คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ✚ :: L0VE N0TE :: 1
Rate : PG-15
LOVE NOTE*
- 1 -
ใครสักคนคงอาจจะเคยพบกับประสบการณ์ที่ไม่อยากจดจำมาแล้วทั้งนั้น แต่ก็แล้วแต่คนว่าเขาจะอยากให้มันเกิดขึ้นหรือไม่
ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากหรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆ ก็คือมันเกิดขึ้นกับผมมาแล้วอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง
และคงไม่มีวันที่ผมจะลบมันออกไปจากความทรงจำได้อย่างแน่นอน
ผมคงไม่บอกว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้แล้วผมจะอยากให้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผมนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เพราะถึงอย่างไรเสียคนเราก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้อยู่ดี
และที่สำคัญกว่านั้น มิใช่เพราะอดีตที่ผ่านมาหรอกหรือที่ทำให้เราเป็นเราในวันนี้
ผมคงได้แต่ขอบคุณวันที่ผ่านๆ มาเหล่านั้นที่ช่วยให้ผมเติบโตเป็นผมอย่างที่ผมเป็น
และผมก็คงต้องใช้ชีวิตของผมต่อไปในแบบที่ผมเติบโตมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ตามในอนาคตไม่ว่าใกล้หรือไกล
ส่วนเรื่องที่ไม่น่าจะจำของผมน่ะหรือ ???
ผมเจ็บปวดเหลือเกินที่ถูกบอกเลิกและคงต้องใช้มากกว่าเวลานักในการที่ผมจะผ่านพ้นมันมาได้
ผมทรมานอย่างมากมายที่ถูกทอดทิ้งและคงจะต้องใช้มากกว่าเรี่ยวแรงทั้งชีวิตที่ผ่านมาเพื่อฉุดดึงให้ผมกลับไปใช้ชีวิตปกติ
ทั้งๆ ที่ผมเองก็ใช้ชีวิตที่ผ่านมากับคนรักอย่างที่คิดดีแล้วว่าผมควรจะต้องรักอย่างไร
และสุดท้ายผมก็ตอบคำถามตัวเองไม่ได้อยู่ดี...
...ว่าสุดท้ายแล้วผมต้องรักยังไง...
Love Note
“เฮ้ นายๆ"
โดคยองซูสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาหันมาหาในขณะที่ชายหนุ่มกำลังมองไปยังกระดานเพื่อจดเนื้อหาของบทเรียนวันนี้ลงไปในสมุดอย่างตั้งใจ
เขาเงยหน้าขึ้นและก็มองเห็นใบหน้าของตัวการที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบและกำลังส่งยิ้มมาให้
“มีอะไรจงอิน" ถามกลับไปเบาๆ
“ขอยืมปากกาหน่อยสิ"
อีกฝ่ายกระซิบกลับมาด้วยไม่อยากรบกวนเพื่อนคนอื่นในชั้นเท่าไรนัก
"...พอดีว่าลืมเอากล่องดินสอมา...”
มือหนายกมือขึ้นไปเกาศีรษะเมื่อกำลังอธิบายเหตุผล
"...แล้วพอดีเพื่อนฉันก็ยัง...”
พูดได้เพียงเท่านั้นก็ต้องเงียบไปเพราะคนตัวเล็กอยู่ๆ ก็ยื่นปากกาที่กำลังใช้อยู่มาให้
“แล้วนายจะใช้อะไรล่ะ"
“ไม่เป็นไร ฉันใช้ดินสอเอาได้" ตอบกลับไปสบายๆ
"...เอาไปเถอะ แล้วรีบๆ หันกลับไปได้แล้ว
เดี๋ยวไม่รู้เรื่องกันพอดี"
พูดเสร็จก็ส่งรอยยิ้มกลับไปให้
อีกฝ่ายเห็นดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรต่อแต่รับปากกาแล้วหันกลับไปแต่โดยดี
โดคยองซูก้มตัวลงไปยังกระเป๋าสะพายใบสีเทาของตัวเองแล้วก็รื้ออยู่พักหนึ่งก่อนจะได้กระเป๋าดินสอติดมือกลับมา
เปิดมันออกและหยิบเอาดินสอกดออกมาแล้วเรียนต่อไปเหมือนเมื่อครู่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
จนเมื่อผ่านไปราวห้านาที เต่ากระดาษพับเองตัวหนึ่งก็ถูกส่งมาจากโต๊ะข้างหน้า
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปอีกครั้งและคิมจงอินก็ส่งยิ้มกลับมา
มือเรียวหยิบมันขึ้นมาจากตรงหน้าก่อนจะค่อยๆ แกะมันออกอย่างเบามือ
...ขอบคุณที่ให้ยืมนะ...
