ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สายลมห่มดอกไม้ (ติดเหรียญ เริ่มตอน 12)

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 6 นอนหยอดน้ำข้าวต้ม

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 64


    “เรียกข้าฟรอสเถอะ เราอยู่โลกสีขาว อย่าทำตัวแปลกแยก” 

    ว่าพลางกวาดสายตาไปทางเรือลำยักษ์ อีกทั้งยังไม่มองคู่สนทนาอีกต่างหาก 

    ‘ทีเรา ให้เรียกแต่อนิลๆ ฮึ พอเห็นสาวหน่อย บอกให้เรียกว่าฟรอส เหอะ’

    “ค่ะ พี่ฟรอส” 

    เด็กสาวเริ่มสงสัย จึงเริ่มสังเกต และกำลังมองอยู่ว่า ความสัมพันธ์ของชายทั้งสอง มันคืออะไรกันแน่ แม้ทั้งคู่จะไม่มีท่าทีอะไร แต่คำว่าผู้ปกครอง มันดูผิดที่ผิดทาง และควรใช้กับคนธรรมดาและมรนาการเช่นเขาหรือ 

    “นนท์ เราขอไปเล่นไวกิ้งอีกรอบ นนท์รอตรงนี้นะ” 

    “ได้ๆ เราไปด้วย” 

    สองขาเตรียมก้าวเดินไปแล้ว แต่เสียงขอไปด้วยตามมาเสียก่อน

    “ข้าอยากเล่นไวกิ้ง” 

    เสียงที่สามดังมาแทรก ทั้งยังคว้าหมับเข้าที่ข้อมือ และลากแขนคนข้างกายเดินแยกออกไป ทิ้งเด็กสาวยืนสตั้นไปพักหนึ่ง

    “เฮ้ย เดี๋ยว! พี่ ทิ้งสาวได้ยังไง” 

    สะบัดหนีและได้ผล เพราะอีกฝ่ายปล่อยออกทันทีเหมือนกัน

    “ห่วงนาง” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง รอฟังคำตอบ

    “ไหนบอกคนอื่นเขาว่า อย่าทำตัวแปลกแยก เวลาเรียกคนที่สาม พี่ต้องเรียกเขาว่า เธอหรือน้อง เลือกสักคำ” 

    ฟังแล้วมันรู้สึกขัดหู จึงช่วยแก้สักหน่อย

    “ได้ ห่วงเธอเหรอ”

    “เฮ้ย ไม่ใช่สิ ผมต้องกลับไปหาเขาก่อน” 

    ‘จะบ้าเหรอ เดินหนีมาได้ยังไง’ เด็กหนุ่มได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ

    “เธอไม่อยู่แล้ว ไม่ต้องตามหรอก ข้าอยากขึ้นเรือยักษ์” 

    ปลายนิ้วชี้ ชี้ไปที่เรือยักษ์ ที่กำลังมีเสียงกรีดร้องออกมาเป็นระยะๆ

    “ครับๆ โธ่ ลืมขอเบอร์ไว้ด้วย” ยังไม่เลิกห่วงสาว เพราะมีที่ไหนครับ มาด้วยกัน แต่เทกันปลายทางซะงั้น

    เสียงเร่งยิกๆว่าจะไปเล่นไวกิ้งให้ได้ จากคนยืนเคียง ทำให้ต้องยอมตามใจ อีกทั้งมองเห็นแล้วว่าคู่เดทของตัวเองอยู่ในแถวเตรียมขึ้นไวกิ้งเรียบร้อยแล้ว จึงยอมพาอสูรเจ้าปัญหาไปต่อแถวขึ้นไวกิ้ง

    “ไม่ต้องใส่” 

    อุปกรณ์เซฟชีวิตถูกปัดทิ้ง อีกทั้งบรรยากาศรอบกายเปลี่ยนฉากเข้าสู่ความร้อนระอุในฉับพลัน 

    แสงตะวันสาดแสงแยงตา ที่ไหนกัน อยากบอกนะว่า พามาทะเลทรายอีกแล้ว ชัดเลย นั่นมันอูฐ!!!

