ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] ✚ :: THE APPLES :: ✚ [CHANYEOL x BAEKHYUN]*

    ลำดับตอนที่ #4 : ✚ SH0T 4 :: THE APPLE FOUR

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 55


    Author : MidnightSunny
    Pairing : Chanyeol x Baekhyun
    Story by : Zenumist
    Rate : PG-15






    THE APPLES 
    *








    ll CHAPTER 4 ll









    “ช่วยบอกกูทีได้ไหมว่าวันนี้มึงเป็นอะไรของมึง?” 




    คยองซูถามผมในขณะทีกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย...
    เขาเอาแต่พูดว่าวันนี้ผมเหม่อลอยไม่เป็นตัวเอง
    แหม...ก็แน่ล่ะผมจะเป็นตัวเองได้ยังไง
    ในเมื่อหัวใจของผมไม่ได้อยู่ตรงนี้นี่นา...มันลอยไปอยู่ที่ชานยอลหมดแล้วล่ะครับ... 



    “กูเปล่า...ไม่ได้เป็นอะไร”



    ผมตอบส่งๆไปในขณะที่แสร้งเปิดหนังสือตรงหน้าแล้วเขียนอะไรขยุกขยิกลงไปแก้ขัด
    คยองซูหัวเราะขันในคำแก้ตัวของผมก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ



    “เหอะ...มีใครเคยบอกมึงไหมว่ามึงเป็นคนที่โกหกได้ไม่เนียนที่สุดในสี่มิติเลยว่ะแบคฮยอน
    บอกกูมาเหอะ อย่ามาทำลีลา...เรื่องชานยอลใช่ไหม?”




    คยองซูถามผมในขณะที่เขาเองก็ก้มลงมาเขียนสมุดรายงานของเขาไปด้วย
    ผมถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่สุดท้ายแล้วผมก็เล่าให้เขาฟังไปในที่สุด
    แต่ปิดบังความจริงเรื่องที่กดออดแล้ววิ่งหนีเหลือเพียงแค่วางแอปเปิ้ลไว้ที่หน้าบ้านเท่านั้น
    เพราะถ้าขืนบอกไป...คยองซูต้องด่าว่าผมแม่งป๊อดแน่ๆ




    “มึงนี่...โรคจิตป้ะวะ? 
    แอบตามไปถึงบ้านเค้า แถมยังเอาแอปเปิ้ลของป้าไปให้เขาอีก
    นี่มึงบอกแม่มึงว่าอะไรเนี่ย? แม่มึงไม่ด่าตายหรือไง?” 




    คยองซูหลิ่วตาพลางมองผมอย่างไม่เชื่อสายตา เขาขมวดคิ้วก่อนจะกอดอกแล้วถามต่อ
    ผมส่งเสียงหัวเราะแหะๆตอบกลับเขาไป ก่อนจะพูดเสียงเอื่อยเพื่อแก้ตัว




    “กูบอกแม่ว่ากูทำกล่องแอปเปิ้ลตกระหว่างทาง 
    โกหกว่าทำมันแตกหมดทั้งกล่องเลย
    แม่ด่ากูนิดหน่อย...แต่สุดท้ายก็เชื่อนะ”




    “มึงนี่มัน...โกหกแม้กระทั่งบุพการี ไอ้เลว” 




    คยองซูจีบปากจีบคอด่าผมในขณะที่เสียงโปรแกรมไลน์ก็เตือนให้ต้องก้มลงกลับไปสนใจมันอีกหน 
    เขาก้มลงจิ้มตอบไลน์กับจงอินไปซักพักก็หันขึ้นมาคุยกับผมต่อ




    “แล้วมึงจะให้กูบอกแม่ว่ากูเอาแอปเปิ้ลไปให้ผู้ชายหรือไง...
    แม่กูคงจะแฮปปี้สินะ” ผมแหวใส่คยองซูไปเล่นๆ




    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ แล้วไงล่ะ...มึงแค่เอาไปวางไว้แค่นั้นน่ะเหรอ?
    ถ้าเป็นกูนะ กูจะกดออดเรียกเขาลงมาแล้วยื่นให้เลย
    ถ้าเขาถามว่าให้ทำไมกูก็จะบอกว่ากูชอบเขา”




    คยองซูยักไหล่พูดอย่างกับเป็นเรื่องที่ผมและเขาสมควรทำถ้าอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น
    ผมรู้สึกว่าหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อสิ่งที่เขาพูดก็ไม่ได้ต่างอะไรจากที่ผมทำเมื่อวานมากนัก
    หากแต่ที่ไม่เหมือนกันก็คือ...แทนที่ผมจะบอกว่าชอบเขา ผมกลับวิ่งหนีเขาออกมาซะอย่างนั้น...



