คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : ✚ BE MY BABY :: THE END -- 100%
Author : MR.$N0WMAN*
Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo
Story : Jackboiz
Rate : PG-15
Be my Baby*
จงอินกำลังหอบหายใจฮักจากเล่นสควอชอย่างหนักหน่วง เพราะเขาทิ้งช่วงมันไปหลายวันกับการต้องมาตามเอาใจคยองซู
เราเดทกันบ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วนเลยพักนี้ แน่นอน...รวมถึงเรื่องบนเตียงด้วย
คยองซูตอบสนองความต้องการข้อนี้ได้อย่างไม่มีอิดออดแม้เขาจะเล่นตัวบ้าง (อันความจริงก็เล่นตัวบ่อยอยู่เหมือนกัน)
แต่จงอินกลับมองว่าเด็กมันกำลังยั่วให้เร่งเผด็จศึกเสียทีมากกว่า
คยองซูมีลีลาและน่าค้นหาเสมอ และนี่ล่ะคือเหตุที่ตอนนี้จงอินกลับยิ่งหลงน้องเขาหัวปักหัวปำ
“อ่อนชะมัด...แค่นี้เหนื่อยแล้วหรือไง?
มัวแต่ทำอะไรลามกอยู่ล่ะสิถึงได้ไร้เรี่ยวแรงขนาดนี้”
ลีแทมินถามอย่างไม่สบอารมณ์นักในขณะที่เดินออกมาจากห้องสควอชพร้อมกับจงอิน
เขาแปะมือให้จงแดกับชานยอลได้เข้าไปเล่นแทน
เพราะว่าท่าทางจงอินนั้นจะไม่ค่อยไหวเลยยอมยกธงและออกมาพักให้หายเหนื่อยก่อน
แทนที่จะเขินอายทว่าจงอินกลับไหวไหล่ขึ้นอย่างไม่แคร์อะไร
“ก็ช่วยไม่ได้ ฉันยังหนุ่ม
มีรอบแรกก็ต้องมีรอบที่สอง สาม สี่ ไปเรื่อยๆสิ ไม่ได้หมดแรงง่ายอย่างนายนี่”
จงอินพูดพลางแสยะยิ้มที่มุมปาก
ก่อนจะยักไหล่แล้วคว้าขวดน้ำจากมือแทมินขึ้นมาดื่มอย่างกระหาย
แทมินเบะปากใส่คนที่ทำท่ามั่นอกมั่นใจอย่างรู้สึกหมั่นไส้
แค่เอาเหอะ...ฉันจะถือซะว่านายอยู่ในห้วงแห่งความรักก็แล้วกัน”
แทมินตอบกลับมาก่อนจะเอนหลังอิงพนักเก้าอี้เพื่อพักเหนื่อย
จงอินหอบฮั่กจนแทบจะหายใจไม่ทัน หากแต่เมื่อได้ดื่มน้ำเข้าไปเล็กน้อยอาการของเขาจึงเริ่มดีขึ้นมาอย่างช้าๆ
เขากับแทมินกลายมาเป็นเพื่อนกันอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อสุดท้ายแล้วแทมินได้พิสูจน์ตัวตนให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้ต้องการจะงาบจงอินอย่างที่เข้าใจ
และที่สำคัญก็คือ...เขามีแฟนอยู่แล้วเป็นตัวเป็นตนแล้วด้วย แถมยังหล่อและรวยกว่าจงอินเสียอีก เหอะๆ...
“เออ...ว่าแต่คยองซูจะไปอเมริกาวันไหนนะ?
ฉันเห็นนายบ่นๆ อยู่วันนั้นแต่จำไม่ได้” แทมินถาม
“มะรืนนี้...หลังจากปาร์ตี้วันเกิดของเราทั้งสองคนพรุ่งนี้น่ะ
ปกติแล้วเราจะจัดปาร์ตี้วันที่ 13 แต่คยองซูต้องเดินทางวันที่ 12 เพื่อไปฉลองวันเกิดกับครอบครัวเขาที่โน่น
ว่าแต่...พรุ่งนี้นายจะมาปาร์ตี้ที่บ้านกับพวกเราใช่ไหม?”
ผมถามแทมินก่อนจะเขวี้ยงขวดน้ำที่ว่างเปล่าลงไปในถังขยะ...และเบะปากออกมาเมื่อมันไม่ลงตามที่ผมคาดไว้
แทมินหัวเราะเยาะเย้ยกับเรื่องนี้เล็กน้อย หากแต่เราสองคนก็ยังไม่หลุดไปจากประเด็น
“ไปสิ...ตั้งแต่คืนนี้ฉันจะไม่กินอะไรเลย รอไปฟาดพรุ่งนี้เลยทีเดียว” แทมินบอก
“ได้เลย...เดี๋ยวฉันจะคอยดู” จงอินก็ตอบกลับไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม
หลังจากส่งเสียงเชียร์ไอ้ชานยอลกับไอ้จงแดได้อยู่ซักเกมส์สองเกมส์
ประตูห้องสควอชก็ถูกเปิดออกโดยฝีมือคนตาหวานและพี่ๆ อีกสองคนที่พากันออกไปช็อปปิ้งที่ห้างใกล้ๆ
จงอินยกยิ้มทันทีที่ได้เห็นว่าน้องเขาถือเอาน้ำผสมเกลือแร่มากฝากตนเองด้วย
“เหนื่อยไหมครับจงอิน?
คยองซื้อน้ำเกลือแร่มาฝากด้วยน้า” คยองซูเดินเข้ามานั่งข้างๆ เขาพร้อมรอยยิ้ม
“เหนื่อยมากเลยอ่า...นี่ก็รอนายซื้อมาให้เนี่ยล่ะ รู้ใจจัง” ผมไม่พูดเปล่าหากแต่ยกแขนขึ้นไปคว้าไหล่ของน้องเขามาโอบด้วย
“งื้ออ...ไม่เอานะจงอิน เหม็นเหงื่อครับ”
คยองซูตอบกลับมาพร้อมๆ กับท่าย่นจมูก แต่เขากลับไม่ได้หลีกหนีอ้อมกอดของผมอย่างที่ควรจะทำ
ผมหัวเราะร่วนแต่ก็ยังโอบไหล่น้องเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเช่นกัน
“ก็พี่เหนื่อย...อยากจะกอดนายให้หายเหนื่อยนี่นา” ผมพูดอ้อนหากแต่แทมินกลับแหวออกมาซะก่อน
“แหม...เล่นไปได้แค่สองเกมส์ยังจะกล้าบ่นว่าเหนื่อย
อย่าไปเชื่อจงอินมันนะคยองซู สำออยสุดๆ”
แทมินเริ่มเบะปากอย่างหมั่นไส้แล้วเริ่มฟ้องคยองซูทันที
ผมแยกเขี้ยวใส่แทมิน เมื่อได้ยินน้องเขาหัวเราะแล้วยกมือฟาดผมที่ต้นเขาเบาๆทีหนึ่ง
“ฮ่าๆๆ อะไรกันครับจงอิน ไหนบ่นว่าอยากออกกำลัง
แล้วทำไมถึงเล่นแค่สองเกมส์เองล่ะ?” คยองซูถาม
“ก็มันเหนื่อยนี่นา...ไม่มีแรง อีกอย่างก็รอนายอยู่เนี่ยแหละ” ผมบอกไปยิ้มๆ
“หืม? เกี่ยวอะไรกับคยองล่ะครับ?” น้องเขาถามอย่างไม่เข้าใจ คิ้วหนายกขึ้นอย่างน่ารัก
“ก็คยองเป็นแรงใจของพี่นี่นา...”
ผมตอบเขาไปด้วยเสียงแผ่วหวาน
คยองซูยกยิ้มจนตาปิดก่อนจะเอี้ยวมาจูบที่แก้มของผมทีหนึ่งอย่างไม่รังเกียจเหงื่อใสๆ ที่ยังคงประปรายอยู่เต็มหน้า
“แหวะ...เลี่ยนชิบหาย กูว่าเราคงต้องรีบแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันแล้วล่ะ
ไม่งั้นสงสัยจะได้ดูหนังโป๊กันตรงนี้แน่ๆ”
แบคฮยอนบ่นออกมาเมื่อชานยอลและจงแดที่เล่นจบเกมส์ไปหยกๆ พากันเดินออกมาจากห้องกระจก
และเป็นขณะเดียวกับที่แบคฮยอนยื่นผ้าขนหนูไปให้ชานยอลได้ซับเหงื่อด้วย
“เอาน่า...ช่างมันเหอะแบคฮยอนอ่า
มันก็คงอยากจะสวีทกับแฟนมันบ้างอะไรบ้างนะ
ก็อยู่ที่บ้านพ่อตาคุมตลอดเลยนี่นา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ชานยอลและเพื่อนๆ ในกลุ่มหัวเราะกันครืนไม่เว้นแม้กระทั่งคยองซูด้วย
หากแต่จงอินกลับทำหน้าตาบูดบึ้งบอกบุญไม่รับเมื่อเป็นจริงอย่างที่ชานยอลพูดอย่างนั้น
“โห พูดแล้วก็เซ็ง...
ช่วงนี้คุณโดไม่กินยอมเบียร์ก่อนนอนเลยซักวัน! แถมยังทำงานจนดึกดื่นอีกต่างหาก!!
ไม่ได้การละ วันนี้กูต้องมอมเบียร์คุณโดเพื่อภารกิจลักหลับเมียเด็ก!
กูต้องได้สิทธินั้นของกูกลับคืนมา!”
เพี๊ยะ!!
“นั่นป่ะป๊าคยองนะครับจงอิน!”
คยองซูแหวพลางค้อนใส่จงอินทีหนึ่งเมื่อเขาพูดอย่างนั้น
เพื่อนๆ พากันหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าพี่มันโดนรังแกซะอย่างนั้น
“เฮ้ย...เมียเด็กมึงดุว่ะจงอิน
สู้อ้วนน้อยกูไม่ได้ ไม่ดุเลยนะ
แต่ถ้าตบได้ตบ ด่าได้ด่า น่ารักซะไม่มี” ไอ้จงแดถือโอกาสนี้เอ่ยแซวมินซอกอย่างสนุกปาก
“แล้วนายอยากโดนฉันตบต่อหน้าเพื่อนๆไหมล่ะครับคิมจงแด”
มินซอกพูดผ่านไรฟัน พร้อมทั้งถลึงตาเล็กๆ ใส่จงแดด้วยอย่างคาดโทษ
“อู้ยยย ใครจะอยากโดนตบล่ะครับอ้วนนนน
ว่าแต่ทำไมนายไม่หาผ้าขนหนูให้ฉันบ้างอ่า? น้ำเกลือแร่อย่างไอ้จงอินก็ได้”
จงแดเดินเข้าไปโอบบ่ามินซอกเอาไว้แล้วพูดอ้อน
แต่เห็นได้ชัดว่าท่าทางออดอ้อนนี้ยังไม่ได้ทำให้มินซอกเห็นว่าน่ารักซักเท่าไหร่
“ก็ทำตัวอย่างนี้ใครจะอยากให้ล่ะฮึ!
เอ้า! เอาไป...”
มินซอกแหวใส่เสียงเข้ม
หากแต่วินาทีต่อมากลับยื่นเอาผ้าเย็นไปให้จงแดแบบกึ่งค้อนกึ่งเขิน
ไอ้จงแดล่ะยิ้มร่าเลยครับที่ได้เห็นอย่างนั้น...
