ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [C0MPLETE] ✚ :: BE MY BABY :: ✚ [KAI x D.O.]*

    ลำดับตอนที่ #40 : ✚ BE MY B0YFRIEND :: TAO & SEHUN II

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.66K
      4
      4 ก.พ. 56

     

     Author : MR.$N0WMAN*

    Pairing : Hwang Zi Tao & Oh Sehun

    Story : Jackboiz

    Rate : PG-15

     

     

    Be my Boyfriend*






     

    ‘ Call  me.....
    your

    .....Sugar









    “จื่อเทา...ฉันขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?”

     
     

     

    เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาในระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินไปตามระเบียงทางเดินด้วยกันในตอนพักเที่ยง

    ผมและจื่อเทาหันไปมองยังต้นเสียงนั้นและก็ได้พบว่า

    ควอน ยูริ สาวคนดังของชั้นปีเรากำลังมองมาที่จื่อเทาอย่างกลัวๆ กล้าๆ

    เราสองคนหยุดชะงักไปในทันที อันความจริงจื่อเทาเป็นคนหยุดมากกว่า

    แต่ผมไม่มีทางเลือกที่จะเดินหนีไปไหนได้เพราะเขากำลังเกี่ยวคอผมเอาไว้

     

    “อะไรเหรอ?” จื่อเทาถามเธอ

     

    “ฉัน...มีเรื่องจะคุยกับนายน่ะ เอ่อ -- แค่สองคน”

     

     

    ยูริพูดตะกุกตะกักและปรายตามองมาที่ผมเมื่อถึงท้ายประโยค

    ผมเสตาหลบไปทางอื่นแล้วลอบกลืนน้ำลาย ถ้ามาอิหรอบนี้ก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าควอนยูริมีธุระอะไรกับเขา

    เธอดูลุกลี้ลุกลนติดจะประหม่าเล็กน้อยเสียด้วย... อ่า...ผมไม่ควรจะอยู่ตรงนี้สินะ

    บ้าจัง...ทำไมต้องรู้สึกเฟลด้วย...

     

    ผมเองที่รู้ตัวก็พยายามจะเดินออกไปเพื่อเปิดทางให้เธอได้คุยกับเขา

    หากแต่จื่อเทากลับไม่เกี่ยวคอผมไว้ไม่ยอมปล่อย ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขา

    ก่อนจะเห็นว่าจื่อเทายิ้มตอบกลับยูริไปเสียเท่ห์เชียว...ไอ้ขี้เก๊กเอ๊ย...

     

    “พูดมันมาตรงนี้สิ ฉันกับเซฮุนไม่มีความลับต่อกัน

    ถึงเธอจะไล่เขาไป เดี๋ยวยังไงฉันก็เอาไปบอกเขาอยู่ดี”

     

    เขาพูดพลางยักไหล่...ยูริดูจะอึ้งไปเล็กน้อยที่ได้ยินอย่างนั้น

    เธออ้าปากค้างน้อยๆ หากแต่สุดท้ายแล้วเธอก็ตัดสินใจว่าที่จื่อเทาพูดนั้นถูก

    เธอสูดหายใจเข้าไปในปอดลึก... และผมปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอยังคงดูสวยไม่ว่าจะมีท่าทีประหม่าจนน่ารำคาญแบบนั้น

     

    “ฉัน...ฉันชอบจื่อเทานะ เรามาเป็นแฟนกันได้ไหม?”

     

    ยูริพูดออกมาก่อนจะกัดริมฝีปากของเธอแล้วจ้องตรงมาที่จื่อเทาอย่างจริงจัง

    ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังกลั้นหายใจโดยที่ไม่มีเหตุผล...อาจจะเพราะตกใจในความกล้าของเจ้าหล่อน

    หรือไม่ก็อาจจะเพราะชื่นชมเธอล่ะมั้ง... ที่เธอกล้าบอกออกมาได้ทั้งๆ ที่ผมเองก็ยังยืนอยู่ตรงนี้

    ทั้งๆ ที่ผมเองไม่เคยแม้แต่กล้าคิด ว่าจะบอกจะสารภาพกับเขา...

     

    หากแต่ในวินาทีต่อมา อารามตกใจของผมแปรเปลี่ยนเป็นอาการตระหนก

    ผมเริ่มรู้สึกกลัว...ผมกลัวว่าจื่อเทาจะตอบรับคำสารภาพของเธอ

    ไม่เอานะ...อย่าตอบตกลง...อย่าพรากเขาไปจากผม...

