ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ✚ SH0T 3 :: JEALOUS...
Author : MR.SNOWMAN
Pairing : D.O. x Kyungsoo
Rate : NC - 17
THE TWINS*
--------------------------------------------
ll SH0T 2 ll
Pairing : D.O. x Kyungsoo
Rate : NC - 17
THE TWINS*
--------------------------------------------
ll SH0T 2 ll
ผมปรือตาขึ้นในขณะที่พลิกตัวไปมาบนฟูกนอนสปริงนั้นอย่างช้าๆ
ความเมื่อยและความเจ็บแล่นเข้ามาที่หน้าขาของผมอย่างห้ามไม่อยู่
มองเห็นดีโอกำลังนอนหลับอยู่ข้างๆผมในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างจากผม
เครื่องนอนของเราวางอยู่เกลื่อนกลาดสะเปะสะปะเต็มห้องไปหมด...
ผ้าปูที่นอนที่ดีโออุตส่าห์ปูไว้ซะตึงเรียบบัดนี้ถูกทำให้ยับยู่ยี่ บ่งบอกว่าเมื่อคืนเราผ่านบทรักกันมารุนแรงแค่ไหน...
หลังจากบทรักหลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมาเมื่อคืน ผมจำไม่ได้ว่าผมถึงจุดสุดยอดไปกี่หน
ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเราสองคนทำไมโหยหากันได้ขนาดนี้
ดีโอหยอกเย้าผมไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย...หากแต่มันทำให้ตอนนี้ผมเองต้องนอนซมอยู่บนเตียงอย่างช่วยไม่ได้
ผมร้องไห้ออกมาตลอดเวลาที่มีอะไรกับเขา...ไม่ใช่เพราะว่าเจ็บปวดอะไรในร่างกายหรอก
มันให้ความรู้สึกดีด้วยซ้ำไปเวลาที่เราสองคนได้บรรเลงบทรักเรื่อยไปแบบนั้น...
แต่ที่ผมร้องไห้ เป็นเพราะผมรู้สึกผิด...
ผิดที่ทำลงไปได้ลงทั้งๆที่รู้ว่าไม่ควร...
รู้สึกผิดที่ผมปล่อยให้ความต้องการของตัวเองอยู่เหนือเหตุผลแบบนี้
“ตื่นแล้วเหรอครับคนเก่ง...”
ดีโอลืมตาขึ้นมามองผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
เขากระซิบก่อนจะเลื่อนตัวเข้ามามอบจูบที่แก้มของผมเบาๆก่อนจะดึงผมเข้าไปในอ้อมกอด
“คนเก่งอะไรของนาย...ฉันไม่ใช่เด็กนะ
และฉันได้ข่าวว่าเมื่อคืนนายเพิ่งด่าว่าฉันโง่”
“โถ่...เจ้าคิดเจ้าแค้น” ดีโอยกยิ้มพลางหัวเราะขัน
“หยุดพูดไปเลย
อ๊ะ! เอาหน้าออกไปเลยนะ
อื้ออออออออออออออ”
ผมตวาดเขาออกไปในขณะที่ผลักหน้าของดีโอให้ห่างออก
แต่ดีโอหลบมือเรียวของผมได้ และยื่นหน้าเข้ามาประกบจูบผมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“ทำโทษข้อหาที่มาทำหน้าตาน่ารักแต่เช้า”
ดีโอพูดก่อนจะลุกขึ้นเดินโทงๆไปหยิบผ้าขนหนูมาพันเอวไว้
ผมหน้าขึ้นสีก่อนจะรู้สึกว่าร้อนวูบวาบเมื่อได้เห็นดีโอในร่างกายเปลือยเปล่าแบบเต็มๆตา
มันน่าอายจริงๆนะ...มันเหมือนว่าผมมองเห็นตัวเองในกระจกยังไงก็อย่างนั้นเลย
“ลุกไหวไหมคยองซู...
ฉันว่าจะพานายไปหาอะไรกินกัน”
ดีโอเดินเข้ามาทรุดตัวนั่งที่ข้างตัวผมเหมือนเก่าก่อนจะโน้มตัวลงมาลูบหัวผมเบาๆอย่างเอ็นดู
ให้ตายเหอะ...นี่สาบานได้ว่าเขาเป็นน้องผมหนึ่งนาที
เขาทำตัวอย่างกับผมเป็นเด็กน้อยแหน่ะ...ดูเอาเถอะ
“ไม่ไหว...เจ็บไปหมดทั้งตัวเลย
ฉันไม่อยากจะลุกไปไหนทั้งนั้นล่ะ
นายอยากไปไหนก็ไปเถอะ”
ผมตอบดีโอไป หากแต่พลิกตัวตะแคงข้างเข้าไปซุกหน้าอยู่แถวๆแผงอกกว้างของดีโอซะอย่างนั้น
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างนั้นไปทำไม
แต่ถ้าเป็นใครที่ไม่ได้โง่ ก็คงจะดูออกว่าผมกำลังยื้อเขาไว้แน่ๆล่ะ...