    อ่า...แต่ผมไม่บอกเขาหรอก ไม่งั้นคยองซูคงบ่นผมจนหูชาแน่ๆ
    เพราะงั้นผมคิดว่าทางที่ดีที่สุดในตอนนี้....ก็คือการตอบผ่านๆและเปลี่ยนประเด็นไปอย่างเนียนๆ
    ซึ่งผมทำมานักต่อแล้วล่ะครับ...และมันก็ได้ผลทุกที




    “ช่างมันเหอะ...กูก็ไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้วนิ
    ว่าแต่เมื่อวานมึงได้ไปประชุมกับอาจารย์ซองแจไหม?
    อาจารย์เขาว่าไงเรื่องงานวัฒนธรรมของเรา?”



    “อ๋อ...เออใช่... อาจารย์แจงงานให้กูกับมึงไปช่วยกับชมรมดนตรีตะวันตก...”



    “หืม...ดนตรีตะวันตก? เราจะไปยุ่งอะไรกับเขา?” ผมยกคิ้วถามอย่างแปลกใจ คยองซูยักไหล่ก่อนจะตอบกลับ




    “อาจารย์จะจัดวงดนตรีฮาโมนิก
    รวมเครื่องดนตรีทุกประเภท รวมถึงการขับร้องแล้วก็ประสานเสียงเข้าด้วยกัน
    ที่เราต้องทำคือ...ไปเป็นไลน์ประสานเสียงให้วงดนตรีที่อาจารย์กำลังจะออดิชั่น 
    แต่เห็นว่าจะมีการออดิชั่นหานักร้องหลัก กูไม่แน่ใจว่าเราต้องเข้าร่วมหรือเปล่า 
    เพราะเมื่อวานกูมัวแต่คุยไลน์กับจงอินน่ะ จับความได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”



    คยองซูตอบก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาลงจิ้มหน้าจอมือถือเพื่อตอบไลน์กับจงอินอีกหนแล้วเริ่มยกยิ้ม
    แหม...นี่จะขาดกันไม่ได้ซักวินาทีเลยใช่ไหม?




    “เหอะ...เอาเข้าไป กูว่ากูไปเรียนดีกว่า
    วันนี้ตอนเย็นจงอินมีซ้อมไหม?” 




    ผมลุกขึ้นก่อนจะเก็บข้าวของเข้ากระเป๋าเพื่อเตรียมตัวไปเรียนคาบต่อไป
    คาบนี้คยองซูไม่ได้ลงเรียนกับผมด้วย เพราะเขาดรอปไว้เพื่อเก็บไปเรียนตอนปีสาม
    ผมจึงต้องไปลงชื่อเรียนวิชานี้คนเดียวอย่างช่วยไม่ได้



    “อืม...วันนี้จงอินมีซ้อมน่ะ ทำไม?” 



    “เปล่า...กูว่าจะชวนมึงไปกินไอติมซักหน่อย วันนี้กระหายอยากกินอะไรหวานๆ”



    ผมยักไหล่พลางตอบเขาไปในระหว่างที่เก็บของแล้วเหวี่ยงกระเป๋าขึ้นไปบนบ่า
    คยองซูเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอมือถือของเขาแล้วยกมือขึ้นมาตบบ่าเขาเบาๆแล้วยิ้มเยาะ




    “ฮ่ะๆ เอาดิ...ถ้าชีวิตมึงขมขื่นมากเดี๋ยวกูเลี้ยงเองวันนี้” 



    “ลาภปาก...งั้นกูไปเรียนก่อนแล้วกัน เจอกันที่ห้องชมรมตอนเย็นแล้วกันนะ”



