ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สายลมห่มดอกไม้ (ติดเหรียญ เริ่มตอน 12)

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 7 ภมร vs ดอกไม้

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 64


    กิจ : มาครับมา ยาวสะใจ

    …………..

    “โอ๊ยๆ เจ็บ อือ” 

    เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นภายในห้องนอนกว้าง มาจากคนที่กำลังเพิ่งลืมตาตื่น 

    “คนใจดำ เดี๋ยวก็พาไปทิ้งทะเลทราย เดี๋ยวก็เอามีดมากรีดหลังคนอื่นเขา คนโรคจิต” 

    ครั้นพอหลุดจากห้วงนิทราก็เรียกความเจ็บปวดตรงกลางขึ้นมาทันที

    ที่กล้าว่ากราดขนาดนี้ เพราะกวาดตามองรอบห้องแล้วว่า คนใจดำไม่อยู่แถวนี้

    ความเจ็บทำให้ยิ่งคิด คิดว่าทำไมจะต้องทนให้เขากระทำต่อกัน ทำไมต้องยอมให้เขารังแก 

    “โอ๊ย” ความเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชักอยากจะรู้แล้วว่า แผลที่กลางหลังมันหนักแค่ไหน

    “ไม่เห็นมีแผลเลย” 

    ภาพในกระจกเป็นแผ่นหลังสีเนื้อโทนเหลืองขาว ไม่มีริ้วรอยของบาดแผลหรือรอยสักสักรอย เห็นเพียงแผ่นหลังเนื้อเนียนและจุดไฝสีน้ำตาลเข้มบ้างแดงบ้างประปราย

    ‘พวกปีศาจ ขนาดจะทำคนอื่นเขาเป็นแผล ยังมองไม่เห็น จะเทพไปถึงไหน’

    เมื่อไม่มีแผลก็ไม่รู้จะใส่ยายังไง เด็กหนุ่มจึงกัดฟันอดทน และกลับไปนั่งคิดหนักอยู่บนเตียง

    ยิ่งคิดยิ่งเครียด เพราะไม่รู้เลยว่าทำอย่างไรถึงจะหนีจากคนใจดำพ้น จุดสำคัญคือรอยแผลบนหลัง เพราะฟังจากที่เขาพูด การทำงานคงไม่ต่างจากต่างหู แล้วจะหนีเขาได้ยังไง

    เคร้ง! สายลมที่รอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างวูบหนึ่ง ทำให้สร้อยผลึกใสที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งหล่นลงพื้น

    “สร้อยอะไร” เสียงหล่นแม้จะเบา แต่เรียกสายตาเด็กหนุ่มได้ทันที

    “ของสามนี่” 

    ใช่ นึกออกแล้วว่าเป็นสร้อยที่ได้มาจากสาม และเพื่อนเคยบอกไว้ว่า มันจะช่วยคุ้มครอง ต้องเป็นของดีแน่ๆ 

    “พี่หนึ่ง พี่จำสร้อยนออะไรสักอย่าง ผมเรียกไม่ถูก”

    “สร้อยที่สามเคยให้ผมไว้ พี่พอนึกออกไหม สามเคยบอกว่า มันช่วยคุ้มครองผม”

    ครั้นคิดจบจึงรีบเคลียร์ความสงสัยด้วยการโทรไปหารุ่นพี่

    “อ๋อ นัล นัลจะช่วยลบสัมผัส ลบตัวตน ลบความมีชีวิต ไม่ว่าใครก็หาเราไม่เจอ จึงชอบใช้ตอนหลบศัตรูเพื่อเอาชีวิตรอด” 

    ด้วยที่อีกหน่อย น้องรักจะเขามาอยู่สายเดียวกัน คนพี่จึงให้ความรู้แบบหมดเปลือก

    “ทำไม ถึงสนใจนัลขึ้นมา” น้ำเสียงออกแนวอยากรู้เรื่องชาวบ้านสุดๆ

    “อ๋อ ผมเก็บห้องแล้วเจอพอดีครับพี่ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ” ตัดบทและรีบวางสายพร้อมรอยยิ้มสมใจ มีทางรอดแล้ว!

