คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ✚ BE MY BABY :: NINE
Author : MR.$N0WMAN*
Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo
Story : Jackboiz
Rate : PG - 15
Be my Baby*
‘0.09’
“ก็พี่น่ะซื่อบื้อ...คยองล่ะโมโหจริงๆที่พี่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยซักที!”
โอเค...นี่เป็นประโยคสนทนาที่ผมได้ยินจากปากของคยองซูในตอนนี้
ในขณะที่ผมกำลังง่วนอยู่กับตารางตัวเลขอันน่าปวดหัว
แต่ทั้งไอ้เด็กดื้อและเพื่อนรักกลับเห็นว่าการที่มาพูดคุยกันแล้วกวนสมาธิของผมนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรใส่ใจ
จงแดมาที่บ้านเราตั้งแต่เช้า
แถมยังหอบเสื้อผ้าและอะไรต่อมิอะไรมาด้วยเพราะว่าเขาทะเลาะกับมินซอกมายกใหญ่
และเหตุผลมันก็เรื่องเดิมๆนั่นแหละ...ไอ้จงแดแม่งงี่เง่า
“ฉันซื่อบื้อตรงไหนกัน...
ก็ในเมื่อต้องทำโอที ฉันก็โทรไปบอกมินซอกมันก็ถูกแล้วนี่
ถ้าไม่โทรไปบอกสิถือว่าซื่อบื้อ...”
จงแดแหวขึ้นมาอย่างจะบอกว่าเขาไม่ผิด...
ผมกรอกตาอยู่ภายใต้แว่นกรอบสี่เหลี่ยมเล็กแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เพราะยังไงๆผมก็คิดว่าคยองซูน่าจะจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเขาเองอยู่แล้วล่ะ...
“ซื่อบื้อสิ!! มีอย่างที่ไหนนัดพี่มินซอกไปดูหนังแล้วก็มาเบี้ยวกันแบบนี้!
เป็นคยองนะ คยองก็จะงอนๆๆๆๆๆๆๆ
เพราะว่าถ้าจงอินมานัดคยองแบบนี้แล้วเกิดเบี้ยวขึ้นมากะทันหัน ยังไงๆจงอินก็ต้องผิดอยู่วันยังค่ำ!”
คยองซูพูดพลางหันมาหาผมแล้วชี้มือชี้ไม้มาเพื่อประกอบคำที่เขาพูด
แถมไม่พอยังทำหน้าตาโมโหจริงจังอย่างกับว่าผมไปทำอะไรผิดจริงๆซะอย่างนั้น
“อ้าว...แล้วฉันไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?”
ผมหลิ่วตาแล้วถาม
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คราคาแพงที่ไม่เคยได้สัมผัสกับฟีเจอร์อื่นๆเลยนอกจากไมโครซอฟ ออฟฟิศ
ถึงแม้ว่าผมจะทำงานอยู่ในบริษัทซอฟแวร์เกมส์ชื่อดัง แต่ในคอมพิวเตอร์กลับไม่ค่อยได้ใช้งานอะไรนัก
นอกจากโปรแกรมเวิร์ด พาวเวอร์พ้อยท์ และเอ็กซ์เซล!
ให้ตายเหอะ...แล้วผมจะเสียเงินซื้อมาหลายหมื่นเพื่ออะไรกันวะครับ!
เออ...นอกเรื่อง เอาเป็นว่าผมเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอคอมพ์แล้วก็ถอนหายใจ
รู้สึกเหนื่อยใจจริงๆที่ทั้งสองคนเอาแต่เถียงกันมาอย่างนี้ร่วมชั่วโมงแล้ว
และงานของผมก็ยังไม่คืบหน้าเลยซักแอะเดียว...
เรื่องมากวนสมาธิน่ะไม่เท่าไหร่...เพราะปกติคยองซูก็กวนใจผมเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
แต่เรื่องงานไม่คืบหน้าเลยเนี่ยแหละที่ทำผมเครียดจริงๆ
ปวดหัวจัง...ผมอาจต้องพักซักหน่อย...
“คยองไม่ได้บอกว่าจงอินผิดซักหน่อย...แค่ยกตัวอย่างเฉยๆ”
คยองซูพูดพลางมุ่ยหน้าและกอดอก
ทำเอาผมต้องหลิ่วตามองด้วยความไม่เข้าใจในท่าทีของเขาเลยซักนิด
“แล้วทำไมต้องทำท่าโมโหด้วย? ไหนบอกว่ายกตัวอย่างเฉยๆไง?”
ผมถามเขากลับบ้างในขณะที่ถอดแว่นออกไปจากดั้งจมูก
ถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วมองท่าทางฮึดฮัดของน้องเขา
ยกตัวอย่างบ้าอะไรทำไมต้องทำท่าโกรธด้วย?
“ก็แค่คิดมันก็โมโหแล้วอ่ะ! นี่แค่คิดยังโมโหเลย
ถ้าจงอินทำจริงคยองคงจะโกรธมาก ฮึ้ยยยยยย
ถ้าปล่อยให้คยองรอแบบที่พี่จงแดทำนะ! จะงอนๆๆๆๆๆๆๆๆๆจริงๆด้วย!!!
คยองไม่ชอบรอ! รอแล้วมาแก้ตัวข้างๆคูๆก็ไม่ชอบ!
ตัวเองผิดแล้วมาแถว่าเป็นความผิดคนอื่นก็ไม่ชอบ!”
คยองซูพูดพลางเหวี่ยงกำปั้นรัวเล็กมาที่แขนผมเบาๆทีหนึ่ง ไอ้ตอนแรกผมก็ยังทำหน้างงๆกับอาการของน้องเขาอยู่หรอก...
