คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ✚ BE MY BABY :: EIGHT
Author : MR.$N0WMAN*
Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo
Story : Jackboiz
Rate : PG - 15
Be my Baby*
‘0.08’
หงุดหงิด...หงุดหงิด...หงุดหงิด....
ผมล่ะหงุดหงิดจริงๆที่ต้องมาขับรถรับส่งคยองซูกับจื่อเทาไปที่โรงหนัง
เพราะว่าแบคฮยอนนัดลูกศิษย์ทั้งสองมาดูหนังกันเป็นรางวัลที่ได้คะแนนท๊อปสูงสุดของห้อง
ยิ่งได้เห็นจื่อเทากับคยองซูหัวเราะกันอยู่ที่เบาะหลังโดยที่ผมไม่ได้มีส่วนร่วมนั่นล่ะที่ทำให้หงุดหงิด
อย่างน้อยคยองซูก็น่าจะมานั่งที่เบาะข้างนะ ไม่ใช่ทำตัวอย่างกับว่าผมเป็นคนขับรถแบบนี้
น้อยใจชะมัด...ดูเอาเหอะ เขาไม่ยอมชวนผมคุยด้วยเลย
“ตอนแรกฉันก็ไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย...ครูลู่หานน่ะไม่มีเหตุผลเลย
ฉันก็แค่คุยกับจงฮยอนนิดหน่อยเท่านั้นเองนี่ อย่างที่นายก็รู้
แต่อาจารย์ดันให้ฉันไปช่วยคัดเอกสารในห้องพักครูถึงเย็นเลยอ่า
จงอินรอตั้งสองชั่วโมงเลยนะกว่าฉันจะได้ออกมา”
คยองซูบ่นกระปอดกระแปดกับจื่อเทาที่กำลังหยิบมือถือในมือขึ้นพิมพ์ส่งข้อความให้กับเซฮุน
จื่อเทายักไหล่ครั้งหนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจแต่ไม่ได้ออกความเห็น
แต่หลังจากนั้นก็ถามออกมาเบาๆ
“แล้วนายยังไงกับจงฮยอนล่ะ
นายทำยังไงหลังจากที่เขาบอกชะ...อุ้บ!!”
คยองซูรีบยกมือตะครุบปากจื่อเทาไว้และนั่นทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองกระจกหลังอย่างสงสัย
ที่ผมไม่พูดไม่ได้หมายความว่าผมไม่แอบฟังนะครับ
แล้วไอ้เด็กที่ชื่อจงฮยอนนั่นบอกว่าอะไรล่ะ? แล้วทำไมคยองซูต้องทำยังไงด้วย?
ว่าแต่...ทำไมคยองซูไม่เอามือออกจากปากไอ้เด็กจื่อเทานั่นซักที!!!
“ทำอะไรน่ะ?”
ผมถามออกไปอย่างแปลกใจที่เห็นคยองซูทำแบบนั้น
คยองซูรีบเอามือออกจากปากของจื่อเทาทันทีแต่สายตาก็ยังคงไม่ละออกจากเขา
นี่มันน่าสงสัยจริงๆ....
“ไม่มีอะไรครับจงอิน...นั่นไงไฟเขียวแล้ว
รีบออกรถเหอะ เดี๋ยวโดนคันหลังว่าเอาน้า”
คยองซูส่งยิ้มมาให้ผมผ่านกระจกและจื่อเทาเองก็ยิ้มมาเช่นกัน
นั่นทำให้ผมยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าไฟสัญญาณจราจรขึ้นสีเขียวจริงๆอย่างที่เด็กน้อยว่า
อยากจะถามต่อแต่เพราะว่าคยองซูกับจื่อเทาเริ่มพูดคุยกันต่อถึงเรื่องหนังสือนอกเวลาภาษาอังกฤษที่ครูให้อ่าน
มันเลยทำให้ผมไม่มีโอกาสได้ถามต่อว่าไอ้เด็กที่ชื่อจงฮยอนนั่นพูดกับเขาว่าอะไรกันแน่...
ผมรีบเหยียบคันเร่งแล้วออกตัวเพราะว่าเสียงแตรดังขึ้นจากข้างหลังทำให้ผมไม่มีโอกาสได้ถามอะไรอีก
***********
ผมได้แต่นั่งหน้าบูดมาตลอดทางในขณะที่ขับรถจนกระทั่งถึงโรงหนังนั่นแหละถึงจะได้พูดบ้าง
เพราะว่าเมื่อมาถึงโรงหนังแบคฮยอนก็มารออยู่ก่อนแล้ว
วันนี้แบคฮยอนมาคนเดียวและไม่ได้มีชานยอลติดสอยห้อยตามมาด้วยอย่างที่ผมคิดไว้
ผมเอ่ยทักทายแล้วถามถึงชานยอลทันทีที่ผมเห็นเขา
“ไงมึง...ไอ้ชานไปไหนล่ะวันนี้ ไม่เอามันมาด้วยเหรอวะ?”
