คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ✚ SH0T 2 :: THE APPLE TW0
Pairing : Chanyeol x Baekhyun
Story by : Zenumist
Rate : PG-15
THE APPLES *
ll CHAPTER 2 ll
การเดินชนกันที่ถนน...
การคว้าหนังสือเล่มเดียวกันในห้องสมุด
หรือใครบางคนที่เขาจะให้ผมได้เข้าไปยืนใต้ร่มในวันที่ฝนพรำ
ผมเคยคิดว่าการตกหลุมรักน่าจะเป็นเรื่องพิเศษ
แต่ความจริงแล้วมันกลับไม่มีอะไรเหมือนกับที่ผมจินตนาการไว้เลยซักนิด...
ในฤดูร้อนปี 2009
รักครั้งแรกของผมเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน...
ผมจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่ร้อนที่สุดในรอบปี...
ผมโดดเรียนแล้วเดินไปที่มินิมาร์ทข้างล่างตึกคณะดุริยศิลป์ที่เพิ่งเข้ามาเรียนได้ไม่ถึงสามเดือน
ผมปล่อยให้คยองซูนั่งจดเล็คเชอร์วิชามิวสิคทีออรี่ไปคนเดียว และโดดออกมาข้างนอก
ในตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะโดด แต่เพราะบรรยากาศที่ร้อนจนน่าอึดอัด
กับการที่ต้องใส่เครื่องแบบถูกระเบียบตามที่นักศึกษาเข้าใหม่ควรจะทำมันทำให้ผมแทบจะตัวระเบิดตาย
ผมซื้อน้ำอัดลมกระป๋องหนึ่งแล้วเดินไปที่ม้านั่งของใต้ตึกคณะ
ที่ตรงนั้นมีลมโกรกและร่มรื่น ผู้คนมากมายมักจะไปใช้เวลาว่างกันตรงนั้นเต็มไปหมด
ซึ่งวันนั้นผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องการลมพัดเย็นสบายอย่างไม่ต้องสงสัย
ผมเดินไปนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่งที่ฟากหนึ่งของโต๊ะมีกลุ่มผู้ชายกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
เพราะม้านั่งที่อื่นเต็มหมด ผมเลยต้องเดินเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะที่พวกเขาเว้นที่ไว้อย่างเสียไม่ได้
โต๊ะของปาร์คชานยอล...
ในตอนนั้นผมเองไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำ...
และหน้าตาหรือท่าทางของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผมลุ่มหลงจนแทบจะเป็นบ้าเหมือนตอนนี้
ผมจำได้ว่าที่เดินไปนั่งเพราะมันไม่มีที่ให้นั่งแล้วจริงๆ...มันก็เท่านั้น
ผมใช้เวลาในการดื่มน้ำอัดลมกระป๋องเย็นเฉียบในมือไปเรื่อยเปื่อย
ก่อนจะวางกระป๋องเอาไว้บนโต๊ะที่นั่งหันหลังอิงอยู่แล้วมองบรรยากาศรอบๆไปเรื่อยๆเพื่อรอเวลาเลิกคลาส
ผมเห็นเขาเดินออกไป และไม่นานก็กลับเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับเครื่องดื่มในมือเต็มไปหมด
เขาเดินเข้ามานั่งพูดคุยกับเพื่อนของเขา และผมจำได้ว่าเขาทำให้ผมรำคาญเอามากๆ
เพราะนอกจากเขาจะเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย และท่าทางร่าเริงจนดูเหมือนไร้สตินั้นทำให้ผมรู้สึก
ว่าช่วงเวลาโดดเรียนอันแสนพิเศษของผมกำลังจะหมดไปแบบไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก
ผมถอนหายใจออกมาครั้งที่สามสิบสี่เมื่อได้ยินเขากับเพื่อนๆกำลังเริ่มต้นบีทบ๊อกซ์และร้องเพลง
ผมคว้าเอากระป๋องน้ำอัดลมที่วางไว้ขึ้นมาหมายจะจิบเพื่อคลายอารมณ์หงุดหงิด...
หากแต่เมื่อหยิบขึ้นมามันก็ทำให้ผม...ประหลาดใจ
ในเมื่อผมดื่มมันไปเกือบจะค่อนกระป๋องแล้ว
แต่ในกระป๋องที่ผมคว้าขึ้นมากลับเป็นกระป๋องที่เพิ่งถูกเปิดและดื่มไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น...