     

    ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อนรักที่นิ่งเงียบไปในชั่ววินาทีนั้น...

    เขาหลบสายตายูริที่จ้องตรงมาแล้วมองไปทางอื่น...กลืนน้ำลายลงไปในคอจนทำเอาผมรู้สึกใจเสีย

    มันเหมือนว่าเขากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก...

     

    ไม่นะจื่อเทา...ปฏิเสธหล่อนไปสิ...

    “อ่า...ไม่รู้สิ ฉันว่าฉันน่าจะถามเซฮุนดูก่อนนะ

    ฮุนอ่า...นายคิดว่าฉันจะตอบตกลงเธอไปดีหรือเปล่า?”

     

    ยูริยกมือขึ้นปิดปากและดูเหมือนว่าจะตกใจมาก

    เธอเป็นคนสวยที่สุดในชั้นปีของเรา...ถือว่าเป็นดาวของโรงเรียนคนหนึ่ง

    ในแวบหนึ่งผมเผลอคิดไปว่าจื่อเทาไม่น่าจะตอบปฏิเสธเธอ เพราะจื่อเทาเองก็เคยชมว่าเธอน่ารัก

     

    “น...นายจะบ้าเหรอ? จะมาขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฉันได้ยังไง?”

     

    ผมแหวใส่เขาเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ...ก่อนจะเงียบไปเสียสนิทเมื่อเขาตอบกลับ

     

    “เพราะว่าถ้านายไม่โอเค...ฉันก็ไม่โอเคเหมือนกัน”

     

    จื่อเทาตอบเพียงแผ่วเบา แล้วหันกลับมามองหน้าผม

    ผมขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ยอมรับว่าวินาทีนั้นอาการตกใจนั้นหายไป

    หากแต่กลับแทนที่ด้วยเสียงหัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกจากอก

    ผมเห็นยูริเบิกตากว้างแล้วมองมาที่เราสองคนอย่างไม่เชื่อสายตา...

    ผมรีบก้มหน้างุดและเสตามองไปทางอื่น...

    จื่อเทา...นายทำอย่างนี้หมายความว่าอะไร?

     

    “นาย...นายสองคนคบกันอยู่งั้นเหรอ??” ยูริถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้

     

    เซฮุนหันไปมองยูริแล้วเบิกตากว้างอย่างตกใจที่เธอพูดอย่างนั้น

    เขาหันขึ้นไปมองจื่อเทาว่าเขามีท่าทีหรือปฏิกิริยาอะไรกับคำถามนี้ไหม

    ฉับพลันเซฮุนก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที...เมื่อเพื่อนรักของเขาไม่ได้มีท่าทีอะไรกับคำถามนี้

     

    “เปล่า...พวกฉันเป็นแค่เพื่อนกัน

    และบังเอิญว่าเพื่อนฉันสำคัญมาก ฉันคงตัดสินใจเรื่องนี้เองไม่ได้หรอก

    ฉันแล้วแต่เขาแล้วกัน เพราะความจริงแล้วตอนนี้ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องมีแฟนเลยอ่ะ”

     

    “บ...บ้า! นายมันบ้าที่สุดเลยหวาง จื่อเทา!! คนใจร้าย!!!

     

    ยูริแว้ดใส่จื่อเทาเสียงแหลมปรี๊ด น้ำตาเธอไหลลงมาอย่างกับเขื่อนแตก

    เธอผลักอกจื่อเทาเสียทีหนึ่งแล้ววิ่งหนีไป ผมได้ยินจื่อเทาถอนหายใจออกมาเสียยาวเหยียด

    อา...ผมสงสารเธอจังเลย ยอมรับว่าผมเองก็อยากให้จื่อเทาตอบปฏิเสธเธอ

    แต่ผมกลับรู้สึกว่าการที่จื่อเทาทำแบบนี้มันใจร้ายกับเธอมากไปหน่อย...

     

    “นายจะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ? ที่พูดกับเธอแบบนั้น”

     

    ผมถามเขาพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคนผิดเหมือนกันที่ทำให้หล่อนต้องร้องไห้

    จื่อเทายักไหล่ก็จะหันมามองหน้าผม กระพริบตาปริบๆ แล้วถามซะตรงจนผมแทบลืมหายใจ

     

    “นายยอมให้ฉันมีแฟนได้จริงๆ เหรอเซฮุน?” จื่อเทาถามผม

     

    ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...

