คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ✚ :: L0VE N0TE :: 4 (END)
Rate : PG-15
LOVE NOTE*
- 4 -
(END)
วันเวลาผ่านไปอย่างน่าประหลาดในความคิดของโดคยองซู
นับตั้งแต่วันที่ไปเดินเล่นที่สวนแล้วคิมจงอินก็เดินหนีเขาไปวันนั้น
เขาจำได้ดีว่าตัวเองเดินต่อไปยังร้านอาหารเผื่อว่าจงอินจะรออยู่ที่นั่นแต่ก็เปล่า
และก็กลายเป็นว่าอีกครั้งที่เขาต้องปลีกตัวเองออกมาจากคนที่เหลือเพื่อที่จะปล่อยให้น้ำตาทำหน้าที่ของมันอยู่ที่ข้างนอกร้าน
แบคฮยอนเพื่อนใหม่ที่เขาเพิ่งรู้จักวันนั้นกับชานยอลเดินออกมาอยู่เป็นเพื่อนเขาและพาเขาไปส่งที่ห้อง
และหลังจากนั้นก็ร้องไห้ให้กับความอ่อนแอของตัวเองอีกจนหลับไป
สี่วันถัดจากนั้นก็ดูแทบจะเป็นความว่างเปล่าสำหรับคนตัวเล็กเมื่อเขาไปถึงที่ห้องเรียนที่เรียนกับจงอิน
แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นมาเรียนช้ากว่าปกติและเลือกที่นั่งที่ห่างออกไปจากตัวเขาเอง
และพอเลิกเรียนก็รีบเก็บข้าวของและเดินออกจากห้องไปเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าเขาจะรีบขนาดไหนหรือวิ่งตามอย่างไรก็ไม่เคยทันเสียสักครั้ง
บางวันถึงกับเดินไปที่สนามบาสแต่ก็ไม่พบคนที่ตัวเองตามหา
หัวใจดวงน้อยๆ ที่เต้นอยู่ในอกเหมือนจะถูกกรีดแทงลงไปในความเหินห่างที่ก่อตัวขึ้น
คยองซูยังคงเจอหน้าคนรักเก่าอีกครั้งหรือสองครั้งในตลอดสี่วันที่ผ่านมา
ครั้งแรกเขาก็ยังคงทำอะไรไม่ถูกและยืนคุยกับเขาต่อไปอย่างสนิทใจ
แต่พอมองข้ามไหล่ของคริสไปก็เห็นจงอินยืนมองอยู่อีกครั้ง สายตาของร่างสูงมันเหมือนจะมีน้ำตาคลออยู่
และเพียงสบตากันเท่านั้นจงอินก็หันหลังกลับและเดินไปอีกทาง
และภาพๆ นั้นก็ทำเอาคนตัวเล็กหัวใจบุบสลายลงและใช้มือทั้งสองข้างดันเอาคนรักเก่าให้ออกห่างไป
และในครั้งที่สองที่เจอกันนั้นเขาก็ปฏิเสธออกไปได้ในที่สุด
อีกสิบนาทีจะเข้าเรียนแล้วแต่โดคยองซูก็ยังเดินเตร่ไปมาอยู่ที่ข้างๆ กรงนกของอาคารเรียน
มือสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและสายตานั้นก็จ้องมองไปยังนกหลายสีหลากพันธุ์ที่อยู่ข้างในกรง
รูปปากยกเป็นมุมยิ้มขึ้นน้อยๆ กับภาพความสวยงามที่เขาเฝ้าจ้องมองนั้น
ในขณะที่ใบหูก็ตั้งใจฟังสรรพสำเนียงของพวกมันยามร้องเรียกทักทายกัน
แต่ถึงแม้สมองจะรับรู้ภาพและเสียงเหล่านั้นแต่มันก็กลับคิดวนไปวนมาอยู่กับเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
ลูกนกตัวหนึ่งที่ดูเหมือนเพิ่งจะฟักออกจากไข่มาได้ไม่นานค่อยๆ ก้าวเดินออกมาที่ขอบรังของแม่มัน
ตัวเล็กกระจ้อยนั้นจะมองให้ขำขันก็คงได้
แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของมันที่มองออกไปยังโลกข้างหน้าที่จะต้องบินก็ทำเอาเสียงหัวเราะนั้นกลับคืนลงลำคอไป
ดวงตากลมโตจ้องมองความพยายามนั้นอย่างเคารพในความกล้า
เขามองเห็นมันขยับปีกไปมาทีละน้อยๆ อยู่ข้างตัวเพื่อสร้างความเคยชิน
รูปปากเล็กเม้มเข้าหากันภาวนาให้มันจงบินขึ้น
ปีกกระจิดริดค่อยๆ แผ่กว้างออกไปข้างตัวขณะที่มันเดินไปจนสุดขอบ
และเพียงพริบตาที่มันสะบัดก็ยกเอาร่างกายเล็กๆ ของมันเองให้บินสูงขึ้นไป
“สวยเนอะ...” เซฮุนมายืนข้างเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
"...ฉันชอบมาดูนกที่นี่บ่อยๆ ก่อนไปเข้าเรียนล่ะ
และก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันไปเข้าเรียนไม่ค่อยจะทันเท่าไร...”
