คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ✚ BE MY BABY :: TWELVE
Author : MR.$N0WMAN*
Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo
Story : Jackboiz
Rate : PG - 15
Be my Baby*
‘0.12’
เงียบสนิท....
บรรยากาศภายในรถเงียบสนิทและตึงเครียดเมื่อเราสองคนนั่งเป็นใบ้อย่างนี้อยู่นานสองนาน
ฝนที่ตกลงมาแม้กระทั่งรถที่ติดยาวทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ยิ่งเมื่อน้องเขาเบือนหน้าหนีออกไปที่นอกหน้าต่างแบบนั้นมันทำให้ผมรู้สึกโมโห
คิดถึงคำที่น้องเขาพูดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาแล้วก็ยิ่งทำให้ผมต้องกำหมัดแน่น
เด็กคนนี้เริ่มจะดื้อดึงและแข็งข้อกับผมมากเกินไป...
ผมจำเป็นต้องสั่งสอนเขา....
“คยองซู...นายต้องหันมาพูดกับฉันให้รู้เรื่อง”
ผมพูดขึ้นแหวกผ่านความเงียบที่เราทั้งสองต้องเผชิญ
ผมไม่ได้ชอบมันเลยและผมรู้สึกอึดอัด...
เราไม่เคยทะเลาะกันหนักขนาดนี้มาก่อน มันไม่เคยกินเวลาหลายชั่วโมงขนาดนี้
และเรื่องที่เราทะเลาะกันไม่เคยรุนแรงขนาดนี้....
“.....................”
หากแต่คยองซูยังคงนิ่งเงียบ...เขายังคงเบือนหน้าออกไปทางนอกหน้าต่างและปฏิเสธที่จะมองผม
และนั่นทำให้ผมยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเพิ่มทวีคูณ...
“คยองซู หันมาเดี๋ยวนี้!”
ผมพูดกับเขาอีกครั้งและในคราวนี้ก็แทรกคำสั่งลงไปในน้ำเสียงนั้นด้วย
หากแต่เป็นอีกครั้งที่เขาไม่หันกลับมา...และในที่สุดผมก็เริ่มจะทนไม่ไหว
ผมเอื้อมมือไปที่สเตอริโอหน้ารถ ก่อนจะค่อยๆเร่งมันจนสุดเสียง
ทั้งรถอื้ออึงไปด้วยเสียงของสเตอริโอดังกึกก้องจนน่าหนวกหู
จนคยองซูต้องยกมือขึ้นมาอุดหูเพราะทนรับเสียงดังนั้นไม่ไหว
“ย๊า!! หยุดเดี๋ยวนี้นะคิมจงอิน!!”
เด็กอายุสิบแปดตะโกนสู้เสียงเพลงดังในรถนั้นกลับมาหาผม
ผมขมวดคิ้วแล้วทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดไร้มารยาทของเขา
จนคยองซูอดรนทนไม่ไหวต้องตะโกนกลับมาอีกครั้ง
“จงอิน!! ปิดเดี๋ยวนี้!!”
“ฉันไม่ปิด จนกว่านายจะหันมาพูดกับฉัน” ผมหันไปตะคอกใส่เขา
“มัน! หนวก! หู! แล้วอย่างนี้จะพูดกันรู้เรื่องได้ยังไง?!!!”
คยองซูตะโกนกลับมาอย่างโมโห จนเมื่อได้ยินอย่างนั้นผมจึงลดเสียงสเตอริโอลงจนมันเงียบสนิท
จนได้ยินแค่เพียงเสียงหอบหายใจด้วยความโกรธของคยองซูเท่านั้น
“เราต้องพูดกัน” ผมเริ่มต้นพูดคุยกับเขา พยายามทำให้ใจเย็นลง ถึงแม้จะรู้ว่ามันยากเหลือเกิน
“ไม่...คยองไม่มีอะไรจะพูดกับจงอินทั้งนั้นแหละ”
“แต่ฉันมี! นายต้องหยุดทำท่าทางอย่างนั้นแล้วหันมาพูดกับฉัน
นายต้องรับปากกับฉันว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับหมอนั่นอีก
เรื่องคบกับมัน...ฝันไปเถอะว่าฉันจะยอม!”
“จงอินไม่มีสิทธิมาบอกให้คยองเลิกคบใครทั้งนั้น!
บอกคยองมาสิว่าที่พูดมาทั้งหมดน่ะ เพราะจงอินหึงใช่ไหม?! ใช่ไหมจงอิน”
ผมตวาดใส่เขาอย่างโมโห จนคยองซูต้องหันขวับกลับมาหาผมแล้วตวาดกลับ
เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้เลยซักครั้ง...เด็กน้อยที่น่ารักของผมเขาหายตัวไปไหนก็ไม่อาจจะรู้ได้
และจนแล้วจนรอดเขาก็ถามคำถามที่วกเข้ามาเรื่องนี้จนได้
“ไม่! ฉันไม่ได้หึงอะไรทั้งนั้น! ฉันบอกให้นายหยุดได้แล้วคยองซู
ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับเรื่องนี้...นายควรหยุดทุกอย่างแล้วทำตามที่ฉันบอก
เลิกยุ่งกับไอ้เด็กนั่นซะ...ถ้านายยังอยากอยู่กับฉันต้องทำตามที่ฉันพูด!!”
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง?
