ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF-EXO] ✚ :: THE FL0WERS:: ✚ [ KRIS x D.O.]*

    ลำดับตอนที่ #3 : ✚ SH0T 3 :: RED TULIP

    • อัปเดตล่าสุด 23 มิ.ย. 55


     Author : MR.SN0WMAN
    Pairing : KRIS x D.O.
    Photo by : PickaJae★PickaJi 
    Rate : PG-13



    THE FL0WERS
    *



    -------------------





    SH0T 3 : RED TULIP






    คำเตือน :: มันดราม่า...



    คยองซูไม่อาจจะห้ามรอยยิ้มกว้างที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของเขาให้เจื่อนลงได้เลยซักนิด
    ห้ามตัวเองไม่ให้หยุดฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดีได้เลย 
    หันขึ้นไปมองนาฬิกาบนฝาผนัง ก่อนจะใจเต้นระทึกรอคอยเวลาอย่างใจจดใจจ่อ
    คยองซูยังคงเป็นอย่างนี้เกือบทุกวัน...ทั้งๆที่ผ่านมาเกือบเทอมแล้ว




    สี่เดือนผ่านไปไวอย่างกับโกหก ไม่ได้อยากจะอวย แต่ถ้ามันไม่ใช่ฟิคเรื่องนี้ก็คงทำไม่ได้หรอกครับ
    ถ้าหากพวกคุณอยากจะอ่านช่วงเวลาที่ได้ข้ามไป คุณคงต้องไปกดดันไรเตอร์เรื่องนี้เอาเอง 
    แต่ผมเองไม่ได้มีปัญหาอะไรนักหรอกนะ เพราะอย่างน้อยเรื่องนี้ผมก็ได้เป็นตัวเอก
    แถมมันยังหมายความว่า เกือบสี่เดือนที่ผ่านมาผมกับพี่คริสมีนัดกันอย่างนี้ทุกๆวันด้วยน่ะสิ
    และแน่นอนว่าผมเองโอเคกับสถานะในตอนนี้มากๆเลยล่ะ





    ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นอะไรกับอาจารย์ แต่การที่ผมได้ติดรถเขาไปเรียนทุกวัน
    มีเขาคอยไปรับไปส่งระหว่างมหาลัยกับที่บ้าน และได้ออกไปกินข้าวกันบ้าง
    ผมคงไม่ปฏิเสธว่าผมมีความสุขมาก...แต่ผมเองก็ขมขื่นไปด้วยในเวลาเดียวกัน(มีใครเข้าใจไหม?)




    ช่วงนี้จงอินยุ่งมาก...เขาทุ่มเทให้กับการลงแข่งระดับประเทศจนแทบจะไม่มีเวลาไปไหนมาไหนกับผม
    ถึงแม้ว่าผมจะได้ไปไหนมาไหนกับพี่คริสบ่อยขึ้น...
    แต่รู้อะไรไหมครับ – ผมคิดถึงจงอินจริงๆ





    โอเค...ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ คุณก็ไม่ได้พลาดอะไรไปแล้วล่ะครับ
    เพราะนี่เป็นเรื่องราวคร่าวๆตลอดสี่เดือนที่คุณพลาดไป
    และตอนนี้ได้เวลาของปัจจุบันแล้วล่ะ...










    7.20 น.....








    กรุ๊งกริ๊ง......







    เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นทำให้เขาต้องหันไปส่งยิ้มให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามาทันที
    ใบหน้าคนที่เดินเข้ามาเองก็มีรอยยิ้มกว้างเช่นกันไม่ต่างอะไรกับคยองซู 




    “ว่าไงคยองซู...พี่หิวจัง นายมีอะไรให้พี่กินไหม?” 





    คริสเดินเข้ามาวางกระเป๋าและกองเอกสารในมือ 
    ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมที่เขาเคยนั่งมันในทุกๆเช้า บ่นพึมพำพลางยกมือขึ้นลูบท้อง 
    ซึ่งแน่นอนว่าทันทีที่เขาพูดขึ้น คยองซูก็แทบจะปรี่ไปวางแก้วกาแฟฝีมือตัวเองลงกับโต๊ะสีขาวตัวนั้นแทบจะไม่ทัน!




