คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ::::::::::::: CURSE ' 13
Author : `MR.$N0WMAN *
Pairing : Kim Jongin
Xiao Luhan/Oh Sehun/Zhang Yi xing/
Kim Junmyun/Krystal Jung
Do Kyungsoo
Rate : NC - 18
✚ CURSE ' 13
จงอินพาตัวเองเดินขึ้นไปบนห้องนอนอย่างเชื่องช้า และความร้อนรุ่มจากอารมณ์นั้นยังไม่จางหายไป
เขากัดริมฝีปากอย่างขัดใจเมื่อนึกถึงสิ่งที่คริสทำก่อนหน้านี้...ไม่ใช่ว่าโกรธอะไรหรอกนะ
แต่รู้สึกค้างคามากกว่า...และก็อายนิดหน่อยด้วย
เขารู้สึกว่าตัวเองเสียศักดิ์ศรี เพราะถึงขนาดว่าเสื้อผ้าถูกถอดออกจากร่างกายไปหมดแล้ว
คริสยังสามารถหยุดได้ง่ายๆ อา...นี่มันทำให้จงอินทั้งโกรธทั้งอายจริงๆ
แต่เขารู้ดีว่าทำไมคริสถึงหยุดกลางคัน...คำแก้ตัวของคริสนั้นช่างฟังดูสมเหตุสมผลเสียเหลือเกิน
หากเป็นคนอื่นที่ไม่รู้จักคริส นั่นอาจจะฟังดูเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นและดูดี
หากแต่จงอินรู้ดี...เขารู้เหตุผลที่แท้จริงของคริส เขารู้ว่าเพราะอะไร
คริสเฝ้าสอนให้เขาอยู่ได้ด้วยตัวเองเสมอ
สำหรับคริสแล้ว บนโลกใบนี้ไม่มีใครมีความสำคัญ
ไม่มีวันที่เขาจะเป็นคนสำคัญของใคร และแน่นอนว่าไม่ใช่สำหรับจงอินด้วย...
...คริสไม่ต้องการจะเป็นคนสำคัญของจงอิน....เหตุผลมันก็ง่ายแค่นี้
เพราะการเป็นคนแรกและคนสุดท้ายของใครซักคน
มันมักจะถูกจำอยู่ในหัวสมองของคนทุกคนไปโดยปริยายอยู่แล้ว และคริสคงไม่ต้องการจะเป็นเช่นนั้น....
จงอินรู้ดี และเขาก็เข้าใจคริสดีเสียด้วย
ทำไมเขาจะไม่เข้าใจล่ะ...ก็คริสเป็นคนสอนเขามาเองตลอดเดือนที่ผ่านมา
แถมยังฝังหัวจงอินไว้เสมอ แล้วทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะ
จงอินเปิดประตูห้องและล้มตัวลงบนที่นอนอย่างไม่ใส่ใจจะทำอะไรอื่น
เขาอยากจะนอนให้หลับไปซะเพื่อที่จะได้ลืมความรู้สึกในตอนนี้เสีย
หากแต่มันทำยากเหลือเกิน เขาไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรเมื่อทุกอย่างเป็นเช่นนี้
จงอินตัดสินใจเดินไปอาบน้ำ เขาเปิดน้ำเย็นจัดเพื่อดับอาการร้อนรุ่มที่อยู่ในร่างกาย
หากแต่มันไม่ใช่เลย...มันช่วยไม่ได้เลย ร่างกายของเขากำลังเรียกร้องสิ่งที่มากกว่า
จงอินกำลังเป็นบ้า...ความรู้สึกนี้มันอยู่ในสถานการณ์ที่เกินกว่าเขาจะควบคุมเสียแล้ว
*********
เมื่ออาบน้ำเสร็จ จงอินไม่ได้คิดสนใจจะใส่ชุดนอนทันที
เขาตัดสินใจใส่เสื้อคลุมอาบน้ำและกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียง
ก่อนที่จะมานอนคิดถึงคำพูดที่คริสพูดไว้เมื่อตอนหัวค่ำอย่างพิจารณา
“โธ่! ไม่เอาน่าไค...เขาจะไปอยู่แล้วนะ จะทำอะไรก็รีบๆทำเสียสิ!
