ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ✚ SH0T 1 :: THE APPLE 0NE
Author : MidnightSunny
Pairing : Chanyeol x Baekhyun
Story by : Zenumist
Rate : PG-15
THE APPLES *
ll SH0T 1 ll
Pairing : Chanyeol x Baekhyun
Story by : Zenumist
Rate : PG-15
THE APPLES *
ll SH0T 1 ll
ผมทำได้แค่เพียงมองเขาอยู่ห่างๆ...
.
.
.
นี่เป็นความสัมพันธ์เพียงแค่ข้อเดียวที่ผมมีต่อเขา...
ผมชื่อ บยอน แบคฮยอน
และสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกโรคจิตชอบถ้ำมองคนที่ตัวเองแอบชอบ
และนั่นไงเขาอยู่ตรงนั้น...
...ปาร์ค ชานยอล...กำลังยืนอยู่ตรงนั้น
อา...เขาหัวเราะด้วย...
กำลังคุยอะไรกันนะ?...
อ่า...ดูท่าทางสนุกจัง...
อ๊ะ! ยัยผู้หญิงคนนั้น!!
ม...ไม่นะ...
เอามือนั่นออกไปเดี๋ยวนี้!!
“แบคฮยอน // ห๊ะ!!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดความคิดในหัวของผม...
ผมสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปมองใครคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาแล้วยกยิ้มให้
ให้ตายเหอะ...โด คยองซู นี่นายทำให้ฉันตกใจนะรู้บ้างรึเปล่า?
“มึงยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ?”
คยองซูยกคิ้วถามเมื่อเห็นว่าผมยกมือขึ้นมาทาบอกอย่างตกอกตกใจ
เขาเดินเข้ามาก่อนจะมองลงไปยังชั้นล่างของตึกฝั่งตรงข้ามที่ผมแอบมองชานยอลก่อนหน้านี้
ผมหันไปตามสายตาเขาก่อนจะพบว่าชานยอลเดินหายไปที่ไหนแล้วก็ไม่อาจทราบได้...
อา...เสียดายจังเลย...
“เปล่านี่...ไม่มีอะไร”
ผมแสร้งตอบปฏิเสธพลางยักไหล่ แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้เนียนเอาซะเลย
เพราะคยองซูกำลังยักไหล่...ส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วยกยิ้มอย่างรู้ทัน
“แอบมองชานยอลอยู่ล่ะสิท่า...
โถ บยอนแบคฮยอนผู้น่าสงสาร...”
“พูดมากน่า...ว่าแต่มึงเหอะ
คุยกับจงอินเสร็จแล้วหรือไง?”
“อืม...เสร็จแล้ว จงอินซื้อขนมมาให้น่ะ
อ่ะ...มันซื้อมาฝากมึงด้วย
ซื้อมาแก้ตัว เพราะบอกว่าวันนี้มีซ้อมตอนเย็นจะไม่กลับด้วย”
“เฮ้! งั้นวันนี้มึงก็ว่างอะดิ!
ไปเที่ยวกันเหอะ กูอยากกินแมคฯ
ได้ยินมาว่าตอนนี้เฟรนช์ฟรายลดตั้งห้าสิบเปอร์เซ็นเลยนะ!”
ผมชักชวนคยองซูอย่างอารมณ์ดี
เพราะนานๆทีจะได้มีเวลาไปไหนมาไหนกับคยองซูหลังเลิกเรียนบ้าง
ผมตามคยองซูที่เริ่มชักชวนให้ออกเดิน เขาหันมายกคิ้วให้ผมเป็นเชิงถาม...
“แล้ววันนี้ไม่เข้าชมรมหรือไง?”
“ไม่อ่ะ...โดด”
“มึงมันเลวว่ะแบคฮยอน”
“อืม...ก็ไม่ปฏิเสธนี่”
“กวนตีนมากไปแล้วรู้ตัวป่ะ?”
“เอ๊าะเหรอ...ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย”
“ไอ้.....สัส”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เสียงหยอกล้อของผมกับคยองซูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เราหัวเราะให้กันอย่างอารมณ์ดีตามประสาเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมต้น
เราเดินพูดคุยหยอกล้อกันไปตามทางเดินชั้นสองของตึกคณะดุริยางคศิลป์
ทอดถอนอารมณ์และต่อบทสนทนากันไม่ได้หยุด...
ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง...