ผมถามเขาเสียงใส หากแต่นั่นทำให้แบคฮยอนต้องทำหน้าบึ้งตึงใส่ผมทันทีที่ได้ยิน
“ไม่รู้...ไม่สนแม่งละ เอาแต่ทำงาน อยากเป็นแฟนกับงานก็เป็นไปเหอะมึง
กูล่ะเซ็งจริงๆนี่ขนาดบอกล่วงหน้ามันเป็นอาทิตย์แล้วยังเบี้ยวกูได้”
แบคฮยอนบ่นกระปอดกระแปดเมื่อเขาพูดถึงชานยอล
คยองซูผละจากจื่อเทามายืนอยู่ข้างผมแล้วจับมือผมไว้เหมือนที่ทำเป็นประจำมาตั้งแต่เด็กๆ
ก่อนที่เขาจะบอกกับแบคฮยอนเสียงอ่อยว่า
“ทะเลาะกับพี่ชานยอลอีกแล้วเหรอครับ?” คยองซูถาม
“อืม...ก็นิดหน่อยน่ะ ไม่เป็นไรหรอก
แต่ก็ต้องดูก่อนว่ามันจะมาง้อพี่หรือเปล่า
ถ้าไม่มานี่มีเลิกล่ะ ชักจะไม่ไหวแล้ว”
แบคฮยอนกอดอกแล้วถอนหายใจ
ใบหน้าบึ้งตึงจนคยองซูต้องบีบมือผมเบาๆทีหนึ่งเพื่อให้ผมพูดอะไรบ้าง
“เฮ้ย...เดี๋ยวมันก็มาง้อมึงเองแหละไอ้แบค
อย่าเครียดดิวะ เลิกไรของมึงล่ะ เดี๋ยวกูไปฟ้องไอ้ยอลนะ” ผมแหย่เขา
“ไปฟ้องเลย มันจะได้รู้สึกรู้สาซะบ้าง
นี่กูพูดจริงนะ ถ้าเกิดมันไม่ง้อกูล่ะก็กูเลิกจริงๆด้วย” แบคฮยอนสะบัดเสียง
“อย่าเครียดไปเลยพี่ ถ้าพี่ชานยอลไม่แคร์เดี๋ยวผมดูแลพี่เอง ฮ่าๆ
ผมว่าเราไปดูรอบหนังกันดีไหม? นี่ใกล้เวลาหนังรอบบ่ายแล้วนะ”
จื่อเทาเดินเข้ามาจับมือแบคฮยอนแล้วเดินจูงให้คนเป็นพี่เดินตามเขาไป
แบคฮยอนยกยิ้มมาก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวจื่อเทาอย่างเอ็นดู แล้วจึงชักชวนให้พวกผมไปดูรอบหนังกับเขา
“อืม...งั้นเราไปดูรอบหนังกันเถอะ วันนี้เด็กๆอยากดูเรื่องอะไรพี่จะเลี้ยงเอง
ยกเว้นมึงนะจงอิน มึงไม่ได้ไปสอบกับน้องเขา เพราะงั้นอย่างหวังของฟรี”
แบคฮยอนพูดแหย่ผมก่อนที่เด็กทั้งสองคนจะหัวเราะร่า
ผมเบะปากใส่เพื่อนตัวดีไปทีหนึ่งแล้วจึงตอบกลับ
“กูไม่ง้อหรอก...กูทำงานมีเงินเดือนแล้วโว้ย
แค่ตั๋วหนังใบเดียว ขนหน้าแข้งคิมจงอินไม่ร่วงหรอก! มึงแม่งกากกว่ากูหลายเท่านัก!”
ผมส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันไปให้แบคฮยอนที่พยักหน้าให้กับผมอย่างขันๆ
แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะว่าคยองซูจัดการแทนเขาไปแล้ว
“ตี! คยองจะตี!
จงอินพูดไม่เพราะ!”
“เฮ้...นายจะทำให้ฉันอายต่อหน้าเพื่อนทำไมล่ะเนี่ย
ฉันขอหลุดบ้างไม่ได้หรือไง?”ผมบอกกับเด็กตัวเล็กที่ยู่ปากอย่างขัดใจแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม
“ไม่ได้ครับ...ถ้าจงอินพูดอีกคยองก็จะตีอีก”
“ฮ่าๆ...เด็กมันยังรู้กาลเทศะนะไอ้จงอิน
เอาเป็นว่าเรารีบไปดูรอบหนังกันเหอะ
ขืนอยู่ตรงนี้โรงอาจจะเต็มได้นะ วันนี้คนเยอะซะด้วย”
แบคฮยอนมองไปรอบๆก่อนจะเริ่มชักชวนอีกครั้ง
โดยที่พวกผมเองก็ไม่ได้อิดออดอะไรอีก และหลังจากนั้นเราก็เดินเขาไปดูรอบหนังด้วยกันทันที
***************
“งือออออออ จงอินนนนน
คยองอยากได้ตุ๊กตาพี่คร๊องจริงๆน้า”
เสียงกระเง้ากระงอดงอแงอย่างกับเด็กห้าหกขวบของคยองซูเอ่ยขึ้นในเมื่อเราเดินผ่านหน้าช็อปตุ๊กตาตัวโปรดของเขา
เรามีเวลาออกมาเดินเที่ยวกันนิดหน่อยเพราะว่ารอบหนังที่เราซื้อมันเหลือเวลากว่าอีกครึ่งชั่วโมงถึงจะเริ่มฉาย
จนสุดท้ายผมและคยองซูจึงต้องมายืนเถียงกันหน้าร้านตุ๊กตาอย่างที่เห็นนี้...
หากแต่คราวนี้ที่คยองซูต้องการกลับไม่ใช่ตุ๊กตาเพนกวิน แต่กลับเป็นตุ๊กตาจระเข้สีเขียวตัวยักษ์แทน
ตัวมันใหญ่มโหฬารจนผมไม่แน่ใจว่ามันจะผ่านเข้าประตูบ้านเราได้หรือเปล่า...
และที่สำคัญคือราคามันตั้งเป็นพันกว่าๆเลยนะให้ตายเหอะ!!