     

    คุณพี่ครับ พี่เป็นอะไรกับทะเลทรายนักหนา ซื้อสัมปทานเอาไว้หรือยังไง!!!

    “ต่างหูไปไหน” 

    สองคนนั่งเคียงอยู่บนภูเขาทราย อีกฝ่ายดูสบายๆ แต่ฝั่งคนธรรมดา ร้อนเหลือเกิน 

    ‘โอ๊ยจะเป็นลม น้ำจ๋า นนท์คิดถึง’

    “เปลี่ยนที่เถอะพี่ ผมขอ มีอะไร เรามาคุยกันดีๆ” 

    มองไปทางซ้ายก็ทราย ทางขวาก็ทราย ใจสั่นเหลือเกินยามคิดถึงเมื่อครานั้น ที่ถูกทิ้งอยู่เพียงลำพัง

    “ต่างหูไปไหน” ถามคำถามเดิม ย้ำอีกครั้ง

    “พังครับ ให้พี่หนึ่งช่วยช่อมแล้ว แต่ซ่อมไม่ได้” 

    โกหกอะไรได้ ตอนนี้เอาหมด ขอแค่รอดจากทรายร้อนระอุใต้เท้า และใต้ก้นก็พอ 

    “มิน่าเล่า ข้าโทรหาไม่ได้” โทรที่ว่า ก็โทรจิตนั่นแหละ

    โบกมือเพียงครู่ บรรยากาศสว่างจ้าแปรเปลี่ยนเป็นหนาวจัดเข้าแทนที่

    “หนาวๆ” ทะเลทรายยามค่ำคืนหนาวจัดเย็นยะเยือกจนกายสั่นสะท้าน ฟันกระทบกันกึกๆ

    อสูรหนุ่มล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกง และหยิบเตียงลายวิจิตรขึ้นมาหลังหนึ่ง ใช่ฟังไม่ผิด หยิบเตียงขึ้นมาจากกระเป๋าหลังหนึ่ง 

    ตอนหยิบออกมา ขนาดเตียงเพียงแค่ข้อนิ้วก้อย แต่เมื่อปาไปบนผืนทรายกลับได้เตียงหลังใหญ่ลายวิจิตรขึ้นมา เล่นเอาคนกำลังสั่นๆ อ้าปากค้างตาโตด้วยความตะลึง 

    “โอ้โห พกเตียงมาด้วยเหรอพี่”  ‘แหมมาแค่นี้ ต้องพกเตียงมาด้วย’

    เตียงหลังใหญ่ ทั้งชุดเครื่องนอนมาครบ มีทั้งผ้าห่มและกองหมอนหลากสี

    “ขึ้นไป” รุนหลังเด็กหนุ่มเบาๆให้เดินไปทางเตียง 

    “เฮ้ย พี่จะทำอะไร” จากนั้นจึงใช้ความไวและชั้นเชิงค่อมทับอยู่บนสะโพก แค่จะร้องขัดยังไม่ทัน แค่จะต่อต้านยังทำไม่ได้

    “นิ่ง ข้าต้องใช้สมาธิ” เสียงเรียบนิ่ง และกำลังนึกเลือกลายที่จะลงฝีมือ

    “สมาธิอะไร อึก โอ๊ยๆ” 

    ถามยังไม่ทันจบคำ ต้องร้องลั่นแทนเสียแล้ว เพราะแผ่นหลังกำลังถูกสักด้วยอาคมเวทย์ทีละฝีเข็ม อีกทั้งยังกระดุกกระดิกร่างกายไม่ได้ เพราะแรงกดทับจากมือซ้ายของเขาหนักอึ้งเหมือนมีน้ำหนักมหาศาลกดทับทั้งตัวเอาไว้

    “อึก อึก”  