แล้วนี่มันกระป๋องของใคร?
ผมหันไปมองที่คนที่นั่งข้างๆ ก่อนจะต้องเหลือกตา
เมื่อเขาถือกระป๋องน้ำอัดลมยี่ห้อเดียวกับผม(และแน่นอนว่ามันเป็นของผม)กระดกขึ้นดื่ม
“อ๊ะ!” ผมเผลออุทานออกมาเมื่อพยายามจะห้ามเขาแต่ก็ไม่ทัน
เสียงของผมคงแผ่วเบามากเกินไปที่จะทำให้เขาได้ยิน
เพราะกลุ่มเพื่อนของเขาที่กำลังร้องเพลงคลอกับกีต้าร์เสียงดังนั้นกำลังถูกบรรเลงจนดังก้องไปหมด
ผมจึงทำได้แค่มองเขาดื่มน้ำของผมเข้าไปจนหมดกระป๋อง...
ตึกตัก....ตึกตัก....
หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาดเมื่อได้มองเขาดื่มโค๊กกระป๋องนั้นลงไปรวดเดียวหมด
น่าตลกดีที่ทั้งๆที่เมื่อกี้ผมยังด่าว่าเขาน่ารำคาญอยู่เลย
แต่ไหงตอนนี้ผมกลับคิดว่าเวลาที่ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงแบบนั้นมันถึงได้ดูเซ็กซี่นักก็ไม่รู้...
ชิบหาย...อะไรของมึงวะแบคฮยอน
ความรู้สึกแปลกๆก็เกิดขึ้นกับผมโดยที่เขาไม่ได้รับรู้....
เรามีจูบทางอ้อมกันโดยที่เขาไม่แม้แต่จะรับรู้เลยซักนิด
“แปลกจัง...ทำไมวันนี้ดื่มหมดกระป๋องเร็วกว่าปกติ มันระเหยเหรอวะ?”
คำถามโง่ๆของชานยอลถูกถามออกมาหลังจากที่เขาวางกระป๋องลงกับโต๊ะ
จงแดหันมาตอบชานยอลอย่างไม่ค่อยใส่ใจในขณะที่สายตาก็ไล่หาชื่อเพลงที่อยากจะร้องในหนังสือเพลง
และอี้ชิงเพื่อนในกลุ่มอีกคนที่กำลังถือกีต้าร์ไว้ในมือก็ชะโงกหน้ามาช่วยจงแดเลือกเพลงที่จะร้องกันด้วย
“วันนี้อากาศร้อน มึงคงจะหิวน้ำล่ะมั้งเลยคิดว่ามันมีนิดเดียว”
“เออ อาจจะจริงของมึง...เฮ้ย กูว่าพอได้แล้ว อีกสิบห้านาทีจะเริ่มคลาสแล้วนะพวกมึง
เดี๋ยวก็ไปสายหรอก...ถ้ากูไปสายอีกงวดนี้มีหวังโดนอาจารย์บ่นอีกแหงๆ”
ชานยอลชักชวนให้เพื่อนๆเลิกร้องเพลงแล้วรีบขึ้นเรียน
ผมแอบเหลือบไปเห็นจงแดยกนาฬิกาในมือขึ้นดูก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย
“เออจริงด้วย...กูว่ารีบไปกันเหอะ”
จงแดเอ่ยชักชวนด้วยอีกคน...ก่อนที่อีกไม่กี่วินาทีต่อมา กีต้าร์และหนังสือเพลงก็ถูกเก็บหายไปจากสายตา
ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเก็บของและขยะบนโต๊ะ
“เฮ้ย เสร็จยังวะ?”
เสียงของอี้ชิงที่ตอนนี้สะพายกระเป๋ากีต้าร์ขึ้นไว้ที่หลัง
และจงแดที่เดินออกไปแล้วหันกลับมาถามชานยอลที่กำลังเก็บขยะบนโต๊ะอยู่
“เออๆรออีกแปปนึง...เก็บขยะไปทิ้งแปป”
เขาพูดพลางยัดถุงขนมลงไปในถุงใบใหญ่อีกใบ
ก่อนที่เขาจะเผลอคว้าโค๊กกระป๋องของเขาเองที่ผมวางเอาไว้เพราะไม่กล้าจะดื่มต่อขึ้นไปไว้ในมือ
“อ๊ะ! ขอโทษทีนะครับ ผมนึกว่าขยะ”
เขาหันมายิ้มให้ผมก่อนจะผงกหัวขอโทษ
ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมมัวแต่อึ้งที่เขาหันมายิ้มให้ จึงไม่ได้ทำอะไรแม้แต่ตอบกลับ
เขาวางกระป๋องลงที่เดิม ก่อนจะหันกลับหลังเดินไป
จนไม่นานเท่าไหร่เขาก็หายลับไปจากสายตาของผม...