“โอ้...อ้วนเป็นงี้พี่รักตายเลย
เดี๋ยววันนี้เลี้ยงจะข้าวนะครับนะ
ถ้านายอยากกินอะไรจะพาไปกินทุกอย่างเลย”
จงแดพูดพร้อมทั้งยิ้มร่า มันส่งมือขึ้นไปยีหัวอ้วนน้อยของมัน
จนมินซอกต้องหลุดยิ้มออกมาจนได้
“โอ้ยตาย...อยากจะบ้าตาย
พวกนายนี่สวีทกันรับปีใหม่เลยนะ มาหวานกันเป็นคู่ๆ เลย
ฉันยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้นะโว้ย เกรงใจกันบ้างเด่ะ”
แทมินเดินเข้ามากลางวงแล้วจับมินซอกกับจงแดให้แยกออกจากกัน
ทุกคนหัวเราะออกมาเมื่อท่าทางของแทมินนั้นมันดูน่าตลกจริงๆ
ชานยอลและแบคฮยอนจึงตัดสินใจยุติสถานการณ์โดยการแนะนำให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน
“เออน่า...เอาเป็นว่าพวกเรารีบกลับบ้านกันเหอะ นี่ก็ค่ำแล้ว
ไอ้จงแดมันจะได้พามินซอกไปกินข้าวด้วย เดี๋ยวจะดึกเอาซะก่อน”
แบคฮยอนเป็นคนพูดขึ้นมา
และเขาก็ก้มลงเก็บของส่วนตัวของชานยอลลงกระเป๋าด้วย
คยองซูเองก็เช่นกัน เมื่อเขาเห็นแบคฮยอนทำอย่างนั้น
คยองซูเลยจัดการเก็บเอาพวกข้าวของๆ จงอินลงกระเป๋าบ้าง
ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะแยกย้ายกันกลับ และไม่มีใครที่ทักท้วงอะไรขึ้นมาอีก
จนกระทั่งประมาณห้านาทีให้หลัง ทุกๆ คนจึงพากันแยกย้ายไปตามรถของตัวเองเพื่อกลับบ้าน
“กูไปแล้วนะพวกมึง...ไว้พรุ่งนี้เจอกันที่ปาร์ตี้ครับ”
จงแดและมินซอกเป็นฝ่ายที่จากไปก่อนเพราะพวกเขาจอดรถอยู่ใกล้มากที่สุด
และเมื่อทุกคนบอกลามินซอกและจงแดเสร็จก็เป็นฝ่ายของแบคฮยอนและชานยอลที่โบกมือลาทุกคนบ้าง
“งั้นพวกกูไปก่อนนะ อย่าลืมมอมเบียร์พ่อตานะไอ้จงอิน
ไม่งั้นคืนนี้อดแน่ครับมึง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ชานยอลพูดพลางหัวเราะร่า และตบบ่าจงอินไปด้วย
“โอ๊ย! พี่ชานยอล!! อย่าให้ท้ายจงอินสิครับ!”
คยองซูแหวใส่ชานยอลเบาๆ หากแต่ชานยอลก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก
นอกจากจะคว้ามือแบคฮยอนแล้วเดินออกไป โดยไม่ลืมตะโกนบอกลาทุกคนอีกครั้ง
“งั้นไปล่ะนะ แล้วเจอกัน!” เขาพูดแล้วเดินจากไป
“แล้วนี่พี่แทมินกลับยังไงล่ะครับเนี่ย? พี่มินโฮยังไม่มารับอีกเหรอ?”
คยองซูเป็นคนถามขึ้นมาเมื่อสุดท้ายแล้วเหลือแค่เพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่ยังอยู่ตรงนี้
“อ้อ...เห็นว่าใกล้จะถึงแล้วล่ะ เมื่อกี้ตอนออกจากห้องพี่ก็โทรตามแล้วนะ
เขาก็บอกว่ากำลังจะถึง อ๊ะ! นั่นไง...ทางนี้ครับมินโฮ”
แทมินมุ่ยหน้ากับโทรศัพท์เมื่อกำลังง่วนกับการกดเบอร์หาคนรัก
หากแต่เงยหน้าขึ้นมา เขากลับพบว่า ชเว มินโฮ นั้นกำลังเดินมาทางเขา
“โชคดีจังเลย...พี่แทมินจะได้ไม่ต้องคอยนาน” คยองซูพูดยิ้มๆ ก่อนจะค้อมหัวเพื่อทักทายมินโฮ “สวัสดีครับพี่มินโฮ”
“สวัสดีครับคยองซู จงอิน โทษทีนะ...เพิ่งมาถึงน่ะ
เราจะกลับกันเลยไหมครับแทมิน?”
มินโฮเมื่อมาถึงก็โปรยยิ้มให้กับทุกคนแล้วเดินมาคว้ากระเป๋าของแทมินมาถือเอาไว้ทันที
และแทมินเองก็เช่นกัน...เมื่อมินโฮสืบเท้าเข้ามา เขาก็ยกแขนขึ้นคล้องกับคนที่โปรยยิ้มหวานมาทันที
“กลับเลยดีกว่าครับพี่มินโฮ
อย่าอยู่นานเลย รบกวนเวลาหวานของสองคนนี้เปล่าๆ”
แทมินเอ่ยแซว และดูเหมือนว่ามินโฮจะเข้าใจดีเสียด้วยสิ
เพราะทันทีที่แทมินพูดออกมา มินโฮถึงขั้นระเบิดหัวเราะออกมาทันทีเลยล่ะ
“โอ้...โอเค พี่ก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ วันนี้ไม่ได้ทักกันเลย
แทมินบอกพี่ว่าพรุ่งนี้มีปาร์ตี้ที่บ้านใช่ไหมครับ?
งั้นเอาไว้เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะครับจงอิน คยองซู”
“บ๊ายบายนะครับ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ”
พูดจบแทมินก็เริ่มต้นลากมินโฮให้เดินออกไป
และตลอดทางนั้น มินโฮและแทมินก็หัวเราะกันคิกคักตลอดทางจนลับตาไป
“อืม...พี่มินโฮนี่หล่อจังเลยนะจงอิน คยองชอบพี่มินโฮล่ะ”
“อะไรนะ! โอ้มายก๊อดดดด
ไม่ทันไรนายก็จะนอกใจฉันแล้วเหรอ?!!”
จงอินแหวใส่เสียงแข็งทันทีที่คยองซูพูดออกมา
น้องเขาตีหน้ามุ่ยไปนิดหน่อย ก่อนจะยกมือขึ้นมาตีที่บ่าของจงอินเบาๆ
“บ้าเหรอครับ...ไม่ใช่ซักหน่อย
คยองแค่หมายความว่าคยองชอบพี่เขาเพราะพี่เขาหน้าตาดีต่างหาก
ไม่ได้หมายความว่าจะนอกใจซักหน่อยนี่นา...”
“ก็นั่นแหละ...นายเห็นผู้ชายคนอื่นหล่อกว่าฉันได้ไงอ่า ฉันไม่ยอม”
“อ้าว...ก็พี่มินโฮเขาหล่อกว่าจงอินจริงๆ นี่นา”
คนเป็นน้องตอบกลับไปตามประสาและเพราะว่าตั้งใจอยากจะแกล้งจงอินซักหน่อย...
หากแต่นั่นทำให้จงอินกลับหายใจฮึดฮัดอย่างอารมณ์เสีย
ก็ไอ้การที่ได้ยินแฟนตัวเองบอกว่าคนอื่นหล่อกว่าตัวเองนี่มัน...
ฮึ้ยยยยย น่าหงุดหงิดที่สุดเลย!
“งั้นก็แล้วแต่นาย...พี่จะกลับบ้านแล้ว
อยากจะอยู่ตรงนี้เพ้อหาผู้ชายคนไหนก็แล้วแต่เถอะ!”
“โธ่...จงอิน!”
จงอินกระชากเสียงแล้วคว้ากระเป๋าของตัวเองเดินแล้วเดินไปที่รถ
คยองซูกลอกตาไปมาเพราะจนตรอกที่ดันไปทำให้พี่เขาหึงขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจซะได้
รีบสาวเท้าเดินตามพี่เขาไปที่รถ และพยายามจะคล้องแขนพี่เขาเดินแต่ก็ไม่ได้ผล
จงอินกลายเป็นเด็กงอแงไปเลยเมื่อเขากำลังหึงแบบนี้
*********
จนกระทั่งเมื่อไปถึงที่รถแล้วทั้งสองคนก็นั่งเงียบกันตลอดทาง
จงอินไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมาอีก และคยองซูที่ในตอนแรกก็พยายามจะออดอ้อน
แต่เมื่อจงอินทำท่าไม่รับรู้ไม่สนใจก็เลยหยุดไปในที่สุด
แต่ตกอยู่ในความเงียบนานไปก็ทำให้คนที่เป็นต้นเหตุเริ่มอึดอัด
คยองซูหันกลับไปมองคนเป็นพี่ที่ตอนที่ทำหน้าบูดและเคาะพวงมาลัยเล่นอยู่ข้างๆแล้วเริ่มพูดต่อไปอีกครั้ง
“จงอินอ่าาา...จงอิน” คยองซูพยายามเรียก
“..................” แต่ก็เป็นอีกครั้งที่จงอินไม่ตอบกลับ
“จงอินนี่...คยองขอโทษนะครับ
คยองไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย อย่าโกรธคยองเลยน้า”
ไม่ได้แค่พูดอ้อนเปล่าๆ แต่คยองซูกลับเอนตัวไปเกาะแขนพี่เขาไว้แล้วเริ่มใช้แก้มถูไถไปมาที่ต้นแขนพี่เขาด้วย
จงอินทำแค่เหล่หางตามามองก่อนจะพ่นลมหายใจฟึดฟัดออกมาทางจมูก
อ่า...ขนาดว่าอ้อนสุดชีวิตก็ยังไม่หายเลย
แล้วคยองซูจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?
“โธ่...จงอิน คยองชมพี่มินโฮก็จริง แต่มันก็เป็นแค่คำชมนะครับ
คนที่คยองรักก็มีแค่จงอินคนเดียวนะ
และสำหรับคยองแล้ว....จงอินก็หล่อที่สุดแล้วในสายตาของคยองนะครับ”
“เหอะ...เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าเขาหล่อกว่าฉัน
โกหก...โกหกกันชัดๆ” พี่เขาพูดงอนๆ
“จงอินฟังคยองนะครับ...ถึงแม้ว่าพี่มินโฮจะหล่อมากๆ ก็จริง
แต่คยองรู้ว่าบนโลกนี้ไม่มีใครที่ใจดีและดีกับคยองเท่าจงอินอีกแล้ว
จะมีใครหล่อกว่าจงอินของคยองได้อีกล่ะ? เพราะจงอินหล่อจริงๆ เวลาที่ใส่เสื้อผ้าที่คยองเป็นคนรีดให้
จงอินหล่อมากๆ แม้จะเป็นเวลาที่งัวเงียเพิ่งตื่นนอน จงอินหล่อเสมอเวลาที่เดินอยู่ข้างๆ คยอง และเราสองคนได้จับมือกันไว้...
