งๆด้วยความระวังภัย
พลัน! เชือกสีดำปรากฏขึ้นมาในห้วงจิต จากนั้นจึงกวาดเจ้ากระแสพลังสายสุดท้ายกลืนกลินเข้าไปในตัวของมัน ก่อนจะเริ่มขดเป็นกลุ่มก้อนทรงกลมและจำศีลหยุดนิ่งและไม่ขยับ ทำให้ไม่ทันเห็นกระแสพลังสีนำเงินสายหนึ่งที่ย่องเข้ามาอย่างเงียบๆและกลืนกินเจ้าเชือกสีดำไปทั้งก้อน ซึ่งกระแสพลังนั้นเพิ่งถูกแบ่งออกมาหมาดๆจากชายที่กำลังแฝงกายอยู่ในห้วงจิตของเจ้าของร่างที่กำลังหลับลึกอยู่ในห้วงฝัน
กิจ : ชื่อตอนเป็นของเจ้านี่ครับ >> กระแสพลังสีนำเงิน
อายุสุ เป็นพืชมีชีวิตจิตใจแบบมโนครับ คิดสดวันนี้เลย
ความคิดเห็น