ถ้าคยองดื้อแพ่งไม่ฟังที่จงอินพูดแล้วจงอินจะไล่คยองไปใช่ไหม?!
ทำไมล่ะจงอิน? บอกคยองสิ...จงอินไม่เคยรักคยองเลยหรือไง
รังเกียจคยองมากใช่ไหม? รังเกียจที่คยองรักจงอินมากใช่ไหม?”
เด็กตัวเล็กเริ่มร้องไห้ออกมาเมื่อเขาพูดประโยคที่ทำให้ผมต้องกรอกตาอย่างไม่อาจห้ามได้
เขากำลังไร้เหตุผล...และผมเองก็เช่นกัน ผมรู้ดีว่ามันยากนักที่จะให้เขาหยุดพูดเรื่องนี้
ผมอยากจะหนีมันไปให้ไกลจากตรงนี้ แต่ผมรู้ดีว่าผมทำมันไม่ได้
ผมไม่ได้รังเกียจเขา ไม่เคยเลยซักครั้ง...แต่เงื่อนไขมากมายทำให้เรารักกันไม่ได้...
เรารักกันไม่ได้....
“หยุดพูดอย่างนั่นซักทีคยองซู!! นายกำลังทำให้ฉันโมโหนะ!!
นายจะหยุดคิดบ้างได้ไหม? ช่วยคิดทีว่าถ้าฉันและนายจะรักกันได้ยังไง
พ่อนายจะว่ายังไงกับเรื่องนี้...และซูจองจะทำยังไงกับฉัน??
นายไม่รู้จักคำว่ารักด้วยซ้ำไป เพราะงั้นหยุดเอาคำนั้นมากรอกหูฉันได้แล้ว!!”
“ไม่!! คยองจะพูด!!! คยองเก็บมันไว้มานานเกินไปแล้ว
หยุดสั่งให้คยองทำโน่นทำนี่ซักที! คยองไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ!!
อยากโมโหก็เชิญเลย! แต่คยองจะคบกับจงฮยอนให้ได้!!
อยากให้รู้นักไม่ใช่เหรอว่ารักจริงๆเป็นยังไงน่ะ! แล้วทำไมต้องกีดกัน!!
คยองจะทำมันให้หมดอย่างที่จงอินต้องการเลย ทั้งกอด! ทั้งจูบ! แล้วก็เซ็กส์ด้วย!!!!”
คยองซูตวาดใส่หน้าผม ตัวเขาสั่นระริกและน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม
และตัวผมเองก็ไม่ต่างกัน เราสองคนต่างหอบหายใจเพราะตะโกนใส่กันจนเหนื่อย
แต่ด้วยถ้อยคำที่น้องเขาตอกกลับมา...มันทำให้ผมสติขาดผึง
ไม่ได้หรอก...ผมยอมไม่ได้เด็ดขาด!
“แต่ฉันบอกให้หยุด!! นายจะดื้อกับฉันไปถึงไหน!!
เลิกทำตัวไร้เหตุผลเพื่อจะเรียกร้องความสนใจจากฉันซักที! ฉันบอกให้เลิกคบกับเด็กนั่นซะ!!
แต่ถ้าอยากจะทำตัวร่าน อยากจะดื้อด้านอย่างนี้ก็ลงไปเลย! จะไปไหนก็ไปเลย!!!!!”
ผมพูดออกไปโดยที่ไม่ทันได้คิด...ใจหายวาบและกระตุกสั่นเมื่อได้พูดออกไปเพราะโทสะที่พลุ่งพล่าน
คยองซูสะอึกและชะงักไปหลังจากที่ได้ฟังผมพูดประโยคที่ผมเองก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะพูดมันออกมาได้
เขาร้องไห้หนักขึ้นไปอีกจนดูเหมือนคลุ้มคลั่ง...คว้ากระเป๋าที่วางบนตักขึ้นมากอดแนบอกแล้วร้องไห้ราวกับจะขาดใจ
หัวใจของผมร้อนรุ่มและมีแต่ถ้อยคำที่วนเวียนอยู่ในนั้นเพื่อรอให้ผมได้พูดแก้ตัว...แต่ผมกลับพูดมันไม่ออก
ไม่นะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ
ม..ไม่นะ...อย่าไปนะ
“ช...ใช่สิ! คยองจะอยู่ทำไมถ้าจงอินรังเกียจคยองขนาดนี้!
ค...คยองควรไปให้พ้นจากชีวิตจงอินสินะ งั้นก็ลาก่อน!!!!!”
“ไม่นะคยองซู!!! อย่าไป!!!!!”
คยองซูตะโกนออกมาเสียงดังจนแก้วหูผมแทบจะแตก
หัวใจผมเต้นระทึกเมื่อจู่ๆเขาก็เปิดประตูรถแล้ววิ่งฝ่าสายฝนออกไปโดยที่ไม่ฟังคำพูดของผม
“คยองซู!!!!!!”
ผมรีบเปิดประตูรถออกไปเพื่อวิ่งไปตามเขา...
แต่ถนนเจ้ากรรมที่เพิ่งติดแหง็กเมื่อครู่กลับเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างไม่มีเหตุผล
เสียงแตรจากรถยนต์คันหลังร้องลั่นไปทั่วบริเวณ ในขณะที่คยองซูก็วิ่งห่างออกไปเรื่อยๆจากสายตาผม
ผมทำตัวไม่ถูก...อยากจะวิ่งออกไปแต่ขากลับก้าวไม่ออก
ร่างกายผมกำลังช็อคเพราะหัวใจกำลังบีบรัดจนผมแทบจะลืมวิธีหายใจ...
