ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สายลมห่มดอกไม้ (ติดเหรียญ เริ่มตอน 12)

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 5 ท้องแล้วหรือ

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 64


    ลาย : ขออภัยที่หายไปนาน ลายเจ็บตัวตามที่แจ้งในเพจ ตอนนี้โอเคแล้ว มาต่อกัน

    ……………………….

    ตั้งแต่ได้ดวงตะวันและจันทราคืนมา มรนาการจึงมีบางวันที่ไม่มืดมิดไปเสียหมด ดังเช่นค่ำคืนนี้ แสงจันทร์ทอดยาวฉายแสงผ่านเสาสูงตระหง่านเป็นเงาของใครคนหนึ่งที่กำลังยืนพิงอยู่หลังเสา

    อสูรหนุ่มกำลังส่งโทรจิตต่อสายไปหาต่างหูที่ฝากไว้กับเด็กในปกครอง แต่ไม่ว่าจะต่อสายกี่รอบ สัญญาณมักถูกตัดไปเสมอ นั่น ยิ่งทำให้ดวงตาสีเทายิ่งเรียบเย็นขึ้นเรื่อยๆ

    “ฟรอส ท่านพ่ออยากพบท่าน” 

    สัมผัสเบาๆแตะบนข้อแขนเป็นเชิงเรียก เป็นเสียงเรียกของคู่ควง ทำให้โทรจิตที่กำลังสื่อหาปลายทางหยุดชะงักลง

    “เจ้านำไป”

    สองร่างเดินเคียงกลับเข้าไปในงาน และเรื่องราวของใครบางคนถูกละเลยไป ยามนี้อสูรหนุ่มมีเพียงรอยยิ้มการค้า และสีหน้าแย้มยิ้มเตรียมรับรองผู้ใหญ่เท่านั้น

    “โอ๊ยๆ ปวดหัว” 

    เสียงร้องโอดครวญของใครบางคน ดังขึ้นมาตอนสายๆ เป็นช่วงเวลาที่ดวงตะวันกำลังจะเคลื่อนไปอยู่ตรงกลางศีรษะในอีกไม่กี่นาที

    สองมือค้ำยันกับผืนผ้าปูเพื่อพยุงตัวเองขึ้นมา จากนั้นจึงคว้าขวดน้ำเปล่าข้างเตียงกระดกเข้าปากไปหลายคำ เสียงดังอึกๆ

    “อ่า ค่อยยังชั่ว” 

    กินเหล้าแล้วมันรู้สึกดี แต่ที่ไม่ดีก็ต้องหลังกินนี่แหละ เด็กหนุ่มรู้ดี แต่ก็ยังไม่คิดจะเลิกเหล้าสักที

    ติ๊ด ติ๊ด เสียงข้อความเข้าดังมาจากมือถือที่วางอยู่ข้างหมอน เป็นข้อความของรุ่นพี่ความว่า “ดรีมเวิลวันพรุ่งนี้ บ่ายโมงตรง พี่นัดเดทให้แล้วครับน้อง” 

    “เฮ้ย เอาจริงเหรอพี่” 

    เห็นข้อความปั๊บ สติกลับมาปุ๊บ ใจหนุ่มเต้นระทึกเพราะสาวที่พี่นัดมาให้ เธอน่ารักสุดๆ

    สายตากวาดมองไปรอบห้อง มองหาข้าวของเพื่อเตรียมแต่งตัวจัดเต็มไปจีบสาว มองไปเรื่อยจนไปปะทะกับกางเกงเลย์ตัวสีแดง ที่พับวางเป็นระเบียบอยู่บนเก้าอี้สตูล ใกล้ๆกับโต๊ะเขียนหนังสือ ทำให้เผลอไปครู่หนึ่ง ที่คิดไปถึงใครอีกคน ที่เคยอยู่ด้วยกัน ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่

    “ช่างเถอะ” 

    ตัดสินใจไม่คิดถึงเขาให้เป็นภาระทางใจ จะไปไหนก็เรื่องของเขา เราไม่เกี่ยวข้องกัน

    สถานที่นัดเดตเป็นสวนสนุกที่อยู่นอกเมืองออกมาพอควร เด็กหนุ่มใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนานกว่าจะมาถึงที่หมาย แต่ถึงแม้จะนานแค่ไหน แต่จุดหมายปลายทางที่รออยู่สุดแสนจะคุ้มค้า และยามเห็นหน้าเธอคนนั้น บอกเลยว่าต่อให้ต้องขึ้นเขาลงห้วย จะไม่มีบ่นสักคำ 