    “อื้ม...มีครับ แม่ทำข้าวเช้าเผื่อพี่คริสแล้ว 
    แต่ตอนนี้แม่ออกไปเดินออกกำลังที่สวนสาธารณะโน่น
    เดี๋ยวผมจะยกมาให้พี่คริสแล้วกันนะครับ เอาแฮมเยอะไหม?”




    “โอ้...พี่รักแฮมที่สุดในชีวิตของพี่แล้วล่ะ
    จัดมาพูนจานเลยก็ดี พี่สัญญาว่าจะฟาดให้เรียบ”




    แน่นอนครับ...ความหิวทำให้คริสออกจะพูดมากเป็นพิเศษ ปกติคริสเองไม่ใช่คนช่างพูดเท่าไหร่ 
    ยกเว้นแต่ตอนตื่นเต้นกับอะไรเป็นพิเศษ กลัวอะไรเป็นพิเศษ อะไรๆที่มันพิเศษนั่นแหละทำให้เขาจ้อได้ไม่หยุด 
    จนบางทีผมก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าการที่เขาพูดคุยกับผมตลอดนั้น 
    เพียงเพราะว่าผมเองก็จัดอยู่ในอารมณ์พิเศษของเขาอยู่บ้าง...แต่มันจะใช่รึเปล่านะ?




    “พี่ต้องฟาดให้เรียบอยู่แล้วล่ะครับ...
    เพราะแม่บอกเองว่าให้พี่คริสกินเข้าไปให้หมด
    ถ้าวันนี้ไม่หมดไม่ต้องไปสอน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”





    คุณคงสังเกตว่าสรรพนามของผมกับคริสเริ่มเปลี่ยนไปในแนวที่สนิทกันมากขึ้นสินะครับ 
    ใช่แล้วล่ะ! ไม่ปฏิเสธเลยว่าตอนนี้เราสนิทกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 
    อาจเป็นเพราะว่าเขาเทียวรับเทียวส่ง พาผมไปนั่นไปโน่นไปนี่เช้าสายบ่ายค่ำยันดึก จนบางทีเขาก็มาทานมื้อเย็นที่บ้านบ้างอะไรบ้าง 


    คุณคงกำลังคิดว่า ‘แหม่!!! แบบนี้นี่มันแฟนกันชัดๆ!!’ อยู่ใช่มั้ยล่ะ??? 





    เอ่อ...ก็ไม่อยากจะหลงตัวเองหรอกนะ แต่ก็มีบางทีที่ผมคิดอย่างนั้นเหมือนกันนะครับ
    เว้นเสียแต่ว่า พี่เขาไม่เคยจะมีท่าทีพิเศษอย่างนั้นกับผมซักทีน่ะสิ...


    คริสสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นพี่ชายของผม 
    เพราะว่าเขาย้ายมาจากเมืองจีนแล้วอาศัยอยู่ตัวคนเดียวมาได้หลายปีแล้ว...
    เหตุผลที่ว่าเขาเองอยากมีครอบครัวมีพี่น้องมันทำให้แม่ผมสงสารและเอ็นดูเขาขึ้นมาทันที 
    แล้วแม่ก็ตัดสินใจให้คริสทำตัวเป็น ‘พี่ชายของผม’ 
    โดยไม่ได้ถามความเห็นผมก่อนว่าผมอยากจะเป็นน้องชาย(หรือเป็นภรรยา)ของพี่เขาหรือเปล่า! 
    อันที่จริงถ้าอยากสร้างครอบครัวก็บอกกันดีๆก็ได้น่า! ไม่เห็นต้องเอาพี่น้องมาอ้างเลยพับผ่าสิ!!! 
    และมันออกจะน่าเบื่อมากเลยเวลาที่คริสชอบเอาคำว่า ‘น้องชายที่น่ารัก’ มากรอกหูผม 




    เออ...ใช่สิ ผมมันก็แค่เด็กน้อยน่ารักในสายตาเขานี่ 




    แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ...
    ตอนนี้ผมก็ยอมรับว่าผมพอใจในระดับหนึ่งที่สถานะเรา(เหรอ? ใช้คำว่าเราได้เหรอ?) เอ่อ...เป็นแบบนี้
    เป็นแค่ผมที่คิดไปเองคนเดียว แต่ถ้าเป็นน้องชายแล้วได้เขามาดูแลมาทำดีอย่างนี้ 
    เป็นใครก็ต้องยอมล่ะครับ – คุณว่าจริงไหมล่ะฮึ?