ตัวผมเปียกปอนเพราะสายฝนไปหมด และมันกลมกลืนไปกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตา
ผมทำพลาดไปแล้วจริงๆ....
ปรี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
เสียงแตรรถที่ผมยืนขวางอยู่ถูกบีบขึ้นมาจนทำเอาผมสะดุ้ง...
ผมรีบโค้งขอโทษเขาแล้ววิ่งขึ้นไปนั่งประจำฝั่งคนขับ ก่อนจะขับรถเข้าไปจอดริมฟุตบาทที่ใกล้ที่สุด
แล้ววิ่งพล่านไปทั่วเพื่อหาร่องรอยของคยองซูที่หนีไปจากผม
โทรศัพท์มือถือของผมแบตหมดทั้งสองเครื่อง
แต่ผมก็ยังวิ่งไปที่ตู้โทรศัพท์เพื่อกดเบอร์ของน้องเขาที่จำได้จนขึ้นใจ
แต่มันสายไปแล้วทุกอย่าง...น้องเขาปิดโทรศัพท์และหายไปจากชีวิตผมโดยไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว...
น้ำฝนตกลงมาจนทำให้ผมรู้สึกหนาวเหน็บ...หากแต่หัวใจของผมกำลังร้อนรุ่มด้วยความกังวล
ผมเป็นห่วงเขาเหลือเกิน....เจ็บใจเหลือเกินที่พลั้งปากพูดออกไปอย่างนั้น
นายอยู่ไหนนะคยองซู...กลับมาได้ไหม....ฉันขอโทษ
“โธ่เว้ย!!!!!!”
ผมยกมือขึ้นกุมหัวแล้วร้องไห้ออกมา
หัวใจกำลังบีบตัวอย่างเจ็บปวด และสมองก็วิ่งวุ่นไปหมดว่าเขาไปอยู่ที่ไหน...
ผมทิ้งตัวลงอิงกับตู้โทรศัพท์อย่างอ่อนแรง ยกกำปั้นขึ้นชกกับกระจกตู้โทรศัพท์ไปทีหนึ่งอย่างแรง
จนรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่กระดูกตรงหลังมืออย่างชัดเจน
แต่ในตอนนี้ความเจ็บปวดในหัวใจของผมยิ่งทวีคูณไปมากกว่า เมื่อมองไปที่ไหนก็ไร้วี่แววของเขาในบริเวณนี้...
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น...เพียงแค่เสี้ยววินาที
เป็นวินาทีเดียวที่ผมทำตัวโง่เง่า ปล่อยให้ปากพูดคำท้าทายออกไปโดยไม่ได้คิดถึงใจน้องเขาและหัวใจตัวอง
ผมเพิ่งจะรู้สึกตัวก็ตอนนี้เอง ตอนที่น้องเขาเดินออกไปจากชีวิตผม...ว่าผมคือ คิม จงอิน
.
.
และผมเป็นผู้ชายที่งี่เง่าที่สุดในโลก....
************
“จื่อเทา! คยองซูมาที่บ้านนายไหม?”
ผมตาลีตาเหลือกถามเขาเมื่อขับรถมาจนถึงหน้าบ้านของจื่อเทา
เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วที่ผมตามหาคยองซู...แต่ผมก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอยของเขา
หัวใจผมกำลังจะแตกสลาย...ผมรู้สึกว่าผมกำลังจะตายมันตอนนี้
จื่อเทาเบิกตากว้างอย่างตกใจที่เห็นสภาพของผม...
เพราะตัวผมเปียกปอนไปหมดและดวงตาก็แดงก่ำ
หากแต่ผมไม่ได้สนใจจะรักษาภาพพจน์อีกแล้ว...มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปแล้ว
“ม...ไม่ครับ คยองซูไปไหน? ทำไมพี่ถึงเป็นอย่างนี้?”
จื่อเทาถามผมอย่างร้อนรน...เขาปรี่เข้ามาประคองผมที่ทรุดตัวลงแล้วร้องไห้
จื่อเทาไม่ได้โกหก...เขาไม่รู้จริงๆว่าคยองซูอยู่ไหน เพราะท่าทางร้อนรนของเขาบอกผมแบบนั้น
“พ...พี่ไม่รู้...เราทะเลาะกัน แล้ว...ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
คยองซูวิ่งลงจากรถ! ล...แล้วพี่ก็ พี่...พี่วิ่งตามแล้วแต่ไม่ทัน!
ต...ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนไม่รู้ ค...คยอง...ฮึก พระเจ้า...”
ผมร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั้น...จื่อเทามองผมอย่างเวทนาแล้วโอบบ่าของผมเอาไว้
เขาบอกให้ผมใจเย็นแต่ในสถานการณ์ตอนนี้มันทำให้ผมรับรู้ได้ว่ามันยากเหลือเกินที่จะสงบจิตสงบใจได้
แรงบีบที่หัวไหล่นั้นทำให้ผมยิ่งร้องไห้ฟูมฟายออกมาอีก
ผมไม่รู้ว่าจะไปหาเขาจากที่ไหนแล้ว...ผมไม่รู้จริงๆ
“พี่จงอิน...ใจเย็นก่อนนะพี่ ด...เดี๋ยวผมไปหยิบโทรศัพท์ก่อน
ผมจะติดต่อเพื่อนๆในห้องดูว่าคยองซูไปหาใครหรือเปล่า”
จื่อเทาลุกขึ้นแล้วผละออกจากผมจะเดินเข้าบ้านไป
หากแต่แม่ของจื่อเทากลับเดินสวนออกมาซะก่อน...