เดี๋ยวพอเขาไป เขาก็ต้องไปเจอหนุ่มๆ ตาน้ำข้าวเยอะแยะนะ
จะทำอะไรก็รีบทำซะ...เดี๋ยวก็ต้องจากกันแล้ว”
“งั้นก็แล้วแต่นายนะไค...นายจะยอมให้พ่อหนุ่มนั่นจากนายไปโดยที่นายจะไม่ทำอะไรเลยงั้นเหรอ?
แล้วนายจะเสียใจ ถ้าได้ยินข่าวมาจากแม่เขา ว่าเขาไปมีฝรั่งเข้ามาพัวพันด้วย”
ว่าไงนะ...ฝรั่งตาน้ำข้าวงั้นเหรอ?
เข้ามาพัวพัน?? ไม่นะ...ฉันยอมไม่ได้!
คยองซูเป็นของฉันนะ!!
จงอินกัดริมฝีปากอย่างขัดใจ เขากำหมัดแน่นแล้วทุบลงกับฟูกนอนอย่างแรงเมื่อคิดถึงคำพูดเหล่านั้น
ถอนหายใจอย่างแรง ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปยังระเบียงนอกห้องนอน
แล้วแอบมองลงไปยังบ้านพักหลังเล็กตรงข้ามกับห้องนอนของเขา...มองไปที่ห้องของคยองซู
จงอินมักจะทำแบบนี้เสมอ...ตลอดเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมาก็เช่นกัน
มันยากเหลือเกินที่จะหักห้ามใจไม่ให้เขาสนใจความเป็นไปของพี่ชายคนนี้ได้
แม้ว่าเขาจะหนีหน้าคยองซู แต่เขากลับแอบมองและแอบติดตามข่าวของคยองซูจากที่ไกลๆอยู่เสมอ...
ที่เขาหนีหน้า...เป็นเพราะว่าเขาไม่อยากจะรั้งคยองซูไว้อีก
เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ยอมให้คยองซูจากไป
มันอาจจะฟังดูโง่ ถ้าเพียงแค่เขาจะทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจ จะทำเหมือนที่ไม่ยอมจากของเล่นหรือหมอนใบโปรด
นั่นไม่ใช่เหตุผลดีพอที่จะรั้งคยองซูได้ จงอินรู้ดี...
ยิ่งถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับอนาคตของคยองซูแล้ว มันเทียบกันไม่ได้เลย...
คนเราทุกคนต้องเติบโต...จงอินรู้ดีเสมอ
เขาเคยอยากจะเติบโตเร็วๆเสียด้วยซ้ำ อยากมีเงินมีงาน แล้วเขาจะได้ไปจากบ้านหลังนี้เสียที
แต่หากจะมีเรื่องไหนที่จงอินไม่อยากให้มันเปลี่ยนแปลง ก็เห็นจะเป็นเรื่องนี้ล่ะมั้ง
จงอินไม่อยากให้เขากับคยองซูต้องห่างกันไป...เพราะเขาไม่มีใครอีกแล้วนอกเสียจากคยองซูเท่านั้น
มองไปยังแสงไฟในห้อง ภายในห้องเล็กๆนั้น...คยองซูกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของเขา
เขากำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่าง ด้วยความตั้งอกตั้งใจ และหลังจากนั้นก็เดินวนไปวนมาเสียทั่วทั้งห้อง
เปิดตู้นั้นทีตู้นี้ที...เพื่อจัดเก็บของทุกอย่างลงกระเป๋า
เขาดูมีความสุขเหลือเกิน...จงอินคิด
เขากำลังจะมีชีวิตของเขา มีชีวิตที่เขาเลือกเอง มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสดใส
....และเขากำลังจะลบเด็กเอาแต่ใจที่ชื่อจงอินออกไปจากชีวิต...
ผมจะยอมได้หรือ? จงอินคิด
นายจะยอมให้คยองซูลืมนายได้หรือ? มันไม่ยุติธรรมเลย...
พี่เขากำลังจะลืมนาย แต่กลับเป็นนายคงเดียวที่ต้องมานั่งจมอยู่ในความทรงจำแบบนี้น่ะหรือ?
ควรจะทำยังไงดี...ต้องทำยังไงดี?
“โธ่! ไม่เอาน่าไค...เขาจะไปอยู่แล้วนะ จะทำอะไรก็รีบๆทำเสียสิ!