จนกระทั่งเริ่มนึกออกว่าน้องเขาโมโหเรื่องอะไรนั่นแหละถึงได้เริ่มต้นร้องอ๋อ
และรู้ถึงสาเหตุที่คยองซูโกรธแทนมินซอกขึ้นมาแบบนี้ เพราะเรื่องนี้มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับเมื่อวานซักเท่าไหร่
แหงล่ะ...เพราะเมื่อวานเราก็เพิ่งทะเลาะกันเรื่องนี้ไปหยกๆนี่นา...
โอเค...ไอ้ผมก็ดันผิดเองที่ทำงานเพลินจนลืมเวลาไปหน่อยเลยทำให้ไปรับคยองซูช้า
ตอนแรกก็เป็นห่วงอยู่หรอกแต่พอไปถึงโรงเรียนแล้วเจอน้องเขานั่งอยู่กับเพื่อนที่ชื่อจงฮยอนอะไรนั่นน่ะ
....มันน่าโมโหจริงๆนะครับ!
แถมไอ้เด็กคนนั้นมันยังทำตัวไร้สัมมาคารวะจนน่าเกลียด...
นอกจากจะทำเป็นหยิ่งไม่ทักทายผมแล้ว ไอ้เด็กคนนั้นมันยังมองผมแบบไม่ถูกชะตาแถมชวนหาเรื่องอีกด้วย...
โห...นี่พูดแล้วโมโห แต่แทนที่ผมจะได้โกรธน้องเขาก็กลับกลายเป็นว่าน้องเขาโกรธผมแทน
ผมเองก็ยอมรับว่าผมทำผิดนะที่ไปรับเขาช้า...แต่ก็เห็นอยู่กับไอ้เด็กจงฮยอนมีความสุขหัวเราะร่าเริงดีนี่
แล้วเขาจะต้องโกรธผมเรื่องอะไรอีกล่ะ...พวกคุณอย่างนั้นไหม????
แต่พวกคุณก็รู้กันใช่ไหมครับ? ว่าที่อ่านมาตั้งแต่ตอนแรกจนมาถึงตอนนี้น่ะ เป็นแค่ผมคนเดียวที่ต้องง้อเขามาตลอด
โอเค...ก็อาจจะมีตอนนั้นที่น้องเขาง้อ แต่สุดท้ายน้องเขาก็งอนผมกลับนี่!
และแน่นอนว่าแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ผมก็ยังคงต้องเป็นแบบนั้นเสมอล่ะ
ง้อทั้งๆที่ไม่ผิด...ง้อน้องเขาทั้งๆที่ไม่มีเหตุผลต้องง้อเลยด้วยซ้ำ
และยังไง วันนี้ก็ยังคงต้องง้ออยู่ดี...
แต่ผมเองก็รู้ดีว่าคยองซูทำแบบนี้เพราะอยากให้ผมง้อหรือทำตัวน่ารักๆใส่เขาก็เท่านั้น
เพราะท่าทางอย่างนี้ไม่ได้เรียกว่าโกรธจริงๆหรอก...เวลาที่คยองซูโกรธจริงๆมันน่ากลัวกว่านี้มาก
แต่ผมคงไม่ต้องรื้ออดีตมาเล่าให้คุณฟังหรอกนะ ไม่งั้นมันคงดราม่ามากแน่ๆ
แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ผมก็รู้แล้วล่ะว่าควรต้องทำยังไงให้เขาหายจากท่าทางแบบนี้
โธ่...ผมอยู่กับเขามาตั้งหลายปีนะ คิดเหรอว่าผมจะไม่รู้ทันเขา
“โธ่...เรื่องเมื่อวานฉันขอโทษน้า แต่ที่เราต้องจัดการคือเรื่องของจงแดไม่ใช่หรือไง
เก็บเรื่องเมื่อวานไว้ก่อนน่า แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”
ผมรุนหลังน้องเขาให้เดินไปนั่งที่โซฟาซึ่งมีจงแดนั่งทำหน้าง้ำหน้างอแล้วกอดอกอยู่
ผมเดินเลยไปที่ตู้เย็นเพื่อหาของว่างทานแก้เครียดซักหน่อย
แล้วก็ต้องยกยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นขนมและน้ำที่ผมชอบเรียงอยู่เต็มตู้เย็นไปหมด
เพราะช่วงนี้ผมเครียดๆเรื่องงานเป็นพิเศษ...คยองซูก็เลยชอบชวนผมออกไปซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆบ้าน
แล้วซื้อขนมนมเนยที่ผมชอบติดเอาไว้เต็มตู้...
เผื่อเวลาที่หิวหรือเคร่งเครียด เดินมาหยิบก็ผ่อนคลายไปได้หน่อยหนึ่ง...
ผมหยิบเอาน้ำอัดลมขึ้นมาเทใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่ม...
ก่อนจะชะโงกหน้าไปมองเพื่อนรักแล้วเอ่ยถามถึงความต้องการของเขา
“เฮ้ยไอ้แด้...มึงอยากกินน้ำอัดลมป่ะ?” ผมถามเขา หากแต่จงแดกัดริมฝีปากแล้วส่ายหน้าตอบกลับมาให้ผม
“ขอเปลี่ยนเป็นเหล้าแทนได้ป่ะ...น้ำอัดลมแม่งเบบี๋ว่ะ
เครียดจะตายห่าละ อยากจะเมาให้ลืมเธอ...” จงแดกระซิบพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
“พี่จงแด!! คยองยังเป็นเยาวชนอยู่นะ....จะมากินล่งกินเหล้าอะไรในบ้านนี้เล่า!