     

    หัวใจผมกลับมาเต้นระรัวอีกครั้งเมื่อเขาจ้องตาผมซะนิ่งสนิทแล้วเอ่ยถาม

    ผมอ้าปากค้างก่อนจะถามเขากลับอย่างไม่เข้าใจ

     

    “น...นายถามแบบนี้หมายความว่าไง?”

     

    “ไม่รู้ดิ...ฉันยังไม่เคยคิดเรื่องแฟนเลย

    ฉันอยู่กับนายก็สนุกดีออก ถ้าฉันมีแฟนนายก็เหงาอ่ะดิ

    และอีกอย่าง ฉันไม่คิดว่าฉันโอเคหรอกนะ...ถ้านายรู้สึกไม่โอเค

     

    จื่อเทาพูดแล้วยักไหล่...เขาหัวเราะออกมาน้อยๆ หลังจากที่พูดอย่างนั้น

    ชักชวนให้เริ่มเดินต่อเพื่อไปที่โรงอาหาร

    เพราะหากไม่รีบเราจะพลาดอาหารเที่ยงและเพราะว่าคยองซูนัดเราไปค้นหาข้อมูลทำรายงานที่ห้องสมุด

    ผมเดินตามเขาไปและไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากลอบยิ้มออกมาบางๆ โดยไม่ให้เขาเห็นก็เท่านั้น...

     

    หวางจื่อเทา...นายจะรู้ไหมนะว่าที่กำลังทำอยู่น่ะ...

     

    .

    .

     

    นายกำลังให้ความหวังกับฉันอยู่นะ...คนงี่เง่า...

     

     

     

     

    *********

     

     

    “โวว...ฉันเพิ่งจะรู้ข่าวล่ามาแรง

    ว่าตอนเที่ยงที่ผ่านมานายเพิ่งหักอกดาวโรงเรียนของเรางั้นเหรอครับ ไอ้หล่อ”

     

    อิม ฮยอนชิค เอ่ยแซวในขณะที่เขากำลังปั่นลูกบาสให้หมุนติ้วอยู่บนนิ้วของเขาและเดินเข้ามาหาผมกับจื่อเทา

    เขาอยู่ในเสื้อบาสตัวโคร่ง และเดินเข้ามาสมทบที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าตึกซึ่งถือว่าเป็นโต๊ะประจำของพวกเราหลังเลิกเรียน

    เห็นได้ชัดเจนว่าเขาเพิ่งกลับมาจากซ้อมบาส และติดสอยห้อยตามมาด้วยคยองซูที่หอบเอาหนังสือเล่มหนามาในอ้อมแขน

     

    มีเสียงผู้หญิงหัวเราะคิกคักดังมาจากหญิงสาวที่เขาเดินผ่าน และมีเสียงกรีดร้องเบาๆ เมื่อฮยอนชิคเดินเข้ามา

    อันความจริงแล้วพวกเราก็มีชื่อเสียงในโรงเรียนแห่งนี้อยู่พอสมควร

    เนื่องด้วยว่าหน้าตาและฐานะของพวกเราแต่ละคนในกลุ่มเราน่ะไม่ธรรมดา...

    อย่างจื่อเทาก็เป็นลูกชายคนเดียวของท่านทูตประจำกงสุลจีน...และเป็นตัวแทนนักกีฬาของโรงเรียน

    ฮยอนชิคมีพ่อเป็นนักร้อง และเขาเองก็เป็นดาวเด่นของชมรมดนตรีสากลในโรงเรียนไปตามระเบียบ

    แถมยังเก่งกีฬาอีกต่างหาก... ถ้าไม่นับรวมแฟนของจื่อเทาล่ะก็ แฟนคลับฮยอนชิคเองก็มีไม่น้อยเหมือนกัน

    คยองซูก็โด่งดัง เพราะหน้าตาที่น่ารักและด้วยเพราะว่าเขาหัวดี

    คยองซูน่ะชอบเป็นตัวแทนโรงเรียนตามงานต่างๆ

    เพราะอาจารย์ชอบมอบหมายงานให้กับเขา  และเขาก็ทำมันได้ดีซะด้วย

    ส่วนผมเองก็ไม่ปฏิเสธว่ามีผู้หญิงและผู้ชายมากรี๊ดอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าจะให้ตอบแบบถ่อมตัวล่ะก็

