[1SHOT] ✚ :: 01120114:: ✚ [KAI x D.O.]*
ผู้เข้าชมรวม
4,700
ผู้เข้าชมเดือนนี้
10
ผู้เข้าชมรวม
Author : MR.$N0WMAN*
Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo
Rate : PG-15(?)
01120114 *
happy together
แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะคะ พี่คยองกับน้องจงอิน
รักกันแบบนี้ตลอดไปนะคะ จุ๊บๆ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Author : MR.$N0WMAN*
Pairing : Kim Jongin & Do Kyungsoo
Rate : PG-15(?)
01120114 *
happy together
อากาศวันนี้หนาวเย็นและเต็มไปด้วยหิมะตลอดสองข้างถนน
คยองซูมองลอดผ้าม่านลงไปยังถนนเบื้องล่างหอพักที่เขาและเมมเบอร์ใช้เป็นที่พักอาศัยมาได้เกือบปีแล้ว
คนตัวเล็กกระชับเสื้อสเวตเตอร์ที่ใส่อยู่ให้เข้ารูปเข้ารอย ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมที่จะทำอาหารเช้า
ไม่ได้มีใครขอร้องให้เขาตื่นเช้าขึ้นมาทำหรอก...
แบคฮยอนมักจะบอกให้เขาใช้เวลาพักผ่อนให้เพียงพอมากกว่าจะเอาเวลามาทำอาหารเช้าให้พวกเมมเบอร์กินกันแบบนี้
แต่คยองซูกลับไม่เห็นด้วยนัก หรือความจริงแล้วคือไม่เห็นด้วยเลย
เพราะที่เขาทำก็เพราะว่าเขาชอบทำ...อย่างในทุกวันที่มีงานยุ่งๆ และภาระมากมาย
การที่คยองซูได้ตื่นขึ้นมาทำอาหารให้สมาชิกได้กินกันในตอนเช้าแบบนี้นั่นแหละคือการพักผ่อนของเขา
วันนี้แตกต่างออกไปจากทุกวันเล็กน้อย...
คนอื่นจะเป็นหรือเปล่าไม่รู้แต่อย่างน้อยคยองซูก็ตื่นเต้นล่ะ
เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเขา และแน่นอนว่าเขากำลังจะตื่นเต้นกับวันเกิดในปีนี้เอามากๆ
เพราะปาร์ตี้วันเกิดปีนี้เขาและจงอินจะได้จัดงานฉลองคู่กัน...
คยองซูยกยิ้มออกมาจนตาเล็กหยิบหยีในขณะที่ตั้งไฟบนเตาและเริ่มลงมือทำอาหารเช้า
เขากำลังมีความสุขเมื่อได้คิดว่าวันนี้ต้องเป็นวันที่ดี และบรรดาแฟนๆของเขาและจงอินก็คงจะมารวมตัวกันเยอะแยะแน่ๆ
อา...พวกเขาคงจะปรารถนาโมเม้นท์หรือแฟนเซอร์วิสดีๆจากเราทั้งคู่สินะ...