รอยยิ้มแห่งมิตรภาพฉายตรงมาให้
"...นายเคยคิดมั้ยว่าถ้าเจ้าลูกนกมันไม่กล้าบินมันจะรู้ได้ยังไงว่ามันบินได้น่ะ"
“ไม่รู้สิ...” อีกฝ่ายตอบกลับไป
"...มันอาจจะอยู่ในกรรมพันธุ์ ในสัญชาติญาณของมันก็ได้นะ"
“อืมก็คงจริง...” เซฮุนขยับกระเป๋าให้เข้าที่อีกครั้ง
"...แต่ถ้ามันเกิดกลัวและไม่กล้าลอง
มันคงไม่มีทางได้รู้หรอกนะว่าโลกนอกต้นไม้บ้านเกิดของมันน่ะ สวยงามแค่ไหน"
โดคยองซูหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง ดูเหมือนเซฮุนจะพูดขึ้นมาลอยๆ
และสายตาของเขาก็มองไปยังเจ้าลูกนกตัวนั้นที่ดูจะเพลิดเพลินกับการบินครั้งแรกของมันเสียเหลือเกิน
“ไม่ไปเรียนเหรอ"
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวค่อยไป...” คยองซูส่งยิ้มไปให้
"...นายไปก่อนเถอะ"
อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มกลับมาให้เช่นเดียวกันก่อนจะออกเดินตรงไปยังห้องเรียน
อีกครั้งที่ร่างเล็กก้มลงมองดูนาฬิกาและก็เหลือเวลาอีกแค่ประมาณสองสามนาทีเท่านั้นก่อนจะเริ่มชั้น
เซฮุนคงไปไม่ทันอาจารย์เริ่มสอนอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเขาเองก็คงไม่ต้องหวังแม้จะออกวิ่งตั้งแต่ตอนนี้
แต่ถึงจะอย่างไรก็ตัดสินใจเอาไว้แล้วและเขาจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองอย่างเด็ดขาด
ถอนหายใจอีกครั้งหนึ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่เพื่อนเพิ่งได้พูดให้ฟัง
...ถ้ากลัวคงไม่มีวันได้รู้ว่าโลกข้างนอกมันสวยยังไง...
รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเนียนใสนั้น
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่เห็นอยู่รำไรจากใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วจึงหลับตา
สองมือที่ยังคงอยู่ในกระเป๋ากางเกงนั้นเริ่มรู้สึกอุ่นขึ้นมาทีละน้อยเมื่อความรู้สึกผ่อนคลายเข้ามาแทนที่ความเหงาและความสับสนช้าๆ
“คยองซู ทำไมยังไม่ไปเรียนอีก"
หันกลับไปหาต้นเสียงแทบจะในทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อ
คิมจงอินยืนอยู่ตรงนั้นมองตรงมายังเขา
แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรร่างสูงก็เดินมา
มือหนาคว้าที่ข้อมือเรียวและเริ่มต้นพาเดินตรงไปยังห้องเรียน
“สายก็สายแล้วยังจะมายืนดูนกอยู่ได้...”