แถมยังมาชวนจงอินกินเหล้าอีก! ไม่ได้! ไม่ได้!”
คยองซูตะเบ็งเสียงใส่จงแดอย่างไม่เกรงกลัว...
อาจจะเพราะว่าสนิทกันมากตั้งแต่ยังเด็กๆ คยองซูเลยเห็นจงแดเป็นพี่ชายที่สนิทหรือเหมือนพี่ชายแท้ๆ
เออ...แต่ผมว่ามันก็มีอะไรบางอย่างที่ต่างกับผมอยู่ดีนะพวกคุณว่าไหม?
แต่ผมเองก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันอ่ะนะ...ว่าอะไรที่มันแตกต่าง...
“โห่...เยาวชนแก่แดดสิไม่ว่า หุบปากไปเลยเถอะไอ้เด็กแอ๊บแบ๊ว
ฉันไม่กินเหล้าหรอก...ช่วงนี้เข้าพรรษา ฉันถือศีลทรงสมาธิอยู่”
ไอ้จงแดพูดพลางยกมือขึ้นกลางอก...หลับตาลงอย่างกับว่าทำสมาธิอยู่จริงๆ
และเพราะเหตุนั้นแหละที่ทำให้ผมต้องแหวขึ้นมาอย่างรู้สึกหมั่นไส้
“ถุย...นี่ถือศีลทรงสมาธิของมึงเหรอ?
คืนก่อนเห็นยังไปที่ผับอยู่เลย อย่าให้กูฟ้องมินซอกนะ แม่งมีบ้านแตกแน่
เห็นไปหลีเด็กโต๊ะข้างๆด้วย อย่านึกนะว่ากูไม่เห็น”
ผมเอ่ยขึ้นมาอย่างขันๆในขณะที่ชี้หน้าเพื่อนรักอย่างเย้ยหยัน
ก่อนจะชะงักเมื่อไอ้จงแดส่งสายตากลับมาเป็นเชิงเตือน...บอกว่าผมพลาดไปซะแล้ว
โอ้วชิท! พลี๊สเทลมีว๊อทชู๊ดไอดู???
ผมหันไปมองคยองซูที่นั่งอยู่อีกฟากโซฟาแล้วกลืนน้ำลาย...
โอเค...ผมพลาดไปแล้วจริงๆ
“จงอิน!!! นี่หนีไปกินเหล้าแล้วมาโกหกคยองว่ามีเลี้ยงกับลูกค้าเหรอ?!!!!
งอน!!!! คยองงอนแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววว”
ผมและจงแดยกมือขึ้นปิดหูเมื่อน้องเขาตะโกนออกมาเสียงดังกังวานไปทั่วห้อง
หลังจากนั้นก็วิ่งปึงปังขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนแล้วปิดประตูดังปังเสียงดังสนั่น!
ผมได้แต่ยืนนิ่งค้าง...มองตามแล้วถอนหายใจออกมายาวเหยียด...
โอเค...คยองซูคงโกรธจริงๆแล้วล่ะคราวนี้
“ชิบหาย...ทำเป็นกำชับกูแล้วดันหลุดปากออกมาเองเนี่ยนะ
มึงนี่โง่ชิบหายเลยไอ้จงอิน”
จงแดพูดขึ้นเมื่อเดินมาคว้าแก้วน้ำอัดลมของผมไปกินต่อพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
นี่ถ้าไม่ติดว่ามันเองโดนไล่ตะเพิดออกมาจากอพาร์ทเม้นท์ของมินซอกผมก็คงจะไล่ตะเพิดมันไปเหมือนกัน
กูอยากจะบ้า...นี่นอกจากจะต้องมาดูแล(ตัวภาระ)เพื่อนรักแล้วยังต้องเจียดเวลาไปง้อคยองซูอีกเหรอเนี่ย
แล้วงานผมล่ะ...มันจะเสร็จไหมครับ?
************
ตลอดเวลาที่นั่งทานข้าวเย็นกัน...บรรยากาศในโต๊ะของเราเงียบกริบ
ผมและจงแดพูดคุยและหัวเราะกันบ้าง แต่มุขมันฝืดไปหมดเลยเพราะคยองซูเอาแต่ทำหน้างุ้มและเงียบสนิท
ขนาดว่ามุขของไอ้จงแดยังทำเอาผมที่เครียดๆหัวเราะออกมาดังลั่น
แต่น้องเขากลับไม่หลุดหัวเราะออกมาเลยซักนิดเดียว..
บ้าจัง...นี่โกรธขนาดนี้เลยเหรอ?
ผมเองก็รู้ดีว่าตัวเองผิดหรอก...
อยากจะโทษจะโบ้ยให้ไอ้จงแดตัวต้นเหตุที่คิดเหตุผลให้ผมหลอกคยองซูแล้วพาตัวเองออกมาเริงร่าคืนนั้น
แต่เอาจริงๆผมก็ดันเล่นด้วยกับมัน แถมยังโกหกซะแนบเนียนจนน้องเขาเชื่อสนิทซะด้วย
เพราะตอนที่คยองซูโทรมาตอนก่อนนอนผมยังแกล้งทำเป็นว่าติดคุยงานกับลูกค้าอยู่เลย
ผิด...ผมผิดเต็มประตูเลยล่ะ
พอน้องเขากินข้าวเสร็จเก็บล้างทุกอย่างแล้วก็เดินขึ้นห้องไป
เสียงที่ประตูยังบ่งบอกถึงความไม่พอใจของเขาอีกตามเคย...และนั่นทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างช่วยไม่ได้
“โถ...มีเด็กอย่างคยองซูนี่จัดการยิ่งกว่ามีเมียอีกนะมึงว่าไหม?
