ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [C0MPLETE] ✚ :: BE MY BABY :: ✚ [KAI x D.O.]*

    ลำดับตอนที่ #7 : ✚ BE MY BABY :: SEVEN

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 55


    Author : MR.$N0WMAN*

    Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo

    Story : Jackboiz

    Rate : PG - 15

     

     

    Be my Baby*





     




    ‘0.07

     








    เฮ้อ....




     

    เสียงถอนหายใจของคยองซูดังขึ้นมาบ่อยซะจนทำให้เพื่อนสนิทที่นั่งเรียนข้างๆกันอย่างจงฮยอนต้องหันมามองอย่างเป็นห่วง

    วันนี้คยองซูดูจะถอนหายใจออกมาบ่อยเป็นพิเศษจนจงฮยอนเองก็พลอยเซ็งไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้

    เป็นเพราะเจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไรเขาเลยไม่อยากจะเซ้าซี้ถามอะไรให้มากเรื่อง

    แต่สุดท้ายจงฮยอนเองก็ชักจะเริ่มทนไม่ไหว จึงต้องตัดสินใจต้องถามออกไปซะให้รู้เรื่องรู้ราวซักที

     

     

    “นี่...เป็นอะไรไปน่ะคยองซู วันนี้ถอนหายใจทั้งวันเลยนะ”

     

     

    จงฮยอนถามในขณะที่ยกมือของเขาขึ้นมาจับที่บ่าของผมเบาๆทีหนึ่ง

    ผมหันไปมองหน้าเขาก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่งโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

     
     

    “ทะเลาะกับพี่จงอินเหรอ?” เขาถามต่อ...

     

     

    “เปล่า...ไม่ได้ทะเลาะ”

     

     

    ผมตอบจงฮยอนก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

    จะเรียกว่าทะเลาะมันก็ไม่ใช่ซักหน่อย แค่เขาไม่ยอมคุยกับผมเลยตลอดเช้านี้ก็เท่านั้น

    เหตุผลเพียงแค่เพราะว่าจื่อเทาโทรนัดผมให้ไปเจอเขาที่หน้าโรงเรียน เพื่อที่เราจะได้เดินไปซื้อขนมที่มินิมาร์ทด้วยกันเท่านั้นเอง



    ตัวผมเองก็พอจะรู้ว่าจงอินไม่ค่อยชอบจื่อเทาเพราะว่าเขาเป็นลูกคุณหนู

    แต่จงอินไม่เคยมาคลุกคลีกับจื่อเทาซักหน่อย เขาจะมาตัดสินใจว่าชอบไม่ได้ชอบไม่ได้หรอกนะ

    เพราะจื่อเทาเองก็เป็นเพื่อนที่ดีกับผม...และที่แน่ๆเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรงเรียนแล้วด้วย

     
     

    “แล้วเป็นอะไร ทำไมต้องถอนหายใจแบบนี้ด้วย?”  จงฮยอนยังคงถามผมต่อ

     

     

    “ไม่รู้สิ...ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นอะไร” คยองซูตอบพลางถอนหายใจอีกหน

     

     

    “เอ้า... แล้วตอนนี้คิดถึงเรื่องอะไรอยู่อ่ะ?”

     

     

    “อ่า....ก็เรื่องจงอินน่ะ”

     

     

    ผมตอบจงฮยอนอย่างนั้น...เพราะในใจก็กำลังคิดเรื่องจงอินจริงๆอย่างที่พูดไป

    ผมเบะปากออกมาเมื่อเห็นจงฮยอนถอนหายใจแล้วหรี่ตามองผม...ก่อนที่จะกระซิบออกมาเบาๆอีกครั้ง

     

     

    “นั่นไง...ว่าแล้วเชียว” เขาพูดแบบนั้น

     

     

    “หืม? แล้วจงฮยอนรู้ได้ยังไงว่าฉันคิดเรื่องจงอินอยู่?”

