คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ✚ :: L0VE N0TE :: 3
Rate : PG-15
LOVE NOTE*
- 3 -
“เพลงเพราะดีเนอะ"
โดคยองซูหันมายิ้มกับจงอินและเพื่อนๆ
หลังจากที่ยืนฟังดนตรีที่จัดขึ้นในสวนสาธารณะจบลงและแยกออกมาเดินเล่นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ต้นไม้ต่างแข่งกันออกดอกเบ่งบานต้อนรับฤดูกาลที่หลายคนหลงรัก
และนั่นก็ทำให้บทเพลงที่เพิ่งได้ฟังนั้นไพเราะมากขึ้นไปอีก
“อืม... นักร้องน่ารักป่ะล่ะ"
ชานยอลยื่นหน้าเข้ามาพลางยกยิ้มกว้าง
"...บอกไว้ก่อนเลย ของฉันๆ"
แล้วคนที่เหลือก็หัวเราะรวมทั้งคยองซูเองด้วย
เพราะจงอินก็เพิ่งบอกเขาไปว่าชานยอลกำลังจีบนักร้องหน้ามนคนนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
และก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะตอบรับกลับมาบ้างแล้วด้วย
“ของนายแล้วไม่ไปเที่ยวกับเขาล่ะ
มากับพวกเราทำไมไม่ทราบ"
เซฮุนตอกกลับไป
“เงียบไปเลยไอ้หน้าจืด" ตอกกลับมาแทบจะเร็วพอๆ กัน
"...แฟนไม่อยู่ปากดีใหญ่เชียวนะ"
“อย่างน้อยก็มีแฟนล่ะวะ"
อีกฝ่ายยักไหล่ตอบกลับไป
“เออ ฉันก็ใกล้จะขอเขาเป็นแฟนแล้วโว้ยจะบอกให้"
การทุ่มเถียงต่อปากต่อคำยังคงดำเนินต่อไปโดยมีจงอินพูดแทรกเป็นพักๆ
ส่วนคยองซูนั้นก็ได้แต่ยิ้มและหัวเราะเท่านั้นเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะไปพูดแทรกตอนไหน
“เราแยกไปเดินตรงนู้นกันมั้ย"
ร่างสูงดึงเขาออกมาจากคนที่เหลือหลังจากที่เดินต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง
ก่อนจะเอ่ยถามพลางชี้นิ้วตรงไปยังอีกมุมหนึ่งของสวนที่มีน้ำพุและลานกว้าง
ที่ลานนั้นเต็มไปด้วยผู้คน บ้างก็นั่งอยู่ริมขอบน้ำพุนั้น บ้างก็ปั่นจักรยานไปมากับเพื่อนบ้างกับคู่บ้าง
บางคนก็มาเป็นครอบครัวและปล่อยให้ลูกเล็กวิ่งเล่นไปตามประสา
แต่ไม่รู้ว่าเพราะด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาตอบตกลงยอมแยกมากับจงอินสองคน
“ปกติมาทำอะไรตรงนี้เหรอ"
คยองซูถามขึ้นมาหลังจากที่ทิ้งตัวลงนั่งที่ม้านั่งมาได้ระยะหนึ่งและก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ
ส่วนร่างสูงเองนั้นก็เช่นเดียวกันที่เพียงแต่มองไปรอบๆ แล้วก็ยิ้ม
“อยากรู้เหรอ...”
คนตัวโตหันกลับมาถาม
"...ถ้าอย่างนั้น..."
