ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] ✚ :: L0VE N0TE :: ✚ [KAI x D.O.]*

    ลำดับตอนที่ #4 : ✚ :: L0VE N0TE :: 4 (END)

    • อัปเดตล่าสุด 22 ธ.ค. 55



     
    Author : FAKU HAKU
    Pairing : JONGIN x KYUNGSOO
    Rate : PG-15






    LOVE NOTE*

     

     



    - 4 -
    (END)

     

     

     

     

     

     

    วันเวลาผ่านไปอย่างน่าประหลาดในความคิดของโดคยองซู

    นับตั้งแต่วันที่ไปเดินเล่นที่สวนแล้วคิมจงอินก็เดินหนีเขาไปวันนั้น

    เขาจำได้ดีว่าตัวเองเดินต่อไปยังร้านอาหารเผื่อว่าจงอินจะรออยู่ที่นั่นแต่ก็เปล่า

    และก็กลายเป็นว่าอีกครั้งที่เขาต้องปลีกตัวเองออกมาจากคนที่เหลือเพื่อที่จะปล่อยให้น้ำตาทำหน้าที่ของมันอยู่ที่ข้างนอกร้าน

    แบคฮยอนเพื่อนใหม่ที่เขาเพิ่งรู้จักวันนั้นกับชานยอลเดินออกมาอยู่เป็นเพื่อนเขาและพาเขาไปส่งที่ห้อง

    และหลังจากนั้นก็ร้องไห้ให้กับความอ่อนแอของตัวเองอีกจนหลับไป

     

     

     

    สี่วันถัดจากนั้นก็ดูแทบจะเป็นความว่างเปล่าสำหรับคนตัวเล็กเมื่อเขาไปถึงที่ห้องเรียนที่เรียนกับจงอิน

    แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นมาเรียนช้ากว่าปกติและเลือกที่นั่งที่ห่างออกไปจากตัวเขาเอง

    และพอเลิกเรียนก็รีบเก็บข้าวของและเดินออกจากห้องไปเช่นเดียวกัน

    ไม่ว่าเขาจะรีบขนาดไหนหรือวิ่งตามอย่างไรก็ไม่เคยทันเสียสักครั้ง

    บางวันถึงกับเดินไปที่สนามบาสแต่ก็ไม่พบคนที่ตัวเองตามหา

     

     

     

    หัวใจดวงน้อยๆ ที่เต้นอยู่ในอกเหมือนจะถูกกรีดแทงลงไปในความเหินห่างที่ก่อตัวขึ้น

    คยองซูยังคงเจอหน้าคนรักเก่าอีกครั้งหรือสองครั้งในตลอดสี่วันที่ผ่านมา

    ครั้งแรกเขาก็ยังคงทำอะไรไม่ถูกและยืนคุยกับเขาต่อไปอย่างสนิทใจ

    แต่พอมองข้ามไหล่ของคริสไปก็เห็นจงอินยืนมองอยู่อีกครั้ง สายตาของร่างสูงมันเหมือนจะมีน้ำตาคลออยู่

    และเพียงสบตากันเท่านั้นจงอินก็หันหลังกลับและเดินไปอีกทาง

    และภาพๆ นั้นก็ทำเอาคนตัวเล็กหัวใจบุบสลายลงและใช้มือทั้งสองข้างดันเอาคนรักเก่าให้ออกห่างไป

    และในครั้งที่สองที่เจอกันนั้นเขาก็ปฏิเสธออกไปได้ในที่สุด

     

     

     

    อีกสิบนาทีจะเข้าเรียนแล้วแต่โดคยองซูก็ยังเดินเตร่ไปมาอยู่ที่ข้างๆ กรงนกของอาคารเรียน

    มือสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและสายตานั้นก็จ้องมองไปยังนกหลายสีหลากพันธุ์ที่อยู่ข้างในกรง