“ไม่เอาอ่ะ...นี่นายโตแล้วนะยังจะมากอดตุ๊กตาอะไรอีก
เลิกได้แล้วน่าคยองซู อายุสิบสี่แล้วนะ”
“งื้อออออออ แต่คยองอยากได้ไว้กอดอ่ะ
ถ้าได้พี่คร๊องมานอนกอด คยองต้องหลับฝันดีแน่ๆเลยนะจงอิน
นะ...นะ...น้าาาาา ซื้อให้คยองเถอะน้า”
เด็กตัวเล็กไม่ได้อ้อนธรรมดา หากแต่เขายังปรี่เข้ามาคว้าแขนผมไปเขย่าอีกต่างหาก
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อเห็นว่าน้องเขาเอาแต่ใจ และถ้าเป็นเมื่อก่อนเจออ้อนอย่างนี้เข้าไปผมคงต้องซื้อให้เขาแน่
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่นะ...น้องมันสูงเกือบจะเท่าอกผมแล้ว
แถมราคาไอ้ตุ๊กตาบ้านี่ก็แพงสุดๆ...มันโคตรจะไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
“ไม่ได้...ฉันไม่ยอมซื้อเด็ดขาด
อย่ามาทำเป็นอ้อนซะให้ยากเลย” ผมบอกกับเขาเสียงเรียบ
“จงอินใจร้าย! คยองงอนแล่ว
งอนนนนนนน ได้ยินมั้ยว่างอนนนนน
คยองไม่คุยกับจงอินแล้ว คยองจะกลับไปหาจื่อเทา!!!”
เด็กน้อยปล่อยมือที่ผมกุมไว้ก่อนจะกระทืบเท้ากับพื้นสองสามที เขาแหวใส่ผมเสียงดังแล้วย่ำเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว
แบคฮยอนกับจื่อเทาขอเดินแยกไปเดินดูที่โซนกีฬาด้วยกันและผมกับคยองซูก็ขอเดินแยกมาดูอะไรเรื่อยเปื่อย
แต่ตอนนี้ผมกลับโดนไอ้เด็กเอาแต่ใจทิ้งไว้ตรงนี้คนเดียวซะแล้ว และเด็กดื้อก็เดินฉิวไปไกลพอสมควร
ผมเองก็อยากจะวิ่งไปง้อหรอกนะ แต่มันไม่ใช่ความผิดผมซักหน่อยนี่
ก็ไอ้ตุ๊กตาบ้านั่นมันราคาแพงไป...และ
ก็แล้วทำไมต้องไปหาจื่อเทาด้วยล่ะ!!!
ตั้งแต่เช้ามาอะไรๆก็จื่อเทาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
นี่ผมเริ่มจะหงุดหงิดอีกแล้วนะ....
อ่า...ก็ได้แต่คิดแต่สุดท้ายก็เดินก้าวฉับๆไปหาน้องเขาอยู่ดี...
“เฮ้! ทำไมต้องโกรธต้องงอนฉันด้วยล่ะ ก็มันไม่มีเหตุผลเลยนี่
ไอ้ตุ๊กตาตัวนั้นก็ราคาไม่ใช่ถูกๆ แถมนายก็โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วด้วย
ทำไมต้องอยากได้มันด้วย ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้เหมาะสมกันเลย”
ผมถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ พยายามคว้าข้อมือน้องเขาให้หยุดพูดกับผมก่อน แต่น้องเขาก็สะบัดมันออกอย่างเอาแต่ใจ
“ม่ายยยยย! คยองจะงอน!
ถึงคยองจะโตแล้วทำไมจะชอบพี่คร๊องไม่ได้อ่ะ ก็คยองชอบของคยองอย่างนี้นี่...
คยองจะรักๆๆๆๆๆๆๆๆพี่คร๊อง!! แต่คยองไม่รักจงอินแล่ว!
งอนนนนนน ได้ยินม๊ายยยยยยยยยยยย ปล่อยคยองเลยนะ คยองจะไปหาจื่อเทา!!”
เด็กนั่นตะโกนออกมาใส่หน้าผมก่อนจะวิ่งออกไปที่โซนเครื่องกีฬา
ผมกรอกตาไปมาแล้วขยี้หัวตัวเองอยู่สองสามทีอย่างขัดใจ
อะไรวะ...นี่ต้องมาทะเลาะกับเด็กเพราะเรื่องไม่ซื้อตุ๊กตาให้แค่นี้น่ะเหรอ??
“โอ้ย...ปวดหัวชิบ”
ผมบ่นออกมาอย่างขัดใจก่อนที่จะวิ่งตามไอ้เด็กเอาแต่ใจไปจนได้
กะว่าถ้ากลับบ้านเมื่อไหร่จะตีให้ตูดลายเลย ไอ้เด็กดื้อ!
50%
ผมกัดริมฝีปากแล้วขบมันแน่น เสตามองไปทางอื่นเพราะรู้สึกโกรธ
คยองซูไม่คุยกับผมเลยตลอดทางที่เราเดินช๊อปปิ้งกัน...