และพวกเราต่างก็ใช้เวลาหลังจากมื้อกลางวันไปเข้าห้องสมุดเพื่อสืบค้นข้อมูลทำรายงาน
ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ
แต่ที่ไม่ปกติคือเมื่อครู่คยองซูได้รับโทรศัพท์จาก คิม จงอิน แฟนของเขาและถูกเรียกให้ออกไปพูดคุยกัน
คยองซูกับผมไม่ได้มีความลับต่อกัน หากแต่ผมก็รู้ว่ามันไม่เหมาะถ้าจะไปรบกวนเขาสองคนแบบนั้น
ผมจึงตัดสินใจยืนรอเขาที่หน้าห้องสมุดเพียงลำพัง...แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอกนะครับ
เพราะถ้าคยองซูไม่ได้ทิ้งผมเอาไว้
ผมก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นจุดยุทธศาสตร์ในการถ้ำมองชานยอลแบบเมื่อกี้แน่ๆ...
“แล้วสรุปจะไปใช่ไหม?”
“ถ้ากูบอกไม่ไปมึงจะยอมไหมล่ะครับ?”
“ไม่ยอมว่ะ...”
“งั้นมึงก็ได้คำตอบแล้ว”
"เอองั้นก็ -- ชิบหาย"
ผมที่ตั้งท่าจะต่อล้อต่อเถียงกับคยองซูก็ต้องหุบปากเงียบลงไป
เมื่อได้เห็นร่างสูงของใครบางคนกำลังเดินตรงมาทางเรา
ปาร์คชานยอลกำลังเดินมากับเพื่อนของเขา
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อ คิม จงแด เขาเป็นนักร้องในวงดนตรีของชานยอล...
พวกเขากำลังหัวเราะและพูดคุยกันไม่แตกต่างจากผมและคยองซู
แต่ที่ไม่เหมือนกันคือตอนนี้ผมกำลังเงียบกริบ...หัวใจเต้นรัวอย่างไม่น่าเชื่อ
ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...
โอ้พระเจ้า...เขากำลังเดินมาใกล้ผมแล้ว!!
“กูว่าคอร์ดนั้นน่ะต้องเปลี่ยนนะ...
เสียงแม่งไม่ได้เข้ากันเลย กูอาจต้องดร็อปคีย์ลงซักสองคีย์มึงว่าดีไหม?”
ชานยอลพูดกระซิบออกมาเบาๆอย่างร้อนใจ
ในขณะที่จงแดกำลังเดินกดมือถือไอโฟนราวกับแชทกับใครซักคนอยู่
จงแดพยักหน้ารับไปส่งๆก่อนจะตอบกลับ...
“เออ แล้วแต่มึงเลย...เอามึงสะดวก
กูร้องได้อยู่แล้ว...มึงก็รู้ว่ากูเทพ”
จงแดพูดในขณะที่สายตายังไม่ละออกจากหน้าจอไอโฟน
“ถุย! ครับ...ไอ้เสียงเทวดา
ไอ้...ไอ้เกรียนเทพบุตร”
ชานยอลแสร้งด่าจงแดในขณะที่เราเดินสวนกัน
ไหล่ของเขาเฉียดมาใกล้จนเกือบจะชนกับไหล่ของผม...
ผมแทบจะหยุดหายใจ หากแต่กลิ่นโคโลญจ์ที่วูบผ่านจมูกเข้ามาทำให้ผมต้องใจเต้น
แต่ไม่นะ...เขากำลังเดินผ่านผมไปแล้ว...
“งั้นเล่นคีย์ เอไมเนอร์แล้วกัน กูถนัดคีย์นี้นะ
ใช้คอร์ดไมเนอร์ก็ดีเหมือนกัน...เพลงจะอาจจะได้อารมณ์มากขึ้น”
จงแดตอบชานยอลอย่างนั้น...ในขณะที่เสียงของพวกเขาเริ่มแผ่วลงไปเรื่อยๆ
ผมล่ะอยากรู้จริงๆว่าชานยอลกำลังทำหน้าตาแบบไหน
ใจอยากจะหันไปแต่ก็ไม่กล้า...กลัวเขาจะรู้เอาว่าผมกำลังแอบฟังอยู่
“เออ...งั้นเดี๋ยววันนี้ลองเล่นเป็นเอไมเนอร์แล้วกัน
กูว่ารีบไปกันดีกว่า....เดี๋ยวอาจารย์เฉ่งกูอีก”
ผมได้ยินชานยอลกระซิบอย่างร้อนใจก่อนที่ผมจะได้ยินเขาทั้งสองคนออกเดินไปอย่างเร่งรีบ
คยองซูหยุดเดินแล้วหันไปมองพวกเขาทั้งสองคนก่อน...
ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายหันมองตามไปด้วย
ผมเห็นแผ่นหลังของเขาวิ่งไปไวๆแล้วก็ต้องยกมือขึ้นทาบอก
ยกยิ้มออกมาอย่างประหวั่นพรั่นพรึง เมื่อหัวใจกำลังเต้นรัวอย่างน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอก
ตึกตัก....ตึกตัก...ตึกตัก....
อา...เท่ห์จัง เขาคงคุยกับจงแดเรื่องซ้อมวงดนตรีของเขาสินะ
หัวใจนี่ก็บ้าจริง...ทำไมต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วยนะ...แค่เขาเดินผ่านไปเอง...
ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวเงียบๆ...หากแต่ก็ไม่พ้นสายตาจับผิดของคยองซู
เขาหลิ่วตามองผมแล้วยิ้มแซวผมแบบที่ทำให้ผมต้องเขินอายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“มองอะไรของมึงวะ?”
“เวลามึงเขินนี่ก็น่ารักดีเหมือนกันนะแบคฮยอน”
คยองซูหรี่ตามองผมก่อนจะจับคางผมเชยขึ้นแล้วบิดมันไปมาเพื่อมองมันอย่างพิจารณา
ผมสะบัดมือของคยองซูออกก่อนจะแสร้งทำท่าขนลุกขนชันใส่เขา
“เฮ้ย...เอามือออกไปเลย
แล้วก็กรุณาอย่าทำหน้าตากรุ้มกริ่มแบบนั้นใส่กูด้วย...กูขนลุก
ไม่งั้นกูไปฟ้องจงอินอย่าหาว่ากูไม่เตือนนะ”
ผมเบะปากใส่หน้าตากวนประสาทของคยองซู
มองเห็นเขาหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วส่งหมัดมาชกที่ไหล่ของผม
เราเริ่มออกเดินกันอีกครั้งแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังห้องสมุดทันที...
.
.
.
ทันทีที่เราจับจองที่นั่งบนโต๊ะตัวหนึ่งในห้องสมุดได้
ผมก็รีบหยิบเอาสมุด Weekly Planner ( ไรเตอร์ : ภาษาไทยเขาเรียกว่าอะไรอ่ะ?) ขึ้นมาเปิดหน้าล่าสุด
แล้วหยิบเอาปากกาเจลสีแดงแท่งโปรดขึ้นมา ก่อนจะวาดรูปหัวใจดวงเล็กๆ สองดวงตรงช่องของวันนี้
ผมมองหัวใจที่เพิ่งเขียนลงไปแล้วยกยิ้มออกมาบางๆอย่างมีความสุข
หากแต่ฉับพลันที่เงยหน้าขึ้นมามองคยองซูเท่านั้นแหละ...
ผมเลยต้องรีบเจื่อนยิ้มลง เพราะคยองซูกำลังมองมาอย่างหาเรื่องจะแซวผมอีกแล้ว
เขาส่ายหน้าให้ผมอย่างขันๆก่อนจะเอี้ยวตัวมาแย่งสมุดเล่มเล็กนั้นไปจากมือของผม...
“เฮ้อ...มึงนี่เพ้อเจ้อว่ะแบคฮยอน ไหนเอามาดูซิ...
อืม วันนี้มึงเจอชานยอลสองรอบ
เมื่อวานไม่เจอ...เออมิน่าล่ะเมื่อวานมึงถึงเหวี่ยงใส่กูจัง
โอ้มายก๊อด!!! วันก่อนหัวใจห้าดวง!
นี่มึงตามเขาไปบ้านหรือไง ทำไมเจอกันตั้งห้ารอบ!!”
คยองซูทำตาโตเมื่อได้ไล่นิ้วดูตามช่องวันที่ของผมย้อนหลัง
ผมรีบคว้ามันกลับมาถือไว้ก่อนจะจึ๊ปากอย่างขัดใจที่เพื่อนตัวดีชอบจิกกัดผมเสียจริง
ผมไม่ตอบคำถามหากแต่หลบสายตาคยองซูแล้วเสมองไปทางอื่น
ใช่ครับ...ผมมักจะเขียนหัวใจเอาไว้ เพื่อแทนจำนวนครั้งที่ผมได้พบชานยอลในแต่ละวัน
และนั่นกำลังทำให้คยองซูส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา
เขาหรี่ตาแล้วพรูลมหายใจยาว ก่อนจะมองตรงมาที่ผมอย่าง --- เรียกว่าไงดีละ เวทนา หรือว่า สงสาร
“มัวแต่ทำแบบนี้แล้วเมื่อไหร่เขาจะรู้วะแบคฮยอน
มึงต้องทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน? มึงต้องการอะไรกันแน่?
อยากจะสร้างสถิติผู้ชายที่แอบรักปาร์คชานยอลได้นานที่สุดหรือไง?”
คยองซูถามผมออกมาในขณะที่ยกมือขึ้นกอดอก...
ท่าทางของคยองซูตอนนี้ช่างน่าหมั่นไส้จริงๆ
แต่ผมรู้ดีว่าที่คยองซูทำแบบนี้ ก็เพราะว่าเขาเป็นห่วงผมนั่นแหละ
“กูไม่รู้ว่าต้องทำยังไง?” ผมตอบ...