หรือว่าไม่แตกต่างวะ กูเริ่มไม่แน่ใจแล้วนะเนี่ยว่าเขาเป็นน้องหรือเมียมึง”
จงแดหันมาพูดกับผมพลางกลั้วหัวเราะในลำคอ...
ก่อนจะหยิบรีโมทขึ้นมากดเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆเพื่อหาอะไรดูในค่ำคืนวันธรรมดาแบบนี้
แต่ประโยคที่เขาพูดทำให้ผมต้องถอนหายใจและกรอกตา...
เอาอีกแล้ว...ไอ้พวกเพื่อนตัวดีกำลังยัดเยียดคยองซูให้ผมอีกแล้ว
“กูขอได้ไหม...พวกมึงควรจะเลิกพูดอะไรอย่างนี้ซักที
ไม่เบื่อบ้างเหรอวะ เอาแต่ทำตัวอย่างนี้กันอยู่ได้”
ผมพูดแล้วทำหน้าไม่ค่อยจะพอใจนัก...เอาจริงๆก็ไม่แน่ใจหรอกว่าตอนนี้กำลังทำหน้าแบบไหน
แต่ผมไม่ชอบเลยที่ได้ยินเพื่อนๆพยายามจะทำให้ผมกับคยองซูเป็นอะไรๆมากกว่านั้น
ผมไม่แน่ใจนักว่าผมไม่ชอบใจหรือว่าผมอายกันแน่...
“มึงว่ากูซื่อบื้อเรื่องมินซอกแล้วมึงล่ะไม่ซื่อบื้อใช่ไหม?
มึงก็รู้ว่าน้องเขาไม่มีใครนอกจากมึง...อยู่กันมาหลายปีไม่เคยเห็นเหรอว่าน้องเขาเป็นยังไง?
มึงยังจะต้องปฏิเสธอย่างนี้อีกกี่หนวะ มึงก็รู้ว่าน้องเขาชอบมึงแล้วทำไมถึงไม่ยอมรับ”
จงแดหันมาพูดกับผมน้ำเสียงราบเรียบ
ใบหน้าของเขาจริงจังจนทำให้ผมต้องกลืนน้ำลาย
เห็นจงแดทำสีหน้าเป็นห่วงแล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกเครียดขึ้นมาตงิด
อันความจริงเขาไม่น่าจริงจังขนาดนั้น...มันกำลังทำให้ผมคิดมากเกินไป
“มึงรู้อะไรไหม? น้องเขาไม่ได้รักกูแบบนั้น...
ที่คยองซูเป็นอย่างนี้เพราะว่าเขามีแค่กูอย่างที่มึงบอก
กูก็เหมือนพ่อเขาแหละ เหมือนแม่ด้วย...คยองซูเลยหวงมากไปหน่อยก็เท่านั้น
ซักวันที่คยองซูรู้จักความรักมากกว่านี้ คยองซูก็คงรู้เองว่าสำหรับกูแล้วมันไม่ใช่”
ผมบอกออกไปก่อนจะเบือนหน้าหนี...
จู่ๆก็รู้สึกเหงาขึ้นมาเมื่อได้คิดถึงวันที่คยองซูต้องมีคนรักในซักวัน
เพราะว่าเราอยู่ด้วยกันมาตลอด...ถ้าหากวันนึงน้องเขาหายไปผมอาจจะคิดถึงมาก
แต่ยังไงวันนั้นมันก็ต้องมาถึงในซักวันอยู่ดี...และผมควรจะทำใจไว้ตั้งแต่ตอนนี้...
ไม่แน่ใจนักว่าอารมณ์ตอนนี้เหมือนพ่อหวงลูกสาวหรือเปล่า
แต่ผมไม่อยากให้เขามีแฟนเลยจริงๆ...อยากให้เรียนจบแล้วก็อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอด
คอยดูแลผมตอนแก่ เพราะเอาจริงๆแล้วตอนนี้ผมยังไม่มีเวลาไปหาแฟนเลย
มัวแต่ทำงานหนักและเลี้ยงดูคยองซูอย่างนี้ไปด้วย...นี่ไม่ใช่พ่อแล้วจะเรียกอะไร?
“ปฏิเสธไปเถอะไอ้จงอิน...ซักวันเดี๋ยวมึงก็จะรู้เอง
ว่าคำว่า ‘สายเกินไป’ น่ะ มันเป็นยังไง?”
จงแดหันมาพูดกับผมแล้วถอนหายใจเบาๆอย่างกับว่ามันเอือมระอาเหลือเกินที่กำลังพูดคุยกับผมเรื่องนี้
ผมเบือนหน้าหนีไปทางอื่นก่อนจะตัดสินใจยุติเรื่องนี้ไว้เพียงแค่นี้
ผุดลุกขึ้นจากโซฟาแล้วตบบ่าเพื่อนไปเบาๆทีหนึ่ง
คิดในใจว่าควรจะไปทำงานต่อจะดีกว่ามานั่งพูดคุยต่อบทสนทนาอย่างนี้
“มึงเองก็เหมือนกัน...รีบๆหาวิธีง้อมินซอกได้แล้ว
ก่อนจะคบเป็นแฟนก็อ้ำๆอึ้งๆกันมาหลายปี นี่ขนาดคบกันแล้วยังอ้ำๆอึ้งๆอยู่อีก
เดี๋ยวก็รู้สึกหรอก คำว่าสายเกินไปของมึงน่ะ...”