     

     

    ผมถามเขาอย่างแปลกใจที่เขาพูดออกมาอย่างนั้น

    รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนักที่เขาทำเหมือนกับว่ารู้เรื่องของผมทุกเรื่อง

    แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอะไรออกไปหรอกนะ...

     
     

    “ก็แหงสิ...อย่างคยองซูจะเครียดเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องพี่จงอิน” เขาบอกกับผมพลางยักไหล่

     

     

    “เฮ้...ฉันก็เครียดเรื่องอื่นเป็นนะ” ผมแหวใส่เขา...

     

     

    “ไม่จริงหรอก...ทุกทีที่เครียดก็เรื่องพี่จงอินทั้งนั้น” จงฮยอนกลอกตาที่เห็นว่าผมเถียงเขา

     


     

    ผมหันกลับมามองหน้าสมุดวิชาเลขที่ว่างเปล่าทั้งๆที่ควรจะมีแบบฝึกหัดตรีโกณมิติ 5 ข้อประดับอยู่ในนั้น

    แต่เอากันตามจริงแล้วแม้แต่ข้อหนึ่งผมก็ยังไม่ได้มีความคิดจะเริ่มจรดปากกาลงไปเลย

    เพราะตอนนี้ในหัวของผมมันคิดแต่เรื่องจงอินเท่านั้น...แค่นั้นจริงๆ

     

     

    ...จริงของจงฮยอน...ผมมักจะเครียดกับเรื่องจงอินทุกทีๆ...

     


     

    “ฉัน...ควรทำยังไงดีจงฮยอน?”

     

     

    ผมทิ้งปากกาลงกับโต๊ะแล้วหันไปพูดคุยกับจงฮยอนอย่างเปิดเผย

    จะคณิตหรือจะตรีโกณอะไรก็ไม่คิดสนใจมันแล้ว...

     

     

    “ควรทำอะไรเรื่องอะไรล่ะ?” จงฮยอนถามผมในขณะที่ก้มหน้าลงเขียนสมการลงไปในหน้ากระดาษสมุด

     

     

    “ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันเป็นอะไร...แต่ฉันไม่ชอบเลยเวลาที่จงอินไม่พูดกับฉัน

    ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันทำผิดอะไร แต่พี่เขาชอบทำเป็นเย็นชากับฉันอย่างนี้ตลอดเลย”  

     

     

    ผมกระซิบอย่างร้อนรน...ไม่รู้ว่าจงฮยอนจะช่วยได้หรือเปล่า

    แต่ที่แน่ๆคือผมอยากระบายมันออกมาจริงๆ


    ผมอึดอัด...ไม่ชอบเลย...

    แล้วทำไมถึงต้องรู้สึกอย่างนี้ด้วย...ไม่เข้าใจ...

     

     

    “อ่า...ก็....เดี๋ยวก่อนนะ...ตรงนี้ต้องทำยังไง?”

     

     

    จงฮยอนยื่นสมุดมาหาผมแล้วถามถึงวิธีแก้โจทย์ ผมกลอกตาอย่างเอือมระอาก่อนจะตอบไปอย่างเสียไม่ได้

     

     

    “ก็แทนค่า x ลงไปแล้วย้ายข้าง เฮ้! นายต้องหาคำตอบในวงเล็บก่อนสิ!

    แต่เดี๋ยวนะ...นายช่วยตอบฉันก่อนได้ไหมว่าฉันควรจะทำยังไง  ฉันไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย”

     

     

    ผมกระซิบกับจงฮยอนอย่างร้อนรน เพราะว่าคุณครูที่ยืนอยู่หน้าห้องเริ่มมองมาที่พวกเราแล้ว

    แต่จะให้ผมหยุดเรื่องนี้ไว้ก่อนน่ะไม่ได้หรอกนะ...เรื่องนี้มันเป็นปัญหาระดับชาติ!



     

    “นายเคยมีความรักไหมคยองซู?”