“จื่อเทา...พี่แบคฮยอนโทรมาหาลูกน่ะ เขาจะคุยกับลูก
ตายแล้ว!!!...คุณจงอินทำไมตัวเปียกขนาดนั้นล่ะคะ?
เข้ามาในบ้านก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปเอาผ้าขนหนูมาให้”
“ม...ไม่ต้องหรอกครับ จ..จื่อเทา แบคฮยอนโทรมาว่าอะไร?!
คยองซูอยู่กับเขาใช่ไหม? เอาโทรศัพท์มานี่!!”
ผมปรี่เข้าไปแย่งโทรศัพท์ในมือของจื่อเทามาแนบหู กรอกเสียงลงไปอย่างร้อนรน
และตอนนี้ผมก็มั่นใจแล้วว่าคยองซูไปอยู่ที่ไหน...
“อ...ไอ้แบคฮยอน! คยองซูอยู่ที่นั่นใช่ไหม?
บอกกูสิ! คยองซูอยู่ที่บ้านมึงใช่ไหม?”
ผมตะคอกไปในสายโทรศัพท์อย่างร้อนรน...รู้สึกว่าตัวสั่นเทาเพราะว่าเขาเป็นเหมือนกับความหวังสุดท้าย
“จงอิน...มึงใจเย็นๆก่อนนะ และใช่...ตอนนี้คยองซูอยู่ที่บ้านกู
กูพยายามโทรหามึงแต่ก็ไม่ติดเลย
โทรไปที่บ้านก็ไม่รับ...กูเลยคิดว่ามึงต้องมาหาจื่อเทาแน่ๆ”
เสียงของแบคฮยอนที่ตอบกลับมานั้นราวกลับมีน้ำอุ่นๆรดราดหัวใจผม
การที่ได้รับรู้ว่าเขาอยู่กับแบคฮยอนนั้นเป็นเรื่องดีที่สุด...
เพราะอย่างน้อยผมก็รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร....
“ง....งั้นรอกูก่อนนะ เดี๋ยวกูจะไปหาที่บ้าน บอกคยองซูว่าเดี๋ยวกูจะไปรับ”
ผมรีบละล่ำละลักบอกแบคฮยอนไปก่อนจะยกยิ้มร่า....
หากแต่คำตอบของแบคฮยอนที่ส่งกลับมากลับทำให้ผมต้องเจื่อนยิ้มลงไป
“ไม่ต้องมาหรอกไอ้จงอิน...ตอนนี้น้องเขายังไม่พร้อมจะคุยกับมึง
ตอนแรกน้องเขาบอกไม่ให้โทรบอก แต่กูกลัวมึงจะเป็นบ้าเลยขอน้องเขาแล้วโทรมาบอกมึงจนได้
ตอนนี้กูขอร้องให้มึงใจเย็นๆ แล้วก็กลับบ้านซะ
เดี๋ยวกูจะไปหามึงที่บ้านแล้วไปเอาเสื้อผ้าให้คยองซู โอเคไหม?”
แบคฮยอนบอกผมและทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว...
ผมไม่เห็นด้วยเลยซักนิดที่จะทำแบบนั้น และผมรู้ดีว่าผมไม่มีทางเลือกเพราะว่าเรื่องนี้ผมเป็นคนผิด
แต่ผมก็ยังอยากจะพยายามอยู่ดี...ผมอยากให้คืนนี้น้องเขากลับไปนอนที่บ้านกับผม
“ท...ทำไมล่ะ? ให้กูคุยกับคยองซูหน่อยได้ไหม?
กูอยากคุยกับคยองซู ส่งโทรศัพท์ให้เขาคุยหน่อย” ผมขอร้องแบคฮยอน
แต่แบคฮยอนกลับเงียบนิ่งและส่งเสียงถอนหายใจหนักๆผ่านมาทางโทรศัพท์
ได้ยินเขาเดินเข้าไปหาคยองซูแล้วกระซิบถามกันเบาๆแค่นั้นก็ทำให้ผมใจเต้น
ผมได้ยินเสียงของคยองซูแล้ว...
แม้ว่าจะแผ่วเบาจนเหมือนว่าพวกเขากำลังกระซิบถามกันแต่ผมกลับได้ยินเสียงน้องเขาอย่างชัดเจน
น้องเขากำลังร้องไห้...สะอึกสะอื้นหนักไม่ต่างจากผม
‘จงอินมันอยากคุยด้วย...คุยกับมันหน่อยได้ไหม?’
เสียงแบคฮยอนกระซิบถามคยองซูอย่างห่วงใยลอดเข้ามาในหูของผม
หัวใจของผมเต้นระทึกอย่างร้อนรน และรอคอยคำตอบดีๆที่คาดคิดว่าจะได้รับจากน้องเขา
แต่สิ่งที่ผมได้ยินมันทำให้หัวใจของผมปวดร้าวและราวกับว่ามันแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ
‘ไม่ครับ...คยองไม่อยากพูดกับเขา’
น้ำตาของผมไหลออกมาอีกหนเมื่อเสียงกระซิบนั้นหนักแน่นจนทำเอาผมใจหาย
ดูเอาเถอะ...เขาคงเกลียดผมมาก จนแค่ร้องขอให้คุยกันเขายังทำมันไม่ได้เลย
ไหนบอกว่ารักกันไงล่ะ? แล้วทำไมเขาใจร้ายกับผมแบบนี้?