แถมเขายังเอาแต่ลากจื่อเทาไปยังทิศตรงกันข้ามเสมอถ้าผมบอกว่าต้องการหรือเสนอว่าเราควรจะเดินไปที่ไหน
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆเพราะรู้สึกไม่ชอบใจนัก แต่ผมก็ขอยืนยันว่ายังไงเรื่องนี้ผมก็ไม่ผิด
แล้วทำไมผมต้องง้อด้วยล่ะ ในเมื่อเด็กเอาแต่ใจคือเขาไม่ใช่หรือไง
“เอาเข้าไป...อะไรของพวกมึงเนี่ย มึงรีบๆง้อน้องเขาสิวะ ดูดินั่น งอนใหญ่แล้ว”
แบคฮยอนเดินเข้ามาตบบ่าผมในขณะที่เรายืนอยู่ที่หน้าโรงหนังเพื่อซื้อป๊อปคอร์นและน้ำ
คยองซูและจื่อเทาพูดคุยและหัวเราะกันอยู่ข้างหลัง
ผมเห็นพวกเขาชี้ชวนกันดูเด็กกลุ่มหนึ่งที่กำลังเล่นตู้เกมส์กันอยู่อีกฟากหนึ่งของโรงหนังแล้วหัวเราะคิกคัก
ผมเบือนหน้ากลับมาสนใจที่ตรงหน้า เพราะว่าพนักงานสาวส่งเสียงเรียกให้ผมและแบคฮยอนให้เดินเข้าไปสั่งป๊อปคอร์นเป็นคิวถัดไป
ผมและแบคฮยอนทิ้งเด็กๆสองคนให้ยืนคุยกันแล้วจึงเดินเข้าไปตามคิว
“ผมขอป๊อปคอร์นรสชีสสองกล่องครับ แล้วก็เป๊ปซี่สามแก้ว” แบคฮยอนบอกกับพนักงานสาว
“เดี๋ยวครับ...ขอเปลี่ยนเป็นรสหวานหนึ่งกล่องกับชีสกล่องนึงครับ” ผมเดินเข้าไปบอกพนักงานสาว
“คยองซูไม่ชอบรสชีสน่ะ” ก่อนจะหันไปบอกเหตุผลกับแบคฮยอน
“อ้อเหรอ... แหม รู้ดีจริงนะ”
แบคฮยอนยกยิ้มแซวผมด้วยท่าทางกรุ้มกริ่ม
เขายกศอกขึ้นมาสะกิดที่แขนผมเบาๆ เป็นอันรู้กันว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว
“เอาอีกแล้วนะมึงนี่...พอเลย หุบปากเลยไอ้เพื่อนเลว
ว่าแต่เดี๋ยวนะ...ทำไมมึงสั่งน้ำแค่สามแก้ว”
ผมถามเขาเมื่อเพิ่งสังเกตได้ถึงรายการที่แบคฮยอนเพิ่งสั่งไป
เพราะว่าเรามากันทั้งหมดสี่คน แต่แบคฮยอนกลับสั่งออกไปแค่เพียงสามแก้วเท่านั้น
“คยองซูบอกว่าไม่เอา น้องเขาบอกว่าจะกินกับมึง” แบคฮยอนตอบพลางยักไหล่
“หืม? คยองซูบอกมึงเมื่อไหร่?” ผมถามเขาอย่างสนอกสนใจ...
“เมื่อกี้...น้องเขาเพิ่งบอกเมื่อกี้ ก่อนที่จะมาซื้อเนี่ย”
แบคฮยอนตอบในขณะที่ก้มลงเปิดกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบเงินออกมาจ่ายค่าป๊อปคอร์นและน้ำที่พนักงานสาวยื่นมาให้
ผมยกยิ้มออกมาบางๆก่อนจะหันหลังกลับไปมองเด็กตัวเล็กแล้วก็พบว่าเขามองมาทางผมอยู่เช่นกัน
แต่ทันทีที่เราสบตากัน คยองซูกลับหันเหสายตาออกไปทางอื่นอย่างกับว่าไม่ได้มองผมอยู่
มันทำเอาผมต้องหัวเราะออกมาเบาๆเพราะรู้สึกขันกับท่าทางของเด็กน้อยจริงๆ
อะไรกัน...นี่แกล้งงอนกันนี่...
ผมคิดในใจก่อนจะยกยิ้มกริ่ม...แต่ไม่ทันได้คิดอะไรต่อเสียงเรียกจากแบคฮยอนก็ทำให้ผมต้องหันไปหาเขาอีกครั้ง
“ไอ้จงอิน...มาช่วยกูถือสิ กูไม่ได้มีสิบมือนะโว้ยครับ
เอ้านี่ มึงเอาน้ำไปถือเลยสามแก้ว”
แบคฮยอนยื่นแก้วน้ำอัดลมทรงสูงมาให้ผมรับแล้วถือเอาไว้โดยที่ผมก็ไม่ได้อิดออด
ก่อนที่แบคฮยอนจะหันไปรับเอากล่องป๊อปคอร์นที่พนักงานแล้วเริ่มออกเดินไปรับเด็กทั้งสองคนให้ไปด้วยกัน
เราพากันมาหยุดที่โต๊ะตัวเล็กๆหน้าโรงหนังเพื่อรอเวลาฉาย
ที่มาหยุดตรงนี้เพราะว่าคยองซูบอกว่าอยากเข้าห้องน้ำก่อนจะดูหนังนั่นแหละ
“พี่แบคฮยอน...คยองปวดฉี่ครับ” คยองซูพูดในขณะที่ก็กระตุกชายเสื้อโค๊ทยีนส์ของแบคฮยอนเสียยกใหญ่
“ฉันไปส่งไหม?” ผมถาม
“ไม่เอา...จื่อเทาไปส่งฉันหน่อยได้ไหม?”