     

    จงฮยอนหันขึ้นมาถามผมหลังจากที่เขาเขียนคำตอบลงไปในสมุดแล้ว

    ดวงตาของเขาจริงจังจนผมรู้สึกถึงความสำคัญของคำถามที่เขาถามขึ้นมาตงิด...

    แต่ก็ไม่เข้าใจนักว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ตรงไหน...

     

     

    “ทำไมล่ะ...ความรักเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้?” ผมถามเขา

     

     

    “ฉันเคยได้ยินมาว่าความรักทำให้คนเป็นบ้า

    เวลาที่พี่ชายฉันไม่กินข้าวกินปลา หรือกลับบ้านมาแล้วเป็นแบบนายอ่ะ

    แม่มักจะบอกเสมอว่าพี่เขาโดนความรักเล่นงานเอาซะแล้ว” จงฮยอนพูดพลางยักไหล่

     

     

    “แล้วจงฮยอนนี่รู้จักความรักไหมอ่ะ? นายเคยมีความรักหรือเปล่า?”

     
     

    ผมเท้าคางมองหน้าจงฮยอนแล้วถามเขา

    เห็นจงฮยอนทำหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่งแล้วจึงตอบรับ

     

     

    “อืม...จะว่าไปแล้วฉันไม่รู้จักความรักหรอกนะ

    แต่ฉันคิดว่าฉันรู้จักคำว่าแอบรักนะ”

     
     

     

    “หืม? แอบรักเหรอ?

    แหน่ะๆๆๆๆๆ  ใครอ่ะ...นายแอบรักใคร?

    เล่าให้ฟังบ้างดิ...ฉันรู้จักเขาหรือเปล่า? แล้วเขารู้ไหมว่านายชอบเขาอ้ะ?

     
     

    ผมยกยิ้มถามเขาอย่างหมายจะล้อเลียน

    ก่อนจะเลื่อนนิ้วเข้าไปจิ้มที่แขนของเขาเบาๆเพราะต้องการจะแหย่เขาเล่น

     
     

    “ถ้ารู้จะเรียกว่าแอบรักเหรออ่ะ?

    เขาซื่อบื้อจะตาย เขาไม่รู้หรอกว่าฉันแอบชอบอยู่อ่ะ

    ก็ไม่เชิงซื่อบื้อหรอก แต่ใสซื่อจนไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยมากกว่า

    จะว่าไปคยองซูก็รู้จักเขานะ...เผลอจะรู้จักดีด้วยล่ะ”

     

     

    จงฮยอนตอบผมอย่างนั้นในขณะที่หันไปมองที่นอกหน้าต่างห้องเรียนแล้วถอนหายใจ

    จู่ๆเขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเมื่อพูดถึงความรัก...มันทำให้ผมชักแปลกใจว่าความรักทำได้ขนาดนี้เชียวหรือ

     

     

    “เฮ้...ใครเหรอ? บอกฉันได้หรือเปล่า?”

     

     

    ผมยิ้มบางๆแล้วกระซิบถามเขาเสียงแผ่ว

    จงฮยอนเอียงคอแล้วทำหน้าครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง...

    เกิดความเงียบอยู่ในห้วงเวลาซักวิหรือสองวิที่เขานิ่งไปสนิทจนผมนึกว่าเขาไม่หายใจ


    เขาเม้มริมฝีปากลงไปแน่นก่อนจะหันหน้ามาหาผม

    จนกระทั่งริมฝีปากที่เม้มแน่นของเขาถูกคลายออกมาและมันกลายเป็นสีแดงจัด

    ดวงตาของจงฮยอนที่มองตรงมานั้นทำให้ผมต้องเจื่อนยิ้ม  เมื่อผมรู้สึกถึงอะไรแปลกๆจากสายตาเขา

     

     

    และโอ้...คำตอบนั้นมันทำให้โลกของผมแทบจะหยุดหมุนไปเลย

     

    .

