ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] ✚ :: THE APPLES :: ✚ [CHANYEOL x BAEKHYUN]*

    ลำดับตอนที่ #2 : ✚ SH0T 2 :: THE APPLE TW0

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 55


    Author : MidnightSunny
    Pairing : Chanyeol x Baekhyun
    Story by : Zenumist
    Rate : PG-15






    THE APPLES *








    ll CHAPTER ll








     

    การเดินชนกันที่ถนน...

    การคว้าหนังสือเล่มเดียวกันในห้องสมุด

    หรือใครบางคนที่เขาจะให้ผมได้เข้าไปยืนใต้ร่มในวันที่ฝนพรำ

     

    ผมเคยคิดว่าการตกหลุมรักน่าจะเป็นเรื่องพิเศษ

    แต่ความจริงแล้วมันกลับไม่มีอะไรเหมือนกับที่ผมจินตนาการไว้เลยซักนิด...

     

    ในฤดูร้อนปี 2009

    รักครั้งแรกของผมเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน...

     

     
     

     

    ผมจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่ร้อนที่สุดในรอบปี...

    ผมโดดเรียนแล้วเดินไปที่มินิมาร์ทข้างล่างตึกคณะดุริยศิลป์ที่เพิ่งเข้ามาเรียนได้ไม่ถึงสามเดือน

     
     

    ผมปล่อยให้คยองซูนั่งจดเล็คเชอร์วิชามิวสิคทีออรี่ไปคนเดียว และโดดออกมาข้างนอก

    ในตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะโดด แต่เพราะบรรยากาศที่ร้อนจนน่าอึดอัด

    กับการที่ต้องใส่เครื่องแบบถูกระเบียบตามที่นักศึกษาเข้าใหม่ควรจะทำมันทำให้ผมแทบจะตัวระเบิดตาย

     
     

    ผมซื้อน้ำอัดลมกระป๋องหนึ่งแล้วเดินไปที่ม้านั่งของใต้ตึกคณะ

    ที่ตรงนั้นมีลมโกรกและร่มรื่น ผู้คนมากมายมักจะไปใช้เวลาว่างกันตรงนั้นเต็มไปหมด

    ซึ่งวันนั้นผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องการลมพัดเย็นสบายอย่างไม่ต้องสงสัย

     
     

    ผมเดินไปนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่งที่ฟากหนึ่งของโต๊ะมีกลุ่มผู้ชายกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

    เพราะม้านั่งที่อื่นเต็มหมด ผมเลยต้องเดินเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะที่พวกเขาเว้นที่ไว้อย่างเสียไม่ได้

    โต๊ะของปาร์คชานยอล...

     
     

    ในตอนนั้นผมเองไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำ...

    และหน้าตาหรือท่าทางของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผมลุ่มหลงจนแทบจะเป็นบ้าเหมือนตอนนี้

    ผมจำได้ว่าที่เดินไปนั่งเพราะมันไม่มีที่ให้นั่งแล้วจริงๆ...มันก็เท่านั้น

     
     

    ผมใช้เวลาในการดื่มน้ำอัดลมกระป๋องเย็นเฉียบในมือไปเรื่อยเปื่อย

    ก่อนจะวางกระป๋องเอาไว้บนโต๊ะที่นั่งหันหลังอิงอยู่แล้วมองบรรยากาศรอบๆไปเรื่อยๆเพื่อรอเวลาเลิกคลาส

    ผมเห็นเขาเดินออกไป และไม่นานก็กลับเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับเครื่องดื่มในมือเต็มไปหมด

    เขาเดินเข้ามานั่งพูดคุยกับเพื่อนของเขา และผมจำได้ว่าเขาทำให้ผมรำคาญเอามากๆ

    เพราะนอกจากเขาจะเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย  และท่าทางร่าเริงจนดูเหมือนไร้สตินั้นทำให้ผมรู้สึก

    ว่าช่วงเวลาโดดเรียนอันแสนพิเศษของผมกำลังจะหมดไปแบบไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก

     
     

    ผมถอนหายใจออกมาครั้งที่สามสิบสี่เมื่อได้ยินเขากับเพื่อนๆกำลังเริ่มต้นบีทบ๊อกซ์และร้องเพลง

    ผมคว้าเอากระป๋องน้ำอัดลมที่วางไว้ขึ้นมาหมายจะจิบเพื่อคลายอารมณ์หงุดหงิด...