บ่นต่อไปโดยไม่หันกลับมามอง
"ติดโรคเซฮุนมันมาหรือไง"
แต่ที่คยองซูตอบกลับไปนั้นมีเพียงแค่การขืนตัวไม่ยอมเดินตามอีกฝ่ายไปโดยง่ายเท่านั้น
ร่างสูงหยุดเดินในที่สุดและหันกลับมา
“เป็นอะไรของนาย"
“ฉันยังไม่อยากไป" ตอบออกไปเหมือนเด็กดื้อ
“คยองซู นี่มันไม่ใช่เวลาเล่นนะ"
“แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วนายจะคุยกับฉันไหม"
ตอบกลับไปรวดเร็วพอๆ กัน
"...ถ้าฉันไปเข้าเรียนเหมือนทุกวันก็คงไม่เพราะนายก็ไม่ยอมมานั่งหน้าฉันเหมือนเดิมและพอเลิกเรียนนายก็รีบออกจากห้องไป
และฉันเองก็เป็นคนไม่กล้าใช้โทรศัพท์ด้วยนายเองก็รู้
เพราะฉะนั้นถ้าฉันไม่ไปเข้าเรียนสายกว่านายแล้วล่ะก็ฉันจะมีโอกาสได้คุยกับนายอีกครั้งมั้ยจงอิน"
คิมจงอินนิ่งเงียบไปเมื่ออยู่ๆ คนตัวเล็กก็พูดระบายออกมาเสียยืดยาว
เขาไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำพูดนั้นเท่าไรรู้แต่เพียงว่ามันทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญขึ้นมาไม่มากก็น้อย
หัวใจที่เหมือนจะค่อยๆ พองโตนั้นพยายามออกคำสั่งให้รูปปากบิดคลี่ออกเป็นรอยยิ้ม
ทว่าความพยายามอย่างหนักกว่าของสมองก็บังคับให้เขายังคงไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา
“นายไม่รู้หรอกว่าสี่วันที่นายหายไปมันแย่แค่ไหน"
คนตัวเล็กก้มหน้าลงต่ำ
"...และนายไม่รู้หรอกว่าฉันต้องใช้ความกล้ามากแค่ไหนเพื่อทำแบบนี้"
“อืม ฉันไม่รู้หรอก...” ร่างสูงพูดออกมาในที่สุด
"...แต่ถ้าอยากให้รู้ก็เล่าให้ฟังหน่อยสิว่านายจะทำยังไงต่อหลังจากที่เข้าเรียนช้ากว่าฉันแล้ว"
โดคยองซูเม้มริมฝีปากเข้าด้วยกันอย่างที่เขามักจะทำเวลาที่จะทำอะไรที่เขินอาย
พวงแก้มใสนั้นขึ้นสีน้อยๆ เมื่อกำลังจะเล่าสิ่งที่เขาวางแผนเอาไว้ให้คนตรงหน้าฟัง
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่ควรจะออกมาเป็นแบบนี้ ทุกอย่างมันควรจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องเรียนเท่านั้น
ผิดแผนไปเสียหมดก็เพราะว่าจงอินมาเห็นเขายืนอยู่ที่กรงนก
“ก็คิดเอาไว้ว่าพอเข้าไปในห้องก็จะมองว่านายนั่งตรงไหนแล้วเดินไปนั่งข้างๆ...”
มือเล็กปลดกระเป๋าสะพายออกจากหลังและเปิดมันออก
"...แล้วก็ทำเป็นหากระเป๋าดินสอที่ฉันเอาออกไปตั้งแต่เมื่อคืนแบบนี้...”
วางกระเป๋าลงบนพื้นและทรุดตัวลงนั่งยองๆ ทำเป็นค้นหาของที่อยู่ข้างใน
ร่างสูงเองก็หย่อนตัวลงนั่งเหมือนกัน
"...แต่ก็หาไม่เจอก็เลยคิดว่าจะสะกิดนาย...” เคาะเบาๆ ลงไปที่หัวไหล่ คิมจงอินเลิกคิ้วขึ้น
"...คือฉันลืมเอาปากกามา ขอยืมของนายหน่อยได้มั้ย"
กระเป๋าสะพายหลังใบสีขาวสลับเทาของจงอินเองก็ถูกปลดออกมาจากหลังเหมือนกัน
และเขาก็เริ่มเปิดและค้นหาเครื่องเขียนที่อยู่ข้างใน
ไม่นานนักก็ได้ปากกาออกมาด้ามหนึ่งจึงส่งให้คนตัวเล็ก
“แล้วฉันก็จะทำแบบนี้...”