ดีโอหัวเราะออกมาในลำคออย่างชอบอกชอบใจพลางยกยิ้มที่มุมปากอีกแล้ว
เขาเลื่อนตัวลงมานอนข้างผม ก่อนที่เขาจะโอบแขนมากอดก่ายเราสองคนไว้ด้วยกัน
ใบหน้าของเราห่างกันแค่ไม่กี่คืบ...จนผมเห็นว่าใบหน้าใสของเขาดูอิดโรยด้วยความเหนื่อยล้า
เขามีสิวเม็ดเล็กๆขึ้นเม็ดหนึ่งที่ปลายคางด้วย...
“รู้จักอ้อนเป็นด้วยเหรอ? น่ารักจัง...”
ดีโอยิ้มก่อนที่จะยกมือขึ้นบีบจมูกคยองซูเล่นอย่างอารมณ์ดี
ผมเบะปากใส่ดีโอหากแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก
จนกระทั่งเราทั้งสองคนเงียบเสียงไปในอึดใจ...
“ดีโอ...นายรู้ใช่ไหมว่าที่เราทำมันผิด”
ผมเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบของเราทั้งคู่...
ดีโอตวัดตาขึ้นมองผมก่อนจะถอนหายใจออกมา
ท่าทางเขาไม่ได้ดูร้อนรนราวกับรู้อยู่แล้วว่าผมจะถามคำถามนี้กับเขา
ดีโอยกนิ้วโป้งขึ้นมาขยี้ที่ริมฝีปากล่างของผมเล่นอย่างสนุกมือ
แต่ในแววตาของเขามีแววจริงจังซ่อนอยู่...
“รู้...รู้ดีเลยด้วยว่ามันผิด
แต่ในเมื่อฉันไม่แคร์ นายก็ไม่ควรแคร์เหมือนกัน”
“แต่ฉันทำไม่ได้ นี่มันโลกความจริงนะดีโอ
เราสองคนไม่มีสิทธิจะทำอย่างนี้”
“ใครเป็นคนกำหนดสิทธิพวกนั้นกันล่ะ...
ฉันและนายต้องยืนอยู่ในจุดที่คนอื่นกำหนดไว้ด้วยงั้นเหรอ
ฉันไม่สนมันหรอกคยองซู...ฉันเชื่อมั่นในตัวของตัวเองและนายก็ควรจะทำเหมือนกัน”
ดีโอปล่อยแขนออกจากเอวของผม
และผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกวิตกกังวลนักที่ได้เห็นดีโอทำหน้าตาอย่างนั้น
เขาผุดลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ
ผมไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้อีก เพราะผมพอจะดูออกว่าดีโอเป็นคนหัวดื้อ
และถึงผมจะพูดไปตอนนี้เขาเองคงจะเดินหนีและไม่ฟังมันแน่ๆ
ผมได้แต่ขมวดคิ้วเมื่อดีโอหันกลับมาในขณะที่เปิดประตูห้องน้ำเข้าไป
เขาหันหน้ามากระซิบบอกกับผมเบาๆว่า..
“ถ้านายจะรู้สึกผิดตอนนี้มันก็สายไปแล้วล่ะคยองซู
.
.
.
.
นายเป็นของฉันไปแล้ว...
มันคือความจริงที่ไม่ว่านายจะหลีกหนีไปยังไงก็ไม่มีทางหนีพ้นหรอก”
.
.
.
.
.
.
ชีวิตของคนๆนึงจะเลวได้ซักแค่ไหนกันเชียว...
ถ้าชีวิตนี้ผมจะทำเรื่องผิดบาป
ผมก็จะขอสาบานว่าจะทำมันแค่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น...
ผมและดีโอใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายมีความสุขร่วมกัน
เราตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงเรื่องก่อนหน้า...
ซึ่งผมออกจะมั่นใจว่าเป็นผมเพียงคนเดียวที่คิดมากไป
ดีโอไม่ได้รู้สึกตัวหรือรู้สึกผิดเลยซักนิด
เขายังคงมีความสุขในการได้เชยชมในร่างกายของผมไม่ได้หยุดหย่อน...
เรามีอะไรกันอีกสองสามครั้งตลอดทั้งวัน...