ไม่ใช่ว่าไม่เคยรับรู้ว่ามีคนจับคู่ให้เราสองคนอยู่เยอะแยะ
แต่อย่างน้อยเราสองคนก็ไม่ได้ต้องใส่ใจและเสแสร้งที่จะต้องสร้างโมเม้นท์อะไรพวกนั้นขึ้นมาหรอก
ทุกอย่างมันจะถูกแสดงออกอย่างธรรมชาติ...นั่นเพราะว่าเราสองคนรักกันจริงๆ
หัวเราะคิกคักออกมาเมื่อได้นึกถึงรูปภาพที่จงอินเปิดให้เขาได้ดูในอินเตอร์เนทเมื่อวันก่อน
กับบรรดาข้อความในบล๊อค Cyworld ที่พวกเขาแอบมีแอคเคาท์กันอย่างลับๆ เพื่อติดตามความเป็นไปของแฟนคลับ
และแหม...พวกแฟนคลับทำไมใจร้อนกันจริงๆ แค่จัดงานปาร์ตี้ด้วยกันนี่ต้องคิดว่าจัดงานแต่งงานเลยเหรอ
จะว่าไปแล้วพลังของแฟนคลับนี่ช่างรุนแรงจริงๆ นะ
นี่ถ้าเกิดสมมติว่าถ้าเราไม่ได้รักกันอยู่จริงๆ พวกเขาต้องทำให้เราสองคนหวั่นไหวอย่างแน่นอน
ก็แหม...จับผิดเราสองคนและพากันชูป้ายเชียร์ขนาดนั้น
ต่อให้เราไม่รู้สึกอะไรต่อกันผมก็มั่นใจว่าเราต้องหวั่นไหวและรู้สึกแปลกๆ ต่อกันนิดหน่อยล่ะ
อย่างที่คู่ชานยอลกับแบคฮยอนก็รักกันได้เพราะว่าแฟนคลับพากันออกปากเชียร์นั่นแหละ
ผมยังจำได้อยู่เลยว่าเมื่อก่อนหน้านี้น่ะเขาไม่ได้สนิทกันซักเท่าไหร่ แถมยังทะเลาะกันออกจะบ่อยไปด้วยซ้ำ
จนกระทั่งแฟนคลับพากันชิบเปอร์และล้างสมองพวกเขาทั้งคู่นั่นแหละ...พวกเขาถึงกลายเป็นเป็นคู่รักกันจริงๆ จนได้
ผิดกับผมที่แอบคบหากับจงอินมาตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัดในช่วงปีสุดท้ายนั่นแหละ
เราสนิทกันและสุดท้ายก็กลายมาเป็นคู่รัก...
อ่า...ถึงแม้ว่าเขาจะมีข่าวกับสาวๆ คนอื่นบ้าง แต่มันก็ไม่ทำให้เรามีปัญหาอะไรซักเท่าไหร่
ก็โธ่...ผมจะไปสนใจข่าวพวกนั้นทำไมล่ะครับ
ในเมื่อเขาก็ยังนอนกับผมอยู่ในทุกๆ วันแบบนี้ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปคุยกับคนอื่น
เพราะงั้นแล้วผมไม่ได้หลงตัวเองนะครับ...ก็แค่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไรก็แค่นั้นเอง
“ยิ้มอะไรของนายอยู่คนเดียวน่ะเตี้ย?”
ผมหันขวับไปเจอปาร์คชานยอลที่เดินขยี้ผมออกมาเปิดตู้เย็นแล้วรินน้ำดื่ม
เขายังคงดูดีถึงแม้ว่าจะอยู่ในกางเกงวอร์มขายาวและรองเท้าสลิปเปอร์สีเหลืองขนนุ่มของแบคฮยอนก็ตามที
“ฉันยิ้มไม่ได้หรือไง...ก็วันนี้มันวันพิเศษ” ผมตอบกลับชานยอลไปพลางยกยิ้ม
“อ่อ จริงด้วยสิ...วันนี้นายมีงานแต่งนี่นา ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ชานยอลหัวเราะแซว
เพราะแน่นอนว่าพวกเขาเองก็รู้เหมือนกันว่าพวกแฟนคลับพากันพูดถึงพวกเราว่ายังไง
“ฉันไม่เหมือนพวกนายหรอกน่า...