...แล้วก็เพิ่งได้ข่าวเรื่องนายกับรุ่นพี่คริส เสียใจด้วยนะ...
...ตั้งใจเรียนล่ะ...
ร่างเล็กไม่ได้เขียนอะไรตอบกลับไปแต่ค่อยๆ พับมันกลับคืนรูปร่างเดิม
และเก็บมันใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อนอกของตัวเองอย่างบรรจง
เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
คำพูดที่คนข้างหน้าส่งมาให้ยังสะท้อนอยู่ในหูและภาพความทรงจำต่างๆ ก็ฉายเข้ามาเหมือนจะตอกย้ำ
หยดน้ำใสๆ หยดหนึ่งก่อตัวที่ขอบตาแต่เขาก็เช็ดมันออกอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไรนัก
มองตรงไปหน้าห้องและลงมือจดบทเรียนต่อไป
“ไปกินข้าวที่ไหนอ้ะ"
คิมจงอินถามขึ้นเมื่อหมดชั่วโมงพลางคืนปากกามาให้คนตัวเล็ก
และทั้งสองคนลุกขึ้นพลางหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย
"ถ้ายังไงไปกินกับพวกเราก็ได้นะ"
พวกเราที่ร่างสูงพูดก็หมายถึงตัวเขาเองกับเพื่อนในกลุ่มอีกสองสามคนที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ
ใช่ว่าคยองซูจะไม่รู้จักคนเหล่านั้น เพราะเท่าที่จำได้ก็เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมปลายแล้ว
แต่เพราะตัวเขาเองที่ไปมีแฟนเลยห่างเหินจากเพื่อนๆ ไป นับรวมแล้วก็ร่วมสี่ปีได้แล้วกระมัง
“ไม่เป็นไรหรอก พวกนายไปเถอะ"
ชานยอลกับเซฮุนตามมาสมทบในเวลาไม่นานและทั้งสองคนก็ส่งยิ้มมาให้เขาเช่นเดียวกัน
"...ฉันไม่เป็นไรหรอก"
“ก็ถ้านายยืนยันว่าอย่างนั้น...”
จงอินพูดออกมาหลังจากที่จ้องมองอยู่เนิ่นนาน
และราวกับว่าสายตาดุดันของเขาจะมองทะลุความคิดได้ก็ไม่ปาน
"...แต่อย่าลืมนะ นายยังมีพวกเราเสมอ โอเคนะ"
“เวอร์ไปแล้วจงอิน" ร่างเล็กยิ้มกว้างกลับไป
"...แค่ฉันเลิกกับแฟนนะ ไม่ได้โลกแตกซะหน่อย"
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ดี" ร่างสูงตอบกลับไป
"...งั้นพวกเราไปล่ะนะ"
แล้วคิมจงอินก็ขยับกระเป๋าให้เข้าที่ก่อนที่จะหันหลังกลับและเดินออกไปกับกลุ่มเพื่อนของเขา
จากตรงที่ร่างเล็กยืนอยู่ก็มองเห็นได้ไม่ยากจากช่องกระเป๋าหลังสุดของร่างสูงว่ามันมีปากกาเสียบอยู่สองด้าม
ลืมเอากล่องดินสอมาเลยมาขอยืมปากกาเขาอย่างนั้นสินะ...
รอยยิ้มเล็กๆ ฉายขึ้นมาบนใบหน้า ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่จะขยับขาทั้งสองข้างตรงไปหาอีกสามคนที่เดินนำไปค่อนข้างไกลแล้ว
มือเรียวสะกิดที่ไหล่ของจงอินและเขาก็หันกลับมา
“ถ้าพวกนายไม่ว่าอะไร...” เขาเริ่ม "...ขอไปด้วยคนนะ"
Love Note
“แล้วหลังจากนั้นนะ...”