“จงอิน...น้องเขาบอกว่าไม่อยากคุยกับมึง” แบคฮยอนกรอกเสียงมาตอกย้ำผมอีกครั้งจนผมต้องกัดริมฝีปาก
“ก...กูควรทำยังไง?” ผมถามออกไปเสียงแผ่ว เสียงนั้นขาดห้วงเพราะผมร้องไห้ออกมาอย่างเปิดเผย
“กลับไปบ้านซะจงอิน...เดี๋ยวกูจะไปหามึงที่บ้าน แล้วเราค่อยคุยกันเรื่องนี้”
แบคฮยอนตอบกลับมาแล้วกดตัดสายทิ้งไป...
ผมหลับตาลงรับความเจ็บปวดที่ตัวเองเป็นคนก่อขึ้นแล้วรู้สึกว่าหัวสมองขาวโพลนไปหมด
รู้ดีว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่หัวสมองที่ยังคงว่างเปล่ากลับเต้นตุบๆราวกับจะประท้วงให้ผมคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
ผมส่งโทรศัพท์คืนให้จื่อเทาก่อนจะโค้งลาแม่ของเขาแล้วออกมาจากบ้าน
ขับรถออกมาอย่างไร้สติเพราะร้องไห้อย่างหนัก...และผมทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆนอกจากกลับไปที่บ้าน
ทำตามคำแนะนำของแบคฮยอนทั้งๆที่ผมไม่ได้ต้องการที่จะทำอย่างนั้น....
ผมอยากจะขับรถไปที่บ้านของแบคฮยอน
ตะโกนโหวกเหวกโวยวายแล้วลากน้องเขากลับบ้านอย่างเอาแต่ใจ แต่ก็รู้ดีว่ามันจะทำให้เรื่องนี้แย่เข้าไปใหญ่
สุดท้ายแล้วสิ่งที่ผมทำได้ก็คือร้องไห้เท่านั้น
ร้องไห้ให้กับความโง่ของตัวเองแล้วยอมรับชะตากรรมก็เท่านั้น
ผม....ทำได้แค่นี้
************
เสียงกริ่งที่หน้าบ้านดังขึ้นในกลางดึก แต่มันกลับเป็นเสียงกริ่งที่ผมรอคอยอย่างร้อนรน
ผมปรี่ไปเปิดประตูทันทีโดยไม่รอให้เสียงกริ่งดังเป็นครั้งที่สอง
เมื่อเปิดมาพบกับเพื่อนรักที่ทำหน้าตาเคร่งเครียด แล้วผมก็กวาดตามองไปด้านหลังเขา
ทั้งๆที่ก็รู้ว่าน้องเขาคงไม่กลับมา...
“ไหวไหมมึง...หายบ้าหรือยัง?”
แบคฮยอนถามขึ้นพลางถอนหายใจ
เขาเดินเข้าไปในบ้านโดยที่ผมไม่ได้เชื้อเชิญ และเอากันตามจริงแม้แต่เรี่ยวแรงผมก็ไม่มีมากพอจะทำอย่างนั้น
แบคฮยอนเดินเข้ามากอดผมเอาไว้แน่นเมื่อเห็นน้ำตาของผมไหล
ผมกำลังร้องไห้อีกแล้ว...
“ใจเย็นนะจงอิน...น้องเขาไม่ได้เป็นอะไรโอเคไหม?
น้องเขาอยู่ที่บ้านกูนะ อยู่กับชานยอลไง
มึงไม่ต้องกลัวอะไรหรอก...เพราะฉะนั้นสบายใจได้แล้ว”
แค่ขอเวลาให้มึงและน้องเขาได้คิดอะไรบ้าง...ห่างกันบ้างจะได้รู้ว่าควรทำยังไงต่อไป”
แบคฮยอนพูดพลางถอนหายใจออกมายาวเหยียด...
เขายกมือขึ้นบีบที่บ่าของผมเบาๆและนั่นทำให้น้ำตาผลร่วงลงมาอีกอย่างห้ามไม่ได้
ผมเพิ่งมารู้สึกตัวว่าผมไม่ได้ร้องไห้หนักๆอย่างนี้มานานมากแล้ว
ครั้งสุดท้ายที่ผมร้องไห้คือตอนที่พ่อของผมตาย...และมันผ่านมาหลายปีมากแล้ว
แต่ตอนนี้ผมกำลังเสียน้ำตาให้กับเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง
ที่อายุห่างกันสิบปีและไม่ได้มีความผูกพันทางสายเลือดเลยแม้แต่นิดเดียว...
แต่ทุกอย่างที่ผมมีต่อเขามันมากกว่านั้น...
“มาทางนี้สิไอ้จงอิน...มานั่งพักก่อนนะ
และหยุดร้องไห้ได้แล้ว”
แบคฮยอนลากผมให้เดินมานั่งที่โซฟา ตรงที่ผมและคยองซูมักจะนั่งดูทีวีและละครหลังข่าวด้วยกันเสมอ
ผมยังจำมันได้ดีถึงภาพเหล่านั้น ถึงแม้ว่าช่วงหลังๆนี้งานผมจะยุ่งจนทำให้แทบไม่มีเวลา
แต่สิ่งที่ชัดเจนในใจของผมคือผมไม่เคยจะพลาดโอกาสที่จะได้ดูละครกับเขาเลยซักครั้ง...