    “สวัสดีครับ คุณมีนา” ยังไม่คุ้นหน้า และคุ้นเคยน้ำเสียงจึงออกสั่นหน่อยๆ

    “ดีค่ะ นนท์ ไม่ต้องเรียกคุณนะ เรียกเรามีนาได้จ้ะ” เด็กสาวส่งยิ้มเปิดมิตรให้

    “ครับ มีนา”

    “นนท์เรียนมอเดียวกับเราเลย นนท์เรียนอะไรเหรอ” 

    พ่อสื่อแนะนำเพียงคร่าวๆ แต่ยังไม่ลงรายละเอียดของคู่เดทให้ฟัง บอกสั้นๆมาเพียงว่า เขารู้เรื่องของทางมรนาการเป็นอย่างดี ทำอะไรไม่ต้องระวังตัว ไม่ต้องห่วง 

    “เกษตรครับ” 

    ที่เลือกเรียกสายนี้เพราะตั้งใจว่าหลังเรียนจบ จะกลับไปช่วยพัฒนาสวนที่บ้าน บ้านของเด็กหนุ่มมีอาชีพทำสวนผลไม้ตามฤดูกาล มีทั้งปลูกเองและรับมาขายต่ออีกที เรียกได้ว่าเจ้าตัวเองเชี่ยวชาญในเรื่องการทำสวนพอตัว 

    “น่าสนุกนะ เขาให้ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ในมอด้วยใช่ไหม”

    ทางมหาลัยมีชื่อเสียงในด้านเกษตรแบบผสมผสาน จึงคิดลงทุนพัฒนานักศึกษาด้วยการแบ่งพื้นที่ให้ฝึกฝีมือ

    “ครับ แต่ละคนจะมีที่หนึ่งผืน ต้องเลือกเอาครับว่าจะเลี้ยงสัตว์หรือปลูกผัก” ยามเล่าถึงเรื่องถนัด น้ำเสียงไม่มีสั่นสักคำ 

    “ว่างๆ มีนาไปเที่ยวได้นะครับ” 

    ไหนๆก็คุยมาถึงเรื่องนี้ คนเจ้าเล่ห์จึงหาทางชวนสาวมาหาเสียเลย

    “ได้ๆ ไว้จะไปเยี่ยมนะ” 

    ยิ่งคุยกัน คนสองคนยิ่งถูกคอ สายสัมพันธ์ถักทอและดูท่าจะเข้ากันได้ดี

    “มีนา เรียนเภสัชใช่ไหมครับ เก่งสุดๆ” พยายามคิดถึงรายละเอียดที่รุ่นพี่บอกเกี่ยวกับสาว และหาประเด็นมาชวนสาวคุยต่อ

    “ไม่หรอกนนท์ กว่าจะสอบเข้าได้ เราอ่านเยอะอยู่นะ” 

    น้ำเสียงออกเหนื่อยอ่อนเพราะกำลังคิดถึงเรื่องราวก่อนไปสอบ เมื่อคราวนั้น

    “ผมไม่ไหวแน่ครับ ไม่ถนัดท่องจำเลย” โคลงศีรษะเบาๆเพื่อย้ำคำว่าไม่ไหวแน่ๆ

    “ตอนแรกเราไม่ได้คิดจะเรียนสายนี้ นนท์ก็รู้ว่าพ่อเราเป็นหมอยา เราว่าจะเรียนกับพ่อก็พอ แต่ว่ามันมีวันหนึ่ง เราขึ้นรถไฟฟ้าแล้วไปเจอคนปวดท้อง เขาเป็นโรคกระเพาะ” 

    หยุดชะงักไปพักหนึ่งเพื่อเรียบเรียงเรื่องราว

    “ในขบวนมีคนเป็นโรคกระเพาะเหมือนกัน และเขาพกยาติดตัวอยู่เสมอ เขาจึงแบ่งยาให้คนป่วย ไม่กี่ชั่วโมงนนท์ คนป่วยดีขึ้นมาเฉยเลย”

    “เราเลยถามเขาว่า พี่ให้ยาอะไรเขาไป” 