พากันประกาศแต่งตอนวันเกิดแบบนั้นนายไม่คิดว่าแฟนคลับจะพากันบ้าตายเหรอ ฮ่าๆ” ผมถามเขา
“ไม่คิด...เพราะนั่นคือสิ่งที่พวกเขาอยากเห็น และแน่นอนว่าฉันเองก็อยากจะทำ
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พวกแฟนๆก็อยากให้เราแสดงออกอย่างนั้นอยู่แล้วนี่นา
ไม่เห็นต้องปิดบังอะไรเลย...แสดงออกไปอย่างที่อยากทำ แต่ก็แค่ไม่ได้บอกพวกเขาว่าเราคบกันจริงๆ หรือเปล่า
พวกแฟนคลับน่ะไม่โง่หรอกนะ เขาจะรู้ได้เองว่าพวกเราน่ะอะไรยังไง
เพราะงั้นฉันเลยไม่แคร์ แสดงออกได้ก็ทำไปเลย ยังไงพวกเขาก็ต้องรับได้อยู่แล้ว
อ่า...แต่บางทีฉันก็ไม่ชอบพวกภาพกิ๊ฟที่พวกเขาปล่อยออกมาเลยแฮะ ฉันมันดูดีเกินไป..”
ชานยอลพูดยิ้มๆ ก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นส่งให้ผม
ผมกระพริบตาปริบๆ และเบิกตาใส่เขาเพื่อบ่งบอกว่ามุกนี้ผมไม่อยากจะเห็นด้วย
เขาก็เลยหัวเราะออกมาแล้วปิดตู้เย็นอีกครั้ง
“แล้วไอ้จงอินมันยังไม่ตื่นหรือไง?” ชานยอลถาม
“ยังไม่ตื่น นายก็รู้ว่าเขามักจะตื่นเป็นคนสุดท้ายทุกทีนี่” ผมหันไปยิ้มแล้วตอบกับชานยอล
“ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนพวกนายจัดหนักกันเหรอ
วันสำคัญอย่างนี้ฉันเดาว่าไอ้จงอินไม่น่าจะพลาดนะ”
“พูดบ้าอะไรของนาย...พวกฉันไม่ได้ทำอย่างที่นายว่าซักหน่อย
เมื่อคืนก็แค่ดูหนังด้วยกัน แล้วจงอินก็เผลอหลับคาทีวีไปก่อน”
“โอ้...งั้นถ้าเมื่อคืนพลาด ก็น่าจะเป็นคืนนี้ล่ะสินะ
ฉันจะแอบเอากล้องไปติดไว้ที่ห้องนาย รับรองว่าถ้าเอาคลิปไปขาย
ฉันต้องรวยเละยิ่งกว่าเป็นไอดอลแน่นอนเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ชานยอลแกล้งพูดจนผมต้องยกเอาทัพพีในมือขึ้นตีเขา
“ใช่เรื่องพูดเล่นหรือไง
รีบไปอาบน้ำแล้วปลุกแบคฮยอนเลยไป
ข้าวเช้าจะเสร็จแล้ว จะได้ตื่นมากินพร้อมกัน” ผมแหวใส่ชานยอลพร้อมกับรู้สึกว่าหน้ากำลังร้อนผ่าว
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เขินอะไร๊
ของเคยๆ กันอยู่ยังมาทำเขิน” ชานยอลเอ่ยแซวและหัวเราะลั่นห้องอีกครั้ง
“ย๊า!! ปาร์คชานยอล!!!!” ผมตะโกนแล้ววิ่งไล่เขาไปทั่วห้องนั่งเล่น
จนสุดท้ายแล้วเสียงตะโกนของเราทั้งคู่ก็ปลุกคนทั้งหอให้ตื่นขึ้นมาจนได้
จุนมยอนเดินออกมาด้วยสภาพที่ดูแล้วเรียบร้อยที่สุดเพราะว่าเขาอาบน้ำแต่แต่งตัวเสร็จแล้ว
เซฮุนยังอยู่ในชุดนอนและติดจะงัวเงียเล็กน้อย
เขาเดินเกาะชายเสื้อของจุนมยอนออกมาแล้วหาวเอาหวอดๆ
แบคฮยอนเดินออกมาด้วยชุดนอนเช่นกัน...
