[1SHOT] ✚ :: 01120114:: ✚ [KAI x D.O.]* - [1SHOT] ✚ :: 01120114:: ✚ [KAI x D.O.]* นิยาย [1SHOT] ✚ :: 01120114:: ✚ [KAI x D.O.]* : Dek-D.com - Writer

    [1SHOT] ✚ :: 01120114:: ✚ [KAI x D.O.]*

    โดย NMNSnowman

    ผู้เข้าชมรวม

    4,700

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    4.7K

    ความคิดเห็น


    63

    คนติดตาม


    47
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ม.ค. 56 / 06:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

     

    Author : MR.$N0WMAN*

    Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo

    Rate : PG-15(?)



     
     

    01120114 *
    happy together 









    แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะคะ พี่คยองกับน้องจงอิน
    รักกันแบบนี้ตลอดไปนะคะ จุ๊บๆ






    :: BACKGROUND MUSIC :: 
     

    Byul - You're So Cute


    Now Playing...




    © Tenpoints !
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      Author : MR.$N0WMAN*

      Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo

      Rate : PG-15(?)

       
       

      01120114 *
      happy together 






      อากาศวันนี้หนาวเย็นและเต็มไปด้วยหิมะตลอดสองข้างถนน

      คยองซูมองลอดผ้าม่านลงไปยังถนนเบื้องล่างหอพักที่เขาและเมมเบอร์ใช้เป็นที่พักอาศัยมาได้เกือบปีแล้ว

      คนตัวเล็กกระชับเสื้อสเวตเตอร์ที่ใส่อยู่ให้เข้ารูปเข้ารอย ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมที่จะทำอาหารเช้า


      ไม่ได้มีใครขอร้องให้เขาตื่นเช้าขึ้นมาทำหรอก...

      แบคฮยอนมักจะบอกให้เขาใช้เวลาพักผ่อนให้เพียงพอมากกว่าจะเอาเวลามาทำอาหารเช้าให้พวกเมมเบอร์กินกันแบบนี้ 

      แต่คยองซูกลับไม่เห็นด้วยนัก หรือความจริงแล้วคือไม่เห็นด้วยเลย

      เพราะที่เขาทำก็เพราะว่าเขาชอบทำ...อย่างในทุกวันที่มีงานยุ่งๆ และภาระมากมาย

      การที่คยองซูได้ตื่นขึ้นมาทำอาหารให้สมาชิกได้กินกันในตอนเช้าแบบนี้นั่นแหละคือการพักผ่อนของเขา

       
       

      วันนี้แตกต่างออกไปจากทุกวันเล็กน้อย...

      คนอื่นจะเป็นหรือเปล่าไม่รู้แต่อย่างน้อยคยองซูก็ตื่นเต้นล่ะ

      เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเขา และแน่นอนว่าเขากำลังจะตื่นเต้นกับวันเกิดในปีนี้เอามากๆ

      เพราะปาร์ตี้วันเกิดปีนี้เขาและจงอินจะได้จัดงานฉลองคู่กัน...

       
       

      คยองซูยกยิ้มออกมาจนตาเล็กหยิบหยีในขณะที่ตั้งไฟบนเตาและเริ่มลงมือทำอาหารเช้า

      เขากำลังมีความสุขเมื่อได้คิดว่าวันนี้ต้องเป็นวันที่ดี และบรรดาแฟนๆของเขาและจงอินก็คงจะมารวมตัวกันเยอะแยะแน่ๆ

       

      อา...พวกเขาคงจะปรารถนาโมเม้นท์หรือแฟนเซอร์วิสดีๆจากเราทั้งคู่สินะ...

      ไม่ใช่ว่าไม่เคยรับรู้ว่ามีคนจับคู่ให้เราสองคนอยู่เยอะแยะ

      แต่อย่างน้อยเราสองคนก็ไม่ได้ต้องใส่ใจและเสแสร้งที่จะต้องสร้างโมเม้นท์อะไรพวกนั้นขึ้นมาหรอก

      ทุกอย่างมันจะถูกแสดงออกอย่างธรรมชาติ...นั่นเพราะว่าเราสองคนรักกันจริงๆ

       
       

      หัวเราะคิกคักออกมาเมื่อได้นึกถึงรูปภาพที่จงอินเปิดให้เขาได้ดูในอินเตอร์เนทเมื่อวันก่อน

      กับบรรดาข้อความในบล๊อค Cyworld ที่พวกเขาแอบมีแอคเคาท์กันอย่างลับๆ เพื่อติดตามความเป็นไปของแฟนคลับ

      และแหม...พวกแฟนคลับทำไมใจร้อนกันจริงๆ แค่จัดงานปาร์ตี้ด้วยกันนี่ต้องคิดว่าจัดงานแต่งงานเลยเหรอ

       
       

      จะว่าไปแล้วพลังของแฟนคลับนี่ช่างรุนแรงจริงๆ นะ

      นี่ถ้าเกิดสมมติว่าถ้าเราไม่ได้รักกันอยู่จริงๆ พวกเขาต้องทำให้เราสองคนหวั่นไหวอย่างแน่นอน

      ก็แหม...จับผิดเราสองคนและพากันชูป้ายเชียร์ขนาดนั้น

      ต่อให้เราไม่รู้สึกอะไรต่อกันผมก็มั่นใจว่าเราต้องหวั่นไหวและรู้สึกแปลกๆ ต่อกันนิดหน่อยล่ะ

       
       

      อย่างที่คู่ชานยอลกับแบคฮยอนก็รักกันได้เพราะว่าแฟนคลับพากันออกปากเชียร์นั่นแหละ

      ผมยังจำได้อยู่เลยว่าเมื่อก่อนหน้านี้น่ะเขาไม่ได้สนิทกันซักเท่าไหร่ แถมยังทะเลาะกันออกจะบ่อยไปด้วยซ้ำ

      จนกระทั่งแฟนคลับพากันชิบเปอร์และล้างสมองพวกเขาทั้งคู่นั่นแหละ...พวกเขาถึงกลายเป็นเป็นคู่รักกันจริงๆ จนได้

      ผิดกับผมที่แอบคบหากับจงอินมาตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัดในช่วงปีสุดท้ายนั่นแหละ

       

      เราสนิทกันและสุดท้ายก็กลายมาเป็นคู่รัก...