    ออกจะอารมณ์หน่วงๆไปหน่อย อารมณ์มันแบบว่า...
    มันคงเป็นความรักที่ไม่ถึงกับสุข เป็นความทุกข์ที่ไม่ถึงกับเศร้า เป็นความรักที่ทั้งซึ้งทั้งเหงาอยู่ด้วยกัน... 
    แต่ผมก็โอเคครับ...ถ้ามันจะทำให้ผมเจอหน้าพี่เขาทุกวัน ก็ปล่อยให้มันหน่วงอย่างนี้ต่อไปนั่นแหละดีแล้ว





    เฮ้...คุณกำลังคิดว่าผมตอนแรกกับตอนที่แล้ว มันคนละแนวกับตอนนี้เลยใช่มั้ยล่ะ?
    แน่นอนครับ ความจริงแล้วผมมันก็แค่ผู้ชายเกรียนๆคนนึง ที่แอบชอบลูกค้า อาจารย์ 
    แล้วก็เอ่อะ...กระดากปากจังแฮะ พี่ชายของตัวเอง

    คือสองตอนที่ผ่านถ้าเปรียบกับซีรี่ย์แล้วนั่นมันอารมณ์รักใสๆหัวใจสี่ดวง 
    แต่ตอนนี้กลายเป็นอีกซีรี่ย์นึงไปแล้วครับคือเรื่อง พี่ครับ...ผมรักพี่




    แต่ก็เอ่อ...ช่างเถอะ เอาเป็นว่าตัวตนที่แท้จริงของผมก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ 
    อย่างที่พวกคุณก็รู้ ผมออกจะรั่วๆ บ๊องๆ เอ๋อๆ เบลอเป็นบางครั้ง
    เท่ห์บ้างเป็นบางหน แต่มันไม่ได้นานหรอก...
    ซักพักมันก็จะกลับไปเป็นแบบแรกๆที่ผมบอกไปนั่นแหละ




    ผมเดินไปที่หลังบ้านแล้วตักอาหารออกมาให้พี่เขาจนพูนจาน โดยที่ไม่ลืมตักอาหารให้ตัวเองนิดหน่อย 
    เพราะว่าวันนี้ผมออกจะตื่นสายเลยลงมาจัดการหน้าร้านช้าไปนิดนึง 
    เลยยังไม่ได้มานั่งจัดดอกไม้รอเขาเหมือนทุกที


    ผมวางจานอาหารสองใบลงไปบนโต๊ะสีขาว 
    ก่อนจะมองคริสที่เริ่มลงมือเอามีดปาดเนยลงไปบนขนมปังอย่างตั้งอกตั้งใจ(เชื่อแล้วว่าหิวจริงอะไรจริง) 
    ผมเองได้แต่เอาแฮมวางบนขนมปัง
    แล้วก็เอาขนมปังวางทับอีกทีเป็นแซนวิชแล้วหยิบเข้าปากอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก




    ความจริงวันนี้ผมมีเรียนตอนสิบโมง แต่ในเมื่อติดรถคริสไปที่มหาลัยด้วยก็ต้องไปเช้าหน่อย
    คิดว่าวันนี้จะไปดูจงอินซ้อมบาสตอนเช้าซักหน่อยคงจะดีไม่น้อย
    เพราะว่าจงอินทุ่มเทเวลาให้กับการซ้อม เขาเลยต้องย้ายกลุ่มเรียนไปลงเวลาอื่น
    และมีแค่สองวิชาเท่านั้นที่เราได้เจอกัน และมันทำให้ผมเศร้าจริงๆนะ 
    ถ้าไม่ติดว่ามีมินซอกเป็นเพื่อนผมคงเหงามากแน่ๆ...


    แต่เอาจริงๆไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีเหมือนกัน 
    เพราะว่ามินซอกกับจงแดมักจะทำตัวสวีทกันตลอดเวลาจนผมคิดว่าผมเป็นก้างขวางคอความรักของพวกมันอยู่เรื่อย..
    .
    แต่คิดไปก็คงไม่หรอก เพราะถึงมีผมพวกมันก็ยังพลอดรักกันได้อยู่ดีไม่เห็นมันจะคิดอะไรเลย 
    หน้าด้านจริงๆไอ้พวกบ้า...คืออิจฉาน่ะเข้าใจมั้ย????





