คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : ✚ BE MY B0YFRIEND :: TAO & SEHUN II
Author : MR.$N0WMAN*
Pairing : Hwang Zi Tao & Oh Sehun
Story : Jackboiz
Rate : PG-15
Be my Boyfriend*
‘ Call me.....
your
.....Sugar’
“จื่อเทา...ฉันขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?”
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาในระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินไปตามระเบียงทางเดินด้วยกันในตอนพักเที่ยง
ผมและจื่อเทาหันไปมองยังต้นเสียงนั้นและก็ได้พบว่า
ควอน ยูริ สาวคนดังของชั้นปีเรากำลังมองมาที่จื่อเทาอย่างกลัวๆ กล้าๆ
เราสองคนหยุดชะงักไปในทันที อันความจริงจื่อเทาเป็นคนหยุดมากกว่า
แต่ผมไม่มีทางเลือกที่จะเดินหนีไปไหนได้เพราะเขากำลังเกี่ยวคอผมเอาไว้
“อะไรเหรอ?” จื่อเทาถามเธอ
“ฉัน...มีเรื่องจะคุยกับนายน่ะ เอ่อ -- แค่สองคน”
ยูริพูดตะกุกตะกักและปรายตามองมาที่ผมเมื่อถึงท้ายประโยค
ผมเสตาหลบไปทางอื่นแล้วลอบกลืนน้ำลาย ถ้ามาอิหรอบนี้ก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าควอนยูริมีธุระอะไรกับเขา
เธอดูลุกลี้ลุกลนติดจะประหม่าเล็กน้อยเสียด้วย... อ่า...ผมไม่ควรจะอยู่ตรงนี้สินะ
บ้าจัง...ทำไมต้องรู้สึกเฟลด้วย...
ผมเองที่รู้ตัวก็พยายามจะเดินออกไปเพื่อเปิดทางให้เธอได้คุยกับเขา
หากแต่จื่อเทากลับไม่เกี่ยวคอผมไว้ไม่ยอมปล่อย ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขา
ก่อนจะเห็นว่าจื่อเทายิ้มตอบกลับยูริไปเสียเท่ห์เชียว...ไอ้ขี้เก๊กเอ๊ย...
“พูดมันมาตรงนี้สิ ฉันกับเซฮุนไม่มีความลับต่อกัน
ถึงเธอจะไล่เขาไป เดี๋ยวยังไงฉันก็เอาไปบอกเขาอยู่ดี”
เขาพูดพลางยักไหล่...ยูริดูจะอึ้งไปเล็กน้อยที่ได้ยินอย่างนั้น
เธออ้าปากค้างน้อยๆ หากแต่สุดท้ายแล้วเธอก็ตัดสินใจว่าที่จื่อเทาพูดนั้นถูก
เธอสูดหายใจเข้าไปในปอดลึก... และผมปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอยังคงดูสวยไม่ว่าจะมีท่าทีประหม่าจนน่ารำคาญแบบนั้น
“ฉัน...ฉันชอบจื่อเทานะ เรามาเป็นแฟนกันได้ไหม?”
ยูริพูดออกมาก่อนจะกัดริมฝีปากของเธอแล้วจ้องตรงมาที่จื่อเทาอย่างจริงจัง
ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังกลั้นหายใจโดยที่ไม่มีเหตุผล...อาจจะเพราะตกใจในความกล้าของเจ้าหล่อน
หรือไม่ก็อาจจะเพราะชื่นชมเธอล่ะมั้ง... ที่เธอกล้าบอกออกมาได้ทั้งๆ ที่ผมเองก็ยังยืนอยู่ตรงนี้
ทั้งๆ ที่ผมเองไม่เคยแม้แต่กล้าคิด ว่าจะบอกจะสารภาพกับเขา...
หากแต่ในวินาทีต่อมา อารามตกใจของผมแปรเปลี่ยนเป็นอาการตระหนก
ผมเริ่มรู้สึกกลัว...ผมกลัวว่าจื่อเทาจะตอบรับคำสารภาพของเธอ
ไม่เอานะ...อย่าตอบตกลง...อย่าพรากเขาไปจากผม...