    “เออ...ตั้งใจเรียนล่ะ” 




    คยองซูพูดทิ้งท้าย ผมพยักหน้าแล้วเริ่มออกเดินทางไปยังห้องเรียนซึ่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก
    แม้ว่าวันนี้จะออกมึนๆเบลอๆ แต่ผมคิดว่าไอศกรีมหวานๆอาจจะช่วยเรียกสติให้ผมกลับมาเป็นคนเดิมได้ไม่ยาก


    แค่หวังว่านะ...วันนี้ขออย่าให้ผมเจอชานยอลเลย
    เพราะผมไม่แน่ใจนักว่าวันนี้ผมจะทำหน้ายังไงถ้าหากเจอเขา...




    ‘ถ้าเป็นกูนะ กูจะกดออดเรียกเขาลงมาแล้วยื่นให้เลย
    ถ้าเขาถามว่าให้ทำไม...กูก็จะบอกว่ากูชอบเขา’







    อ่า...รู้สึกอับอายที่นึกถึงคำพูดของคยองซูขึ้นมาแล้วก็ต้องกัดริมฝีปาก
    ยกมือขึ้นมาจัดแต่งทรงผมแก้เขินทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้
    รู้สึกว่าหน้าเห่อร้อนขึ้นมาและนี่เป็นอีกครั้งที่มีแต่เสียงเดิมๆวนเวียนอยู่ในหัวไม่ได้หยุด
    และมันคือเสียงที่ทำให้ผมต้องถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย...


    .

    .

    .


    บยอนแบคฮยอน....มึงนี่มันโคตรป๊อดจริงๆ...







    ************
















    “มึงว่าอันนี้สวยไหมวะ? ถ้าซื้อให้จงอิน จงอินจะชอบไหม?” 



    เสียงเจื้อยแจ้วและร่าเริงของคยองซูดังขึ้นมาอย่างมีความสุข
    ในขณะที่มันก็ยื่นผ้าพันคอสีหวานให้ผมช่วยพิจารณา
    ผมมองมันแล้วเบ้ปากเมื่อคิดว่าคงจะแปลกดีพิลึกถ้าจงอินใส่มันเดินไปมาไปทั่ว...




    “มันก็สวยนะ...แต่กูแนะนำว่ามึงอย่าซื้อให้จงอิน ถ้ายังไม่อยากให้สามีมึงเปลี่ยนสปีชี่ย์”




    “กวน – ตีน” 




    คยองซูกลอกตา พูดเน้นๆสองคำกับผมแล้วเอาผ้าพันคอผืนนั้นกลับไปวางบนชั้นเหมือนเดิม
    ก่อนที่ผมจะเดินนำผมออกจากร้านไปยังจุดหมายที่เราพูดคุยกันตั้งแต่เมื่อตอนบ่าย...



    ผมกับคยองซูพูดคุยหยอกล้อกันไปตามประสาในขณะที่เราสองคนผลักประตูไม้สีขาวเข้าไปในร้าน
    ผมและคยองซูชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อได้เห็นผู้คนมากมายในร้านนั้น...


    อ่า...ช่างเป็นร้านที่ได้รับนิยมซะจริงๆ 
    ทำไมวันนี้คนต้องมาอยากกินไอติมพร้อมกันด้วยนะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ




    “ทำไมคนเยอะจังเลยวะ...แล้วจะมีที่นั่งไหม?” 



    “นั่นดิ...มีตรงไหนว่างมั่งไหมเนี่ย?” 



    คยองซูบ่นออกมาขณะที่กวาดตามองไปทั่วร้าน
    ผมเองก็กวาดตามองเพื่อหาที่ว่างเช่นกัน...จนกระทั่งพบโต๊ะตัวหนึ่งที่คนเพิ่งลุกออกไป



    “อ๊ะ ...นั่นไง รีบไปกันเหอะ” 



    ผมเอ่ยขึ้นก่อนที่จะสาวเท้าไปหย่อนตัวลงที่เก้าอี้ตัวในสุดของโต๊ะโดยมีคยองซูเดินตามมาติดๆ
    และหลังจากนั้นเราสองคนจัดแจงหยิบเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาสั่งไอศกรีมรสที่ชอบ
    แล้วเริ่มต้นกินกันอย่างเอร็ดอร่อย