    “พี่คริสกินไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจัดดอกไม้ให้นะ
    วันนี้เอาเป็นดอกทิวลิปแล้วกันนะครับ เพิ่งไปรับมาเมื่อเช้าเลย”




    ผมถามพี่เขาไปก่อนจะเดินไปที่หลังเคาท์เตอร์ มือข้างหนึ่งถือแซนวิชเอาไว้ในมือ
    และอีกข้างหนึ่งก็เดินไปหยิบเอากระดาษหลากสีในกล่องข้างกำแพงมาด้วย
    คริสพยักหน้าในขณะที่เคี้ยวขนมปังในปากตุ้ยๆ ก่อนจะกลืนมันลงคอแล้วส่งยิ้มให้คยองซู




    “โอ้...นายทายถูกอีกแล้วว่าพี่ชอบดอกไม้อะไร
    จัดมาเลยคยองซู พี่เชื่อในฝีมือนายนะ” 




    “ผมรู้แล้วน่า...ถ้าพี่ไม่เชื่อพี่คงไม่มาทุกวันหรอกจริงไหม?” 



    คยองซูพูดอย่างสำคัญตัวเอง คริสได้ฟังก็ยกคิ้วกวนส่งให้น้องเขา
    ก่อนจะส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอออกแนวกวนประสาท




    “โฮ่...มั่นใจไปป่าว?” 




    “ถ้าไม่มั่นใจไม่พูดหรอกครับ...
    ถ้าไม่สวยจริงใครบางคนแถวนี้คงไม่มาสั่งดอกไม้ทุกวัน” 



    “หลงตัวเองจัง”




    “ก็มันเรื่องจริง”



    “โว๊วววว...เดี๋ยวนี้น้องชายพี่กลายเป็นคนช่างเถียงตั้งแต่เมื่อไหร่” 




    คริสส่งเสียงล้อเลียนออกมาอย่างอารมณ์ดีในขณะที่เริ่มลงมือทาเนยลงไปบนขนมปังแผ่นที่สอง
    คยองซูกรอกตาไปมาเมื่อพบว่าคริสกรอกหูเขาด้วยการพูดคำว่าน้องชายอีกแล้ว



    “ช่างเหอะน่าผมมั่นใจของผมแล้วกัน
    พี่รีบกินเถอะ เดี๋ยวก็ไปสายหรอก”




    คยองซูตัดบทก่อนจะหันมาสนใจการจัดช่อดอกไม้ตรงหน้า
    เลือกหยิบเอาดอกทิวลิปสีแดงสดมาจัดเรียงอย่างชำนาญ 
    เหตุผลที่เลือกทิวลิปสีแดงคงไม่พ้นความหมายของมันที่ว่า 
    ‘ฉันอยากจะบอกให้โลกได้รู้ว่าฉันรักเธอแค่ไหน’




    แน่นอนล่ะครับว่าผมเองก็อยากบอกพี่เขาจะตายอยู่แล้ว
    แต่มันไม่ง่ายเลย...ในเมื่อผมไม่มีความกล้ามากพอที่จะบอกเขา
    และเขา...ก็ไม่เคยรับรู้ความหมายของมันเลยซักนิด 
    ผมคงทำได้แค่บอกเขาผ่านดอกไม้พวกนี้ต่อไปนั่นแหละ...
    จนกว่าจะมีความกล้า...หรือไม่ก็รอจนกว่าพี่เขาจะรู้ด้วยตัวเองว่าผมแอบรักเขามานานแค่ไหนแล้ว




    ผมจัดการจัดช่อดอกไม้ให้พี่เขาจนเสร็จ...
    ยังคงรู้สึกพึงพอใจที่ได้เห็นพี่เขายิ้มกว้างเมื่อได้เห็นช่อดอกไม้ฝีมือของผม
    เราสองคนรีบเก็บข้าวของก่อนจะออกเดินทางไปมหาลัยทันที





    แต่จะพูดว่าไปทันทีก็ไม่ถูกนักหรอก...เขาต่างหากที่มาส่งผมก่อน
    แล้วตัวเองก็เอาดอกไม้ไปส่งให้ใครคนนั้น...
    เป็นอย่างนี้ทุกวัน – ทุกวัน...