“ก็บอกเขาไปสิ...มัวแต่มาทำอย่างนี้ชาติไหนเขาจะรู้ล่ะ”
“กูจะบอกเขาได้ยังไง ในเมื่อเขายังไม่รู้จักกูเลยด้วยซ้ำ”
“ก็ทำให้เขารู้จักมึงสิ...ทำยังไงก็ได้”
คยองซูยักไหล่พูดกับผมอย่างไม่ค่อยจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องยากเย็นอะไรนัก
ผมได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงไปในคอแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ
“มึงนี่พูดเหมือนมันทำง่ายนะ...
ถ้ามันง่ายขนาดนั้นป่านนี้กูคงเสียตัวให้เขาไปแล้วล่ะ
นี่แค่จะทักกูยังไม่กล้าเลย มันไม่มีโอกาส”
ผมวางสมุดในมือลงบนโต๊ะอย่างเบามือ น่าแปลกที่รักและทนุถนอมมันอย่างกับอะไรดี
ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากมายขนาดนั้นเสียหน่อย
มันก็เป็นแค่สมุดธรรมดา...
แต่เป็นสมุดธรรมดาที่มีหัวใจของผมอัดแน่นเอาไว้ทั้งเล่ม...
“มัวแต่รอโอกาสแล้วเมื่อไหร่จะได้บอกเขาวะแบคฮยอน...
กูไม่ได้อยากเห็นมึงอกหักหรืออะไรนะ...คือที่กูจะบอกก็คือ
ตอนนี้ตัวมึงก็เป็นเหมือนแค่อากาศธาตุ...ไม่ได้มีตัวตนในสายตาเขาเลยซักนิด
ถ้ามึงจะช่วยทำอะไรให้เขารู้บ้างว่ามีมึงยืนอยู่ตรงนี้...
มันจะไม่มีความหวังมากกว่าการเป็นสายลมที่พัดผ่านเขาหรือไง?”
คยองซูพูดเสียยาวเหยียด ก่อนที่จะขยับลุกขึ้นแล้วเดินหายไปที่หลังชั้นหนังสือ
ปล่อยผมให้อยู่ตามลำพังและครุ่นคิดกับถ้อยคำที่เขาเพิ่งพูดออกมา....
ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้เขาเห็นผมอยู่ในสายตาหรอกนะ
ทุกครั้งที่ผมเห็นเขา ผมแทบจะควบคุมตัวเองไม่เคยได้
ไม่เคยทำให้หัวใจหยุดเต้นแรงได้เลยซักครั้ง...
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องแค่เพียงเล็กน้อยอย่างเช่นกระพริบตา...เสยผม...
หรือแม้กระทั่งเสียงหัวเราะที่แว่วมาจากที่ไกลๆ
มันก็ทำให้หัวใจผมเต้นระห่ำราวกับมีมือปืนกลกระหน่ำยิงอยู่ข้างในนั้นได้ทุกที...
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้ผมได้แต่แอบมองเขาอยู่เรื่อยไปอย่างนี้
มันเป็นเพราะผมไม่กล้า...ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าหรือเริ่มทำอะไรทั้งนั้น
ผมไม่เคยกล้าพอ...
.
.
.
.
เหตุผลมันก็มีแค่นี้จริงๆ....
✚TALK
เรื่องนี้เป็นฟิคชานแบคเรื่องแรกที่เราแต่งค่ะ...
ปกติเป็นไคโด้ตลอด ไม่เคยแต่งชานแบคซักที
ขอฝากเนื้อฝากตัวกับแม่ยกชานแบคด้วยนะคะ ช่วยติดตามกันด้วยค่ะ
เรื่องนี้เป็นพล๊อตของเพื่อนเรานะคะ...
เราตีโจทย์พล๊อตเรื่องนี้ไม่ค่อยแตกเท่าไหร่ แต่ก็พยายามเขียนออกมาให้อ่านกันรู้เรื่องที่สุด
ตอนแรกอาจจะไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ค่ะ เราจะรีบเอาตอนสองมีลงให้เร็วที่สุดนะ T T
สำหรับรีดเดอร์หน้าเก่าที่รักไรเตอร์นมนเสมอมา...
ขอขอบคุณที่ติดตามกันมาถึงตอนนี้นะคะ ไม่โกรธกันใช่ไหมที่เปิดเพิ่มมาอีกเรื่องแล้ว 5555555
อย่าโกรธกันนะ...เรื่องเก่าไม่ได้ทิ้งนะคะ แต่เวลามีพล๊อตมาไรเตอร์จะเป็นโรคจิต
มันต้องเขียน ต้องแต่ง ไม่งั้นมันจะวนเวียนอยู่ในหัวคอยรบกวนจิตใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ อึไม่ออก T T
เพราะงั้น...เข้ามาอ่านแล้วมาเอ็นจอยด้วยกันเนอะๆๆๆ
ถ้ารักกันก็อย่าลืมช่วยกดโหวตให้ไรเตอร์ด้วยนะคะ...แล้วถ้ามันสนุกก็รบกวนบอกต่อกันด้วย ^^
แล้วเจอกันช็อตหน้านะคะ บ๊ายบายค่ะ <3
และสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกโรคจิตชอบถ้ำมองคนที่ตัวเองแอบชอบ
และนั่นไงเขาอยู่ตรงนั้น...