      อ่า...ถึงแม้ว่าเขาจะมีข่าวกับสาวๆ คนอื่นบ้าง แต่มันก็ไม่ทำให้เรามีปัญหาอะไรซักเท่าไหร่

      ก็โธ่...ผมจะไปสนใจข่าวพวกนั้นทำไมล่ะครับ

      ในเมื่อเขาก็ยังนอนกับผมอยู่ในทุกๆ วันแบบนี้ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปคุยกับคนอื่น

      เพราะงั้นแล้วผมไม่ได้หลงตัวเองนะครับ...ก็แค่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไรก็แค่นั้นเอง

       

       
       

      “ยิ้มอะไรของนายอยู่คนเดียวน่ะเตี้ย?”

       

       

      ผมหันขวับไปเจอปาร์คชานยอลที่เดินขยี้ผมออกมาเปิดตู้เย็นแล้วรินน้ำดื่ม

      เขายังคงดูดีถึงแม้ว่าจะอยู่ในกางเกงวอร์มขายาวและรองเท้าสลิปเปอร์สีเหลืองขนนุ่มของแบคฮยอนก็ตามที

       

       
       

      “ฉันยิ้มไม่ได้หรือไง...ก็วันนี้มันวันพิเศษ” ผมตอบกลับชานยอลไปพลางยกยิ้ม

       

       
       

      “อ่อ จริงด้วยสิ...วันนี้นายมีงานแต่งนี่นา ฮ่าๆๆๆๆๆ”

       

       

      ชานยอลหัวเราะแซว

      เพราะแน่นอนว่าพวกเขาเองก็รู้เหมือนกันว่าพวกแฟนคลับพากันพูดถึงพวกเราว่ายังไง

       
       

      “ฉันไม่เหมือนพวกนายหรอกน่า...

      พากันประกาศแต่งตอนวันเกิดแบบนั้นนายไม่คิดว่าแฟนคลับจะพากันบ้าตายเหรอ ฮ่าๆ” ผมถามเขา

       

       

      “ไม่คิด...เพราะนั่นคือสิ่งที่พวกเขาอยากเห็น และแน่นอนว่าฉันเองก็อยากจะทำ

      ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พวกแฟนๆก็อยากให้เราแสดงออกอย่างนั้นอยู่แล้วนี่นา

      ไม่เห็นต้องปิดบังอะไรเลย...แสดงออกไปอย่างที่อยากทำ แต่ก็แค่ไม่ได้บอกพวกเขาว่าเราคบกันจริงๆ หรือเปล่า

      พวกแฟนคลับน่ะไม่โง่หรอกนะ เขาจะรู้ได้เองว่าพวกเราน่ะอะไรยังไง

      เพราะงั้นฉันเลยไม่แคร์ แสดงออกได้ก็ทำไปเลย ยังไงพวกเขาก็ต้องรับได้อยู่แล้ว

      อ่า...แต่บางทีฉันก็ไม่ชอบพวกภาพกิ๊ฟที่พวกเขาปล่อยออกมาเลยแฮะ ฉันมันดูดีเกินไป..”

       
       

       

      ชานยอลพูดยิ้มๆ ก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นส่งให้ผม

      ผมกระพริบตาปริบๆ และเบิกตาใส่เขาเพื่อบ่งบอกว่ามุกนี้ผมไม่อยากจะเห็นด้วย

      เขาก็เลยหัวเราะออกมาแล้วปิดตู้เย็นอีกครั้ง

       

       

      “แล้วไอ้จงอินมันยังไม่ตื่นหรือไง?” ชานยอลถาม

       

       
       

      “ยังไม่ตื่น นายก็รู้ว่าเขามักจะตื่นเป็นคนสุดท้ายทุกทีนี่” ผมหันไปยิ้มแล้วตอบกับชานยอล

       

       
       

      “ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนพวกนายจัดหนักกันเหรอ

      วันสำคัญอย่างนี้ฉันเดาว่าไอ้จงอินไม่น่าจะพลาดนะ”

       
       

       

      “พูดบ้าอะไรของนาย...พวกฉันไม่ได้ทำอย่างที่นายว่าซักหน่อย

      เมื่อคืนก็แค่ดูหนังด้วยกัน แล้วจงอินก็เผลอหลับคาทีวีไปก่อน”

       
       

       

      “โอ้...งั้นถ้าเมื่อคืนพลาด ก็น่าจะเป็นคืนนี้ล่ะสินะ

      ฉันจะแอบเอากล้องไปติดไว้ที่ห้องนาย รับรองว่าถ้าเอาคลิปไปขาย

      ฉันต้องรวยเละยิ่งกว่าเป็นไอดอลแน่นอนเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ชานยอลแกล้งพูดจนผมต้องยกเอาทัพพีในมือขึ้นตีเขา

       

       
       

      “ใช่เรื่องพูดเล่นหรือไง

      รีบไปอาบน้ำแล้วปลุกแบคฮยอนเลยไป

      ข้าวเช้าจะเสร็จแล้ว จะได้ตื่นมากินพร้อมกัน” ผมแหวใส่ชานยอลพร้อมกับรู้สึกว่าหน้ากำลังร้อนผ่าว

       

       
       

      “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เขินอะไร๊

      ของเคยๆ กันอยู่ยังมาทำเขิน” ชานยอลเอ่ยแซวและหัวเราะลั่นห้องอีกครั้ง

       

       

      “ย๊า!! ปาร์คชานยอล!!!! ผมตะโกนแล้ววิ่งไล่เขาไปทั่วห้องนั่งเล่น

       

       

      จนสุดท้ายแล้วเสียงตะโกนของเราทั้งคู่ก็ปลุกคนทั้งหอให้ตื่นขึ้นมาจนได้

      จุนมยอนเดินออกมาด้วยสภาพที่ดูแล้วเรียบร้อยที่สุดเพราะว่าเขาอาบน้ำแต่แต่งตัวเสร็จแล้ว

      เซฮุนยังอยู่ในชุดนอนและติดจะงัวเงียเล็กน้อย

      เขาเดินเกาะชายเสื้อของจุนมยอนออกมาแล้วหาวเอาหวอดๆ

       
       

      แบคฮยอนเดินออกมาด้วยชุดนอนเช่นกัน...