    .




    .




    .








    “เมื่อไหร่พี่จะยอมบอกผมซักทีว่าพี่เอาดอกไม้ไปให้ใครทุกวัน” 




    ผมถามขึ้นในขณะที่พี่เขาจอดรถที่หน้าตึกคณะของผมอย่างช้าๆ
    ผมหันไปถามเขาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นักเพราะว่าเขาไม่เคยยอมบอกผมซักที
    เอากันจริงๆแล้วผมรู้เรื่องเขาไม่เท่าไหร่เลย...แทบจะไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำล่ะมั้ง
    เพราะเขาไม่เคยจะยอมบอกเรื่องของตัวเองกับผมเลยซักที และนั่นทำให้ผมรู้สึกนอยด์ขึ้นมาตะหงิดๆ



    “เรื่องของพี่น่า รีบลงไปเหอะ ถึงแล้ว”



    คริสตอบแบบขอไปที แต่เล่นทำเอาคยองซูฉุนกึก...ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์กับคำตอบ
    คริสรู้ว่าทำไม่ค่อยถูกนัก แต่จะทำไงได้ เขาเองก็มีความลับเหมือนกันนี่นา...ความลับที่คยองซูไม่ควรรู้




    “พี่นี่ขี้โกงจัง...เข้ามาในชีวิตผม ทำความรู้จักผมแต่ไม่ยอมให้ผมได้ทำความรู้จักพี่เลย
    พี่ทำให้ผมเฟลนะคริส...จนบางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่าพี่จะเอายังไงกันแน่
    เขาสำคัญกับพี่มากหรือไง ทำไมผมถึงยุ่งไม่ได้!”



    “พี่บอกแล้วไงว่าพี่อยากมีพี่น้องที่เกาหลี มันมีอะไรน่าสงสัยไปกว่านั้นตรงไหน
    และใช่! เขาสำคัญกับพี่มาก...และนายไม่ควรยุ่งเรื่องนี้ 
    นายควรจะหยุดถามคำถามนี้ซักทีถ้ารู้ว่าพี่ไม่มีวันจะตอบมัน”



    คริสถามอย่างเคร่งเครียดเมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นชากล่าวโทษของคนเป็นน้อง
    อดรู้สึกโกรธไม่ได้ว่าทำไมวันนี้คยองซูถึงได้อยากรู้นั่นรู้นี่ไปหมดซะจริงๆ
    แต่ยิ่งการที่เขาทำอย่างนั้น มันทำให้คยองซูยิ่งรู้สึกว่าถูกกีดกันออกไปไกลทุกที




    “ทำไมต้องทำเสียงไม่พอใจด้วย ในเมื่อพี่บอกว่าอยากเป็นพี่น้องกับผม
    แล้วไหนล่ะครับเรื่องที่พี่น้องควรต้องรู้! พี่มาทำอย่างนี้เค้าเรียกว่าเห็นแก่ตัวรู้บ้างไหม” 




    “พอได้แล้วคยองซู!! นายจะคิดยังไงของนายก็แล้วแต่ 
    แต่นี่มันเป็นเรื่องของพี่ ลงไปได้แล้ว พี่ต้องรีบไป!”




    บรรยากาศในรถเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ 
    ด้วยน้ำเสียงและความเข้าใจที่ไม่ตรงกันทำให้ทั้งสองคนรู้สึกตึงเครียด
    คยองซูรู้สึกโกรธที่คริสไม่เคยแม้แต่จะบอกเรื่องส่วนตัวกับเขา 
    และคริสเองก็โกรธที่คยองซูยืนกรานที่จะเข้ามาในชีวิตของเขามากเกินไป
    ชีวิตแย่ๆที่เขาเองอยากจะลืมก็ทำไม่ได้...