จงอินเป็นเหมือนฮีโร่ของคยองเวลาที่คยองร้องไห้....เป็นเหมือนคุณหมอที่เก่งที่สุดในโลกเวลาที่คยองป่วย
เป็นพ่อครัวที่เก่งที่สุดในโลกสำหรับคยอง ถึงแม้ว่าจงอินจะทำอาหารไหม้บ่อยๆ ก็เถอะ
และจงอินจะหล่อที่สุดสำหรับคยองเสมอ ถ้าเมื่อไหร่ที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน
เพราะทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกัน คยองจะเห็นทุกๆ อย่างของจงอินจากตาของคยองเอง
แล้วใครล่ะจะหล่อไปกว่าจงอินนี่ของคยอง...คยองรู้เรื่องนี้ดีที่สุด
ถ้าเทียบกันแล้ว...พี่มินโฮไม่มีอะไรที่จงอินมีเลยซักกะอย่าง
เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าคยองจะได้รักใครซักคนล่ะก็...การจะทิ้งจงอินแล้วไปเลือกคนอื่นคงเป็นอะไรที่โง่งี่เง่ามากๆ”
คยองซูพูดกระซิบออกมาเสียยาวเหยียดในขณะที่กอดแขนพี่เขาเอาไว้แน่น
แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าเพียงแค่ซีกเดียวของจงอินแล้วเลื่อนตัวขึ้นไปจูบที่แก้มนั้นเบาๆ ครั้งหนึ่ง
และเพียงแค่สัมผัสเดียวเท่านั้นแหละ...
ที่ทำให้จงอินต้องหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้
“หายโกรธคยองนะครับ”
คนเป็นน้องพูดซ้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าพี่เขาจะหายโกรธตัวเองอย่างสนิทใจ
ถึงแม้จะเห็นรอยยิ้มผุดที่มุมปาก...แต่เขาเองก็ไม่อาจจะมั่นใจได้หรอกว่าจงอินจะมาไม้ไหนอีก
“งั้นก็...ห้ามมองผู้ชายที่ไหนนอกจากฉันอีกนะ”
จงอินยิ้มแล้วคว้าปลายคางของน้องเขาเข้ามาจูบที่แก้มคืนบ้าง
คยองซูพยักหน้าหงึกหงักอย่างแรงจนศีรษะแทบจะหลุด
เลยทำเอาจงอินต้องหลุดหัวเราะออกมาจนได้...ในเมื่อน้องเขาน่ารักขนาดนี้
“ไม่มองแล้วครับไม่มอง...ต่อจากนี้คยองจะมองแต่จงอินคนเดียวนะ
พี่มินโฮไม่เห็นจะหล่อเลยยยยครับ
ขนาดพี่ไควงเอ็กโซที่คยองช๊อบบบชอบก็ยังไม่หล่อเท่าจงอินเลยนะ! คิกคิก”
คยองซูพูดก่อนจะกัดริมฝีปาก...เขากลับมาร่าเริงอีกครั้งเมื่อได้เห็นจงอินยิ้ม
“อืม...ดีมากครับ แล้วอย่าให้เห็นว่าไปชอบใครอีกนะ
จะเป็นผู้ชายหน้าไหน หรือไอดอลวงอะไรก็ห้าม...ฉันหวง!”
“งื้มม...สัญญาเลยครับ”
ไม่ได้พูดเปล่าๆ หากแต่คยองซูกลับตวัดนิ้วก้อยเล็กๆ ของตัวเองไปเกี่ยวกับจงอินเอาไว้ด้วย
ทำเอาพี่เขาแทบจะหุบยิ้มไม่ลงเลยเมื่อเห็นว่าคยองซูทำแบบนั้น
“อืม...งั้นฉันว่าเราคงต้องแวะซุปเปอร์มาเก็ตข้างหน้ากันหน่อยแล้วล่ะมั้ง” จงอินหันไปบอกกับคยองซูยิ้มๆ
“หืม? ที่บ้านก็มีกับข้าวแล้วนี่ครับ...จงอินจะแวะซุปเปอร์ทำไมล่ะ?” คนเป็นน้องถามอย่างแปลกใจ
“ก็ว่าจะแวะซื้อเบียร์ซักห้าหกขวด....เอาไปมอมพ่อตา” พูดพลางหันมายิ้มกรุ้มกริ่ม
“โธ่!! จงอินอ้ะ!!!”
คยองซูยกมือขึ้นหยิกที่ต้นแขนของจงอินเบาๆ อย่างไม่ได้จริงจังมากนัก
ใบหน้าของเขาแดงเรื่อขึ้นมาเฉยๆ เมื่อจงอินกำลังบอกเป็นนัยๆ ว่ายังไงก็จะไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ
“โธ่...น้องคยองครับ เรามีเวลาเหลือแค่พรุ่งนี้แล้วนะ
แล้วจากนั้นนายก็จะไปอเมริกาตั้งสองเดือน!
จะไม่ให้ฉันตุนความคิดถึงไว้หน่อยเหรอ...ถ้าฉันไปถึงโน่นแล้วฉันเกิดคิดถึงขึ้นมามันต้องลำบากแน่ๆ เลยนะ”
จงอินพูดอ้อนก่อนจะคว้ามือน้องเขาขึ้นมาจูบ
“เราโทรหากันก็ได้นี่ครับ...
ถ้าจงอินคิดถึงคยองก็โทรมาหาได้ตลอดเวลาเลยนะ
ถ้าคยองหลับอยู่ คยองก็จะลุกขึ้นมาคุยกับจงอิน!” คยองซูยกนิ้วชี้ขึ้นลูบที่ดั้งจมูกของคนเป็นพี่เบาๆ ทีหนึ่งแล้วจากนั้นจึงส่งยิ้มให้
“งั้นถ้าเกิดว่าฉันอยากขึ้นมา...
ฉันโทรไปเซ็กส์โฟนก็ได้ใช่มะ?”
“ย๊า! คิมจงอิน!!
เรื่องทะลึ่งนี่ให้มันน้อยๆ หน่อยได้มั้ยครับ!”
เด็กน้อยแหวใส่เสียงแข็ง
แถมยังส่งมือขึ้นไปหยิกที่ต้นแขนพี่เขาอย่างจริงจังเลยล่ะคราวนี้
“โอ้ยๆๆๆๆๆ ฉันเจ็บนะคยองซู!”
“เจ็บสิดี! จะได้เลิกคิดเรื่องพวกนี้ซักที!”
“ย๊า! ฉันเป็นผู้ชายนะ เรื่องพวกนี้มันห้ามกันไม่ได้!”
“คยองก็เป็นผู้ชาย! ก็แค่หักห้ามตัวเองบ้างมันจะตายเหรอครับ!!”
“โธ่! นายไม่เข้าใจฉันเลยอ้ะ”
เอาอีกแล้วครับทีนี้...
เมื่อพี่เขาบ่นออกมากระปอดกระแปดแล้วเราก็กลับไปสู่ความเงียบกันอีกหน
ทะเลาะกันรอบที่สองหลังจากที่ดีกันได้ไม่ถึงห้านาที!!
คยองซูเห็นท่าไม่ดีเลยต้องรีบง้อไปก่อน...
ไม่อยากให้พี่เขาเงียบใส่แบบนี้เลย เพราะมันรู้สึกอึดอัดเอามากๆ
“งือ...โกรธอีกแล้วเหรอครับจงอิน? ไม่เอาสิ...อย่างอนนะ
เรื่องแค่นี้เองอย่าเอามาทะเลาะกันเลยนะ...หันมาคุยกับคยองสิครับ”
“เปล่านะ ฉันไม่ได้งอน...ก็แค่เซ็งๆ เท่านั้น
ฉันกำลังคิดอยู่ว่าถ้านายไม่อยู่ตั้งสองเดือนแล้วฉันจะใช้ชีวิตยังไงล่ะ?
ใครจะปลุกฉันตอนเช้า? ใครจะจัดเสื้อผ้าให้ฉันไปทำงาน? ใครล่ะจะทำข้าวเช้า ข้าวกลางวัน ข้าวเย็นให้ฉันกิน!!
โอ...ตายแน่ๆ ฉันตายแน่!! ฉันต้องคิดถึงนายแน่ๆ...
ม....ไม่เอาอ่ะ! ไม่ให้ไปแล้ว”
“โธ่...จงอินครับ คยองเองก็ไม่ได้อยากไปหรอกนะ
แต่มันก็แค่สองเดือนเองนะ ให้คยองไปหามัมคนใหม่กับไปหาน้องบ้าง
ไปแค่แป๊ปเดียวแล้วคยองจะรีบกลับมาเลยนะ...คยองสัญญา”
“นายเอาแต่สัญญาแบบนี้อีกแล้ว” จงอินพูดเสียงอ่อยพลางถอนหายใจออกมา
“ง่า...อย่าพูดแบบนี้สิครับ” คยองซูเองก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน
กัดริมฝีปากเมื่อจงอินเริ่มคว้ามือของเขาไปกุมไว้แล้วใช้นิ้วโป้งลูบมันไปมา
ใบหน้านั้นดูเศร้าขึ้นมานิดหน่อยเมื่อได้พูดคุยถึงเวลาสองเดือนที่จะต้องห่างกัน
พอมาคิดดีๆ แล้วคยองซูเองก็ใจหายเหมือนกัน
ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งสองเดือน...คงคิดถึงแย่...
“จงอินนา...”
คยองซูเอียงศีรษะกลับไปอิงที่ไหล่ที่เขาอีกครั้ง
ก่อนจะเรียกพี่เขาด้วยเสียงหวาน
“อะไร?...มาอ้อนตอนนี้จะเอาอะไรล่ะหืม?” จงอินถาม
“เราแวะซุปเปอร์มาเก็ตกันเถอะนะ” คยองซูกระซิบ
“ห๊ะ!!!” จงอินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“อื้ม...คยองซูบอกให้จงอินแวะซุปเปอร์ไงครับ
แล้วซื้อเบียร์ซักลังนึงเลยนะ! เดี๋ยวคยองจะช่วยออกเงินครึ่งนึงเลย!”
หันไปยิ้มกับพี่เขาที่กำลังเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
คยองซูกัดริมฝีปากก่อนจะหลุบตาลงต่ำ
เคลื่อนตัวไปกระซิบที่ข้างหูพี่เขาเพื่อเอ่ยเสียงหวาน
“แล้วคืนนี้ก็ตุนความคิดถึงไว้ให้พอเลยนะ...เท่าไหร่ก็ได้
.
.
.
คยองสัญญาว่าจะตามใจจงอินทั้งคืนเลย”
*********
สัมผัสจากผิวเนื้อนุ่มนิ่มภายใต้ผ้าห่มหนาและลมหายใจที่ผ่านเข้าออกเป็นจังหวะตรงข้างหูนั้นทำให้คยองซูต้องยกยิ้ม
ภายใต้อ้อมกอดอุ่นที่คนเป็นพี่กำลังมอบให้นั้นทำให้เขารู้สึกว่าราวกับตัวเองกำลังนอนอยู่บนปุยนุ่น
คยองซูส่งลิ้นออกมาเลียริมฝีปากแล้วยกยิ้มออกมาบางๆ
ในขณะที่นอนฟังเสียงลมหายใจของจงอินที่กำลังซ้อนกอดมาจากทางด้านหลัง
คยองซูตื่นนอนนานแล้ว...
หากแต่ที่ยังไม่ยอมขยับเขยื้อนตัวไปไหนก็เพราะเขาอยากจะจดจำเสียงลมหายใจแผ่วหวานของพี่เขาให้นานที่สุด
นิ้วโป้งเรียวของคยองซูถูกส่งไปลูบไล้ที่หลังมือกว้างของจงอินอย่างแผ่วเบา
แก้มนุ่มนิ่มของตนที่กำลังนอนหนุนอยู่ตรงท่อนแขนของจงอินนั้นก็เช่นกัน
คยองซูกำลังพยายามที่จะจดจำรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับสัมผัสเหล่านี้เอาไว้ในหัวใจ
รายละเอียดของเนื้อหนัง...รายละเอียดของอ้อมกอดอุ่น
โดคยองซูอยากจะจดจำมันเอาไว้ทั้งหมด...
