คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : ✚ BE MY L0VE :: CHANYE0L & BAEKHYUN I
Author : MR.$N0WMAN*
Pairing : Park Chanyeol & Byun Baekhyun
Story : Jackboiz
Rate : PG-15
Be my Honey*
‘ Please.....
tell me
.....Why?’
ความรักเป็นเรื่องน่าแปลกนะ...
ทั้งที่รู้ว่ารักกัน...แต่กลับเข้าใจคำว่ารักต่างกัน
ทั้งที่รักเหมือนกัน...แต่กลับแสดงออกต่างกัน
ทั้งที่รักกันแล้ว...แต่ก็ยังไม่เข้าใจกัน
ทำไมกันนะ...ทำไม
นั่นสินะ...ทำไม?
นี่เป็นคำถามที่ บยอน แบคฮยอน ได้แค่เฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาที่เขาเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้
ความรักช่างเป็นเรื่องเปราะบาง...และบางครั้งก็ไร้สาระ
ผมเอาแต่ถามตัวเองว่าทุกวันนี้ผมรักแบบไหน...ทั้งๆ ที่เราก็รักกันแต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าเหนื่อยนัก
แบคฮยอนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร...
บนโต๊ะยังมีอาหารเย็นที่ ปาร์ค ชานยอล เป็นคนโทรบอกเอาไว้ตั้งแต่บ่ายเพราะว่าเขาอยากจะกินมัน
‘แบคฮยอนครับ...วันนี้ทำกิมจิชิเกให้กินหน่อยสิ น้า’
เสียงออดอ้อนของชานยอลที่ส่งมาจากปลายสายโทรศัพท์เมื่อตอนบ่าย
แบคฮยอนจำได้ว่าเขายิ้มแย้มมากแค่ไหนตอนที่ได้ฟัง...และมันผิดจากตอนนี้ลิบลับเลย
‘ยุ่งยากออก...กินอย่างอื่นไม่ได้หรือไง
แถมทำไปนายก็กลับมากินไม่ทันอยู่ดี...ไม่ทำหรอก’ ผมบอกกับเขา
‘วันนี้ฉันไม่มีงานซักหน่อย...อยากจะกลับไปกินข้าวกับแฟนบ้าง
เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาหลายวันแล้วน้า...
ฉันอยากกินกับข้าวฝีมือนายด้วย ทำให้ฉันกินหน่อยนะ
ถ้านายทำให้ฉันกิน...วันนี้ฉันสัญญาว่าจะรีบกลับบ้านเลย’
น้ำเสียงของเขาก็ขี้เล่นเหมือนเคย...เหมือนกับนิสัยของเขานั่นแหละ
เหมือนกับทุกที ที่เมื่อได้ฟังแล้วผมก็ใจอ่อนทุกครั้ง...
‘ลองนายไม่รีบกลับมาสิ...ฉันจะฆ่านายให้ตายเลยปาร์คชานยอล’
‘เย้! จะทำให้กินใช่ม้า...งั้นวันนี้ฉันจะรีบกลับบ้านนะที่รัก
อย่าลืมทำหม้อใหญ่ๆ เลยน้าาาา’
‘อื้ม...แล้วฉันจะทำให้ เอาจนนายพุงแตกเลยล่ะ’
บทสนทนาของเราตอนนั้นช่างมีความสุขซะจริงๆ...จนผมไม่แน่ใจนักว่ามันกลายมาเป็นอย่างนี้ได้ยังไง
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อมองจานอาหารหลายอย่างที่ตั้งอกตั้งใจเตรียมเอาไว้
เตรียมไว้เพื่อหวังว่าเราจะมีเวลาดีๆ ด้วยกัน...
‘แบคฮยอนอ่า...ฉันขอโทษด้วยนะ
แต่ฉันคงกลับไปกินข้าวที่บ้านไม่ได้แล้วล่ะวันนี้’
น้ำเสียงเดียวกันที่ออกมาจากโทรศัพท์เครื่องเดิม...แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกครั้ง
ไม่ได้รู้สึกผิดหวังมากมายขนาดว่าต้องร้องห่มร้องไห้ เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียใจเหลือเกินที่เขาทำแบบนี้...เสียใจ
‘อะไรกัน...ไหนว่าวันนี้ไม่มีงานต่อแล้วไง?’ ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
‘จู่ๆ ท่านประธานก็เรียกให้ฉันเข้าไปคุยกับหุ้นส่วนของเขาล่ะ
ต้องไปร่วมกินอาหารเย็นกับเขา...ฉันจะปฏิเสธก็ไม่ได้
นายเข้าใจฉันใช่ไหมแบคฮยอนนา...ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้จริงๆ นะ’
ถามมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความรู้สึกผิด...แต่ผมไม่แน่ใจนักว่าเขากำลังรู้สึกผิดจริงๆ หรือเปล่า
เพราะถ้าหากว่ารู้สึกผิด...ทำไมเขาถึงต้องทำมันด้วยล่ะ? ทำไมต้องทำให้ผมเสียใจ?...