    รูปปากยกเป็นมุมยิ้มขึ้นน้อยๆ กับภาพความสวยงามที่เขาเฝ้าจ้องมองนั้น

    ในขณะที่ใบหูก็ตั้งใจฟังสรรพสำเนียงของพวกมันยามร้องเรียกทักทายกัน

    แต่ถึงแม้สมองจะรับรู้ภาพและเสียงเหล่านั้นแต่มันก็กลับคิดวนไปวนมาอยู่กับเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

     

     

     

    ลูกนกตัวหนึ่งที่ดูเหมือนเพิ่งจะฟักออกจากไข่มาได้ไม่นานค่อยๆ ก้าวเดินออกมาที่ขอบรังของแม่มัน

    ตัวเล็กกระจ้อยนั้นจะมองให้ขำขันก็คงได้

    แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของมันที่มองออกไปยังโลกข้างหน้าที่จะต้องบินก็ทำเอาเสียงหัวเราะนั้นกลับคืนลงลำคอไป

     

     

     

    ดวงตากลมโตจ้องมองความพยายามนั้นอย่างเคารพในความกล้า

    เขามองเห็นมันขยับปีกไปมาทีละน้อยๆ อยู่ข้างตัวเพื่อสร้างความเคยชิน

    รูปปากเล็กเม้มเข้าหากันภาวนาให้มันจงบินขึ้น

    ปีกกระจิดริดค่อยๆ แผ่กว้างออกไปข้างตัวขณะที่มันเดินไปจนสุดขอบ

    และเพียงพริบตาที่มันสะบัดก็ยกเอาร่างกายเล็กๆ ของมันเองให้บินสูงขึ้นไป

     

     

     

    สวยเนอะ...” เซฮุนมายืนข้างเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

     

     

     

    "...ฉันชอบมาดูนกที่นี่บ่อยๆ ก่อนไปเข้าเรียนล่ะ

    และก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันไปเข้าเรียนไม่ค่อยจะทันเท่าไร...”

    รอยยิ้มแห่งมิตรภาพฉายตรงมาให้

    "...นายเคยคิดมั้ยว่าถ้าเจ้าลูกนกมันไม่กล้าบินมันจะรู้ได้ยังไงว่ามันบินได้น่ะ"

     

     

     

    ไม่รู้สิ...” อีกฝ่ายตอบกลับไป

    "...มันอาจจะอยู่ในกรรมพันธุ์ ในสัญชาติญาณของมันก็ได้นะ"

     

     

     

    อืมก็คงจริง...” เซฮุนขยับกระเป๋าให้เข้าที่อีกครั้ง

    "...แต่ถ้ามันเกิดกลัวและไม่กล้าลอง

    มันคงไม่มีทางได้รู้หรอกนะว่าโลกนอกต้นไม้บ้านเกิดของมันน่ะ สวยงามแค่ไหน"

     

     

     

    โดคยองซูหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง ดูเหมือนเซฮุนจะพูดขึ้นมาลอยๆ

    และสายตาของเขาก็มองไปยังเจ้าลูกนกตัวนั้นที่ดูจะเพลิดเพลินกับการบินครั้งแรกของมันเสียเหลือเกิน

     

     

     

    ไม่ไปเรียนเหรอ"

     

     

     

    ไม่ล่ะ เดี๋ยวค่อยไป...” คยองซูส่งยิ้มไปให้

    "...นายไปก่อนเถอะ"

     

     

     

    อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มกลับมาให้เช่นเดียวกันก่อนจะออกเดินตรงไปยังห้องเรียน

    อีกครั้งที่ร่างเล็กก้มลงมองดูนาฬิกาและก็เหลือเวลาอีกแค่ประมาณสองสามนาทีเท่านั้นก่อนจะเริ่มชั้น

    เซฮุนคงไปไม่ทันอาจารย์เริ่มสอนอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเขาเองก็คงไม่ต้องหวังแม้จะออกวิ่งตั้งแต่ตอนนี้

    แต่ถึงจะอย่างไรก็ตัดสินใจเอาไว้แล้วและเขาจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองอย่างเด็ดขาด

    ถอนหายใจอีกครั้งหนึ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่เพื่อนเพิ่งได้พูดให้ฟัง

     

     

     

    ...ถ้ากลัวคงไม่มีวันได้รู้ว่าโลกข้างนอกมันสวยยังไง...