หลับตาแล้วกัดริมฝีปากหนาของตัวเองอีกครั้งหนึ่งในขณะที่ยังคงเงียบงัน
หัวใจกำลังเป็นสุขแม้ไม่ต้องมีคำพูดหรือการกระทำใดเกิดขึ้นเลยซักนิด
บางทีแล้วเสียงเพลงที่เพราะที่สุด อาจเป็นแค่เสียงลมหายใจเบาๆ ของคนที่เรารัก...
และถึงแม้ว่าจะให้เขาได้นอนฟังมันทั้งวัน คยองซูก็คิดว่าเขาคงไม่อิดออดแน่ๆ
ปรือตาขึ้นลงอย่างช้าๆ เมื่อบทรักที่เขาและจงอินผ่านมาเกือบตลอดทั้งคืนนั้นทำให้รู้สึกเพลียอยู่บ้าง
หากแต่คยองซูรู้ดีว่าทุกครั้งที่เขาได้รับสัมผัส การตระกองกอด รอยจูบ และทุกการเคลื่อนไหว
ทุกอย่างนั้นล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากความรัก...ที่แปรผันเป็นความอบอุ่นและอ่อนโยนทั้งสิ้น
คิดไม่ผิดที่มอบหัวใจให้พี่ชายใจดีคนนี้...คยองซูได้แต่คิดอยู่ในใจ
ประสานนิ้วเข้ากับมือของจงอินแล้วกอบกุมมันเอาไว้...ยังคงยกยิ้มอย่างเป็นสุขในทุกๆ ความเงียบงันที่แสนอบอุ่น...
หากแต่เมื่อความเงียบนั้นถูกทำลายลงไป คยองซูกลับยกยิ้มกว้างออกมายิ่งกว่าเก่า
จงอินกลับขยับตัวพร้อมทั้งเลื่อนมือมากอดไหล่ของคยองซูเอาไว้แน่น
ก้มลงพรบจูบที่หัวไหล่มนนั้นอย่างงัวเงีย...แต่เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจที่จะตื่นแล้ว
“งือ...ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกพี่ล่ะครับ? อืออออออ...”
พูดออกมาอย่างงัวเงียและยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมารับแสงสว่าง
คยองซูหัวเราะออกมาเมื่อจงอินเลื่อนหน้าผากลงมาถูไถที่ท้ายทอยของเขาไปมา
ส่งเสียงงอแงงัวเงียจนคยองซูแทบจะหุบยิ้มไม่ได้เลยซักนิด
จงอินแนบหน้าผากลงที่ท้ายทอยของคนตัวเล็ก
และเงียบไปอีกครั้งหนึ่งราวกับว่าเขาตัดสินใจที่จะหลับอีกซักหน่อย
หากแต่คยองซูกลับตอบพี่เขากลับไปแผ่วเบา...
เพราะรู้ว่าถึงเวลาที่พวกเขาต้องตื่นกันได้แล้ว
“คยองเห็นจงอินนอนหลับสบาย...เลยไม่อยากกวนครับ
แต่เฮ้...ตอนนี้มันสายแล้วนะครับจงอิน
คยองว่าเราน่าจะตื่นได้แล้ว...วันนี้ต้องทำอะไรหลายอย่างน้า”
คนตัวเล็กกว่าพยายามจะแกะแขนที่ถูกส่งมาโอบรอบไหล่เล็ก หากแต่มันก็ทำได้ยากกว่าที่เขาคาดไว้
เมื่อจงอินครางฮือแล้วแข็งขืนไว้โดยการดึงน้องเขากลับมากอดให้แน่นกว่าเก่า
คยองซูหัวเราะออกมาเมื่อจงอินกำลังทำตัวเหมือนกับเด็กเอาแต่ใจ...
นับวันที่คยองซูยิ่งโตขึ้น...แต่พี่เขากลับเริ่มทำตัวงอแงเหมือนกับเด็กๆ
คิมจงอินน่ารักซะไม่มี...
“งื้อออ ไม่เอานะครับจงอิน...อย่าดื้อสิครับ” คยองซูพูดเสียงแผ่ว
จงอินเลื่อนตัวขึ้นไปจูบที่ใบหูเล็กๆ ของน้องเขาทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา
ก่อนจะยกยิ้มและกระซิบออกมาบางๆ ที่ข้างหูน้องเขา
“อื้ม ตื่นแล้วครับ ตื่นแล้ว...สุขสันต์วันเกิดนะ”
“บอกเร็วไปวันนึงนะครับสุดหล่อ...”
ผมพลิกตัวตะแคงข้างแล้วหันไปจูบพี่เขาที่ปลายคาง
จงอินยิ้มออกมาบางๆ และลืมตาขึ้นมาจนได้เมื่อได้รับสัมผัส
“แต่พรุ่งนี้น้องคยองก็จะไม่อยู่ฟังน่ะสิ...พี่เลยต้องบอกนายก่อน”
“อืม...นั่นสินะ พรุ่งนี้คยองก็ต้องไปแล้ว” น้องเขามุ่ยหน้าเมื่อคิดได้แบบนั้น
“เฮ้...อย่าทำหน้าอย่างนั้นน่า มันก็แค่สองเดือนเอง เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันแล้ว
แถมตอนนี้พี่ก็เก็บความคิดถึงนายไว้เต็มเปี่ยมเลย มีความสุขมากๆ...”
จงอินพูดพลางขยับตัวเข้าไปคว้าแก้มน้องเขาไว้ทั้งสองข้างแล้วเลื่อนตัวเข้าไปจูบที่ริมฝีปากเบาๆ แล้วถอนออก
ยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุขที่ปรี่ล้นหัวใจ...ไม่ต่างจากคยองซู
“คยองก็มีความสุขครับ” บอกพี่เขาพร้อมทั้งยกยิ้มกว้างจนปากนั้นกลายเป็นรูปหัวใจ
“อา...ตอนนี้สิบโมงแล้วเหรอ
พ่อนายต้องตื่นแล้วแน่ๆ เลย...เราคงต้องรีบลงไปแล้วนะรู้ไหม?”
จงอินบ่นออกมาเมื่อเสตาขึ้นไปมองนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียง
ก่อนจะพบว่าเขากำลังจะสายที่จะลงไปรายงานตัวกับคุณโดเพื่อจะพิสูจน์ว่าเขาเป็นลูกเขยที่ดีและขยัน
หรืออาจจะเรียกว่าสร้างภาพเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวอย่างที่ไอ้ชานยอลเคยแนะนำมานั่นแหละครับ...
“นั่นสิครับ...ป่ะป๊าคงรอให้เราลงไปกินอาหารเช้าอยู่ล่ะมั้ง
หรือไม่ก็อาจจะกินแล้ว ตอนนี้น่าจะลงไปนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หน้าบ้าน”
คยองซูพูดออกมาพลางยันตัวออกจากกอดของพี่เขา
ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวไปคลุมตัวไว้ เมื่อเขาเดินไปเลิกผ้าม่านขึ้นมองดูว่าที่หน้าบ้านนั้นมีคุณโดอยู่ตรงนั้นหรือไม่
“อ่า...ป่ะป๊านั่งอ่านหนังสืออยู่จริงๆ ด้วยครับ
คงจะกินข้าวเช้าไปแล้วล่ะ” คยองซูพูดยิ้มๆ
“โธ่...วันนี้อดทำคะแนนเลย แต่เมื่อคืนก็เก็บสแปร์ไปเยอะนะ
เลี้ยงเบียร์พ่อตาเป็นลังเลย แถมกว่าจะหลับได้ก็หัวเราะจนแทบค่อนคืน
เพราะพ่อนายคอแข็งนี่นา กว่าจะหลับได้เล่นทำเอาดึกเลย”
จงอินลุกขึ้นแล้วเดินมากอดคยองซูไว้จากข้างหลังแล้วมองลงไปบ้าง
คยองซูหันขึ้นมามองค้อนเล็กน้อยหากแต่ก็ยังคงยิ้ม
“นั่นแหน่ะ...นินทาป่ะป๊าต่อหน้าคยองอีกแล้วน้า”
คยองซูพูดแหวใส่อย่างไม่ได้ติดใจอะไรอย่างที่พูดมากนักหรอก
“ก็มันจริงนี่นา...ป่ะป๊านายน่ะคอแข็งจะตาย
กว่าจะได้เริ่มภารกิจก็เล่นเอาดึกเลย...
ตื่นสายแล้วมาโทษกันอย่างนี้ไม่ได้นา”
จงอินพูดยิ้มๆ เมื่อคนตัวเล็กนั้นหันกลับมาตีเขาเบาๆที่ท่อนแขน แต่หลังจากนั้นเขาก็กอดมันเอาไว้
“แต่ก็กักตุนความคิดถึงไปเยอะเลยไม่ใช่เหรอครับหืม?” น้องเขาพูดยิ้มๆ
“อา...นั่นสิ เมื่อยไปทั้งตัวเลย วันนี้นายต้องดูแลฉันนะคยองซูอ่า” จงอินเดินเข้าไปโอบเอวน้องเขาเอาไว้แล้วพูดอ้อน
“ไม่เอาด้วยหรอก...คยองก็เหนื่อยเหมือนกันนี่นา
แล้ววันนี้เราสัญญาว่าอะไรกันไว้ ลืมแล้วเหรอ”
คยองซูหันมาค้อนแล้วเบะปากให้ผม
เมื่อเขาเห็นว่าผมลืมคำสัญญาที่เราคุยกันไว้เมื่อวันก่อน
แต่โธ่...ผมไม่ได้ลืมนะ แค่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา
“ไม่ได้ลืมซักหน่อย...วันนี้หลังเที่ยงคืนก็จะเป็นวันเกิดนาย
ไว้เราค่อยมาแลกของขวัญกันตอนนั้นนะครับ โอเคไหม?”
ผมยื่นข้อตกลงกับเขาก่อนจะยกยิ้มส่งไปให้พร้อมทั้งเขาไว้หลวมๆ
“อื้ม...งั้นก็ได้ครับ โชคดีจังที่วันนี้เป็นวันเสาร์
คยองจะได้มีเวลาเตรียมงานปาร์ตี้ตอนเย็นแบบไม่ต้องรีบร้อนมากเท่าไหร่”
คยองซูพูดพลางพยักหน้าหงึกๆ ส่งให้ผมอย่างน่ารัก
ผมยกยิ้มออกมาเมื่อเห็นอย่างนั้น...ก่อนจะเริ่มคิดอะไรดีๆ ออกมาได้อีกหนหนึ่ง
ผมเลื่อนไปโอบเขาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
ก่อนที่อีกข้างจะเลื่อนมาจับชายผ้าเช็ดตัวที่คยองซูกำลังเอาคลุมตัวไว้แล้วเริ่มกระตุกมันอย่างเนิบนาบ
คยองซูขมวดคิ้วทันทีที่จงอินทำอย่างนั้น “จะทำอะไร?”
ถามออกมาเบาๆ ด้วยใบหน้างุนงงดูน่ารักและทำให้จงอินต้องกระตุกยิ้ม
เขาก้มลงจรดเสียงกระซิบติดริมฝีปากของคยองซูอย่างแผ่วเบา
ก่อนที่จะยกยิ้มออกมากว้างขึ้นไปอีกเมื่อคยองซูกัดริมฝีปากและหน้าแดงด้วยข้อความของเขา
“อ่า...ก็ในเมื่อตอนนี้เราไม่ได้รีบร้อนอะไร
.