ผมเอ่ยถามออกไปเพื่อชักชวนเขา แต่คยองซูกลับสะบัดหน้าหนีแล้วหันไปหาจื่อเทาแทน
ดูเถอะ...หักหน้าผมซะไม่เหลือชิ้นดีเลยจริงๆ
“อืม....เอ้อ...ฉันไม่ปวดอ่ะ”
จื่อเทาพูดพลางยักไหล่ อาจเพราะว่าเขาอาจจะเห็นหน้าตาบูดบึ้งของผมก็ได้
ผมเองก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าทำหน้าตาแบบไหนอยู่
แต่ทันทีที่จื่อเทาหันมามองผม...เขาก็บอกปฏิเสธคยองซูไปเสียอย่างนั้น
“แต่ฉันปวด...ไปส่งหน่อยดิ”
เขารบเร้าจื่อเทาอีกครั้งหนึ่งเมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ยอมไปกับตน
แต่จื่อเทากลับส่ายหน้าอีกครั้งแล้วหยิบแก้วน้ำมาดูดหน้าตาเฉย
แบคฮยอนจึงตัดปัญหาด้วยการออกตัวไปส่งน้องเขาซะเอง
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ไปส่งก็ได้คยองซู...
พวกนายรออยู่ตรงนี้ก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวพี่มา”
แบคฮยอนพยักเพยิดมาทางผมกับจื่อเทาที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ ก่อนจะพาคยองซูเดินออกไป
ตอนแรกผมเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะต้องมาอยู่กับไอ้เด็กจื่อเทานี่หรอก...
แต่เมื่อสุดท้ายได้รับรู้ว่าเราสองคนอยู่ด้วยกันในตอนนี้
มันทำให้บรรยากาศ...โคตรจะอึดอัดสุดๆ เพราะว่าผมกับจื่อเทาไม่เคยอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ซักที
ผมเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้ในขณะที่จื่อเทาก็ยังเหลือบมองมาทางผมแล้วแสร้งทำเป็นดูดน้ำไปเรื่อยๆ
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเสตามองไปที่ไอ้เด็กหน้าคมหล่อเข้มคนนั้นก่อนจะพูดกับเขา
“นี่นายน่ะ...”
“ว่าไงครับพี่จงอิน”
“ฉันไม่รู้ว่ามันยังไงหรอกนะ
แต่ฉันขอเตือนนายไว้อย่าง...อย่าริจะมีความรักตอนนี้” ผมกระซิบบอกกับเขาเบาๆ
“เฮ้ย!! นี่พี่รู้แล้วเหรอ? ค...คยองซูบอกพี่เหรอ?”
จื่อเทาเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะอ้าปากค้าง
เขารีบวางแก้วน้ำลงกับโต๊ะก่อนจะรีบปรี่เข้ามาจับแขนของผมแล้วแก้ตัว
“พ...พี่จงอิน ผมก็รู้ว่ามันไม่ดีนะ แต่ผมขอโทษ
คือ...คือผมพยายามห้ามใจตัวเองแล้ว แต่มันก็ห้ามไม่ได้นี่
ผมขอร้องคยองซูไม่ให้บอกใคร ก็เพราะรู้ว่าพี่ต้องเป็นแบบนี้”
จื่อเทาเอ่ยแก้ตัวตะกุกตะกักและดวงตาของเขาก็ดูร้อนรนจริงๆ
ผมรู้สึกว่าเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาเลยเมื่อได้ยินที่จื่อเทาบอกออกมาอย่างนั้น
นี่...เป็นแฟนกับคยองซูแล้วจริงๆใช่ไหม?
นี่...คยองซูปิดบังผมมาตลอดเลยงั้นเหรอ?
ผมกัดริมฝีปากก่อนจะพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้โกรธ
แต่โดยที่ไม่รู้ตัวแขนของผมก็ดันถูกยกขึ้นมากอดอกแบบวางอำนาจโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ทำไม?! ถ้าบอกฉันแล้วมันจะเป็นยังไง?
นี่เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า? ถ้าแน่จริงทำไมไม่พูดออกมา!”
ผมพูดกับเขาเสียงเข้ม ทำเอาจื่อเทาดูหงอไปเล็กน้อยแต่ก็ยังสบตาผม
เขารีบส่ายหน้าปฏิเสธก่อนที่จะตอบผมกลับมาด้วยท่าทีร้อนรนเหมือนเคย
“ก...ก็ถ้าผมบอกไป พี่ก็ต้องไปบอกพี่ชานยอลน่ะสิ”
ห๊ะ...ชานยอล?
เกี่ยวอะไรกับชานยอล?
“ทำไมฉันต้องเอาไปบอกไอ้ชานยอลด้วย?”
ผมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนรักอีกคนเข้ามาอยู่ในบทสนทนาโดยไม่ได้คาดคิด
เห็นจื่อเทารีบกลืนน้ำลายก่อนจะอธิบายต่อ
ผมยิ่งงงหนักไปใหญ่เมื่อคำอธิบายของเขาทำเอาผมช็อคแบบตั้งตัวไม่อยู่
โอ...นี่มันเรื่องอะไรวะเนี่ย?
“ก...ก็ถ้าพี่ไปบอกพี่ชานยอลว่าผมชอบพี่แบคฮยอน มีหวังพี่ชานยอลได้ฆ่าผมตายแหงแก๋...
แถมอีกอย่าง ถ้าพี่ชานยอลห้ามไม่ให้พี่แบคฮยอนเขามาสอนหนังสือพวกผมอีกล่ะจะทำยังไง?
ผมต้องบ้าตายแน่เลยอ่ะ พี่จงอิน...อย่าบอกพี่ชานยอลเลยนะพี่”
จื่อเทาปรี่เข้ามาตะครุบที่ต้นขาของผมแล้วเริ่มเขย่าก่อนจะออดอ้อนขอร้อง
ผมที่ยังมึนงงอยู่กว่าจะตั้งสติรวบรวมเรื่องราวต่างๆได้ก็นานโข
เดี๋ยวนะ...จื่อเทา....แบคฮยอน...ชานยอล
เฮ้ย!!!! นี่ไอ้เด็กนี่คิดจะตีท้ายครัวเพื่อนผมเรอะ?!!!!!!