ตึกตัก....ตึกตัก....ตึกตัก....ตึกตัก....
หัวใจของผมเต้นระรัวเมื่อแผ่นหลังของเขาเดินหายไปเรื่อยๆ
รู้สึกว่าตลกตัวเองจริงๆที่จู่ๆก็เป็นแบบนี้...
ผมหันกลับไปมองกระป๋องน้ำเจ้าปัญหาก่อนจะหันกลับไปมองแผ่นหลังของผู้ชายตัวสูงที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ
“อ่า...แล้วทำไมไม่บอกเขาไปวะแบคฮยอนว่าโค๊กกระป๋องนี้ไม่ใช่ของมึง”
ผมกระซิบเบาๆกับตัวเองก่อนจะกัดริมฝีปาก
ใบหน้าร้อนวูบวาบเมื่อได้คิดถึงรอยยิ้มที่เขาส่งมาขอโทษผมก่อนจะเดินจากไป
ร่างกายของผมรู้สึกร้อนขึ้นมาทันทีทั้งๆที่ตอนนี้ลมก็กำลังพัดโกรกเย็นสบาย...
ผมยกมือขึ้นวีลมเข้าไปที่หน้าที่ร้อนวูบวาบของตัวเอง
กระหายอะไรซักอย่างที่จะมาช่วยทำให้ผมใจเย็นลงได้ในตอนนี้เหลือเกิน
แล้วมันจะเป็นอะไรไปได้อีกล่ะ....
ผมหันไปมองกระป๋องโค๊กที่วางไว้ก่อนจะคว้าขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ
ก่อนจะตัดสินใจยกมันขึ้นดื่มช้าๆอย่างไม่เข้าใจตัวเองนัก...
รู้สึกว่าใจเต้นแรงเมื่อได้รับรู้ว่าริมฝีปากกำลังสัมผัสกับความเย็นที่ปากกระป๋องโค๊ก
สัมผัสที่ริมฝีปากอ่อนไหวมากจริงๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เป็นมาก่อน...
การดื่มโค๊กของคนแปลกหน้า...ถ้าเป็นปกติผมควรต้องทิ้งมันไปแล้วซื้อใหม่นี่นา
แล้วทำไมวันนั้นผมถึงยกมันขึ้นดื่มนะ...ไม่เข้าใจตัวเองเลย
.
.
.
ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ....
ผมหลงรักเขาอย่างกระทันหัน...
มันน่าอายและเหตุผลมันออกจะไร้สาระไปหน่อยด้วยซ้ำที่จะทำให้ใครซักคนตกหลุมรักได้
แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นความรักของผมอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่สิ...แอบรักต่างหาก....
ผมเอาแต่มองเขาเวลาพบเจอกันตามทางเดิน...หรือโรงอาหาร หรือแม้แต่เดินสวนกันในห้องน้ำ
ตอนแรกคยองซูไม่รู้เรื่องนี้ แต่เขาเองก็ไม่ได้โง่ที่จะไม่รับรู้ความเปลี่ยนแปลงของผม
เขาเองนั่นแหละที่เป็นคนไปหาประวัติของชานยอลมาให้ผม...เพราะเห็นผมไม่ทำอะไรซักทีนอกจากแอบมอง
แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่นักหรอกครับ
เพราะถึงจะรับรู้...ผมก็ยังไม่กล้าอยู่ดี
“มึงมาสาย...”