    หากแต่เมื่อหยิบขึ้นมามันก็ทำให้ผม...ประหลาดใจ

     

     

    ในเมื่อผมดื่มมันไปเกือบจะค่อนกระป๋องแล้ว

    แต่ในกระป๋องที่ผมคว้าขึ้นมากลับเป็นกระป๋องที่เพิ่งถูกเปิดและดื่มไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น...

    แล้วนี่มันกระป๋องของใคร?

     
     

    ผมหันไปมองที่คนที่นั่งข้างๆ ก่อนจะต้องเหลือกตา

    เมื่อเขาถือกระป๋องน้ำอัดลมยี่ห้อเดียวกับผม(และแน่นอนว่ามันเป็นของผม)กระดกขึ้นดื่ม

     
     

    “อ๊ะ!  ผมเผลออุทานออกมาเมื่อพยายามจะห้ามเขาแต่ก็ไม่ทัน

     
     

    เสียงของผมคงแผ่วเบามากเกินไปที่จะทำให้เขาได้ยิน

    เพราะกลุ่มเพื่อนของเขาที่กำลังร้องเพลงคลอกับกีต้าร์เสียงดังนั้นกำลังถูกบรรเลงจนดังก้องไปหมด

    ผมจึงทำได้แค่มองเขาดื่มน้ำของผมเข้าไปจนหมดกระป๋อง...

     
     

    ตึกตัก....ตึกตัก....

     
     

    หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาดเมื่อได้มองเขาดื่มโค๊กกระป๋องนั้นลงไปรวดเดียวหมด

    น่าตลกดีที่ทั้งๆที่เมื่อกี้ผมยังด่าว่าเขาน่ารำคาญอยู่เลย

    แต่ไหงตอนนี้ผมกลับคิดว่าเวลาที่ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงแบบนั้นมันถึงได้ดูเซ็กซี่นักก็ไม่รู้...

    ชิบหาย...อะไรของมึงวะแบคฮยอน

     
     

    ความรู้สึกแปลกๆก็เกิดขึ้นกับผมโดยที่เขาไม่ได้รับรู้....

    เรามีจูบทางอ้อมกันโดยที่เขาไม่แม้แต่จะรับรู้เลยซักนิด

     
     

    “แปลกจัง...ทำไมวันนี้ดื่มหมดกระป๋องเร็วกว่าปกติ มันระเหยเหรอวะ?”

     
     

    คำถามโง่ๆของชานยอลถูกถามออกมาหลังจากที่เขาวางกระป๋องลงกับโต๊ะ

    จงแดหันมาตอบชานยอลอย่างไม่ค่อยใส่ใจในขณะที่สายตาก็ไล่หาชื่อเพลงที่อยากจะร้องในหนังสือเพลง

    และอี้ชิงเพื่อนในกลุ่มอีกคนที่กำลังถือกีต้าร์ไว้ในมือก็ชะโงกหน้ามาช่วยจงแดเลือกเพลงที่จะร้องกันด้วย

     
     

    “วันนี้อากาศร้อน มึงคงจะหิวน้ำล่ะมั้งเลยคิดว่ามันมีนิดเดียว”

     
     

    “เออ อาจจะจริงของมึง...เฮ้ย กูว่าพอได้แล้ว อีกสิบห้านาทีจะเริ่มคลาสแล้วนะพวกมึง

    เดี๋ยวก็ไปสายหรอก...ถ้ากูไปสายอีกงวดนี้มีหวังโดนอาจารย์บ่นอีกแหงๆ”

     
     

    ชานยอลชักชวนให้เพื่อนๆเลิกร้องเพลงแล้วรีบขึ้นเรียน

    ผมแอบเหลือบไปเห็นจงแดยกนาฬิกาในมือขึ้นดูก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

     
     

    “เออจริงด้วย...กูว่ารีบไปกันเหอะ”

     
     

    จงแดเอ่ยชักชวนด้วยอีกคน...ก่อนที่อีกไม่กี่วินาทีต่อมา กีต้าร์และหนังสือเพลงก็ถูกเก็บหายไปจากสายตา

    ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเก็บของและขยะบนโต๊ะ

     
     

    “เฮ้ย เสร็จยังวะ?”