ในตอนแรกผมเองก็ไม่ยินยอมหรอก...ผมยังขัดขืนและพยายามจะอิดออด
แต่ผมรู้สึกกังวลและร้อนรนจริงๆเมื่อได้เห็นดีโอทำท่าทางเย็นชากับผมอย่างนั้น
ผมรู้ดีว่าดีโอโกรธ และผมไม่รู้ว่าจะง้อยังไงจริงๆ...
และเมื่อดีโอรับรู้ได้ว่าผมอยากจะง้อเขา
เราก็เลยต้องจบลงแบบไม่ใส่เสื้อผ้าอย่างนี้...
ผมเหนื่อยหอบและนอนหลับเป็นตายไปเป็นชั่วโมงก่อนที่จะตื่นขึ้นมาตอนค่ำ
ดีโอนั่งเล่นเกมส์ในไอแพดอีกแล้วตอนที่ผมตื่นขึ้นมา...
ทันทีที่ผมอาบน้ำเสร็จผมรู้สึกว่าหิวมากๆ แต่ผมคิดว่าผมออกไปข้างนอกไม่ไหว
ดีโอเลยชวนผมทำอาหารกินกันที่ห้อง...และสุดท้ายเราก็มาช่วยกันทำอาหารอยู่อย่างนี้
“ถ้านายไม่ไหวก็ไปนั่งเถอะไปคยองซู
ฉันทำเองได้น่า...ฉันทำกับข้าวไม่เก่งเท่านายแต่มันก็กินได้นะ”
ดีโอพูดในขณะที่วางมีดในมือลงแล้วรุนหลังให้ผมเดินไปนั่งที่โซฟา
แต่ผมปฏิเสธที่จะให้เขาทำอาหารคนเดียว...ไม่ใช่เพราะผมไม่ไว้ใจหรอกนะ
แต่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงไม่อยากให้ดีโอเดินออกไปจากสายตาของผมแม้ซักวินาทีเดียวเลย...
“ไม่เอาหรอก...เดี๋ยวไฟไหม้ห้อง
ฉันไม่มีปัญญาจ่ายค่าเสียหายนะ”
“ดูถูกกันจัง...ถ้าทำแล้วอร่อยอย่าขอเติมแล้วกัน”
“อื้มมมม...งั้นก็ลองดูสิ ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา...”
“อืม...ไปเถอะ”
ดีโอหันมายกยิ้มให้ผมก่อนจะเขายกหม้อขึ้นไปตั้งบนเตา
ผมยิ้มให้เขาก่อนจะเดินไปที่ห้องน้ำเพราะรู้สึกว่าปวดฉี่ขึ้นมาซะอย่างนั้น
ดีโอยกยิ้มพลางมองแผ่นหลังเล็กของคยองซูเดินลับหายไปจากสายตา
บทรักที่ผ่านมาเติมเต็มดีโอได้จริงๆ...เขาปรารถนาคยองซูมาตลอด
ไม่แน่ใจว่าตั้งแต่ตอนไหน แต่เขาเชื่อว่าภายใต้จิตสำนึกของคนเราทุกคน คนเรามักจะรักตัวเองมากที่สุด...
และใช่...ผมคิดว่าผมกำลังรักตัวเองอยู่
แต่ที่ผมรักเป็นตัวผมอีกคนนะ...ผมรักคยองซู
แรกเริ่มก่อนที่จะเจอหน้าคยองซู ผมใช้ความคิดตลอดเวลาหลายชั่วโมงที่อยู่บนเครื่องบิน
เพียงเพื่ออยากจะพิสูจน์สิ่งที่ผมประสบพบเจอมาตลอดระยะเวลาหลายปี
และผมอยากรู้ว่าสิ่งที่ผมเผชิญอยู่จะใช่ ‘สัญชาติญาณของฝาแฝด’ จริงๆหรือเปล่า?
พ่อไม่เคยบอกว่าผมมีฝาแฝด...แต่ผมมักจะฝันถึงเขาเสมอ...
ฝันเห็นตัวเองถูกผู้หญิงคนหนึ่งเรียกว่าคยองซู...
ในตอนแรกผมคิดว่าผมเองอาจจะขาดความรัก ทำให้ผมจินตนาการคนเป็นแม่ขึ้นมาในหัวสมอง
หากแต่ไม่ใช่เลย...ยิ่งผมได้ฝันมากขึ้น ผมก็ยิ่งได้รับรู้ว่าผู้ชายในฝันไม่ใช่ผม และไม่เคยเป็นผมเลย
เขานิสัยต่างกับผมคนละขั้ว...เป็นคนที่คิดอะไรก็มักจะเก็บไว้ในใจเสมอ
คิดอะไรไม่ค่อยแสดงออก และรักครอบครัวรักแม่มากๆ...ซึ่งต่างกับชีวิตผมโดยสิ้นเชิง...