นี่เป็นคำแรกที่คยองซูพูดกับผม เขาพูดพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
เมื่อผมเดินเข้าไปหาเขาแล้วทรุดตัวลงนั่งที่ข้างกัน
“เออ...กูรู้แล้วน่า อาจารย์เพิ่งเทศน์มา ขอร้องอย่าซ้ำเติม”
ผมปาดเหงื่อที่หน้าผากออกแล้วเริ่มบ่นกระปอดกระแปด
คยองซูเบะปากออกมาเหมือนกับจะแหย่ให้ผมโมโหเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า
“เออ...งั้นก็แปลว่ามึงรู้แล้วใช่มั้ย
ว่าเย็นนี้อาจารย์เรียกมึงเข้าไปช่วยกรอกระเบียนนักศึกษา”
คยองซูถามในขณะที่มือก็ควานหาอะไรซักอย่างในกระเป๋าของเขา
ผมกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายเมื่อได้รับรู้ถึงโทษทัณฑ์ที่ตัวเองต้องได้รับเพราะว่ามาสาย
“เออรู้แล้ว...อาจารย์แม่.งก็งี้ตลอดแหละ
ทำไมอาจารย์ชอบโบ้ยงานให้พวกเราทำจังวะ
แทนที่ได้งานมาน่าจะทำให้มันเสร็จๆไป”
“เพราะเค้ารู้ว่าจะมีพวกโง่ที่ชอบมาสายซ้ำๆซากๆอย่างมึงมาช่วยทำแทนไง
มาสายเองจะบ่นอะไรวะ...แล้วนี่มึงกินข้าวเช้ารึยัง?”
คยองซูที่ยังคงค้นหาอะไรซักอย่าง
ในกระเป๋าใบใหญ่สีดำรูปดาวสีเหลืองที่สุดแสนจะแม่บ้านของมันอย่างขะมักเขม้น
แล้วก้มหน้าก้มตาถามคำถามกับผม
“ยัง...กูตื่นสายจะเอาเวลาที่ไหนไปกิน”
“งั้นอ่ะ...นี่ข้าวเช้าของมึง รีบกินซะก่อนที่อาจารย์จะเข้าคลาส”
คยองซูยกยิ้มในขณะที่มันเงยหน้าออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่
ในมือมีแซนวิชห่อใหญ่กับนมพาสเจอร์ไรซ์กล่องหนึ่ง
คยองซูวางมันตรงหน้าผมแล้วยักคิ้วทีหนึ่ง...และผมเองก็ยกคิ้วกลับไปเป็นเชิงถาม
“จงอินมันไปรับกูที่บ้าน
พอดีกูบ่นว่าหิวมันเลยแวะซื้อให้กูเมื่อเช้า...
แล้วมันก็เลยซื้อมาฝากมึงด้วย”
คยองซูตอบคำถามที่ผมแสดงออกมาทางสีหน้า...
ผมกับคยองซูเป็นเพื่อนกันมานาน และผมกล้าบอกได้ว่าเราแทบจะกลายเป็นฝาแฝดกันอยู่แล้ว
เพราะที่ไหนมีผมต้องมีเขาเสมอ...แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ก็ไม่แตกต่าง
จนกระทั่งคยองซูมันมีแฟนไปนั่นแหละ เราถึงได้ห่างๆกันไปบ้าง
แต่แน่นอนว่ามิตรภาพเรายังแน่นแฟ้นเหมือนเดิม...
คยองซูมักจะพูดเรื่องผมให้แฟนของมันฟังเสมอ
และมันทำให้จงอินรับรู้ได้ว่าผมเป็นเหมือนกับครอบครัวของคยองซู
แต่ทั้งๆที่รู้อย่างนั้น ก็ขอแหย่เล่นหน่อยเถอะ...
“อ่า...จงอินนี่แม่.งก็น่ารักเหมือนกันนะ ยังอุตส่าห์ซื้อมาฝากกูด้วย
กูว่าเราก็คบเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วเนอะ
จุดๆนี้กูถือว่าแฟนเพื่อนก็เหมือนแฟนกูนั่นแหละคยองซูเอ๊ย”
ผมยกยิ้มแหย่ก่อนจะยกมือขึ้นชกที่บ่ามันเบาๆ
คยองซูยกยิ้มออกมาแหยๆก่อนจะทำหน้าเซ็งชีวิตใส่ผม
“ลามปามนะมึงนี่...แต่ขอโทษทีเหอะ
ถ้ากูไม่บ่นถึงมึงเมื่อเช้านี้มันก็คงไม่ซื้อหรอก
มีอย่างที่ไหน กูโทรไปปลุกเป็นสิบรอบ แต่ไม่ยอมรับสาย”
“เออ กูผิดไปแล้วน่า มึงอย่าพูดถึงมันอีกได้ป้ะ?