    บทสนทนาของเราเป็นไปเรื่อยๆตามแต่เรื่องที่หยิบยกมาพูดคุย
    ไอศกรีมถ้วยแรกของเราผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่ในไม่ช้าถ้วยที่สองก็ตามมาติดๆ



    “อร่อย...ของฟรีนี่มันอร่อยจริงๆ”




    ผมพูดด้วยเสียงฝันๆเมื่อได้ตักไอศกรีมเชอร์เบตแอปเปิ้ลรสชาติหวานอมเปรี้ยวเข้าไปในปาก
    หลับตาแล้วตั้งใจเก็บรสชาติหวานอมเปรี้ยวที่ละมุนละไมอยู่ในปากอย่างมีความสุข



    “แหมะ...ถ้ากูไม่เห็นว่ามึงขมขื่นในชีวิตรักอยู่ล่ะก็นะ อย่าคิดว่ากูจะเลี้ยงเลย
    กูจำได้ว่ามึงติดเงินค่าเอกสารวิชาอาจารย์ซองแจกับกูอยู่นะครับไอ้แบคฮยอน อย่าทำเนียนได้โปรด”




    “เออน่า...กูขมขื่นอยู่มึงก็รู้” 




    ผมยักไหล่ก่อนจะจ้วงช้อนคันเล็กลงไปตักไอศกรีมเข้าไปในปากอีกคำ
    คยองซูส่ายหน้าพลางยิ้มออกมาอย่างเอือมระอาก่อนจะพูดกับผมว่า...




    “แล้วเมื่อไหร่มึงจะคืบหน้าซักทีวะ ตัดสินใจทำอะไรซักทีเหอะได้โปรด” 




    “เฮ้ย...แต่ตอนนี้กูก็รู้สึกว่ากำลังใกล้ชิดเขามากขึ้นนะเว้ย” 




    “..............” 




    กริบ...



    กริบจริงๆ ไม่มีคำพูดทั้งจากปากผมและคยองซู 
    นั่นทำให้ผมรับรู้ได้ว่าควรจะหยุดพูดเรื่องนี้ซะคงดีกว่า
    คยองซูกลอกตาไปมาก่อนจะตัดสินใจก้มหน้าลงไปตักไอศกรีมและนั่นทำให้ผมรู้สึกละอายใจ
    แถมยังรู้สึกอายอีกต่างหากที่กล้าพูดมันออกไปแบบนั้นได้



    แหม่ะ...ดูมันทำสิครับ เอาเข้าไป อยากจะขอมโนนึกในจินตนาการซักหน่อยก็ไม่ได้นะไอ้เพื่อนบ้า 
    ก็ผมไม่กล้าให้ทำยังล่ะ ที่ทำได้ก็แค่พูดหลอกตัวเองไปวันๆก็เท่านั้นแหละ



    ผมบุ้ยปากอย่างขัดใจก่อนจะถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง
    ยกมือไปจ้วงไอศกรีมตักเข้าไปในปาก ขณะเดียวกับที่มีเสียงนุ่มดังขึ้นจากด้านข้าง





    “ขอโทษนะครับ...โต๊ะเต็มหมดเลย ขอนั่งด้วยได้ไหม?” 




    ผมแทบหยุดหายใจ...เพราะเสียงนั่นเป็นเสียงที่ผมคุ้นมากจริงๆ
    ผมหันหน้าไปมองคยองซูที่นั่งทำตาเหลือกอยู่ตรงหน้า 
    ก่อนจะหันไปมองผู้ชายที่มายืนอยู่ที่ข้างๆแล้วก็ต้องสะดุ้ง




    อ...แค่ก!...แค่ก!!!




    ไอศกรีมที่ผมเพิ่งกินเข้าไปยังไม่ทันจะลงคอกำลังเล่นงานผมเข้าแล้ว
    เมื่อผมเห็นชานยอลยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วส่งยิ้มมาให้
    สายตาของเขาส่งไปที่เก้าอี้อีกสองตัวที่ว่างอยู่บนโต๊ะของเรา
    ผมอยากจะตอบเขาแต่ก็ทำไม่ได้...เพราะในตอนนี้ผมกำลังสำลักไอศกรีมที่เพิ่งกินเข้าไปเสียยกใหญ่



    “น..นั่ง!!! แค่ก!!! แค่กกกก!!!” 