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อนรักที่นิ่งเงียบไปในชั่ววินาทีนั้น...
เขาหลบสายตายูริที่จ้องตรงมาแล้วมองไปทางอื่น...กลืนน้ำลายลงไปในคอจนทำเอาผมรู้สึกใจเสีย
มันเหมือนว่าเขากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก...
ไม่นะจื่อเทา...ปฏิเสธหล่อนไปสิ...
“อ่า...ไม่รู้สิ ฉันว่าฉันน่าจะถามเซฮุนดูก่อนนะ
ฮุนอ่า...นายคิดว่าฉันจะตอบตกลงเธอไปดีหรือเปล่า?”
ยูริยกมือขึ้นปิดปากและดูเหมือนว่าจะตกใจมาก
เธอเป็นคนสวยที่สุดในชั้นปีของเรา...ถือว่าเป็นดาวของโรงเรียนคนหนึ่ง
ในแวบหนึ่งผมเผลอคิดไปว่าจื่อเทาไม่น่าจะตอบปฏิเสธเธอ เพราะจื่อเทาเองก็เคยชมว่าเธอน่ารัก
“น...นายจะบ้าเหรอ? จะมาขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฉันได้ยังไง?”
ผมแหวใส่เขาเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ...ก่อนจะเงียบไปเสียสนิทเมื่อเขาตอบกลับ
“เพราะว่าถ้านายไม่โอเค...ฉันก็ไม่โอเคเหมือนกัน”
จื่อเทาตอบเพียงแผ่วเบา แล้วหันกลับมามองหน้าผม
ผมขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ยอมรับว่าวินาทีนั้นอาการตกใจนั้นหายไป
หากแต่กลับแทนที่ด้วยเสียงหัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกจากอก
ผมเห็นยูริเบิกตากว้างแล้วมองมาที่เราสองคนอย่างไม่เชื่อสายตา...
ผมรีบก้มหน้างุดและเสตามองไปทางอื่น...
จื่อเทา...นายทำอย่างนี้หมายความว่าอะไร?
“นาย...นายสองคนคบกันอยู่งั้นเหรอ??” ยูริถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้
เซฮุนหันไปมองยูริแล้วเบิกตากว้างอย่างตกใจที่เธอพูดอย่างนั้น
เขาหันขึ้นไปมองจื่อเทาว่าเขามีท่าทีหรือปฏิกิริยาอะไรกับคำถามนี้ไหม
ฉับพลันเซฮุนก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที...เมื่อเพื่อนรักของเขาไม่ได้มีท่าทีอะไรกับคำถามนี้
“เปล่า...พวกฉันเป็นแค่เพื่อนกัน
และบังเอิญว่าเพื่อนฉันสำคัญมาก ฉันคงตัดสินใจเรื่องนี้เองไม่ได้หรอก
ฉันแล้วแต่เขาแล้วกัน เพราะความจริงแล้วตอนนี้ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องมีแฟนเลยอ่ะ”
“บ...บ้า! นายมันบ้าที่สุดเลยหวาง จื่อเทา!! คนใจร้าย!!! ”
ยูริแว้ดใส่จื่อเทาเสียงแหลมปรี๊ด น้ำตาเธอไหลลงมาอย่างกับเขื่อนแตก
เธอผลักอกจื่อเทาเสียทีหนึ่งแล้ววิ่งหนีไป ผมได้ยินจื่อเทาถอนหายใจออกมาเสียยาวเหยียด
อา...ผมสงสารเธอจังเลย ยอมรับว่าผมเองก็อยากให้จื่อเทาตอบปฏิเสธเธอ
แต่ผมกลับรู้สึกว่าการที่จื่อเทาทำแบบนี้มันใจร้ายกับเธอมากไปหน่อย...
“นายจะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ? ที่พูดกับเธอแบบนั้น”
ผมถามเขาพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคนผิดเหมือนกันที่ทำให้หล่อนต้องร้องไห้
จื่อเทายักไหล่ก็จะหันมามองหน้าผม กระพริบตาปริบๆ แล้วถามซะตรงจนผมแทบลืมหายใจ
“นายยอมให้ฉันมีแฟนได้จริงๆ เหรอเซฮุน?” จื่อเทาถามผม
ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...