แซนวิชนี่อร่อยดี พรุ่งนี้บอกจงอินซื้อมาให้กูอีกนะ
ฝากบอกสามีกูด้วย...ว่ากูรักมัน”
ผมกัดแซนวิชเข้าปากแล้วพูดแหย่
คยองซูหยิบหนังสือในมือแล้วฟาดเข้ามาที่ไหล่ผมเบาๆไม่ได้จริงจังนัก
“พูดมากระวังไม่มีปากไว้กินนะมึง...รีบๆกินเข้าไป เดี๋ยวอาจารย์จะเข้าแล้ว”
คยองซูพูดจบ ก็เปิดหนังสือเล่มที่ฟาดผมออกอ่านต่อ
และผมก็กินไปเงียบๆ จนกระทั่งอาจารย์เข้าคลาส...
ฟู่วววววว....
ผมถอนหายใจออกมาในขณะที่มือก็เขียนข้อมูลลงในแฟ้มระเบียนนักศึกษา
หน้าที่ของผมในตอนนี้คือการกรอกข้อมูลที่นักศึกษาในชั้นปีส่งมาในระบบลงทะเบียนออนไลน์ลงกับฟอร์มในแฟ้ม
มันน่าเบื่อ...และโคตรจะไร้สาระจริงๆที่ต้องมานั่งเขียนข้อมูลพวกนี้ยิกๆๆๆๆทั้งๆที่มันไม่ใช่งานของผม
ถ้าจะให้นักศึกษาลงทะเบียนแบบออนไลน์ แล้วจะให้มาจดลงแฟ้มอีกทำไม...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ผมจรดปากกาและเขียนอย่างเสียไม่ได้...รู้สึกตาลายเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองข้อมูลในหน้าจอคอมพ์
แล้วก็ต้องกลับมาก้มๆเงยๆจดมันลงในแฟ้มแบบนี้ร่วมสองชั่วโมงแล้ว
ผมเลื่อนเมาส์ลงมาที่ประวัติของนักศีกษาคนต่อไป ก่อนที่จะรู้สึกว่าหัวใจกระตุก...
เพราะประวัติหน้านั้นเป็นประวัติของชานยอล...
ผมรีบจรดข้อมูลที่ได้เห็นลงไปในแฟ้มเอกสาร ก่อนจะจดจำรายละเอียดในนั้นไว้ในหัว
ชื่อ : ปาร์ค ชานยอล (Park Chan Yeol)
ส่วนสูง : 185 cm น้ำหนัก : 70 kg
อร๊ากกกก...เขาหุ่นดีจังเลยอ่ะ
ผมคิดออกมาในขณะที่จดข้อมูลลงไปในแฟ้มเบื้องหน้า
ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองข้อมูลต่อไปแล้วเริ่มจดต่อ....
สัญชาติ : เกาหลี บ้านเกิด : กรุงโซล ประเทศเกาหลี
วันเกิด : 27 พฤศจิกายน 1992 กรุ๊ปเลือด : A
อ่า...เขาเลือดกรุ๊ปเอนี่เอง กะไว้แล้วไม่ผิด ผมคิดก่อนจะเขียนต่อ...
ความสามารถพิเศษ: บีทบอกซ์, กีตาร์, กลอง
รู้แล้วครับ....ผมรู้หมดแล้ววววว
ผมคิดในขณะที่จดต่อ ยกยิ้มออกมาเพราะรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเขียน
แต่มันยังขาดไปอีกอันนี่นา...เติมให้ดีกว่า เบสกีต้าร์ด้วย
การศึกษาล่าสุด : Hyundae high school
บ้านเลขที่: 521 อัพกูจอง 2 ดง คังนัมกู โซล 135112, ประเทศเกาหลีใต้
อ๊ะ...นี่มันใกล้ๆบ้านป้าผมเลยนี่นา พรหมลิขิต...นี่มันพรหมลิขิตแน่ๆ
ผมเอาแต่คิดอะไรคนเดียวไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่จดลงไปในแฟ้มเอกสาร...