.
พี่เลยคิดว่าเราน่าจะเล่นกันอีกซักรอบในระหว่างที่เราอาบน้ำกันนะ”
*********
ผมเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าที่ประจำที่ผมและคยองซูมักจะมาด้วยกันบ่อยๆตั้งแต่เขายังเด็กเลยก็ว่าได้...
ผมมาเดินหาซื้อของขวัญให้คยองซู
เพื่อทำตามสัญญาที่เราบอกไว้ว่าจะแลกของขวัญวันเกิดกันตรงเที่ยงคืนวันนี้
ผมพูดและรับปากไปอย่างดี แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าไม่เข้าท่า
เพราะถึงขนาดว่าเดินรอบห้างมาเกือบสองชั่วโมงแล้วก็ยังเลือกของขวัญที่ถูกใจไม่ได้เลยซักชิ้นเดียว
“อ่า...ปวดขาชะมัดเลยให้ตาย”
ผมบ่นออกมาในขณะที่เดินลากขาที่แสนหนักอึ้งมาพักตรงม้านั่งตัวหนึ่งภายในห้าง
ผมยกมือขึ้นมาทุบที่ต้นขาเบาๆ ก่อนที่สมองจะวิ่งวุ่น
คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะซื้ออะไรให้เขา...ที่มันไม่ใช่ตุ๊กตาหรือว่าอะไรเด็กๆ
วันนี้คยองซูจะอายุครบ 20 แล้ว...มันคงจะงี่เง่ามากถ้าผมจะซื้อตุ๊กตาโปโรโระให้เขา - -
จงอินล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วเริ่มกดเบอร์โทรศัพท์หาคยองซูทันทีที่คิดถึงขึ้นมา
แนบโทรศัพท์อยู่ข้างหูและรอไม่นานเท่าไหร่นัก น้ำเสียงร่าเริงของคยองซูก็ดังขึ้นมา
“ฮายยย...ว่าไงครับจงอินนี่
เดินซื้อของเสร็จแล้วเหรอ?”
“ยังไม่เสร็จเลย...แต่คิดถึงก็เลยโทรมาไม่ได้เหรอ?”
“ได้สิครับ...คิดถึงแล้วโทรหาก็ยิ่งดีใหญ่เลย
คยองจะได้รู้ว่าวันๆ นึงเนี่ย...คิมจงอินจะคิดถึงโดคยองซูวันละกี่หนน้า”
คนเด็กกว่าส่งเสียงออดอ้อนผ่านมาทางโทรศัพท์...
จงอินยกยิ้มกว้างพลางคิดในใจว่าถ้าหากตอนนี้อยู่ใกล้ๆ แล้วล่ะก็นะ
เขาจะจับคยองซูเหวี่ยงลงบนเตียงแล้วแสดงออกว่าคิดถึงจนเหนื่อยเลยคอยดู...
“คิดถึงตลอดเลยนะ แต่บางทีมันก็ยุ่งๆ
ว่าแต่ตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ...เตรียมของใกล้เสร็จหรือยัง?” จงอินถามต่อ
“ก็...อีกซักพักก็น่าจะเสร็จแล้วครับ ป้าจีซุกมาช่วยก็เลยสบายไป
จงอินก็เถอะ นี่ก็เริ่มเย็นแล้ว...เมื่อไหร่จะกลับมาล่ะครับ
รีบๆ กลับมาได้แล้วน้า ถ้ารีบกลับมาคยองสัญญาว่าจะให้จุ๊บทีนึงเลย...อยากจุ๊บเค้าป่าวววว”
คยองซูส่งเสียงดัดแบบแหลมๆ แต่น่ารักงุ๊งงิ๊งของเขาส่งมาที่ปลายสาย
ผมหัวเราะออกมาเลยทันทีที่ได้ยิน...และมีความรู้สึกว่าชักอยากจะกลับบ้านขึ้นมาตะหงิดๆ
“โอ้ยตาย...อยากกลับบ้านขึ้นมาทันทีเลยเนี่ย
รอฉันแป๊ปเดียวนะคยองซูอ่า...เดี๋ยวรีบกลับบ้านไปจุ๊บเลยคอยดู” ผมบอกกับเขา
“อิอิ...งั้นคยองวางก่อนนะครับ
รีบๆ กลับมาทวงจุ๊บนะ แต่ถ้ามาช้าก็อดนะครับจงอิน
บ๊ายบายยยยยยย”
คยองซูเอ่ยลาพร้อมทั้งส่งเสียงจูบจ๊วบจ๊าบผ่านมาทางโทรศัพท์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวางสายไป
ผมหัวเราะออกมาแล้วส่ายหน้ากับท่าทางออดอ้อนแบบเด็กๆ ของเขา
ก่อนจะค่อยผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อคิดว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไงนะถ้าต้องห่างจากเขา
นี่แค่มาห้างเองนะยังคิดถึงขนาดนี้เลย...
แล้วถ้าไปอเมริกาเป็นเดือนสองเดือนล่ะจะนานขนาดไหน?
แค่คิดก็จะบ้าตายให้ได้แล้ว...ถ้าจะต้องห่างไกลกันขนาดนั้น
จะมีวิธีไหนบ้างมั้ยนะที่จะทำให้เรารู้สึกใกล้กันที่สุดเท่าที่จะมากได้...
จะทำยังไงถึงจะได้เห็นหน้าและคุยกันทุกวันเหมือนปกติ...
เออ...แต่ความจริงก็ทำได้นี่นา
ผมผุดลุกขึ้นทันทีเมื่อคิดได้ว่าควรจะซื้ออะไรให้เป็นของขวัญคยองซูในวันนี้
ผมยกยิ้มร่าเมื่อได้คิดว่าทำไมถึงได้โง่งมอยู่ได้ตั้งนานนะ ทั้งๆที่ควรจะรู้ตั้งนานแล้วว่าควรจะทำอะไร
รีบเดินไปตามเส้นทางประจำที่อยู่ในความทรงจำของผมเมื่อเกือบเก้าปีมาแล้ว
รู้สึกโชคดีที่มันยังอยู่และไม่หายไปไหน...ทั้งๆที่เปลี่ยนเจ้าของใหม่มาเกือบสิบรอบแต่มันก็ยังคงตั้งอยู่ตรงนั้น
ร้านมือถือที่ผมเคยซื้อให้คยองซู...
“ยินดีต้อนรับค่ะ...สนใจรุ่นไหนคะ?”
เสียงพนักงานสาวคนหนึ่งเอ่ยทักทายผมทันทีที่ผมเดินเข้าไปข้างใน
ผมไม่ได้ต้องการจะเจอพนักงานสาวคนเดิมในตอนนั้นหรอก
แค่คิดในใจว่ามันคงจะตลกดีพิลึกถ้าจะซื้อมันจากเธอเหมือนตอนนั้นอีก
ผมส่งยิ้มให้กับพนักงานสาวเดินจึงเดินเข้าไปที่ตู้กระจกที่เธอยืนอยู่
ก่อนจะเอ่ยถามโทรศัพท์ตามความต้องการของตัวเองทันที
“สวัสดีครับ...ผมอยากจะซื้อโทรศัพท์ รุ่นที่มันสามารถวิดีโอคอลหากันได้น่ะครับ
เอาแบบกล้องหน้าชัดกิ๊ก...โทรข้ามประเทศแล้วไม่สะดุดอ่ะครับ
พอจะมีอย่างที่ผมต้องการบ้างไหม?”
ผมถามเธอด้วยรอยยิ้ม...
ก่อนที่พนักงานสาวจะตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่กว้างยิ่งกว่า
“โอ...มีสิคะ
ดิฉันขอแนะนำโทรศัพท์รุ่นนี้เลยค่ะ
ตัวนี้ออกมาใหม่ล่าสุดเลย มีบทวิจารณ์จากค่ายมือถือใหญ่ๆ บอกว่าเป็นโทรศัพท์ที่ดีที่สุดของตอนนี้เลยนะคะ
และมันสามารถคุยวิดีโอคอลหากันได้ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมงเลยค่ะ”
“โอ้...สุดยอดเลยครับ นี่แหละที่ผมต้องการล่ะ
จัดมาเลยสองเครื่องครับคนสวย มีสีอะไรบ้างเหรอ?
ผมอยากได้สีขาวกับสีเงินนะครับ...มันมีสีเงินไหม?”
ผมถามสีที่ต้องการจากพนักงานสาว
อยากให้มันเหมือนกับครั้งก่อนที่เคยซื้อให้เขาเป็นคู่กัน
ของคยองซูสีขาว และของผมเป็นสีเงิน
“มีค่ะ...คุณผู้ชายอยากได้สีขาวเครื่องนึง และสีเงินเครื่องนึงใช่มั้ยคะ?”
เธอถามย้ำถึงความต้องการของผม
และเมื่อผมตอบรับเธอจึงยิ้มกว้างจนตาแทบปิด
“งั้นเชิญมาทางด้านนี้เลยค่ะ
ดิฉันจะเปิดบริการโทรศัพท์ให้คุณและสอนการใช้งานให้เล็กน้อย”
เธอเดินนำผมให้เข้าไปข้างในและผมเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย
จำได้ว่ายิ้มกว้างไม่หยุดจนแทบจะดูเหมือนคนบ้าตอนที่เธอสาธิตการใช้งานวิดีโอคอลนั่นแหละ
ผมเดินออกมาจากร้านนั้นด้วยความสุขและรอยยิ้มกว้างอาบหน้า
ก่อนจะยกนาฬืกาขึ้นดูและพบว่ามันผ่านไปเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ยิ้มร่าออกมาในขณะที่ควานหากุญแจรถแล้วเดินออกจากห้างมา
มั่นใจเหลือเกินว่าเมื่อตอนที่กลับไปถึงบ้าน...
.
.
ผมจะไม่พลาดสิทธิการจุ๊บของผมแน่นอน....
ปาร์ตี้วันเกิดของเราสองคนผ่านไปด้วยความสนุกสนาน
กว่าจะเลิกราและแยกย้ายกันกลับบ้านได้ก็เกือบๆ ตีสองกว่าเข้าให้แล้ว
เราสองคนได้รับของขวัญมากมายจากเพื่อนๆ ของเรา...
ถูกใจมากน้อยก็แล้วแต่ความเกรียนส่วนบุคคลของคนให้
(“ก็กูอยากให้มึงมีจิตใจผ่องใส...ฝักใฝ่ธรรมะ เผื่อชาติหน้าเกิดมาจะได้หล่อเหมือนกูไง” ไอ้จงแดบอก)
กับมินซอกที่ให้ตำราทำขนมกับคยองซูอยู่หลายเล่มไม่ซ้ำรูปแบบ
แถมยังซื้ออุปกรณ์ทำขนมเซ็ตใหญ่ให้กับคยองซูด้วย
เปรมเลยสิคราวนี้...เผลอๆ บ้านเราอาจจะกลายเป็นร้านเบเกอรี่ก็ได้
เพราะคยองซูดูจะปลื้มปริ่มมากกับของขวัญของมินซอก...
กับคู่ชานแบคที่รวมเงินกันซื้อเซ็ตครีมบำรุงผิวหน้าให้กับผม
แต่ดันหุ้นกันช่วยซื้อเตาไมโครเวฟให้กับคยองซูซะอย่างนั้น
“แหกตาดูกระจกบ้างนะครับไอ้จงอิน...