    เวร...ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยวะ!!!!




    “เอ่อ...เอาเลยครับนั่งได้เลย ตรงนี้ว่างพอดี” 




    “ขอบคุณมากนะครับ” 





    คยองซูที่เห็นว่าผมกำลังไอเพราะสำลักอยู่จึงตอบแทนผมไป
    ชานยอลยกยิ้มกว้างแล้วหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเล็กๆข้างผมทันที และมีจงแดที่มาด้วยกันนั่งอยู่ข้างๆคยองซูด้วย...
    พวกเขาเรียกพนักงานในร้านแล้วเริ่มสั่งไอศกรีมในขณะที่ผมยังคงไอไม่หยุด




    กลิ่นน้ำหอมที่ผมเคยได้แต่แอบสูดดมเวลาเดินผ่าน...
    บัดนี้มันกลับมาวนเวียนอยู่ที่จมูกของผมจนผมรู้สึกเวียนหัว




    แค่ก...




    อาการสำลักยังคงอยู่จนผมรู้สึกรำคาญที่มันไม่หยุดซักที 
    และคยองซูเองก็คงรำคาญเช่นกัน เขาถึงได้ยื่นแก้วน้ำที่วางอยู่ส่งมาให้ผมดื่ม


    ผมรับมันมาดื่มอย่างรวดเร็วและอาการก็บรรเทาลงไปได้เล็กน้อย
    ผมยังคงไอ...แต่สุดท้ายแล้วก็หยุดไปในที่สุด...




    พนักงานสาวเดินมาที่โต๊ะของเรา 
    เธอวางไอศกรีมเชอร์เบตแอปเปิ้ลลงที่หน้าชานยอล...ในขณะที่ก็เสิร์ฟคุ๊กกี้แอนด์ครีมไว้ตรงหน้าจงแดด้วย



    ผมวางแก้วน้ำลงกับโต๊ะแล้วกลืนน้ำลาย 
    เงยหน้ามองคยองซูที่กำลังมองผมด้วยสายตาออกแนวเวทนา
    อารมณ์ประมาณว่า...มึงเป็นเหรี้ยอะไรของมึงวะแบคฮยอน?!





    ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อรับรู้ว่าสุดท้ายแล้วชานยอลจำผมไม่ได้เลยซักนิด
    ทั้งๆที่เราเพิ่งเจอกันที่ห้องพักอาจารย์เมื่อวานนี้
    และเห็นได้ชัดว่าเขาคงลืมไปแล้วว่าผมนามสกุลว่าบยอน...




    “ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ?” 




    เสียงของชานยอลดังขึ้นที่ข้างผม...ผมหันสายตาไปมองหน้าเขา 
    จนผมรับรู้ได้ว่าเรากำลังนั่งใกล้กันมากจริงๆ ใกล้กันมากจนผมเห็นว่าผิวของเขาละเอียดแค่ไหน
    และที่น่าตกใจมากกว่านั้นก็คือ...เขากำลังพูดคุยกับผมจริงๆ ไม่ได้โกหกนะครับ





    ตึกตัก...ตึกตัก...





    เสียงหัวใจของผมกำลังเต้นอีกแล้ว...
    ผมกำลังรับรู้ว่ามันเต้นแรงและเร็วจนแทบจะทะลุออกมาจากอก
    ลำคอผมแห้งผาก ทั้งๆที่เมื่อกี้เพิ่งดื่มน้ำลงไป ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนที่จะพยายามจะเปิดปากตอบ
    หากแต่ผมก็ผมว่ามันยากจริงๆ...





    หงึก...หงึก...