ผมเป็นคนโผงผาง คิดอะไรก็พูดออกไปเหมือนกับเป็นคนขวานผ่าซาก
พ่อไม่เคยสนใจผมเลย...เขามีครอบครัวใหม่และมีลูกเล็กๆ
ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องต่างแม่ของผมกับคยองซูอีกสองคน
ผมแยกตัวออกมาต่างหาก เพราะผมไม่อยากจะเป็นส่วนเกินในชีวิตครอบครัวแสนเพอร์เฟ็คของพ่อ
ผมใช้ชีวิตอยู่กับตัวเอง...ออกแนวเด็กเกเรตามประสาลูกคนมีเงินในนิวยอร์ก
ผมมักกินเหล้า สูบบุหรี่กับเพื่อนไปตามประสา...
และใช้ชีวิตแหลกเหลวไร้สาระไปวันๆเพราะรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้จุดยืน
หากแต่สิ่งที่ผมยึดเหนี่ยวไว้ในใจหลายปีก็คือเรื่องผู้ชายในความฝัน
เขาหน้าเหมือนผมราวกับแกะ...แต่มีชีวิตที่แตกต่างกับผมอย่างสิ้นเชิง
เขาขยัน เป็นคนสุภาพอ่อนน้อม และที่สำคัญคือเขามีความสุขกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่...
มีครั้งหนึ่งผมเคยหลับไปกว่าสามวันติดๆ...เพราะอยากจะนอนฝันและรับรู้ถึงตัวตนของผมอีกคน
ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน และกำลังเผชิญกับอะไรอยู่...
และมันก็น่าตลกจริงๆที่ผมไม่คิดอยากจะตื่นขึ้นมาอีกเลย
เพราะในฝันนั้นผมมีครอบครัวที่น่ารัก...
ถึงแม้ว่าจะไม่มีพ่อ ความเป็นอยู่จะแร้นแค้นแต่ผมในฝันก็มักจะยิ้มสู้เสมอ
ตัวผมในฝันมักจะแอบมานั่งร้องไห้คนเดียวบ่อยๆเวลาที่แม่โดนคนดูถูกเหยียดหยามสารพัด
จนทำให้ผมรู้สึกรักและเอ็นดูผู้ชายในฝันคนนั้นมากเหลือเกิน...
ผมใช้เวลากว่าสองปีศึกษาดูว่าตัวเองเป็นอะไร
และบังเอิญไปเจอหนังสือจิตวิทยาเล่มหน้าเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า ‘THE TWINS’
ผมแอบขโมยมันออกมาจากห้องสมุดและเริ่มศึกษาเกี่ยวกับมันอย่างตั้งใจ
จนผมมั่นใจในที่สุดว่าตัวผมมีฝาแฝดอีกคน หรือมีตัวเองอีกคนอยู่บนโลกนี้...
ผมเคยถามพ่อว่าผมมีฝาแฝดหรือไม่ พ่อก็ปฏิเสธผมมาตลอด...
แต่ถึงแม้ผมจะเป็นเด็กเลวแต่ผมก็ฉลาดกว่าพวกลูกคนรวยไร้สมองทั่วๆไป
ผมมองออกว่าพ่อกำลังโกหกผมอยู่ ทุกๆครั้งเวลาที่ผมถามเขามักจะเฉไฉไปเรื่องอื่น
ด้วยการขุดเรื่องเก่าๆขึ้นมาด่าผม หาว่าผมทำตัวเสเพลไร้สาระไปวันแบบนั้นเสมอ
และสุดท้ายผมก็รู้ความจริงในที่สุด เมื่อจดหมายเรื่องแม่ถูกส่งมาถึงพ่อที่ลอสแองเจลลิส
ผมไปเยี่ยมพ่อที่บ้านและบังเอิญไปเจอจดหมายจากเกาหลีซึ่งปกติไม่เคยมีใครที่เกาหลีติดต่อพ่อมาเลยซักครั้ง
ผมแอบเปิดมันออกอ่านและค้นพบความจริงทั้งหมด...
จนผมตัดสินใจเดินทางกลับเกาหลีทันที เพื่อกลับมาเยี่ยมหลุมศพแม่ และกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับฝาแฝดของผม
ตัวตนอีกคนที่ผมหลงรักและอยากจะเจอมาตลอด...
ในตอนแรกผมคิดแค่อยากจะพิสูจน์...ว่าเขาเองเป็นเหมือนผมบ้างไหมตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
เขาจะเคยฝันถึงผม หรือเคยจะรู้สึกถึงผมบ้างไหมนะเวลาที่เราไม่เจอกัน...