อีกาบินมาเหยียบหน้ามึงเป็นร้อยตัวได้แล้วมั้งเนี่ย ยังไม่รู้สึกตัวอีก” ไอ้ชานยอลบอกกับผมแบบนี้)
แทมินกับพี่มินโฮที่มาร่วมงานในวันนี้ด้วย
(“อย่ามองพี่มินโฮนะคยองซู!!
โธ่...งั้นก็มองได้แต่อย่าชอบ เพราะมันจะทำให้ใจฉันบอบช้ำ”)
แทมินซื้อกระเป๋าใส่เอกสารใบใหม่ให้ผม และพี่มินโฮก็ซื้อปากกาด้ามหรูให้ผมเป็นของขวัญด้วย...
แม้กระทั่งเพื่อนๆ ของคยองซูก็ยังมีของขวัญติดไม้ติดมือมาฝากผมด้วยเหมือนกัน
แต่ส่วนมากก็เป็นแค่ของขวัญแบบเด็กๆ
อย่างเช่นคู่เทาฮุนที่รวมเงินกันซื้อช็อคโกแลตคิทแคทรุ่นลิมิเต็ทอิดิชั่นให้คยองซู
และซื้อโลลิป๊อปกล่องใหญ่มาให้ผม....
กับไอ้อดีตเด็กเวรอย่างจงฮยอนก็ยังซื้อเซ็ตหนังสือการ์ตูนวันพีซ(มันรู้ได้ยังไงว่าผมชอบ?) มาให้ผมแบบยกชุด
ของขวัญของซูจองดูจะเป็นของขวัญที่ผมถูกใจที่สุด...
เพราะเธอถอยแมคโปรเครื่องใหม่ให้ผมเป็นของขวัญวันเกิดพร้อมกับเซ็ตบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์แบบครบชุด
และเธอก็ยังซื้อนาฬิการุ่นล่าสุดของ Casio ให้กับคยองซูด้วย
(“หึ...ซื้อมาแพงอย่างนี้เพราะอยากแก้ตัวที่ไม่ได้ซื้อให้น้องหลายปีอ่ะดิ” ผมหยอกเธอแบบขำๆ
“เออช่าย...และก็จะไม่ได้ไปอีกหลายปีด้วยถ้าแกยังแซวฉันอย่างนี้นะน้องรัก”
เอ่อ...แค่นั้นแหละครับผมเลยตัดสินใจที่จะสุภาพนอบน้อมกับเธอมากขึ้น)
สุดท้ายก็คือคุณพ่อตา...
เขาทำตัวน่ารักน่าชังกับผมสุดๆ ด้วยการซื้อเหล้า Gold Label ขนาด 1 ลิตรมาให้ผมเป็นของขวัญ
แต่ดันออกรถยนต์ส่วนตัวคันใหม่ให้กับคยองซูซะนี่...
แหม...น่ารักซะไม่มีล่ะคุณพ่อตา ใช่สิ...ผมมันไม่ใช่ลูกชายคุณนี่ T T
(“โธ่...ป่ะป๊าให้คยองก็เหมือนให้จงอินนั่นแหละครับ
จงอินก็รู้นิว่าคยองขับรถไม่เป็น”
“เออ...จริงด้วย”
คยองซูพูดกับผมเมื่อผมทำหน้าบูดกับคุณโดอย่างเปิดเผย
แต่พอคยองซูให้เหตุผลกับผมมาก็เท่านั้นล่ะครับ... อู่ย...ผมล่ะวิ่งเข้าไปกราบกรานคุณพ่อตาเขาแทบจะไม่ทัน)
และจนกระทั่งหลังจากที่ผมเปิดเหล้าที่คุณโดให้เป็นของขวัญมาฉลองวันเกิดกับเพื่อนๆ
ผมของยืนกรานเลยว่าผมได้ละเลียดรสชาตินุ่มลึกของมันได้แค่เพียง 0.5 มิลลิลิตรเท่านั้น
เพราะนอกนั้นให้จงแดก็กระดกเอาๆ จนเมาเป็นหมากลับบ้านไปซะอย่างนั้น
(“ม่ายยยยย...กุจะ อึ๊ก! อ้วกไม่ได้!! เหล้าแม่งแพง! กูจะไม่! อุ๊กกก! ไม่! ไม่อ้วก!!
โอ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ไอ้จงแดพูดออกมาก่อนจะวิ่งไปอ้วกที่ต้นยูคาลิปตัสที่ผมเป็นคนปลูก TwT*)
แต่โดยรวมแล้วปาร์ตี้วันนี้ก็สนุกสนานดี...
เราพากันพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ บนโต๊ะอาหาร
และแน่นอนว่ามีสงครามแย่งไมค์คาราโอเกะกันอีกตามเคย
เรามีความสุขในชีวิตครอบครัวและเพื่อนของเรา...และเราสองคนก็ยิ้มให้กันเสมอ
ผมรู้ดีว่าของขวัญมากมายที่ได้รับมานั้น...มันไม่ได้ทำให้ผมตื่นเต้นและดีใจมากนัก
ถ้าเทียบกับของขวัญของเขา...ที่เรากำลังจะแลกมันด้วยกันในตอนนี้
ผมและคยองซูพากันอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า
จนเมื่อสุดท้ายแล้วเราพร้อมกันทั้งคู่...เราก็มานั่งประจันหน้ากันบนเตียงในตอนนี้
“วันนี้คยองสนุกมากเลยครับจงอิน”
คยองซูบอกกับผมพร้อมทั้งยิ้ม
ดวงตาเขาโรยเพราะความง่วง แต่ใบหน้าใสนั้นกลับบ่งบอกความสุขจนเต็มเปี่ยม
ผมยกยิ้มแล้วจึงส่งมือขึ้นไปลูบหัวเขา...คยองซูยกยิ้มกว้างจนตาปิดเมื่อผมทำอย่างนั้น
“ฉันก็สนุกมากเหมือนกัน...
แต่ตอนนี้นายกำลังง่วงแล้วใช่ไหมไอ้ตัวเล็ก?”
ผมถามเขาอย่างห่วงใยเมื่อคยองซูเริ่มกระพริบตาปริบๆ ราวกับว่าเขากำลังพยายามจะฝืนลืมตาอยู่ในตอนนี้
“ก็นิดหน่อยครับจงอิน...แต่คยองไม่เป็นไร
คยองอยากเห็นของขวัญของจงอินมากกว่า
เพราะงั้นแล้วเรามาแลกของขวัญกันเลยดีไหม?”
ตาของคยองซูดูมีประกายวาบขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อเขาพูดแบบนั้น
ผมพยักหน้าให้กับเขาก่อนจะตัดสินใจเป็นคนมอบของขวัญให้กับเขาก่อน
“อืม เอาสิ...งั้นฉันให้ของขวัญของฉันก่อนก็แล้วกันนะ”
“ครับ...” คยองซูพยักหน้าหงึกหงักและกัดริมฝีปาก
“งั้นสัญญามาก่อนสิว่าจะชอบมัน” ผมถามยิ้มๆ
“อะไรที่จงอินให้คยอง คยองชอบมันทั้งหมดนั่นแหละครับ...
ถึงจะไม่มีอะไรเลยคยองก็ชอบ...ขอแค่เรายังอยู่ด้วยกันตรงนี้ก็มากพอแล้ว”
คยองซูพูดพลางบีบมือของผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน
ผมยืดตัวไปจูบเขาที่แก้มเบาๆ ก่อนจะยกยิ้มร่าเมื่อได้ยินอย่างนั้น
เพราะมันช่างหวานจับใจจริงๆ ที่ได้ฟังมันแบบนี้...
“แต่ที่ฉันซื้อมันมาเพราะไม่อยากให้เราห่างกัน...
ฉันอยากจะเห็นนายในสายตาตลอดเวลา อยากจะมองหน้านายเวลาที่เราบอกรักกัน...
สองเดือนต่อจากนี้ ฉันหวังว่ามันจะเชื่อมให้เราใกล้กันยิ่งกว่าตอนนี้
เผื่อว่าถ้าเราห่างไปสองเดือนนี้...เราน่าจะได้รู้นะว่าวันๆ นึงเราคิดถึงกันมากแค่ไหน”
ผมพูดก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่องที่ซื้อมาเมื่อเย็นนั้นยื่นให้เขา
ผมจัดการตั้งภาพพื้นหลังทั้งสองเครื่องเป็นรูปของเราสองคน...
และยังจัดการคล้องที่ห้อยโทรศัพท์ที่คุณโดซื้อมาเป็นของขวัญให้กับเราคราวนั้นเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย
มือถือของผมมีตุ๊กตาโปโรโระห้อยอยู่...และของคยองซูก็มีตุ๊กตาคร๊องตัวเล็กๆ ห้อยอยู่เช่นกัน
“โอ...จงอิน นี่มันอะไรกันครับ?”
คยองซูเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อผมยื่นโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องไปตรงหน้าเขา
หากแต่ก็ยังมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่และดูตื่นเต้นเอามากๆ
เมื่อเขายื่นมือคว้ามือถือสีขาวไปกดปลดล็อคและเริ่มเล่นมันอย่างดีอกดีใจ
“เอาไว้โทรหากันนะคยองซู...ฉันเปิดเบอร์โทรศัพท์คู่กันเอาไว้ด้วย
มันมีกล้องหน้าให้เราโทรแบบมองเห็นหน้ากันได้ด้วย...
เราจะได้เห็นหน้ากันทุกวันเลยไง...และสองเดือนนี้เราจะไม่ไกลกันเลย”
“โอจงอิน! นี่มันต้องแพงมากๆ”
น้องเขาพูดเสียงอ่อยหากแต่ก็ยังมีรอยยิ้มแห่งความดีใจที่ซ่อนเอาไว้
ผมส่ายหน้าให้เขา ก่อนที่จะเอื้อมมือไปบีบจมูกของเขาเอาไว้
“มันไม่แพงหรอก...
เพราะถ้าหากว่าฉันได้ยินแค่เสียงของนายตลอดสองเดือนฉันต้องเป็นบ้าแน่
เผลอๆ จะอดใจไม่ไหวแล้วตีตั๋วไปหานายอีก...เปลืองกว่าซื้อโทรศัพท์อีกหลายเท่านะ”
“จริงด้วยสิ...ดีจังเลย คยองชอบมากเลยนะ
ขอบคุณนะครับจงอิน...ขอบคุณมากๆเลยนะ”
เด็กน้อยพูดเสียงใสพลางโถมตัวมากอดผมไว้แล้วกระหน่ำจูบที่แก้มทั้งสองข้างของผมเสียหลายที
เขาหัวเราะอย่างร่าเริงในขณะที่กดเล่นโทรศัพท์เพื่อสำรวจว่าภายในนั้นมีอะไรบ้าง
ผมมองเขาด้วยรอยยิ้มอยู่ซักพัก...
มองดูคนเด็กกว่าที่ชี้ชวนให้ผมสนใจกับแอพต่างๆ ที่เราพอจะใช้ติดต่อกันได้ด้วยความตื่นเต้น
“เฮ้...แล้วของขวัญของฉันล่ะ?
นายลืมของขวัญของฉันไปแล้วเหรอ?”
ผมแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ
คยองซูกัดริมฝีปากแล้วย่นจมูกเมื่อเขาวางโทรศัพท์เอาไว้ตรงหน้าแล้วหันกลับมาสนใจผม
“โธ่...คยองเปล่าลืมนะครับ คยองก็แค่ตื่นเต้นไปหน่อย” คยองซูแก้ตัว
“งั้นไหนล่ะของขวัญพี่น่ะ...พี่รออยู่นะครับน้องคยองซู”
ผมบอกกับเขาซ้ำอีกครั้ง ว่าผมต้องการจะเห็นของขวัญที่เขาจะให้ผม
พูดกันตามจริงแล้วผมรู้สึกตื่นเต้นเอามากๆ และเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองคาดหวังกับมันมากขนาดไหน
ความจริงแล้วผมไม่ได้คิดว่าเขาจะต้องซื้อของขวัญราคาแพงหรืออะไรอย่างนั้น
แต่ที่มันทำให้ผมตื่นเต้น เพราะว่าปีนี้เขาเป็นคนขอร้องให้เรามีเวลาที่จะแลกของขวัญกันอย่างเป็นทางการ
และนั่นก็ทำให้ผมตื่นเต้นกับมันเอามากๆ
และคิดว่าอะไรก็ตามที่คยองซูจะให้นั้นคงจะต้องมีความหมายสำหรับคยองซูเช่นกัน
“งั้นก็...หลับตาสิครับจงอิน”
คยองซูพูดเสียงแผ่วราวกับเสียงกระซิบ
เขากัดริมฝีปากหนานั้นพลางส่งยิ้มมาแลดูน่ารักน่าชัง
“หื้ม...คุ้นๆ นะเนี่ยมุกนี้”
ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อเขาออกคำสั่ง
คยองซูเองก็หัวเราะกลับมาเสียงใสเช่นกันเมื่อเขายื่นมือมาปิดตาให้ผมอย่างช้าๆ
“หลับตาก่อนนะครับจงอิน...หลับตารึยังเอ่ย?”
“หลับแล้วครับ...จะหลับแล้วครับน้องคยอง” ผมแกล้งเอ่ยแซวเขา
“โธ่...เดี๋ยวก่อนสิครับจงอิน เรามาตกลงกันก่อนนะครับ
ความจริงมันเป็นของขวัญที่คยองจะให้จงอิน
แต่ถ้าจงอินไม่ชอบ คยองจะขอให้มันเป็นของขวัญของคยองแทนนะ ตกลงไหมครับ?”
คยองซูพูดด้วยเสียงแผ่วหวาน
“โอ้...มุกนี้ยิ่งคุ้นใหญ่เลย” ผมหัวเราะและพูดออกมาทั้งๆ ที่ยังหลับตา
“โธ่...สัญญามาก่อนสิครับว่าจะชอบมัน” คยองซูพูดอีกครั้ง
“สัญญาครับ...พี่สัญญา”
“งั้น...คยองจะให้แล้วน้า” คยองซูบอกกับผมก่อนที่ผมจะพยักหน้าส่งให้เขาและรอคอยอย่างตื่นเต้น
เกิดความเงียบขึ้นมาเพียงชั่วครู่...ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าคยองซูนั้นเลื่อนตัวเข้ามาประชิดตัวผม
ผมยกยิ้มออกมาที่มุมปาก...เพราะสถานการณ์ในครั้งนี้มันคล้ายกับตอนวันเกิดอายุสิบห้าของเขาเอามากๆ
ผมคิดว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง และผมเองกลับชื่นชอบมันมากๆ เลยด้วยซ้ำถ้าหากมันจะเป็นแบบนั้นอีกหนหนึ่ง
ผมเพิ่งรู้ตัวเองว่าแท้จริงแล้วผมไม่ได้ต้องการอะไรเลย...
เพราะเพียงแค่รอยจูบที่เขาประทับลงมานั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าคุ้มค่ามากพอแล้ว
คยองซูเลื่อนมือมาประสานนิ้วกับผมเอาไว้
ก่อนจะประทับจูบแผ่วเบาและอ่อนนุ่มราวกับสายไหมลงมาที่ริมฝีปาก
ผมหลับตาพริ้มเมื่อกลับกลายเป็นคนขอเปิดริมฝีปากและขอทางเข้าไปตวัดกับลิ้นเล็กๆ ของเขา...
รสจูบของเราช่างหอมหวานและพาให้เคลิบเคลิ้ม
ผมรู้ว่าทั้งหมดที่เรากำลังมอบให้กันนั้นคือความรัก...
ความรักที่ถูกแปรเปลี่ยนออกมาเป็นความหวานหอมของรสจูบที่เรากำลังเผชิญอยู่
หากแต่วินาทีต่อมาผมกลับต้องแปลกใจเมื่ออะไรซักอย่างที่แข็งและเย็นเฉียบนั้นถูกส่งเข้ามาที่นิ้วของผม
ผมลืมตาและถอนจูบออกเพื่อมองสิ่งที่คยองซูเป็นคนมอบให้...
ก่อนจะพบว่าแหวนสีเงินวงหนึ่งกำลังประดับอยู่ที่นิ้วนางของผมอย่างเด่นชัด
“คยองซู...นี่มันอะไร?” ผมขมวดคิ้วก่อนจะถามเขา
“คยองอยากให้เราได้อยู่ด้วยกันตลอดสองเดือนที่เราต้องห่างกัน
คยองอยากจะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่าจงอินของคยองน่ะมีเจ้าของแล้วนะ
แหวนนี้จะเป็นเครื่องหมายแทนความรักของเรานะครับจงอิน
และคยองก็อยากจะให้จงอินระลึกไว้เสมอว่าถึงแม้ว่าเราจะห่างไกลกันแค่ไหน
แต่เราก็จะเป็นของกันและกันเสมอ...
และเมื่อไหร่ที่จงอินสวมแหวนวงนี้ให้คยอง...
นั่นแปลว่าเราสองคนตกลงจะทำสัญญาใจกันแล้วว่าต่อจากนี้เราจะเป็นของกันและกันเท่านั้น
เราจะเชื่อใจกัน...และเป็นอีกครึ่งนึงของกันและกัน...”
คยองซูยื่นแหวนอีกวงที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ในกล่องกำมะหยี่มาตรงหน้าผม
ผมมองมันด้วยความรู้สึกที่หลากหลายและไม่แน่ใจนักว่ากำลังรู้สึกแบบไหน
คำพูดของคยองซูนั้นฟังดูหวานซึ้งมาก...หากแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นผมมากกว่าที่ต้องพูดประโยคพวกนี้กับเขา
“คยองซู...นายไม่คิดเหรอว่าฉันควรจะเป็นคนทำอย่างนี้?
ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบมันหรอกนะ แต่ฉันแค่รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง” ผมพูดพลางขมวดคิ้ว
“ใครเป็นคนกำหนดเรื่องความถูกต้องล่ะครับ
คยองรักจงอิน...และคยองเองก็พร้อมที่จะประกาศให้ทุกคนรู้แล้วว่าคยองเป็นของจงอินเท่านั้น
คยองรู้ว่าอนาคตมันไม่แน่นอน...แต่สิ่งนึงที่แน่นอนคือความรู้สึกของคยองนั้นจะไม่เปลี่ยน
คยองรักแค่จงอินมาตลอด...และคยองเองก็มั่นใจว่าหัวใจของคยองน่ะเป็นของใครไม่ได้นอกจากจงอินเท่านั้น
เพราะฉะนั้นแล้ว คยองแค่อยากจะให้เราเป็นคู่กัน...เป็นครึ่งนึงของกันและกัน”
“..........................” ผมยังคงเงียบกริบและไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าตาแบบไหน
“อ่า...คยองลืมไป...จงอินอาจจะโกรธ...
และจงอินอาจจะรู้สึกอึดอัดที่คยองทำแบบนี้ใช่ไหมครับ?”
ผมเห็นน้องเขากลืนน้ำลายลงไปในคอและน้ำตาใสๆเริ่มปริ่มที่ขอบตาเมื่อเขาลดกล่องแหวนในมือลง
คยองซูหลุบตาลงต่ำและเขาดูผิดหวังกับท่าทางของผมตอนนี้
แต่ความจริงแล้วมันกลับไม่ใช่อย่างที่เขาคิดเลย...
“ฉันเปล่า...ฉันไม่ได้อึดอัดที่จะต้องใส่แหวนคู่กับนายนะคยองซูอ่า
ฉันรักนายมากๆ นายเองก็รู้และมั่นใจใช่ไหม?
ฉันพร้อมจะใส่แหวนวงนี้...และเป็นครึ่งหนึ่งของกันและกัน
แต่ที่ฉันกำลังรู้สึกก็คือ...มันน่าอายนิดหน่อยที่หน้าที่ของฉันถูกแย่งไป
ฉันอยากเป็นคนสวมแหวนให้นาย...และพูดมันกับนายมากกว่า”
“โธ่...ถ้างั้นก็รีบสวมมันให้คยองสิครับ...และพูดทุกอย่างที่จงอินอยากจะพูด
ถ้าเผื่อว่าจงอินไม่ได้สังเกตล่ะก็นะ คยองน่ะกำลังยื่นนิ้วรอให้จงอินได้สวมมันให้คยองอยู่เนี่ย”
น้องเขาพูดพลางยกนิ้วมือด้านซ้ายของเขาขึ้นชูให้ผมดูพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
ผมกลอกตาแล้วหัวเราะออกมาเมื่อเขาทำท่าทางอย่างนั้น...
...สุดท้ายแล้วผมก็เถียงเขาไม่เคยชนะเลยจริงๆ...
“งั้นยื่นมือมาสิ...”
ผมยิ้มแล้วคว้ามือเล็กที่เขาชูหราอยู่ตรงหน้านั้นมาจับไว้
คยองซูกลืนน้ำลายลงไปในคอและเชยตาขึ้นมองหน้าผม
ดวงตากลมโตนั้นยังคงปริ่มไปด้วยน้ำใสๆ คลออยู่ในนั้น
“ตั้งใจฟังนะคยองซู...ฉันจะพูดมันแค่ครั้งเดียว” ผมกระซิบบอกกับเขา
คยองซูพยักหน้าหงึกๆ ส่งให้กับผมพร้อมทั้งเม้มริมฝีปาก...
ผมยกยิ้มออกมาบางๆ เมื่อเริ่มบีบมือเล็กๆ นั้นเอาไว้ด้วยความอ่อนโยน
“นายสัญญากับพี่ไหมว่าต่อจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็จะอยู่ข้างๆกัน...” ผมถาม
“สัญญาครับ...สัญญา” เด็กน้อยกระซิบพร้อมทั้งพยักหน้า
“ถ้านายใส่มันแล้ว นั่นหมายความว่าต่อจากนี้ไปเราจะเป็นของกันและกัน
นายจะไม่มีโอกาสที่จะถอดมันอีกแล้วนะ...นายเข้าใจมันไหม?”
“เข้าใจครับ...” คยองซูตอบผมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ถ้าเราใส่แหวนวงนี้คู่กันแล้ว...
นั่นแปลว่าถ้าวันไหนที่เราสองคนตัดสินใจจะถอดมันออก
คือวันที่เราหมดรักกันแล้ว...นายเข้าใจใช่ไหม?”
“มันจะไม่มีวันนั้นครับ...ไม่มีวัน”
คยองซูส่ายหน้าอย่างแรงส่งมาให้
ผมยกยิ้มกว้างจนตาปิดเมื่อน้องเขาทำอย่างนั้น
“ถ้านายเข้าใจทุกอย่างแล้ว...