     
     

    เสียงของอี้ชิงที่ตอนนี้สะพายกระเป๋ากีต้าร์ขึ้นไว้ที่หลัง

    และจงแดที่เดินออกไปแล้วหันกลับมาถามชานยอลที่กำลังเก็บขยะบนโต๊ะอยู่

     
     

    “เออๆรออีกแปปนึง...เก็บขยะไปทิ้งแปป”

     
     

    เขาพูดพลางยัดถุงขนมลงไปในถุงใบใหญ่อีกใบ 

    ก่อนที่เขาจะเผลอคว้าโค๊กกระป๋องของเขาเองที่ผมวางเอาไว้เพราะไม่กล้าจะดื่มต่อขึ้นไปไว้ในมือ

     
     

    “อ๊ะ! ขอโทษทีนะครับ ผมนึกว่าขยะ”

     
     

    เขาหันมายิ้มให้ผมก่อนจะผงกหัวขอโทษ

    ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมมัวแต่อึ้งที่เขาหันมายิ้มให้ จึงไม่ได้ทำอะไรแม้แต่ตอบกลับ

    เขาวางกระป๋องลงที่เดิม ก่อนจะหันกลับหลังเดินไป

    จนไม่นานเท่าไหร่เขาก็หายลับไปจากสายตาของผม...

     
     

    ตึกตัก....ตึกตัก....ตึกตัก....ตึกตัก....

     

     

    หัวใจของผมเต้นระรัวเมื่อแผ่นหลังของเขาเดินหายไปเรื่อยๆ

    รู้สึกว่าตลกตัวเองจริงๆที่จู่ๆก็เป็นแบบนี้...

     
     

    ผมหันกลับไปมองกระป๋องน้ำเจ้าปัญหาก่อนจะหันกลับไปมองแผ่นหลังของผู้ชายตัวสูงที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ

     
     

    “อ่า...แล้วทำไมไม่บอกเขาไปวะแบคฮยอนว่าโค๊กกระป๋องนี้ไม่ใช่ของมึง”

     
     

    ผมกระซิบเบาๆกับตัวเองก่อนจะกัดริมฝีปาก

    ใบหน้าร้อนวูบวาบเมื่อได้คิดถึงรอยยิ้มที่เขาส่งมาขอโทษผมก่อนจะเดินจากไป

    ร่างกายของผมรู้สึกร้อนขึ้นมาทันทีทั้งๆที่ตอนนี้ลมก็กำลังพัดโกรกเย็นสบาย...

    ผมยกมือขึ้นวีลมเข้าไปที่หน้าที่ร้อนวูบวาบของตัวเอง

    กระหายอะไรซักอย่างที่จะมาช่วยทำให้ผมใจเย็นลงได้ในตอนนี้เหลือเกิน

     
     

    แล้วมันจะเป็นอะไรไปได้อีกล่ะ....

     
     

    ผมหันไปมองกระป๋องโค๊กที่วางไว้ก่อนจะคว้าขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ

    ก่อนจะตัดสินใจยกมันขึ้นดื่มช้าๆอย่างไม่เข้าใจตัวเองนัก...

    รู้สึกว่าใจเต้นแรงเมื่อได้รับรู้ว่าริมฝีปากกำลังสัมผัสกับความเย็นที่ปากกระป๋องโค๊ก

    สัมผัสที่ริมฝีปากอ่อนไหวมากจริงๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เป็นมาก่อน...

     
     

    การดื่มโค๊กของคนแปลกหน้า...ถ้าเป็นปกติผมควรต้องทิ้งมันไปแล้วซื้อใหม่นี่นา

    แล้วทำไมวันนั้นผมถึงยกมันขึ้นดื่มนะ...ไม่เข้าใจตัวเองเลย

    .
     