แต่คำตอบจะเป็นอะไรได้ล่ะ...ผมจะตอบอะไรได้นอกจากต้องเข้าใจเขา
ผมไม่อยากเป็นคนรักงี่เง่าที่ทำให้หน้าที่การงานของเขาต้องเสียเครดิต...
มันดูงี่เง่า...และไร้สาระที่จะทำแบบนั้น
‘อืม... เข้าใจ...’ แต่ไม่ได้อยากเข้าใจเท่าไหร่หรอกนะ...
‘ขอบคุณนะครับแบคฮยอน...ขอโทษด้วยจริงๆ นะ
วันนี้ฉันคงกลับดึกหน่อย แบคฮยอนนอนไปเลยไม่ต้องรอฉันนะ’
‘อืม...’
บทสนทนานี้จบลงไปเกือบๆ จะชั่วโมงได้แล้วล่ะมั้ง
หากแต่ผมยังคงนั่งอยู่ตรงนี้เพื่อครุ่นคิดถึงอะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับเรา
แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าทำไมถึงต้องคิดถึงมันด้วย...เพราะมันรังแต่จะทำให้ผมเสียใจไปโดยไร้ประโยชน์
ปาร์คชานยอลไม่ได้รับรู้ด้วยซักหน่อย...
ผมควรลุกจากตรงนี้เพื่อไปอาบน้ำและนอนซะ
จะได้ไม่ต้องคิดถึงอะไรอีก...แม้แต่ผู้ชายใจร้ายที่ชื่อปาร์คชานยอล
*******
กว่าปาร์คชานยอลจะกลับมาถึงห้องก็เกือบจะตีสองเข้าไปแล้ว
พรุ่งนี้ผมต้องทำงานแต่เช้า...หากแต่เขากลับทำเสียงดังปึงปังจนผมต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาจนได้
เดาได้ไม่ยากเพราะว่าปาร์คชานยอลคงจะเมากลับมาอีกตามเคย...ผมถอนหายใจออกมาและพยายามจะข่มตานอนต่อ
หากแต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมา...เขาก็โถมตัวลงมาทับผมจนผมต้องสะดุ้ง
“ที่รักกกกกกก...คิดถึงจังเลยยยยยยยยยยย”
กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง พร้อมด้วยใบหน้าแดงก่ำนั้นยืนยันว่าปาร์คชานยอลคงดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปไม่น้อย
ผมพยายามจะดันเขาให้ออกห่าง หากแต่ทำได้ไม่เต็มที่นัก เพราะยังคงสะลึมสะลือและไร้เรี่ยวแรง
“เป็นบ้าอะไรของนายน่ะชานยอล...
ลุกออกไปสิ ฉันจะนอน” ผมแหวใส่เขาด้วยน้ำเสียงอู้อี้...เพราะเขาดึงดันที่จะจูบและก้มลงมาดูดเม้มที่ริมฝีปาก
“ไม่เอา...ไม่ให้นอน
ฉันอยากกอดแบคฮยอนของฉัน”
เขาพูดในขณะที่พยายามจะถอดเสื้อนอนของผมออกไป
เรี่ยวแรงที่มากมายของชานยอลทำให้ผมไม่สามารถที่จะหลีกหนีเขาไปได้เลย
“อื้อ...ไม่เอานะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานแต่เช้านะชานยอล”
“ไม่เอาไม่ทนแล้ว...
ฉันอยากกอดแบคฮยอนจนทนไม่ไหวแล้วนะ”
ไม่พูดเปล่าหากแต่ชานยอลยังก้มลงซุกไซร้ที่ซอกคอของผมอย่างเอาแต่ใจ
ผมรู้สึกรังเกียจกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งที่ลอยโชยมาจากลมหายใจของเขา
แต่จะห้ามเขาได้ยังไง ในเมื่อชานยอลไม่ยอมแม้แต่จะให้โอกาสผมได้อธิบายอะไรเลยซักนิด
เขาเลื่อนตัวขึ้นมาประจูบ...ในขณะที่ดึงเอากางเกงนอนของผมออกไป
ผมได้แต่ขมวดคิ้วและพยายามจะดันเขาให้ออกห่าง
หากแต่ทำไม่ได้เลย...ชานยอลแรงเยอะเกินไปที่ผมจะขัดขืน
เหตุผลทั้งหมดเป็นศูนย์เมื่อปาร์คชานยอลกำลังต้องการ...
จาบจ้วง....และเอาแต่ใจ
และสุดท้ายผมจะทำอะไรได้...นอกจากให้เขาทำอย่างที่เขาต้องการ...
.
.
.
ทำตามอารมณ์ปรารถนาและความเอาแต่ใจของเขา...
✚ 50%
มันจบแบบนี้ทุกที...ทำไมนะ
ทั้งๆ ที่รู้ว่ารัก แต่ทำไมเขาไม่ทำให้มันดีกว่านี้
ไม่ต้องบอกว่ารักกันทุกครั้งก็ได้ ไม่ต้องโทรมาทุกวันตอนพักกลางวัน
ขอเพียงแค่เขาให้เวลากับผมบ้างก็เท่านั้น...