พี่ก็มีเพียงแค่เรื่องสุดท้ายที่พี่จะถาม” ผมพูดต่อ
“..................................................”
คยองซูเงียบกริบและเงียบงันรอฟังสิ่งที่ผมพูด
ดวงตากลมโตนั้นกระพริบปริบๆ หากแต่ก็จ้องตรงมาแน่วแน่
ผมยกยิ้มออกมาบางๆ ก่อนที่จะเอ่ยเสียงกระซิบ...
“นายจะเป็นจิตวิญญาณครึ่งหนึ่งของพี่...และจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของพี่ได้ไหม? โด คยองซู”
“ได้สิครับ...
คยองน่ะพร้อมตั้งแต่อายุสิบห้าแล้วนะคนโง่”
คยองซูตอบกลับทันทีและน้ำตาที่เขาเก็บกักไว้ก็ไหลลงมาจนได้
ผมระเบิดหัวเราะออกมาแล้วจากนั้นจึงเริ่มต้นสวมแหวนให้กับเขา...
คยองซูโถมตัวเข้ามากอดผมเอาไว้แล้วเริ่มร้องไห้
ผมเลยต้องยกมือขึ้นตบที่หลังของเขาเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบโยน
ก่อนที่จะรู้สึกว่าอ้อมกอดของเรานั้นอบอุ่นมากเกินไป
อบอุ่นไปจนถึงหัวใจที่เต้นรัวของผมในตอนนี้...
“ถ้าใส่แหวนคู่กับคยองแล้ว จงอินห้ามใส่คู่กับใครอีกนะครับ
มือถือด้วยนะ...ห้ามใช้คู่กับใครนะ”
เด็กน้อยกำชับเมื่อเขาถอนกอดออกไปและเช็ดน้ำตา
ผมเอนตัวลงนอนราบกับเตียงก่อนที่จะดึงเขาเข้ามากอด
คยองซูเอนลงมาซบที่อกของผมอย่างว่าง่าย
มือของเราทั้งสองคนประสานกันเอาไว้และแสงที่สะท้อนออกมาจากแหวนสีเงินนั้นก็ทำให้ผมต้องยกยิ้ม
ผมยกมันขึ้นมาจูบอย่างรักใคร่
ก่อนที่จะสังเกตว่าที่ตัวเรือนนั้นมีตัวอักษรที่ถูกสลักเอาไว้ตรงกลางเรือน
ผมเลยต้องยกขึ้นมันมาดูอย่างพิจารณา
ก่อนจะเห็นว่าแหวนของผมนั้นมีตัวอักษรที่อ่านได้ความว่า ‘ you are my J ’
“หืม...ยูอาร์มายเจ?”
ผมกระซิบถามพร้อมทั้งก้มลงไปจูบเขาที่เรือนผมนุ่มตรงหน้า
คยองซูพยักหน้าก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมามองหน้าผม
“ใช่ครับ... You are my J” เด็กน้อยบอกและยิ้ม...
“โธ่...จะว่าไปแล้วเจของนายนี่เยอะมากเลยนะ
ไหนจะจื่อเทา ไหนจะจงฮยอน...มีแต่ตัวเจทั้งนั้น”
“เฮ้! ไม่ใช่ซักหน่อยนะครับ...
เจของคยองมาจากจงอินต่างหาก”
เด็กน้อยย่นจมูกก่อนจะเลื่อนตัวขึ้นมาทับผมเอาไว้แล้วเริ่มส่งมือมาทุบที่หน้าอก
ผมแกล้งร้องโอดโอยออกมาเบาๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อน้องเขาทำหน้าบูดบึ้ง
“โอ้ย เจ็บนะ...ก็ฉันพูดจริงๆ นี่นา ฮ่าๆๆๆๆ” ผมยังคงแกล้งเขา
“โธ่...ไม่เอาสิครับ งั้นจงอินฟังที่คยองพูดนะ
ตั้งใจฟังให้ดีล่ะเพราะคยองจะพูดมันแค่ครั้งเดียว...”
เด็กน้อยยื่นนิ้วของเขามาจรดที่ริมฝีปากของผมไว้เพื่อไม่ให้ผมได้พูดอะไรอีก
ผมมองเขาแล้วยกยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะกระพริบตาและเงียบเพื่อรอให้เขาได้พูดมันออกมาอย่างที่เขาต้องการ
และผมก็พร้อมที่จะตั้งใจฟังมันอย่างดี...
“จงอินจะเป็นเจของคยองคนเดียวนะครับ
You are my J ... Just my Jongin
Just you … My only J”
คยองซูพูดออกมาพลางกระพริบตามองผมปริบๆ พร้อมทั้งรอยยิ้มบางที่ส่งมาให้
ผมกัดริมฝีปากและหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินประโยคภาษาอังกฤษของเขา
อ่า...เพิ่งรู้สึกว่าไม่ได้เสียเงินไปเปล่าๆ ปรี้ๆ เพื่อให้เขาได้เรียนภาษาอังกฤษก็ตอนนี้ล่ะ
เพราะฟังแล้วมันชุ่มชื่นหัวใจชะมัดเลยครับให้ตาย...
“โธ่...นายก็รู้นี่นาว่าฉันโง่ภาษาอังกฤษ” ผมแกล้งเขา
“คยองรู้หรอกครับว่าจงอินฟังมันรู้เรื่อง
ไม่ต้องมาทำไก๋แกล้งคยองเลยนะ...ชิ”
เด็กน้อยส่งมือมาจั๊กกะจี๋ที่เอวของผมซะยกใหญ่
ผมหัวเราะออกมาก่อนจะแกล้งคืนเขาบ้างด้วยการพลิกตัวน้องเขาแล้วกลับกลายเป็นฝ่ายทับน้องเขาเอาไว้
ก่อนที่คยองซูจะหัวเราะคิกคักออกมาเมื่อพยายามจะหลีกหนีริมฝีปากของผม
แต่สุดท้ายแล้วริมฝีปากของเราก็ประกบจูบกันจนได้...
ผมมอบจูบแสนหวานให้กับคยองซูแล้วถอนออก
มองหน้าเด็กน้อยที่จ้องมาที่ผมตาแป๋ว...
และรอยยิ้มน่ารักๆ ที่ส่งมานั้นก็ทำให้ผมรับรู้ได้ว่าถึงแม้จะโตขึ้นมากี่ปีน้องเขาก็ยังไม่เคยเปลี่ยนไป
“อ่า...แต่ความจริงแล้วฉันเองก็ไม่ได้โง่ภาษาอังกฤษอะไรขนาดนั้นหรอกนะ” ผมบอกกับเขาพลางยกยิ้มกรุ้มกริ่ม
“งั้นไหนลองพูดให้คยองฟังบ้างสิครับ” คยองซูร้องขอพร้อมทั้งส่งยิ้มมา
“อืม...งั้นฉันน่าจะลองเริ่มต้นที่ประโยคง่ายๆ นะ
อย่างเช่น...”
ผมทำท่าทางครุ่นคิดส่งให้กับคยองซูที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่ใต้ร่าง
คิดอยู่ซักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูเขา...
“Would you be my baby?”
ผมถามพลางส่งยิ้มให้เขา...คยองซูหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำถามที่ผมส่งไป
ก่อนที่หลังจากนั้นเขาก็ยกแขนขึ้นโอบรอบคอผมเอาไว้...
เขาโน้มคอผมให้ก้มลงไปประกบจูบเบาๆ แล้วถอนออกมา
คยองซูกัดริมฝีปากและกระซิบตอบคำถามที่ทำให้ผมต้องยกยิ้ม...
“Always ...and... Forever”
สำเนียงภาษาอังกฤษที่ส่งออกมาจากปากของเขานั้นทำให้ผมต้องยกยิ้มร่า
ไม่มีใครสนใจหรอกว่าวันพรุ่งนี้หรืออีกกี่วันที่เราจะต้องห่างกันไป
เพราะผมมั่นใจว่าเราสองคนจะมั่นคงและซื่อสัตย์ต่อกันเสมอ...
ถึงผมจะตกวิชาภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ชั้นประถม
แต่ผมเองก็ยังเข้าใจและมีความสุขกับสิ่งที่คยองซูเพิ่งพูดมันออกมา...
มันไม่เคยเปลี่ยน...และจะไม่มีวันเปลี่ยนไป...
เพราะยังไงเขาจะเป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆ ของผมตลอดไป...
อ่า...เมื่อกี้เขาพูดมันว่ายังไงนะ?
.
.
.
โอ้ใช่ครับ... Always and Forever
- THE END -
โอ้ย คุณพระะะะะะะะะะะะะะะะะะ มันจบแล้วค่ะมันจบแล้วววววววว T T
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ ร้องไห้อ่ะ ไม่จริงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
มันไม่ได้จบแย่ใช่ไหมคะ? นมน.ร้องไห้ด้วยนะตอนที่แต่งอ่ะ T//////T
ไม่รู้ว่ามันกากมากน้อยแค่ไหน แต่นมน.ก็ทำดีที่สุดเท่าที่่จะทำได้แล้วนะคะ
ขอบคุณทุกๆคนสำหรับความรักที่มีให้พี่จงอินและน้องคยองนะคะ
นมน.ดีใจมากนะคะที่ทุกคนรักฟิคเรื่องนี้
และดีใจมากๆ ที่นมน.ได้สร้างแบรนด์น้องคยองขึ้นมาได้สำเร็จ(เว่อร์ไปไหม แต่ก็จริงนี่นา 5555555)
ทุกๆ คนจะรู้มั้ยนะ ว่านมน.ยิ้มได้ทุกทีเลยนะคะ ที่มีคนเรียกน้องโด้ว่าน้องคยอง
ก่อนหน้านี้ีไม่มีใครเรียกชื่อนี้เลย นมน.เลยดีใจมากๆ ที่ทุกคนชื่นชอบและพากันเรียกน้องปากต่อปาก
และฟิคเรื่องนี้จะไม่มีใครสนใจเลย ถ้ารีดเดอร์ที่น่ารักของนมน.ไม่พากันบอกต่อไปเรื่อยๆ
นมน.อยากจะขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยกันบอกต่อนะคะ...
บอกว่าน้องคยองและพี่จงอินยังอยู่ตรงนี้ และรอให้ทุกคนได้เข้ามาอ่านกัน
นมน.ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วค่ะ...ความรู้สึกตอนนี้มันตื้อมาก
ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงหรือจะขอบคุณยังไง เพราะสิ่งที่นมน.ต้องการจะสื่อก็คือขอบคุณและรักมากๆก็เท่านั้น
ถึงน้องคยองจะจบแล้ว แต่อย่าลืมให้ความรักกับทุกๆ คู่ที่นมน.จะเขียนต่อจากนี้ด้วยนะคะ
วันพรุ่งนี้นมน.จะปิดฉากน้องคยองอย่างเป็นทางการด้วยการเอาสเปเชียลมาลงให้ทุกคนได้อ่านกันนะคะ
แต่ได้โปรดอย่าทิ้งคู่รองอื่นๆ ที่นมน.จะนำเสนอกันต่อไปล่ะ
อย่าเพิ่งทิ้งฟิคเรื่องนี้ไปนะคะ รีดเดอร์ที่รักของนมน.
ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วค่ะ...เพราะมันเริ่มจะเวิ่นเว้อมากไปแล้วนะตอนนี้
เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราจะเจอกันใหม่นะคะ...
นมน.รักรีดเดอร์ทุกคนมากๆ เลยค่ะ
ฮาร์ททือ... © Tenpoints!
ความคิดเห็น