หัวเราะคนเดียวเงียบๆเมื่อได้บรรจงคัดลายมือด้วยตัวบรรจงลงไปในหน้าประวัติของชานยอล
ในห้องพักอาจารย์ตอนเย็นๆแบบนี้มีเพียงผมและอาจารย์จุนมยอนที่กำลังนั่งพิมพ์งานอยู่ข้างๆเท่านั้น
จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วทำลายความเงียบในห้องลงไปเสียสนิท...
“อาจารย์คร๊าบบบ ผมมาแล้ววววว”
น้ำเสียงร่าเริงของใครสักคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง...
แต่โดยที่ไม่ต้องหันไปมองผมเองก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะผมแอบรักเขามาตั้งสามปีนะให้ตายทำไมผมจะจำไม่ได้!
เสียงของ ปาร์ค ชานยอล.....
“เอ้า...มาแล้วเหรอ?
มานี่สิ...นายยังค้างเอกสารที่ต้องกรอกให้ฉันนะ
แล้วก็รายงานของนายด้วย...ฉันจะให้นายเอากลับไปแก้”
จุนมยอนกวักมือเรียกคนที่เดินมาจากทางข้างหลังของผมอย่างกระตือรือร้น
ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง...รู้สึกว่าหัวใจเต้นทั้งๆที่ยังไม่ได้เห็นหน้าเขาเสียด้วยซ้ำ...
“ห๊ะ...โธ่อาจารย์ ไม่เอาน่ะ...ผิดเล็กๆน้อยๆก็มองข้ามมันไปเหอะครับ
ผมขี้เกียจเอาไปแก้แล้วนะ น่า....หยวนๆให้หน่อยเถอะ”
ผมได้ยินเสียงของชานยอลอ้อนอาจารย์ที่ด้านหลังแล้วก็ต้องยกยิ้ม
กำลังคิดว่าเขากำลังทำหน้าแบบไหนนะ ต้องน่ารักมากแน่ๆ...
“ไม่ต้องมาพูดมาก! นั่งลงเลย...ข้างฉันนี่แหละ
แล้วก็กรอกเอกสารของนายได้แล้ว!
บยอน...นายน่ะพอได้แล้ว เอาแฟ้มมาให้ฉันแล้วกลับบ้านได้แล้ว”
เสียงอาจารย์ที่เรียกชื่อนามสกุลของผมแล้วบอกให้ผมกลับ
ผมรีบเก็บของลงกระเป๋าก่อนจะเดินเอาแฟ้มคืนไปให้อาจารย์
มองแผ่นหลังของชานยอลที่กำลังนั่งเขียนอะไรขยุกขยิกอยู่ที่โต๊ะข้างๆอาจารย์จุนมยอน
“นี่ครับ...” ผมกระซิบตอบอาจารย์ไป เพราะรู้สึกว่าถ้าพูดออกไปดังๆผมอาจจะเผลอบอกรักชานยอลออกไปก็ได้
“อ่าฮะ...ขอบใจนายมาก แต่วันหลังก็อย่ามาสายให้มันบ่อยล่ะ
นายกลับบ้านได้แล้วล่ะ แล้วเจอกันในคลาสพรุ่งนี้นะ”
“อาจารย์...ขอไส้ดินสอหน่อย”
ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร...ชานยอลก็พูดแทรกออกมาเสียก่อน
เขายกมือขึ้นกดปุ่มที่ดินสอกดของเขาแรงๆสองสามที ก่อนจะหันไปขอไส้ดินสอที่จุนมยอน
“อยู่ตรงหน้านั่นแหละ หาเอาเอง”
จุนมยอนตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก...
“ไม่เห็นมีเลย...อยู่ไหนกันนะ?” ชานยอลกระซิบพลางควานหาของบนโต๊ะไปด้วย
ส...ไส้ดินสอ! เขาอยากได้ไส้ดินสอ!!!
ฉับพลันที่คิดได้ ผมก็รีบหยิบเอากระเป๋าดินสอสีแดงในกระเป๋าขึ้นมาควานหาไส้ดินสอทันที
แต่คุณพระ...มันไปอยู่ที่ไหนกันนะ ทำไมผมถึงยังหามันไม่เจอล่ะ
เวลาที่ต้องการมักจะหาไม่เจอเสมอเลย ไอ้ไส้ดินสอบ้า
อ๊ะ! เจอแล้ว....
“โอ้...นี่ไง ผมเจอไส้ดินสอแล้ว”
แคร๊ง!!!!!