แต่ไม่เลย...เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยซักนิด
ซึ่งผมคิดเอาเองโดยไม่ได้พึ่งทฤษฏีไหนด้วยการคิดว่า
เขาไม่เคยต้องมีช่องว่างภายในจิตใจเหมือนกับผมเพราะแม่คงเลี้ยงดูเขาด้วยความรักมาตลอด
ซึ่งก็จริงเสียด้วย...ครั้งแรกที่เราเจอกันคยองซูไม่ได้มีท่าทางพิศวง งงงวยอะไรเลยซักนิด
หากแต่เป็นผมเองที่บ้าคลั่ง...หัวใจของผมเต้นระรัวเพียงแค่ได้เห็นหน้าเขา
ได้เห็นหน้าตัวผมอีกคน หลังจากที่เฝ้าติดตามอยู่ในความฝันมานานหลายปี...
ผมคิดว่ามันเป็นความพิเศษที่พระเจ้าประทานให้เราสองคน
ประทานให้ผมได้รับรู้ว่าคนๆนี้มีชีวิตอยู่บนโลก
ประทานอุปสรรคความรักของเราสองคนให้กาลเวลาเป็นเครื่องช่วยพิสูจน์
และสุดท้ายแม้ว่าเราจะไกลกันแค่ไหน ชีวิตเราก็ต้องกลับมาบรรจบเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ดี...
ก๊อก ก๊อก...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องเสียงสติของผมให้กลับมาสนใจโลกแห่งความเป็นจริงที่กำลังเผชิญอยู่
ผมหันกลับไปมองก่อนจะเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าใครกันนะที่มาเคาะห้องดึกดื่นป่านนี้...
และเมื่อเปิดประตูออกไป ผมก็ได้พบกับใบหน้าคมเข้มที่เคยวนเวียนอยู่ในฝันช่วงหนึ่ง...
แม้แต่ชื่อเขาผมก็จำได้...
เพราะเขามักจะปรากฏตัวในฝันพร้อมๆกับคยองซูอยู่เสมอๆ
เขาชื่อ...คิมจงอิน...
“คยองซู ทำไมวันนี้นายไม่ไปเรียน?!!”
เสียงตวาดอย่างร้อนรนของชายผิวเข้มตรงหน้าทำเอาผมต้องยกหางคิ้ว
ท่าทางเขาดูหงุดหงิดและร้อนรนเพราะอะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่อาจจะรู้ได้
“ฉันไม่สบาย...นายมีอะไร?”
ผมแอบอ้างตัวเป็นคยองซู เพราะทันทีที่ผมเห็นหน้าเขา
มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ค่อยชอบหน้าเขาขึ้นมาอย่างประหลาด
ผมรู้สึกว่าเขาไม่ควรมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้...และผมควรจะรีบไล่เขาให้กลับไปซะก่อนที่คยองซูจะกลับมา
“นายไม่รับโทรศัพท์ฉันทั้งวัน! แถมวันนี้ยังไม่ไปเรียนอีก..
รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงนายแค่ไหนน่ะฮึ!”
คิมจงอินตอบกลับผมมาด้วยสีหน้าอารมณ์เสียสุดๆ
ในแววตาเจือคำถามกลับมาว่า ถามมาได้...นี่นายไม่รู้จริงๆหรือ อะไรประมาณนั้นน่ะ
“เออโทษที...แค่นี้ใช่มะ
ฉันเหนื่อย...จะไปนอน”
ผมยกแขนขึ้นกอดอกก่อนจะกระชากเสียง...
คิมจงอินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเริ่มมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“นาย...นายเป็นใคร! นายไม่ใช่คยองซูนี่
แต่...ทำไมหน้าเหมือนกัน!”
จงอินถามผมอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตา...
เขาดูงุนงงและสับสน ในขณะที่ผมได้แต่ยกยิ้ม
“ฉลาดดีเหมือนกันนี่นายน่ะ...ถ้ารู้ว่าฉันไม่ใช่ก็เลิกกวนใจซักที
กลับไปได้แล้ว นายควรจะรู้บ้างนะว่านี่มันดึกมากแล้ว
ควรจะมีมารยาทกว่านี้นะไม่ใช่ว่าจะมายุ่งที่บ้านของคนอื่นตอนดึกๆ”
ผมกระชากเสียงตอบกลับเขาไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก
รู้ตัวว่าพูดไม่ดีออกไป หากแต่ก็เพราะว่าไม่ค่อยชอบคนตรงหน้าเท่าไหร่ปากเลยสั่งให้พูดออกไปแบบนั้น
คิมจงอินอ้าปากค้างพลางทำหน้างุนงงอย่างไม่เข้าใจ
เขาเหมือนมีคำถามมากมายที่อยากจะถามผม...หรือไม่ก็ถามคยองซู
แต่เขากลับได้แต่อึกๆอักๆไม่กล้าจะต่อความ...