หัวใจผมกลับมาเต้นระรัวอีกครั้งเมื่อเขาจ้องตาผมซะนิ่งสนิทแล้วเอ่ยถาม
ผมอ้าปากค้างก่อนจะถามเขากลับอย่างไม่เข้าใจ
“น...นายถามแบบนี้หมายความว่าไง?”
“ไม่รู้ดิ...ฉันยังไม่เคยคิดเรื่องแฟนเลย
ฉันอยู่กับนายก็สนุกดีออก ถ้าฉันมีแฟนนายก็เหงาอ่ะดิ
และอีกอย่าง ฉันไม่คิดว่าฉันโอเคหรอกนะ...ถ้านายรู้สึกไม่โอเค”
จื่อเทาพูดแล้วยักไหล่...เขาหัวเราะออกมาน้อยๆ หลังจากที่พูดอย่างนั้น
ชักชวนให้เริ่มเดินต่อเพื่อไปที่โรงอาหาร
เพราะหากไม่รีบเราจะพลาดอาหารเที่ยงและเพราะว่าคยองซูนัดเราไปค้นหาข้อมูลทำรายงานที่ห้องสมุด
ผมเดินตามเขาไปและไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากลอบยิ้มออกมาบางๆ โดยไม่ให้เขาเห็นก็เท่านั้น...
หวางจื่อเทา...นายจะรู้ไหมนะว่าที่กำลังทำอยู่น่ะ...
.
.
นายกำลังให้ความหวังกับฉันอยู่นะ...คนงี่เง่า...
*********
“โวว...ฉันเพิ่งจะรู้ข่าวล่ามาแรง
ว่าตอนเที่ยงที่ผ่านมานายเพิ่งหักอกดาวโรงเรียนของเรางั้นเหรอครับ ไอ้หล่อ”
อิม ฮยอนชิค เอ่ยแซวในขณะที่เขากำลังปั่นลูกบาสให้หมุนติ้วอยู่บนนิ้วของเขาและเดินเข้ามาหาผมกับจื่อเทา
เขาอยู่ในเสื้อบาสตัวโคร่ง และเดินเข้ามาสมทบที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าตึกซึ่งถือว่าเป็นโต๊ะประจำของพวกเราหลังเลิกเรียน
เห็นได้ชัดเจนว่าเขาเพิ่งกลับมาจากซ้อมบาส และติดสอยห้อยตามมาด้วยคยองซูที่หอบเอาหนังสือเล่มหนามาในอ้อมแขน
มีเสียงผู้หญิงหัวเราะคิกคักดังมาจากหญิงสาวที่เขาเดินผ่าน และมีเสียงกรีดร้องเบาๆ เมื่อฮยอนชิคเดินเข้ามา
อันความจริงแล้วพวกเราก็มีชื่อเสียงในโรงเรียนแห่งนี้อยู่พอสมควร
เนื่องด้วยว่าหน้าตาและฐานะของพวกเราแต่ละคนในกลุ่มเราน่ะไม่ธรรมดา...