“ย..ยังไงไอ้ชานยอลมันก็เพื่อนฉัน จะให้ฉันปิดบังมันได้ยังไงถ้าเพื่อนกำลังจะโดนเด็กจีบอย่างนี้
นี่...ฉันจะบอกอะไรไว้อย่างนะจื่อเทา ไอ้ชานยอลกับพี่แบคฮยอนของนายน่ะเขารักกันมาตั้งหกเจ็ดปีแล้ว
อย่าหวังไปไกลเลยไอ้หนุ่ม ไม่งั้นนายจะเจ็บซะเปล่าๆ”
ผมรีบตอบกลับไปอย่างเนียนๆแม้ว่าตอนแรกบทสนทนาในความคิดของผมจะไม่ได้หมายความถึงเรื่องนี้เลยซักนิด
จื่อเทากัดริมฝีปากอย่างเจ็บปวดที่ได้ยิน และนั่นทำให้ผมรู้สึกสงสารเด็กมันขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
พอได้รู้ความจริงแล้ว จากที่ไม่ชอบหน้าก็กลับกลายมาเป็นสงสารแทน
“แล้วยังไงล่ะ ถ้าพี่ชานยอลรักพี่แบคฮยอนจริงพี่เขาก็ต้องทำให้พี่แบคฮยอนมีความสุขสิ
ผมไม่สนว่าพี่จะคิดยังไง...แต่ในเมื่อผมตั้งใจจะแย่งพี่เขามา ผมก็จะพยายามให้ถึงที่สุด
และผมหวังว่าพี่จะช่วยเก็บความลับครั้งนี้ให้ผมด้วย”
จื่อเทาเอ่ยกลับมาเสียงสั่นในตอนแรก หากแต่ตอนหลังกลับหนักแน่นจนผมตกใจ
ไม่อยากจะเชื่อว่าความคิดไอ้เด็กอายุสิบสี่ย่างสิบห้าคนนี้จะทำให้ผมต้องอึ้งได้สิน่า
แถมดูท่า...มันยังตั้งใจแบบสุดๆซะด้วย...
“แต่...”
ผมอยากจะโต้เถียงแต่แบคฮยอนและคยองซูกลับเดินเข้ามาซะก่อน
ผมและจื่อเทาแสร้งทำเป็นไม่ได้คุยอะไรกัน และจื่อเทาเองก็หยิบแก้วน้ำนั้นขึ้นมาดูดอย่างเนียนๆอีกหน
ผมยอมรับว่าผมตกใจ...แต่ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่ควรจะพูดกันตรงนี้
“ม..มาแล้วเหรอไอ้แบค?”
ผมถามออกไปเพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์ เมื่อแบคฮยอนและคยองซูที่เพิ่งเดินเข้ามามองเราอย่างสงสัย
“อืม...ฉันว่าเรารีบไปกันดีไหม หนังใกล้จะเข้าแล้ว”
แบคฮยอนชักชวนให้ทุกคนเข้าไปในโรงหนังในขณะที่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
จื่อเทารีบพยักหน้ารับก่อนจะกระเด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตรงไปยืนข้างแบคฮยอนแล้วยิ้มร่า
หนอย...ไอ้เด็กแก่แดดนี่
“ดีครับ...ผมอยากดูหนังแล้ว เรารีบไปกันเถอะพี่แบคฮยอน
ไปกันเถอะครับพี่จงอิน คยองซู”
ไอ้เด็กจื่อเทาหันมายิ้มให้ผมและคยองซูก่อนจะถือวิสาสะลากแบคฮยอนให้เดินออกไป ทิ้งผมกับคยองซูไว้เบื้องหลัง
ผมตัดสินใจไม่คิดอะไรเรื่องของจื่อเทาต่อเพราะเด็กเอาแต่ใจนั้นกำลังสะบัดหน้าหนีแล้วเดินออกไปไม่รอผม
“เฮ้...รอฉันด้วยสิ”
ผมรีบเดินก้าวฉับๆไปยืนข้างน้องเขา เห็นคยองซูชะลอความเร็วลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่หันมามองผมอยู่ดี
ที่แกล้งงอนนี่คืออยากให้ง้อสินะ... โธ่...ไอ้เด็กแผนสูง
ผมคิดในใจอย่างขบขันแต่ก็กลั้นยิ้มไว้ไม่ได้หัวเราะออกมา
เดินไปข้างๆน้องเขาแล้วถือวิสาสะคว้ามือเด็กน้อยนั้นมาจูงไว้อย่างที่เคยทำเสมอแล้วรอดูว่าน้องเขาจะทำยังไง
แต่เมื่อเห็นว่าน้องเขาไม่ได้สะบัดออกผมเลยยกยิ้มออกมาบางๆอย่างเห็นชัยชนะ
ทันทีที่เราเข้ามาในโรงหนัง...คยองซูก็คว้ามือผมไว้ให้เดินรั้งท้ายคู่ไอ้เด็กจื่อเทาและแบคฮยอนเล็กน้อย
เพราะเห็นได้ชัดว่าเขาอยากจะให้เพื่อนได้นั่งข้างๆแบคฮยอนโดยไม่มีผมอยู่ตรงนั้น
ลำดับที่นั่งจึงกลายเป็นจื่อเทา แบคฮยอน คยองซู และผมเป็นคนสุดท้าย
ผมไม่ได้ตะขิดตะขวงอะไรเพราะยังไงบอกหรือพูดคุยเรื่องนี้ในตอนนี้ก็คงไม่ได้อะไรอยู่ดี
ผมเลยต้องปล่อยเลยตามเลยไป เพราะว่ายังไงตอนนี้สิ่งแรกที่ผมต้องทำคือทำให้คยองซูยอมพูดกับผมก่อน
“เฮ้...ทำไมไม่พูดกับฉันล่ะ?”