“มีอะไรเหรอดีโอ? ใครมาเหรอ?”
เสียงใสของคยองซูดังขึ้นข้างหลังทำให้ผมต้องกรอกตาไปมาอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก
ทำไมต้องโผล่มาตอนนี้กันนะ...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“เฮ้ย! ด...เดี๋ยวนะ...
ฉันงงไปหมดแล้วอ่ะ ฉันไม่เข้าใจ!”
จงอินตะโกนออกมาและชี้มือมาที่เราทั้งคู่อย่างตกตื่น
มองหน้าเราสลับกันไปมาจนคยองซูต้องออกมาแนะนำผมให้เขาได้คลายสงสัย
“อ้อ...จงอิน นี่แฝดของฉันเอง
เขาชื่อดีโอ เพิ่งกลับมาจากอเมริกา”
คยองซูพูดก่อนที่จะลากจงอินให้ไปคุยกันในห้องรับแขก แต่ผมไม่ได้ตามเข้าไปด้วย
ผมยืนกอดอกพิงกับเคาท์เตอร์ครัวพลางมองพวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
หงุดหงิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หงุดหงิดที่คิมจงอินไม่ยอมไปซักที
ทั้งๆที่ตอนนี้ก็เกือบสามทุ่มแล้ว
และเรายังไม่ได้กินข้าวเย็นกันเลย....
ผมรู้สึกโมโห เพราะคนที่บ่นว่าหิวมาตั้งแต่เย็นกำลังนั่งหัวร่อต่อกระซิกกับคิมจงอินและไม่ได้สนใจผม
อันความจริงเขาก็หันมามองผมอยู่...
แต่ผมก็รู้ตัวนะว่าหน้าผมคงบูดเป็นตูดเลยล่ะในตอนนี้
ผมเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ ในขณะที่มองคยองซูโบกมือลาจงอินอยู่ที่หน้าห้อง
จงอินมองตอบกลับผมมาอย่างไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่
แต่ด้วยเพราะคยองซูบังคับเราถึงต้องเอ่ยลากันอย่างสุภาพ(?)
“หวัดดี ดีโอ”
“เออ...หวัดดี!”
โอเค...นี่สุภาพที่สุดสำหรับผมแล้วล่ะครับ
ปกติถ้าผมไม่ค่อยชอบหน้าใครก็คือจะไม่คุยเลยนะ
นี่เห็นว่าเขาเป็นเพื่อนของคยองซูหรอกนะผมถึงยอม...
ทันทีที่คยองซูปิดประตู เขาก็หันมาแหวใส่ผมทันที
“ทำไมถึงทำกับจงอินแบบนั้นล่ะ
เป็นอะไรทำไมต้องทำหน้าตากวนประสาทใส่เขาด้วย?”
คยองซูถามผมอย่างไม่เข้าใจในขณะที่เขาก็กอดอกเลียนแบบผม
แน่ล่ะ...เพราะเมื่อไหร่ที่ผมกับคยองซูต้องการจะแสดงตัวว่าเหนือกว่า
พวกผมมักจะใช้วิธีการกอดอกเพื่อยกตัวข่มเสมอ
แต่เห็นได้ชัดว่าสำหรับคยองซูมันใช้ไม่ค่อยได้ผลกับผมเท่าไหร่...
“ไม่ชอบขี้หน้า”
ผมบอกออกไปตามตรง
ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดที่ได้เห็นคยองซูกรอกตาไปมาราวกับว่าคำตอบของผมมันไร้สาระ
“เรื่องแค่นี้น่ะเหรอ นายถึงได้ทำตัวแย่ๆกับเขาแบบนี้”
“ปกป้องมันจังนะ กับอิแค่แฟนเก่านาย
นายจะให้ฉันทำดีอะไรกับมันนักหนา”
ผมกระชากเสียงตอบกลับไป แต่มันทำให้คยองซูถึงกับสะดุ้ง
“น...นายรู้?”
“เออสิ...เมื่อสองปีก่อนฉันฝันเห็นมันอาทิตย์ละสองครั้ง
แถมทุกครั้งที่ฝันถึงหัวใจต้องเต้นแบบประหลาดๆด้วย!
ยังรักมันอยู่ล่ะสิ...ฉันถึงทำตัวแย่ๆกับมันอย่างนี้ไม่ได้!!”
“ม...ไม่ใช่นะ นายกำลังเข้าใจผิดนะดีโอ”
“อ๋อเหรอ! งั้นฉันก็โง่เอง...ขอบคุณที่ย้ำ!!”
ผมตวาดออกไปในขณะที่ก็เดินหนีคยองซูไปที่นอกระเบียงเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง
หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบเพราะรู้สึกเครียดเสียเหลือเกิน
โมโห...ผมกำลังโมโหจริงๆให้ตายสิ!