เดี๋ยวพอเขาไป เขาก็ต้องไปเจอหนุ่มๆ ตาน้ำข้าวเยอะแยะนะ
จะทำอะไรก็รีบทำซะ...เดี๋ยวก็ต้องจากกันแล้ว”
“อะไรกัน! คุณเป็นคนบอกผมเองแท้ๆว่าอย่าเอาตัวเองไปผูกติดอยู่กับคนอื่น”
“แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าให้นายไปผูกติดกับเขานี่
ฉันแค่จะบอกวิธีที่จะทำให้พ่อหนุ่มน้อยคนนั้นรู้สึกเสียดายที่ต้องไปต่างหาก”
จงอินนึกถึงคำพูดของคริสแล้วกัดริมฝีปาก
มันไม่มีอะไรจะต้องเสียแล้วคิมจงอิน...วันพรุ่งนี้พี่เขาก็ไปแล้ว
มันจะไม่มีผลอะไรกับแกทั้งนั้น ถ้ามันพลาดไม่เป็นท่า...
แต่ถ้ามันสำเร็จ...แกกับเขาจะมีความทรงจำสำคัญร่วมกัน
จะช้าอยู่ทำไม? นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะได้คุยกับคยองซูเป็นครั้งสุดท้าย!
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อยืนยันว่าตัวเองกำลังคิดเรื่องนี้อยู่จริงๆ ไม่ได้หลับฝันไป
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เขาจึงเดินกลับเข้าห้องแล้วคว้าเอาโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมากดเบอร์
เบอร์ที่แม้ไม่ต้องคิด มือก็กดไปได้ตามใจสั่ง...
กดโทรออกแล้วก็ใจหายเมื่อได้เห็นชื่อที่คุ้นเคยขึ้นอยู่บนหน้าจอ...
ชื่อที่เขาไม่ได้เห็นมันมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว
....‘คยองซู’
*********
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในความเงียบ แต่ใจของจงอินกลับเต้นดังตูมตามอยู่ในอก
เพราะรับรู้ถึงการมาของคนภายนอกประตูนั้น
จงอินสูดหายใจลึกแล้วเดินไปเปิดประตู...เพื่อให้คนที่อยู่ข้างนอกนั้นได้เข้ามา
จงอินมองคยองซูตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณา พี่เขาดูน่ารักอยู่ในชุดนอนสีเหลืองอ่อน
“ว่าไง? จงอิน” เสียงทักทายแผ่วเบาดังขึ้น เผยให้เห็นคยองซูในรอยยิ้มประหม่าและเขินอาย
มันเหมือนจะนานเหลือเกินแล้วที่เราไม่ได้พบเจอหรือแม้แต่พูดคุยกัน
คยองซูกำลังยิ้มอย่างดีใจหยุดไม่อยู่ที่จงอินยอมยกโทษและให้เขาขึ้นมาหาในที่สุด
ถึงแม้ว่าจะมีข้ออ้างให้เขาเอานมร้อนมาส่งให้ก็เถอะ...แต่อย่างน้อยคยองซูก็รู้สึกดีใจที่จงอินไม่ได้คิดจะโกรธเขาอีกแล้ว
เขาหวังเพียงว่าจงอินจะให้อภัย และพวกเขาจะได้คุยและปรับความเข้าใจกันก่อนที่คยองซูจะออกเดินทางไปในวันพรุ่งนี้
และเห็นได้ชัดว่าจงอินเองก็คิดเช่นเดียวกัน...
“นี่ไง พี่เอานมร้อนของนายมาให้...พี่ขอเข้าไปในห้องได้มั้ย?”
คยองซูเอ่ยถามขึ้นมาในที่สุด เมื่อคนเป็นน้องเอาแต่มองมาแต่ไม่พูดอะไรเสียที
“อ...อืม” จงอินพยักหน้าก่อนจะถอยหลังเปิดทางให้คนเป็นพี่ได้เดินเข้ามาในห้องได้สะดวก
จงอินปิดประตูและล็อคห้องอย่างอัตโนมัติ
คยองซูไม่ได้สงสัยอะไรเพราะนี่เป็นนิสัยของจงอินที่เขามักจะทำมันเสมอ
จงอินมักจะกดล็อคประตูทุกครั้งที่เข้าห้องนอน เพราะจงอินมักจะบอกเสมอว่านี่เป็นโลกส่วนตัวของเขา
เป็นโลกส่วนตัวที่มีแค่คยองซูเท่านั้นที่เข้ามาได้...