ชายหนุ่มยกนิ้วชี้ขึ้นมาจรดริมฝีปากตัวเองในเชิงก่อนที่จะชี้มาที่ดวงตาทั้งสองข้างแล้วก็ทำท่ามองออกไปยังลานกว้างแห่งนั้น
คนตัวเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตาม
ไม่ถามอะไรต่อ ไม่พูดอะไรอีก
แต่ปล่อยตัวตามสบายแล้วหันหน้าไปตรงลานกว้างปล่อยให้ภาพเหล่านั้นไหลเข้าสู่ลานสายตา
ภาพของใครสองคนที่กำลังเดินกินไอศครีมกันไปโดยปราศจากคำพูด
ภาพของกลุ่มเพื่อนกำลังเล่นสเก็ตบอร์ดอย่างสนุกสนานและรอยยิ้มที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้า
ภาพของผู้หญิงในชุดออกกำลังที่เสียบหูฟังและวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ภาพของเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังร้องไห้เพราะเพิ่งหกล้มและพ่อแม่ก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร
จนเวลาผ่านไปและเด็กน้อยก็ลุกขึ้นยืนได้เองตามด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจของผู้เป็นพ่อแม่
“สวยเนอะ นายว่าไหม"
“อืม...” คยองซูผ่อนลมหายใจออก รูปปากเล็กนั้นค่อยๆ เหยียดเป็นรอยยิ้ม
"...ไม่ต้องหาอะไรทำเลยก็ดีไปอีกแบบเนอะ"
ผ่านไปอีกราวครึ่งนาทีที่ไม่มีใครพูดอะไรก่อนที่คนตัวสูงจะแยกตัวไปซื้อน้ำ
โดคยองซูยังคงนั่งรออยู่ที่เดิมและซึบซับภาพของผู้คนที่เขาไม่รู้จักเข้าไปในลานสายตา
หลายต่อหลายครั้งที่ภาพเหล่านั้นยกมุมปากของเจ้าตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ
“อ้ะ ซื้อมาเผื่อ"
เงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้งแล้วก็เห็นขวดน้ำแร่อยู่ตรงหน้า
คิมจงอินส่งยิ้มมาให้เขา เขารับมันไว้และเปิดออกก่อนจะยกขึ้นดื่ม
“ขอบคุณ อ้าวนายมีไอติมด้วยเหรอ"
ถามออกไปดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นถ้วยไอศครีมอยู่ในมือของอีกฝ่าย
"...ไม่มีซื้อมาเผื่อเลยอ้ะ"
“อ้าวก็กลัวว่าซื้อมาแล้วนายจะไม่กิน" ร่างสูงตอบกลับมา
"...อยากกินเหรอ แบ่งกันก็ได้นะ"
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวไปซื้อเองก็ได้"
“ไม่ต้องน่า อย่าดื้อๆ"
อีกฝ่ายว่าพลางตักขึ้นมาช้อนหนึ่ง
"...อ้ะ... อ้ำ..."
ดวงตากลมโตจับจ้องอยู่ที่ไอศครีมหนึ่งคำที่ลอยอยู่ตรงหน้าเขาในมือของคนตัวสูง
ชั่วขณะหนึ่งที่ใจของเขายังลังเลว่าจะยอมกินดีหรือไม่
แต่ในที่สุดเขาก็ยอมให้อีกฝ่ายป้อนแต่โดยดี
“เอาอีกป่ะ" จงอินเลิกคิ้ว
“เอา..." ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
"...แต่ป้อนด้วยนะ ไม่งั้นไม่เอา"
ร่างสูงยิ้มออกมาแต่ก็ทำตามที่อีกฝ่ายบอกโดยไม่ขัดขืน
มือหนาบรรจงตักไอศครีมวานิลลารสนุ่มนั้นก่อนจะค่อยๆ ส่งเข้าไปในปากของคนตัวเล็ก
เขาเองก็มีความสุขไม่แพ้กันแม้จะพยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิด
แต่ถึงอย่างนั้นก็คงจะไม่ผิดหากเขาจะปล่อยให้ตัวเองเพลิดเพลินไปกับโลกในจินตนาการบ้าง
“ไปเดินเล่นต่อมั้ย"
พูดพลางลุกขึ้นยืนและคนตัวเล็กก็ยืนตามก่อนที่จะออกเดินไปอีกครั้ง
คนตัวสูงมองดูนาฬิกาเพื่อดูว่าถึงเวลาที่นัดไว้กับเพื่อนแล้วหรือยังเพราะตกลงว่าจะไปกันข้าวเที่ยงด้วยกัน
และลู่หานกับแบคฮยอนที่ชานยอลจีบอยู่ก็ตกลงจะไปเจอกันที่ร้านเลย
แต่เวลาเดินทางจากตรงนี้ไปร้านอาหารก็ราวๆ สิบนาที
ตอนนี้เหลืออยู่อีกสิบห้านาที คงไม่จำเป็นต้องรีบอะไรเท่าไรนัก
ขาสองคู่ของคนสองคนก้าวไปเรื่อยๆ พลางสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ
นานๆ ครั้งก็ชี้ให้อีกคนดูอะไรตามที่ตัวเองเห็นว่าน่าสนใจ
บทสนทนาเล็กๆ เกิดขึ้นตลอดทางเดินไม่ไกลนั้น บางครั้งก็เจือไปด้วยเสียงหัวเราะ
คงเป็นอีกหนึ่งภาพที่ปะปนไปกับภาพชีวิตภาพอื่นๆ ของสวนสาธารณะแห่งนี้ได้ไม่ยากเท่าไรนัก
“อ้าว คยองซูกับจงอินไม่ใช่เหรอ"
ขาเรียวหยุดอยู่กับที่ในทันทีที่ได้ยินเสียงทักทายของคนรู้จักพร้อมกับที่ภาพของคนรักเก่าเริ่มชัดเจนในสายตาของร่างเล็ก
ชั่วขณะหนึ่งที่เหมือนลมหายใจนั้นจะกระตุกไปผิดจังหวะ
แต่เพียงแค่จงอินเดินมาใกล้ๆ เขาเท่านั้นทุกอย่างก็เริ่มดูเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง
“พี่คริส...” เป็นจงอินที่ทักทายออกไปก่อน
"...บังเอิญจังเลยนะครับ"
“อืม พอดีมาเดินเล่นนิดหน่อยน่ะ...”
ทักทายกลับมาตามประสาคนรู้จักกัน
"...แล้วนายสองคนล่ะ มาเดินเล่นเหมือนกันเหรอ"
“ครับ...” ยังคงเป็นคนตัวสูงที่ตอบกลับไป
"...พอดีว่าพวกผมพาคยองซูมาเดินเล่นน่ะครับ
เมื่อกี้ก็ได้ดูดนตรีกลางสวนไป
แล้วก็อีกเดี๋ยวนัดไปทานข้าวเที่ยงกันน่ะครับ"
“อืมๆ...” พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะหันมาหาคนตัวเล็กตรงๆ
"...แล้วนายล่ะเป็นยังไงบ้างคยองซู"
“ผมเหรอ...”
เมื่อถูกถามแบบนั้นโดยไม่ทันตั้งตัวก็ทำเอาเรียบเรียงความคิดไม่ถูก
"...อืม ผมเองก็สบายดีครับ...”
รอยยิ้มปลอมๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคยองซูขณะที่พูด
สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าด้วยไม่รู้จะไปวางไว้ที่ตรงไหน
"...พี่ล่ะเป็นยังไงบ้าง ไม่เจอกันนานนะ"
“อะไรของนายน่ะ...” คริสหัวเราะในลำคอเบาๆ
"...ก็เมื่อวันก่อนเรายังไปกินข้าวเย็นด้วยกันอยู่เลยนะจำไม่ได้เหรอ"
“อ้อ เอ้อ นั่นสินะ...”
ดวงตานั้นมองส่ายไปมาโดยไม่สบกับดวงตาของคนรักเก่า
"...จริงด้วย ผมก็ลืมไปว่าเราเพิ่งเจอกัน..."
ดูเหมือนสติจะยังไม่กลับคืนมาโดยสมบูรณ์และคริสก็เอาแต่จ้องหน้าของคนตัวเล็กโดยตลอด
คิมจงอินที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรแต่คอยมองเขาอยู่เหมือนกัน
"...จะยังไงก็เถอะ พี่สบายดีสินะครับ?