...ปาร์ค ชานยอล...กำลังยืนอยู่ตรงนั้น
อา...เขาหัวเราะด้วย...
กำลังคุยอะไรกันนะ?...
อ่า...ดูท่าทางสนุกจัง...
อ๊ะ! ยัยผู้หญิงคนนั้น!!
ม...ไม่นะ...
เอามือนั่นออกไปเดี๋ยวนี้!!
“แบคฮยอน // ห๊ะ!!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดความคิดในหัวของผม...
ผมสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปมองใครคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาแล้วยกยิ้มให้
ให้ตายเหอะ...โด คยองซู นี่นายทำให้ฉันตกใจนะรู้บ้างรึเปล่า?
“มึงยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ?”
คยองซูยกคิ้วถามเมื่อเห็นว่าผมยกมือขึ้นมาทาบอกอย่างตกอกตกใจ
เขาเดินเข้ามาก่อนจะมองลงไปยังชั้นล่างของตึกฝั่งตรงข้ามที่ผมแอบมองชานยอลก่อนหน้านี้
ผมหันไปตามสายตาเขาก่อนจะพบว่าชานยอลเดินหายไปที่ไหนแล้วก็ไม่อาจทราบได้...
อา...เสียดายจังเลย...
“เปล่านี่...ไม่มีอะไร”
ผมแสร้งตอบปฏิเสธพลางยักไหล่ แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้เนียนเอาซะเลย
เพราะคยองซูกำลังยักไหล่...ส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วยกยิ้มอย่างรู้ทัน
“แอบมองชานยอลอยู่ล่ะสิท่า...
โถ บยอนแบคฮยอนผู้น่าสงสาร...”
“พูดมากน่า...ว่าแต่มึงเหอะ
คุยกับจงอินเสร็จแล้วหรือไง?”
“อืม...เสร็จแล้ว จงอินซื้อขนมมาให้น่ะ
อ่ะ...มันซื้อมาฝากมึงด้วย
ซื้อมาแก้ตัว เพราะบอกว่าวันนี้มีซ้อมตอนเย็นจะไม่กลับด้วย”
“เฮ้! งั้นวันนี้มึงก็ว่างอะดิ!
ไปเที่ยวกันเหอะ กูอยากกินแมคฯ
ได้ยินมาว่าตอนนี้เฟรนช์ฟรายลดตั้งห้าสิบเปอร์เซ็นเลยนะ!”
ผมชักชวนคยองซูอย่างอารมณ์ดี
เพราะนานๆทีจะได้มีเวลาไปไหนมาไหนกับคยองซูหลังเลิกเรียนบ้าง
ผมตามคยองซูที่เริ่มชักชวนให้ออกเดิน เขาหันมายกคิ้วให้ผมเป็นเชิงถาม...
“แล้ววันนี้ไม่เข้าชมรมหรือไง?”
“ไม่อ่ะ...โดด”
“มึงมันเลวว่ะแบคฮยอน”
“อืม...ก็ไม่ปฏิเสธนี่”
“กวนตีนมากไปแล้วรู้ตัวป่ะ?”
“เอ๊าะเหรอ...ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย”
“ไอ้.....สัส”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เสียงหยอกล้อของผมกับคยองซูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เราหัวเราะให้กันอย่างอารมณ์ดีตามประสาเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมต้น
เราเดินพูดคุยหยอกล้อกันไปตามทางเดินชั้นสองของตึกคณะดุริยางคศิลป์
ทอดถอนอารมณ์และต่อบทสนทนากันไม่ได้หยุด...
ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง...
และพวกเราต่างก็ใช้เวลาหลังจากมื้อกลางวันไปเข้าห้องสมุดเพื่อสืบค้นข้อมูลทำรายงาน
ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ
แต่ที่ไม่ปกติคือเมื่อครู่คยองซูได้รับโทรศัพท์จาก คิม จงอิน แฟนของเขาและถูกเรียกให้ออกไปพูดคุยกัน
คยองซูกับผมไม่ได้มีความลับต่อกัน หากแต่ผมก็รู้ว่ามันไม่เหมาะถ้าจะไปรบกวนเขาสองคนแบบนั้น
ผมจึงตัดสินใจยืนรอเขาที่หน้าห้องสมุดเพียงลำพัง...แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอกนะครับ
เพราะถ้าคยองซูไม่ได้ทิ้งผมเอาไว้
ผมก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นจุดยุทธศาสตร์ในการถ้ำมองชานยอลแบบเมื่อกี้แน่ๆ...