ให้เราได้มีเวลาได้นั่งจับเข่าคุยกันบ้าง ได้กินข้าวด้วยกันบ้าง
ให้เราได้มีเวลานั่งดื่มกาแฟ หรือทานไอศกรีมด้วยกัน
หรือแม้กระทั่งดูโทรทัศน์ด้วยกัน...ทำไมเราถึงไม่ทำแบบนั้นกันบ้าง
แทนที่จะบอกรักกันผ่านทางโทรศัพท์ทุกวัน ทำไมเขาถึงไม่มีแม้แต่เวลาที่จะบอกผมต่อหน้าล่ะ...
ผมได้แต่ถามตัวเองว่าทำไม...
“พี่แบคฮยอนเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
เสียงของคยองซูที่ดังขึ้นมาทำให้ผมต้องหันกลับมาสนใจกับหน้าที่ๆ ตัวเองกำลังทำอยู่
ผมมาสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้คยองซูและจื่อเทาเพื่อนของเขา
ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจว่าจะทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราว เพียงแค่อยากจะช่วยไอ้จงอินดูแลคยองซูบ้างก็เท่านั้น
แต่ผมกลับรู้สึกสนุกกับมัน เพราะเวลาที่ได้เห็นคยองซูกับจื่อเทาได้คะแนนดีๆ ในวิชาที่ผมช่วยติวให้เขา
มันเป็นความรู้สึกที่ดี จนผมคิดว่ามันไม่ได้เสียหายที่จะทำต่อไป...
“เปล่านี่ ไม่ได้เป็นอะไร” ผมตอบกลับคยองซูไป เพราะเขากำลังมองมาที่ผมอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“โกหกสินะ...พี่คงไม่รู้ตัวสินะครับว่าคิ้วน่ะแทบจะผูกกันเป็นโบว์อยู่แล้ว”
เป็นจื่อเทาที่ตอบ...เขาขมวดคิ้วและทำหน้าตาไม่เชื่อในสิ่งที่ผมบอกกับเขา
ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพราะไม่ได้คิดจะปฏิเสธอะไร
“ทะเลาะกับพี่ชานยอลอีกแล้วเหรอครับพี่แบคฮยอน?”
คยองซูถามผมขึ้นมาอย่างห่วงใย
น้ำเสียงเล็กๆ ที่ฟังดูเอื้ออาทรของเขาทำให้ผมต้องยกยิ้มออกมาบางๆ
รู้สึกอิจฉาไอ้จงอินขึ้นมาตงิด ที่มีเด็กผู้ชายน่ารักๆ คนนี้อยู่ในบ้านด้วย
“อืม...ก็ไม่ได้ทะเลาะหรอก
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้นะว่าเป็นเรื่องของชานยอล” ผมบอกกับเขา
“คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะครับ?” จื่อเทาถามผม
“ก็เรื่องเดิมๆ นั่นแหละ...จะมีอะไรอีกล่ะ
แต่ช่างเหอะ พวกพี่ไม่ได้ทะเลาะกันนะ
เราเลิกพูดเรื่องนี้แล้วมาคุยกันเรื่องคะแนนของพวกนายกันดีกว่า
เก่งมากเด็กๆ ที่ได้คะแนนท็อป! อาจารย์ของพวกนายน่ะปลื้มมากเลยรู้เปล่า”
ผมพูดพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปขยี้หัวเล็กๆ ของพวกเขา
คยองซูหัวเราะออกมาเอิ๊กอ๊ากและจื่อเทาเองก็ยิ้มร่าเช่นกันที่ผมทำแบบนั้น
“เราต่างหากล่ะครับที่ต้องขอบคุณพี่...
ถ้าไม่ได้พี่ช่วยติว ผมคงไม่ได้ท็อปแบบนี้แน่ๆ” จื่อเทาบอกกับผมพร้อมทั้งยิ้มร่าออกมาจนตาเกือบจะปิด
“พวกนายทำได้ดีต่างหากล่ะ...ฉันก็แค่ช่วยทบทวนให้ก็เท่านั้น
และตามสัญญา พี่จะพาพวกนายไปดูหนัง!”
“เย้!! คยองอยากดู โดราเอม่อน เดอะมูฟวี่!!!” คยองซูตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความร่าเริง
“แหยะ...เด็กอ่ะคยองซู
ฉันจะไม่ยอมดูโดราเอม่อนกับนายแน่ๆ ฝันไปเถอะ” จื่อเทาแหวใส่คยองซูอย่างไม่เห็นด้วยนัก
“อะไรเล่า...ทำอย่างกับนายไม่เคยเด็ก” คยองซูกระชากเสียงใส่จื่อเทาเข้าให้
“ฉันเคยเด็ก แต่ตอนนี้ฉันโตแล้ว
ไม่ได้แอ๊บแบ๊วไปวันๆ เหมือนนายหรอกน่า”
“บอกว่าโตแล้วแต่สมองอย่างกับเด็กป.สี่
นายยังท่องสูตรคูณแม่แปดไม่ได้เลย...ฉันรู้นะ”
คยองซูยกยิ้มเยาะคนเป็นเพื่อนไปอย่างสนุกปาก
หากแต่จื่อเทาไม่ได้เห็นว่ามันสนุกในความคิดของเขาเลยซักนิด
“ย๊า! โด คยองซู!!!”