“พี่วางไว้ตรงนี้นะ” คยองซูยกยิ้มก่อนจะพยักเพยิดไปยังโต๊ะเขียนหนังสือของจงอิน
“อืม...เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ” น้องเขาพูดในขณะที่มองคยองซูวางแก้วนมร้อนเอาไว้บนโต๊ะ
“ห้องนายรกจัง...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะหืม?
พี่ไม่ได้เข้ามาแค่ไม่นานเท่าไหร่เองนี่นา...
แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการให้นะจงอิน”
คยองซูพูดยิ้มๆ ก่อนจะลงมือเก็บเอากองหนังสือที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นห้องขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
จงอินกลอกตาก่อนจะเดินเข้าไปคว้าแขนของคยองซูให้เดินออกมาจากงานที่กำลังทำอยู
“พอได้แล้วคยองซู...มันไม่ใช่หน้าที่พี่แล้วนะ
พี่ไม่ต้องมาดูแลผมอีกแล้ว”
จงอินพูดขึ้น...ในน้ำเสียงนั้นเจือแววน้อยอกน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด
น้ำเสียงนั้นทำเอาคยองซูถึงกับต้องชะงัก
เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินเข้าไปจับมือหนาและเย็นเฉียบของจงอินขึ้นมาแล้วบีบเบาๆ
“นายยังโกรธพี่อยู่เหรอจงอิน?”
“ผมเปล่านี่...ผมเข้าใจดีทุกอย่างล่ะ”
“นี่เหรอสีหน้าของคนเข้าใจ?”
คยองซูถามเมื่อมองใบหน้าที่ไม่แสดงอาการอะไร หากแต่น้ำเสียงนั้นกลับเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก
“ผมควรเข้าใจสิใช่ไหมล่ะ?
ผมรู้ดีว่าถึงแม้ผมจะพูดยังไงพี่ก็คงไม่ฟังผมหรอกใช่ไหม?
งั้นก็ช่างมันเถอะ...ว่าแต่พี่เก็บกระเป๋าเสร็จแล้วเหรอ?” จงอินถามต่อ
“อ่ะ...อื้ม...เสร็จหมดแล้วล่ะ?” คยองซูตอบตะกุกตะกัก
“แล้วจะออกเดินทางกี่โมง?”
“ไฟล์ทพี่ออกตอนบ่ายสามโมง นายจะไปส่งพี่ใช่มั้ยจงอิน?”
คยองซูถามพลางยิ้มร่า พยายามจะทำให้คนเป็นน้องเข้าใจว่าเขายังคงเป็นเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปหมดตั้งแต่วันนั้น
วันที่จงอินเกือบจะปล้ำเขา...
“.........................ผมไม่ไปได้ไหม?”
คยองซูเจื่อนยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบจากปากของคนเป็นน้องอย่างนั้น
คำพูดไร้เยื่อไยแบบนี้มันทำเอาคยองซูแทบจะเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้นเสียเดี๋ยวนี้เลย
“ท...ทำไมล่ะ แค่ไปส่งพี่เท่านั้นเองนี่นา...ทำไมถึงไปไม่ได้?”
“ผมกลัวว่าถ้าผมไปส่งพี่...ผมจะไม่ยอมให้พี่จากไป
แม้ว่าผมจะรู้ดีว่าการไปคราวนี้ของพี่มันสำคัญมากแค่ไหน
แต่ผมขอยอมรับกับหัวใจตัวเองตรงนี้เลยได้ไหมคยองซู...ผมเป็นแค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ที่ไม่ต้องการให้พี่จากผมไป
พี่เป็นดวงอาทิตย์ของผม ผมเคยบอกพี่เสมอ และถ้าหากขาดพี่ไป...ผมคงต้องทนหนาวเหน็บอยู่ในความมืด
มันทำให้ผมเสียใจ...เสียใจที่จะปล่อยให้พี่จากไป”
จงอินพูดพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาของคยองซู
จงอินจ้องมองดวงตากลมโตคู่นั้นเนิ่นนานจนคยองซูต้องหลบสายตา
สายตาที่ทำให้คยองซูรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ...