      เขาใส่สลิปเปอร์สีน้ำตาลของชานยอลเอาไว้แล้วเดินเข้ามาหาชานยอลที่ยืนอยู่ไม่ห่างไปจากผมนัก

       

       
       

      “เสียงดังกันแต่เช้าเลยนะพวกนายเนี่ย

      อ่ะ...คยองซู สุขสันต์วันเกิดนะ”

       

       
       

      จุนมยอนยิ้มแล้วส่งมือมาลูบที่ศีรษะของผมอย่างรักใคร่

      ก่อนจะยื่นเอาของขวัญกล่องเล็กๆ ที่ห่อด้วยกระดาษสีเงินส่งมาให้

       

       

      “ของพี่กับจงแดหุ้นกันซื้อให้นาย หวังว่าคงจะชอบนะ” จุนมยอนส่งยิ้มมาให้ผม

       

       

      “ขอบคุณครับ ผมชอบมันอยู่แล้วล่ะน่า” ผมตอบกลับเขาไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม

       

       

      “สุขสันต์วันเกิดครับพี่คยองซู

      ส่วนนี่เป็นของขวัญของผม เพิ่งทำเมื่อกี้เลยนะเนี่ย” เซฮุนยื่นกระดาษใบเล็กๆ แต่พับทบกันหลายชั้นส่งมาให้ผม

       

       

      “หืม? นี่อะไร?”

       

       

      ผมยกคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนจะหยิบกระดาษนั้นมาเปิดออกอ่าน

      แต่ละหน้ามีข้อความสั้นๆ ที่เขียนเอาไว้ว่า “พาไปซื้อชานม” “หาข้าวเช้าทานเอง” หรือไม่ก็ “เก็บห้องนอน”  

       

       

      “ก็คูปองไง เอาไว้ใช้งานผมถ้าพี่เห็นว่าสมควร

      อย่างถ้าวันนี้พี่อยากให้ผมหาข้าวเช้าทานเอง ผมก็จะหาข้าวเช้าทานเอง

      ว่าแต่ตอนนี้ผมขอนมได้ไหม...หิวนมง่า” เซฮุนอธิบายก่อนจะทรุดตัวลงกับโต๊ะกลางห้องแล้วเรียกร้องหาอาหารเช้าของเขา

       

       
       

      “งั้นพี่ใช้คูปองใบนี้ก่อนเลย ไปหานมทานเองซะไป

      อยู่ในตู้เย็นก็ไปหยิบมาดื่มเองเซ่

      อ๊ะแล้วห้ามใช้พี่ๆ คนอื่นด้วยนะ ไปหยิบเอาเองเลยไป”

       

       
       

      “โธ่...ปีหน้าผมจะไม่เขียนข้อนี้เลยนะคอยดู”

       
       

       

      ผมพูดขัดขึ้นมาในขณะที่เซฮุนกำลังทำท่าว่าจะหันไปขอจุนมยอนให้ช่วยเอานมให้เขา

      หากแต่เมื่อผมออกคำสั่ง เด็กนั่นก็เบะปากออกมาแล้วบ่นเบาๆ

      แต่ก็ยังเดินไปหยิบเอานมออกมาจากตู้เย็นแล้วกรอกดื่มเอง

       

       
       

      “เหมือนว่าจงอินจะยังไม่ตื่นเลยนะ นายไม่ไปปลุกมันเหรอคยองซู”

       
       

       

      แบคฮยอนพูดขึ้นมาเมื่อเดินมาหยิบเอาแครกเกอร์ที่ชานยอลกำลังจะหยิบเข้าปากมากัดซะเอง

      ก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะอาหารข้างๆ เซฮุนจนได้

       

       
       

      “ว่าจะรอให้ข้าวเช้าเสร็จก่อนแล้วค่อยไปปลุกน่ะ

      แต่นี่ก็เสร็จแล้วล่ะ...ฝากนายช่วยตักมันใส่จานทีดิ เดี๋ยวฉันไปปลุกจงอินแป๊ปนึงนะ”

       

       

      ผมส่งทัพพีให้แบคฮยอนแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก

      แบคฮยอนพยักหน้ารับส่งๆ หลังจากนั้นจึงลากชานยอลไปช่วยเขาตักอาหารด้วย

       

       

      “ปลุกเฉยๆ ก็พอนะครับพี่คยองซู...

      อย่าทำอย่างอื่นนะครับ พวกผมรอกินข้าวอยู่”

       

       

      “หุบปากไปเลยน่า...ระวังจะไม่มีปากไว้กินนมนะไอ้เด็กดื้อ”

       

       

      เซฮุนเอ่ยแซวในขณะที่ยกนมขึ้นดื่ม

      ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้เด็กตัวดีไปทีหนึ่งก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องและเริ่มต้นปลุกจงอินอย่างที่ทำทุกวัน

       

       

      “จงอิน...จงอิน...

      ตื่นได้แล้ว ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะ”

       

       

      “งือออ ขออีกห้านาทีนะ”

       

       

      จงอินพูดงัวเงียก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นคลุมรอบศีรษะ

      ผมถอนหายใจออกมาพลางยกยิ้ม...

      เพราะทุกครั้งที่เขาขอห้านาทีน่ะ มันจะกลายเป็นสองชั่วโมงหรือไม่ก็มากกว่านั้น

       

       

      “ไม่ได้...ตื่นเดี๋ยวนี้เลย

      ไม่งั้นวันนี้ไม่คุยด้วยนะ” ผมบอกกับเขา

       

       

      “โธ่...ขู่กันแบบนี้อีกแล้ว” จงอินพูดงอแง

       

       

      “นายก็รู้ว่าพี่พูดจริง”

       

       

      “งั้นตื่นก็ได้...ช่วยดึงหน่อย”

       

       

      จงอินเบะปากออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา

      เขายื่นแขนออกมาเพื่อให้ผมช่วยดึงเขาขึ้นจากเตียงด้วยท่าทางง่อยๆ ตามประสาของคิมจงอินเวลาง่วงนอนนั่นล่ะ

       

       

      “ทุกทีสิน่า...ลุกขึ้นมาเลย ตื่นเดี๋ยวนี้นะคิมจงอิน”

       

       

      ผมดึงเขาให้ลุกขึ้น ทุลักทุเลพอสมควรกว่าจะดึงให้เขาลุกขึ้นมายืนจนได้

      จงอินยังคงไม่ลืมตา เมื่อเขาซบหน้าลงกับไหล่ของผมแล้วกอดเอาไว้

      ผมมั่นใจว่าเขาคงยืนหลับได้ถ้าผมยังยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนี้