ผมตบบ่าจงแดแล้วยกยิ้มแซวอย่างอารมณ์ดี มองเพื่อนกรอกตาไปมาแล้วก็ต้องหัวเราะ
“เออ กูรู้แล้ว...ไปไหนก็ไปเลย กูจะรีบโทรง้อมินซอก”
“กูเป็นเจ้าของบ้านนะไอ้แด้”
“แต่กูรู้ว่ามึงกำลังจะขึ้นไปทำงาน...
ถ้าจะไปก็รีบไป...อย่ามัวลีลาครับไอ้ดำ”
จงแดพูดกับผมพลางยกเท้าขึ้นถีบผมเบาๆทีหนึ่ง
แต่ผมไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรเขาเพราะเราก็เล่นกันมาอย่างนี้ตั้งแต่สมัยเรียน
และถ้าเรื่องแค่นี้จะทำให้เพื่อนผมอารมณ์ดีขึ้นได้ซักนิดหน่อย...มันก็คงจะดีเหมือนกันนะว่าไหม
********
ฟู่วววววววว...
ผมพรูลมหายใจยาวก่อนจะกดคีย์ข้อมูลตัวเลขหลายหลักนั้นลงไปในคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค
รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมานิดหน่อยเพราะว่าข้อมูลที่ได้รับนั้นมีมากเกินไป
ผมไม่ใช่คนชอบคิดวิเคราะห์ซักเท่าไหร่...
และตอนที่ไปสมัครบริษัทซอฟแวร์เกมส์ก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องมาเจออะไรอย่างนี้
แต่แน่นอนว่าเมื่อตำแหน่งที่สูงขึ้น มันก็ทำให้ความรับผิดชอบของผมต้องมากขึ้นตามไปด้วย
ตอนนี้ผมเลิกขอเงินจากซูจองเรื่องค่าเลี้ยงดูของคยองซูแล้ว...หลายปีมากแล้วด้วย
และผมเองก็ปฏิเสธที่จะใช้เงินของคุณโดที่ส่งมาให้ผมทุกเดือนๆ
และเลือกที่จะเก็บสะสมไว้ในบัญชีธนาคารนั้นต่อไปโดยที่ไม่เคยแตะต้องมันซักแดงเดียว
ผมแค่อยากดูแลคยองซูเองโดยไม่ต้องพึ่งใคร และเก็บเงินก้อนนั้นเอาไว้เพื่อให้เป็นของคยองซูแต่เพียงผู้เดียว
แกร๊ก....
เสียงประตูถูกเปิดออกโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน
เผยให้เห็นเด็กตัวเล็กกำลังเดินหอบเอาหมอน ผ้าห่ม และตุ๊กตาโปโรโระของเขาแล้วเดินเข้ามาในห้องของผม
ผมชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นเขาปรายตามามองในขณะที่หยุดยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้อง
“หืม...นี่อะไร?” ผมถามเขาอย่างแปลกใจ คิ้วนั้นขมวดอย่างไม่เข้าใจโดยที่ไม่รู้ตัว
“ก็คยองมานอนกับจงอินไง...พี่จงแดต้องนอนห้องคยองนะ
หรือว่าถ้าเกิดจงอินจะให้คยองนอนกับพี่จงแดก็ได้นะ”
คยองซูพูดพลางยักไหล่ คำพูดของเขาส่อแววประชดผมเข้าไปเต็มๆ...
และมันก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
“จะบ้าหรือไง? อยากจะไปนอนกับไอ้จงแดมันนักหรือไง...ทำไมต้องหาเรื่องด้วย?”
“ก็พูดเผื่อจงอินไม่อยากให้คยองนอนด้วยไง
เห็นเปิดเข้ามาทำหน้าไม่อยากต้อนรับ...จะให้คยองรู้สึกดีเหรอ?”
น้องเขาพูดพลางขมวดคิ้ว...ไม่อยากต้อนรับ? ผมไปทำมันตอนไหนกัน?
ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย...นับวันยิ่งโตคยองซูก็ยิ่งต่อปากต่อคำมากขึ้นทุกวัน
เหตุเพราะความเข้าใจผิดกันเล็กๆน้อยๆก็ทำให้เราทะเลาะกันได้
“ฉันไปทำหน้าตาแบบนั้นตอนไหนกัน?...มานี่สิ ฉันช่วย”
ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปหาน้องเขา...หยิบเอาผ้าห่มที่น้องเขาถือมาไปวางไว้ที่เตียงด้วยตัวเอง
แล้วคว้าเอากระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กๆที่น้องเขาแขวนมากับแขนเล็กไปวางกองเอาไว้ที่เดียวกันด้วย
แต่คยองซูก็ยังยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่หน้าห้องนั้น...
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะลุกไปหาเขา
ดึงน้องเขาให้เข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตู...
และก็ต้องทำให้สิ่งที่ผมเลี่ยงไม่ได้...
“ยังโกรธฉันอยู่ใช่ไหม?”
ผมกระซิบถามเขาอย่างเหนื่อยอ่อน...ว่ากันตามจริงตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะง้อน้องเขาหรอกนะ
แค่เอกสารการงานมากมายผมก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว...
ผมยังปรับอารมณ์ให้ดีพอมาง้อน้องเขาในตอนนี้ไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าจะเป็นคนทำผิดก็ตามเถอะ
“งานยุ่งมากเหรอครับจงอิน?”