อย่างจื่อเทาก็เป็นลูกชายคนเดียวของท่านทูตประจำกงสุลจีน...และเป็นตัวแทนนักกีฬาของโรงเรียน
ฮยอนชิคมีพ่อเป็นนักร้อง และเขาเองก็เป็นดาวเด่นของชมรมดนตรีสากลในโรงเรียนไปตามระเบียบ
แถมยังเก่งกีฬาอีกต่างหาก... ถ้าไม่นับรวมแฟนของจื่อเทาล่ะก็ แฟนคลับฮยอนชิคเองก็มีไม่น้อยเหมือนกัน
คยองซูก็โด่งดัง เพราะหน้าตาที่น่ารักและด้วยเพราะว่าเขาหัวดี
คยองซูน่ะชอบเป็นตัวแทนโรงเรียนตามงานต่างๆ
เพราะอาจารย์ชอบมอบหมายงานให้กับเขา และเขาก็ทำมันได้ดีซะด้วย
ส่วนผมเองก็ไม่ปฏิเสธว่ามีผู้หญิงและผู้ชายมากรี๊ดอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าจะให้ตอบแบบถ่อมตัวล่ะก็
ผมก็จะบอกว่าผมน่ะมีแฟนคลับน้อยกว่าบรรดาเพื่อนๆ ทั้งหมด...ถึงแม้ว่าผมจะมั่นใจว่ามีเยอะอยู่พอสมควรก็เถอะนะ
เพราะงั้นเสียงกรี๊ดที่ดังขึ้นมามันก็ไม่ได้ทำให้พวกผมต้องรู้สึกตะขิดตะขวงใจมากนักหรอก
และสำหรับใครบางคนก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเคยชินไปแล้วล่ะ
อย่างเช่นตอนนี้ที่ไอ้ฮยอนชิคหลิ่วตาส่งให้ผู้หญิงคนนั้นแล้วยิ้มกลับไปด้วย แหม่ะ...ไอ้คนเจ้าชู้
“ฉันรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยนะที่นายกล้าหักอกดาวโรงเรียนอย่างควอนยูริได้
ฉันขอเดาว่าตอนนี้ผู้ชายทั้งโรงเรียนคงจะเกลียดนายมาก
เพราะการทำให้ควอนยูริร้องไห้น่ะ พอๆ กับโทษประหารเชียว ฮ่าๆ”
คยองซูพูดแซวต่อจากฮยอนชิค เมื่อพวกเขามาถึงโต๊ะแล้วทรุดตัวนั่งลงจนได้
จื่อเทาหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเพื่อนตัวเล็กพูดแบบนั้น และฮยอนชิคก็ขยิบตาส่งให้เขาอย่างเจ้าเล่ห์
อ่า...ผมอยากให้คุณมาเห็นหน้าเขาตอนนี้ชะมัด
มันดูน่าหมั่นไส้เอามากๆ เพราะว่าเขาน่ะยิ้มราวกับภูมิใจเสียเต็มประดากับสิ่งที่เพื่อนๆ กำลังแซวเขา
“ก็ฉันไม่ได้ชอบเธอนี่หว่า...
สวยก็จริง แต่ไม่รู้ดิ เห็นแล้วใจไม่เต้นแรงเท่าไหร่”
จื่อเทายักไหล่แล้วตอบด้วยท่าทางยียวนชวนให้ยกบาทาขึ้นไปฟาดหน้า
ฮยอนชิคโห่ออกมาด้วยความหมั่นไส้ในคำตอบของเพื่อนสุดหล่อ
ก่อนจะยกกำปั้นขึ้นไปชกที่ไหล่ของเขาเบาๆ
“โห...แม่งหล่อสุดๆ วันหลังก่อนจะปฏิเสธใครบอกเธอเปลี่ยนใจมาสารภาพรักกับฉันแล้วกัน
นายมันเสือร้ายว่ะ ถ้าเป็นฉัน...ฉันคงตอบตกลงไปก่อน แล้วถ้าเธองี่เง่าก็ค่อยว่ากันอีกที”
ฮยอนชิคพูด...เขายกยิ้มจนตาปิด
“ฉันฟังดูเผินๆ แล้วเหมือนว่านายจะร้ายกว่าหรือเปล่า
แล้วเกี่ยวอะไรกับงี่เง่าหรือไม่งี่เง่าล่ะ?”
คยองซูยกยิ้ม เอียงศีรษะแล้วถามเพื่อนตัวโตที่สุดในกลุ่มของเราด้วยความฉงน
“ก็ผู้หญิงสวยๆ มักจะงี่เง่า...พวกเธอมักจะชอบทำตัวง๊องแง๊งน่ะซี
เธอจะชอบคิดว่าเธอน่ะสวยที่สุด
และพวกเราผู้ชายน่ะต้องเป็นฝ่ายที่ง้อและคอยตามใจพวกเธอ” ฮยอนชิคตอบพลางยักไหล่
“ฉันออกจะมั่นใจว่านายหมายความถึง ยุน โบมี นะ...