“ค..คยองซูจะกลับมาไมวะแบคฮยอน?
กูควรทำยังไงให้น้องเขากลับมา...”
ผมถามแบคฮยอนออกไป รู้สึกว่าเจ็บปวดจนแทบขาดใจเมื่อได้พูดถึงเขา
แบคฮยอนหลับตาลงก่อนจะสูดลมหายใจลึก
ราวกับว่าเขาอยากจะใช้เวลาครุ่นคิดว่าควรตอบคำถามข้อนี้กับผมยังไง...
“เอาล่ะ...กูว่ามันถึงเวลาที่มึงต้องฟังกูพูดแล้วคิดได้แล้วนะ
กูรู้แล้วเรื่องน้องเขากับจงฮยอน...กูรู้มานานมากแล้วด้วยไอ้จงอิน
มึงรู้ไหมว่าจงฮยอนจีบคยองซูมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ม.สาม...
จนตอนนี้ผ่านมาหลายปีแล้วนะ กูขอถามหน่อยว่าคยองซูทำยังไงกับเรื่องนี้?
มึงคิดว่าคนเราจะอดทนกับแรงตื้อและการเอาใจได้นานซักเท่าไหร่เหรอ? เมื่อมีคนดีๆที่รักและคอยเอาใจใส่อยู่ข้างๆ
ถ้าเป็นกู...กูขอบอกว่ากูหวั่นไหวแน่นอนเพราะยังไงกับมึงก็ไม่เห็นหนทางไปต่อ
แต่คยองซูทำยังไงล่ะ? น้องเขาหวั่นไหวไหม? ไม่เลย...
กี่ปีมาแล้วที่น้องเขาคิดถึงมึงแค่คนเดียว...กี่ปีมาแล้วที่น้องเขาเอาแต่พูดถึงมึงแค่คนเดียว
ทั้งๆที่มันชัดเจนขนาดนี้...แต่ทำไมมึงถึงปฏิเสธน้องเขา”
แบคฮยอนพูดยาวก่อนจะลงท้ายประโยคด้วยการถามผม...
ผมหลับตาลงก่อนจะรับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดจากข้อความที่แบคฮยอนเพิ่งบอกกับผม
ผมรู้คำตอบเกี่ยวกับมันดี...ผมรู้มันมาเสมอ
ผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดสิบปีที่ผ่านมาหรอก แต่คยองซูกลับแสดงออกอย่างชัดเจน
แต่เป็นผมเองที่ปิดกั้นและไม่รับรู้เกี่ยวกับมัน...
เป็นผมเองที่หนีมันทุกอย่าง...
“กูไม่รู้ว่ากูรู้สึกยังไง...เราเห็นกันมาตั้งแต่เล็กจนโตจนเหมือนเป็นเรื่องปกติ
ถ้าจะรักกันน่ะมันไม่ยากเลยไอ้แบคฮยอน เพราะเราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้วมึงเข้าใจกูไหม?
แต่โลกเรามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น...ทุกคนจะมองเราแบบไหนวะ?
กูรู้สึกผิดต่อคุณโด และรู้สึกผิดกับซูจองด้วย
กูจะบอกพวกเขายังไงให้เขาใจ...กูไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงให้พวกเขายอมรับได้
กูไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ากูรักน้องเขาหรือเปล่า กูไม่อยากให้สถานการณ์มาบีบบังคับให้กูต้องรักน้องเขา...
กูเลี้ยงคยองซูมาตั้งแต่เด็กจนโตมาป่านนี้...กูไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าน้องเขาแค่ผูกพันกับกูหรือว่ารักกันจริงๆ”
ผมตอบแบคฮยอนไปทั้งน้ำตา...เรื่องนี้ไม่เคยออกจากปากของผมมาก่อนเลยซักครั้งในชีวิต
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเปิดมันออกไปกับเพื่อนๆ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่แค่คนเดียวมาตลอด
“นี่เป็นคำถามที่มึงต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนไอ้จงอิน
ตอบให้ได้ว่ามึงรักน้องเขาไหม...แล้วทุกอย่างจะคลี่คลายเอง
ใช้เวลาที่ห่างกันนี้คิดดูให้ถี่ถ้วนนะ สำรวจหัวใจของมึงดู
แล้วเมื่อไหร่ที่มึงรู้ตัวว่ามึงรักหรือไม่ได้รักน้องเขา
เมื่อนั้น...มึงน่าจะรู้ว่าควรทำยังไงกับเรื่องนี้ต่อไป”
แบคฮยอนพูดก่อนจะพรูลมหายใจออกมายาวเหยียดอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วมองขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้าน
“กูมาเอาเสื้อผ้าให้คยองซู...และจะให้คยองซูพักอยู่กับกูซักพักหนึ่งจนกว่ามึงจะคิดไว้ว่าควรจะเอายังไง
กูรู้ว่ามันอาจจะยากซักหน่อยแต่กูขอร้องให้มึงได้คิดดูก่อนนะจงอิน
แล้วตอบตัวเองให้ได้ซักทีว่าไอ้อาการบ้าบอที่มึงเป็นมาตลอดเนี่ยคืออะไร
กูคงพูดกรอกหูมึงไม่ได้หรอกว่ามึงรู้สึกยังไง ถ้าในตอนนี้มึงยังไม่เข้าใจตัวเองแบบนี้
เพราะงั้นแล้ว...ใช้เวลาที่ห่างกันให้คุ้มค่านะ
คิดทบทวนดูถึงเวลาที่พวกมึงเคยอยู่ด้วยกัน แล้วให้คำตอบกับตัวเองให้ได้ว่ามึงเป็นห่าอะไรกันแน่...