เขาใส่สลิปเปอร์สีน้ำตาลของชานยอลเอาไว้แล้วเดินเข้ามาหาชานยอลที่ยืนอยู่ไม่ห่างไปจากผมนัก
“เสียงดังกันแต่เช้าเลยนะพวกนายเนี่ย
อ่ะ...คยองซู สุขสันต์วันเกิดนะ”
จุนมยอนยิ้มแล้วส่งมือมาลูบที่ศีรษะของผมอย่างรักใคร่
ก่อนจะยื่นเอาของขวัญกล่องเล็กๆ ที่ห่อด้วยกระดาษสีเงินส่งมาให้
“ของพี่กับจงแดหุ้นกันซื้อให้นาย หวังว่าคงจะชอบนะ” จุนมยอนส่งยิ้มมาให้ผม
“ขอบคุณครับ ผมชอบมันอยู่แล้วล่ะน่า” ผมตอบกลับเขาไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“สุขสันต์วันเกิดครับพี่คยองซู
ส่วนนี่เป็นของขวัญของผม เพิ่งทำเมื่อกี้เลยนะเนี่ย” เซฮุนยื่นกระดาษใบเล็กๆ แต่พับทบกันหลายชั้นส่งมาให้ผม
“หืม? นี่อะไร?”
ผมยกคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนจะหยิบกระดาษนั้นมาเปิดออกอ่าน
แต่ละหน้ามีข้อความสั้นๆ ที่เขียนเอาไว้ว่า “พาไปซื้อชานม” “หาข้าวเช้าทานเอง” หรือไม่ก็ “เก็บห้องนอน”
“ก็คูปองไง เอาไว้ใช้งานผมถ้าพี่เห็นว่าสมควร
อย่างถ้าวันนี้พี่อยากให้ผมหาข้าวเช้าทานเอง ผมก็จะหาข้าวเช้าทานเอง
ว่าแต่ตอนนี้ผมขอนมได้ไหม...หิวนมง่า” เซฮุนอธิบายก่อนจะทรุดตัวลงกับโต๊ะกลางห้องแล้วเรียกร้องหาอาหารเช้าของเขา
“งั้นพี่ใช้คูปองใบนี้ก่อนเลย ไปหานมทานเองซะไป
อยู่ในตู้เย็นก็ไปหยิบมาดื่มเองเซ่
อ๊ะ! แล้วห้ามใช้พี่ๆ คนอื่นด้วยนะ ไปหยิบเอาเองเลยไป”
“โธ่...ปีหน้าผมจะไม่เขียนข้อนี้เลยนะคอยดู”
ผมพูดขัดขึ้นมาในขณะที่เซฮุนกำลังทำท่าว่าจะหันไปขอจุนมยอนให้ช่วยเอานมให้เขา
หากแต่เมื่อผมออกคำสั่ง เด็กนั่นก็เบะปากออกมาแล้วบ่นเบาๆ
แต่ก็ยังเดินไปหยิบเอานมออกมาจากตู้เย็นแล้วกรอกดื่มเอง
“เหมือนว่าจงอินจะยังไม่ตื่นเลยนะ นายไม่ไปปลุกมันเหรอคยองซู”
แบคฮยอนพูดขึ้นมาเมื่อเดินมาหยิบเอาแครกเกอร์ที่ชานยอลกำลังจะหยิบเข้าปากมากัดซะเอง
ก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะอาหารข้างๆ เซฮุนจนได้
“ว่าจะรอให้ข้าวเช้าเสร็จก่อนแล้วค่อยไปปลุกน่ะ
แต่นี่ก็เสร็จแล้วล่ะ...ฝากนายช่วยตักมันใส่จานทีดิ เดี๋ยวฉันไปปลุกจงอินแป๊ปนึงนะ”
ผมส่งทัพพีให้แบคฮยอนแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก
แบคฮยอนพยักหน้ารับส่งๆ หลังจากนั้นจึงลากชานยอลไปช่วยเขาตักอาหารด้วย
“ปลุกเฉยๆ ก็พอนะครับพี่คยองซู...