เพิ่งรู้ว่านายเลิกกับเธอเพราะว่าเธองี่เง่า”
ผมพูดกับเขาก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อรับรู้ว่าตนเองทายถูก
ฮยอนชิคเบ้หน้าไปทันทีที่ผมพูดอย่างนั้น...เขาวางลูกบาสลงบนโต๊ะแล้วเริ่มบ่นออกมา
“โห...สุดๆ รายนั้นน่ะขี้งอนแถมยังชอบทำตัวอย่างกับเด็กๆ
หล่อนน่ารักก็จริง แต่เอาแต่ใจมากๆ...ฉันล่ะอยากจะเตือนพวกนายไว้ก่อนเลย
ว่าถ้าจะหาแฟนซักคนล่ะก็ อย่าหาอายุน้อยกว่าตัวเองเด็ดขาด
ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็เหอะ...ถ้าไม่อยากเหนื่อยอย่าเสี่ยงคบ”
ฮยอนชิคบ่นออกมากระปอดกระแปด
ในขณะเดียวกับที่หยิบเอาสายหูฟังในกระเป๋าออกมาเสียบกับไอพอดของเขา
“เอาเหอะ...ฉันยังไม่คิดจะมีแฟนตอนนี้
มากกว่าน้อยกว่าถ้าถูกใจใครและคุยกันรู้เรื่องฉันว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก
ว่าแต่ว่า...วันนี้พี่จงอินยังไม่มารับอีกเหรอคยองซู?”
จื่อเทาถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคยองซูยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาและฉุกคิดขึ้นมาได้ว่านี่ก็เย็นมากแล้ว
ปกติในกลุ่มพวกเรา คยองซูจะกลับบ้านเป็นคนแรกเพราะว่าพี่จงอินน่ะหวงคยองซูอย่างกับอะไร
ถ้าเขาเลิกงานตอนสามโมงครึ่งได้ เขาคงจะมานั่งนับถอยหลังรอเสียงกระดิ่งเลิกเรียนเลยด้วยซ้ำล่ะมั้ง
“อ่อ...วันนี้จงอินติดประชุมน่ะ พี่เขาบอกว่าจะให้พี่แบคฮยอนมารับ
แต่นี่ก็นานแล้วเหมือนกันนะ ฉันล่ะสงสัยว่าเขาจะหลงทางหรือเปล่า
โอ๊ะ! แต่ฉันว่าฉันเห็นเขาตรงนั้นล่ะ พี่แบคฮยอนครับ...คยองอยู่ทางนี้!”
ทันทีที่พูด คนที่คยองซูบ่นถึงก็มา...
คยองซูลุกขึ้นตะโกนและโบกมือเรียกชายคนหนึ่งที่เดินมาจากข้างหลังเรา
ผมกับจื่อเทาหันไปมองคนที่คยองซูร้องทัก...
ก่อนที่ผมจะสังเกตว่าจื่อเทาน่ะนิ่งค้างไปเลยเมื่อเขาได้มองเห็นพี่ชายตัวเล็กคนนั้น...
สายตาของจื่อเทาบอกให้ผมรู้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับเขา...
“โอ...พี่กำลังจะโทรหานายพอดีเลยคยองซู
พี่มาถึงได้ซักพักแล้วล่ะ แต่เดินหาตึกเรียนนายไม่เจอ
โอ๊ะ...สวัสดีครับเด็กๆ โทษทีนะพี่มารับคยองซูช้าไปหน่อย”
พี่ชายตัวเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งไม่นานก็มาถึงโต๊ะม้าหินอ่อนที่เรานั่งอยู่
ผมและฮยอนชิคก้มหัวให้พี่เขาเพื่อทักทาย...หากแต่จื่อเทากลับนิ่งไปซะสนิท
เขานิ่งซะจนผมคิดว่าเขาไม่ได้หายใจอีกแล้ว เขาไม่ได้ทำอะไรแม้กระทั่งกระพริบตาเลยด้วยซ้ำ...
“โชคดีจังที่คยองเห็นพี่เดินอยู่ตรงนั้น...
คยองว่าเรารีบกลับกันเลยดีไหมครับพี่แบคฮยอน?
วันนี้มีการบ้านวิชาภาษาอังกฤษเยอะมาก ถ้ากลับถึงบ้านช้าคยองกลัวว่าจะเลิกดึก”
คยองซูพูดชักชวน หากแต่พี่แบคฮยอนกลับขัดขึ้นมาซะก่อน
ท่าทางเขาดูร้อนรนเล็กน้อย หากแต่เขาบอกให้เราได้รู้ทันทีที่ผมสงสัย
“อ่า...แต่ก่อนเราจะกลับพี่ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนึงได้ไหม?