    .

    .

    ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ....

     

     

     

     

     

     

     

     ************

     



     

     

    ผมหลงรักเขาอย่างกระทันหัน...

    มันน่าอายและเหตุผลมันออกจะไร้สาระไปหน่อยด้วยซ้ำที่จะทำให้ใครซักคนตกหลุมรักได้

    แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นความรักของผมอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่สิ...แอบรักต่างหาก....

     
     

    ผมเอาแต่มองเขาเวลาพบเจอกันตามทางเดิน...หรือโรงอาหาร หรือแม้แต่เดินสวนกันในห้องน้ำ

    ตอนแรกคยองซูไม่รู้เรื่องนี้ แต่เขาเองก็ไม่ได้โง่ที่จะไม่รับรู้ความเปลี่ยนแปลงของผม

    เขาเองนั่นแหละที่เป็นคนไปหาประวัติของชานยอลมาให้ผม...เพราะเห็นผมไม่ทำอะไรซักทีนอกจากแอบมอง

    แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่นักหรอกครับ

    เพราะถึงจะรับรู้...ผมก็ยังไม่กล้าอยู่ดี

     

     

     
     

    “มึงมาสาย...”

     
     

     

    นี่เป็นคำแรกที่คยองซูพูดกับผม เขาพูดพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

    เมื่อผมเดินเข้าไปหาเขาแล้วทรุดตัวลงนั่งที่ข้างกัน

     
     

    “เออ...กูรู้แล้วน่า อาจารย์เพิ่งเทศน์มา ขอร้องอย่าซ้ำเติม”

     
     

    ผมปาดเหงื่อที่หน้าผากออกแล้วเริ่มบ่นกระปอดกระแปด

    คยองซูเบะปากออกมาเหมือนกับจะแหย่ให้ผมโมโหเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า

     
     

    “เออ...งั้นก็แปลว่ามึงรู้แล้วใช่มั้ย 

    ว่าเย็นนี้อาจารย์เรียกมึงเข้าไปช่วยกรอกระเบียนนักศึกษา”

     
     

    คยองซูถามในขณะที่มือก็ควานหาอะไรซักอย่างในกระเป๋าของเขา

    ผมกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายเมื่อได้รับรู้ถึงโทษทัณฑ์ที่ตัวเองต้องได้รับเพราะว่ามาสาย

     
     

    “เออรู้แล้ว...อาจารย์แม่.งก็งี้ตลอดแหละ

    ทำไมอาจารย์ชอบโบ้ยงานให้พวกเราทำจังวะ

    แทนที่ได้งานมาน่าจะทำให้มันเสร็จๆไป”

     
     

    “เพราะเค้ารู้ว่าจะมีพวกโง่ที่ชอบมาสายซ้ำๆซากๆอย่างมึงมาช่วยทำแทนไง

    มาสายเองจะบ่นอะไรวะ...แล้วนี่มึงกินข้าวเช้ารึยัง?”

     

    คยองซูที่ยังคงค้นหาอะไรซักอย่าง

    ในกระเป๋าใบใหญ่สีดำรูปดาวสีเหลืองที่สุดแสนจะแม่บ้านของมันอย่างขะมักเขม้น

    แล้วก้มหน้าก้มตาถามคำถามกับผม

     
     

    “ยัง...กูตื่นสายจะเอาเวลาที่ไหนไปกิน”

     
     

    “งั้นอ่ะ...นี่ข้าวเช้าของมึง รีบกินซะก่อนที่อาจารย์จะเข้าคลาส”

     
     

    คยองซูยกยิ้มในขณะที่มันเงยหน้าออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่

    ในมือมีแซนวิชห่อใหญ่กับนมพาสเจอร์ไรซ์กล่องหนึ่ง

    คยองซูวางมันตรงหน้าผมแล้วยักคิ้วทีหนึ่ง...และผมเองก็ยกคิ้วกลับไปเป็นเชิงถาม

     
     

    “จงอินมันไปรับกูที่บ้าน

    พอดีกูบ่นว่าหิวมันเลยแวะซื้อให้กูเมื่อเช้า...