    หลังจากอาบน้ำอาบท่า ปะแป้งหอมเรียบร้อย จึงเริ่มเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าและหอบของจำเป็นไปบางส่วนเพื่อไม่ให้ใครบางคนผิดสังเกต จากนั้นจึงเดินขึ้นไปลางานกับรุ่นพี่ที่ชั้นบน เพื่อขอลาพักร้อนสองวัน

    “จะไปเที่ยวไหน” ท่าทีหอบข้าวของ เหมือนกับกำลังจะหนีออกจากบ้านก็ไม่ปาน

    “อยากไปแนวภูเขา ชมธรรมชาติสักหน่อยพี่” อยากเที่ยวแนวนี้มานานแล้ว และครั้งนี้ได้โอกาสสักที

    “เขาใหญ่ไหมน้อง บ้านพี่มีรีสอร์ทอยู่ ได้ขึ้นเขา เดินป่า เล่นน้ำตก สมใจแน่” เห็นท่าทีของน้อง ดูไม่ปกติ คนพี่จึงลากน้องเอาไว้ใกล้ตัวหน่อย

    “คืนเท่าไหร่พี่” ถามพลางคำนวณเงินในกระเป๋าว่าพอจะจ่ายไหวที่เท่าไหร่ต่อคืน

    “น้องครับ คนกันเอง ไปอยู่เหมือนเป็นเจ้าของได้ครับ พี่ให้ยืมรีสอร์ทสองคืน” ทางนี้ก็เปย์หนักตลอด

    “โหพี่ แต่งกับผมไหม” ชวนแต่งงานเข้าบ้านแบบติดตลก เพราะอีกคนใจปล้ำเหลือเกิน

    “ไม่ครับน้อง” 

    สีหน้าจริงจังมากยามเอ่ยคำปฎิเสธ แต่คำหลังที่ไม่ได้บอกน้องออกไปคือคำว่า พี่กลัวตาย เพราะผู้ปกครองน้อง ดุเหลือเกิน

    “คิกคิก” 

    ใบหน้าแย้มยิ้มของน้องทำให้คนพี่เริ่มเบาใจ เพราะตอนแรกสายตาน้องไม่แจ่มใสเลย

    “น่าสนใจๆ บอกทางมาเลยพี่” 

    หันไปค้นกระเป๋าอยู่พักหนึ่งเพื่อหยิบกระดาษใบเสร็จและปากกาสีน้ำเงินขึ้นมาเตรียมจดวิธีการเดินทาง

    “นนท์! เดี๋ยวพี่ให้คนรถไปส่ง น้องไปรอหน้าล๊อบบี้ได้เลย” คนพี่ส่ายหน้าเบาๆและขำออกมาหน่อยๆในการถามทางของน้อง ทั้งยังขยี้ผมน้องด้วยความเอ็นดู 

    “ขอบคุณครับ” ยกมือขึ้นมาไหว้ เพราะการเปย์ของรุ่นพี่ครานี้ มันเยอะมาก

    เดินทางไม่กี่ชั่วโมงพร้อมพี่คนรถ แขกกิตติมศักดิ์จึงมาถึงรีสอร์ท และสิ่งแรกที่ทำคือการแช่น้ำอุ่นในอ่างจากุชชี่ แผลบนหลังคงเริ่มทุเลาลงแล้ว เพราะไม่ค่อยเจ็บมากเหมือนตอนแรกตื่น

    สถานที่แปลกใหม่พาให้ความคิดไหลลื่น อีกทั้งยามนี้กำลังอยู่บนเตียงนุ่มเพียงลำพัง มันช่างสุขเพราะไม่ต้องระแวงว่าจะถูกรังแกแบบเลือดสาดหรือโดนล้อเล่นกับจิตใจ เพราะการมากกมากอดมาหอมคนอื่น คนกอดอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่คนถูกกอดกลับรู้สึกอยู่ทุกคืน

    การกระทำที่จำเจในทุกค่ำคืนมันทำให้ความรู้สึกยิ่งจมลึก จนเจ้าตัวอยากจะหนีไปให้พ้นๆ แผนการหนีออกจากห้องจึงเกิดขึ้นมาด้วยประการฉะนี้