.
.
.
และกูหวังว่ามึงคงไม่โง่และคิดนานจนเกินไปนะ...จงอิน”
*************
ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงของตัวเองตามลำพังเป็นครั้งแรกในรอบสามปีให้หลัง...
เพราะหลังจากที่จงแดและชานยอลลี้ภัยมานอนบ้านเราคราวนั้น
มันทำให้ผมและคยองซูคิดว่าคงจะดีกว่าและสะดวกกว่าถ้าเราจะย้ายมานอนด้วยกัน
เหตุผลของคยองซูคือเขาไม่อยากจะย้ายของไปๆมาๆบ่อยๆเพราะจงแดลี้ภัยมาอยู่บ้านเราไม่ใช่แค่ครั้งหรือสองครั้ง
ผมเองก็เออออห่อหมกไปด้วยเพราะไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้
แต่เหตุผลจริงๆที่ผมไม่เคยบอกเขาคือผมกำลัง เสพติดกลิ่นของคยองซู เพื่อทำให้ตัวเองนอนหลับสบาย
ผมรักกลิ่นหอมแบบเด็กๆของเขา และเรียนรู้ว่ากลิ่นนั้นทำให้ผมหลับสนิทและฝันดี
ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าผมไม่ชอบนอนคนเดียวก็ตอนที่ไม่มีคยองซูนอนอยู่ข้างๆ
ผมรักที่จะนอนกอดเขาตอนนอนเหมือนกับเด็กที่ติดหมอนข้างอย่างไรก็อย่างนั้น
แต่ผมไม่เคยรู้สึกตัวเลย...ผมกลับเพิ่งมารับรู้มันก็ตอนนี้...
ตอนที่ผมไม่มีเขานอนข้างๆแบบนี้....
นอนไม่หลับ...
นี่เป็นความคิดอย่างเดียวของผมที่วนเวียนอยู่ในหัวจนทำให้รู้สึกหงุดหงิด
แม้ว่าผมจะเอาหมอนที่มีกลิ่นของเขาติดอยู่แต่ผมก็รับรู้ว่ามันแทนกันไม่ได้
สิ่งที่ผมได้รับมาตลอดคือสัมผัส...แต่ตอนนี้ผมกลับต้องนอนคนเดียวอยู่แบบนี้
ผมลืมตาเบิกโพลงในความมืดแล้วครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆที่ทำให้ผมไขว้เขวไป
คิดถึงเรื่องราวต่างๆนับตั้งแต่วันแรกที่เขามายืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านแล้วค่อยๆเปลี่ยนชีวิตของผมไปทีละน้อย
เข็มทิศชีวิตของผมค่อยๆเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเขาเข้ามาในชีวิต
จากผู้ชายเสเพล เลื่อนลอย และมีชีวิตอยู่ไปวันๆกลับพลิกผันและเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
และเหตุผลทั้งหมดก็มาจากเขาเท่านั้น...
ผมพยายามคิดว่าตัวเองยิ้มแย้มเพื่ออะไร...เสียใจเพื่ออะไร หรือแม้กระทั่งตอนที่ผิดหวัง
ที่ผมทำงานหนักและพยายามทำตัวเองให้ดีขึ้นนั้นเป็นเพราะอะไร และเพราะใครกันแน่...
น่าตลกดีที่คำตอบของผมมีเพียงแค่คยองซูเท่านั้น...
หากผมเป็นโลก คยองซูก็คงเป็นพระอาทิตย์...
ผมต่างหากที่หมุนเวียนอยู่รอบตัวเขา ไม่ใช่เขาที่ต้องยึดเอาผมเป็นเหมือนศูนย์กลางของจักรวาล
ผมกัดริมฝีปากลงไปแน่นเมื่อคิดถึงคำพูดของคยองซูที่ผ่านเข้ามาในหัวของผม
ใช่...ผมยังจำมันได้ดี...
‘ไม่ใช่นะ...ไม่ใช่ ป่ะป๊าคยองซูไม่ใช่จงอินนะ ป่ะป๊าคยองอยู่เมืองนอก
คยองไม่ได้เป็นลูก แต่เป็นเจ้าสาวของจงอิน’
‘จงอิน... ถ้าใช้คู่กับคยองแล้ว...
จงอินอย่าใช้คู่กับใครอีกนะ...’
‘ก็พี่คร๊องน่ารัก...จงอินก็น่ารัก
คยองชอบพี่คร๊อง แล้วคยองก็ชอบจงอินด้วยย’
‘ถ้าโปโรโระหรือทุกๆคนบนโลกนี้จมน้ำไปหมด
คนแรกที่คยองจะโดดลงไปช่วย...คือจงอินนะ’
‘คยองขอโทษนะครับ คยองรู้ตัวว่าไม่ควรเอาแต่ใจ
แต่คยองเพิ่งรู้ตัวว่าคยองไม่ได้ต้องการของขวัญวันเกิดอะไรเลย
น...นอกจากขอให้จงอินกลับมาอยู่ตรงนี้’
‘ท...ทำไมจงอินพูดกับคยองแบบนี้ จงอินก็รู้ว่าคยองมีแค่จงอินคนเดียว!