    แล้วมันก็เลยซื้อมาฝากมึงด้วย”

     
     

    คยองซูตอบคำถามที่ผมแสดงออกมาทางสีหน้า...

    ผมกับคยองซูเป็นเพื่อนกันมานาน และผมกล้าบอกได้ว่าเราแทบจะกลายเป็นฝาแฝดกันอยู่แล้ว

    เพราะที่ไหนมีผมต้องมีเขาเสมอ...แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ก็ไม่แตกต่าง

    จนกระทั่งคยองซูมันมีแฟนไปนั่นแหละ เราถึงได้ห่างๆกันไปบ้าง

    แต่แน่นอนว่ามิตรภาพเรายังแน่นแฟ้นเหมือนเดิม...

     
     

    คยองซูมักจะพูดเรื่องผมให้แฟนของมันฟังเสมอ

    และมันทำให้จงอินรับรู้ได้ว่าผมเป็นเหมือนกับครอบครัวของคยองซู

    แต่ทั้งๆที่รู้อย่างนั้น ก็ขอแหย่เล่นหน่อยเถอะ...

     
     

    “อ่า...จงอินนี่แม่.งก็น่ารักเหมือนกันนะ ยังอุตส่าห์ซื้อมาฝากกูด้วย

    กูว่าเราก็คบเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วเนอะ 

    จุดๆนี้กูถือว่าแฟนเพื่อนก็เหมือนแฟนกูนั่นแหละคยองซูเอ๊ย”

     
     

    ผมยกยิ้มแหย่ก่อนจะยกมือขึ้นชกที่บ่ามันเบาๆ

    คยองซูยกยิ้มออกมาแหยๆก่อนจะทำหน้าเซ็งชีวิตใส่ผม

     
     

    “ลามปามนะมึงนี่...แต่ขอโทษทีเหอะ

    ถ้ากูไม่บ่นถึงมึงเมื่อเช้านี้มันก็คงไม่ซื้อหรอก

    มีอย่างที่ไหน กูโทรไปปลุกเป็นสิบรอบ แต่ไม่ยอมรับสาย”

     
     

    “เออ กูผิดไปแล้วน่า มึงอย่าพูดถึงมันอีกได้ป้ะ?

    แซนวิชนี่อร่อยดี พรุ่งนี้บอกจงอินซื้อมาให้กูอีกนะ

    ฝากบอกสามีกูด้วย...ว่ากูรักมัน”

     

     

    ผมกัดแซนวิชเข้าปากแล้วพูดแหย่

    คยองซูหยิบหนังสือในมือแล้วฟาดเข้ามาที่ไหล่ผมเบาๆไม่ได้จริงจังนัก

     

     

    “พูดมากระวังไม่มีปากไว้กินนะมึง...รีบๆกินเข้าไป เดี๋ยวอาจารย์จะเข้าแล้ว”

     

     

    คยองซูพูดจบ ก็เปิดหนังสือเล่มที่ฟาดผมออกอ่านต่อ

    และผมก็กินไปเงียบๆ จนกระทั่งอาจารย์เข้าคลาส...

     

     

     

     

     

     

      ************

     

     

     
     

     

    ฟู่วววววว....

     
     

    ผมถอนหายใจออกมาในขณะที่มือก็เขียนข้อมูลลงในแฟ้มระเบียนนักศึกษา

    หน้าที่ของผมในตอนนี้คือการกรอกข้อมูลที่นักศึกษาในชั้นปีส่งมาในระบบลงทะเบียนออนไลน์ลงกับฟอร์มในแฟ้ม

    มันน่าเบื่อ...และโคตรจะไร้สาระจริงๆที่ต้องมานั่งเขียนข้อมูลพวกนี้ยิกๆๆๆๆทั้งๆที่มันไม่ใช่งานของผม

    ถ้าจะให้นักศึกษาลงทะเบียนแบบออนไลน์ แล้วจะให้มาจดลงแฟ้มอีกทำไม...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

     
     

    ผมจรดปากกาและเขียนอย่างเสียไม่ได้...รู้สึกตาลายเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองข้อมูลในหน้าจอคอมพ์

    แล้วก็ต้องกลับมาก้มๆเงยๆจดมันลงในแฟ้มแบบนี้ร่วมสองชั่วโมงแล้ว

     

     

    ผมเลื่อนเมาส์ลงมาที่ประวัติของนักศีกษาคนต่อไป  ก่อนที่จะรู้สึกว่าหัวใจกระตุก...