    เล่าไปยิ้มไปเพราะรู้สึกประทับใจกับเหตุการณ์ครานั้นไม่ลืม

    “ยาอะไรครับ” 

    เสียงถามสำทับ เป็นการบอกใบ้ว่ารอฟังเรื่องที่สาวเล่าอยู่นะ ไม่ได้ละเลยไปไหน

    “ขมิ้นชัน เพราะขมิ้นชัน ทำให้เราตัดสินใจมาเรียนสายเภสัชในมอ A”

    “เราอยากรู้ว่านอกจากสมุนไพรวิเศษที่เราเคยรู้จัก ยังมียาตัวไหนอีกที่รักษาโรคได้ ทั้งที่วัตถุดิบทำยาพวกนั้นเกิดอยู่บนโลกสีขาว ไม่ได้มีกลิ่นไอวิเศษหรือพลังวิเศษอะไร มันน่าสนใจมากนนท์” 

    สายตาเป็นประกายวิ้งๆ ยาม คิดถึงตัวยาทั้งหลายที่เคยเรียนผ่านตามา

    “อ่า ครับ” คนข้างเคียงชักไปไกล อีกฝ่ายเริ่มตามไม่ทัน

    “เราเริ่มจากบ้านยักษ์ไหมครับ” 

    ที่เลือกที่นี่เพราะสาวๆมักชอบถ่ายรูป และชอบให้มีคนถ่ายให้ เด็กหนุ่มจึงเลือกบ้านยักษ์ เพื่อสร้างความประทับใจ

    “ไปซูเปอร์สแปลชแทนได้ไหม มันร้อน เราอยากเปียก” 

    วันนี้ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนขาสั้นเพื่อเตรียมมาเที่ยวโดยเฉพาะ เห็นหน้าหวานเช่นนี้ แต่ตัวตนของเธอ ชอบนักเรื่องผาดโผน

    “ครับ” 

    หลังจากจบคำว่าครับและเลือกตามใจสาว บอกเลยว่าชีวิตของคนเดินตามสาวเหมือนกับลงนรก แต่ก็ต้องอดกลั้นไว้เพื่ออวดสาว เพราะลำดับการเล่นของคุณเธอนั้น ที่แรกเป็นซูเปอร์สแปลช ตามมาด้วยแกรนด์แคนยอน ตามมาด้วยเฮอริเคนและทอร์นาโด บอกเลยว่าตอนนี้ อยากจะอ๊วก

    “นั่งก่อน” 

    แทนที่จะพยุงสาว แต่กลายเป็นสาวมาพยุง เด็กหนุ่มอายเหลือเกิน แต่พยายามคิดปลอบใจตัวเองว่า ก็สาวเขาสายเลือดมรนาการ ไม่แปลกกระมังที่จะอึดกว่าตน เพราะไม่ว่าเธอจะเล่นอะไร ไม่มีกรี๊ดตามชาวบ้าน มีแต่หัวเราะและบอกสูงๆอีกเท่านั้น

    “ขอนั่งแปปนะครับ มีนาอยากเล่นอะไรอีกไหม” 

    ใจจริงอยากบอกออกไปว่า มีนาครับ เราพอแค่นี้เถอะครับ แต่คำว่าลูกผู้ชายทำให้เด็กหนุ่มต้องอึบเอาไว้

    “ไวกิ้งจ้า แต่เราไปเล่นคนเดียวได้นะ นนท์นั่งพักก่อน” 

    สาวเจ้าไม่มีทีท่าจะเหนื่อย แม้จะผจญกับเครื่องเล่นโหดๆมาหลากหลายเครื่อง พลังชีวิตของเธอไม่ลดลงสักขีด

    “ไหวครับ ไป” กัดฟันอึบไว และเดินตามสาวไปขึ้นไวกิ้งพร้อมน้ำตาที่กำลังตกใน

    “ว๊ากกกก” 

    สามรอบ สาวเขาขอเล่นสามรอบ ตอนอยู่ข้างล่างยังพอทน แต่พอเรือเคลื่อนขึ้นฟ้าเท่านั้นแหละ ใจหนุ่มตกไปอยู่ตาตุ่มแล้ว