    “ผมลงแน่! ไปส่งผมที่โรงยิมสิ ผมจะไปคอร์ทบาส”




    คยองซูกระชากเสียงบอกคริสไป 
    อันความจริงลงเดินก็ได้แต่ตึกคณะกับสนามบาสมันอยู่ไกลกันพอสมควร
    และมันเป็นทางผ่านที่คริสกำลังจะไปพอดีซะด้วย เพราะงั้นเขาคงไม่เดินไปให้เหนื่อยหรอกจริงไหม




    “นายจะไปทำไมคอร์ทบาส” คริสถามอย่างสงสัย...หัวคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ



    “ผมจะไปหาจงอิน” 




    “ไม่ต้อง!! ลงมันตรงนี้แหละ...แล้วขึ้นไปรอเรียนซะ” 




    “ทำไม? ก็ผมจะไปหาจงอินทำไมถึงไปไม่ได้!!” 




    คยองซูเอ็ดถามอย่างไม่เข้าใจ นาทีนี้ความโกรธทำให้คยองซูออกจะก้าวร้าวและพาลไปทั่ว 
    ยิ่งได้เห็นการกระทำของคนเป็นพี่ด้วยแล้วยิ่งทำให้เขาโกรธ 
    ปกติคยองซูเป็นเด็กมารยาทดี และเชื่อฟังผู้ใหญ่ แต่นาทีนี้อะไรๆก็ทำให้เขาถูกทำนองคลองธรรมไม่ได้แล้ว 




    โกรธ...โกรธที่คริสทำเหมือนเขาเป็นเด็กๆ 
    โกรธ...โกรธที่คริสทำกับเขาเหมือนเป็นน้องชายจริงๆทั้งๆที่เราสองคนไม่ใช่
    และผมเองไม่เคยคิดจะเป็นด้วย – ได้ยินไหม?





    “พี่ไม่ชอบเด็กนั่นได้ยินไหม?! เลิกคบกับมันซะคยองซู!
    เด็กนั่นก้าวร้าว ไร้มารยาทแล้วก็หัวแข็ง พี่ไม่ยอมให้นายไปคบกับมันแน่!!” 




    คริสตวาดอย่างไม่พอใจ...ยิ่งนึกถึงหน้าตากวนประสาทของจงอินแล้วก็โมโหขึ้นมาตะหงิดๆ
    ชอบทำหน้าตาเหมือนกับว่าตัวเองหล่อเสียเต็มประดา แถมยังหวงคยองซูเกินไปจนไม่เข้าท่า
    เขาไม่เคยชอบเลยเวลาที่คยองซูอยู่กับไอ้เด็กนั่น...นั่นมันเด็กนรกชัด!!




    “หยุดว่าจงอินนะ!! พี่นั่นแหละที่หัวแข็ง!
    ถ้าจงอินเป็นคนไม่ดีในสายตาพี่ล่ะก็ผมขอบอกไว้เลย
    เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม! เพราะอย่างน้อยเขาก็ยินดีจะบอกผมทุกเรื่องของเขา!
    เราคุยกันทุกเรื่องและไม่เคยมีความลับต่อกัน! ผมสนิทกับเขามากกว่าพี่อีกรู้ไว้ซะด้วย” 




    “มันจะมากไปแล้วนะคยองซู! เลิกเอามันมาเปรียบเทียบกับฉันได้ไหม?
    ฉันไม่ให้นายไป!! ถ้าฉันรู้ว่านายไปหามันนายเจอดีแน่!!
    นายต้องเชื่อฟังที่ฉันพูดได้ยินไหม!!” 




    คริสตวาดเสียงกร้าว คยองซูไม่เคยเจอพี่เขาตวาดใส่แรงอย่างนี้มาก่อนก็หวาดกลัวเหมือนกัน
    รู้สึกเสียใจที่เทพบุตรของเขากำลังโมโหเรื่องไม่เป็นเรื่อง...และมันเป็นครั้งแรกที่เราสองคนทะเลาะกัน
    หากแต่ด้วยความโกรธทำให้คยองซูยิ่งโมโหรุนแรงขึ้น เขาตวาดพี่เขากลับไปอย่างเหลืออด




    ไม่เหลือเหตุผลอะไรอีกแล้วให้ต้องอดทน...
    ในเมื่อผมไม่มีวันแย่งชิงหัวใจพี่เขามาจากเจ้าของช่อดอกไม้บนตักนี่ได้หรอก...