    ป่านนี้เขาอาจจะยังไม่รู้หรอกว่าเราออกมาจากห้องแล้ว เพราะเก็บของออกมาแบบเนียนสุดๆ 

    ‘ไม่รู้จะกลับห้องหรือยังเถอะ’

    มือขวากุมนัลบนคอเอาไว้มั่น เพราะนี่เป็นทางเดียวที่จะหนีจากเขาได้

    เพื่อนร่วมห้องอีกคนที่ถามถึง ยามนี้ถึงห้องแล้ว และหลังจากนั่งนิ่งๆอยู่ในห้องเพื่อรอเวลาให้เดินไปถึงสี่ทุ่ม เขาจึงเริ่มขยับ และมองจ้องทางประตูหน้าห้อง 

    เข็มยาวตอนนี้เดินไปที่เลขหนึ่ง เป็นการยืนยันว่าเด็กมันอยากลองดี รอบนี้จะพาไปที่ไหนดี ย้อนอดีตสักหน่อยไปยุคสงครามระหว่างมรนาการกับมนุษย์ท่าจะดี ยิ่งคิดดวงตายิ่งเปล่งประกาย

    ขณะนี้เข็มยาวเดินไปที่เลขหก เป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งพอดี แต่เสียงออดหน้าประตูยังไม่ดังสักครั้ง นี่ก็รอให้มาอ้อนขออยู่ หากทำน้ำเสียงดีและฟังขึ้นก็จะยอมให้เข้าห้องมาโดยดี ส่วนโทษที่กลับบ้านช้าจะละเว้นให้ 

    ‘หายไปไหน อ๋อ ห้องกิจ’ คิดจบจึงหายตัววับไปหาเจ้าของห้องที่ต้องสงสัย

    ออด! ออด! “ครับ” เจ้าของห้องเปิดประตูมารับแขกแปลกหน้า ‘ใคร’

    “มาผิดห้องหรือเปล่าครับ” 

    ใบหน้าไม่คุ้นตา แต่บอกได้คำเดียวสวย ใช่ คำว่าสวยใช้มาบรรยายคนแปลกหน้าได้อย่างดี ยิ่งย้อมผมสีเทาตัดสั้นระต้นคอ อีกทั้งยังมีดวงตาสีเทาอมฟ้า ยิ่งทำให้ชายตรงหน้ายิ่งสวย เสียอย่างเดียว สายตาที่มองมาเย็นชาเหลือเกิน

    “ข้า…ผมมาหานนท์” 

    นึกอออกได้ทันว่าเด็กน้อยเคยสอนให้ใช้เรียกแทนตัวว่าผม จึงเปลี่ยนคำทันพอดี

    “นนท์ไม่อยู่ครับ มีอะไรฝากถึงน้องไหมครับ เดี๋ยวผมบอกให้” 

    ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้จักน้องได้ยังไง และเป็นอะไรกับน้อง คนพี่จึงพยายามปกป้องข้อมูลน้องให้มากที่สุด

    “กิจ ข้าเป็นผู้ปกครอง คายออกมาให้หมด” ดวงตาสีเทาเปล่งประกายวูบหนึ่ง

    “นนท์ไปเขาใหญ่ อยู่รีสอร์ท D ของที่บ้าน เพิ่งไปเมื่อตอนสายๆ” 

    เพียงมองสบตา ทุกข้อมูลของน้องกลับหลุดออกมาจากปากเหมือนกับสายน้ำไหล

    “เปิดแผนที่ ชี้ทางข้า” เสียงสั่งเข้มงวดและกุมอำนาจ  

    “ครับ” 

    คนถูกสั่งเปิดมือถือเรียกหาแอฟแผนที่ จากนั้นจึงเริ่มบอกทางแบบละเอียดตามอาคมที่ถูกสั่งให้คายความลับออกมา

    “ขอบใจ รถเจ้า ข้าขอ” 

    โครม! ข้อมูลที่ต้องการได้มาครบ เหยื่อตรงหน้าจึงหมดค่าล้มกองตรงหน้าประตูเสียงดังโครม เพราะถูกรีดเร้นข้อมูล และถูกกำราบดวงจิตไว้ไม่ให้หือ จึงเปลืองแรงสำหรับร่างกายของคนธรรมดาพอดู ที่จะต่อต้านอำนาจมืดได้ไหว