อย่าทำอย่างอื่นนะครับ พวกผมรอกินข้าวอยู่”
“หุบปากไปเลยน่า...ระวังจะไม่มีปากไว้กินนมนะไอ้เด็กดื้อ”
เซฮุนเอ่ยแซวในขณะที่ยกนมขึ้นดื่ม
ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้เด็กตัวดีไปทีหนึ่งก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องและเริ่มต้นปลุกจงอินอย่างที่ทำทุกวัน
“จงอิน...จงอิน...
ตื่นได้แล้ว ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะ”
“งือออ ขออีกห้านาทีนะ”
จงอินพูดงัวเงียก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นคลุมรอบศีรษะ
ผมถอนหายใจออกมาพลางยกยิ้ม...
เพราะทุกครั้งที่เขาขอห้านาทีน่ะ มันจะกลายเป็นสองชั่วโมงหรือไม่ก็มากกว่านั้น
“ไม่ได้...ตื่นเดี๋ยวนี้เลย
ไม่งั้นวันนี้ไม่คุยด้วยนะ” ผมบอกกับเขา
“โธ่...ขู่กันแบบนี้อีกแล้ว” จงอินพูดงอแง
“นายก็รู้ว่าพี่พูดจริง”
“งั้นตื่นก็ได้...ช่วยดึงหน่อย”
จงอินเบะปากออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา
เขายื่นแขนออกมาเพื่อให้ผมช่วยดึงเขาขึ้นจากเตียงด้วยท่าทางง่อยๆ ตามประสาของคิมจงอินเวลาง่วงนอนนั่นล่ะ
“ทุกทีสิน่า...ลุกขึ้นมาเลย ตื่นเดี๋ยวนี้นะคิมจงอิน”
ผมดึงเขาให้ลุกขึ้น ทุลักทุเลพอสมควรกว่าจะดึงให้เขาลุกขึ้นมายืนจนได้
จงอินยังคงไม่ลืมตา เมื่อเขาซบหน้าลงกับไหล่ของผมแล้วกอดเอาไว้
ผมมั่นใจว่าเขาคงยืนหลับได้ถ้าผมยังยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนี้
“เฮ้ไม่เอาน่า...ตื่นได้แล้วนะ ทุกๆ คนกำลังรออยู่
รีบไปล้างหน้าเถอะ แล้วออกไปกินข้าวเช้ากัน”
ผมเขย่าตัวเขาทั้งๆ ที่หน้าของจงอินกำลังซบแนบอยู่ที่บ่า
“อืม...ตื่นแล้ว ตื่นแล้ว
แฮปปี้เบิร์ทเดย์นะครับคยองซูอ่า”
จงอินสูดหายใจแล้วลืมตาออกมาก่อนจะบอกคำที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรจะพูดมาตั้งแต่ตื่นนอนแล้ว
เขาเลื่อนไปจูบที่แก้มของพี่ชายตัวเล็กแผ่วเบา ก่อนจะยกยิ้มให้แบบที่คิดว่าหวานที่สุด
แต่ดูแล้วท่าทางมันจะไม่ค่อยเข้าท่าซักเท่าไหร่สินะ
“อย่ามาทำตัวน่ารักทั้งๆ ที่เมาขี้ตาอย่างนั้นน่า...