    เพราะพูดอะไรไม่ออก และกลัวว่าหัวใจอาจจะหลุดออกมาจากปาก 
    สิ่งที่ผมทำได้ก็คือพยักหน้าตอบเขาไปซะอย่างนั้น
    ผมเหลือบไปเห็นคยองซูกลอกตาเมื่อเห็นผมทำอย่างนั้น...
    และนั่นทำให้ผมรับรู้ได้ว่าผมพลาดไปแล้วจริงๆ





    ผมพบว่าชานยอลกำลังยิ้มและพยักหน้าตอบผม 
    หลังจากนั้นเขาก็หันกลับไปพูดคุยกับจงแดและสนใจกับไอศกรีมตรงหน้า 
    และบทสนาของเราก็จบลงไปอย่างสิ้นเชิง...






    จบ...มันจบแล้ว...





    คยองซูหันไปทำหน้าเอือมระอาที่นอกหน้าต่างบานใหญ่ข้างๆเขา
    ผมเบ้ปากเมื่อได้เห็นอย่างนั้นก่อนจะกลับมากินไอศกรีมเหมือนเดิม
    เพราะในเมื่อมันทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ผมคิดว่าผมควรจะรีบๆกินแล้วรีบกลับซะดีกว่า...





    “วันนี้มึงมาแปลกนะ...ทำไมจู่ๆถึงกินไอติมเชอร์เบตแอปเปิ้ล?” 




    เสียงของจงแดที่ถามขึ้นมาทำให้ผมชะงัก ผมจ้วงไอศกรีมเข้าปากแล้วกลืนมันลงไปอย่างเชื่องช้า
    คยองซูเองก็เช่นกัน...เขากำลังยืดตัวมาตักไอศกรีมเข้าปาก
    ในขณะที่เริ่มแอบฟังบทสนทนาของจงแดและชานยอลไปด้วย




    “ไม่รู้...ก็แค่อยาก” ชานยอลตอบจงแดไปพลางยักไหล่





    “ไม่จริงอ่ะ...ปกติมึงเป็นคนทำอะไรมีเหตุผลนิ” 




    จงแดพูด...และนั่นทำให้ชานยอลทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มพูดออกมาเสียงเอื่อย 
    นั่นทำให้ผมเข้าใจว่าเขาเพิ่งเปิดเผยเรื่องนี้กับจงแดเป็นครั้งแรกก็ตอนนี้





    “ก็...เมื่อวานมีคนเอาแอปเปิ้ลไปวางไว้ที่หน้าบ้านกู”




    ชานยอลพูดออกมาในขณะที่ตักไอศกรีมเข้าปากแล้วบ่นออกมากับตัวเองเบาๆ “อืม...ก็อร่อยดีแฮะ” 




    “แล้วไงอะ...มึงได้เจอคนที่ให้แอปเปิ้ลพวกนั้นเปล่า?” จงแดถาม




    “ไม่อ่ะ...มีแค่กล่องแอปเปิ้ลมาวางไว้ที่หน้าบ้าน กูเดินหาแล้วนะ แต่ก็ไม่เจอ” 




    “แล้วไงต่อ...มึงได้กินแอปเปิ้ลพวกนั้นไหม?” 




    “กิน...กินแค่ลูกเดียว แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้กินอีก” 



    “อ้าว...ทำไมวะ?” 




    “ไม่รู้ดิ....” 




    ชานยอลพูดในขณะที่ทำสีหน้าครุ่นคิด...
    หัวใจผมเต้นตึกตักเมื่อสติรับรู้อย่างเต็มที่ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องผม
    และผมรับรู้จากสีหน้าของคยองซูว่าเขาเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กันกับผม






    “กูคิดว่า...หนึ่งในนั้นมันอาจจะมียาพิษก็ได้นะ” 





    “.....................................”







    วูบ....เสียงอะไรซักอย่างในหัวใจของผมกำลังกรีดร้องอย่างเจ็บปวด 
    ร่างกายของผมชะงักนิ่งอย่างกับหิน รอยยิ้มบนใบหน้าของผมเจื่อนลงไปจนเกือบจะบึ้งตึง
    คยองซูเงยหน้าจากถ้วยไอติมมามองผมอย่างเป็นห่วง...
    ผมคิดว่าหน้าตาของผมตอนนี้คงจะดูแย่มากจริงๆ




    ...กินไม่ลงแล้ว...