ฉีกกระดาษออกมาแผ่นหนึ่งและเขียนอะไรบางอย่างลงไปก่อนที่จะเริ่มพับมันเป็นรูปเต่าตัวน้อยๆ
ค้นหาของในกระเป๋าอีกเล็กน้อย
ไม่นานนักหีบเพลงเครื่องเล็กๆ กับเต่ากระดาษก็ถูกส่งมาให้คนตัวสูง
"...แล้วก็ยื่นให้นายโดยหวังว่านายจะแกะมันอ่าน"
มือหนารับของทั้งสองชิ้นมาไว้ตรงหน้า
เปิดหีบเพลงออกแล้วก็เห็นว่ามันเป็นรูปตุ๊กตาที่กำลังเล่นชิงช้าอยู่พร้อมๆ กับที่เสียงเพลงดังขึ้นเบาๆ
รอยยิ้มเล็กๆ จับระบายบนใบหน้า
เขาปล่อยให้ตัวเองเพลิดเพลินกับบทเพลงช้าๆ นั้นอยู่พักหนึ่งก่อนที่ค่อยๆ บรรจงแกะเต่ากระดาษออกทีละน้อย
...ขอบคุณนะที่ให้ยืม...
...ขอบคุณอีกเหมือนกันที่มอบกุญแจมาให้ฉัน
และก็ขอโทษที่ทำร้ายนายเสียมากมาย
แต่ฉันไขกุญแจได้แล้วล่ะ เผื่อนายจะอยากรู้
และคงจะดีมากถ้าเรากลับมาเริ่มใหม่ได้อีกครั้ง...
...ได้หรือเปล่านะ คิมจงอิน...
...คิดถึงนาย...
มือหนาค่อยๆ บรรจงพับกระดาษแผ่นนั้นกลับไปเป็นรูปทรงเดิมของมัน เก็บใส่ไว้ในกระเป๋าและเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
“แล้วยังไงต่ออีก"
“เอ๊ะ?”
“อ้าว ก็หลังจากที่ฉันแกะอ่านแล้ว นายวางแผนไว้ยังไงต่ออีก"
โดคยองซูเงยหน้าขึ้น
เขาเองไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดีเพราะตอนนี้มันควรจะเป็นเวลาที่คนตรงหน้าเขาพูดอะไรสักอย่างไม่ใช่หรือ
มันควรจะเป็นอย่างนั้นแล้วหลังจากนั้นเขาก็ค่อยคิดต่อไปว่าจะพูดอะไรกลับไป
“ไม่มีแล้ว...” พูดออกไปเบาๆ
"...ฉันคิดมาแค่นี้"
“อืม...” อีกฝ่ายพยักหน้าช้าๆ เหมือนจะเข้าใจ
"...แล้วถ้าเกิดมันไม่เป็นอย่างที่นายคิดล่ะ
ถ้าเกิดว่าวันนี้ฉันไม่สบายแล้วไม่มาเรียน
หรือเกิดว่าพอนายเข้าห้องไปแล้วที่นั่งรอบๆ ฉันมันไม่ว่างเลยสักที่
หรือว่าฉันไม่ได้แกะกระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่าน
หรืออย่างที่ฉันมาเจอนายก่อนเข้าห้องเรียนแบบนี้น่ะ...”
“ไม่รู้... แต่มันก็ผิดแผนอยู่แล้วนี่นา"
ค่อยๆ ปิดกระเป๋าของตัวเองลงไป
"...ถ้าทำแบบนี้แล้วยังทำให้นายกลับมาไม่ได้...” ลุกขึ้นยืนช้าๆ
"...ฉันคงต้องยอมแพ้แล้วล่ะมั้ง"
“อะไรกันนายจะมายอมแพ้ง่ายๆ ได้ยังไง...”