“ย๊า!!! นายตวาดฉันเหรอ หวาง จื่อเทา!!!!”
“พอเลยๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว...ก็เด็กเหมือนกันจะมาเถียงกันทำไม”
ผมยุติสงครามฝีปากที่เด็กทั้งสองสาดใส่กันแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างเอือมระอาเล็กน้อย
จื่อเทาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วตอบกลับผมมาอย่างไม่ค่อยชอบใจ
“ผมไม่เด็กแล้วนะพี่แบคฮยอน!!” จื่อเทาแหวใส่
“อ่า...ไม่เด็กก็ไม่เด็ก
เลิกทะเลาะกันแล้วดูคำสั่งของนี้เถอะ
ตรงนี้ยากใช้ได้เลยนะ Question tag เนี่ย...”
เมื่อผมลากเด็กทั้งสองคนเข้าสู่บทเรียน บรรยากาศบนโต๊ะของเราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ พวกผมก็จบบทเรียนกันจนได้...
“โอเค...งั้นเราเจอกันอีกทีวันพุธหน้านะ
โอ๊ะ! ไม่ใช่สิ ต้องวันเสาร์นี้สินะ เพราะฉันต้องเลี้ยงหนังพวกนายนี่นา
งั้นเจอกันวันเสาร์ที่โรงหนังตอนบ่ายโมงนะ”
ผมบอกเด็กๆ ในขณะที่พวกเราเก็บข้าวของลงกระเป๋า
คยองซูเดินเอาแก้วไปเก็บในห้องครัวแล้วเดินกลับออกมาเพื่อส่งผม
หากแต่เป็นจื่อเทาที่ถามผมขึ้นมาซะก่อน
“พี่แบคฮยอนจะพาพี่ชานยอลไปด้วยไหม?” จื่อเทาถามผม
“ชานยอลรับปากว่าจะไปด้วยนะ...พี่บอกเขาไว้แล้ว ทำไมเหรอ?”
“ป...เปล่าหรอกครับ... ผม...แค่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะชวนเซฮุนไปด้วยดีหรือเปล่า
แต่เขาไม่ได้ท็อปเหมือนเรานี่นา...ไม่ชวนไปดีกว่า” จื่อเทาบอกกับผม
“เฮ้...ไม่เป็นไรนะ พาเซฮุนมาด้วยก็ได้”
“งั้นเดี๋ยวผมขอไปถามเซฮุนก่อนดีกว่าว่าเขาอยากจะไปกับเราไหม
ถ้าเขาตกลงผมจะพาเขาไปด้วยก็แล้วกันครับ” จื่อเทายกยิ้มตอบผม
ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดพร้อมทั้งยกยิ้มให้เขาบางๆ ด้วย
กำลังจะบอกลาเด็กๆ ทั้งสองคนแต่ไอ้จงอินกลับเดินเข้ามาในบ้านเสียก่อน
“จงอินนนนนน กลับมาแล้วเหรออออออ
เหนื่อยมั้ยครับบบบบบบ”
คยองซูรีบปรี่เข้าไปต้อนรับไอ้จงอินด้วยรอยยิ้มและอ้อมกอดเล็กๆ ที่คล้องได้แค่เอวของไอ้จงอินมันก็เท่านั้น
ผมเห็นไอ้จงอินคลายปมเนกไทด้วยสีหน้าอิดโรยเล็กน้อย แต่รอยยิ้มบางๆ นั้นกลับผุดขึ้นทันทีที่คยองซูเดินเข้าไปหา
เห็นแล้วก็รู้สึกตลกดี...เพราะไอ้จงอินมักจะบอกเสมอให้พวกเราเลิกยัดเยียดคยองซูให้กับมัน
ทั้งๆ ที่ท่าทางของมันน่ะ ไม่ได้รู้เลยว่ามันเองก็ชอบน้องเขาอยู่เหมือนกัน
เพื่อนผมมันงี่เง่าเกินไป...ในขณะที่คยองซูก็แสดงออกมากเกินไปเช่นกัน
แต่ถึงขนาดว่าคยองซูแสดงออกมาชัดเจนขนาดนี้ไอ้จงอินก็ยังไม่รู้ตัวซักที
ผมล่ะไม่แน่ใจและไม่กล้าฟันธงอะไรเลยด้วย...ว่าไอ้จงอินมันงี่เง่าจริงๆ หรือแค่หลอกตัวเองไปวันๆ ก็เท่านั้น
“เหนื่อยมากเลย...กว่าจะประชุมเสร็จเล่นเอาแทบแย่เลยล่ะ” ไอ้จงอินบอกกับคยองซูพร้อมๆ กับที่โอบน้องเขากลับไป
“งั้นจงอินไปนั่งก่อนน้า เดี๋ยวคยองไปเอาน้ำให้นะครับ...รอแป๊ปนึง”
คยองซูพูดก่อนจะปล่อยเอวจงอินออกแล้ววิ่งแจ้นไปที่ห้องครัวอย่างเก่า
จนสุดท้ายเมื่อไอ้จงอินเห็นผมกับจื่อเทา เขาก็เริ่มต้นทักทายอย่างเหนื่อยอ่อนพร้อมทั้งบ่นกระปอดกระแปด
“อ้าว...กูนึกว่ามึงกลับไปแล้วนะเนี่ยแบคฮยอน
วันนี้กูประชุมลากยาวมาตั้งแต่บ่ายเลย เพิ่งเลิกเมื่อกี้เนี้ย เหนื่อยชิบหาย...