ผมกระซิบถามเขาทันทีที่เราทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้นุ่ม
ตัวอย่างหนังกำลังฉายอยู่บนจอและนั่นทำให้ผมรู้ว่ายังไม่จำเป็นต้องสนใจกับเนื้อหาพวกนั้นในตอนนี้
เห็นน้องเขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วหยิบป๊อปคอร์นรสหวานนั้นเข้าปากเคี้ยวหงึบหงับแล้วก็เลยต้องพูดอีกหน
“ฉันขอโทษน่าคยองซู” ผมกระซิบบอกไป และก็พบว่าน้องเขาหันมาสนใจผมแล้วในที่สุด
“ขอโทษคยองเรื่องอะไร?” เด็กน้อยถามผม
“ก็นายไม่คุยกับฉัน...ฉันก็เลยขอโทษ” ผมตอบเขาไปพลางยักไหล่
“ทำไมต้องขอโทษด้วย คยองไม่ได้โกรธซักหน่อย” คยองซูหันกลับไปแล้วแสร้งหยิบเอาป๊อปคอร์นขึ้นมาเคี้ยวหน้าตายอีกหน
“ถ้าไม่โกรธแล้วทำไมต้องเดินหนีด้วยล่ะ?”
“ก็คยองไม่ได้โกรธจงอินนี่...คยองแค่ -- งอนเฉยๆ”
“แล้วตอนนี้จะหายงอนได้รึยัง?”
“อื้ม...หายแล้ว ไม่งอนแล้วดีกว่า...”
เด็กน้อยพูดพลางยกยิ้มในขณะที่สุดท้ายแล้วเขาก็ขยับเอาที่วางแขนที่กั้นระหว่างเราสองคนออก
แล้วเอนศีรษะมาซบที่ไหล่ผมก่อนจะหยิบเอาป๊อปคอร์นเข้าปากอย่างมีความสุข
ผมยกมือขึ้นเขกหัวน้องเขาเบาๆทีหนึ่งอย่างหมั่นไส้
เพราะที่แกล้งงอนนี่เพราะอยากให้ง้อจริงๆด้วย...กะไว้แล้วไม่ผิดเชียวไอ้ตัวแสบ
ผมไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเพราะเป็นเวลาที่หนังเริ่มฉาย...
คนทั้งโรงเงียบกันไปหมดและนั่นทำให้ผมไม่อาจพูดอะไรออกไปได้อีก
ผมยอมให้น้องเขาได้เอนตัวลงมาซบอยู่อย่างนั้น
ก่อนจะมีบ้างเป็นบางคราวที่ผมขยับแขนอีกข้างที่ไม่ได้โดนทับอยู่ไปหยิบเอาป๊อปคอร์นที่น้องถืออยู่ขึ้นมากินและถือเอาไว้เสียเอง
หนังที่จื่อเทาเลือกเป็นหนังรักที่เกี่ยวกับการข้ามเวลาไปยังอนาคตเพื่อตามหาคนที่เป็นเนื้อคู่อะไรซักอย่างหนึ่ง
และสุดท้ายแล้วคนที่เป็นเนื้อคู่กับไม่ใช่ใครที่ไหนเลย แต่เป็นพี่เวนดี้ที่อยู่ข้างบ้านเขามาทั้งชีวิต
เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างดี แต่ติดที่ว่าบทสนทนาในเรื่องนั้นออกจะเรื่อยเปื่อยและใช้คำเยอะไปซักหน่อย
“จงอิน...”
“หืม?”
ผมขยับตัวให้โน้มลงไปหาเมื่อคยองซูยกแขนขึ้นขยี้ตา ก่อนจะเงยหน้ามากระซิบที่ข้างหูผม
“คยองง่วง...” เด็กน้อยพูดพลางทำหน้างัวเงีย
“ถ้าง่วงก็หลับสิ ถ้าจบแล้วจะปลุก” ผมบอกกับเขา
“อื้ม...ถ้าจบแล้วอย่าลืมปลุกคยองนะ”
เด็กน้อยเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนจะยกขาขึ้นมาบนเก้าอี้ แล้วตะแคงตัวมาซบที่อกผมเพื่อใช้เป็นหมอนรองก่อนจะหลับตาลง
ผมไม่ได้พูดอะไรอีกแต่หันกลับมาสนใจกับหนังต่อ....เพราะคยองซูเองเวลามาดูหนังกับผมก็มักจะเป็นอย่างนี้ตลอด
ยิ่งถ้าเรื่องไหนน่าเบื่อเขาก็มักจะใช้ผมเป็นหมอนรองหนุนอย่างนี้จนหนังจบนั่นแหละ
แต่แบคฮยอนคงเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าเคยชินซักเท่าไหร่...
เพราะตอนนี้เขากำลังหันมายิ้มให้ผมกรุ้มกริ่มและออกแนวล้อเลียน
ผมแยกเขี้ยวใส่เขาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่อยากให้คยองซูตื่น
อ่านจากปากที่แบคฮยอนเอ่ยออกมาแล้วก็ยิ่งรู้สึกอยากจะตบหัวมันซักฉาดสองฉาดแต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เบือนหน้าหนี
เอากันตามจริงเพราะผมเองก็อยากจะใช้เวลาหันกลับมาคิดทบทวนกับสิ่งที่ไอ้แบคฮยอนพูดมาเหมือนกัน
กับคำพูดไร้เสียงของแบคฮยอนที่ว่า...
ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่กูคิด...
.
.
แล้วมึงจะร้อนตัวทำไมวะไอ้จงอิน
************
หลังจากที่หนังจบ...เราทั้งสี่คนก็แยกย้ายกันกลับไปทางใครทางมัน
แม้ผมจะไม่ค่อยเห็นด้วยนักที่จะให้แบคฮยอนไปส่งจื่อเทาสองต่อสอง
แต่ด้วยเพราะเหตุผลว่าบ้านแบคฮยอนเองก็เป็นทางผ่านบ้านของจื่อเทาอยู่แล้วผมเลยได้แต่ปิดปากเงียบกริบ
ก็หวังว่าเด็กสิบสี่คงจะไม่รุกหนักอะไรมากมายจนครอบครัวเพื่อนจะแตกแยกกันวันนี้หรอกนะ
“งั้นกูไปก่อนนะจงอิน....พี่ไปก่อนนะคยองซู เจอกันอีกทีวันพุธหน้านะ” แบคฮยอนเอ่ยลาผมกับคยองซูแล้วเดินจากไป
จื่อเทาหันกลับมาโค้งให้ผมนิดหนึ่ง แต่เพื่อร่ำลาหรือเพื่ออะไรนั้นผมเองก็ไม่อาจจะทราบได้
จนสุดท้ายก็เหลือแค่ผมกับคยองซูอยู่ตรงนี้เท่านั้น
“งั้นเรา....กลับบ้านกันดีไหม?” ผมชักชวนน้องเขา
“ครับ...กลับบ้านเรากันเถอะ”
คยองซูหยักหน้าแล้วยิ้มออกมา โดยก่อนที่เราจะออกเดินคยองซูก็ไม่ลืมเดินมาคว้ามือผมไปกุมไว้
สำหรับคนอื่นมันอาจจะดูแปลกไปหน่อยที่ผู้ชายอย่างผมจะมาเดินจูงมือเด็กอายุสิบสี่ตัวกระจ้อยเดินไปเดินมา
แต่สำหรับผมและคยองซูแล้ว มันกลับกลายเป็นความเคยชินไปซะแล้ว...
เราเคยชินกับมันเพราะเราทำมันมาด้วยกันตั้งแต่เขายังเด็กๆ
และมันก็กลายเป็นว่าถ้าทุกครั้งที่เขาเดินข้างผมแล้วไม่จับมือกัน....นั่นแหละที่จะกลายเป็นเรื่องแปลก
“นี่...คยองซู” ผมกระซิบออกมาเมื่อเราเดินผ่านร้านตุ๊กตาที่ทำให้เขางอนผมไปเมื่อบ่าย
“หืม? อะไรครับ?” เขาหันมาถามผมเสียงใส
“ฉันจะซื้อตุ๊กตาพี่คร๊องให้นะ” ผมบอกเขา...ยกยิ้มออกมาเมื่อเห็นเขาทำตาโตเป็นไข่ห่าน
“ทำไมล่ะ?! ไหนจงอินบอกว่าจะไม่ซื้อให้คยองเพราะว่าคยองโตแล้วไง?” คยองซูถามผมอย่างไม่ค่อยเชื่อหูนัก
“ก็ตอนนี้ฉันอารมณ์ดี...ฉันอยากซื้อให้อ่ะ”
ผมบอกเขาก่อนจะเดินจูงมือลากเขาเข้าไปยืนหน้าร้าน
แต่เมื่อเรามาถึงข้างหน้าร้าน คยองซูกลับยื้อแขนผมไว้ไม่ให้เดินเข้าไปซะอย่างนั้น
“หืม? อะไร?
ฉันจะซื้อให้นี่ไง ไม่ดีใจเหรอ?” ผมถามเขาอย่างแปลกใจ...และยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นคยองซูส่ายหน้า
“อื้อ...คยองไม่อยากได้แล้วครับ
มาคิดดูดีๆแล้วตัวมันก็ใหญ่และราคามันก็แพงเกินไป”
เขาพูดพลางมุ่ยหน้าลงไปเล็กน้อย และนั่นทำให้ผมต้องหัวเราะออกมา
“เฮ้...ไม่เป็นไรหรอก ฉันมีเงินมากพอจะซื้อมันน่า
และไหนบอกว่าอยากเอามันไปกอดตอนนอนไงหืม?”
ผมถามพลางยกมือขึ้นขยี้หัวเขาอย่างหมั่นไส้
ก่อนจะต้องชะงักไปเมื่อน้องเขาส่ายหน้าแล้วยกยิ้ม
“งื้ออ คยองไม่เอาแล้วครับ
คยองจะกอดตุ๊กตาพี่คร๊องไปทำไมกันล่ะ
.
.
.
เพราะถ้าคยองอยากกอดพี่คร๊อง...คยองนอนกอดจงอินยังอุ่นกว่าอีก”
✚ TALK
ตอนนี้น้องคยองกำลังซุ่มทำอัลบั้มใหม่อยู่ และกำลังจะปล่อยอัลบั้มน้องคยองเป็นสาวแล้วชุดที่สอง
เราจะขอส่งท้ายความง๊องแง๊งของอิเด็กน้อยอีกไม่เกินสองตอน
แล้วน้องคยองจะเป็นสาวเต็มตัว
....คัมมิ่งซูน....
เพราะรักจึงแคร์...เพราะงั้นรีดควรแคร์ไรเตอร์ด้วยการคอมเม้นท์
ป.ล.ไรเตอร์นมน ย่อมาจาก หนิงมิดไนท์ ^^
ความคิดเห็น