จงอินลุกขึ้นยืนบ้างและก็มองจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตของคนตัวเล็กตรงๆ
"...ฉันชอบนายมาห้าปียังไม่เคยยอมแพ้เลยสักครั้ง
ต่อให้ใครจะว่ายังไง จะเจ็บยังไงก็ไม่เคย"
“แล้วที่เดินหนีฉันไปนั่นล่ะ"
“ฉันไม่ได้ยอมแพ้ซะหน่อย" ตอบกลับไป
"...แต่บางครั้งเราก็ต้องยอมถอยออกมาหนึ่งก้าวเพื่อที่จะได้เห็นอะไรชัดขึ้นก่อนที่จะเดินต่อไปเหมือนกันนะ"
“และมันก็ชัดมากพอแล้วสำหรับฉันนะ"
คยองซูพูดขึ้นมาในทันที
"...ฉันคิดถึงนายคิมจงอิน"
วินาทีถัดมาชายหนุ่มก็ถูกคนตรงหน้าดึงเข้าไปกอด
ดวงตาคู่โตนั้นเบิกกว้างขึ้นเหมือนกับจะตกใจ
แต่เมื่ออ้อมกอดนั้นแนบชิดกับลำตัวของเขา
และวงแขนแกร่งนั้นโอบล้อมรอบตัวเขาเอาไว้จนสนิทแล้วนั้นก็ไม่เหลือแรงต้านทานอะไรอีก
เขาปล่อยให้ตัวเองถูกโอบกอดอยู่แบบนั้นโดยไม่สนใจว่าใครจะเดินผ่านไปผ่านมาแล้วกระซิบกระซาบกัน
ใบหน้าเนียนซุกลงไปที่แผงอกแกร่งของคนตัวโตแล้วก็งุดอยู่แบบนั้น
เหมือนกับจะต้องการซึบซับอ้อมแขนนั้นเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
มือหนายกขึ้นมาจรดเรือนผมและเริ่มต้นลูบเบาๆ
“ฉันก็คิดถึงนายโดคยองซู"
แม้ไม่ต้องพูดออกมาร่างเล็กก็เข้าใจ
กอดเพียงกอดเดียวก็บอกอะไรได้มากกว่าคำพูดนับพันเสียอีก
วงแขนแกร่งนั้นกระชับแน่นขึ้น
“ฉันจะไม่ปล่อยนายไปไหนอีกแล้วคยองซู"
ถ้อยคำหนักแน่นกระซิบลงที่ข้างใบหูและสอดแทรกไปจนถึงตรงกลางของหัวใจ
และโดยไม่รู้ตัวคยองซูเองก็ค่อยๆ เลื่อนแขนของตัวเองขึ้นมาสวมกอดอีกฝ่ายกลับไปเช่นเดียวกัน
ครั้งนี้เขาตั้งใจให้มันเป็นมากกว่าการกอดระหว่างเพื่อนสนิท
เพราะเขาเองก็เริ่มมั่นใจแล้วว่าหากเป็นเพียงแค่นั้นแล้วมันคงจะไม่พอ
“สัญญาแล้วห้ามคืนคำนะ...” เขาตอบกลับไป
"...เพราะฉันไม่อยากให้นายหายไปอีกแล้ว"
ถึงแม้จะน่าเขินน่าอายขนาดไหนแต่ก็คงไม่เป็นไรที่จะบอกมันกับคนตรงหน้านี้
"...นายคงจะยังไม่เลิกชอบฉันหรอกนะคิมจงอิน"
“ทำไมล่ะ"
“เพราะฉันว่าฉันเองก็ชอบนายแล้วเหมือนกัน"
Love Note
ใครสักคนคงอาจจะเคยพบกับประสบการณ์ที่ไม่อยากจดจำมาแล้วทั้งนั้น
แต่ก็แล้วแต่คนว่าเขาจะอยากให้มันเกิดขึ้นหรือไม่
ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากหรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆ ก็คือมันเกิดขึ้นกับผมมาแล้วอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง
และคงไม่มีวันที่ผมจะลบมันออกไปจากความทรงจำได้อย่างแน่นอน
เหตุการณ์บางอย่างเหมือนกับว่าจะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ
แต่ผมเองก็ไม่ใช่คนที่เชื่อในเรื่องความบังเอิญเท่าไรนัก
ทุกอย่างล้วนมีเหตุและผลของกันและกัน
และการที่เรื่องราวบางอย่างมันเกิดขึ้นมาก็คงเป็นเพราะใครสักคนอยากจะให้มันมีผลอะไรบางอย่างกับผม
คงจะเป็นอย่างนั้น
คงไม่บอกว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้แล้วผมจะอยากให้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผมนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เพราะถึงอย่างไรเสียคนเราก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้อยู่ดี