    “เรือหายแล้ว นนท์” 

    ทุกเรื่องที่ราวที่เผลอพูดออกไปหมด เจ้าตัวจำได้ดี แต่ห้ามตัวเองไม่ได้ เหมือนกับโดนของ ครั้นตั้งสติได้จึงรีบต่อสายหาน้องเพื่อนเตือนภัย แต่เสียงตอบรับได้กลับมากลับเป็นเสียงผู้หญิงแสนคุ้นเคย 

    “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”

    “โห ผู้ปกครองน้อง น่ากลัว ไม่ๆ น่าสะพรึงสุดๆ” ไม่ใช้คนธรรรมดาแน่ๆ ชายหนุ่มมั่นใจมาก

    หลังจากขึ้นเขา ส่องสัตว์และเล่นน้ำตกจนอิ่มอกอิ่มใจ และดื่มด่ำกับธรรมชาติจนลืมเรื่องราวร้ายๆไปพักหนึ่ง ในวันที่สองสถานที่เลือกมาเที่ยวเป็นเขื่อนจักรพงษ์ ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เปิดให้เล่นน้ำได้

    เจ้าตัวดำผุดดำว่ายด้วยความเพลิดเพลินใจ เพราะถึงแม้จะว่ายน้ำไม่เก่ง แต่การได้แช่น้ำในจุดที่ยืนถึงมันก็สุขได้เหมือนกัน

    “สนุกไหม” 

    เสียงหนึ่ง และ ใบหูของใครคนหนึ่งมาเฉียดข้างหู เรียกขนทั้งกายลุกชันฉับพลัน สิ่งแรกที่ทำเป็นการคว้าสร้อยบนต้นคอของตนเอง 

    “หานี่อยู่เหรอ” ฟุบ! ในกำมือของเขาเป็นนัลที่แหลกเป็นผงอยู่ในฝ่ามือ

    ‘แย่แล้วสร้อยหลุด’ เล่นน้ำเพลินจนพลั้งทำสร้อยหลุด และนั่นทำให้อีกฝ่ายตามตัวได้ทันที

    “มาเที่ยวไม่เรียกข้าเล่า” 

    น้ำเสียงเรื่อยๆ อสูรหนุ่มกำลังยืนกอดอกชวนคุยอยู่กลางสายน้ำ 

    ‘ไม่ได้มาเที่ยว หนีต่างหาก แย่ล่ะ เขาอ่านความคิดได้เราได้’ 

    รีบว่ายออกห่างเขา และพยายามโกยอ้าวไปขึ้นฝั่ง

    “พี่ ไม่ต้องตามมา” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เพราะอีกฝ่ายอยู่ประชิดตัวแล้ว

    “ออกไป ตัวเปียก” เด็กหนุ่มเค้นเสียงขู่ ยามนี้ยังไม่อยากเจอหน้าเขา

    ป๊อก! ดีดนิ้วครั้งหนึ่ง เพื่อสร้างบาเรียมากางกั้นไม่ให้คนอื่นมองเห็น จากนั้นจึงโบกมือเบาๆเพื่อเปลี่ยนสภาพของเสื้อผ้าอุ้มน้ำเป็นเสื้อผ้าแห้งสนิทในฉับพลัน

    “หันหลังมา ยังเจ็บอยู่ไหม” ที่หายหน้าไป ก็เพราะไปหายามารักษาแผลสดที่เพิ่งถูกตีตรา

    มันเป็นตัวยาพิเศษต้องเขาไปหาในแดนลับแลเท่านั้น ครั้นพอกลับมาถึงห้อง ดันไม่เจอใครสักคน ยาที่หามาให้ จึงเพิ่งถูกใช้ในตอนนี้

    “เย็นๆ” 

    สัมผัสเย็นๆเหมือนถูกลูบเล่นด้วยน้ำแข็งก้อน เรียกเสียงสยิวจากคนถูกทายาเป็นระยะๆ และเมื่อเขาลูบไล้บนหลังจนเสร็จ น่าแปลกนักที่ความเจ็บแสบบนกลางหลังกลับหายสนิทเป็นปลิดทิ้ง

    “ขอบคุณพี่อนิล” 