จงอินเปลี่ยนไปมากในระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งเดือน
น้องเขาดูดีขึ้นมากเพราะเริ่มแต่งเนื้อแต่งตัวด้วยสไตล์ที่แตกต่างไปจากเดิมจนเรียกได้ว่าหน้ามือเป็นหลังมือ
จากเด็กที่เคยเอาแต่ใจและโวยวายอยู่เสมอ กลับกลายเป็นคนพูดน้อยและเงียบขรึม
จากเด็กที่เคยใช้อารมณ์เป็นหลัก มาวันนี้มีแต่คำพูดที่เป็นเหตุผลออกมาจากปากของจงอินเท่านั้น
และนั่นมันทำให้คยองซูไม่คุ้นเคยเลยซักนิด...
“จงอิน....”
คยองซูหลบสายตา เพราะเหตุผลที่น่าอึดอัดของจงอิน
ใช่แล้ว...จงอินกำลังทำให้เขาอึดอัด
อึดอัดเพราะคำพูดพวกและสายตาพวกนั้น คยองซูกำลังรู้สึกเสียใจ....
“พี่รู้ใช่ไหม...ว่าผมชอบพี่”
จงอินเอ่ยกระซิบออกมาเสียงแผ่ว เขายังคงมองใบหน้าขาวนวลของคยองซูไม่วางตา
คยองซูเงยหน้าขึ้นมาสบตากับจงอินอย่างตระหนก เพราะประโยคที่คนเป็นน้องเพิ่งพูดออกมา
จงอินยกมือเรียวขึ้นมาไล้ไปที่แก้มนวลของคยองซูเบาๆ และเงียบงันไปชั่วครู่เพื่อรอคำตอบจากคนเป็นพี่
แต่แน่นอน...ทำไมคยองซูจะไม่รู้ ในเมื่อเด็กคนนี้ติดเขาอย่างกับอะไรดี
จงอินไม่เคยแม้แต่จะยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้ามาคุยกับเขาเลย
และแม่ของคยองซูเองก็บอกให้เขาทำดีกับน้องคนนี้ให้มากๆ
ครอบครัวของเขาแต่ก่อนเคยเป็นแค่ครอบครัวจรจัด
แม่ของจงอินรับพวกเขามาจากบ้านเพิงสังกะสีข้างถนนและชุบเลี้ยงให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น
ความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้นมาทันตา และเขาก็ได้รับการส่งเสียให้เรียนหนังสือ
คยองซูเจอเด็กคนนี้เมื่อตอนย้ายเข้าบ้านมาใหม่ๆ ในตอนนั้นจงอินเป็นเพียงเด็กที่เงียบขรึมไม่พูดไม่จา
แถมตามเนื้อตัวยังมีริ้วรอยการถูกทำร้ายจากพ่อของเขาอีกด้วย และนั่นทำให้คยองซูรู้สึกสงสารเด็กคนนี้จับใจ
ถึงเขาจะยากจนหรือลำบากแค่ไหน แต่แม่ก็รักคยองซูมากและไม่เคยดุด่าหรือตบตี
ซึ่งต่างจากชีวิตของจงอินอย่างสิ้นเชิง เพราะถึงแม้ว่าจงอินจะไม่เคยลำบาก...แต่ชีวิตของจงอินก็ไม่เคยมีแม้แต่ความรัก
จงอินเกลียดพ่อแม่ของเขา และเคยคิดหาวิธีหนีออกจากบ้านมานับครั้งไม่ถ้วน
แต่คยองซูและแม่ก็ยื่นมือเข้าไปช่วยเยียวยาน้องเขาทีละน้อยๆ จนเกิดเป็นความสนิทสนม
และตั้งแต่นั้นมาคยองซูจึงเป็นเพียงคนเดียวที่จงอินสนิทสนมและไว้วางใจ
พวกเขาไปโรงเรียนด้วยกัน...กินข้าวด้วยกัน ทำทุกอย่างด้วยกัน
เพียงเพราะคยองซูหวังว่าจะได้ตอบแทนบุญคุณของคุณนายบ้าง
และเขาหวังเพียงอยากจะช่วยให้จงอินดีขึ้นและเปลี่ยนมุมมองในทุกอย่างของโลกที่เลวร้ายของจงอินได้บ้าง
จงอินติดเขามากราวกับเด็กติดของเล่น น้องเขาหวงคยองซูอย่างกับอะไรดี
โดยที่แม้แต่บางทีแค่เขาคุยโทรศัพท์กับเพื่อน จงอินก็จะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
จงอินเคยชกต่อยกับเด็กผู้ชายร่วมห้องของเขา เพียงเพราะเขาเอาชีทงานมาส่งให้คยองซูเมื่อเขาลาป่วย
เขารู้และเห็นมันมาเสมอ...ว่าจงอินชอบเขามากแค่ไหน
...รู้และเห็นเสมอว่าจงอินรู้สึกยังไง...