       

       

      “เฮ้ไม่เอาน่า...ตื่นได้แล้วนะ ทุกๆ คนกำลังรออยู่

      รีบไปล้างหน้าเถอะ แล้วออกไปกินข้าวเช้ากัน”

       

       

      ผมเขย่าตัวเขาทั้งๆ ที่หน้าของจงอินกำลังซบแนบอยู่ที่บ่า

       

       

      “อืม...ตื่นแล้ว ตื่นแล้ว

      แฮปปี้เบิร์ทเดย์นะครับคยองซูอ่า”

       

      จงอินสูดหายใจแล้วลืมตาออกมาก่อนจะบอกคำที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรจะพูดมาตั้งแต่ตื่นนอนแล้ว

      เขาเลื่อนไปจูบที่แก้มของพี่ชายตัวเล็กแผ่วเบา ก่อนจะยกยิ้มให้แบบที่คิดว่าหวานที่สุด

      แต่ดูแล้วท่าทางมันจะไม่ค่อยเข้าท่าซักเท่าไหร่สินะ

       

       

      “อย่ามาทำตัวน่ารักทั้งๆ ที่เมาขี้ตาอย่างนั้นน่า...

      ไปล้างหน้าได้แล้วจงอิน แล้วรีบๆ ออกมานะ พี่จะรออยู่ข้างนอก”

       

       

      “โธ่...พี่ทำลายบรรยากาศโรแมนติกหมดเลย” จงอินกลอกตา

       

       

      “มันจะโรแมนติกกว่านี้ถ้านายไม่ได้อยู่ในสภาพนี้นะจงอินอ่า

      ไปๆ รีบไปอาบน้ำนะ...ไว้ถ้านายดูดีกว่านี้เราค่อยมาโรแมนติกกันทีหลังก็ได้”

       

       

      ผมพูดกับเขาพร้อมทั้งยกยิ้มออกมาเมื่อจงอินทำท่าทางเหมือนว่าโลกทั้งโลกกำลังจะแตกสลายเมื่อผมไม่รับมุกเขา

      พร้อมกับรุนหลังให้ไอ้เด็กดื้อให้เดินเข้าไปยังห้องอาบน้ำ ก่อนจะกำชับให้เขาให้เข้าไปล้างหน้าล้างตาเพื่อออกไปกินมื้อเช้า

       

       

      “อ่าฮะ...วันนี้เรายังมีเวลาสำหรับฉลองงานแต่งนี่เนอะ” จงอินพูดยิ้มๆ

       

       

      “เพราะงั้นนายก็ควรไปล้างหน้าแล้วแต่งตัวให้หล่อนะ...ถ้าขืนไม่หล่อพี่จะไม่แต่งด้วยนะ” ผมแหย่เขา

       

       

      “โธ่...พี่ก็รู้ว่าผมหล่ออยู่แล้ว พี่ท้าอย่างนี้เพราะรู้ว่าตัวเองจะแพ้สิท่า

      ฮ่าๆ ไว้วันนี้เราตัดเค้กด้วยกันดีกว่านะ...มาตกลงกันก่อนสิ นี่เป็นภารกิจ”

       

       

      จงอินยกคิ้วท้าผมและเสนอในข้อเสนอที่เราชอบเล่นกันบ่อยๆ

      อย่างถ้าคราวที่แล้วผมเองก็ท้าเขาว่าให้แอบแสดงออกถึงความสัมพันธ์ของเราเล็กน้อยในงาน RCY

      แต่ก็นั่นแหละครับ...เขารับคำท้า แถมยังทำตัวเกินกว่าภารกิจและคำว่าเล็กน้อยของเราไปเยอะเลย

       

       

      “พี่จะเล่นด้วยถ้านายไปอาบน้ำตอนนี้” ผมบอกกับเขา

       

       

      “งั้นก็คงจะดีนะถ้าพี่มาอาบน้ำให้ผม”

       

       

      เขาพูดพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม

      ผมกลอกตาไปมาเมื่อได้ยินอย่างนั้นแต่ก็ยังยิ้มกว้าง

      อยากจะตอบกลับเขาไปแต่ก็มีเสียงของชานยอลที่ดังขึ้นมาขัดซะก่อน

       

       

      “จะสวีทกันอีกนานมั้ยโว้ยยยยยยย พวกฉันหิวข้าว!

       

       

      ชานยอลตะโกนดังมาจากห้องนั่งเล่น

      ผมยักไหล่ก่อนจะรุนหลังจงอินให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ

      ส่งยิ้มกว้างก่อนจะพูดทิ้งท้ายกับเขาแล้วปิดประตู...

       

       

      “รู้คำตอบแล้วนะว่าไม่ได้...สุขสันต์วันเกิดนะครับน้องจงอิน”

       

       

      พูดจบแล้วผมก็ปิดประตูใส่หน้าเขาเลยครับ...คิกคิก ♥

       







      ✚ 50%







      “เหอ ทำเป็นพูดไป...นายนั่นแหละกล้ารึเปล่า?”

       

      แบคฮยอนยักไหล่ในขณะที่เรากำลังนั่งกินไอศกรีมด้วยกันอยู่ที่หน้าทีวีตรงห้องนั่งเล่น

      ถึงวันนี้จะไม่มีงานอะไร แต่สมาชิกของเราบางคนก็ต้องเข้าไปที่บริษัทอยู่ดี

      พี่จุนมยอนออกไปกับพี่ฮยอนกยูนตั้งแต่ช่วงสายเมื่อเรากินข้าวเช้ากันเสร็จ

      ผมได้ข่าวแว่วๆ มาว่าพี่เขาจะได้ร่วมรายการวาไรตี้จับคู่ทันทีที่พวกเราคัมแบ๊ค

      อ่า...น่าสงสารจัง แต่ในบรรดาพวกเรา พี่เขาเป็นนักแสดงที่เก่งที่สุดแล้วนี่นา...