ตอนขับรถมาน่ะรถติดมากเลย ตอนนี้น่ะพี่ปวดฉี่มากๆ”
แบคฮยอนพูดกับคยองซูและส่งยิ้มเป็นเชิงขอโทษขอโพยให้อย่างน่ารัก
“โอ๊ะ...งั้นให้คยองไปส่งไหมครับ?” คยองซูรับอาสา
“ไม่เป็นไรหรอก แค่บอกทางก็พอแล้วล่ะ
นายอยู่เก็บของรอเถอะ พี่ไปเดียวก็กลับมา”
และหลังจากที่คยองซูบอกทางให้พี่ชายตัวเล็กแล้วเขาก็เดินจากไปทันที
คยองซูนั่งลงและเริ่มเก็บของลงกระเป๋าอย่างที่พี่เขาได้สั่งเอาไว้
จื่อเทายังคงเงียบกริบและนิ่งสนิท...ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเขาเป็นอะไร
“นายเป็นอะไรของนายน่ะจื่อเทา...ทำไมจู่ๆ เงียบไปล่ะ?”
ผมถามเขาก่อนจะยกคิ้ว...
เพราะเมื่อทันทีที่ผมทักเขาออกไป เขากลับยกมือขึ้นมาทาบตรงหน้าอกข้างซ้ายของเขาแล้วยกยิ้ม....
เขาไม่ได้ตอบคำถามของผม หากแต่หันไปคว้าแขนของคยองซูแล้วเริ่มต้นถามอย่างตื่นเต้น
“คยองซู...พี่ชายคนนั้น ชื่อแบคฮยอนใช่ไหม? เขาเป็นใครอ่ะ??” จื่อเทาถาม
“พี่เขาเป็นเพื่อนกับจงอินอ่ะ...เป็นครูสอนภาษาอังกฤษของฉันด้วย
พี่เขาสอนเก่งมากเลยนะ ฉันเรียนกับพี่เขามาตั้งแต่สิบขวบ จนตอนนี้สิบห้าแล้วเขาก็ยังสอนฉันอยู่เลย...”
คยองซูพูดราวกับจะโอ้อวดพี่ชายตัวเล็กของเขาเล็กน้อย...
และราวกับเขาจะอวดตัวเองด้วย ว่าที่ตัวเองเก่งภาษาอังกฤษได้ก็เพราะว่าพี่แบคฮยอนเป็นคนสอน
จื่อเทายิ้มและกัดริมฝีปาก...ผมไม่เคยเห็นเขายิ้มกว้างขนาดนี้มาก่อนเลย
อย่างน้อยก็ไม่เคยเห็นว่าเขาเคยยิ้มแบบนี้ให้ใครนอกจากผม...
“ฮยอนชิค...นายบอกว่าถ้าจะมีแฟนให้หาที่อายุมากกว่าใช่ไหม?”
จื่อเทาหันไปถามฮยอนชิคที่กำลังเล่นเกมส์ในไอพอดของเขา
ฮยอนชิคพยักหน้ารับก่อนจะตอบกลับอย่างแปลกใจเล็กน้อย
“ใช่...ฉันว่าคบกับรุ่นพี่น่าจะเวิร์คกว่า” เขาตอบพลางยักไหล่
“อ่าฮะ! งั้นก็ดี...คยองซู ถามพี่แบคฮยอนให้หน่อยดิ
ว่าถ้าฉันอยากจะเรียนภาษาอังกฤษกับพี่เขาด้วยจะได้ไหม?”