    “อย่ามาทำตัวเป็นพี่ชายผมหน่อยเลย!!
    ผมไม่เคยต้องการมันเลยด้วยซ้ำ! พี่เลิกเอาคำว่าน้องงี่เง่านั่นทำร้ายผมซักที!!
    ถ้าในเมื่อแคร์เขามากก็ไปหาเจ้าของดอกไม้ของพี่แล้วเลิกยุ่งกับผมซักทีได้ยินไหม!!!!
    แล้วอยากจะอยู่ในโลกนั้นแค่สองคนก็ไปเลย ผมไม่ใช่น้องชายพี่จำไว้ซะด้วย!!!” 





    ด้วยความโมโห คยองซูหยิบเอาช่อดอกไม้แสนสวยที่วางแน่นิ่งอยู่บนตักขึ้นมาขว้างใส่หน้าพี่เขา
    แล้วถลันตัวลงจากรถทันทีด้วยใบหน้าเปื้อนหยาดน้ำตา...
    ไม่มีอีกแล้วความรักที่เขาจะมอบให้คริส...
    เพราะเขารู้ดีว่ายังไงชาตินี้ก็ไม่มีวันสำคัญเท่ากับเจ้าของดอกไม้นั้นได้เลยซักนิด!





    เสียงของคริสยังคงดังร้องเรียกชื่อเขาตามหลัง...
    หากแต่เขาไม่คิดจะรับฟังอะไรอีกแล้ว ควรจะหยุดได้แล้วและตัดใจเสียที
    เพราะว่าเขารู้ดีว่าเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อมีความหมายในชีวิตของผู้ชายที่ชื่อคริสเลย...






    .



    .



    .



    .




    .





    คยองซูวิ่งมาถึงสนามบาสจนได้...เขาคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนนอกจากที่นี่อีกแล้ว
    เขาคิดถึงจงอิน – คิดถึงมากซะจนคิดว่าหากได้เห็นหน้าจงอิน 
    น้ำตาที่ไหลพร่างพรูบนแก้มเขาคงจะเหือดแห้งลงไปได้ 
    ในตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากการที่ได้ระบายกับใครซักคน...และคนๆนั้นต้องเป็นจงอินเท่านั้น


    หากแต่เมื่อวิ่งไปถึงสนามบาสที่มีเหล่านักกีฬาซ้อมกันอยู่เต็มสนามไปหมด
    เขากลับมองไม่เห็นจงอินในนั้นเลยซักนิด...




    ทั้งๆที่จงอินเป็นถึงกัปตันทีมบาส และเขามักจะโดดเด่นกว่าคนอื่นอยู่เสมอ
    แต่เพราะตอนนี้สายตาคยองซูมันพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา หรือว่าจงอินไม่อยู่ตรงนี้กันแน่นะ 
    เขาถึงได้มองไม่เห็นจงอินเลย...



    คยองซูรอจนการซ้อมครึ่งแรกผ่านไป...
    เขาจึงเดินลงมาหาเพื่อนร่วมคลาสของเขาคนหนึ่งที่ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่นักและเริ่มถามถึงจงอิน




    “เซฮุน...จงอินไปไหนเหรอ? ทำไมฉันถึงไม่เห็นเขาเลยล่ะ?” 




    “อ้าว! จงอินไม่ได้บอกนายเหรอ? เขาขอถอนตัวออกจากการแข่งขันครั้งนี้น่ะ”



    “ห๊า!! อะไรนะ...ไม่จริงอ่ะ เขาบอกฉันว่าช่วงนี้เขาตั้งใจซ้อมมากนี่นา”




    “เขาถอนตัวไปแล้วจริงๆ...ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร 
    ตอนแรกเขาตั้งใจจะลาออกจากชมรมนะ แต่โค้ชไม่ยอม
    เหมือนว่าเขาจะมีปัญหาอะไรซักอย่าง แต่เขาก็ไม่ยอมบอก โค้ชเลยให้เขาหยุดพักไปฤดูกาลหนึ่งก่อน
    หมดฤดูกาลนี้โค้ชถึงจะให้เขาเข้าทีมเหมือนเดิม อะไรกัน...ฉันนึกว่านายจะรู้เรื่องนี้ซะอีกคยองซู 
    นายเป็นเพื่อนเขาไม่ใช่เหรอ???”