คยองซูไม่ตอบแต่ถามผมกลับ
ผมชะงักไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายแล้วก็พยักหน้าตอบเขา
และก็เผลอถอนหายใจออกมายาวเหยียดเมื่อพูดถึงงานที่กำลังเผชิญอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ
“เฮ้อ...มันก็อย่างที่เห็น มันไม่ยุ่งหรอกแต่มันเยอะ...มันวุ่นวาย
เดี๋ยวพอนายเรียนจบมาทำงานก็เข้าใจเองแหละ”
ผมตอบเขาพลางยักไหล่ ก่อนจะเผลอถอนหายใจออกมาอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ
คยองซูขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้าแล้วถอนหายใจตามผม
“ความจริงคยองก็ยังโกรธนะ...แต่ในเมื่อตอนนี้จงอินเครียดอยู่ คยองจะเลื่อนออกไปก่อนก็ได้
ไว้จงอินว่างแล้วค่อยมาง้อคยองแล้วกัน คยองไม่อยากเอาหลายเรื่องไปสุมหัวจงอิน”
เด็กน้อยพูดก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ปลายเตียงผม
รื้อค้นอะไรในกระเป๋าออกมาซักพักหนึ่งแล้วผมจึงรู้ว่าเขาเตรียมของจะไปอาบน้ำ
เขาลุกขึ้นจากเตียงและหยิบเอาผ้าขนหนูพาดบ่า ก่อนจะหันมาพูดกับผมเบาๆ
“งั้นจงอินไปทำงานเถอะครับ...คยองไม่กวนหรอก
เดี๋ยวคยองจะอาบน้ำแล้วก็จะรีบนอนนะ”
พูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำไป...ทิ้งผมเอาไว้ให้ยืนงงอยู่ตรงหน้าประตูห้องเพียงลำพังคนเดียวแบบนั้น
แต่ทันทีที่ได้นึกถึงคำพูดของเขาเรื่องให้เลื่อนการง้อออกไปแล้วก็ทำให้ผมต้องยกยิ้ม...
เด็กบ้า...ถ้าขนาดเรื่องง้อยังขอเลื่อนกันได้ก็ทำให้มันหายไปเลยไม่ได้หรือไงกันนะ
ผมยิ้มออกมาแล้วเดินกลับมาที่หน้าคอมพ์อีกหน...
ก่อนที่จะเริ่มจมหายไปกับความเครียดแบบเดิมๆอีกครั้งหนึ่ง
************
ความเครียดจากตัวเลขที่มีมากมายเต็มจอคอมพิวเตอร์นั้นทำให้ผมรู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะ
ถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ในขณะที่พิมพ์ตัวเลขลงไปในหน้าจอนั้น
คยองซูเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ...เขาเข้าไปเกือบเป็นชั่วโมงแต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะแซวเขาเรื่องนั้น
ผมถอนหายใจออกมาหนักๆอีกครั้งเมื่อพบว่าตัวเลขตรงหน้ากับที่อยู่ในเอกสารนั้นไม่ตรงกัน
และผมคงต้องหาต้นตอของมันอีกหน...
แต่มือเล็กๆกรุ่นกลิ่นสบู่ยี่ห้อโปรดของผมกลับถูกยื่นมาปิดที่ริมฝีปากของผมไว้
ผมเงยหน้าไปมองคยองซูที่ตอนนี้อยู่ในชุดนอนลายตารางหมากรุกอย่างสงสัย
“ไม่เอานะจงอิน...ถอนหายใจมากไปแล้ว
เค้าบอกว่าถ้าถอนหายใจหนึ่งครั้ง ความสุขจะหนีหายจากเราไปหนึ่งทีนะ”
คยองซูพูดพลางขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนักที่เห็นผมเป็นแบบนี้
เขาพูดเสร็จก็เดินไปเปิดประตูห้องแล้วเดินหายออกไปซักพักหนึ่ง
ก่อนที่ไม่นานเท่าไหร่แก้วโกโก้ร้อนก็ส่งกลิ่นหอมเข้ามาในห้องนอนของผม
“ดื่มซะหน่อยนะครับ...แล้วค่อยทำต่อ”
คยองซูพูดก่อนจะวางแก้วนั้นลงตรงหน้าผมแล้วหยิบเอาแว่นออกไปจากดั้งจมูกของผมอย่างถือวิสาสะ...
มือน้อยๆนั้นถูกส่งมานวดที่บริเวณขมับอย่างแผ่วเบา...และการกระทำของเขานั้นทำให้ผมต้องยกยิ้ม
“นายดื่มเถอะ...จะได้นอนหลับสบาย
ฉันนอนแล้วก็ได้...ตอนแรกก็ว่าจะทำต่ออยู่หรอก
แต่คิดไปคิดมาถ้าเปิดไฟไว้แบบนี้ก็กลัวว่านายจะนอนไม่หลับ”
ผมพูดพลางยักไหล่ แต่มือน้อยๆของคยองซูก็ยังไม่หยุดนวดที่ขมับของผม
“ไม่ต้องหรอกครับ...คยองเอาผ้าห่มปิดตาได้
จงอินดื่มแล้วทำงานต่อก็ได้ อย่าให้คยองเป็นตัวถ่วงเลย” คยองซูพูดกับผมแบบนั้น...ผมขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“ใครบอกนายเป็นตัวถ่วง...ฉันแค่อยากพักผ่อนแล้ว ห้ามคิดแบบนั้นอีกนะ”
ผมดุเขาเบาๆ ก่อนที่คยองซูจะชักมือออกไปหยิบแก้วโกโก้นั้นยื่นมาให้ผม
แล้วยื่นข้อเสนอมาให้...
“ถ้างั้นเราดื่มกันคนละครึ่ง...แล้วไปนอนกันนะจงอิน”
“อืมเอาสิ...นายดื่มก่อนเลย”
ผมพูดพลางพยักเพยิดให้เขาดื่มก่อน...