    ตั้งแต่เกิดมา เคยสักเสียที่ไหนกันเล่า เด็กหนุ่มจึงร้องครางเบาๆ แต่น้ำตาไม่มีไหล

    ‘เป็นผู้ชาย ต้องอดทน โอ๊ยๆ’

    “ปล่อย อย่าให้หลุดไปได้ ฮึ โอ๊ย เบาๆพี่ เบา โอ๊ยๆ”

    กัดฟันแน่นเพื่ออดทนยามเข็มแต่ละเข็มลงเส้นบนหลัง อีกทั้งยังส่งเสียงประท้วงออกมาเป็นระยะๆ

    “ร้องดังๆเล่า ที่แห่งนี้ไร้ผู้คน เจ้าจักร้องเท่าใดย่อมใด” น้ำเสียงเรียบเย็นกระซิบเบาที่ๆข้างหูออกแนวรื่นรมย์เหลือเกิน

    ความจริงแล้ว จะช่วยสักตีตราให้แบบไร้รอยเลือดย่อมได้ แต่เด็กมันดันซ่าส์ หาเรื่องพาสาวออกมาเที่ยว โดนเพียงนี้ ถือว่ายังเบาไปด้วยซ้ำ

    “พี่ มาคุยกันดีๆ พอเถอะ ผมเจ็บ” เมื่อขู่แล้วไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนทางไปอ้อนแทน

    ฝีเข็มหยุดตามคำขอ แต่ทว่าการสักตีตรายังไม่เสร็จ

    “ยังอยากได้เบอร์โทรสาวอยู่ไหม เดี๋ยวข้าหาให้” 

    เสียงกระซิบถามเบาๆข้างหู ถามออกมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

    “ไม่ครับ” 

    จากที่ฟังคำถาม หากตอบผิด ย่อมต้องเจ็บตัวอีกรอบ เด็กหนุ่มจึงหาทางเอาตัวรอดด้วยการกระเถิบตัวนี้ แม้จะเจ็บหลังอยู่มาก แต่ก็ยังพยายามเอนหลังออกห่างจากมือเขาให้มากที่สุด

    “เป็นอะไรก็ไม่ได้เป็น ยังมาเยอะอีก” เสียงบ่นจงใจให้เขาได้ยินแบบชัดๆ

    “พี่ ผมกับพี่แค่คนรู้จักไหม”  

    “พี่เองก็มีสาว แล้วพี่จะมาขวางผมทำไม” 

    “ผมอยากมีแฟน นอนกอดแฟน เที่ยวกับแฟน อยากมีชีวิตรักสดใส”

    “พี่มองผมเป็นแค่ของแก้ขัด เดี๋ยวมาจับ เดี๋ยวมากอด มันไม่ได้ครับพี่ ผมรับการกระทำของพี่ไม่ได้” 

    “ถ้าพี่อยากได้คนตามใจ ยอมให้จับนั่นนี่ พี่หาคนใหม่เถอะ" 

    "หน้าตาแบบพี่ หาได้เยอะแยะ ผมขอร้อง ปล่อยผมไปเถอะ”

    “ผมอยากได้คู่รักครับ ไม่ใช่คู่นอน”

    เป็นชุดๆ สวดออกมาเป็นชุด เพราะทนมาหลายวันแล้วในความสัมพันธ์แปลกๆของเราสองคน วันนี้แหละต้องให้มันเคลียร์สักที

    “เจ้าจะกล่าวว่า ข้านอกใจหรือ” อีกฝ่ายพูดเสียยาว แต่อีกฝ่ายกลับจับสรุปให้สั้นเท่านี้

    “ก่อนอื่น อย่าตีค่าตนต่ำ” 

    ว่าพลางใช้ลิ้นอุ่น เลียเลือดแดงสีสดบนกลางหลัง เล่นเอาเจ้าของหลังสะดุ้งเบาๆ แม้ลิ้นเขาจะอุ่นแต่ยามที่ถูกสัมผัสเลียเล่นนั้น มันรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก

    “อืม หวาน” ชิมเลือดเขาเสร็จยังว่าชมออกมาด้วยนะนั่น

    ‘กินเลือดด้วย ฮือ ต่อไปจะกินเราไหม’ 

    ยังคงพยายามเอนหลังหนีแบบสุดชีวิต จนอีกฝ่ายขันในการกระทำเอาตัวรอดของเด็กหนุ่มเบาๆ

    “ข้าไม่เคยมองเจ้าเป็นของแก่ขัด เจ้ากับข้าคุยๆกันอยู่” ในเมื่ออีกฝ่ายทวงถามความสัมพันธ์ จึงยินดีที่จะแจงออกมาให้ฟัง

    “คุย!” ‘เป็นแค่คนคุย แล้วยังมีหน้ามากันท่ากันอีก’

    “พี่ คนคุยบ้านผม เขาจะไม่ปิดโอกาสหาคู่เพิ่มของอีกฝ่าย” เด็กหนุ่มชักเริ่มสงสัยแล้วว่า คนคุยบ้านเขามันเป็นยังไง

    “เช่นนั้นหรือ แต่คนคุยบ้านข้า นอกใจมีเรื่อง จีบมีเรื่อง เดทยิ่งมีเรื่อง คบซ้อนยิ่งต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้ม” 

    ทุกน้ำคำกระซิบเคลียข้างหู ทั้งน้ำเสียงยังเตรียมมีเรื่อง ตามคำพูดทุกคำ

    “!!!” 

    ใจเต้นระทึก ทั้งยังเสียวสันหลังวาบๆยามได้ยินคำว่ามีเรื่อง เพราะมันดูไม่เหมือนจะมีเรื่อง แต่ดูเหมือนกำลังจะเอาเรื่อง

    “มา อยู่นิ่งๆต้องตีตราต่อ แทนต่างหู”  

    ผลักหน้าเด็กน้อยเบาๆให้กลับไปซุกหมอนต่อ และเตรียมจรดฝีเข็มจิตลงอีกครา

    “ไม่เอา ผมยอมตาย” 

    จำได้ดีว่าเขาเคยบอกว่ากลิ่นเราหอม ล่อเสือล่อตะเข้ดีนัก แต่ถ้าต้องสักอีกรอบ ขอยอมตายดีกว่า

    “เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า เหตุใดขี้แยนัก” น้ำเสียงออกแนวดูถูก ทั้งสายตายังดูแคลน

    “เป็น แต่ไม่สัก” 

    ยามเห็นสายเขา ทำเอาคนเจ็บหลังของขึ้น อีกทั้งคำพูดยังลูบคมกันชัดๆ เด็กหนุ่มจึงหันไปเถียงกลับทันที

    “ครานี้ไม่เจ็บ” 

    ยามจรดฝีเข็มอีกครา ครั้งนี้ไม่เจ็บดังคำของเขา 

    “ทำดีๆแต่แรกไม่ยอมทำ คนใจดำ” 

    หลังบ่นเขาจบ จึงยอมหันไปนอนนิ่งให้เขาตีตราต่อ และในไม่ช้าจึงผล็อยหลับอยู่บนกองหมอน

    “เด็กเจ้าชู้ น่าฟาดก้นนัก” คนหลับ หลับไปแล้ว มิเช่นนั้นคงได้ปะทะกันอีกรอบ

    เพียงโบกมือเบาๆ กองเลือดบนกลางหลังจึงถูกไอหมอกสีขาวขุ่นค่อยๆเคลียชะล้าง และยามละอองหมอกเฉียดไปโดนคราบเลือดแดงคราใด จะถูกกลืนกินจนเกลี้ยงทุกครา 

    บนแผ่นหลังขาวเนียน ค่อยๆเผยให้เห็นรอยสักลวยลายวงเวทย์ตีตรา ที่มีตัวหนังสืออยู่ข้างเคียงเป็นภาษามรนาการว่า ฟรอส

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×