คยองซูถอนหายใจออกมาหนักหน่วงเมื่อได้เห็นดีโอเดินกระแทกเท้าปึงปังออกไปอย่างนั้น
รู้สึกไม่ชอบใจเลยที่ต้องมาทะเลาะกับดีโอแบบนี้ และเขากำลังรู้สึกวิตกจริงๆที่ทำให้ดีโอโมโหขนาดนั้น
คยองซูกัดริมฝีปากพลางคิดว่าจะทำยังไงดีนะให้น้องเขาหายโกรธ
ทั้งๆที่เรื่องนี้เขาไม่ผิดด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรคยองซูถึงได้ร้อนรนนัก
ผมไม่อยากให้ดีโอโกรธผมเลยให้ตายสิ...
มันอึดอัด...รู้สึกเหมือนว่าจะหายใจไม่ค่อยออกเลยเวลาที่เขาทำหน้าเย็นชาแบบนั้น...
คยองซูค่อยๆย่างเท้าออกไปหาดีโอที่กำลังยืนเกาะระเบียงแล้วสูบบุหรี่อยู่ข้างนอกนั้นอย่างช้าๆ
คยองซูเดินเข้าไปโอบกอดแฝดน้องจากด้านหลัง กอดกระชับเอวน้องเขาไว้เสียแนบแน่นเพื่อหวังว่าน้องจะหายโกรธ
“ดีโอ...โกรธฉันเหรอ?” คยองซูกระซิบถามในขณะที่เกยคางวางบนไหล่ของดีโออย่างช้าๆ
“เปล่า” ดีโอตอบกลับมาเสียงเรียบ
“โกหกอ่ะ...นายโกรธฉันอยู่ใช่มั้ย?”
“ก็บอกว่าเปล่าไงล่ะ”
“แล้วเป็นอะไรทำไมต้องโมโหด้วย?”
คยองซูถามอีกครั้ง...พยายามทำเสียงให้ดูร่าเริงดีโอจะได้ไม่คิดว่าเขาจุกจิกมากเกินไป
ดีโอเงียบไปในอึดใจหนึ่งเพราะเขากำลังพ่นควันบุหรี่สีขาวออกมา
บุหรี่ราคาแพงถูกลดลงจากมือของดีโอ ก่อนที่เขาจะกระซิบตอบคยองซูไปจนแทบจะไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากปากว่า
“หึง....”
“...................”
โอ...เสียงหัวใจกำลังเต้นตลกกับคยองซูอีกแล้ว
ทำไมนะแค่เพียงคำสั้นๆเพียงคำเดียวที่ออกมาจากปากของดีโอ
มันกลับทำให้หัวใจของผมถึงกับไร้การควบคุมอย่างนี้เลยเชียวหรือ?
“ค...คนบ้า
ทำไมต้องหึงด้วย มันไม่มีอะไรซักหน่อย”
คยองซูถอนกอดที่เอวของดีโอออก ก่อนจะเดินหนีเพราะรู้สึกว่าเขินอาย
หากแต่ดีโอกลับเป็นฝ่ายหันกลับมายื้อแขนคยองซูไว้ แล้วเหวี่ยงเขาให้กลับมามองหน้ากันอีกทีหนึ่ง
“จะหนีไปไหนล่ะ? คุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ”
ดีโอรั้งผมไว้ด้วยสายตา...สายตาที่เมื่อผมได้มองหัวใจก็หวั่นไหว
“ก็มันไม่มีอะไรให้ต้องพูดเสียหน่อย
กับจงอินมันจบไปนานแล้ว...ตอนนี้ก็เป็นแค่เพื่อนกัน”
“แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่ามันจะไม่คิดกับนายเกินกว่าเพื่อน?”
“มันจบไปเป็นปีแล้วนะดีโอ ถ้าเขายังคิดอะไรกับฉันเขาก็คงขอฉันคืนดีไปแล้ว
แถมอีกอย่างตอนนี้เขาก็มีแฟนแล้วด้วย...มันไม่มีอะไรให้ต้องห่วงต้องหึงซักหน่อย
ฉ...ฉันไม่ได้รักเขาแล้ว อย่าเข้าใจผิดสิดีโอ...”
คยองซูพูดขึ้นก่อนจะรู้สึกว่าหน้าขึ้นสี...
ใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมดเมื่อได้พูดคำว่าหึงของดีโอของมาจากปาก
“ไม่รู้ล่ะ นายเป็นเมียฉันแล้ว...ฉันหวง
ต่อไปนี้ห้ามไปไหนมาไหนกับมันสองต่อสองนะ
ถึงมันจะมีแฟนแล้วก็เถอะ...ฉันไม่ไว้ใจ”
ดีโอพูดพลางคว้าตัวผมเข้าไปกอดเสียแนบแน่น
หัวใจของผมเต้นรัวเร็วจนแทบจะทะลุออกมาจากอก
ในขณะที่ความรู้สึกลิงโลดอะไรบางอย่างผุดพรายขึ้นมาให้ความอบอุ่นในหัวใจอย่างช้าๆ...
“นายไม่เชื่อใจฉันหรือไง?”
ผมถามขึ้นในขณะที่ยกแขนขึ้นกอดตอบดีโอไปแล้วซบหน้าลงไปที่บ่าของเขา
รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นมาที่มุมปากอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อได้กลิ่นหอมของแชมพูกลิ่นโปรดของผมและคยองซูลอยเข้ามาในจมูกอย่างช้าๆ
“ไม่ได้ไม่เชื่อใจ...
แค่หวงไม่อยากให้ไปไหนกับใครนอกจากฉัน
ก็นายน่ารักอ่ะฉันไม่อยากให้ไปอยู่กับใครที่ไหนเลย...”
ดีโอพูดขึ้นมาจนผมต้องหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“น่ารักเหรอ? นี่นายกำลังชมฉันหรือชมตัวเองกันแน่ฮึ?”
ผมถามขึ้นในขณะที่ยกมือเรียวที่เข้าไปที่บ่าของเขา
ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าใบหน้าของดีโอยื่นเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ชมใครก็เหมือนกันแหละ...
ก็เราเป็นคนๆเดียวกันนี่นา...”
ดีโอยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
“ทำเป็นหวงไม่เข้าเรื่อง”
ตาของผมเลื่อนจากสายตาของคนตรงหน้าไปหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของดีโออย่างช้าๆ
ราวกับปรารถนาอยากจะให้มันจะเคลื่อนคล้อยเข้ามาประกบที่ริมฝีปากของผมเร็วๆเสียที...
“หวงสิ --- ก็ฉันรักนายนี่”
ดีโอกระซิบก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากเข้ามาใกล้ผมอีก
เขากระซิบถ้อยคำรักแสนหวานประชิดที่ริมฝีปากของผม
ผมยกยิ้มกว้างเมื่อได้รู้สึกว่าริมฝีปากของดีโอนั้นช่างแสนซนเสียจริงๆ...
ยกแขนขึ้นโอบรอบคอเขาก่อนจะกระซิบตอบกลับไปไม่ได้อย่างไม่ได้เกรงกลัวเลย
ว่าถ้าหากพูดคำนี้ออกไปแล้วหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น...
“งั้นถ้าหวงฉันนักล่ะก็....
.
.
.
.
.
ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปก็อย่าปล่อยให้ฉันคลาดสายตาก็แล้วกัน”
✚ TALK
มาต่อแล้วค่ะ...เอ็นซีตอนนี้เอาไว้จะเอามาลงให้ย้อนหลังแล้วกันนะ
คือตอนนี้ง่วงมากๆแต่งไม่ไหวอ่าาาาาาาาาาาา
มันสนุกไหมคะฟิคเรื่องนี้? ถ้าสนุกก็เม้นท์บอกกันดีๆก็ได้นะ
คือไรเตอร์แอบนอยด์ค่ะ...ทำยังไงให้หายดี?
ก็เม้นท์มันน้อยเกิ๊นนนนนน เรื่องนี้มันไม่สนุกสินะ T T
งั้นเลิกแต่งเรื่องนี้ซักพักไปทุ่มเรื่องอื่นดีกว่าเนอะ...
เรื่องอื่นยังค้าง รอเคลียร์อีกหลายเรื่องเลย
เรื่องนี้ไว้มีแรงบันดาลใจดีๆค่อยกลับมาแต่ง เอางี้แล้วกันเนอะ ^^
ชิลๆกันทั้งสองฝ่าย...รีดเดอร์ไม่มีอารมณ์เม้นท์ ไรเตอร์ก็ไม่มีอารมณ์แต่ง งั้นเลิกแต่งเรื่องนี้ซักพักไปทุ่มเรื่องอื่นดีกว่าเนอะ...
เรื่องอื่นยังค้าง รอเคลียร์อีกหลายเรื่องเลย
เรื่องนี้ไว้มีแรงบันดาลใจดีๆค่อยกลับมาแต่ง เอางี้แล้วกันเนอะ ^^
5555555555555555555555555555555555555 = =
ไรท์ว่าไรท์ไปนอนดีกว่าชักจะเรื้อนแล้ว...
รักรีดเดอร์ อซด และ สตบด เหมือนเดิมค่ะ <3
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น