ไปล้างหน้าได้แล้วจงอิน แล้วรีบๆ ออกมานะ พี่จะรออยู่ข้างนอก”
“โธ่...พี่ทำลายบรรยากาศโรแมนติกหมดเลย” จงอินกลอกตา
“มันจะโรแมนติกกว่านี้ถ้านายไม่ได้อยู่ในสภาพนี้นะจงอินอ่า
ไปๆ รีบไปอาบน้ำนะ...ไว้ถ้านายดูดีกว่านี้เราค่อยมาโรแมนติกกันทีหลังก็ได้”
ผมพูดกับเขาพร้อมทั้งยกยิ้มออกมาเมื่อจงอินทำท่าทางเหมือนว่าโลกทั้งโลกกำลังจะแตกสลายเมื่อผมไม่รับมุกเขา
พร้อมกับรุนหลังให้ไอ้เด็กดื้อให้เดินเข้าไปยังห้องอาบน้ำ ก่อนจะกำชับให้เขาให้เข้าไปล้างหน้าล้างตาเพื่อออกไปกินมื้อเช้า
“อ่าฮะ...วันนี้เรายังมีเวลาสำหรับฉลองงานแต่งนี่เนอะ” จงอินพูดยิ้มๆ
“เพราะงั้นนายก็ควรไปล้างหน้าแล้วแต่งตัวให้หล่อนะ...ถ้าขืนไม่หล่อพี่จะไม่แต่งด้วยนะ” ผมแหย่เขา
“โธ่...พี่ก็รู้ว่าผมหล่ออยู่แล้ว พี่ท้าอย่างนี้เพราะรู้ว่าตัวเองจะแพ้สิท่า
ฮ่าๆ ไว้วันนี้เราตัดเค้กด้วยกันดีกว่านะ...มาตกลงกันก่อนสิ นี่เป็นภารกิจ”
จงอินยกคิ้วท้าผมและเสนอในข้อเสนอที่เราชอบเล่นกันบ่อยๆ
อย่างถ้าคราวที่แล้วผมเองก็ท้าเขาว่าให้แอบแสดงออกถึงความสัมพันธ์ของเราเล็กน้อยในงาน RCY
แต่ก็นั่นแหละครับ...เขารับคำท้า แถมยังทำตัวเกินกว่าภารกิจและคำว่าเล็กน้อยของเราไปเยอะเลย
“พี่จะเล่นด้วยถ้านายไปอาบน้ำตอนนี้” ผมบอกกับเขา
“งั้นก็คงจะดีนะถ้าพี่มาอาบน้ำให้ผม”
เขาพูดพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม
ผมกลอกตาไปมาเมื่อได้ยินอย่างนั้นแต่ก็ยังยิ้มกว้าง
อยากจะตอบกลับเขาไปแต่ก็มีเสียงของชานยอลที่ดังขึ้นมาขัดซะก่อน
“จะสวีทกันอีกนานมั้ยโว้ยยยยยยย พวกฉันหิวข้าว!”
ชานยอลตะโกนดังมาจากห้องนั่งเล่น
ผมยักไหล่ก่อนจะรุนหลังจงอินให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ
ส่งยิ้มกว้างก่อนจะพูดทิ้งท้ายกับเขาแล้วปิดประตู...
“รู้คำตอบแล้วนะว่าไม่ได้...สุขสันต์วันเกิดนะครับน้องจงอิน”
พูดจบแล้วผมก็ปิดประตูใส่หน้าเขาเลยครับ...คิกคิก ♥
“เหอ ทำเป็นพูดไป...นายนั่นแหละกล้ารึเปล่า?”
แบคฮยอนยักไหล่ในขณะที่เรากำลังนั่งกินไอศกรีมด้วยกันอยู่ที่หน้าทีวีตรงห้องนั่งเล่น
ถึงวันนี้จะไม่มีงานอะไร แต่สมาชิกของเราบางคนก็ต้องเข้าไปที่บริษัทอยู่ดี
พี่จุนมยอนออกไปกับพี่ฮยอนกยูนตั้งแต่ช่วงสายเมื่อเรากินข้าวเช้ากันเสร็จ
ผมได้ข่าวแว่วๆ มาว่าพี่เขาจะได้ร่วมรายการวาไรตี้จับคู่ทันทีที่พวกเราคัมแบ๊ค
อ่า...น่าสงสารจัง แต่ในบรรดาพวกเรา พี่เขาเป็นนักแสดงที่เก่งที่สุดแล้วนี่นา...