     

     

     

    รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเนียนใสนั้น

    เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่เห็นอยู่รำไรจากใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วจึงหลับตา

    สองมือที่ยังคงอยู่ในกระเป๋ากางเกงนั้นเริ่มรู้สึกอุ่นขึ้นมาทีละน้อยเมื่อความรู้สึกผ่อนคลายเข้ามาแทนที่ความเหงาและความสับสนช้าๆ

     

     

     

    คยองซู ทำไมยังไม่ไปเรียนอีก"

     

     

     

    หันกลับไปหาต้นเสียงแทบจะในทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อ

    คิมจงอินยืนอยู่ตรงนั้นมองตรงมายังเขา

    แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรร่างสูงก็เดินมา

    มือหนาคว้าที่ข้อมือเรียวและเริ่มต้นพาเดินตรงไปยังห้องเรียน

     

     

     

    สายก็สายแล้วยังจะมายืนดูนกอยู่ได้...”

     

     

     

    บ่นต่อไปโดยไม่หันกลับมามอง

     

     

     

    "ติดโรคเซฮุนมันมาหรือไง"

     

     

     

    แต่ที่คยองซูตอบกลับไปนั้นมีเพียงแค่การขืนตัวไม่ยอมเดินตามอีกฝ่ายไปโดยง่ายเท่านั้น

    ร่างสูงหยุดเดินในที่สุดและหันกลับมา

     

     

     

    เป็นอะไรของนาย"

     

     

     

    ฉันยังไม่อยากไป" ตอบออกไปเหมือนเด็กดื้อ

     

     

     

    คยองซู นี่มันไม่ใช่เวลาเล่นนะ"

     

     

     

    แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วนายจะคุยกับฉันไหม"
    ตอบกลับไปรวดเร็วพอๆ กัน

     

     

     

    "...ถ้าฉันไปเข้าเรียนเหมือนทุกวันก็คงไม่เพราะนายก็ไม่ยอมมานั่งหน้าฉันเหมือนเดิมและพอเลิกเรียนนายก็รีบออกจากห้องไป

    และฉันเองก็เป็นคนไม่กล้าใช้โทรศัพท์ด้วยนายเองก็รู้

    เพราะฉะนั้นถ้าฉันไม่ไปเข้าเรียนสายกว่านายแล้วล่ะก็ฉันจะมีโอกาสได้คุยกับนายอีกครั้งมั้ยจงอิน"

     

     

     

    คิมจงอินนิ่งเงียบไปเมื่ออยู่ๆ คนตัวเล็กก็พูดระบายออกมาเสียยืดยาว

    เขาไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำพูดนั้นเท่าไรรู้แต่เพียงว่ามันทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญขึ้นมาไม่มากก็น้อย

    หัวใจที่เหมือนจะค่อยๆ พองโตนั้นพยายามออกคำสั่งให้รูปปากบิดคลี่ออกเป็นรอยยิ้ม

    ทว่าความพยายามอย่างหนักกว่าของสมองก็บังคับให้เขายังคงไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา

     

     

     

    นายไม่รู้หรอกว่าสี่วันที่นายหายไปมันแย่แค่ไหน"

    คนตัวเล็กก้มหน้าลงต่ำ

     

     

     

    "...และนายไม่รู้หรอกว่าฉันต้องใช้ความกล้ามากแค่ไหนเพื่อทำแบบนี้"

     

     

     

    อืม ฉันไม่รู้หรอก...” ร่างสูงพูดออกมาในที่สุด

    "...แต่ถ้าอยากให้รู้ก็เล่าให้ฟังหน่อยสิว่านายจะทำยังไงต่อหลังจากที่เข้าเรียนช้ากว่าฉันแล้ว"

     

     

     