เพราะว่าผมเองก็สบายดี
คงจะดีมากถ้าเราสองคนต่างสบายดี...”
“นายสบายดีแน่นะคยองซู...”
อีกฝ่ายหัวเราะในลำคออีกครั้ง
"...เพราะนายดูไม่ค่อยปกติเท่าไรเลย...”
ขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้นเล็กน้อยและดวงตากลมโตก็หันมามองจงอินโดยอัตโนมัติ
"...เป็นไข้หรือเปล่า...”
ไม่พูดเปล่ามือแกร่งค่อยๆ ยกขึ้นมาหมายจะวางลงไปบนหน้าผากของคนตัวเล็ก
"...ไหนดูซิ...”
หมับ!
มือข้างนั้นค้างอยู่กลางอากาศเมื่อมือหนาของคิมจงอินยกขึ้นอย่างรวดเร็วมาหยุดไว้
คริสหันมามองสบตารุ่นน้องพลางเลิกคิ้วขึ้นในเชิงสงสัยแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวอะไรแม้แต่น้อย
“พี่เลิกกับคยองซูไปแล้ว...” เขาพูดออกมาช้าๆ
"...ผมว่าที่พี่จะทำมันไม่ดีเลยนะครับ"
“เลิกไปแล้วแต่ก้ยังเป็นเพื่อนที่ห่วงใยกันได้นี่นา"
น้ำเสียงนั้นกระด้างขึ้นเล็กน้อย
“แต่การที่พี่ทำใจได้ ไม่ได้หมายความว่าคยองซูจะทำใจกับเรื่องนี้ได้เหมือนพี่นะครับ...”
จงอินพูดต่อไปชัดถ้อยชัดคำพลางขยับไปยืนใกล้คนตัวเล็กมากขึ้น
"...ถ้าแคร์เขาจริงอย่าทำให้เขาคิดมากสิครับ"
“แล้วนายเป็นอะไรกับเขางั้นเหรอไง"
คิมจงอินเงียบไปเมื่อถูกถามด้วยคำถามนั้น
มุมปากของเขากระตุกเช่นเดียวกับที่สีหน้านั้นเปลี่ยนไปด้วยคำถามทันแทงลงไปที่ตรงกลางใจอย่างไม่มีปรานี
และก็ดูเหมือนอากัปกิริยานั้นจะชัดเจนอยู่ไม่น้อยและคนตรงหน้าเขาก็ไม่ยอมให้มันหลุดลอยไป
“จากที่เห็นก็คงไม่ได้เป็นอะไรสินะ...”
นำ้เสียงของคริสนั้นกลับมาดูมีอำนาจเหนือกว่าอีกครั้งหนึ่ง
"...ถ้าอย่างนั้นนายเองก็มีสิทธิ์พอๆ กับฉันไม่ใช่เหรอ
นายเป็นห่วงเขา ฉันเองก็เป็นห่วงเหมือนกัน
แต่มันไม่ได้หมายความว่านายจะมาห้ามฉันทำอย่างโน้นอย่างนี้กับคยองซูเขาได้นะ"
กรามของจงอินขบกันแน่นขึ้นเมื่อได้ยินอย่างนั้นแต่ก็ยังคงไม่ละสายตาไปจากรุ่นพี่
“จงอิน...” คยองซูเรียกขึ้นอีกครั้ง
"...พอเถอะนะ"
มุมปากของรุ่นพี่ยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนคนที่ได้รับชัยชนะแล้วรุ่นน้องก็จำเป็นต้องปล่อยมือของตัวเองออกไป
“และถ้านายไม่ว่าอะไร...” คริสพูดช้าๆ
"...ฉันขอคุยกับคยองซูตามลำพังจะได้ไหม"
รุ่นพี่หันมามองหน้าคยองซูตอนที่พูดและจงอินเองก็เช่นกัน
สายตาของคนตัวเล็กนั้นฉายแววสับสนอย่างที่ใครก็คงต้องเป็นเมื่อเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้
อีกครั้งที่หัวใจเต้นโครมครามราวกับกลองที่อยากจะออกมาอยู่นอกอก
เขาหันไปทางคริสทีจงอินทีเหมือนคนที่ตัดสินใจไม่ได้
ถ้อยคำขออนุญาตของคนรักเก่ายังคงดังสะท้อนอยู่ในหูเหมือนระฆังแห่งความสุข
เขาอยากที่เอื้อมมือไปไขว่คว้ามันไว้แต่ก็กลับที่จะเจ็บปวดกลับมาเหมือนอย่างครั้งที่แล้ว
ดวงตากลมโตมองไปยังจงอินอีกครั้งหนึ่งและก็เห็นเขาเม้มปากและส่ายหน้ากลับมาช้าๆ
“ได้ครับ...”