    เพราะประวัติหน้านั้นเป็นประวัติของชานยอล...

    ผมรีบจรดข้อมูลที่ได้เห็นลงไปในแฟ้มเอกสาร ก่อนจะจดจำรายละเอียดในนั้นไว้ในหัว

     

     

    ชื่อ : ปาร์ค ชานยอล (Park Chan Yeol)

    ส่วนสูง : 185 cm                                   น้ำหนัก : 70 kg

     
     

    อร๊ากกกก...เขาหุ่นดีจังเลยอ่ะ


    ผมคิดออกมาในขณะที่จดข้อมูลลงไปในแฟ้มเบื้องหน้า

    ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองข้อมูลต่อไปแล้วเริ่มจดต่อ....

     

    สัญชาติ : เกาหลี                                  บ้านเกิด : กรุงโซล ประเทศเกาหลี

    วันเกิด : 27 พฤศจิกายน 1992            กรุ๊ปเลือด : A

     

     

    อ่า...เขาเลือดกรุ๊ปเอนี่เอง กะไว้แล้วไม่ผิด ผมคิดก่อนจะเขียนต่อ...

     

     

    ความสามารถพิเศษ: บีทบอกซ์, กีตาร์, กลอง

     

     

    รู้แล้วครับ....ผมรู้หมดแล้ววววว


    ผมคิดในขณะที่จดต่อ ยกยิ้มออกมาเพราะรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเขียน

    แต่มันยังขาดไปอีกอันนี่นา...เติมให้ดีกว่า เบสกีต้าร์ด้วย

     

     

    การศึกษาล่าสุด : Hyundae high school

    บ้านเลขที่:  521 อัพกูจอง 2 ดง คังนัมกู โซล 135112, ประเทศเกาหลีใต้

     
     

    อ๊ะ...นี่มันใกล้ๆบ้านป้าผมเลยนี่นา พรหมลิขิต...นี่มันพรหมลิขิตแน่ๆ

     

     
     

    ผมเอาแต่คิดอะไรคนเดียวไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่จดลงไปในแฟ้มเอกสาร...

    หัวเราะคนเดียวเงียบๆเมื่อได้บรรจงคัดลายมือด้วยตัวบรรจงลงไปในหน้าประวัติของชานยอล

     



     

    ในห้องพักอาจารย์ตอนเย็นๆแบบนี้มีเพียงผมและอาจารย์จุนมยอนที่กำลังนั่งพิมพ์งานอยู่ข้างๆเท่านั้น

    จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วทำลายความเงียบในห้องลงไปเสียสนิท...

     
     

    “อาจารย์คร๊าบบบ ผมมาแล้ววววว”

     
     

    น้ำเสียงร่าเริงของใครสักคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง...

    แต่โดยที่ไม่ต้องหันไปมองผมเองก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะผมแอบรักเขามาตั้งสามปีนะให้ตายทำไมผมจะจำไม่ได้!

    เสียงของ ปาร์ค ชานยอล.....

     
     

     

    “เอ้า...มาแล้วเหรอ?

    มานี่สิ...นายยังค้างเอกสารที่ต้องกรอกให้ฉันนะ

    แล้วก็รายงานของนายด้วย...ฉันจะให้นายเอากลับไปแก้”

     
     

    จุนมยอนกวักมือเรียกคนที่เดินมาจากทางข้างหลังของผมอย่างกระตือรือร้น

    ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง...รู้สึกว่าหัวใจเต้นทั้งๆที่ยังไม่ได้เห็นหน้าเขาเสียด้วยซ้ำ...