เสียงของชานยอลที่ร้องขึ้นอย่างร่าเริงทำเอาผมต้องมือไม้อ่อนขึ้นมาทันที
อ่า...ไม่ทันแล้ว เขาเจอมันแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะยื่นมันให้เขาแล้ว ฮือ....
“อ้าว...ซุ่มซ่ามจริงๆเลยบยอน”
จุนมยอนและชานยอลหันมามองทันที...หัวใจผมเต้นตึกตักขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ...
ชั่ววินาทีเดียวเท่านั้นที่เขาหันมามองผม แล้วเขาก็หันกลับไปเขียนต่อ
อ๊ากกก!!! ชานยอลหันมามองผม! แต่มันดันเป็นตอนที่ผมทำตัวซุ่มซ่าม บ...บ้าที่สุด! T T
“ผ...ผมขอโทษครับ”
ผมกัดริมฝีปากอย่างเสียดาย ในขณะที่ก็ก้มลงเก็บปากกาและอุปกรณ์เครื่องเขียน
ที่หล่นกระจัดกระจายจากกระเป๋าบนพื้นอย่างเงียบๆ
รู้สึกอายที่ทำตัวเปิ่นๆต่อหน้าชานยอลลงไปจริงๆ
และนั่นก็ทำให้ผมต้องรีบเก็บข้าวของยัดๆมันกลับไปในกระเป๋าดินสออย่างลวกๆ
แต่เอ๊ะ....เหมือนจะมีอะไรหายไปซักอย่าง...
แล้วมันคืออะไรกันล่ะ....
ผมมองหาไปตามพื้นไปทั่วเมื่อเห็นว่าในกระเป๋ามีอุปกรณ์หายไปอย่างหนึ่งแต่ผมไม่รู้ว่าคืออะไร
เข้าใจอารมณ์ผมไหมครับ แบบเวลาที่เปิดกระเป๋าออกดูแล้วรู้สึกว่ามันมีไม่ครบแต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไรน่ะ..
แล้วมันอยู่ไหนกันล่ะเนี่ย....
“เฮ้นาย...บยอน” เสียงของชานยอลทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเขาอย่างเสียไม่ได้
ตึกตัก...ตึกตัก....ตึกตัก....
พระเจ้า! อย่ามายิ้มให้กันแบบนั้นนะคนบ้า!!!!
และโอ้มายบุดด้า!! เขาเรียกนามสกุลผม!!!!!!!!!!
“อ...อะไร”
ผมถามเขาอย่างตะกุกตะกัก
รู้สึกว่าหัวใจกำลังจะหลุดออกมาเมื่อเขากำลังสบตาผมแบบนี้....
เขาชี้มือพร้อมทั้งส่งสายตาไปที่พื้นห่างออกไปไม่ไกลนัก...
ผมมองตามนิ้วเรียวยาวของเขาไปแล้วหัวใจก็เต้นตึกตัก...
หันกลับไปมองเขาแล้วก็รู้สึกว่าหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว
เมื่อได้มองรอยยิ้มกว้างๆที่ฉายบนใบหน้าของเขา
เสียงทุ้มนุ่มของเขากำลังทำให้ผมเป็นบ้า...
“นั่นไง....”
.
.
.
“ไส้ดินสอน่ะ......”
✚TALK
ไรเตอร์กำลังหลงรักบยอนแบคที่ตัวเองกำลังแต่ง T T
มันชักจะน่ารักมากไปละ...ถ้าแกจะป๊อดได้โมเอร้ขนาดนี้นะบยอน T T
มาต่อให้แล้วนะคะ ขอโทษที่หายไปนาน...
คิดว่าตอนนี้ยาวแล้วนะ พอจะยกโทษให้กันได้ป่าว?
สัญญาว่าจะรีบมาต่อให้เร็วที่สุดค่ะ ><
แต่ก็ต้องตามเคลียร์เรื่องอื่นด้วย...แอร่ก ดองไว้เยอะเกินนนนน
แอปเปิ้ลยังไม่โผล่มาเลย...
เก็บไว้ให้รีดเดอร์ขบคิดเป็นปริศนาธรรมกันต่อไปก็แล้วกัน 5555555
ไว้เจอกันแชปหน้าค่ะ...อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะ ^^
ป.ล. อ่านแล้วไม่เม้นท์ระวังเค้าจะงอนนะ...
♥ ไรเตอร์นมน.
ความคิดเห็น