“แล้วสรุปจะไปใช่ไหม?”
“ถ้ากูบอกไม่ไปมึงจะยอมไหมล่ะครับ?”
“ไม่ยอมว่ะ...”
“งั้นมึงก็ได้คำตอบแล้ว”
"เอองั้นก็ -- ชิบหาย"
ผมที่ตั้งท่าจะต่อล้อต่อเถียงกับคยองซูก็ต้องหุบปากเงียบลงไป
เมื่อได้เห็นร่างสูงของใครบางคนกำลังเดินตรงมาทางเรา
ปาร์คชานยอลกำลังเดินมากับเพื่อนของเขา
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อ คิม จงแด เขาเป็นนักร้องในวงดนตรีของชานยอล...
พวกเขากำลังหัวเราะและพูดคุยกันไม่แตกต่างจากผมและคยองซู
แต่ที่ไม่เหมือนกันคือตอนนี้ผมกำลังเงียบกริบ...หัวใจเต้นรัวอย่างไม่น่าเชื่อ
ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...
โอ้พระเจ้า...เขากำลังเดินมาใกล้ผมแล้ว!!
“กูว่าคอร์ดนั้นน่ะต้องเปลี่ยนนะ...
เสียงแม่งไม่ได้เข้ากันเลย กูอาจต้องดร็อปคีย์ลงซักสองคีย์มึงว่าดีไหม?”
ชานยอลพูดกระซิบออกมาเบาๆอย่างร้อนใจ
ในขณะที่จงแดกำลังเดินกดมือถือไอโฟนราวกับแชทกับใครซักคนอยู่
จงแดพยักหน้ารับไปส่งๆก่อนจะตอบกลับ...
“เออ แล้วแต่มึงเลย...เอามึงสะดวก
กูร้องได้อยู่แล้ว...มึงก็รู้ว่ากูเทพ”
จงแดพูดในขณะที่สายตายังไม่ละออกจากหน้าจอไอโฟน
“ถุย! ครับ...ไอ้เสียงเทวดา
ไอ้...ไอ้เกรียนเทพบุตร”
ชานยอลแสร้งด่าจงแดในขณะที่เราเดินสวนกัน
ไหล่ของเขาเฉียดมาใกล้จนเกือบจะชนกับไหล่ของผม...
ผมแทบจะหยุดหายใจ หากแต่กลิ่นโคโลญจ์ที่วูบผ่านจมูกเข้ามาทำให้ผมต้องใจเต้น
แต่ไม่นะ...เขากำลังเดินผ่านผมไปแล้ว...
“งั้นเล่นคีย์ เอไมเนอร์แล้วกัน กูถนัดคีย์นี้นะ
ใช้คอร์ดไมเนอร์ก็ดีเหมือนกัน...เพลงจะอาจจะได้อารมณ์มากขึ้น”
จงแดตอบชานยอลอย่างนั้น...ในขณะที่เสียงของพวกเขาเริ่มแผ่วลงไปเรื่อยๆ
ผมล่ะอยากรู้จริงๆว่าชานยอลกำลังทำหน้าตาแบบไหน
ใจอยากจะหันไปแต่ก็ไม่กล้า...กลัวเขาจะรู้เอาว่าผมกำลังแอบฟังอยู่
“เออ...งั้นเดี๋ยววันนี้ลองเล่นเป็นเอไมเนอร์แล้วกัน
กูว่ารีบไปกันดีกว่า....เดี๋ยวอาจารย์เฉ่งกูอีก”
ผมได้ยินชานยอลกระซิบอย่างร้อนใจก่อนที่ผมจะได้ยินเขาทั้งสองคนออกเดินไปอย่างเร่งรีบ
คยองซูหยุดเดินแล้วหันไปมองพวกเขาทั้งสองคนก่อน...
ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายหันมองตามไปด้วย
ผมเห็นแผ่นหลังของเขาวิ่งไปไวๆแล้วก็ต้องยกมือขึ้นทาบอก
ยกยิ้มออกมาอย่างประหวั่นพรั่นพรึง เมื่อหัวใจกำลังเต้นรัวอย่างน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอก
ตึกตัก....ตึกตัก...ตึกตัก....
อา...เท่ห์จัง เขาคงคุยกับจงแดเรื่องซ้อมวงดนตรีของเขาสินะ
หัวใจนี่ก็บ้าจริง...ทำไมต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วยนะ...แค่เขาเดินผ่านไปเอง...
ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวเงียบๆ...หากแต่ก็ไม่พ้นสายตาจับผิดของคยองซู
เขาหลิ่วตามองผมแล้วยิ้มแซวผมแบบที่ทำให้ผมต้องเขินอายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“มองอะไรของมึงวะ?”