       

      แถมรายการ WGM น่ะ...ต้องให้เล่นตามสคริปต์ที่ตั้งไว้ให้

      ซึ่งแน่นอนว่าผมเป็นคนประเภทที่จะลบสคริปต์ในหัวออกโดยอัตโนมัติถ้าหากตื่นเต้น

      และสมาชิกคนอื่นๆ ก็ไม่น่าจะทำได้ดีเท่ากับพี่จุนมยอนหรอกนะ...เพราะงั้นให้เป็นพี่เขาไปน่ะดีแล้วล่ะ

       

      เซฮุนและชานยอลออกไปซื้อของด้วยกันเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้ผมวันนี้

      เราไม่จำเป็นต้องมีเซอร์ไพรส์ต่อกันและแสร้งทำเป็นว่าลืมวันเกิดอะไรแบบนั้น

      เพราะพวกเราทุกคนจำวันเกิดของกันและกันได้เป็นอย่างดี

      และการจะทำตัวงี่เง่าโดยการเสแสร้งทำเป็นจำวันเกิดไม่ได้เพื่อเซอร์ไพรส์น่ะ มันจะเป็นอะไรที่ปัญญาอ่อนสุดๆ

       

      จงอินมีนัดซ้อมเต้นทั้งๆ ที่เป็นวันเกิด...น่าสงสารไปหน่อยแต่ก็เป็นหน้าที่ๆ เขาต้องรับผิดชอบนี่นา

      ผมและแบคฮยอนความจริงแล้วมีคิวอัดเสียงในอัลบั้มใหม่เช่นกัน

      แต่เพราะว่าพี่โปรดิวเซอร์ที่ต้องทำงานให้เราวันนี้กลับมีธุระด่วนก็เลยต้องเลื่อนทุกอย่างออกไป

      และนี่ถือว่าเป็นโชคดีของผมจริงๆ ที่อย่างน้อยในวันเกิดก็มีเวลาได้พักผ่อนบ้าง

      ว่ากันตามจริงแล้วผมเองก็ไม่ได้หวังของขวัญอะไรมากมายหรอก

      เพราะแค่ขอให้พี่ผู้จัดการให้เราได้มีเวลาพักหายใจแบบนี้กันบ้างก็มากพอแล้ว

       

       

      ผมกัดช้อนไอศกรีมดึงกึกๆ แล้วยักไหล่ตอบแบคฮยอนไป

      เราอยู่กันสองคนและใช้เวลาพักผ่อนอย่างชิลที่สุดเท่าที่จะทำได้

       

       

      “ฉันจะทำอะไรได้ก็ในเมื่อจงอินชอบทำท่าทางอย่างนั้นอยู่เรื่อย ถึงไม่ต้องขอเขาก็ทำมันอยู่แล้วนิ”

       

       

      “ฮ่าๆ วันนี้พวกแฟนคลับต้องนอนตายแน่ๆ

      ฉันสาบานได้เลยว่าตอนวันเกิดฉันนะ ฉันเห็นนูน่าคนนึงนั่งร้องไห้กับเพื่อนของเธอ

      ตอนชานยอลบอกว่าพวกเราจะแต่งงานกันล่ะ”

       
       

      “แต่พวกเรามีเวลาจำกัดนี่นา...

      ฉันไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเราจะได้อะไรมากนักกับปาร์ตี้วันนี้

      นายคิดว่าเวลาแค่ชั่วโมงเดียวจะทำอะไรได้มากเท่าไหร่กัน”

       

       

      “ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของจงอินเถอะน่า...

      ฉันว่าระหว่างนี้นายน่าจะมาร์คหน้านะ! วันเกิดทั้งทีต้องเอาให้วิ้ง” แบคฮยอนพูดพลางขยิบตา

       

       

      “นายทำอย่างกับว่าฉันเป็นผู้หญิง

      แล้วสารภาพมาเหอะ...อยากมาร์คเองก็บอกมา

      ทำเป็นชวนฉัน โธ่...ไม่เนียนเลยแบคฮยอน”

       

      ผมเอ่ยแซวแบคฮยอนที่ตอนนี้เดินไปถึงตู้เย็นแล้วเปิดมันออก

      หยิบแผ่นมาส์กหน้ายี่ห้อที่แฟนๆให้เรามาเมื่อคราวก่อนแล้วหันมายิ้มให้ผม

       
       

       

      “โห่...ฉันเป็นห่วงนายหรอก

      วันนี้ต้องหล่อเด้งเด่ะ...ฉากจำลองงานแต่งนะ ฮา”

       


       

      “ตลกตายล่ะ...งานวันเกิดต่างหาก พูดให้มันถูกๆ หน่อย”

       

       

      ผมพูดกับเขาก่อนจะยื่นมาไปรับแผ่นมาส์กมาจากแบคฮยอนแล้วเริ่มแกะซองออก

       

       

      “เอาน่า...จะงานไหนมันก็เรียกได้เหมือนกัน

      เดี๋ยวพวกนายก็ต้องสร้างโมเม้นท์กันอยู่ดีล่ะ ฉันเชื่อมั่นในจงอินเต็มที่เลยว่ามันต้องทำ

      และเอาล่ะ...ต่อจากนี้อีกยี่สิบนาทีเราน่าจะอยู่เงียบๆ เพื่อให้นายได้คิดนะว่าจะสร้างโมเม้นท์ยังไงให้แฟนคลับชอบดี

      พวกเขาเรียกว่าอะไรนะ...อ่า...ใช่ๆ ฟิน นายต้องทำให้พวกเขาฟินล่ะ นี่คือหน้าที่ของนายวันนี้”

       

       

      แบคฮยอนยิ้มให้ผมแล้วทาบแผ่นมาส์กลงไปแล้วแผ่ตัวนอนลงบนโซฟา

      ผมหัวเราะให้เขาก่อนจะเอ่ยออกมาเป็นครั้งสุดท้ายในขณะที่ดึงมาร์สออกจากซอง

       

       

      “โธ่...งั้นก็ไม่เห็นต้องคิดมากเลย

      ถ้าจงอินเสนอฉันก็เป็นคนสนองแค่นั้นก็จบ

      และใช่...ฉันรับรองได้เลยว่าแฟนคลับต้องฟินตายแหงๆ

      พวกเขาคงจะแปลกใจว่าทำไมโมเม้นท์ระหว่างเราถึงได้ดูเหมือนจริงนัก ฮ่าๆๆๆ”

       

       

      ผมบอกกับแบคฮยอนที่ตอนนี้เม้มปากแน่นสนิทและส่งนิ้วโป้งมาให้แทนคำพูดเพราะว่าแผ่นมาร์สหน้านั้น

      ผมแปะแผ่นมาร์สเย็นๆ ลงไปบ้างแล้วเอนตัวลงนอนแผ่กับพื้นห้องนั่งเล่นที่ผมเองมักจะเป็นคนที่ทำความสะอาดมันเสมอ

      หยิบมือถือขึ้นมากดข้อความส่งไปให้จงอินที่ตอนนี้น่าจะกำลังซ้อมเต้นอยู่ที่บริษัทแล้วแอบยกยิ้มออกมาบางๆ

       

       
       

      จงอินอ่า...ซ้อมเต้นเหนื่อยไหม?