    โดคยองซูเม้มริมฝีปากเข้าด้วยกันอย่างที่เขามักจะทำเวลาที่จะทำอะไรที่เขินอาย

    พวงแก้มใสนั้นขึ้นสีน้อยๆ เมื่อกำลังจะเล่าสิ่งที่เขาวางแผนเอาไว้ให้คนตรงหน้าฟัง

    ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่ควรจะออกมาเป็นแบบนี้ ทุกอย่างมันควรจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องเรียนเท่านั้น

    ผิดแผนไปเสียหมดก็เพราะว่าจงอินมาเห็นเขายืนอยู่ที่กรงนก

     

     

     

    ก็คิดเอาไว้ว่าพอเข้าไปในห้องก็จะมองว่านายนั่งตรงไหนแล้วเดินไปนั่งข้างๆ...”

     

     

     

    มือเล็กปลดกระเป๋าสะพายออกจากหลังและเปิดมันออก

     

     

     

    "...แล้วก็ทำเป็นหากระเป๋าดินสอที่ฉันเอาออกไปตั้งแต่เมื่อคืนแบบนี้...”

     

     

     

    วางกระเป๋าลงบนพื้นและทรุดตัวลงนั่งยองๆ ทำเป็นค้นหาของที่อยู่ข้างใน

    ร่างสูงเองก็หย่อนตัวลงนั่งเหมือนกัน

     

     

     

    "...แต่ก็หาไม่เจอก็เลยคิดว่าจะสะกิดนาย...” เคาะเบาๆ ลงไปที่หัวไหล่ คิมจงอินเลิกคิ้วขึ้น

    "...คือฉันลืมเอาปากกามา ขอยืมของนายหน่อยได้มั้ย"

     

     

     

    กระเป๋าสะพายหลังใบสีขาวสลับเทาของจงอินเองก็ถูกปลดออกมาจากหลังเหมือนกัน

    และเขาก็เริ่มเปิดและค้นหาเครื่องเขียนที่อยู่ข้างใน

    ไม่นานนักก็ได้ปากกาออกมาด้ามหนึ่งจึงส่งให้คนตัวเล็ก

     

     

     

    แล้วฉันก็จะทำแบบนี้...”

     

     

     

    ฉีกกระดาษออกมาแผ่นหนึ่งและเขียนอะไรบางอย่างลงไปก่อนที่จะเริ่มพับมันเป็นรูปเต่าตัวน้อยๆ

    ค้นหาของในกระเป๋าอีกเล็กน้อย

    ไม่นานนักหีบเพลงเครื่องเล็กๆ กับเต่ากระดาษก็ถูกส่งมาให้คนตัวสูง

     

     

     

    "...แล้วก็ยื่นให้นายโดยหวังว่านายจะแกะมันอ่าน"

     

     

     

    มือหนารับของทั้งสองชิ้นมาไว้ตรงหน้า

    เปิดหีบเพลงออกแล้วก็เห็นว่ามันเป็นรูปตุ๊กตาที่กำลังเล่นชิงช้าอยู่พร้อมๆ กับที่เสียงเพลงดังขึ้นเบาๆ

    รอยยิ้มเล็กๆ จับระบายบนใบหน้า

    เขาปล่อยให้ตัวเองเพลิดเพลินกับบทเพลงช้าๆ นั้นอยู่พักหนึ่งก่อนที่ค่อยๆ บรรจงแกะเต่ากระดาษออกทีละน้อย

     

     

     

    ...ขอบคุณนะที่ให้ยืม...

     

    ...ขอบคุณอีกเหมือนกันที่มอบกุญแจมาให้ฉัน

    และก็ขอโทษที่ทำร้ายนายเสียมากมาย

    แต่ฉันไขกุญแจได้แล้วล่ะ เผื่อนายจะอยากรู้

    และคงจะดีมากถ้าเรากลับมาเริ่มใหม่ได้อีกครั้ง...

     

    ...ได้หรือเปล่านะ คิมจงอิน...

     

    ...คิดถึงนาย...