    คยองซูชะงักนิ่ง...คำถามของเซฮุนทำให้คยองซูต้องใจกระตุกวูบ
    ทำไมที่ผ่านมาเขาถึงไม่เคยรู้เลยนะว่าจงอินกำลังมีปัญหาอะไร
    แล้วทำไมจงอินถึงไม่เคยบอกเขา...เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?




    “ฉ...ฉันไม่รู้เลย ขอบใจมากนะเซฮุน
    ไม่ต้องห่วง...ฉันจะลากเขากลับมาเข้าทีมเอง”




    “อืม...ฝากนายด้วยนะคยองซู ฟอร์มเราตกลงไปเยอะเมื่อไม่มีจงอินมัน 
    ฉันคิดว่าเราคงแพ้แน่ถ้าขืนมันยังเป็นอย่างนี้”



    เซฮุนพูดฝากฝัง...หากแต่ในหัวคยองซูตอนนี้ไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว
    เขารู้สึกหูอื้อไปหมด พร้อมทั้งเรื่องราวทุกอย่างที่ตีรวนอยู่ในหัวจนขมับทั้งสองข้างปวดตุบๆ



    คยองซูหยิบมือถือขึ้นโทรหาจงอินทันทีที่นึกได้...
    หากแต่เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณรับฝากข้อความ นั้นก็ทำให้คยองซูใจหายวูบ 
    น้ำตาพาลจะไหลลงมาอีกรอบอย่างช่วยไม่ได้


    มันเป็นเพราะอะไรนะ...ทำไมจงอินถึงหายไปอย่างนี้
    มันนานเท่าไหร่แล้วล่ะ ที่จงอินหายไปแต่เขาไม่ได้ใส่ใจจงอินเลย
    มันนานเท่าไหร่แล้วนะ ที่เบอร์โทรศัพท์ของจงอินไม่ได้ขึ้นโชว์ที่หน้าจอของเขามานานเท่าไหร่แล้ว?


    จงอินไม่เคยบอก – และเขาก็ไม่เคยถาม




    .




    .




    .





    นายไปอยู่ที่ไหนนะจงอิน...







    +TALK
    อันไรเตอร์นามว่า MR.SN0WMAN มิเคยแต่งฟิควันช็อตได้เลยค่ะ T T
    ตั้งใจไว้ตอนแรกว่าเป็นสามช็อตจบ! แต่ด้วยความเวิ่นเว้อส่วนตัว เลยทำให้ฟิคเรื่องนี้อาจจะยาวไปถึง 5 ช็อต!
    โอ้วมายก๊อด โอ้วแม่เจ้า...ปรารถนาว่าช็อตหน้าคงจะจบได้แล้ว
    เพราะว่าไรเตอร์ตัดครึ่งมาเพราะเห็นว่ามันยาวไป 555555555555
    ยังไงก็ค่อยๆอ่านกันไปเนอะรีดเดอร์ที่รัก คือถ้าใครตามไรเตอร์คนนี้ก็จะรู้ว่ามาอัพแน่ แต่มาช้าหน่อย T T
    ติดตามกันต่อไปแล้วกันนะคะ ขอโทษด้วยที่มาอัพทุกวันไม่ได้ 
    เพราะช่วงนี้มีงานเยอะจริงอะไรจริงอ่ะค่ะ ฮรืออออออออออออออออออ

    ไม่เม้าท์มอยเวิ่นเว้อละ ช็อตนี้ภาษาออกจะกระโหลกกะลาหน่อยนะคะ
    แต่เนื้อเรื่องไม่ไก่กาอาราเล่นะ เพราะงั้นอ่านแล้วตีความดีๆ ><
    ช็อตนี้แอบหวานปนดราม่า...แต่ตอนหน้าบำรุงตับรอไว้เลยนะ
    เพราะช็อตหน้ามันจะดราม่าเต็มรูปแบบ...

    จะจบยังไงก็แล้วแต่รีดเดอร์จะพิจารณาค่ะ ไรเตอร์ไม่สปอยล์แล้วกัน อิอิ
    ไปแล้วดีกว่า ไปแต่งไคโด้ต่อแล้วค่ะ 55555
    อ่านตอนนี้ให้สนุกนะ รัก
    รีดเดอร์ทุกคนค่ะ จุ๊บๆ >3 



    ©Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×