    ม้านั่งตัวเดิม แต่ที่ต่างจากเดิมเป็นสภาพโรยแรงของคนนั่ง ไม่ไหวแล้ว อยากจะอ๊วกเหลือเกิน ครั้นคิดจบจึงกวาดมองหาพุ่มไม้ลับตา และรีบพุ่งไปทางนั้นทันที

    “เราไปหาน้ำมาให้ รอก่อนนะนนท์” 

    สาวเจ้าก้าวเร็วหายลับไปแล้ว ไปทางไหนเด็กหนุ่มไม่รู้ เพราะตอนนี้กำลังพะอืดพะอม

    “ข้าไม่อยู่หลายวัน ท้องแล้วหรือ มีชู้รึ” เสียงคุ้นๆและสัมผัสที่ค่อยๆลูบขึ้นลูบลงอยู่บนกลางหลัง อีกทั้งกลิ่นไอเย็นๆทำให้คนอ๊วกค่อยๆรู้สึกดี

    “พี่ฟรอส มาได้ยังไง” 

    หันหน้าไปมองหน้าเขา และถามด้วยเสียงล้าๆ เพราะเมื่อครู่แม้ไม่มีอะไรอ๊วกออกมา แต่อาการพะอืดพะอมไม่ธรรมดาเลย

    “อนิล” อีกฝ่ายก็ยังย้ำว่าให้เรียกชื่อนี้อยู่ทุกครา

    “ข้าถามหนึ่ง” 

    รายละเอียดการถาม ไม่ได้ขยายความต่อว่า ไปบีบบังคับมา 

    ข้อต่อรองคืองานแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างชาวเวทย์และมรนาการ ทางเราจะไม่อนุมัติงบ เท่านั้นแหละอีกฝ่ายขายน้องออกมาหมด ว่าอยู่ไหนและไปทำอะไรกับใคร

    “อ๋อ เล่นอะไรไปบ้างหรือยัง” 

    ไม่เจอหน้านาน บอกตรงๆว่า คุยได้ไม่ค่อยสนิทใจ ยังไงไม่รู้

    “ยัง” เสียงถามคำตอบคำ และจากนั้นก็มีเพียงความเงียบเท่านั้น 

    “ท่านชาย” เสียงเรียกดังมาจากทางด้านหลัง และมาจากเด็กสาวที่หายไปซื้อน้ำมาช่วยคนป่วย

    “นนท์ น้ำมะนาวค่ะ”

    “เราใส่โชดาด้วย จะได้สดชื่น” 

    การพยาบาลคนป่วยเบื้องต้น ไม่เสียชื่อที่เรียนเภสัชมา อะไรที่ช่วยให้ดีขึ้นได้เล็กๆน้อยๆ เด็กสาวไม่ทิ้งสักทาง

    “ขอบคุณครับ” 

    รับมะนาวโซดามาดูดหนึ่งอีกใหญ่ ยิ่งทำให้รู้สีกดีขึ้นกว่าเดิม อาจจะเป็นเพราะกลิ่นไอเย็นๆจากคนข้างกายผสมกับน้ำมะนาวซ่าส์สะใจ ทำให้หลุดพ้นจากนรกออกมาได้ในที่สุด

    “กลิ่นสายยา” ฤทธิ์ของสายยาช่วยลดปวดและบวมได้ดี อีกทั้งยังช่วยแก้อาการพะอืดพะอมได้ชะงัดนัก

    กลิ่นสายยาจะหอมเย็น วิธีใช้ก็แค่ปาพลังเวทย์เข้าไปขยี้ให้เป็นผงจากนั้นผสมกับน้ำสะอาดๆ ความยากของตัวยานี้อยู่ที่ต้องริดหนามคมๆออกให้หมดไม่ให้เหลือสักเส้น มิเช่นนั้น ตัวยาจะไม่ได้ผล 

    ‘ท่านชายฟรอส ข้าขอขอบคุณแทนสหายข้า’ 

    ‘ข้าเป็นผู้ปกครอง เขาย่อมเป็นปัญหาของข้า ไม่ต้องกวนท่านหญิงหรอก’

    เสียงสนทนาทางโทรจิตได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น คนที่กำลังพะอืดพะอมไม่ได้ยินสักคำ  

    ……………………………………

    กิจ : อ่า สายยา บางท่านอาจจะคุ้น บางท่านไม่คุ้น เป็นสมุนไพรมโนครับ เกิดจากจินตนาการจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×