จื่อเทาถามคยองซูอย่างตื่นเต้น ฮยอนชิคเริ่มยกยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน
และผมเองก็เช่นกัน...ผมเริ่มรับรู้แล้วว่าที่จื่อเทาทำท่าทางแบบนั้นน่ะเขาเป็นกำลังเป็นอะไร
เว้นเสียแต่คยองซูนั่นแหละมั้งที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้คิดติดใจอะไรกับท่าทางของเขาเลยซักนิด
“อ๋อ...ได้ดิ เดี๋ยวเย็นนี้ตอนที่เรียนฉันจะลองถามพี่เขาให้นะ
ฉันไปก่อนนะพวกนาย แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ”
คยองซูพยักหน้าตอบรับคำขอของจื่อเทาแล้วบอกลาเรา
ผมหันไปมองด้านหลังก็เห็นว่าพี่แบคฮยอนกำลังโบกมือเรียกคยองซูมาจากตรงนั้น
คยองซูโบกมือให้พวกเราสามคนเพื่อบอกลา และวิ่งแจ้นไปหาพี่ชายตัวเล็กที่ยืนรออยู่ตรงนั้น
จื่อเทาหันหลังกลับไปมองคยองซูจนสุดสายตา...
แต่ผมกลับแน่ใจว่าเขาไม่ได้มองเพื่อนตัวเล็ก แต่เป็นพี่ชายคนนั้น...
หัวใจของผมกำลังบีบรัดอย่างเจ็บปวดเมื่อได้เห็นว่าเขากำลังยิ้มและเหม่อลอยราวกับลืมไปว่าตรงนี้มีพวกเรานั่งอยู่ด้วย
ผมเม้มริมฝีปากแล้วหันมองไปทางอื่นด้วยเพราะว่าไม่อยากจะเห็นรอยยิ้มแบบนั้นของเขา
เพราะผมมั่นใจว่าไม่เคยมีใครได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้...แม้กระทั่งคยองซูหรือว่าฮยอนชิค
มันเป็นรอยยิ้มและแววตาที่เขาไม่เคยเปิดเผยให้กับใคร นอกจากผม...
แต่ตอนนี้เขากำลังทำแบบนั้น...
กำลังยิ้มออกมาทั้งๆ ที่คนที่เขายิ้มให้นั้นเดินหายลับไปจากสายตาตั้งนานแล้ว
หยุดยิ้มสิจื่อเทา...นายกำลังทำให้ฉันหงุดหงิดนะรู้ตัวไหม?
“โวว...ไอ้นี่เล่นรุ่นใหญ่เลยเหรอเนี่ย?
ไหนเมื่อกี้เพิ่งจะบอกว่ายังไม่คิดจะมีแฟน”
ฮยอนชิคเอ่ยแซวแล้วยิ้มจนตาปิด...
ผิดกับผมที่ตอนนี้นั่งเงียบกริบและไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือทำตัวยังไง
เหมือนสมองกำลังปฏิเสธที่จะรับรู้ทุกอย่าง...ผมทำไม่ได้แม้กระทั่งหายใจ
น่าแปลกใจ..ทั้งๆ ที่ตอนนี้ผมไม่ได้ทำแม้แต่ขยับเขยื้อนหรือแม้กระทั่งกระพริบตา
แต่หัวใจราวกับว่ากำลังจะปริแตกราวกับว่าถ้ากระทบกระทั่งมันอีกแค่นิดเดียวผมอาจจะตายก็ได้...
“แต่ฉันเพิ่งบอกนายไปเหมือนกันว่าถ้าถูกใจก็คงไม่มีปัญหา
พี่เขาน่ารักดีนะพวกนายว่าไหม? น่าตลกดีที่ใจเต้นแรง...
นายว่านี่เรียกว่ารักแรกพบได้ไหม? ใช่...ฉันว่าฉันชอบพี่เขาล่ะ...”
โอ พระเจ้า...ผมคิดว่าผมกำลังจะตายมันตรงนี้...
จื่อเทายักไหล่ก่อนจะตอบกลับมาหน้าระรื่น
ฮยอนชิคหัวเราะก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น
ผมผุดลุกขึ้นจากที่นั่งเพราะรู้สึกว่าถ้าหากทนนั่งต่อไปผมอาจจะทำตัวงี่เง่าด้วยการระเบิดร้องไห้ออกมาตรงนี้
ก้อนสะอื้นกำลังจุกขึ้นมาที่ลำคอจนรู้สึกเจ็บ...ผมรู้สึกว่าผมกำลังจะร้องไห้
“เฮ้ย...ลุกพรวดพราดขึ้นมาทำไมน่ะ ฉันตกใจหมด” ฮยอนชิคบ่นพลางยกมือขึ้นทาบอกของเขา
“นายจะไปไหนน่ะเซฮุน?”