    .

    .

     

     

     

    “คนซื่อบื้อคนนั้น...ชื่อคยองซูไงล่ะ”

     

     

     

     

    ************

     


     

     

    “จงอิน...ความรักคืออะไรเหรอ?”

     
     

    เสียงเจื้อยแจ้วของคยองซูถามผมขึ้นมาในขณะที่เรากำลังดูทีวีอยู่หลังอาหารมื้อค่ำ

    เป็นอันเฉลยว่าผมไม่ได้คิดไปเองจริงๆว่าวันนี้คยองซูดูเหม่อลอยผิดปกติ

    เขาแทบจะไม่พูดไม่จาเลยหลังจากที่กลับจากโรงเรียนวันนี้ และไม่ได้เรียกร้องให้ผมเติมข้าวอีกเป็นถ้วยที่สองหรือสามเหมือนทุกที

    ...และนั่นทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจริงๆ...

     

     
     

    “ถ้าจะมีเวลามาถามเรื่องไร้สาระพวกนี้ เอาเวลาไปทำการบ้านดีกว่าไหม?”  ผมพูดกับเขาเสียงเข้ม

     

     

    “มันไร้สาระตรงไหน? คยองแค่อยากรู้นี่นา

    จงอินก็คิดซะว่าทำเพื่อการศึกษาสิ...ก็คยองไม่รู้จริงๆ”

     
     

    คยองซูหันมามองผมตาใส...

    ดวงตานั้นไม่ได้เจือแววร้อนรนหรืออยากรู้แบบรักวัยรุ่นทั่วไป แต่เขาถามมันออกมาพร้อมกับความไร้เดียงสา

    ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเริ่มอธิบาย แม้ว่าใจจริงจะไม่ค่อยอยากอธิบายนักก็เถอะ...

     

     

    ก็...เป็นความรู้สึกเวลาที่เราคิดถึงใครมากๆ เป็นห่วงเขามากๆเวลาที่ไม่ได้เจอหรือเห็นหน้าล่ะมั้ง”


     

     

    ผมตอบแบบขอไปที เพราะใช่ว่าผมเองจะเคยมีความรักกับเขาซะเมื่อไหร่

    เมื่อก่อนก็หาเสพแค่ความสวยงามในรูปร่างหน้าตาและเรื่องของเซ็กส์ไปวันๆก็เท่านั้น

    ผมสนใจแต่เรื่องหน้าตาของคนที่ควงด้วย และจำนวนของคนที่เข้ามาคุยด้วย


     

    อ่า...ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมล่ะเปลี่ยนแฟนไม่ซ้ำหน้าเลย สองอาทิตย์ก็เปลี่ยนหรืออาจจะนานกว่านั้นแล้วแต่ผมพึงพอใจ

    เพราะชีวิตมันน่าเบื่อเกินกว่าจะผูกติดอยู่ที่ใครคนเดียวนี่นา...และผมก็ไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนัน้

    และนั่นทำให้ผมคิดว่าผมคงอธิบายไปได้ไม่ดีเท่าไหร่นักหรอก

    เพราะผมเองเคยได้ยินมาว่าความรักที่แท้จริงมันสวยงามกว่านั้นมาก...

     
     

     

    “งั้นเหรอ...อืม....” คยองซูหันกลับไปแล้วทำสีหน้าครุ่นคิด...และนั่นทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจจริงๆนะครับให้ตายเหอะ!

     

     

    “ทำไม? ทำไมจู่ๆถึงถาม?”

     

     

    ผมถามน้องเขาในขณะที่เขกหัวเล็กๆนั้นไปเบาๆทีหนึ่งอย่างหมั่นไส้

    คยองซูร้องออกมาเบาๆแล้วลูบหัวตัวเองป้อยๆ หลังจากนั้นก็เบะปากใส่ผม

    แต่เขาทำได้ไม่เท่าไหร่ก็กลับมาทำหน้าเครียดเหมือนเดิมอีก...