ชายหนุ่มได้ยินเสียงของตัวเองตอบกลับไปในที่สุดและสายตาแสดงความผิดหวังชัดเจนก็ฉายมาจากดวงตาของคิมจงอิน
คริสหันไปมองคนที่สามช้าๆ และทำให้ฝ่ายนั้นต้องค่อยๆ หันหลังกลับและเดินออกไปจากตรงนั้น
มือเล็กขยับเล็กน้อยเหมือนกับต้องการจะบอกห้าม ทว่าถ้อยคำร้องห้ามทั้งหมดก็ติดอยู่ที่ลำคอ
ไม่อยากให้จงอินเดินไปจากตรงนั้นเพราะรู้ว่าความเข้มแข็งทั้งหมดจะหายไปจากเขาเองด้วยเช่นกัน
แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรปากของตัวเองจึงได้ขยับออกไปเป็นคำตอบเมื่อครู่นี้
ใจของคิมจงอินนั้นร้อนรุ่มไปหมดตอนที่เดินออกมาจากที่ตรงนั้น
และทันทีที่ออกมานั้นเขาก็นึกอยากจะให้ตัวเองเข้มแข็งมากกว่านั้นและยืนหยัดที่จะอยู่ตรงนั้นแม้จะเป็นบุคคลที่สามของการสนทนาก็ตาม
ความเจ็บใจแล่นขึ้นมาอย่างหักห้ามไม่ได้และเมื่อเดินไปถึงม้านั่งชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงอย่างแรงและหลับตาลง
เวลาผ่านไปนานเท่าไรเขาเองก็ไม่ได้จับรู้แต่เพียงว่าพอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็เอาแต่มองไปยังที่ๆ สองคนยืนคุยกันอยู่
มือแกร่งทั้งสองข้างยกขึ้นมาบั้งไว้ที่สันจมูก พยายามที่จะไม่คิดเอาเองว่าทั้งสองคนพูดว่าอะไรกัน
จากตรงนี้เขาเห็นคนตัวสูงส่งมือไปลูบผมของคนตัวเล็กบ่อยเหลือเกิน
นานๆ ครั้งก็เหมือนจะที่แก้มเนียนใสนั้นด้วย
และมันก็เหมือนเอามีดกรีดลงไปที่กลางใจของเขาก็ไม่ปาน
จงอินสูดลมหายใจเพื่อให้ผ่อนคลายลงหลายต่อหลายครั้งแต่มันก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
จนเมื่อเวลาผ่านไปนานเหมือนจะเป็นชั่วโมงๆ รุ่นพี่คนนั้นก็ยอมเดินออกห่างไป
โดคยองซูมองไปรอบๆ เหมือนจะมองหาเขาแต่ก็ไม่พบ
ดวงตากลมโตนั้นเบิกกว้างขึ้นและสองขาก็ขยับไปมาเพื่อมองไปยังที่ต่างๆ กันไป
แต่คิมจงอินก็ยังไม่ลุกไปไหน
เขาเห็นคนตัวเล็กล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบมือถือออกมา ไม่นานนักมือถือของเขาเองก็สั่น
ชายหนุ่มหยิบมันออกมาและจ้องมองอย่างลังเล
เขาไม่แน่ใจว่าตอนนี้ถ้าเดินไปหาคยองซูแล้วจะระงับอารมณ์ของตัวเองทำใจเย็นต่อไปได้หรือไม่
ปล่อยให้มันดังอยู่แบบนั้นจนเจ้าตัววางสายไปจึงเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง
ราวสองสามนาทีที่คนตัวเล็กเดินไปเดินมาอยู่แถวๆ นั้น สีหน้านั้นก็แย่ลงเรื่อยๆ