     

     

     

    มือหนาค่อยๆ บรรจงพับกระดาษแผ่นนั้นกลับไปเป็นรูปทรงเดิมของมัน เก็บใส่ไว้ในกระเป๋าและเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

     

     

     

    แล้วยังไงต่ออีก"

     

     

     

    เอ๊ะ?”

     

     

     

    อ้าว ก็หลังจากที่ฉันแกะอ่านแล้ว นายวางแผนไว้ยังไงต่ออีก"

     

     

     

    โดคยองซูเงยหน้าขึ้น

    เขาเองไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดีเพราะตอนนี้มันควรจะเป็นเวลาที่คนตรงหน้าเขาพูดอะไรสักอย่างไม่ใช่หรือ

    มันควรจะเป็นอย่างนั้นแล้วหลังจากนั้นเขาก็ค่อยคิดต่อไปว่าจะพูดอะไรกลับไป

     

     

     

    ไม่มีแล้ว...” พูดออกไปเบาๆ

    "...ฉันคิดมาแค่นี้"

     

     

     

    อืม...” อีกฝ่ายพยักหน้าช้าๆ เหมือนจะเข้าใจ

     

     

     

    "...แล้วถ้าเกิดมันไม่เป็นอย่างที่นายคิดล่ะ

    ถ้าเกิดว่าวันนี้ฉันไม่สบายแล้วไม่มาเรียน

    หรือเกิดว่าพอนายเข้าห้องไปแล้วที่นั่งรอบๆ ฉันมันไม่ว่างเลยสักที่

    หรือว่าฉันไม่ได้แกะกระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่าน

    หรืออย่างที่ฉันมาเจอนายก่อนเข้าห้องเรียนแบบนี้น่ะ...”

     

     

     

    ไม่รู้... แต่มันก็ผิดแผนอยู่แล้วนี่นา"

    ค่อยๆ ปิดกระเป๋าของตัวเองลงไป

     

     

     

    "...ถ้าทำแบบนี้แล้วยังทำให้นายกลับมาไม่ได้...” ลุกขึ้นยืนช้าๆ

    "...ฉันคงต้องยอมแพ้แล้วล่ะมั้ง"

     

     

     

    อะไรกันนายจะมายอมแพ้ง่ายๆ ได้ยังไง...”

     

     

     

    จงอินลุกขึ้นยืนบ้างและก็มองจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตของคนตัวเล็กตรงๆ

     

     

     

    "...ฉันชอบนายมาห้าปียังไม่เคยยอมแพ้เลยสักครั้ง

    ต่อให้ใครจะว่ายังไง จะเจ็บยังไงก็ไม่เคย"

     

     

     

    แล้วที่เดินหนีฉันไปนั่นล่ะ"

     

     

     

    ฉันไม่ได้ยอมแพ้ซะหน่อย" ตอบกลับไป

    "...แต่บางครั้งเราก็ต้องยอมถอยออกมาหนึ่งก้าวเพื่อที่จะได้เห็นอะไรชัดขึ้นก่อนที่จะเดินต่อไปเหมือนกันนะ"

     

     

     

    และมันก็ชัดมากพอแล้วสำหรับฉันนะ"

     

     

     

    คยองซูพูดขึ้นมาในทันที

     

     

     

    "...ฉันคิดถึงนายคิมจงอิน"

     

     

     

    วินาทีถัดมาชายหนุ่มก็ถูกคนตรงหน้าดึงเข้าไปกอด

    ดวงตาคู่โตนั้นเบิกกว้างขึ้นเหมือนกับจะตกใจ

    แต่เมื่ออ้อมกอดนั้นแนบชิดกับลำตัวของเขา

    และวงแขนแกร่งนั้นโอบล้อมรอบตัวเขาเอาไว้จนสนิทแล้วนั้นก็ไม่เหลือแรงต้านทานอะไรอีก

     

     

     

    เขาปล่อยให้ตัวเองถูกโอบกอดอยู่แบบนั้นโดยไม่สนใจว่าใครจะเดินผ่านไปผ่านมาแล้วกระซิบกระซาบกัน