อ้าว...นายก็ยังอยู่ที่นี่เหรอ อยู่นานทำไม รีบๆ กลับไปได้แล้วไป”
ไอ้จงอินทำนั่งลงโซฟาแล้วยืดแข้งยืดขา ในขณะที่เอ่ยปากไล่จื่อเทาให้กลับบ้านไปเสียที
การกระทำของไอ้จงอินที่มีต่อจื่อเทาน่ะไม่เคยจะมีมารยาทหรอก
(“จงอิน! พูดกับจื่อเทาอย่างนี้อีกแล้วนะครับ!! นิสัยไม่ดีเลย!!!” คยองซูที่เดินออกมาจากห้องครัวแหวใส่มันเข้าให้)
แต่จื่อเทาก็ไม่ได้สนใจเขาเลยซักครั้ง...อย่างครั้งนี้ก็เช่นกัน
ผมรีบเปลี่ยนประเด็นจากเรื่องนี้ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเถียงกัน
ด้วยการบอกไอ้จงอินไปซะว่าวันเสาร์ผมกับเด็กๆ มีนัดดูหนังกัน
“ไอ้จงอิน...วันเสาร์ไปดูหนังด้วยกันนะมึง
เด็กๆ สอบได้ท็อปอิงค์ กูเลยจะให้รางวัลเขา” ผมบอกกับไอ้จงอินไป
“เออ...ก็ดีเหมือนกันนะ กูไม่ได้ดูหนังมาซักพักแล้วนะเนี่ย”
จงอินพยักหน้าอย่างชอบใจ ดวงตาที่อิดโรยของมันเริ่มมีประกายซุกซนแวบขึ้นมาบ้าง
ผมยกยิ้มอย่างพอใจที่เห็นว่าไอ้จงอินไม่ได้สนใจจะโต้เถียงกับจื่อเทาอีก
(และไอ้จงอินก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเมื่อคยองซูเดินมานั่งอยู่ข้างๆ แทนที่จะไปนั่งอยู่กับจื่อเทาตรงเก้าอี้โต๊ะกินข้าว)
“เออ งั้นวันเสาร์ก็พาคยองซูไปเจอกูที่โรงหนังตอนบ่ายแล้วกัน
กูกับชานยอลจะไปรออยู่ที่โน่น โอเคนะ?”
“โอเคๆ มึงเองก็รีบกลับเหอะ
นี่ก็จะทุ่มครึ่งแล้ว เดี๋ยวไอ้ยอลบ่นคิดถึงล่ะแย่เลย
เดี๋ยวมันจะหาว่ากูเอาเมียมันมาซุกไว้ที่บ้าน”
ไอ้จงอินยกยิ้มแซวขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
ผมได้ยินเสียงจื่อเทาทำนิตยสารที่ถืออยู่ในมือตกเมื่อจงอินพูดอย่างนั้น
( “อย่ามาทำลายข้าวของในบ้านฉันนะโว้ย” ไอ้จงอินแหวใส่)
“เออๆ เดี๋ยวกูจะกลับแล้วล่ะ...
มึงก็รีบๆ กินข้าวซะ คยองซูก็ยังไม่ได้กินเลย มัวแต่รอมึงอยู่เนี่ย
อ้าว จื่อเทา...แม่นายมาพอดีเลยล่ะ...เรากลับไปพร้อมกันเลยเหอะ”
ผมชักชวนจื่อเทาให้ออกจากบ้านไปพร้อมกัน
จนกระทั่งเราร่ำลากันจนเสร็จสรรพ ผมก็ขับรถออกมาอยู่บนถนนจนได้
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อคิดถึงคำที่ไอ้จงอินเอ่ยแซวเอาไว้
อยากจะเถียงเขาใจจะขาด...แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องของผม และมันงี่เง่าเกินกว่าที่ไอ้จงอินจะใส่ใจ
ผมเลยไม่พูดอะไรออกมา นอกจากแย้งอยู่ในใจก็เท่านั้น...
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเหงา...ช่วงก่อนชานยอลอาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ช่วงนี้เขากลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เมื่อก่อนเขารักและหวงผมมาก ข้อนี้ผมยอมรับว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนไป
เขายังรักผมมาก และหึงหวงผมมากจนเกินไปแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่สมเหตุสมผลแค่ไหนก็ช่างเถอะ
แต่ที่เขาเปลี่ยนไปก็คือเขาแสดงออกต่างไปจากเก่า...เพราะตอนนี้เราไม่ค่อยมีเวลาเจอหน้ากันเท่าไหร่นัก...