    ผมวางช้อนลงไปกับโต๊ะอย่างแรงด้วยอารมณ์เซ็งสุดขีด
    จนจงแดหันมามองผมอย่างไม่เข้าใจ แต่ผมไม่สนใจเขาในตอนนี้...



    “คยองซู...กูอยากกลับแล้ว” 




    ผมเอ่ยออกไปเสียงแผ่ว...
    จงแดหันมามองผมอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงอันสั่นเครือของผม หากแต่ชานยอลไม่ได้สนใจผม....
    เขากำลังตั้งใจกินไอศกรีมตรงหน้าอย่างตั้งใจ และไม่ได้สนใจบรรยากาศบนโต๊ะที่เปลี่ยนไปเลยซักนิด




    คยองซูพยักหน้าก่อนจะก้มลงเก็บของ...
    เขาชักชวนให้ผมลุกออกจากโต๊ะทั้งๆที่ไอศกรีมของเราสองคนยังคงปริ่มขอบถ้วย...




    “จะกลับแล้วเหรอครับ?” 




    จงแดเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมแล้วถาม และนั่นทำให้ชานยอลต้องหันมาสนใจผม




    “อ่า...ครับ พอดีว่าพวกเรามีธุระนิดหน่อยน่ะ” 




    เป็นคยองซูที่ตอบคำถาม...เพราะในตอนนี้ผมไม่สามารถจะพูดอะไรได้อีกแล้ว
    ผมรู้ตัวว่าผมไม่ได้ทำหน้าบึ้ง แต่คิดว่าใบหน้าของผมตอนนี้คงไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาทั้งนั้น
    ผมกำลังไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนไหว...เพียงเพราะคำๆเดียวที่ทำร้ายจิตใจผมเหลือเกิน...




    “โชคดีนะครับ” 



    ชานยอลกัดช้อนแล้วพูดออกมาเสียงอู้อี้เพื่อบอกลา
    เขาใจร้ายจัง...เขาจำผมไม่ได้ แถมยังทำร้ายจิตใจผมด้วยคำพูดของเขาอีก
    อา...ผมคิดว่าน้ำตาผมกำลังจะไหล




    “ครับ...ขอบคุณครับ” 




    คยองซูยิ้มตอบแล้วค้อมหัวให้กับจงแดและชานยอล
    ในขณะที่ผมทำได้เพียงแค่โค้งหัวให้เขาสองคนเพื่อเป็นมารยาทเท่านั้น...
    และสุดท้ายคยองซูก็ลากผมออกมาจากร้าน...





    “เป็นอะไรมากไหมมึง?” 




    คยองซูถามเมื่อเราเดินห่างจากร้านออกมาถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง...
    เขาถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งนั่นมันทำให้ผมอยากจะร้องไห้ออกมาเสียเหลือเกิน... 
    แต่ผมคิดว่าคำถามนี้ผมคงไม่ต้องตอบ...เพราะคยองซูคงจะรู้ดีอยู่แล้ว




    “ฮึก....” 





    ผมเริ่มร้องไห้ออกมา น้ำตาไหลพรั่งพรูลงมาจนน่าตกใจ 
    คยองซูคว้าตัวผมเข้าไปกอดไว้ มือเรียวเล็กของเขากำลังทำหน้าที่ลูบที่หัวผมอย่างอ่อนโยน



    ผมกอดเขาไว้แน่นแล้วเริ่มร้องไห้...
    คิดถึงประโยคสั้นๆที่ทำให้หัวใจกรีดร้องอย่างเจ็บปวด




    'กูคิดว่า...หนึ่งในนั้นมันอาจจะมียาพิษก็ได้นะ'





    ปาร์คชานยอล...คนใจร้าย
    ที่อยู่ข้างในนั้นมันไม่มียาพิษซักหน่อย...




    .


    .


    .


    .


    .



    มันคือความรักต่างหาก...คนงี่เง่า






















     TALK




    วันนี้มีทอล์คสั้นๆสองเรื่องค่ะ...คือ


    หนึ่ง : ตอนนี้สั้นและไร้สาระ...


    และ


    สอง : ตอนหน้า...จบแล้วค่ะ




    -  ไรเตอร์ นมน. -






    © Tenpoints !
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×