    ผมก็จะบอกว่าผมน่ะมีแฟนคลับน้อยกว่าบรรดาเพื่อนๆ ทั้งหมด...ถึงแม้ว่าผมจะมั่นใจว่ามีเยอะอยู่พอสมควรก็เถอะนะ

     

    เพราะงั้นเสียงกรี๊ดที่ดังขึ้นมามันก็ไม่ได้ทำให้พวกผมต้องรู้สึกตะขิดตะขวงใจมากนักหรอก

    และสำหรับใครบางคนก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเคยชินไปแล้วล่ะ

    อย่างเช่นตอนนี้ที่ไอ้ฮยอนชิคหลิ่วตาส่งให้ผู้หญิงคนนั้นแล้วยิ้มกลับไปด้วย แหม่ะ...ไอ้คนเจ้าชู้

     

    “ฉันรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยนะที่นายกล้าหักอกดาวโรงเรียนอย่างควอนยูริได้

    ฉันขอเดาว่าตอนนี้ผู้ชายทั้งโรงเรียนคงจะเกลียดนายมาก

    เพราะการทำให้ควอนยูริร้องไห้น่ะ พอๆ กับโทษประหารเชียว ฮ่าๆ”

     

    คยองซูพูดแซวต่อจากฮยอนชิค เมื่อพวกเขามาถึงโต๊ะแล้วทรุดตัวนั่งลงจนได้

    จื่อเทาหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเพื่อนตัวเล็กพูดแบบนั้น และฮยอนชิคก็ขยิบตาส่งให้เขาอย่างเจ้าเล่ห์

    อ่า...ผมอยากให้คุณมาเห็นหน้าเขาตอนนี้ชะมัด

    มันดูน่าหมั่นไส้เอามากๆ เพราะว่าเขาน่ะยิ้มราวกับภูมิใจเสียเต็มประดากับสิ่งที่เพื่อนๆ กำลังแซวเขา

     

    “ก็ฉันไม่ได้ชอบเธอนี่หว่า...

    สวยก็จริง แต่ไม่รู้ดิ เห็นแล้วใจไม่เต้นแรงเท่าไหร่”

     

    จื่อเทายักไหล่แล้วตอบด้วยท่าทางยียวนชวนให้ยกบาทาขึ้นไปฟาดหน้า

    ฮยอนชิคโห่ออกมาด้วยความหมั่นไส้ในคำตอบของเพื่อนสุดหล่อ

    ก่อนจะยกกำปั้นขึ้นไปชกที่ไหล่ของเขาเบาๆ

     

    “โห...แม่งหล่อสุดๆ วันหลังก่อนจะปฏิเสธใครบอกเธอเปลี่ยนใจมาสารภาพรักกับฉันแล้วกัน

    นายมันเสือร้ายว่ะ ถ้าเป็นฉัน...ฉันคงตอบตกลงไปก่อน แล้วถ้าเธองี่เง่าก็ค่อยว่ากันอีกที”

     

    ฮยอนชิคพูด...เขายกยิ้มจนตาปิด

     

    “ฉันฟังดูเผินๆ แล้วเหมือนว่านายจะร้ายกว่าหรือเปล่า

    แล้วเกี่ยวอะไรกับงี่เง่าหรือไม่งี่เง่าล่ะ?”

     

    คยองซูยกยิ้ม เอียงศีรษะแล้วถามเพื่อนตัวโตที่สุดในกลุ่มของเราด้วยความฉงน

     

    “ก็ผู้หญิงสวยๆ มักจะงี่เง่า...พวกเธอมักจะชอบทำตัวง๊องแง๊งน่ะซี

    เธอจะชอบคิดว่าเธอน่ะสวยที่สุด

    และพวกเราผู้ชายน่ะต้องเป็นฝ่ายที่ง้อและคอยตามใจพวกเธอ” ฮยอนชิคตอบพลางยักไหล่

     

    “ฉันออกจะมั่นใจว่านายหมายความถึง ยุน โบมี นะ...