คยองรักจงอิน! คยองรู้ว่าจงอินรู้ดี แต่จงอินแกล้งทำเป็นไม่รู้มันมาตลอด’
‘หัวใจคยองมันไม่เคยเปิดรับใครเลย! มันเพราะอะไรล่ะ?! เพราะจงอินไม่ใช่เหรอ?
ถ้าคยองไม่รู้จงอินก็ช่วยสอนคยองสิ! ส...สอนคำว่ารักกับคยองสิ!’
‘ทำไมล่ะ? อายุห่างกันสิบปีแล้วมันเป็นยังไง?
ใครกำหนดกฏเกณฑ์ไว้เหรอว่าห่างกันเกือบรอบแล้วรักกันไม่ได้’
ผมลืมตาขึ้นมาหลังจากที่ถ้อยคำพวกนั้นถูกขุดขึ้นมาจากความทรงจำเกือบครึ่งชีวิตของผม...
ผมกอดหมอนที่เป็นของคยองซูแน่นก่อนจะมองตุ๊กตาโปโรโระที่เขาทิ้งมันเอาไว้ที่นี่
และเขาเลิกกอดโปโรโระไปตั้งแต่ม.สามเพื่อที่จะได้หันมากอดผมแทน...
ผมสูดลมหายใจเข้าไปในปอดก่อนจะพรูลมหายใจออกมายาวเหยียด
กัดริมฝีปากแล้วคิดถึงเรื่องราวทุกอย่างวนเวียนอีกรอบหนึ่ง
ก่อนที่จะหลับตาลง....
.
.
.
และตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าผมรู้สึกยังไง....
✚ TALK
ใจเย็นนะคะนะ...และปล่อยให้มันเป็นไป
ฟิคมันก็มีสเต็ปของมัน ไรเตอร์ขอให้รีดเดอร์ไม่จริงจังกับดราม่ามากเกินไป
ไรเตอร์ขอสัญญาว่าเรื่องนี้จบไม่ได้ดราม่าค่ะ
จะไม่มีตอนจบแบบดราม่าเวอร์แน่นอน...เพราะฉะนั้นช่วยรับให้ได้กับดราม่าที่กำลังจะมาและผ่านไปด้วย
ไรเตอร์มีข้อตกลงที่จะขอพูดคุยกับรีดเดอร์ทุกคนหน่อยค่ะ
เพราะหลังจากที่อ่านกันมาถึงตอนนี้แล้ว รีดเดอร์คงเห็นแล้วว่าไรเตอร์ข้ามฉากสำคัญๆเกี่ยวกับคู่อื่นไปหมด
อย่างเช่นปมรักสามเศร้าของ ชานเทาแบค ที่ควรจะมีแต่ก็ไม่มี...
ทั้งของเฉินหมิน เซฮุน แล้วก็เรื่องของจงฮยอนและน้องคยองที่ควรจะใส่รายละเอียดมากกว่านี้แต่ไม่ได้เขียนลงไป
เพราะไรเตอร์ไม่อยากให้อารมณ์คู่อื่นมาสะดุดคู่พี่จงอินกับน้องคยองให้อารมณ์เสีย
และอยากให้ทุกคนโฟกัสกับคู่พี่น้องคู่นี้ไปแบบเต็มๆด้วยกัน
และหลังจากที่ไรเตอร์กลับมานั่งคิด ไรเตอร์เลยมีข้อเสนอว่า...
ถ้ารวมเล่มเรื่องนี้แล้วไรเตอร์ค่อยเอามาแทรกในรวมเล่มมันจะโอเคกว่าไหม? รอเซอร์ไพร์สในเล่มเลยทีเดียว...
หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือให้ลงเป็นสเปเชียลย้อนหลังแล้วค่อยๆแทรกไปในเนื้อเรือง?
ไรเตอร์ขอให้ทุกคนโหวตโดยการคอมเม้นท์เพราะว่าไรเตอร์ทำกล่องโหวตไม่เป็น #เอวัง
เพราะฉะนั้นแล้วใครที่ถามเรื่องรวมเล่มเข้ามา เรื่องนี้มันมีแน่นอนค่ะ
แต่เรื่องคู่ก็อยู่ที่ว่าเราจะตกลงกันแบบไหน...
ขอให้ทิ้งคอมเม้นท์ไว้นะคะ สำหรับนักอ่านเงาที่อยากจะสั่งรวมเล่มก็คิดว่าใช้สิทธิของตัวเองในการโหวตแล้วกัน :)
ถ้ายังไง...เราเจอกันแชปหน้านะคะ
แล้วไรเตอร์จะให้ข้อสรุปว่าเราจะเอายังไงกับคู่ที่เหลือกันนะ
เพราะฉะนั้นแล้ว อย่าเพิ่งทิ้งน้องคยองไปไหน อยู่กับน้องคยองต่อไปนะคะ ^^
รักรีดเดอร์ทุกคนมากค่ะ ♥
- ไรเตอร์นมน. -
ความคิดเห็น