      ฉันกำลังเข้าคอร์สเจ้าสาวแบบเร่งรัดกับแบคฮยอนอยู่ล่ะ

      เพราะงั้นแล้วก็รีบๆ กลับมารับพี่นะครับน้องจงอิน...

       

       

       

       

       

       

      งานปาร์ตี้ของเราถูกจัดขึ้นตอนสามทุ่มครึ่งตามเวลาของเกาหลี

      ระหว่างที่ผมนั่งรถจากหอพักมาจนถึงบริษัทผมเองก็ขอยืมไอแพดจากแบคฮยอนเพื่อเช็คเล็กน้อย

      ผมรู้สึกตื่นเต้นเอามากๆ เพราะว่าในบล๊อค Cyworld นั้นกำลังลงรูปของขวัญที่บ้านแฟนเบสนั้นซื้อให้เรา

       

       

      ผมรู้สึกดีใจสุดๆ เพราะของที่ผมได้รับนั้นมันมากเกินไปจริงๆ

      อันความจริงแล้วผมเฝ้ารอของขวัญพวกนี้มาตลอดหลังจากที่วันเกิดของทุกๆ คนนั้นผ่านไป

      แต่พอมาถึงวันนี้แล้วผมกลับคิดว่าของพวกนี้มันมากเกินไปที่ผมควรจะได้รับ...

      ไหนจะตู้อบผ้า...ไหนจะเค้กสารพัดที่แฟนคลับเตรียมไว้ให้อีก

      ฮือออออออ ผมล่ะซึ้งใจจังเลยครับ

       

       

      “น่าอิจฉาสุดๆ แต่จะว่าไปก็น่าสงสารสุดๆ เหมือนกันนะเนี่ย

      ตอนนี้นายมีเครื่องอบผ้า งั้นก็แปลว่าต่อจากนี้ไปนายต้องซักผ้าให้พวกเราอ่ะดิ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

       

       

      ชานยอลพูดขึ้นมาในขณะที่เขากำลังชะโงกหน้ามาจากเบาะหลัง

       

      “ทำอย่างกับว่าที่ผ่านมาฉันไม่ได้เป็นคนซักผ้าให้พวกนายอย่างนั้นแหละ” ผมตอบเขาพร้อมทั้งแยกเขี้ยวใส่

       

       

      “โถๆๆๆๆๆ พี่คยองซูที่น่าสงสาร

      งั้นเอาไว้วันเกิดปีหน้าผมจะเขียนคูปองซักผ้าเองให้พี่นะ”

       

       

      เซฮุนตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ หลังจากที่เงยหน้าขึ้นมาจากมือถือในมือ

       

       

      “งั้นพี่ขอคูปอง 365 ใบเลยนะ...เผื่อพี่จะได้ไม่ต้องซักผ้าให้นายอีก

      กะอีแค่ยัดๆ ลงเครื่องแล้วตากมันยากตรงไหนวะ? พวกนายนี่...ไม่ได้เรื่องเลย”

       

       

      ผมบ่นออกมากระปอดกระแปดก่อนจะคืนไอแพดไปให้แบคฮยอนเมื่อรถของเราใกล้จะถึงบริษัท

      พี่จุนมยอนปลุกจงอินให้ตื่นแทนผมที่กำลังเตรียมความเรียบร้อยของเสื้อผ้า


       

      “เอาเป็นว่าเรามีเวลาหนึ่งชั่วโมงนะ...

      แล้วหลังจากนั้นเราจะกลับไปฉลองกับพวกเพื่อนๆ ที่หอกัน

      เออ แล้วอย่าหลุดพูดอะไรเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ล่ะ...”

       
       

      พี่จุนมยอนหันมาบอกกับพวกเราในขณะที่ทุกคนกำลังมองออกไปข้างนอกหน้าต่างรถ

      ผมเห็นแบคฮยอนกำลังโบกมือให้แฟนคลับที่รออยู่ด้านหน้าบริษัทและจงอินก็พยายามสะบัดหน้าเพื่อเรียกสติ

       

       

      “เอาล่ะ...ถ้าพร้อมแล้วก็ลงไปได้แล้ว รีบๆ เดินนะอย่ามัวแต่อ้อล้อล่ะ”

       
       

      พี่ผู้จัดการหันมากำชับกับเราก่อนที่เขาจะลงมาเปิดประตูให้

      ผมและจงอินยิ้มให้กันเล็กน้อยเมื่อเขาหันมามองผม

      เขาพูดออกมาเป็นคำพูดที่ไร้เสียงว่า

       

       

      “อย่าลืมภารกิจของเรานะ”

       
       

      ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อยในขณะที่ปีนตัวลงไปจากรถ

      ก่อนจะเดินตามหลังแบคฮยอนเข้าไปในบริษัทอย่างร่าเริง

      กระซิบตอบกลับเขาไปอย่างเป็นสุขเมื่อจงอินเดินเข้ามาซ้อนข้างหลังแล้วเริ่มโอบเอวผมไว้

       

      .

      .


      “ฟินแน่ไม่ต้องกลัว...”

       

       

       

       

       *********

       

       

       

      “โอย...เหนื่อยอ่ะ”

       
       

      จงอินบ่นออกมาเมื่อได้ทิ้งตัวลงกับเตียงกว้างแล้วถอนหายใจออกมาเสียงยาวเหยียด

      เราเพิ่งขนเก้าอี้นวด กีต้าร์ ตู้อบผ้า บลาๆๆๆๆ และของขวัญทั้งหมดที่เราได้รับมาวางไว้ในหอพัก

      และพากันใช้แรงงานเพื่อนๆ สมาชิกในการขนย้ายพวกมันมาวางไว้ในห้องได้ในที่สุด

       
       

      “เอาน่า...อย่างน้อยเราก็ถึงห้องแล้วนะ

      ถ้าเหนื่อยก็พักกันเถอะ...พรุ่งนี้ช่วงเช้าเรายังมีเวลาว่างที่จะแกะมันออกดูและเริ่มจัดมัน”

       
       

      ผมบอกกับเขาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแผ่กับเตียงนอนเช่นกัน...