    เพิ่งรู้ว่านายเลิกกับเธอเพราะว่าเธองี่เง่า”

     

    ผมพูดกับเขาก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อรับรู้ว่าตนเองทายถูก

    ฮยอนชิคเบ้หน้าไปทันทีที่ผมพูดอย่างนั้น...เขาวางลูกบาสลงบนโต๊ะแล้วเริ่มบ่นออกมา

     

    “โห...สุดๆ รายนั้นน่ะขี้งอนแถมยังชอบทำตัวอย่างกับเด็กๆ

    หล่อนน่ารักก็จริง แต่เอาแต่ใจมากๆ...ฉันล่ะอยากจะเตือนพวกนายไว้ก่อนเลย

    ว่าถ้าจะหาแฟนซักคนล่ะก็ อย่าหาอายุน้อยกว่าตัวเองเด็ดขาด

    ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็เหอะ...ถ้าไม่อยากเหนื่อยอย่าเสี่ยงคบ”

     

    ฮยอนชิคบ่นออกมากระปอดกระแปด

    ในขณะเดียวกับที่หยิบเอาสายหูฟังในกระเป๋าออกมาเสียบกับไอพอดของเขา

     

    “เอาเหอะ...ฉันยังไม่คิดจะมีแฟนตอนนี้

    มากกว่าน้อยกว่าถ้าถูกใจใครและคุยกันรู้เรื่องฉันว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก

    ว่าแต่ว่า...วันนี้พี่จงอินยังไม่มารับอีกเหรอคยองซู?”

     

    จื่อเทาถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคยองซูยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาและฉุกคิดขึ้นมาได้ว่านี่ก็เย็นมากแล้ว

    ปกติในกลุ่มพวกเรา คยองซูจะกลับบ้านเป็นคนแรกเพราะว่าพี่จงอินน่ะหวงคยองซูอย่างกับอะไร

    ถ้าเขาเลิกงานตอนสามโมงครึ่งได้ เขาคงจะมานั่งนับถอยหลังรอเสียงกระดิ่งเลิกเรียนเลยด้วยซ้ำล่ะมั้ง

     

    “อ่อ...วันนี้จงอินติดประชุมน่ะ พี่เขาบอกว่าจะให้พี่แบคฮยอนมารับ

    แต่นี่ก็นานแล้วเหมือนกันนะ ฉันล่ะสงสัยว่าเขาจะหลงทางหรือเปล่า

    โอ๊ะ! แต่ฉันว่าฉันเห็นเขาตรงนั้นล่ะ  พี่แบคฮยอนครับ...คยองอยู่ทางนี้!

     

    ทันทีที่พูด คนที่คยองซูบ่นถึงก็มา...

    คยองซูลุกขึ้นตะโกนและโบกมือเรียกชายคนหนึ่งที่เดินมาจากข้างหลังเรา

    ผมกับจื่อเทาหันไปมองคนที่คยองซูร้องทัก...

    ก่อนที่ผมจะสังเกตว่าจื่อเทาน่ะนิ่งค้างไปเลยเมื่อเขาได้มองเห็นพี่ชายตัวเล็กคนนั้น...

    สายตาของจื่อเทาบอกให้ผมรู้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับเขา...

     

    “โอ...พี่กำลังจะโทรหานายพอดีเลยคยองซู

    พี่มาถึงได้ซักพักแล้วล่ะ แต่เดินหาตึกเรียนนายไม่เจอ

    โอ๊ะ...สวัสดีครับเด็กๆ โทษทีนะพี่มารับคยองซูช้าไปหน่อย”

     

    พี่ชายตัวเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งไม่นานก็มาถึงโต๊ะม้าหินอ่อนที่เรานั่งอยู่

    ผมและฮยอนชิคก้มหัวให้พี่เขาเพื่อทักทาย...หากแต่จื่อเทากลับนิ่งไปซะสนิท

    เขานิ่งซะจนผมคิดว่าเขาไม่ได้หายใจอีกแล้ว เขาไม่ได้ทำอะไรแม้กระทั่งกระพริบตาเลยด้วยซ้ำ...

     

    “โชคดีจังที่คยองเห็นพี่เดินอยู่ตรงนั้น...

    คยองว่าเรารีบกลับกันเลยดีไหมครับพี่แบคฮยอน?