     
     

     

    “งั้นถ้าเป็นอย่างที่จงอินพูดจริง...แปลว่าคยองก็มีความรักน่ะสิ”

     

     

    "ว่าไงนะ!!! ใคร?!!

    นี่ยังเรียนอยู่ม.ต้น  เป็นเด็กเป็นเล็กอยู่เลยจะมีความรักเหรอ? นี่นายจะบ้าหรือไง?!

     

     

    ผมตวาดใส่เขาออกมาด้วยความโมโหจนคยองซูต้องหดคอมองผมอย่างกลัวๆ

    เขาคว้าเอาหมอนอิงขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้ก่อนจะตวาดกลับใส่ผม

     

     

    “ย๊า! ทำไมต้องตะคอกคยองด้วยล่ะ!

    คยองรักพี่โปโรโระมันเสียการเรียนตรงไหน?!

     

     

    เด็กน้อยอายุสิบสี่ถามผมอย่างเคืองๆที่ผมตวาดใส่เขาเสียงดัง

    แต่ทันทีที่ผมได้ฟังเหตุผลผมก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย...

    อ่า...ไอ้เด็กนี่เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?

     

     
     

    “อ้าวเหรอ...แต่ความรักมันไม่ใช่เรื่องเด็กๆอย่างนั้นซักหน่อย

    ความรักของจริงมันยิ่งใหญ่กว่านั้นมากนะ...นายไม่ได้รักโปโรโระขนาดนั้นหรอกน่า”

     

     

    “จงอินก็อธิบายให้คยองเข้าใจสิ...คยองไม่ได้รักพี่โปโรโระตรงไหน”

     

     

    คยองซูมุ่ยหน้าก่อนจะหันมานั่งขัดสมาธิแล้วมองหน้าผม

    ผมเองที่รู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยก็หัวเราะออกมาเมื่อเขาทำหน้าขึงขังจริงจังอย่างนั้น

    ผมมองที่นาฬิกาแขวนบนผนังแล้วก็พบว่ามันดึกมากแล้วที่เราจะมานั่งเสวนากันอยู่ตรงนี้

    พรุ่งนี้คยองซูมีเรียน และแน่นอนว่าผมก็มีงานแต่เช้า และผมคิดว่าเราควรจะขึ้นไปนอนซักที...

     

     

    “น้องคยองอาจจะรักพี่โปโรโระ

    แต่วันนึงน้องคยองก็จะรู้เองนะว่าความรักมันมีอะไรที่มากกว่านั้น

    ฉันก็อธิบายไม่ได้หรอกนะว่าความรักคืออะไร  ไม่รู้สิ...ฉันก็ไม่เข้าใจมันดีนักหรอกนะ

    แต่ถ้าเป็นความรักจริงๆ....อืม....

    มันอาจจะเป็นการที่เราต้องเลือกโดดลงไปช่วยใครซักคนในบรรดาคนมากมายที่กำลังจะจมน้ำอยู่ล่ะมั้ง

     

    อ่า...น่าปวดหัวนะว่าไหม

    เอาไว้น้องคยองโตขึ้นก็คงจะรู้เองว่ามันหมายความว่ายังไงนะ...

    แต่ตอนนี้ต้องขึ้นไปนอนได้แล้วและเลิกคิดเรื่องนี้ซะ  เพราะความรักตอนมอต้นน่ะมันก็แค่เรื่องโง่ๆเท่านั้นแหละน่า...”

     


     

    ผมบอกคยองซูไปก่อนจะดึงน้องเขาให้ลุกขึ้นมาจากพื้น

    คยองซูไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ขอให้ผมเดินไปส่งเขาที่ห้องนอนเหมือนทุกที

    และผมเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเพราะผมก็ทำอย่างนี้เป็นปกติอยู่แล้ว

    ถึงแม้ว่าคยองซูจะโตขึ้นแค่ไหน แต่ยังไงผมก็ยังอยากจะทำหน้าที่ผู้ปกครองให้เป็นปกติ

    .....ทำเหมือนกับทุกๆวันที่เคยทำมา.......