ผมเองเคยคิดว่ามันจะต้องมาถึงวันนี้เข้าซักวันเหมือนกัน วันที่เราต้องโตและเจอกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้
เราคบกันมาตั้งแต่มัธยม ผมเคยบอกกับตัวเองเอาไว้ว่ายังไงซักวันก็ต้องมีวันที่ความรักของเรามันจืดจางลงไปบ้าง
ในตอนนั้นผมเคยคิดว่าผมคงทำใจรับมันได้...
ก็แหงล่ะสิ ก็ผมคิดเอาไว้ล่วงหน้าเอาไว้เล่นๆ ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนี่นา
แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว...ผมกลับพบว่าถึงแม้ว่าจะทำใจมานานแค่ไหน พอเราได้เจอกับมันเข้าจริงๆ เราก็เจ็บอยู่ดี...
เราโตขึ้นจากวันวาน...มีหน้าที่ๆ ต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งคู่
ชานยอลเป็นผู้ชายที่ชอบทำกิจกรรมมาตั้งแต่สมัยเรียน ไม่แปลกหรอกที่เขาจะทุ่มเทให้กับเรื่องงานมากเป็นพิเศษ
ทั้งๆ ที่ผมคิดได้อย่างนี้ แต่ผมกลับมีอีกมุมหนึ่งในใจที่ขัดแย้งกับมันและเอาแต่ตั้งคำถาม
เอาแต่ถามว่า...ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาก็บ้างานเหมือนกัน...
แต่ทำไมตอนนี้เรากลับแตกต่างจากวันนั้นราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ?
ผมไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย...ออกจะเป็นคนร่าเริงและคิดบวก
ผมเลยเอาแต่บอกกับตัวเองว่างานของเขาก็เติบโตขึ้นตามวัยอยู่แล้ว ถ้ามันจะมีอะไรเปลี่ยนไปมันก็ไม่แปลกไปหรอก
มันก็ดีเหมือนกันที่ผมเอาแต่บอกกับตัวเองอย่างนี้...
เพราะถ้าผมไม่ใช่คนแบบนี้...ผมคงเลิกกับเขาไปนานเป็นปีได้แล้วล่ะมั้ง...
ผมพยายามไม่คิดอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องคิดมาก
ทั้งๆ ที่ผมรู้ดีว่าเราสองคนเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อผมตัดสินใจที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเราพัฒนาไปอีกขั้น
ผมพาเขาไปแนะนำกับที่บ้าน...และตั้งแต่นั้นมาชานยอลเองก็เปลี่ยนไป
ผมเคยเผลอคิดน้อยใจไปเองบ้างเป็นบางครั้ง...ว่าเขาคงไม่อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์จนถึงขั้นที่ต้องพาไปพบกับพ่อแม่
ผมคิดว่าเขาคงอยากให้เราคบกันแบบไม่จริงจัง แต่ท่าทางของเขากลับจริงจังมากกว่าที่จะทำให้ผมคิดอย่างนั้น
เพราะเขาเองก็ดูตื่นเต้นและตื่นตัวทุกครั้งที่พ่อและแม่ของผมชวนให้ไปกินข้าวที่บ้าน
ผมเลยตัดสินใจตัดข้อสงสัยเรื่องนี้ไปในที่สุด...แต่ก็ไม่ได้ลบมันออกไปจากใจ
พูดกันตามจริงแล้ว...ผมยังหาสาเหตุไม่เจอเลยด้วยซ้ำว่าเราห่างกันเพราะอะไร
ผมไม่คิดว่าเขากำลังมีคนใหม่ เพราะผมยังไม่เคยเห็นหลักฐานอะไรที่ต้องคิดอย่างนั้น
จะมีแค่เรื่องงานเท่านั้นแหละที่ผมมองเห็น...และทำให้ผมต้องอึดอัดใจจนจะบ้าตายอย่างนี้
ถ้าหากว่าเราเปลี่ยนไปเพราะเรื่องคนอื่น ผมว่ามันคงจะจัดการง่ายซะกว่า
เพราะถ้าหากเป็นคนอื่น ผมคงรู้ตัวว่าต้องทำยังไงต่อไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่ถ้าเป็นเรื่องงานแล้ว...ผมกลับกลายเป็นฝ่ายที่ทำอะไรไม่ได้เลย
ผมไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปยุ่มย่าม และไม่มีสิทธิจะเรียกร้องอะไรเพราะนั่นคืองานของเขา
เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะมันเป็นงานไง...
นี่แหละถึงได้ทำให้ผมอึดอัด...และรู้สึกว่ามันค้างๆ คาๆ อยู่ที่เก่า
เรายังคงรักกัน...แต่ความสัมพันธ์ของเราแค่ไม่เหมือนเดิม...
สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ก็คือการอดทนรอนั่นแหละ...
รอให้ซักวันที่หน้าที่การงานของเขามั่นคงแล้วนั่นแหละ เราก็อาจจะดีขึ้นมาได้บ้าง...