ชานยอลยังคงหัวเราะไม่หยุดเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่ฟังเรื่องเล่าของเขา ไม่เว้นแม้แต่คยองซู
จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาได้ราวอาทิตย์หนึ่งแล้วหลังจากที่เขาเพิ่งเลิกกับแฟนไป
และหลังจากวันที่จงอินมาชวนไปกินข้าวด้วยกันวันนั้น
ก็กลายเป็นภาพที่คุ้นตาไปแล้วว่าชายหนุ่มจะมานั่งด้วยเสมอในตอนเที่ยง
“จริงเหรอ เซฮุนอ้ะนะ...”
ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อถามถึงเรื่องของเซฮุนที่ชานยอลเพิ่งเล่าจบไป
รูปปากบิดออกเป็นรอยยิ้มกว้าง และเสียงหัวเราะก็ดังออกมาจากในลำคอ
"...ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่านายจะเปิ่นขนาดนั้น ตอน ม. ปลายก็ยังเท่ห์ๆ อยู่เลยนี่"
เซฮุนไม่ได้พูดอะไรนอกจากปล่อยให้ใบหน้าขาวเนียนขึ้นสีช้าๆ ด้วยความเขินอาย
ด้วยเพื่อนตัวแสบของเขาเพิ่งเอาเรื่องที่เขาไปจีบคนอื่นมาเผาเสียจนไม่เหลืออะไร
ทั้งเรื่องที่เขาเปลี่ยนจากนักบาสสุดเท่ห์กลายเป็นผู้ชายเชื่องๆ ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เรียบร้อยสุดๆ
และทำท่าเหมือนกระดิกหางได้เวลาที่ได้คุยกับคนที่ตัวเองกำลังแอบชอบ
“จริงๆ" ชานยอลยังขำไม่เลิก
"...ไม่เชื่อนายคอยสังเกตเองก็ได้นะ อ้าวพูดถึงก็มาโน่นแล้วไง"
ทุกคนในโต๊ะแทบจะหันไปยังฝั่งที่ชานยอลมองพร้อมๆ กัน
ที่ตรงนั้นชายร่างบางคนหนึ่งกำลังเดินตรงมายังโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่
เซฮุนลุกขึ้นยืนโดยอัตโนมัติ สองมือปัดเสื้อให้เข้าที่เข้าทางและดูดีที่สุด
รอยยิ้มกว้างฉายอยู่บนใบหน้า และดวงตาก็ส่องประกายแห่งความสุขออกมาโดยไม่ต้องพยายาม
“ดูซะคยองซู...” ชานยอลชี้ให้ดู
"...ฉันบอกแล้ว เซฮุนมันกระดิกหางทุกครั้งแหละเวลาเจอลู่หานน่ะ"
คนตัวเล็กอมยิ้มน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายชี้ให้เขาดูอาการดีใจจนออกนอกหน้านั้น
แต่จะว่าไปก็ว่าเซฮุนก็คงไม่ได้
เขาเองก็คงมีอาการแบบเดียวกันนี้ตอนที่มีความรักที่กำลังเบ่งบาน
และก็ไม่แน่ว่าอาจจะรู้สึกอยู่แบบนั้นแม้จะเป็นวันที่เขาโดนบอกเลิกก็ตาม
รอยยิ้มนั้นหมองลงไปเล็กน้อยเมื่อเรื่องพวกนั้นย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง
“เป็นไงบ้าง เรียนหนักมั้ย"
เสียงทักทายดังขึ้นจากปากเล็กๆ ของเซฮุนก่อนจะเดินตรงไปช่วยลู่หานถือของมาที่โต๊ะ
อีกฝ่ายหนึ่งก็ดูคุ้นเคยกับคนที่เหลือยกเว้นคยองซูเป็นอย่างดี
คงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเซฮุนถึงได้มีอาการมากก็ในเมื่อคนตัวบางนั้นมีนิสัยน่ารักมากขนาดนี้
แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ก็คงไม่ใช่อารมณ์ที่จะมาร่วมยินดีมีความสุขไปกับความรักของคนอื่นเท่าไรนัก
รอยยิ้มนั้นก็ยังคงอยู่บนใบหน้าของร่างเล็กเหมือนอย่างคนอื่น
เพียงแต่ข้างในเท่านั้นที่ไม่ปกติ
“ไปเดินเล่นข้างนอกมั้ย"
“เห?”