และที่สำคัญกว่านั้น มิใช่เพราะอดีตที่ผ่านมาหรอกหรือที่ทำให้เราเป็นเราในวันนี้
ผมคงได้แต่ขอบคุณวันที่ผ่านๆ มาเหล่านั้นที่ช่วยให้ผมเติบโตเป็นผมอย่างที่ผมเป็นในทุกวันนี้
ผมคงไม่บอกหรอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมนั้นจะกลายเป็นอนาคตของผมหรือเปล่า
แต่ไม่ว่ายังไงในเมื่อมันเกิดขึ้นกับผมแล้วมันก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวผมไปด้วยเช่นกัน
และก็คงเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาเราตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่มันยิ่งใหญ่
หรือมีผลกับคนอื่นๆ มากกว่ากับเราเพียงคนเดียว
เช่นเดียวกันกับที่ผมถูกบอกเลิก
มันก็คงกลายมาเป็นบทเรียนให้กับความรักครั้งหน้าของผม
หรือแม้แต่เมื่อความรักครั้งต่อไปมันเกิดขึ้นกับผมแล้วก็ตาม
ทุกอย่างก็คงเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้ผมก้าวต่อไปในแบบที่ผมเป็น
ผมก็ควรจะตอบรับมันและเติบโตไปกับมัน
คงจะเป็นอย่างนั้นมาโดยตลอดที่ผ่านมาและก็คงจะเป็นอย่างนั้นแม้ในวันข้างหน้าอันแสนไกล
แต่หากผมจะขอร้องอะไรได้สักอย่าง
ผมคงไม่ขอย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขอะไรอีกแล้ว
เพราะใครสักคนที่นอนกอดผมอยู่ตอนนี้ก็ได้สอนผมมามากพอแล้วว่าสิ่งสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่เราจะกลับไปทำให้มันดีขึ้น
แต่อยู่ที่ว่าเราจะอยู่กับสิ่งที่ผ่านมาอย่างไรต่างหาก
...กุญแจก็อยู่กับผมมาโดยตลอด อยู่ที่ผมต่างหากว่าจะลงมือไขกุญแจดอกนั้นและปลดปล่อยตัวเองเมื่อไร...
ถ้าหากผมจะขออะไรได้สักอย่างก็คงจะเป็นขอให้ผมมีสติมากพอที่จะใช้ชีวิตของทุกวันนี้ให้ดี
และให้ตัวผมและคนที่ผมรักก้าวต่อไปด้วยกันได้อย่างเข้าใจและมั่นคง
หากจะมีทะเลาะกันบ้างก็คงไม่เป็นไร
หรือหากอนาคตบางอย่างจะเปลี่ยนไปก็คงจะไม่เป็นไรเช่นเดียวกัน
ขอแค่ให้เราได้ลองใช้ชีวิตไปด้วยกันเท่านั้นเพื่อที่เราจะได้เติบโตไปด้วยกัน
และเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันไปอีกแสนนาน
...และคงจะต้องขอบคุณเขาเสียมากมายเหลือเกินที่มั่นคงกับผมมาหลายต่อหลายปี...
...เพียงเพื่อที่จะทำให้ผมได้เข้าใจว่าถ้าจะรัก ต้องทำอย่างไร...
โดคยองซู
Love Note
END
✚TALK
จบลงไปแล้วนะครับสำหรับเรื่อง Love Note
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะถูกใจผู้อ่านกันหรือเปล่า
แต่ก็หวังว่าจะชอบกันบ้างนะครับ
สำหรับตอนพิเศษ
เดี๋ยวผมจะเอามาลงให้นะครับ
แล้วเมื่อลงเมื่อไรผมจะทวิตบอกอีกครั้งหนึ่งฮะ
ชอบไม่ชอบยังไงก็เมนท์บอกผมหน่อยนะครับ
กำลังใจของบรรดาไรต์เตอร์หลายคนอยู่ที่ผู้อ่านนี่แหละครับ
แค่คุณชอบผลงานของเรา พวกเราก็ยิ้มได้แล้วฮะ
แล้วพบกันในตอนพิเศษนะครับ
และหลังจากนั้นใรเรื่องถัดๆ ไปด้วยฮะ
@ice_haku ขอบคุณครับ
G Minor!
ความคิดเห็น