ผมไม่รู้หรอกว่าต้องอดทนไปอีกนานแค่ไหน...แต่ก็ได้แต่คิดและพร่ำบอกกับตัวเองเอาไว้
.
.
.
ถ้ายังรักก็ต้องยังไหวสิ บยอนแบคฮยอน...
*********
ผมกลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์และก็พบกับบรรยากาศเช่นเดิม
ปาร์คชานยอลยังคงไม่กลับมา...เพราะเขาเองติดงานและโอทีของเขาจนดึกดื่นแบบนี้ตลอด
ในอาทิตย์หนึ่งก็คงจะมีแค่สองวันที่เขาไม่ทำโอที...นอกนั้นก็เป็นแบบนี้
ทำงาน เคลียร์งาน ต้องไปกินเลี้ยงกับลูกค้า...วันๆ เขาก็เอาแต่โทรบอกผมแบบนี้นั่นแหละ
อยากจะโกรธแต่จะทำอะไรได้ล่ะ...ก็ทำได้แค่น้อยใจกับตัวเองแบบนี้
ผมตัดสินใจหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดขึ้นต่อสายหาเขาจนได้
นี่ก็ใกล้จะสามทุ่มเต็มที...ผมคิดว่าเขาคงจะใกล้จะเลิกงานแล้วล่ะ
“มิสเตอร์ปาร์ค...เลิกงานหรือยังครับ?” ผมถามเขาเมื่อชานยอลกดรับสาย
“อื้ม...อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วล่ะที่รัก
ที่รักจะเอาอะไรเหรอ เดี๋ยวฉันซื้อเข้าไปให้นะ” ชานยอลถามผมกลับมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
“ไม่เอาอะไรหรอก...ฉันแค่จะโทรมาถามว่านายกินข้าวหรือยัง” ผมถามเขากลับไป
“อ่า...นั่นสิ ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลยนี่นา” ชานยอลบ่นอุบอิบออกมาเมื่อผมถามเขา
“บ้าจัง...ออกมาก็หาอะไรกินด้วยนะ
ที่ห้องไม่มีอะไรเลย นายแวะซื้อเข้ามาหรือกินแวะกินระหว่างทางกลับก็ได้นะ”
“แล้วนายกินแล้วเหรอแบคฮยอน? ให้ฉันซื้อเข้าไปเผื่อไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันกินมาตั้งแต่ก่อนไปสอนคยองซูแล้วล่ะ
วันนี้เหนื่อยมากเลย...เดี๋ยวกะว่าจะอาบน้ำนอนแล้ว” ผมบอกกับเขา
“ง่า...ฉันอยากกอดนายจังเลยแบคฮยอนอ่า” ชานยอลพูดกับผมด้วยน้ำเสียงติดจะงอแงเล็กน้อย
“วันนี้ไม่ได้หรอกนะชานยอลอ่า...
ฉันเหนื่อยมากเลย และพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นเช้าด้วย
นายเข้าใจฉันใช่ไหม?” ผมบอกกับเขา
“อื้ม...งั้นไม่เป็นไร ฉันแค่คิดถึงนายมากๆ ก็เท่านั้นแหละ
ว่าแต่โทรมานี่มีอะไรหรือเปล่าครับหืม?” ชานยอลถามผมกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
“ก็ว่าจะโทรมาเตือนว่าอย่าลืมนัดของเราวันเสาร์นี้นะ
นายตื่นไม่เคยทันฉันออกจากห้องเลย ฉันกลัวว่านายจะลืม”
ผมเตือนย้ำเขาถึงนัดที่เราคุยกันไว้เกือบจะครบอาทิตย์ได้แล้ว
น่าตลกดีใช่ไหมครับ? อยู่ด้วยกัน นอนด้วยกันทุกวัน
แต่เรากลับไม่มีแม้แต่เวลาจะคุยกันเลยซักนิด...
“อื้มม ไม่ลืมหรอกครับ...วันเสาร์เราต้องได้ไปเดทกัน!”
ชานยอลพูดออกมาพลางหัวเราะเบาๆ ตอบกลับผมมา
ผมยกยิ้มออกมาบางๆ เมื่อได้ยินว่าเขารับปากอย่างนั้น
“อืม....ดีแล้วล่ะ งั้นก็รีบๆ กลับมานะ”
ผมบอกกับเขาทิ้งท้ายด้วยเสียงอันแผ่วเบา
แม้ว่าถึงบอกไปก็ไม่ได้ช่วยให้เขาตัดสินใจพับงานของเขาลงไปก็เถอะ...
“ครับ...เดี๋ยวจะรีบกลับเลยน้า
จะรีบบึ่งรถกลับไปเลย เผื่อว่าที่รักของยอลยังไม่หลับ
เราจะได้กู๊ดไนท์คิสกันซักนิดหน่อยก็ยังดี”
เขาหัวเราะคิกคักและพูดให้ความหวังกับผม...