    วันนี้มีการบ้านวิชาภาษาอังกฤษเยอะมาก ถ้ากลับถึงบ้านช้าคยองกลัวว่าจะเลิกดึก”

     

    คยองซูพูดชักชวน หากแต่พี่แบคฮยอนกลับขัดขึ้นมาซะก่อน

    ท่าทางเขาดูร้อนรนเล็กน้อย หากแต่เขาบอกให้เราได้รู้ทันทีที่ผมสงสัย

     

    “อ่า...แต่ก่อนเราจะกลับพี่ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนึงได้ไหม?

    ตอนขับรถมาน่ะรถติดมากเลย ตอนนี้น่ะพี่ปวดฉี่มากๆ”

     

    แบคฮยอนพูดกับคยองซูและส่งยิ้มเป็นเชิงขอโทษขอโพยให้อย่างน่ารัก

     

    “โอ๊ะ...งั้นให้คยองไปส่งไหมครับ?” คยองซูรับอาสา

     

    “ไม่เป็นไรหรอก แค่บอกทางก็พอแล้วล่ะ

    นายอยู่เก็บของรอเถอะ พี่ไปเดียวก็กลับมา”

     

    และหลังจากที่คยองซูบอกทางให้พี่ชายตัวเล็กแล้วเขาก็เดินจากไปทันที

    คยองซูนั่งลงและเริ่มเก็บของลงกระเป๋าอย่างที่พี่เขาได้สั่งเอาไว้

    จื่อเทายังคงเงียบกริบและนิ่งสนิท...ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเขาเป็นอะไร

     

    “นายเป็นอะไรของนายน่ะจื่อเทา...ทำไมจู่ๆ เงียบไปล่ะ?”

     

    ผมถามเขาก่อนจะยกคิ้ว...

    เพราะเมื่อทันทีที่ผมทักเขาออกไป เขากลับยกมือขึ้นมาทาบตรงหน้าอกข้างซ้ายของเขาแล้วยกยิ้ม....

    เขาไม่ได้ตอบคำถามของผม หากแต่หันไปคว้าแขนของคยองซูแล้วเริ่มต้นถามอย่างตื่นเต้น

     

    “คยองซู...พี่ชายคนนั้น ชื่อแบคฮยอนใช่ไหม? เขาเป็นใครอ่ะ??”  จื่อเทาถาม

     

    “พี่เขาเป็นเพื่อนกับจงอินอ่ะ...เป็นครูสอนภาษาอังกฤษของฉันด้วย

    พี่เขาสอนเก่งมากเลยนะ ฉันเรียนกับพี่เขามาตั้งแต่สิบขวบ จนตอนนี้สิบห้าแล้วเขาก็ยังสอนฉันอยู่เลย...”

     

    คยองซูพูดราวกับจะโอ้อวดพี่ชายตัวเล็กของเขาเล็กน้อย...

    และราวกับเขาจะอวดตัวเองด้วย ว่าที่ตัวเองเก่งภาษาอังกฤษได้ก็เพราะว่าพี่แบคฮยอนเป็นคนสอน

    จื่อเทายิ้มและกัดริมฝีปาก...ผมไม่เคยเห็นเขายิ้มกว้างขนาดนี้มาก่อนเลย

    อย่างน้อยก็ไม่เคยเห็นว่าเขาเคยยิ้มแบบนี้ให้ใครนอกจากผม...

     

    “ฮยอนชิค...นายบอกว่าถ้าจะมีแฟนให้หาที่อายุมากกว่าใช่ไหม?”

     

    จื่อเทาหันไปถามฮยอนชิคที่กำลังเล่นเกมส์ในไอพอดของเขา

    ฮยอนชิคพยักหน้ารับก่อนจะตอบกลับอย่างแปลกใจเล็กน้อย

     

    “ใช่...ฉันว่าคบกับรุ่นพี่น่าจะเวิร์คกว่า” เขาตอบพลางยักไหล่

     

    “อ่าฮะ! งั้นก็ดี...คยองซู ถามพี่แบคฮยอนให้หน่อยดิ

    ว่าถ้าฉันอยากจะเรียนภาษาอังกฤษกับพี่เขาด้วยจะได้ไหม?”