    ใจไม่อยากจะขอบคุณ เพราะความเจ็บปวดที่เราเจอ เขาก่อมาทั้งนั้น

    “ปล่อยผม” 

    ข้อมือถูกคว้าจับ ทำให้เด็กหนุ่มประท้วงทันที เพราะยังเคืองเขาอยู่มาก

    “ข้าต้องขี่เจ้านั่นกลับ ขอเรียนก่อน” จับข้อมือมั่นไม่ปล่อย แม้อีกฝ่ายจะประท้วงเป็นระยะ

    ครั้นรีดความรู้การขับรถจนขี่ได้ จึงเดินนำไปทางรถมอเตอร์ไซด์และส่งสายตาเรียก ชวนให้อีกคนมาซ้อนท้าย

    รถมีคันเดียว อีกทั้งที่พักก็ไกลอยู่มาก แม้จะยังเคืองไม่อยากจะยุ่งกับเขา แต่ด้วยตนไม่ใช่ผู้หญิงที่จะมานั่งงอนก็ใช่ที่ จึงยอมซ้อนเขากลับมารีสอร์ทแต่โดยดี

    “พี่สาวคนสวยครับ เปิดห้องให้เพื่อนผมที” 

    เสียงเรียกพนักงานออกแนวหยอกๆ ประกอบกับหน้าตาน่าเอ็นดูของคุณลูกค้า ทำให้พนักงานยอมตามใจหาของให้ทันที

    “ของพี่” 

    ยื่นกุญแจห้องให้เป็นการประกาศกั้นว่าไม่ให้นอนด้วย จากนั้นจีงเดินแยกไปทางห้องตัวเอง

    ปัง! ปึก! เสียงปิดประตูมาพร้อมกับเสียงมือตบพนัง พร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มที่ถูกดันติดกำแพง

    “อือๆ” รสจูบที่ป้อนมาทำให้อีกคนหายใจไม่ทัน

    “คิดถึง” จูบเบาที่ริมฝีปากอุ่นอีกคราพร้อมน้ำเสียงเว้าวอน ภมรหนุ่มเฝ้าดอมดมกลีบดอกไม้บาง คราวแล้วคราวเล่า

    “แฮ่กๆ พอก่อน” สองมือยันอกเขาเอาไว้ เพื่อให้หยุดรสจูบ

    “หยุด ไม่ต้องเข้ามา” หนีไปตั้งหลักตรงปลายเตียง ส่วนอีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าทีวี

    “พี่ ผมเจ็บเป็น โกรธเป็น เดี๋ยวพี่ก็ทำผมเข้าโรงบาล” 

    “เมื่อวานก็มากรีดหลังผม” 

    น้ำตาชักจะปริ่มแต่ยังไม่ไหล ด้วยความเป็นลูกผู้ชายจึงรีบอึบเอาไว้ แต่เสียงกลับสั่นๆไปแล้ว

    “นนท์” ก้าวเข้าประชิด ทั้งรวบร่างหนุ่มเข้าอกอุ่น

    “ผมเคยไปทำอะไรพี่หนักหนา พี่ถึงทำกับผมเหมือนทาส เวลาพี่อยากใจดี พี่ก็มาใกล้ มากอดมาหอม” 

    “เวลาพี่ใจร้าย ชอบทำผมเจ็บๆ ผมเจ็บเป็นนะพี่” 

    สายตาคนในอกเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำเพราะถูกกระทำเอาไว้หลายเรื่อง

    “ข้าชินกับการฝึกของชาวมรนาการจนเผลอมาใช้กับเจ้า ข้าผิดเอง” 

    “อภัยให้ข้านะครับ” แรงกอดรัดคนในอ้อนแขนยิ่งแน่นขึ้นอีกระดับ

    “ผมชอบผู้หญิง

     พี่เองก็ชอบผู้หญิง เราสองคนพอเท่านี้เถอะ” เลิกมาทำให้หวั่นไหวสักที

    “ติดที่เรื่องบนเตียงเหรอ” ทางนี้ก็ตรงประเด็นสุดๆ

    “ผมไม่อยากเป็นรับ” เคยดูในหนังสิบแปดบวกว่าฝ่ายรับดูทรมานเหลือเกิน ยามฝ่ายรุกพุ่งทำประตู ทำให้เด็กหนุ่มพยายามป้องกันประตูหลังสุดชีวิต