    ใบหน้าเนียนซุกลงไปที่แผงอกแกร่งของคนตัวโตแล้วก็งุดอยู่แบบนั้น

    เหมือนกับจะต้องการซึบซับอ้อมแขนนั้นเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

    มือหนายกขึ้นมาจรดเรือนผมและเริ่มต้นลูบเบาๆ

     

     

     

    ฉันก็คิดถึงนายโดคยองซู"

     

     

     

    แม้ไม่ต้องพูดออกมาร่างเล็กก็เข้าใจ

    กอดเพียงกอดเดียวก็บอกอะไรได้มากกว่าคำพูดนับพันเสียอีก

    วงแขนแกร่งนั้นกระชับแน่นขึ้น

     

     

     

    ฉันจะไม่ปล่อยนายไปไหนอีกแล้วคยองซู"

     

     

     

    ถ้อยคำหนักแน่นกระซิบลงที่ข้างใบหูและสอดแทรกไปจนถึงตรงกลางของหัวใจ

    และโดยไม่รู้ตัวคยองซูเองก็ค่อยๆ เลื่อนแขนของตัวเองขึ้นมาสวมกอดอีกฝ่ายกลับไปเช่นเดียวกัน

    ครั้งนี้เขาตั้งใจให้มันเป็นมากกว่าการกอดระหว่างเพื่อนสนิท

    เพราะเขาเองก็เริ่มมั่นใจแล้วว่าหากเป็นเพียงแค่นั้นแล้วมันคงจะไม่พอ

     

     

     

    สัญญาแล้วห้ามคืนคำนะ...” เขาตอบกลับไป

     

     

     

    "...เพราะฉันไม่อยากให้นายหายไปอีกแล้ว"

    ถึงแม้จะน่าเขินน่าอายขนาดไหนแต่ก็คงไม่เป็นไรที่จะบอกมันกับคนตรงหน้านี้

     

     

     

    "...นายคงจะยังไม่เลิกชอบฉันหรอกนะคิมจงอิน"

     

     

     

    ทำไมล่ะ"

     

     

     

    เพราะฉันว่าฉันเองก็ชอบนายแล้วเหมือนกัน"

     

     

     

    Love Note

     

     

     

     

    ใครสักคนคงอาจจะเคยพบกับประสบการณ์ที่ไม่อยากจดจำมาแล้วทั้งนั้น

    แต่ก็แล้วแต่คนว่าเขาจะอยากให้มันเกิดขึ้นหรือไม่

    ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากหรือเปล่า

    แต่ที่แน่ๆ ก็คือมันเกิดขึ้นกับผมมาแล้วอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง

    และคงไม่มีวันที่ผมจะลบมันออกไปจากความทรงจำได้อย่างแน่นอน

     

     

     

    เหตุการณ์บางอย่างเหมือนกับว่าจะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ

    แต่ผมเองก็ไม่ใช่คนที่เชื่อในเรื่องความบังเอิญเท่าไรนัก

    ทุกอย่างล้วนมีเหตุและผลของกันและกัน

    และการที่เรื่องราวบางอย่างมันเกิดขึ้นมาก็คงเป็นเพราะใครสักคนอยากจะให้มันมีผลอะไรบางอย่างกับผม

     

     

     

    คงจะเป็นอย่างนั้น

     

     

     

    คงไม่บอกว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้แล้วผมจะอยากให้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผมนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

    เพราะถึงอย่างไรเสียคนเราก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้อยู่ดี

    และที่สำคัญกว่านั้น มิใช่เพราะอดีตที่ผ่านมาหรอกหรือที่ทำให้เราเป็นเราในวันนี้

    ผมคงได้แต่ขอบคุณวันที่ผ่านๆ มาเหล่านั้นที่ช่วยให้ผมเติบโตเป็นผมอย่างที่ผมเป็นในทุกวันนี้

     

     

     

    ผมคงไม่บอกหรอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมนั้นจะกลายเป็นอนาคตของผมหรือเปล่า