     

    จื่อเทาถามคยองซูอย่างตื่นเต้น ฮยอนชิคเริ่มยกยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน

    และผมเองก็เช่นกัน...ผมเริ่มรับรู้แล้วว่าที่จื่อเทาทำท่าทางแบบนั้นน่ะเขาเป็นกำลังเป็นอะไร

    เว้นเสียแต่คยองซูนั่นแหละมั้งที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้คิดติดใจอะไรกับท่าทางของเขาเลยซักนิด

     

    “อ๋อ...ได้ดิ เดี๋ยวเย็นนี้ตอนที่เรียนฉันจะลองถามพี่เขาให้นะ

    ฉันไปก่อนนะพวกนาย แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ”

     

    คยองซูพยักหน้าตอบรับคำขอของจื่อเทาแล้วบอกลาเรา

    ผมหันไปมองด้านหลังก็เห็นว่าพี่แบคฮยอนกำลังโบกมือเรียกคยองซูมาจากตรงนั้น

    คยองซูโบกมือให้พวกเราสามคนเพื่อบอกลา และวิ่งแจ้นไปหาพี่ชายตัวเล็กที่ยืนรออยู่ตรงนั้น

     

    จื่อเทาหันหลังกลับไปมองคยองซูจนสุดสายตา...

    แต่ผมกลับแน่ใจว่าเขาไม่ได้มองเพื่อนตัวเล็ก แต่เป็นพี่ชายคนนั้น...

    หัวใจของผมกำลังบีบรัดอย่างเจ็บปวดเมื่อได้เห็นว่าเขากำลังยิ้มและเหม่อลอยราวกับลืมไปว่าตรงนี้มีพวกเรานั่งอยู่ด้วย

    ผมเม้มริมฝีปากแล้วหันมองไปทางอื่นด้วยเพราะว่าไม่อยากจะเห็นรอยยิ้มแบบนั้นของเขา

     

    เพราะผมมั่นใจว่าไม่เคยมีใครได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้...แม้กระทั่งคยองซูหรือว่าฮยอนชิค

    มันเป็นรอยยิ้มและแววตาที่เขาไม่เคยเปิดเผยให้กับใคร นอกจากผม...

     

    แต่ตอนนี้เขากำลังทำแบบนั้น...

    กำลังยิ้มออกมาทั้งๆ ที่คนที่เขายิ้มให้นั้นเดินหายลับไปจากสายตาตั้งนานแล้ว

     

    หยุดยิ้มสิจื่อเทา...นายกำลังทำให้ฉันหงุดหงิดนะรู้ตัวไหม?

     

    “โวว...ไอ้นี่เล่นรุ่นใหญ่เลยเหรอเนี่ย?

    ไหนเมื่อกี้เพิ่งจะบอกว่ายังไม่คิดจะมีแฟน”

     

    ฮยอนชิคเอ่ยแซวแล้วยิ้มจนตาปิด...

    ผิดกับผมที่ตอนนี้นั่งเงียบกริบและไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือทำตัวยังไง

    เหมือนสมองกำลังปฏิเสธที่จะรับรู้ทุกอย่าง...ผมทำไม่ได้แม้กระทั่งหายใจ

     

    น่าแปลกใจ..ทั้งๆ ที่ตอนนี้ผมไม่ได้ทำแม้แต่ขยับเขยื้อนหรือแม้กระทั่งกระพริบตา

    แต่หัวใจราวกับว่ากำลังจะปริแตกราวกับว่าถ้ากระทบกระทั่งมันอีกแค่นิดเดียวผมอาจจะตายก็ได้...

     

    “แต่ฉันเพิ่งบอกนายไปเหมือนกันว่าถ้าถูกใจก็คงไม่มีปัญหา

    พี่เขาน่ารักดีนะพวกนายว่าไหม? น่าตลกดีที่ใจเต้นแรง...

    นายว่านี่เรียกว่ารักแรกพบได้ไหม? ใช่...ฉันว่าฉันชอบพี่เขาล่ะ...”

     

    โอ พระเจ้า...ผมคิดว่าผมกำลังจะตายมันตรงนี้...

     

    จื่อเทายักไหล่ก่อนจะตอบกลับมาหน้าระรื่น

    ฮยอนชิคหัวเราะก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น

    ผมผุดลุกขึ้นจากที่นั่งเพราะรู้สึกว่าถ้าหากทนนั่งต่อไปผมอาจจะทำตัวงี่เง่าด้วยการระเบิดร้องไห้ออกมาตรงนี้

    ก้อนสะอื้นกำลังจุกขึ้นมาที่ลำคอจนรู้สึกเจ็บ...ผมรู้สึกว่าผมกำลังจะร้องไห้

     

    “เฮ้ย...ลุกพรวดพราดขึ้นมาทำไมน่ะ ฉันตกใจหมด” ฮยอนชิคบ่นพลางยกมือขึ้นทาบอกของเขา

     

    “นายจะไปไหนน่ะเซฮุน?”