“ฉัน...ฉันขอกลับก่อนแล้วกัน...” ผมบอกกับจื่อเทาเมื่อเขาหันมาถามอย่างความแปลกใจที่จู่ๆ ผมก็ลุกพรวดขึ้นมาแบบนี้
“เฮ้! เดี๋ยวสิ...ไหนว่าวันนี้นายบอกว่าจะกลับบ้านด้วยกัน”
เขายื่นมือมาฉุดแขนผมไว้เมื่อผมลุกขึ้นแล้วเหวี่ยงกระเป๋าขึ้นพาดบ่า
ผมหลบสายตาของเขาแล้วสะบัดมือนั้นออกไปจากแขน
ฝืนกลืนก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ตรงลำคอนั้นลงไปซะ...แม้ว่ามันจะทำให้เจ็บปวดจนลำคอนั้นเริ่มตีบตันและแห้งผาก
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะไปร้านการ์ตูนก่อนแล้วค่อยกลับ”
ผมบอกกับเขาไปส่งๆ
ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะอ่านการ์ตูนในตอนนี้เลยซักนิด...
จื่อเทามองผมอย่างห่วงใยก่อนจะถามต่อ และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเอาแต่ภาวนาให้เขาเลิกทำท่าทางอย่างนั้น
“แต่นายไม่ต้องไปคนเดียวก็ได้นี่
เดี๋ยวฉันแวะไปส่งนายซื้อระหว่างทางกลับก็ได้”
เขาบอกกับผม ยื่นมือนั้นมาจับที่ข้อมือผมอีกครั้ง
ผมเม้มริมฝีปาก และมีความรู้สึกว่าในตอนนี้ผมไม่ต้องการที่จะยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว...
ผมไม่อยากจะเห็นหน้าเขา...แม้แต่เสียงก็ไม่อยากได้ยิน...
“ไม่ต้อง...ฉันไม่อยากรบกวนแม่นาย
ฉันจะไปแล้ว ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
“เซฮุน! เฮ้! โอเซฮุน!!”
ผมสะบัดแขนให้หลุดออกจากมือของจื่อเทาทั้งๆ ที่ยังไม่มองหน้า
ผมเดินออกมาและไม่ได้สนใจแม้แต่เสียงเรียกที่ดังขึ้นตามหลัง
ในหูมันอื้ออึง...ผมรู้สึกว่าทุกย่างก้าวที่เท้าเหยียบกระทบพื้นนั้นช่างเจ็บปวด...
ผมสาวเท้าก้าวเดินมาจนถึงหัวมุมตึกที่ลับจากสายตาของเขาแล้วเริ่มออกตัววิ่ง
น้ำตารินไหลลงมาแล้ว...และผมไม่อาจจะฝืนห้ามมันได้...
ผมวิ่งไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้หยุด...ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าถึงจะวิ่งหนีไปทางไหนหัวใจก็เจ็บปวดอยู่ดี
ผมอยากจะห้าม...ผมอยากจะบอกให้เขาเปลี่ยนใจ...
อยากจะบอกให้เขามอง หรือพูด หรือยิ้มให้กับคนอื่น...
แต่ทำไม่ได้ -- ผมมันก็แค่คนขี้ขลาด
ในตอนนี้ผมกลับรู้สึกอิจฉาควอนยูริ...
เพราะถึงแม้ว่าเธอจะโดนปฏิเสธ แต่เธอก็คงไม่ได้เห็นหรือพูดคุยกับจื่อเทาอีกแล้ว
ผิดกับผม...ที่ถึงแม้จะบอกเขาหรือเก็บไว้ในใจต่อไปก็มีค่าเท่ากัน
.
.
.
เขาเห็นผมเป็นแค่เพื่อนรัก...และจะไม่มีวันเป็นไปได้มากกว่านั้น
--- ขอทอล์คสั้นๆ ---
จัน...ฉันหน่วง ;_____;
มันดราม่ามากเบยจัน ฮรึกกก.
ความคิดเห็น