    แต่ไม่ว่ายังไงในเมื่อมันเกิดขึ้นกับผมแล้วมันก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวผมไปด้วยเช่นกัน

    และก็คงเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาเราตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่มันยิ่งใหญ่

    หรือมีผลกับคนอื่นๆ มากกว่ากับเราเพียงคนเดียว

     

     

     

    เช่นเดียวกันกับที่ผมถูกบอกเลิก

    มันก็คงกลายมาเป็นบทเรียนให้กับความรักครั้งหน้าของผม

    หรือแม้แต่เมื่อความรักครั้งต่อไปมันเกิดขึ้นกับผมแล้วก็ตาม

    ทุกอย่างก็คงเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้ผมก้าวต่อไปในแบบที่ผมเป็น

    ผมก็ควรจะตอบรับมันและเติบโตไปกับมัน

    คงจะเป็นอย่างนั้นมาโดยตลอดที่ผ่านมาและก็คงจะเป็นอย่างนั้นแม้ในวันข้างหน้าอันแสนไกล

     

     

     

    แต่หากผมจะขอร้องอะไรได้สักอย่าง

    ผมคงไม่ขอย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขอะไรอีกแล้ว

    เพราะใครสักคนที่นอนกอดผมอยู่ตอนนี้ก็ได้สอนผมมามากพอแล้วว่าสิ่งสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่เราจะกลับไปทำให้มันดีขึ้น

    แต่อยู่ที่ว่าเราจะอยู่กับสิ่งที่ผ่านมาอย่างไรต่างหาก

     

     

     

    ...กุญแจก็อยู่กับผมมาโดยตลอด อยู่ที่ผมต่างหากว่าจะลงมือไขกุญแจดอกนั้นและปลดปล่อยตัวเองเมื่อไร...

     

     

     

    ถ้าหากผมจะขออะไรได้สักอย่างก็คงจะเป็นขอให้ผมมีสติมากพอที่จะใช้ชีวิตของทุกวันนี้ให้ดี

    และให้ตัวผมและคนที่ผมรักก้าวต่อไปด้วยกันได้อย่างเข้าใจและมั่นคง

    หากจะมีทะเลาะกันบ้างก็คงไม่เป็นไร

    หรือหากอนาคตบางอย่างจะเปลี่ยนไปก็คงจะไม่เป็นไรเช่นเดียวกัน

    ขอแค่ให้เราได้ลองใช้ชีวิตไปด้วยกันเท่านั้นเพื่อที่เราจะได้เติบโตไปด้วยกัน

    และเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันไปอีกแสนนาน

     

     

     

    ...และคงจะต้องขอบคุณเขาเสียมากมายเหลือเกินที่มั่นคงกับผมมาหลายต่อหลายปี...

     

     

     

    ...เพียงเพื่อที่จะทำให้ผมได้เข้าใจว่าถ้าจะรัก ต้องทำอย่างไร...

     

     

     

    โดคยองซู

     

     

    Love Note

    END

     

     

    TALK


     

    จบลงไปแล้วนะครับสำหรับเรื่อง Love Note
    ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะถูกใจผู้อ่านกันหรือเปล่า
    แต่ก็หวังว่าจะชอบกันบ้างนะครับ

    สำหรับตอนพิเศษ
    เดี๋ยวผมจะเอามาลงให้นะครับ
    แล้วเมื่อลงเมื่อไรผมจะทวิตบอกอีกครั้งหนึ่งฮะ

    ชอบไม่ชอบยังไงก็เมนท์บอกผมหน่อยนะครับ
    กำลังใจของบรรดาไรต์เตอร์หลายคนอยู่ที่ผู้อ่านนี่แหละครับ
    แค่คุณชอบผลงานของเรา พวกเราก็ยิ้มได้แล้วฮะ

    แล้วพบกันในตอนพิเศษนะครับ
    และหลังจากนั้นใรเรื่องถัดๆ ไปด้วยฮะ
    @ice_haku ขอบคุณครับ






    Minor!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×