     

    “ฉัน...ฉันขอกลับก่อนแล้วกัน...” ผมบอกกับจื่อเทาเมื่อเขาหันมาถามอย่างความแปลกใจที่จู่ๆ ผมก็ลุกพรวดขึ้นมาแบบนี้

     

    “เฮ้! เดี๋ยวสิ...ไหนว่าวันนี้นายบอกว่าจะกลับบ้านด้วยกัน”

     

    เขายื่นมือมาฉุดแขนผมไว้เมื่อผมลุกขึ้นแล้วเหวี่ยงกระเป๋าขึ้นพาดบ่า

    ผมหลบสายตาของเขาแล้วสะบัดมือนั้นออกไปจากแขน

    ฝืนกลืนก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ตรงลำคอนั้นลงไปซะ...แม้ว่ามันจะทำให้เจ็บปวดจนลำคอนั้นเริ่มตีบตันและแห้งผาก

     

    “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะไปร้านการ์ตูนก่อนแล้วค่อยกลับ”

     

    ผมบอกกับเขาไปส่งๆ

    ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะอ่านการ์ตูนในตอนนี้เลยซักนิด...

    จื่อเทามองผมอย่างห่วงใยก่อนจะถามต่อ และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเอาแต่ภาวนาให้เขาเลิกทำท่าทางอย่างนั้น

     

    “แต่นายไม่ต้องไปคนเดียวก็ได้นี่

    เดี๋ยวฉันแวะไปส่งนายซื้อระหว่างทางกลับก็ได้”

     

    เขาบอกกับผม ยื่นมือนั้นมาจับที่ข้อมือผมอีกครั้ง

    ผมเม้มริมฝีปาก และมีความรู้สึกว่าในตอนนี้ผมไม่ต้องการที่จะยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว...

    ผมไม่อยากจะเห็นหน้าเขา...แม้แต่เสียงก็ไม่อยากได้ยิน...

     

    “ไม่ต้อง...ฉันไม่อยากรบกวนแม่นาย

    ฉันจะไปแล้ว ไว้เจอกันพรุ่งนี้”

     

    “เซฮุน! เฮ้! โอเซฮุน!!

     

    ผมสะบัดแขนให้หลุดออกจากมือของจื่อเทาทั้งๆ ที่ยังไม่มองหน้า

    ผมเดินออกมาและไม่ได้สนใจแม้แต่เสียงเรียกที่ดังขึ้นตามหลัง

    ในหูมันอื้ออึง...ผมรู้สึกว่าทุกย่างก้าวที่เท้าเหยียบกระทบพื้นนั้นช่างเจ็บปวด...

    ผมสาวเท้าก้าวเดินมาจนถึงหัวมุมตึกที่ลับจากสายตาของเขาแล้วเริ่มออกตัววิ่ง

     

    น้ำตารินไหลลงมาแล้ว...และผมไม่อาจจะฝืนห้ามมันได้...

    ผมวิ่งไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้หยุด...ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าถึงจะวิ่งหนีไปทางไหนหัวใจก็เจ็บปวดอยู่ดี

     

    ผมอยากจะห้าม...ผมอยากจะบอกให้เขาเปลี่ยนใจ...

    อยากจะบอกให้เขามอง หรือพูด หรือยิ้มให้กับคนอื่น...

    แต่ทำไม่ได้ -- ผมมันก็แค่คนขี้ขลาด

     

    ในตอนนี้ผมกลับรู้สึกอิจฉาควอนยูริ...

    เพราะถึงแม้ว่าเธอจะโดนปฏิเสธ แต่เธอก็คงไม่ได้เห็นหรือพูดคุยกับจื่อเทาอีกแล้ว

    ผิดกับผม...ที่ถึงแม้จะบอกเขาหรือเก็บไว้ในใจต่อไปก็มีค่าเท่ากัน

     

    .

    .

    .

     

    เขาเห็นผมเป็นแค่เพื่อนรัก...และจะไม่มีวันเป็นไปได้มากกว่านั้น














    --- ขอทอล์คสั้นๆ ---

    จัน...ฉันหน่วง ;_____;
    มันดราม่ามากเบยจัน ฮรึกกก.




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×