“เวลามึงเขินนี่ก็น่ารักดีเหมือนกันนะแบคฮยอน”
คยองซูหรี่ตามองผมก่อนจะจับคางผมเชยขึ้นแล้วบิดมันไปมาเพื่อมองมันอย่างพิจารณา
ผมสะบัดมือของคยองซูออกก่อนจะแสร้งทำท่าขนลุกขนชันใส่เขา
“เฮ้ย...เอามือออกไปเลย
แล้วก็กรุณาอย่าทำหน้าตากรุ้มกริ่มแบบนั้นใส่กูด้วย...กูขนลุก
ไม่งั้นกูไปฟ้องจงอินอย่าหาว่ากูไม่เตือนนะ”
ผมเบะปากใส่หน้าตากวนประสาทของคยองซู
มองเห็นเขาหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วส่งหมัดมาชกที่ไหล่ของผม
เราเริ่มออกเดินกันอีกครั้งแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังห้องสมุดทันที...
.
.
.
ทันทีที่เราจับจองที่นั่งบนโต๊ะตัวหนึ่งในห้องสมุดได้
ผมก็รีบหยิบเอาสมุด Weekly Planner ( ไรเตอร์ : ภาษาไทยเขาเรียกว่าอะไรอ่ะ?) ขึ้นมาเปิดหน้าล่าสุด
แล้วหยิบเอาปากกาเจลสีแดงแท่งโปรดขึ้นมา ก่อนจะวาดรูปหัวใจดวงเล็กๆ สองดวงตรงช่องของวันนี้
ผมมองหัวใจที่เพิ่งเขียนลงไปแล้วยกยิ้มออกมาบางๆอย่างมีความสุข
หากแต่ฉับพลันที่เงยหน้าขึ้นมามองคยองซูเท่านั้นแหละ...
ผมเลยต้องรีบเจื่อนยิ้มลง เพราะคยองซูกำลังมองมาอย่างหาเรื่องจะแซวผมอีกแล้ว
เขาส่ายหน้าให้ผมอย่างขันๆก่อนจะเอี้ยวตัวมาแย่งสมุดเล่มเล็กนั้นไปจากมือของผม...
“เฮ้อ...มึงนี่เพ้อเจ้อว่ะแบคฮยอน ไหนเอามาดูซิ...
อืม วันนี้มึงเจอชานยอลสองรอบ
เมื่อวานไม่เจอ...เออมิน่าล่ะเมื่อวานมึงถึงเหวี่ยงใส่กูจัง
โอ้มายก๊อด!!! วันก่อนหัวใจห้าดวง!
นี่มึงตามเขาไปบ้านหรือไง ทำไมเจอกันตั้งห้ารอบ!!”
คยองซูทำตาโตเมื่อได้ไล่นิ้วดูตามช่องวันที่ของผมย้อนหลัง
ผมรีบคว้ามันกลับมาถือไว้ก่อนจะจึ๊ปากอย่างขัดใจที่เพื่อนตัวดีชอบจิกกัดผมเสียจริง
ผมไม่ตอบคำถามหากแต่หลบสายตาคยองซูแล้วเสมองไปทางอื่น
ใช่ครับ...ผมมักจะเขียนหัวใจเอาไว้ เพื่อแทนจำนวนครั้งที่ผมได้พบชานยอลในแต่ละวัน
และนั่นกำลังทำให้คยองซูส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา
เขาหรี่ตาแล้วพรูลมหายใจยาว ก่อนจะมองตรงมาที่ผมอย่าง --- เรียกว่าไงดีละ เวทนา หรือว่า สงสาร
“มัวแต่ทำแบบนี้แล้วเมื่อไหร่เขาจะรู้วะแบคฮยอน
มึงต้องทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน? มึงต้องการอะไรกันแน่?
อยากจะสร้างสถิติผู้ชายที่แอบรักปาร์คชานยอลได้นานที่สุดหรือไง?”
คยองซูถามผมออกมาในขณะที่ยกมือขึ้นกอดอก...
ท่าทางของคยองซูตอนนี้ช่างน่าหมั่นไส้จริงๆ
แต่ผมรู้ดีว่าที่คยองซูทำแบบนี้ ก็เพราะว่าเขาเป็นห่วงผมนั่นแหละ
“กูไม่รู้ว่าต้องทำยังไง?” ผมตอบ...
“ก็บอกเขาไปสิ...มัวแต่มาทำอย่างนี้ชาติไหนเขาจะรู้ล่ะ”
“กูจะบอกเขาได้ยังไง ในเมื่อเขายังไม่รู้จักกูเลยด้วยซ้ำ”
“ก็ทำให้เขารู้จักมึงสิ...ทำยังไงก็ได้”
คยองซูยักไหล่พูดกับผมอย่างไม่ค่อยจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องยากเย็นอะไรนัก
ผมได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงไปในคอแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ
“มึงนี่พูดเหมือนมันทำง่ายนะ...