เขากดโทรศัพท์อีกครั้งหรือสองครั้งแต่ก็ไม่มีคนตอบรับ
จนในที่สุดจึงตัดสินใจออกเดินเพื่อตามหาคนที่อยู่ๆ ก็เงียบหายไป
ไม่นานนักเท้าเล็กๆ สองข้างก็หยุดอยู่ตรงหน้าม้านั่งยาวที่จงอินนั่งอยู่
คนตัวสูงเงยหน้าขึ้นมองช้าๆ
“เป็นอะไร"
คือคำถามแรกที่เอ่ยออกมาจากปากเล็ก
ยากที่จะบอกว่าดวงตาของใครปวดร้าวกว่ากัน
จะเป็นของคยองซูที่ดูเหมือนกับว่าพร้อมจะร้องไห้ทุกเมื่อ
หรือจะเป็นของจงอินที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลย
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร"
“ไม่ได้เป็นอะไรแล้วทำไมทำแบบนี้...”
พูดต่อไปราวกับจะต่อว่า
"...ฉันแค่คุยกับพี่...”
“ฉันก็เป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่งนะคยองซู!”
โพล่งออกไปโดยไม่อาจห้ามเอาไว้ทัน
"...สำหรับนายฉันอาจจะเป็นเพื่อน
ฉันอาจจะเป็นคนใจเย็นคนหนึ่งที่พร้อมจะช่วยนายเสมอ
และมันก็เป็นอย่างนั้น...”
ลุกขึ้นยืนและมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ
"...แต่ถึงจะยังไงฉันก็เป็นคนที่มีหัวใจเหมือนคนทั่วๆ ไปนี่แหละ...
และคนตรงหน้านายคนนี้ เขาเจ็บ"
มือหนายกขึ้นมาที่ตรงกลางอก
"...และมันเจ็บมากด้วยนายรู้หรือเปล่า"
โดคยองซูเงียบไปพักหนึ่งเมื่อได้ยินดังนั้น
ดวงตาของทั้งสองคนยังคงจ้องกันอยู่แบบนั้นไม่มองไปทางอื่น
“ฉันบอกนายแล้วนะ...”
เป็นคนตัวเล็กที่พูดขึ้นมาก่อน
"...ว่าอย่าชอบฉันเพราะฉันยังทำใจไม่ได้"
คิมจงอินยิ้มออกมาราวกับต้องการจะเยาะเย้ยตัวเอง
เป็นรอยยิ้มแห่งการประชดประชันที่เขามักจะทำเวลาที่ไม่เข้าใจอะไรแต่แกล้งทำเป็นเข้าใจ
“บางที...” เขาพูดออกมาหลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง
"...บางทีนายอาจไม่เคยรู้... แต่ฉันน่ะชอบนายมาตั้งแต่ก่อนที่นายจะรู้จักพี่คริสเขาอีก...
บางทีที่ฉันแสดงออกกับนายมันคงจะไม่ชัด...”
ก้าวถอยหลังห่างออกไปเล็กน้อย
"...หรือบางทีอาจจะเป็นนายเองที่ไม่เคยเห็นมัน"
“นายจะพูดอะไรกันแน่"
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา...” น้ำเสียงนั้นแหบแห้ง
"...นายคงไม่รู้ว่ามันยากแค่ไหน มันทรมานแค่ไหนกับการที่ฉันต้องทนเห็นนายไปไหนมาไหนกับเขา
แต่รู้อะไรมั้ย ฉันคอยบอกตัวเองมาตลอดว่ามันไม่เป็นไรหรอกขอแค่ได้ทำให้นายเท่านั้นฉันจะโอเค...”