แน่ล่ะครับ...ผมเรียกมันว่าเป็นการพูดให้ความหวัง
เพราะผมรู้ดีว่ายังไงเขาก็กลับมาไม่ทันอยู่แล้ว
“อื้ม...งั้นก็รีบกลับมาสิ ไม่งั้นอดคิสนะ” แต่ผมก็ยังพูดไปแบบนั้นอยู่ดี...
“รออยู่ตรงนั้นเลยนะแบคฮยอนอ่า...
ฉันไม่พลาดกู๊ดไนท์คิสแน่ๆ นับถอยหลังได้เลย”
ผมยกยิ้มเมื่อในที่สุดแล้วเราสองคนก็ต่างพากันล่ำลาแล้วกดวางสายไป
ผมหัวเราะออกมาอย่างขันๆ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
น่าตลกดีเหมือนกันนะครับ...ทั้งๆ ที่ผมรู้ดีว่าเขาน่ะมาไม่ทันหรอก
.
.
แต่ผมเองกลับคิดว่าผมควรจะรอ...อย่างที่เขาอยากจะให้รอ
************
เข็มนาฬิกาเดินไปเรื่อยๆ จนย่างเข้าเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ ใกล้จะห้าทุ่มเต็มทีแล้ว
ตาของผมกำลังจะปิดเพราะความอ่อนล้าและเหน็ดเหนื่อยจากงานที่ทำมาทั้งวัน
รู้ตัวดีว่ากำลังรอคอยอะไรที่ไร้สาระ แต่ผมเองกลับยังดื้อรั้นและฝืนตัวเองไปแบบนี้
ผมเอาแต่นับกับตัวเอง...
บอกกับตัวเองว่าจะให้เวลาเขาอีกแค่ห้านาทีเท่านั้น จนกระทั่งต่อเวลาไปเรื่อยๆ มาเป็นชั่วโมง
จากห้านาที เป็นสิบนาที...บอกตัวเองว่าอีกแค่สิบนาทีจะไม่รอแล้ว แต่ก็ยังคงนั่งรอไปเรื่อยๆ...
จนมาถึงจุดๆ หนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเกินลิมิตที่ตัวเองจะทนฝืนได้
ผมจึงตัดสินใจปิดทีวีและปิดไฟในห้องโถง จนเหลือแค่ไฟดวงเล็กๆ ในห้องครัวเท่านั้น
ยกยิ้มกับตัวเองแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างเชื่องช้า...
เอาแต่คิดว่ามันคงจะดีถ้าจะรีบๆ นอนไปให้หลับสนิทซะจะได้หายเหนื่อยอย่างที่ตั้งใจซักที
แต่ความจริงแล้วผมแค่อยากจะบอกตัวเองไม่ให้เสียใจมากกว่า
บอกตัวเองว่าอย่าเสียใจ...ไม่มีประโยชน์อะไรนี่นา
.
.
มันเชื่อไม่ได้อยู่แล้วนี่นา...กับคำสัญญาของปาร์ค ชานยอล
✚ TALK
ครบ 100% แล้วนะคะ...ทำไมเหนื่อยจังเลย T T
สงสารแบคฮยอนมากค่ะ อดทนหน่อยนะคะน้องแบค
ตอนนี้ยาวมากเลยเนอะ ตอนแรกที่ว่าลง 50% เลยดูสั้นไปเลยค่ะ
เลยลงเอาไว้เป็น 150% เลย เพราะที่มันต่อมันยาวมากอย่างกับเป็นตอนนึงเลยแหน่ะ 5555555
ขออนุญาติประกาศหน่อยค่ะ...
ใครที่ยังไม่ได้โอนเงินค่าฟิคน้องคยอง รบกวนติดต่อนมน.เพื่อยกเลิกหรือเลื่อนโอนเงินด้วยนะคะ
ตอนนี้คนไม่โอนเงินมามีเยอะมากค่ะ ประมาณ 34 คน
ถ้าหายไปแบบไร้สาเหตุนมน.จะตัดเข้ารายชื่อขึ้นบัญชีดำนะคะ
เพราะงั้นรบกวนติดต่อหน่อยค่ะ ที่ @SunnySnowman ค่ะ
สำหรับคนที่เพิ่งสั่งจองเข้ามา
นมน.ขออนุญาติแจ้งว่าวันโอนเงินวันสุดท้ายคือวันที่ 22 มกราคม นะคะ...
รบกวนรีดเดอร์เข้าไปเช็คที่หน้าแฟนเพจบ่อยๆ ด้วยนะคะ
เผื่อนมน.จะแจ้งข่าวหรือชี้แจงอะไร นมน.ไม่อยากจะตอบซ้ำๆ หลายๆ รอบค่ะ...
บางทีก็ไม่มีเวลาตอบ ก็กลัวว่าจะโกรธกันอีก
เพราะงั้นรบกวนนะคะ รบกวนเข้าไปอ่านประกาศในหน้าแฟนเพจด้วยค่ะ
ลิงค์แฟนเพจ >>> MR.$N0WMAN FANPAGE
ขอบคุณมากๆนะคะที่เข้าใจ...
- ไรเตอร์นมน. -
ความคิดเห็น