ถ้ามันง่ายขนาดนั้นป่านนี้กูคงเสียตัวให้เขาไปแล้วล่ะ
นี่แค่จะทักกูยังไม่กล้าเลย มันไม่มีโอกาส”
ผมวางสมุดในมือลงบนโต๊ะอย่างเบามือ น่าแปลกที่รักและทนุถนอมมันอย่างกับอะไรดี
ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากมายขนาดนั้นเสียหน่อย
มันก็เป็นแค่สมุดธรรมดา...
แต่เป็นสมุดธรรมดาที่มีหัวใจของผมอัดแน่นเอาไว้ทั้งเล่ม...
“มัวแต่รอโอกาสแล้วเมื่อไหร่จะได้บอกเขาวะแบคฮยอน...
กูไม่ได้อยากเห็นมึงอกหักหรืออะไรนะ...คือที่กูจะบอกก็คือ
ตอนนี้ตัวมึงก็เป็นเหมือนแค่อากาศธาตุ...ไม่ได้มีตัวตนในสายตาเขาเลยซักนิด
ถ้ามึงจะช่วยทำอะไรให้เขารู้บ้างว่ามีมึงยืนอยู่ตรงนี้...
มันจะไม่มีความหวังมากกว่าการเป็นสายลมที่พัดผ่านเขาหรือไง?”
คยองซูพูดเสียยาวเหยียด ก่อนที่จะขยับลุกขึ้นแล้วเดินหายไปที่หลังชั้นหนังสือ
ปล่อยผมให้อยู่ตามลำพังและครุ่นคิดกับถ้อยคำที่เขาเพิ่งพูดออกมา....
ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้เขาเห็นผมอยู่ในสายตาหรอกนะ
ทุกครั้งที่ผมเห็นเขา ผมแทบจะควบคุมตัวเองไม่เคยได้
ไม่เคยทำให้หัวใจหยุดเต้นแรงได้เลยซักครั้ง...
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องแค่เพียงเล็กน้อยอย่างเช่นกระพริบตา...เสยผม...
หรือแม้กระทั่งเสียงหัวเราะที่แว่วมาจากที่ไกลๆ
มันก็ทำให้หัวใจผมเต้นระห่ำราวกับมีมือปืนกลกระหน่ำยิงอยู่ข้างในนั้นได้ทุกที...
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้ผมได้แต่แอบมองเขาอยู่เรื่อยไปอย่างนี้
มันเป็นเพราะผมไม่กล้า...ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าหรือเริ่มทำอะไรทั้งนั้น
ผมไม่เคยกล้าพอ...
.
.
.
.
เหตุผลมันก็มีแค่นี้จริงๆ....
✚TALK
เรื่องนี้เป็นฟิคชานแบคเรื่องแรกที่เราแต่งค่ะ...
ปกติเป็นไคโด้ตลอด ไม่เคยแต่งชานแบคซักที
ขอฝากเนื้อฝากตัวกับแม่ยกชานแบคด้วยนะคะ ช่วยติดตามกันด้วยค่ะ
เรื่องนี้เป็นพล๊อตของเพื่อนเรานะคะ...
เราตีโจทย์พล๊อตเรื่องนี้ไม่ค่อยแตกเท่าไหร่ แต่ก็พยายามเขียนออกมาให้อ่านกันรู้เรื่องที่สุด
ตอนแรกอาจจะไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ค่ะ เราจะรีบเอาตอนสองมีลงให้เร็วที่สุดนะ T T
สำหรับรีดเดอร์หน้าเก่าที่รักไรเตอร์นมนเสมอมา...
ขอขอบคุณที่ติดตามกันมาถึงตอนนี้นะคะ ไม่โกรธกันใช่ไหมที่เปิดเพิ่มมาอีกเรื่องแล้ว 5555555
อย่าโกรธกันนะ...เรื่องเก่าไม่ได้ทิ้งนะคะ แต่เวลามีพล๊อตมาไรเตอร์จะเป็นโรคจิต
มันต้องเขียน ต้องแต่ง ไม่งั้นมันจะวนเวียนอยู่ในหัวคอยรบกวนจิตใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ อึไม่ออก T T
เพราะงั้น...เข้ามาอ่านแล้วมาเอ็นจอยด้วยกันเนอะๆๆๆ
ถ้ารักกันก็อย่าลืมช่วยกดโหวตให้ไรเตอร์ด้วยนะคะ...แล้วถ้ามันสนุกก็รบกวนบอกต่อกันด้วย ^^
แล้วเจอกันช็อตหน้านะคะ บ๊ายบายค่ะ <3
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น