คยองซูพยักหน้ารับก่อนจะเป่าลมในแก้วให้คลายร้อนและค่อยๆดื่มมันเข้าไปอย่างช้าๆเพียงแค่อึกหนึ่ง
ก่อนจะส่งมาให้ผมดื่มอีกอึกหนึ่ง...สลับกันไปอย่างนี้เรื่อยๆพร้อมกับบทสนทนาทั่วไป
“ช่วงนี้จงอินเครียดกับงานไปหรือเปล่า?
คยองไม่ชอบให้จงอินเครียดเลย...อย่าหักโหมนะครับ”
เด็กน้อยพูดในขณะที่ขมวดคิ้วมองมาทางผมอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยนัก
“ฉันก็แค่อยากเลื่อนตำแหน่งเร็วๆ...จะได้มีเงินส่งนายเรียนให้จบ
ไหนจะค่าเทอมที่แพงขึ้นทุกวันๆอีก จะให้เป็นแค่พนักงานต๊อกต๋อยธรรมดามันก็ไม่ไหวหรอกนะ”
ผมยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่ออธิบายกับเขา...ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระอะไรเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องทำโดยหน้าที่อยู่แล้ว
ถึงไม่ใช่เพราะคยองซูผมเองก็อยากก้าวหน้า...ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคยองซูซะทีเดียวขนาดนั้นหรอก
“เราน่าจะเอาเงินที่พ่อส่งมาและใช้มันบ้าง
คยองไม่อยากให้จงอินเหนื่อยเพราะคยอง...
เห็นจงอินเครียดแล้วคยองก็เหนื่อยเหมือนกันนะครับรู้ไหม”
เด็กน้อยไม่พูดเปล่า...เขายังยกมือขึ้นมานวดที่ขมับของผมเบาๆอีกครั้งอย่างน่ารัก
ผมยกยิ้มออกมาก่อนจะจับมือเล็กนั้นให้หยุดทำอย่างนั้น
ก่อนจะยื่นแก้วโกโกที่เหลืออยู่ค่อนถ้วยให้เขาดื่มต่อให้หมด
“ไม่...ยังไงฉันก็ไม่แตะเงินก้อนนั้นเด็ดขาด
มันไม่เกี่ยวกับนายหรอกน่า ฉันเหนื่อยเพราะอยากจะทำให้ฉันและนายสบายด้วยกันทั้งคู่
และฉันเองก็ไม่อยากจะย่ำต๊อกอยู่ที่เก่า ฉันอยากจะพิสูจน์ตัวเองว่าฉันทำได้
อย่าคิดว่าตัวเองเป็นภาระหรือตัวถ่วงฉันนะเข้าใจไหม?
ถ้าฉันคิดแบบนั้นฉันคงดูแลนายไม่ได้นานขนาดนี้หรอก
รีบดื่มให้หมดซะ...แล้วเราจะได้นอนกันซักที”
ผมบอกเขาอีกหนและคยองซูก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
เด็กน้อยยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด และสุดท้ายเราทั้งสองคนก็ปีนขึ้นเตียงไปจนได้
ผมกดปิดสวิตช์ไฟที่หัวเตียงแล้วปล่อยให้ทั้งห้องมีแต่ความมืด
ถึงแม้จะไม่ได้นอนกับคยองซูมานานพอสมควร
แต่เราก็นอนด้วยกันบ่อยมากพอที่จะทำให้ผมเคยชินกับมันและไม่รำคาญถ้าต้องนอนกับเขา
“ฝันดีนะคยองซู” ผมกระซิบบอกเขาในขณะที่ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเราทั้งคู่
“ฝันดีครับจงอิน” คยองซูตอบกลับมาเสียงอู้อี้เพราะเขาตะแคงไปอีกฝั่ง
มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เรานอนด้วยกัน...
แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องแปลกใจคือตอนนี้เขาไม่ได้อ้อนผมให้กอดเขาเหมือนทุกครั้ง...
เงียบกันไปนานแต่ผมก็ยังรอให้เขาเอ่ยปาก...แต่เมื่อมันนานเกินไปผมจึงต้องกระซิบออกมาเพื่อเรียกเขา
“คยองซู...” ผมกระซิบ
“หืม?...” เขากระซิบตอบ
“นอนแล้วเหรอ?” ผมถามเขาอีกครั้ง
“ยังหรอกครับ...แต่กำลังจะนอน” คยองซูตอบกลับมาเสียงอู้อี้
“อยากให้ฉันนอนกอดไหม?” ผมกระซิบถามเขาถึงคำถามที่วันนี้เขาไม่ได้เอ่ยปาก...
“...............................”
คยองซูเงียบไปอึดใจหนึ่ง แต่ผมกลับเขยิบเข้าไปหาน้องเขาด้วยความเคยชิน
“ถ้าอยากจะกอดก็กอดสิ จะถามคยองทำไม” เด็กน้อยกระซิบตอบ...
ยกยิ้มออกมาบางๆเมื่อคยองซูพลิกตัวกลับมาหาแล้วซุกหน้าเข้าที่อกผมเหมือนเดิม
แม้ว่าส่วนสูงจะเพิ่มขึ้นแตกต่างจากครั้งแรกที่เจอ
แต่สัมผัสและกลิ่นหอมอ่อนๆซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของคยองซูกลับทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคย
เหมือนกับว่าเขายังเป็นเด็กตัวเล็กๆที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านของเราใหม่ๆ
ถึงแม้ว่าตอนนี้อะไรๆจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตามแต่...