      ก่อนจะยกยิ้มออกมาเมื่อจงอินยกแขนมาก่ายที่เอวผมเอาไว้และยิ้มออกมาทั้งๆที่หลับตา...

       
       

      งานปาร์ตี้ผ่านไปอย่างราบรื่นและเร่งรีบ

      ช่ายครับ...มันออกจะเร่งรีบไปหน่อย เพราะเรามีเวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น

      วันนี้เพื่อนๆ ฝั่ง M อยู่กับพวกเราด้วยเราเลยต้องทำเวลากันหน่อยเพราะเราต้องกลับไปฉลองกับพวกเขา

       

       

      เราจัดงานปาร์ตี้กับแฟนคลับด้วยรอยยิ้ม

      ชานยอลทำหน้าที่เป็นพิธีกรในงานวันนี้ร่วมกับเซฮุน แต่ดูเหมือนว่าเซฮุนจะทำได้ไม่ดีเท่าไหร่  = =

      เขาพูดมากชะมัดเลย...ชานยอลน่ะ รวมถึงแบคฮยอนด้วยที่เอาแต่จิกกัดสร้างบรรยากาศให้งานเราเป็นไปอย่างสนุกสนาน

      พี่จุนมยอนก็พยายามจะทำเหมือนกัน...

      แต่เห็นได้ชัดว่าพี่เขามักจะสร้าง “จุนมยอนเอฟเฟ็ค” ทุกครั้งที่เขาพยายามจะเล่นมุกออกมา = =

      ดังนั้นชานยอลก็เลยเป็นตัวสำคัญในการเดินงานวันนี้นั่นแหละนะ....

       


       

      ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีอย่างที่ผมคิดเอาไว้ว่าจงอินต้องไม่พลาดที่จะทำมันแน่

      ปกติแล้วถ้ามันมากไปผมก็ไม่ค่อยจะเล่นด้วยซักเท่าไหร่หรอก...เพราะทำตัวโจ่งแจ้งไปมันก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก

      แต่วันนี้มันกลับเป็นความรู้สึกโอเคถ้าผมจะเล่นมันกับเขา เราได้เลยจับมือกันตอนที่ตัดเค้กล่ะ...

       

       

      แบคฮยอนล่ะกระตุกชายเสื้อผมใหญ่เลยตอนที่เรากำลังตัดมัน...

      และหลังจากนั้นชานยอลก็ดูจะคึกคักเป็นพิเศษจนดูเหมือนว่าเขาพี้กัญชาก่อนจะมางานนี้ = =



       

       

      และเมื่อเรากลับมาฉลองด้วยกันกับสมาชิกเราก็ยังคงมีความสุขเหมือนเดิม

      ออกจะวุ่นวายเกินไปด้วยซ้ำเมื่อเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกันแล้วพี่ผู้จัดการก็มักจะพบว่าเราน่ะยากเกินจะควบคุม




      พวกชานยอล จงแด จื่อเทาและเซฮุนพากันตั้งวงดื่มเหล้าและพูดคุยกันเสียงดังอย่างสนุกสนาน

      พวกพี่คริส พี่อี้ชิงและพี่จุนมยอนและสมาชิกที่เหลือต่างก็พากันยุ่งวุ่นวายอยู่กับการแย่งไมค์กันเพื่อร้องคาราโอเกะ

      มันชุลมุนและจัดการยากจริงๆ...

      ผมสาบานได้ว่าเห็นพี่มินซอกพยายามจะแบกจงแดออกจากห้องพักของเราเมื่อตอนที่พี่ผู้จัดการไล่ให้เราไปนอนได้แล้ว

      ชานยอลสลบเหมือดอยู่หน้าโซฟาและแบคฮยอนก็ไม่ได้แตกต่างกัน...

       

       

      โชคดีที่วันนี้เซฮุนไม่ได้เมาหนักถึงขนาดกับว่าอ้วกเรี่ยราด...

      ไม่งั้นล่ะผมคงรับรู้ชะตากรรมของตัวเองหลังจากตื่นนอนพรุ่งนี้ว่าคงไม่ใช่ใครหรอกนะที่ต้องเก็บกวาด

       

       

      เราเลิกงานฉลองเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนเกือบตีสาม

      พี่ๆ ผู้จัดการนั่งสัปหงกไปแล้วจนเมื่อสุดท้ายจงแดดันทำแก้วแตกไปหนึ่งใบ

      พวกเราเลยต้องแยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมันเพราะว่าระเบิดเวลาลง  = =

       

       

      จนสุดท้ายแล้วผมก็ได้มานอนแผ่อยู่ตรงนี้จนได้...

      รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองกำลังแดงก่ำและร้อนผ่าวเพราะว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่กินเข้าไปพอสมควร...

       

       

      “แฟนคลับนายรวยมากเลยจงอินอ่า

      ฉันได้ยินมาว่านายได้แมคบุ๊คตั้งสิบเครื่องเลยนะ” ผมพูดกับเขา

       

       

      “ของผมก็เหมือนของพี่แหละน่า...จะพูดถึงเรื่องจำนวนทำไม

      วันหลังอย่าพูดถึงมันอีกนะ ผมไม่ชอบ”

       

       

      จงอินบอกทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา

      แต่เขากลับเลื่อนตัวเข้ามาแล้วกอดผมเอาไว้แน่นกว่าเก่า

      เห็นได้ชัดว่ากำลังเข้าใจผิดในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ...