“ไปจากเรื่องพวกนี้สักแป๊ป"
จงอินพูดต่อไปด้วยเสียงกระซิบ
"...นายไม่จำเป็นต้องทนนะถ้าไม่อยาก"
“ได้ไง เพื่อนนายกับแฟนเพื่อนนายนะ" ถามกลับไป
“ก็เพราะเป็นเพื่อนกันก็เลยเข้าใจกันไง"
ร่างสูงยิ้มกลับมา "...ไปเถอะ ไปเดินเล่นกัน...”
แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนโดยไม่รอให้คยองซูพูดอะไรต่อไปอีก
"...เฮ้ ไปเดินเล่นข้างนอกนะ
ถ้าพวกนายกินเสร็จแล้วก็ไปกันก่อนเลยก็ได้ไม่ต้องรอ...”
หันไปพูดกับทั้งโต๊ะที่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ทักท้วงอะไรก่อนจะหันกลับมาหาคนตัวเล็กอีกครั้งหนึ่ง
"...เอ้า เร็วสินาย"
ดังนั้นไม่นานหลังจากนั้นคยองซูจึงออกมาเดินเล่นอยู่ในสวนกับอดีตเพื่อนสนิทที่ห่างหายกันไป
เขาเองรู้สึกขอบคุณจงอินอยู่ลึกๆ
เพราะก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะกลั้นใจทนต่อไปได้อีกสักเท่าไรในเมื่อภาพความทรงจำเก่าๆ ก็เอาแต่รื้อฟื้นขึ้นมา
และถึงแม้พอออกมาข้างนอกแล้วจะเป็นความเงียบงันที่อยู่ระหว่างคนสองคน
มันก็ยังน่าอึดอัดน้อยกว่าเมื่อนั่งอยู่ในบทสนทนาที่เขาไม่อยากรับฟังหลายต่อหลายเท่านัก
“ชิงช้าป่ะ"
โดคยองซูเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่ออีกฝ่ายถามพลางชี้ไปยังชิงช้าผู้ใหญ่สองสามอันที่แขวนเรียงรายอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างตึกของมหาวิทยาลัย
อากาศตอนกลางวันนี่ก็คงไม่เหมาะที่จะไปใช้บริการมันเท่าไรนัก
แต่อย่างน้อยเงาของต้นไม้ก็ยังพอจะบังแดดให้ชิงช้าพวกนั้นกวักมือเรียกคนไปนั่งได้ในระดับหนึ่ง
“ตอนนี้เนี่ยนะ?”
ย้อนถามกลับไปพลางแหงนหน้ามองดูพระอาทิตย์
"ร้อนตายพอดี"
“อะไร เห็นเมื่อตอนเด็กๆ นายยังชอบเล่นเลยเวลานายมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ...”
อีกฝ่ายยืนยันกลับมาพลางก้าวเดินตรงไปยังตัวที่อยู่ริมสุด
"...มาเถอะน่า ไม่เหนื่อยหรอก
เดี๋ยวฉันไกวให้ นายแค่นั่งเฉยๆ ก็พอ"
เมื่อไม่สามารถหาทางปฏิเสธได้ประกอบกับที่ร่างสูงก็ไปหยุดอยู่ที่ชิงช้าอันริมสุดและก็ทำท่าเชิญให้เขาไปนั่งด้วยแล้ว
โดคยองซูก็ต้องจำใจเดินเข้าไปนั่งในที่สุด
คิมจงอินย้ายไปยืนข้างหลัง สองมือแกร่งวางลงไปบนสายชิงช้าและเตรียมพร้อมที่จะแกว่งให้คนนั่งเหวี่ยงขึ้นไปสูงขึ้น
“เอาสูงป่ะ"
“ไม่ต้องสูงมากหรอก...” ตอบกลับไปโดยไม่มองหน้า
"เดี๋ยวนายเหนื่อย"
“งั้นถ้าฉันบอกว่าไม่เหนื่อยก็ไกวสูงได้สิ?”
“ไม่ต้องเลยไอ้ตัวแสบ"
ตอบกลับไปพลางเกาะที่นั่งแน่นขึ้น
รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยปลอดภัยในเงื้อมมือของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
"...ไม่ต้องเลยนะ"
“หะหะหะ...” คิมจงอินหัวเราะออกมาเบาๆ
"...รู้อยู่แล้วน่าไม่แกล้งหรอก หน้าซีดไปได้...”