แต่ถ้าสิ่งเดียวที่ผมยังอยากให้เหมือนเดิมก็คือเขาเท่านั้น...
ผมหลับตาลงแล้วปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงไปในห้วงนิทรา
ด้วยความเหนื่อยล้าและกอปรกับเป็นคนหลับง่ายอยู่แล้วทำให้จงอินผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
จะเหลือก็เพียงแค่เด็กน้อยในอ้อมกอดคนนี้เท่านั้นที่หัวใจยังคงเต้นตึกตักเพราะการกระทำของคนเป็นพี่ไม่ได้หายไปไหน...
ขยับตัวขึ้นไปเท้าคางมองพี่เขาเหมือนทุกที...ก่อนที่ตัวเองจะถอนหายใจออกมาทีหนึ่งอย่างไม่อาจจะเลี่ยงได้
สิ่งหนึ่งที่รบกวนจิตใจคยองซูมาตลอดก็อาจจะไม่พ้นเรื่องของเขาเลย
ผู้ชายตรงหน้าที่เหมือนกับเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของคยองซู...
“มันเจ็บนะ...เจ็บจังเลยจงอิน...
ถ้าซักวันคยองไปมีคนอื่นจริงๆจงอินจะเป็นยังไงเหรอ?
ทำไมถึงชอบผลักไสไล่ส่งคยองนักล่ะคนบ้า
มันจะผิดมากเหรอถ้าคยองจะชอบจงอินอย่างที่พวกพี่ๆเขาพูดกัน...
จงอินจะรับได้ไหมถ้ามันเกิดขึ้นกับคยองแล้วแบบนี้...คยองควรทำยังไงดีที่จะไม่ให้จงอินเกลียด...
แต่ในเมื่อคยองชอบจงอินไปแล้ว...สุดท้ายจงอินก็จะเกลียดคยองอยู่ดีงั้นเหรอ?”
คยองซูกระซิบออกมาเสียงแผ่ว...
ถึงแม้จะรู้ดีว่าจงอินนั้นหลับไปแล้วแต่คำที่พูดออกมานั้นก็ยังแผ่วเบา
เขาเองไม่อยากจะยอมรับว่าคิดตรงกันข้ามกับจงอินมานานมากเหลือเกินแล้ว
แต่ทุกคำที่จงอินพูดกับจงแดมันทำให้คยองซูรับรู้ว่าควรจะหักห้ามใจและหยุดมันซะ
และถึงแม้จะได้ยินทุกคำพูดที่พี่ทั้งสองคนคุยกันแต่คยองซูก็ไม่อาจยอมรับว่าควรจะทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้
เด็กตัวเล็กเม้มริมฝีปากเพื่อเก็บกักเสียงหัวใจที่กำลังเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกจากอก
ก่อนจะค่อยๆก้มลงไปประทับริมฝีปากที่ริมฝีปากหนาของพี่เขาอย่างแผ่วเบา
ไม่ได้เกรงกลัวว่าจะทำพี่เขาตื่น...เพราะว่าเขาเองก็แอบทำอย่างนี้อยู่แทบทุกคืน
ใช่แล้ว...แทบทุกคืน
ทุกคืนหลังจากที่จงอินหลับ คยองซูก็มักจะย่องเข้ามานั่งมองพี่เขาแล้วก็ทำแบบนี้เสมอ
มันเป็นอย่างนี้มาหลายเดือนแล้ว...และคยองซูก็รับรู้ได้ว่ามันอาจจะต้องหยุดทำมันในซักวันหนึ่ง...
“บอกแล้วไง...พี่บ้า...
ถึงคยองจะเป็นเด็ก คยองก็มีหัวใจนะ...
.
.
.
ถ้าคยองไม่รักจงอินแบบนั้น...จะให้ไปรักกับจระเข้ที่ไหนล่ะคนงี่เง่า”
✚ TALK
หายไปสองคืน เลยจัดมายาวๆแบบนอนสต๊อปให้รีดเดอร์หายคิดถึง...
น้องคยองเริ่มโตขึ้นทีละนิดแล้วนะคะเห็นไหม?
เรื่องมันจะได้ดำเนินต่อไปซักที ไม่อยากให้มันย่ำอยู่ที่แค่ว่าน้องคยองเป็นเด็กๆ
คือเรื่องนี้มันเป็นฟิครัก ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่ามันจะมีดราม่ามาเกี่ยวข้อง
ไม่มีรักไหนที่จะราบรื่นได้ตลอดหรอกค่ะ...มันยากมากนะ
แต่ไรเตอร์สัญญาว่ามันจะไม่เจ็บปวดนะ ไรเตอร์รักน้องคยองและพี่จงอินมาก
เพราะงั้นแล้ว...มันจะเข้ามาค่ะ และมันก็จะผ่านไป
อย่าสาปแช่งและเลิกอ่านมันเพียงเพราะว่าอุปสรรคเข้ามาเพียงเล็กน้อย
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ต่อไปนะ...ทุกวันนี้มีชีวิตอยู่ได้เพราะรีดเดอร์ทุกคนจริงๆนะคะนะ
ขอบคุณทุกกำลังใจนะ ดีใจมากเวลาที่ป่วยหรือบ่นอะไรก็ยังมีรีดเดอร์น่ารักๆที่คอยแคร์กันเสมอ
นี่พูดจริงเลยไม่ได้พาซึ้ง แต่เราอยู่ได้เพราะกำลังจากพวกคุณจริงๆ
เพราะฉะนั้น...อยู่เป็นแรงใจของเราต่อไปนะคะ
รักทุกคนจริงๆ ^^
- ไรเตอร์นมน. -
ความคิดเห็น