เขาเว้นระยะ
"...แต่ตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าฉันทำมันไม่ได้
ฉันทนความเจ็บปวดแบบนี้ไม่ไหวแล้วคยองซู"
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง...”
ถามออกไปอย่างยากลำบาก
ข้างในเองนั้นก็กรีดร้องเสียดังลั่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายก้าวห่างออกไปจากที่ที่เคยยืน
มือเล็กขยับอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าจิกอยู่ที่ขาของตัวเอง
และปากนั้นก็หนักเกินกว่าที่จะร้องห้าม
"...นายก็รู้ตอนนี้ฉันเลือกไม่ได้ ฉันไม่ใช่คนเข้มแข็งแบบนาย...”
“ฉันเองก็ไม่ใช่คนเข้มแข็ง...” คิมจงอินพูดช้าๆ
"...แต่ถ้านายอยากทำอะไรก็คงไม่ยาก
อย่างที่ฉันบอกไป กุญแจมันอยู่ที่นายและนายคนเดียว...”
เขาพูดแต่ลำคำออกมาแผ่วเบาแต่ชัดเจน
"ขอโทษนะคยองซู
.
.
.
แต่ที่ๆ มีเขาอยู่ มันคงไม่มีฉัน"
พูดจบก็หันหลังกลับและทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น
มือเรียวทั้งสองข้างของคนตัวเล็กกำแน่นเข้าหากันเสียจนปวดไปหมด
และเมื่อก้าวแรกก้าวออกห่างจากเขาไปนั้นโดคยองซูก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“ไปเลย!”
เขาร้องเสียงดังและคิมจงอินก็หยุดนิ่งอยู่กับที่
"...เพราะนายก็ปล่อยฉันไปแล้วนี่!
จะไปไหนก็ไปเลย!”
“ฉันเคยปล่อยนายไปครั้งหนึ่งแล้วตอนที่นายไปคบกับพี่คริส และนั่นก็เพราะว่าฉันเห็นนายมีความสุข...”
อีกฝ่ายตอบกลับมาโดยไม่หันกลับมามองหน้า
"...และถ้านายอยากรู้ล่ะก็มันเป็นการปล่อยที่ทรมานมากที่สุดครั้งหนึ่งจริงๆ...”
น้ำเสียงนั้นสั่นน้อยๆ แต่เขาก็ยังใจแข็ง
"...และตอนที่นายกลับมา ฉันก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยนายไปไหนอีก
แต่นายก็ต้องเข้าใจนะคยองซู...”
เขาเว้นระยะอีกครั้ง
"...ฉันคงดูแลคนที่ไม่พร้อมจะให้ฉันดูแลไม่ได้หรอก"
✚TALK
คริสมาสใกล้เข้ามาแล้ว
ตั้งใจว่าจะมอบฟิคสั้นอีกสักเรื่องเป็นของขวัญวันคริสมาสให้ผู้อ่านทุกคน
แต่ขอจบเรื่องนี้ก่อนแล้วกันนะฮะ
บางคนก็อาจจะสงสัย
ว่าฟิคเรื่องนี้จะจบดีหรือเศร้า
แต่ผมว่าความสนุกอย่างหนึ่งของการอ่านฟิคก็ตรงที่เราไม่รู้ตอนจบ
เพราะเราคงจะได้ลุ้นไปพร้อมกันว่าจะออกมาเป็นแบบไหน
ทุกคนคิดเหมือนผมหรือไหมครับ ?
เอาเป็นว่ารอพบกันในตอนหน้าแล้วกันนะครับ
น่าจะลงเป็นพาร์ทจบแล้ว
แต่ถ้ามีคนใจดีบอกต่อและเมนท์เรื่องนี้ให้ผมเยอะๆ
ผมจะมีตอน special มาให้นะครับ ^ ^
ขอบคุณที่ติดตามครับ @ice_haku
ความคิดเห็น