แล้วเขาก็เริ่มต้นโยกไหวให้เจ้าชิงช้านั้นเคลื่อนขึ้นและลงช้าๆ
คนตัวเล็กลอยสูงขึ้นจากพื้นทีละน้อยๆ อยู่ในการควบคุมของคนตัวสูง
และถึงแม้มันจะไม่ได้สูงมากมายนักแต่เขาก็รู้สึกดียามที่มีลมพัดมาปะทะใบหน้าและร่างกายนั้นก็ยกลอยเหนือพื้นขึ้นไป
ตอนที่กลับลงมาเองก็เช่นกันที่พื้นรองเท้าเกือบๆ จะลากดินและก็ไกวกลับไปข้างหลัง
ก่อนจะเป็นอย่างเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก
“ถามหน่อยสิ" ร่างสูงถามขึ้นมา
"...ทำไมนายกับรุ่นพี่คริสถึงเลิกกัน"
รอยยิ้มนั้นจืดลงไปแทบจะในทันทีและสีหน้าของคยองซูเองก็เปลี่ยนไป
แต่ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจหรือไม่อยากตอบคำถาม
ตรงกันข้าม ใบหน้าที่ก้มลงเล็กน้อยเหมือนกับจะครุ่นคิดหาคำตอบมากกว่า
และเมื่อเรียวปากเล็กขยับเป็นคำพูดอีกครั้งมันก็เบาเสียจนร่างสูงแทบจะไม่ได้ยิน
“เรื่องนั้นเขาเองก็ไม่ได้บอกฉันเหมือนกัน...”
หันไปมองหน้าคนที่กำลังไกวชิงช้าพร้อมกับยิ้มเศร้าๆ
จังหวะของชิงช้าเริ่มช้าลงทีละเล็กทีละน้อย
"...ไม่รู้นะ สำหรับฉัน ไอ้คำที่ว่าฉันดีเกินไปสำหรับเขา มันฟังไม่ขึ้นสักนิด"
“อืม ฉันเข้าใจนะ ขอโทษด้วยที่ถาม" พูดออกมาอีกครั้งเมื่อชิงช้าหยุดลง
"...นายอยากคุยต่อหรือเปล่า"
“ถามมาเถอะ ถ้าตอบได้ฉันก็ตอบ...” ยิ้มกลับไปอีกครั้ง
"...กับนายฉันไม่เคยมีความลับ
แล้วก็คงไม่จำเป็นต้องมีด้วยล่ะมั้ง"
ร่างสูงค่อยๆ เดินไปนั่งบนชิงช้าตัวที่อยู่ใกล้ๆ กัน
ไกวน้อยๆ พอให้มันขยับไปตามหน้าที่ของมัน
คยองซูที่เห็นก็ทำตามบ้าง
ชิงช้าสองอันขยับขึ้นขยับลงราวกับว่าเวลานั้นค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปอย่างไม่เร่งร้อน
“ถ้านายว่ามันฟังไม่ขึ้น..." เริ่มถามอีกครั้ง "...แล้วนายเชื่อว่ายังไงล่ะ"
“มันจะมีเหตุผลอะไรที่คนเราเลิกกันหลังจากคบกันมาตั้งสี่ปีกว่า...
อาจจะเป็นเพราะว่าฉันน่าเบื่อเกินไป
เพราะเราไม่เคยทะเลาะกันไม่เคยเถียงกัน เพราะว่าฉันยอม
คงเป็นเพราะอย่างนั้นล่ะมั้ง"
“ไม่คิดว่าเป็นเพราะเขาเลย?”
“ตอนนี้คงยังไม่คิดหรอก"
“ทั้งๆ ที่เขาก็ดูเป็นคนงี่เง่านะที่บอกเลิกนาย...”
ลองพูดออกไปลอยๆ เหมือนกับไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นการต่อว่า
"...ทั้งๆ แบบนั้นนายก็ยังคิดว่าเขาดีอีกล่ะสิ"
“เพิ่งอาทิตย์เดียวเองนะจงอิน
จะให้ฉันเลิกรักใครสักคน มันคงไม่เร็วขนาดนั้นมั้ง"
อีกครั้งที่รอยยิ้มเล็กๆ ฉายตรงมาให้ร่างสูง
"และถ้าเรารักใครสักคนมากๆ
มันคงยากนะที่จะมองให้คนที่เรารักเป็นคนไม่ดี
นายว่าอย่างนั้นไหม"
“ก็เพราะรักอีกสินะ...”