     
     

    “ห๊ะ...โธ่อาจารย์ ไม่เอาน่ะ...ผิดเล็กๆน้อยๆก็มองข้ามมันไปเหอะครับ

    ผมขี้เกียจเอาไปแก้แล้วนะ น่า....หยวนๆให้หน่อยเถอะ”

     
     

    ผมได้ยินเสียงของชานยอลอ้อนอาจารย์ที่ด้านหลังแล้วก็ต้องยกยิ้ม

    กำลังคิดว่าเขากำลังทำหน้าแบบไหนนะ ต้องน่ารักมากแน่ๆ...

     

     
     

    “ไม่ต้องมาพูดมาก! นั่งลงเลย...ข้างฉันนี่แหละ

    แล้วก็กรอกเอกสารของนายได้แล้ว!

    บยอน...นายน่ะพอได้แล้ว เอาแฟ้มมาให้ฉันแล้วกลับบ้านได้แล้ว”

     
     

    เสียงอาจารย์ที่เรียกชื่อนามสกุลของผมแล้วบอกให้ผมกลับ

    ผมรีบเก็บของลงกระเป๋าก่อนจะเดินเอาแฟ้มคืนไปให้อาจารย์

    มองแผ่นหลังของชานยอลที่กำลังนั่งเขียนอะไรขยุกขยิกอยู่ที่โต๊ะข้างๆอาจารย์จุนมยอน

     
     

    “นี่ครับ...” ผมกระซิบตอบอาจารย์ไป เพราะรู้สึกว่าถ้าพูดออกไปดังๆผมอาจจะเผลอบอกรักชานยอลออกไปก็ได้

     
     

    “อ่าฮะ...ขอบใจนายมาก แต่วันหลังก็อย่ามาสายให้มันบ่อยล่ะ

    นายกลับบ้านได้แล้วล่ะ แล้วเจอกันในคลาสพรุ่งนี้นะ”

     

     
     

    “อาจารย์...ขอไส้ดินสอหน่อย”

     
     

    ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร...ชานยอลก็พูดแทรกออกมาเสียก่อน

    เขายกมือขึ้นกดปุ่มที่ดินสอกดของเขาแรงๆสองสามที ก่อนจะหันไปขอไส้ดินสอที่จุนมยอน

     
     

    “อยู่ตรงหน้านั่นแหละ หาเอาเอง”

     
     

    จุนมยอนตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก...

     
     

    “ไม่เห็นมีเลย...อยู่ไหนกันนะ?”  ชานยอลกระซิบพลางควานหาของบนโต๊ะไปด้วย

     
     

    ส...ไส้ดินสอ! เขาอยากได้ไส้ดินสอ!!!

     
     

    ฉับพลันที่คิดได้ ผมก็รีบหยิบเอากระเป๋าดินสอสีแดงในกระเป๋าขึ้นมาควานหาไส้ดินสอทันที

    แต่คุณพระ...มันไปอยู่ที่ไหนกันนะ ทำไมผมถึงยังหามันไม่เจอล่ะ

    เวลาที่ต้องการมักจะหาไม่เจอเสมอเลย ไอ้ไส้ดินสอบ้า

    อ๊ะ! เจอแล้ว....

     
     

     

    “โอ้...นี่ไง ผมเจอไส้ดินสอแล้ว”

     





     

    แคร๊ง!!!!!

     

     

    เสียงของชานยอลที่ร้องขึ้นอย่างร่าเริงทำเอาผมต้องมือไม้อ่อนขึ้นมาทันที

    อ่า...ไม่ทันแล้ว เขาเจอมันแล้ว  ไม่มีประโยชน์ที่จะยื่นมันให้เขาแล้ว ฮือ....

     

     

    “อ้าว...ซุ่มซ่ามจริงๆเลยบยอน”

     
     

    จุนมยอนและชานยอลหันมามองทันที...หัวใจผมเต้นตึกตักขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ...