      โธ่...ผมน่ะไม่ได้อิจฉาเขาหรอกนะ แค่ดีใจต่างหากที่แฟนๆ ของจงอินทุ่มเทให้เขาขนาดนี้

       

       

      “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซักหน่อยน่า...คิดมากไปแล้ว”

       

       

       

      ผมยกมือขึ้นไปลูบที่ศีรษะเขาเบาๆ แล้วยิ้มออกมาบางๆ

      ใบหน้าเพียงเสี้ยวเดียวที่เห็นจากการที่เขานอนคว่ำแล้วแนบหน้าลงกับเตียงนั้น

      ทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังสบายอกสบายใจที่ได้นอนแผ่อยู่บนเตียงแบบนี้

       

       

       

      “อืม...งั้นก็ดีแล้วครับ” จงอินบอก ก่อนที่จะเลื่อนขึ้นมาจูบที่หน้าผากของผมเขาๆ ครั้งหนึ่ง

       

       

       

      “สุขสันต์วันเกิดนะคยองซูอ่า” ก่อนจะพูดต่อเมื่อเขาลืมตาขึ้นมามองหน้าผมแล้ว...

       

       

       

      “สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้าเหมือนกันนะจงอิน” ผมกระซิบตอบเขา

       

       

       

      “นี่ๆ...ผมว่าที่พวกแฟนๆ ให้เก้าอี้นวดผมมานี่ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะคยองซู”

       

       

       

       จู่ๆ จงอินก็พูดขึ้นมาพร้อมทั้งยกยิ้มกรุ้มกริ่มแบบที่เขาชอบทำทุกครั้ง

      ผมขมวดคิ้วเมื่อจู่ๆ จงอินก็เลื้อยมือเข้ามาภายใต้เสื้อของผมอย่างช้าๆ

      มือเย็นๆ เพราะอากาศที่หนาวเหน็บนั้นกำลังทำให้ผมต้องกลืนน้ำลาย

       

       

      “หมายความว่าไง?” ผมถามเขาออกไปทั้งๆ ที่พอจะรู้อยู่แล้วว่าอะไรคือเหตุผล

       

       

       

      “โธ่...ไม่เอาน่าจงอิน”

       

       

      จงอินเล่นปูไต่อยู่ที่หน้าท้องของผมได้ไม่เท่าไหร่

      เขาก็เลื่อนขึ้นมาทาบทับที่ตัวผมไว้แล้วเริ่มไล้จูบที่ตรงปลายคาง

      ผมพยายามจะดันหน้าอกเขาให้ห่างออก...แต่แน่นอนว่าเรี่ยวแรงอย่างผมน่ะเหรอจะสู้เขาได้



      เอ่อ...แต่ถ้าจะเรียกว่าขัดขืนผมเองก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากซักเท่าไหร่หรอกนะ -/////////-
       

       

       

      “โธ่คยองซู วันนี้เป็นวันสำคัญนะ...เพราะงั้นเราไม่ควรจะพลาด

      ตอนนี้พี่ชานยอลกับพี่แบคฮยอนก็หลับสนิทไปแล้ว!

      ไม่มีใครมาสนใจเราในตอนนี้ซักคนเลยเห็นไหม??

      พรุ่งนี้ตอนเช้าเราไม่มีงานด้วย เราจะตื่นสายแค่ไหนก็ได้ไม่มีเพราะงั้นมันถึงได้เวิร์คสุดๆ!!

       

       

      จงอินพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นและกัดริมฝีปากเอาไว้

      ผมเองกลอกตาไปมาเพราะเหตุผลที่เขาพูดมาน่ะมัน...

      ก็คือเอ่อ...มัน...มันทำให้ผมคิดว่าเราไม่น่าจะพลาดมันจริงๆนั่นแหละน่า!!

       

       
       

      “ให้ตายเหอะไอ้เด็กบ้า” ผมพูดออกมาพลางยกมือขึ้นตีที่บ่าของไอ้เด็กเอาแต่ใจเบาๆ

       

       
       

      “งั้นตกลงนะ” จงอินยิ้มก่อนจะก้มลงมาจูบผมเบาๆ

       
       

       

      และแน่นอนครับว่าต่อให้ผมจะพูดหรือว่าปฏิเสธยังไง...

       

      .

      .

       

      ผมก็เปลี่ยนใจจงอินไม่ได้อยู่แหละน่า...

       

       

       

       

       

       

       

       

      +BONUS

       

      “นี่ๆ คยองซู...ผมว่าปีหน้ามันคงจะดีนะ

      ถ้าแฟนๆ ซื้อเครื่องเล่นบลูเรย์กับทีวีให้พวกเราเป็นของขวัญ”

       

      จงอินพูดขึ้นมาในขณะที่เราเพิ่งจะผ่านช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันไปไม่นานนัก

      ผมยังเปลือยกายอยู่ในอ้อมกอดเขา...

      รู้สึกเหนื่อยและเพลียแต่ก็ยังมีแรงเหลือมากพอที่จะต่อบทสนทนากับจงอินอย่างสบาย

       

       

      “หืม? ทำไมล่ะ?

      ไม่คิดว่ามันจะมากไปหน่อยเหรอ?” ผมถามเขา

       

       

      “ก็แค่ความอยากล่ะน่า...

      แค่พูดเผื่อไว้ว่ามันน่าจะดีนะถ้าเราได้มัน” จงอินพูดต่อเมื่อเขายันแขนขึ้นมาค้ำศีรษะเอาไว้แล้วมองมาที่ผม

       

       

      “แล้วทำไมต้องเป็นทีวีกับเครื่องเล่นบลูเรย์?” ผมถามเขาอีกครั้ง

       

       

      “ก็...วันนี้ผมบอกว่าสิ่งที่ผมจะทำหลังจากอายุ 20 ก็คือดูหนังเรท

      ผมคิดว่าปีหน้าต้องมีแฟนคลับไอเดียบรรเจิดส่งหนังเรทมาเป็นของขวัญผมแน่เลย

      และมันก็คงจะดีนะถ้าเกิดว่า...

       

      .

      .

       

      เราได้เครื่องเล่นกับทีวีมาโคฟเวอร์ท่าทางในหนังเรทด้วยกัน”

       

       

       

       

       - THE END - 










      +TALK

      จบกากมากขออภัยยยย
      ปกติไม่เคยแต่งวันช็อตค่ะแต่งไม่เป็น OTZ
      เพราะงั้นอย่าแปลกใจถ้ามันจะออกมา เอ่อ...กากกว่าที่คาดหวังไว้ T T

      ไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะค่ะ สติลปลื้มปริ่มเพราะโมเม้นท์ไคโด้ T T
      เอาเป็นว่าขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 
      และ...สุขสันต์วันไคโด้ค่ะ ขอให้พวกเธอได้กันซ้ำๆอย่างนี้ตลอดไป


      อาเมน....

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×