“อืม...พี่รู้” คยองซูตอบพร้อมมองเข้าไปในดวงตาของคนเป็นน้อง
“พี่เพียงคนเดียวนะคยองซู...พี่เป็นเพียงผู้ชายคนเดียวของผม
พี่เป็นดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอบอุ่นในโลกมืดมนของผม
ผมไม่โกรธพี่หรอกนะที่พี่จะจากผมไป...แต่ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าผมเสียใจแค่ไหน
พี่รู้มาตลอดว่าผมชอบพี่ แต่พี่กลับทิ้งผมไปไม่ไยดีผมเลย พี่จะรู้ไหม...ว่าพี่กำลังทำให้ผมตายทั้งเป็น”
“จงอิน...พี่ขอโทษ” คยองซูพูดออกมาเสียงสั่น น้ำตาไหลอาบแก้มเพราะคำพูดของน้องเขา
“พี่จะลืมผมไหมคยองซู? ถ้าพี่ไปแล้วพี่คงจะลืมผมไปสินะ
คงลืมเด็กเอาแต่ใจคนนี้ไปจากความทรงจำของพี่จนหมด
พอพี่ไป ผมก็คงเป็นแค่เพียงคนแปลกหน้าสำหรับพี่...”
“ม...ไม่นะจงอิน พี่จะลืมนายได้ยังไง?” คยองซูส่ายหน้า ปฏิเสธคำกล่าวหาของจงอิน
“งั้นพี่ก็ทำให้ผมมั่นใจสิ ทำให้ผมมั่นใจว่าพี่จะไม่ลืมผม” จงอินกระซิบ
เขาโน้มใบหน้าเข้าไปหาคยองซู หากแต่ดวงตาคมก็ยังคงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของคยองซูไม่ห่างไปไหน
เสียงหัวใจคยองซูเต้นดังออกมาจนจงอินรู้สึกได้...และจงอินเองก็เช่นกัน
เขากำลังรู้สึกหลงใหลเจ้าของดวงตาคู่โตนี้อย่างห้ามใจไม่อยู่
“พี่จะไม่ลืมนายจงอิน...พี่ไม่มีทางลืมนาย
พี่รู้มาตลอดว่านายชอบพี่ แต่พี่ไม่ได้เกลียดนายนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งนายด้วย
นายเข้าใจพี่ได้ไหม? ยกโทษให้พี่เถอะนะ พี่คงเสียใจถ้าเราไม่เข้าใจและห่างกันไป
นายอย่าเข้าใจผิดว่าพี่เกลียดนายสิ...พี่ไม่มีวันเกลียดนายนะจงอิน และพี่จะไม่มีวันลืมนาย...ไม่มีวัน”
คยองซูเริ่มร้องไห้ออกมาอีกหน เขาพร่ำกระซิบยืนยันกับจงอินอยู่อย่างนั้น
ตัวสั่นงกงันด้วยน้ำตาที่พร่างพรู จงอินยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของพี่เขาอย่างนั้น
เขาค่อยๆยกมือเรียวขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้มใสของคยองซูอย่างช้าๆ
“ถ้าอย่างงั้น...ผมขอคำสัญญาจากพี่ได้ไหม?”
จงอินกระซิบ ใบหน้าของพวกเขาอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่นิ้ว
ใกล้จนคยองซูได้กลิ่นลมหายใจกลิ่นมิ้นท์ของจงอิน
“พ...พี่ต้องทำยังไง?” คยองซูกระซิบถาม
ความคิดเห็น