     

     

     

    “เอ้า...นอนได้แล้วนะ เดี๋ยวฉันจะปิดไฟให้”

     

     

    ผมบอกเขาในขณะที่ยืนพิงกรอบประตูเอาไว้แล้วส่งยิ้มให้เด็กตัวเล็กที่กำลังปีนขึ้นเตียงแล้วห่มผ้า

    คยองซูมองมาที่ผมตาแป๋วก่อนที่จะหันมายิ้มแล้วบอกให้ผมนอนฝันดีก่อนนอนเหมือนทุกคืน

    ผมยกยิ้มออกมาบางๆแล้วปิดไฟห้องนอนของเขา...ก่อนที่จะคว้าลูกบิดประตูเพื่อจะหมุนปิด

    แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างนั้น ผมก็ต้องชะงักไปเสียก่อน...

     


     

    “จงอิน..."

     
     

     

    เสียงใสนั้นกระซิบผ่านความเงียบขึ้นมาและทำให้ผมต้องมองผ่านความมืดเข้าไปในห้องนั้น

    แต่ผมเองก็ไม่เห็นอยู่ดีว่าตอนนี้คยองซูกำลังทำหน้าแบบไหน...

     
     

    “หืม? อะไร...” ผมถามเขาออกไป...


     

    อา...คิดดูแล้วมันน่าตลกดีนะ

    เพราะไม่ว่ากี่ปีผ่านไป ผมก็ยังต้องตอบคำถามเขาอย่างนี้อยู่ดี



    ....มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ...

     
     

    ผมคิดในใจก่อนจะยกยิ้มกริ่ม..

    โดยที่ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้ว ถึงแม้ว่าจะผ่านมาเนิ่นนานหลายปี

    ถึงประโยคนี้จะถูกเอ่ยขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำอีกกี่หน...

     

     

    ...แต่ความรู้สึกนั้นมันค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิด...

     

     

    ...เปลี่ยนแปลงไปโดยที่ผมไม่เคยแม้แต่จะรู้ตัว...

     

     
    ผมกัดริมฝีปากแน่นเมื่อเสียงกระซิบแผ่วเบาของคยองซูลอยเข้ามาในโสตประสาทราวกับว่าเขามากระซิบมันข้างหู

    ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร  ทำไมหัวใจต้องเต้นเพียงเพราะประโยคธรรมดานั้นด้วยล่ะ

    มันจะมีความหมายอะไรที่แฝงไว้มากกว่านั้นไหม?...



     

     

     

    “ถ้าโปโรโระหรือทุกๆคนบนโลกนี้จมน้ำไปหมด

     

    .

    .

    .

     

    คนแรกที่คยองจะโดดลงไปช่วย...คือจงอินนะ” 












    ✚ TALK



    ตอนนี้กากมากถึงมากที่สุด...
    รู้สึกว่าตัวเองเวิ่นเว้อจริงจัง สัญญาว่าตอนหน้าจะแก้ไขให้นะคะ T^T  
    ไรเตอร์กำลังคิดมากอยู่เบาๆ คือหัวฟิคมันจั่วไว้ว่ามันเป็น SF
    แต่ไรเตอร์กำลังจะทำให้มันเป็นฟิคยาว...แต่ว่าจะดีเหรอ?

    ตอนนี้จิตใจไรเตอร์มันหงุมหงิมผิดปกติ
    อาจจะเพราะว่าป่วยด้วยก็เลยรู้สึกว่าเวิ่นเว้อ 555555555
    แต่เอาเถอะค่ะ สุดท้ายไรเตอร์ก็มาต่อให้จนได้แล้วน้าา




    รักรีดเดอร์เหมือนเดิม 



    - ไรเตอร์นมน -






    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×