    “ไม่มีปัญหา มา กอดข้า” 

    เอนกายนอนลงบนเตียง ทั้งยังเปลี่ยนสภาพเป็นร่างแท้ที่มีผมสีดำยาวจรดเอวสลวยเงางาม และยามนี้กำลังแผ่กระจายอยู่บนเตียงนอน และยิ่งมาประกอบกับดวงตายั่วเย้าและใบหน้างดงามแสนเย้ายวน ยิ่งทำให้คนมองใจเต้นระทึก

    ‘นนท์ สติ ถึงจะสวยแค่ไหน นั่นผู้ชาย’

    “มาสิ” 

    นิ้วชี้กวักเรียกไหวๆ เรื่องบนเตียงของชาวมรนาการเป็นเรื่องธรรมดา และอสูรหนุ่มก็มีประสบการณ์กับคู่นอนมาตั้งแต่เยาว์วัย ต่างเพียงว่ายังไม่เคยลองกับบุรุษเท่านั้น

    “พี่ จะให้ผมกอดพี่ เอาจริงเหรอ” เสียงถามหน้าตาตื่น

    “ข้างามไหม” เสียงเย้า ทั้งยังเอียงคอลอยหน้าลอยตาถาม

    “งามมาก สะ…สวย” อีกฝ่ายไปไม่เป็นแล้วตอนนี้

    “งามกว่ามีนาหรือไม่” กิ๊กที่สวนสนุก อสูรหนุ่มยังไม่ลืม

    “งามกว่า” ยิ่งมองหน้าเขา ยิ่งใจสั่น สองขาจึงพยายามก้าวห่างออกจากเตียง และเตรียมหนีไปตั้งหลักให้ห่างจากเขาสุดๆ สัญชาตญาณร้องบอกว่าต้องหนี

    “มาสิ มาหาข้า” เปิดขาสองข้างเปิดกว้างออกยั่ว ทั้งยังส่งสายตามาเชิญชวน

    ‘หอม…ตัวเขาหอมน่าเอนพิง’ 

    คนถูกกลิ่นเรียกร่วมคู่ที่อสูรหนุ่มจงใจใช้แบบตั้งใจสุดๆ ค่อยๆก้าวเข้าใกล้เตียงทีละก้าวๆ

    รสสัมผัสแปลกใหม่ ภมรมือใหม่ค่อยๆผสมเกสรเจ้าดอกไม้พิษด้วยความไม่ประสา บางถูกหอมถูกกกกอด กลิ่นกายเคลียใกล้ เรียวขาเกี่ยวกระหวัดรัดแนบแน่น และสีหน้าของเขายามถูกตีประตู เด็กหนุ่มจำไม่ลืม 

    ยามนี้สายสัมพันธ์ถูกผูกมัดอย่างแน่นแฟ้น ด้ายแดงจากนิ้วก้อยของชายทั้งสองรอยรัดเป็นเงื่อนปม และแนบสนิทติดเชื่อมเป็นเนื้อเดียวกัน

    “อิ่มไหม” หลังจากอิ่มเอมในรสรักที่ได้เป็นฝ่ายรุกทำให้เด็กหนุ่มสดชื่นสุดๆ

    “ตาข้าบ้าง” 

    จบคำ เจ้าภมรตัวจ้อยจึงถูกดอกไม้พิษกลืนกลิ่นไม่รู้วาย ทำได้เพียงร้องอย่างลืมอาย และรองรับเขาด้วยความจำยอม เพราะขยับหรือขัดไม่ได้สักทาง

    แรกรสยังเจ็บอยู่ บนดวงตาเต็มไปดวงหยาดน้ำตาไหลปริ่มอาบแก้ม หลังๆชักคุ้นชินจนเพลิดเพลินตามการนำของเขา และอีกฝ่ายไม่มีผ่อนปรนแม้แต่น้อย เฝ้าสอนบทเรียนรักท่าแล้วท่าเล่า 

    ดูท่าคืนนี้เจ้าภมรตัวจ้อยต้องถูกดอกไม้พิษกลืนกลิ่นจนหมดแรง

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×