    ชั่ววินาทีเดียวเท่านั้นที่เขาหันมามองผม แล้วเขาก็หันกลับไปเขียนต่อ

    อ๊ากกก!!! ชานยอลหันมามองผม!  แต่มันดันเป็นตอนที่ผมทำตัวซุ่มซ่าม บ...บ้าที่สุด! T T

     
     

    “ผ...ผมขอโทษครับ”

     
     

    ผมกัดริมฝีปากอย่างเสียดาย ในขณะที่ก็ก้มลงเก็บปากกาและอุปกรณ์เครื่องเขียน

    ที่หล่นกระจัดกระจายจากกระเป๋าบนพื้นอย่างเงียบๆ

    รู้สึกอายที่ทำตัวเปิ่นๆต่อหน้าชานยอลลงไปจริงๆ

    และนั่นก็ทำให้ผมต้องรีบเก็บข้าวของยัดๆมันกลับไปในกระเป๋าดินสออย่างลวกๆ

     
     

    แต่เอ๊ะ....เหมือนจะมีอะไรหายไปซักอย่าง...

     

    แล้วมันคืออะไรกันล่ะ....

     

     
     

    ผมมองหาไปตามพื้นไปทั่วเมื่อเห็นว่าในกระเป๋ามีอุปกรณ์หายไปอย่างหนึ่งแต่ผมไม่รู้ว่าคืออะไร

    เข้าใจอารมณ์ผมไหมครับ แบบเวลาที่เปิดกระเป๋าออกดูแล้วรู้สึกว่ามันมีไม่ครบแต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไรน่ะ..

    แล้วมันอยู่ไหนกันล่ะเนี่ย....

     

     
     

    “เฮ้นาย...บยอน” เสียงของชานยอลทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเขาอย่างเสียไม่ได้

     

     
     

    ตึกตัก...ตึกตัก....ตึกตัก....

    พระเจ้า! อย่ามายิ้มให้กันแบบนั้นนะคนบ้า!!!!

    และโอ้มายบุดด้า!! เขาเรียกนามสกุลผม!!!!!!!!!!

     
     

     

    “อ...อะไร”

     

     

    ผมถามเขาอย่างตะกุกตะกัก

    รู้สึกว่าหัวใจกำลังจะหลุดออกมาเมื่อเขากำลังสบตาผมแบบนี้....

    เขาชี้มือพร้อมทั้งส่งสายตาไปที่พื้นห่างออกไปไม่ไกลนัก...

     

     
     

    ผมมองตามนิ้วเรียวยาวของเขาไปแล้วหัวใจก็เต้นตึกตัก...

    หันกลับไปมองเขาแล้วก็รู้สึกว่าหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว

    เมื่อได้มองรอยยิ้มกว้างๆที่ฉายบนใบหน้าของเขา

    เสียงทุ้มนุ่มของเขากำลังทำให้ผมเป็นบ้า...

     

     

     

     

    นั่นไง....

     

     

     

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

     

    “ไส้ดินสอน่ะ......















    TALK



    ไรเตอร์กำลังหลงรักบยอนแบคที่ตัวเองกำลังแต่ง T T

    มันชักจะน่ารักมากไปละ...ถ้าแกจะป๊อดได้โมเอร้ขนาดนี้นะบยอน T T

     

    มาต่อให้แล้วนะคะ ขอโทษที่หายไปนาน...

    คิดว่าตอนนี้ยาวแล้วนะ พอจะยกโทษให้กันได้ป่าว?

    สัญญาว่าจะรีบมาต่อให้เร็วที่สุดค่ะ ><

    แต่ก็ต้องตามเคลียร์เรื่องอื่นด้วย...แอร่ก ดองไว้เยอะเกินนนนน

     

    แอปเปิ้ลยังไม่โผล่มาเลย...

    เก็บไว้ให้รีดเดอร์ขบคิดเป็นปริศนาธรรมกันต่อไปก็แล้วกัน 5555555

    ไว้เจอกันแชปหน้าค่ะ...อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะ ^^

     

     

    ป.ล. อ่านแล้วไม่เม้นท์ระวังเค้าจะงอนนะ...

     

     

     

     

    ไรเตอร์นมน.






    © Tenpoints !
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×