คิมจงอินไกวสูงขึ้นและเบนหน้ากลับไปมองตรงๆ ด้วยไม่อยากสบตากับคนตัวเล็กในตอนนี้สักเท่าไรนัก
"เหงาหรือเปล่านายอ้ะ"
“ก็แค่เหงา ไม่ตายหรอก"
“เออก็จริง"
กลืนคำว่าเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกันเท่าไรลงคอไป
มือหนาจิกเข้าด้วยกันอยู่บนสายชิงช้าและภาวนาให้ตัวเองรวบรวมความกล้าให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่เสียที
"นายยังมีฉันนะไม่ว่าจะยังไง"
ชิงช้าอันข้างขวาของจงอินหยุดเคลื่อนไหวแทบจะในทันทีที่ประโยคนั้นสุดลง
ร่างสูงค่อยๆ ชะลอจังหวะของตัวเองลงบ้างจนไปหยุดอยู่ข้างๆ กัน
ดวงตาดุดันค่อยๆ หันไปสบตากลมโตของคนตัวเล็ก ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
และจงอินก็ได้เพียงแต่ขอร้องอยู่เงียบๆ ไม่ให้คนตัวเล็กพูดอะไรก็ตามที่อยู่ในใจของเขาออกมาในตอนนี้
“นายก็พูดแบบนี้ตลอดสินะ...” อีกฝ่ายพูดกลับมา
"...แต่ฉันอยากจะขอร้องอะไรนายอย่างนึงได้ไหม"
“อะไรล่ะ" พยายามรักษาน้ำเสียงให้มั่นคง
“อย่าเพิ่งชอบฉันตอนนี้เลย...” คยองซูพูดออกมาแผ่วเบาทว่าชัดเจน
"...ตอนนี้ฉันยังทำใจไม่ได้ ฉันยังเป็นคนอ่อนแอ...”
ดวงหน้านั้นก้มลงต่ำเหมือนจะเป็นการลำบากที่จะต้องพูดออกมาเช่นนั้น
"...ฉันยังไม่รู้ว่าถ้าพี่คริสกลับมาฉันจะตอบเขาว่ายังไง
และถ้าหากฉันเข้มแข็งผ่านมันไปได้และนายเกิดชอบฉันตอนนี้จริง
ฉันคงจะชอบนายไม่ยาก...”
เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
"...แต่มันก็จะเป็นแค่อารมณ์อ่อนไหวชั่ววูบของฉันเท่านั้น...”
ดวงตานั้นเป็นประกายเล็กน้อยเหมือนกับจะมีน้ำตาคลอ
"...เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งชอบฉันเลยนะ
เพราะฉันไม่อยากทำตัวไม่ดีกับนาย"
ราวกับจะมีเข็มสักพันเล่มแทงเข้าไปกลางอกของคิมจงอินหรือไม่ก็มีน้ำเย็นจัดสาดเข้าใส่หน้าเขาอย่างไรอย่างนั้น
แต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมากไปกว่ายิ้ม
รอยยิ้มที่เกิดขึ้นเพื่อจะแสดงความเข้าใจให้อีกคนสบายใจแม้ทั้งเนื้อทั้งตัวนั้นราวกับว่าจะหมดแรง
....แล้วจะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไรในเมื่อเขาละเมิดการขอร้องนั้นไปตั้งแต่เมื่อนานแสนนานมาแล้ว...
✚TALK
สวัสดีครับ ฟาคุ ฮาคุ (ไอซ์ฮาคุ) ครับ
หลังจากที่วันก่อนเพิ่งจบเรื่อง ROCK ไป
มาคราวนี้ก็ขอถือโอกาสอะไรสักอย่างลงอีกสักเรื่องเลยแล้วกันนะฮะ
จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ
แค่อยากจะบอกว่า
ขอฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะครับ
แล้วผมจะเอาฟิคมาฝากเรื่อยๆ ฮะ
ขอบคุณมากครับ
@ice_haku
ความคิดเห็น