แถมรายการ WGM น่ะ...ต้องให้เล่นตามสคริปต์ที่ตั้งไว้ให้
ซึ่งแน่นอนว่าผมเป็นคนประเภทที่จะลบสคริปต์ในหัวออกโดยอัตโนมัติถ้าหากตื่นเต้น
และสมาชิกคนอื่นๆ ก็ไม่น่าจะทำได้ดีเท่ากับพี่จุนมยอนหรอกนะ...เพราะงั้นให้เป็นพี่เขาไปน่ะดีแล้วล่ะ
เซฮุนและชานยอลออกไปซื้อของด้วยกันเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้ผมวันนี้
เราไม่จำเป็นต้องมีเซอร์ไพรส์ต่อกันและแสร้งทำเป็นว่าลืมวันเกิดอะไรแบบนั้น
เพราะพวกเราทุกคนจำวันเกิดของกันและกันได้เป็นอย่างดี
และการจะทำตัวงี่เง่าโดยการเสแสร้งทำเป็นจำวันเกิดไม่ได้เพื่อเซอร์ไพรส์น่ะ มันจะเป็นอะไรที่ปัญญาอ่อนสุดๆ
จงอินมีนัดซ้อมเต้นทั้งๆ ที่เป็นวันเกิด...น่าสงสารไปหน่อยแต่ก็เป็นหน้าที่ๆ เขาต้องรับผิดชอบนี่นา
ผมและแบคฮยอนความจริงแล้วมีคิวอัดเสียงในอัลบั้มใหม่เช่นกัน
แต่เพราะว่าพี่โปรดิวเซอร์ที่ต้องทำงานให้เราวันนี้กลับมีธุระด่วนก็เลยต้องเลื่อนทุกอย่างออกไป
และนี่ถือว่าเป็นโชคดีของผมจริงๆ ที่อย่างน้อยในวันเกิดก็มีเวลาได้พักผ่อนบ้าง
ว่ากันตามจริงแล้วผมเองก็ไม่ได้หวังของขวัญอะไรมากมายหรอก
เพราะแค่ขอให้พี่ผู้จัดการให้เราได้มีเวลาพักหายใจแบบนี้กันบ้างก็มากพอแล้ว
ผมกัดช้อนไอศกรีมดึงกึกๆ แล้วยักไหล่ตอบแบคฮยอนไป
เราอยู่กันสองคนและใช้เวลาพักผ่อนอย่างชิลที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ฉันจะทำอะไรได้ก็ในเมื่อจงอินชอบทำท่าทางอย่างนั้นอยู่เรื่อย ถึงไม่ต้องขอเขาก็ทำมันอยู่แล้วนิ”
“ฮ่าๆ วันนี้พวกแฟนคลับต้องนอนตายแน่ๆ
ฉันสาบานได้เลยว่าตอนวันเกิดฉันนะ ฉันเห็นนูน่าคนนึงนั่งร้องไห้กับเพื่อนของเธอ
ตอนชานยอลบอกว่าพวกเราจะแต่งงานกันล่ะ”
“แต่พวกเรามีเวลาจำกัดนี่นา...
ฉันไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าเราจะได้อะไรมากนักกับปาร์ตี้วันนี้
นายคิดว่าเวลาแค่ชั่วโมงเดียวจะทำอะไรได้มากเท่าไหร่กัน”
“ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของจงอินเถอะน่า...
ฉันว่าระหว่างนี้นายน่าจะมาร์คหน้านะ! วันเกิดทั้งทีต้องเอาให้วิ้ง” แบคฮยอนพูดพลางขยิบตา
“นายทำอย่างกับว่าฉันเป็นผู้หญิง
แล้วสารภาพมาเหอะ...อยากมาร์คเองก็บอกมา
ทำเป็นชวนฉัน โธ่...ไม่เนียนเลยแบคฮยอน”
ผมเอ่ยแซวแบคฮยอนที่ตอนนี้เดินไปถึงตู้เย็นแล้วเปิดมันออก
หยิบแผ่นมาส์กหน้ายี่ห้อที่แฟนๆให้เรามาเมื่อคราวก่อนแล้วหันมายิ้มให้ผม
“โห่...ฉันเป็นห่วงนายหรอก
วันนี้ต้องหล่อเด้งเด่ะ...ฉากจำลองงานแต่งนะ ฮา”
“ตลกตายล่ะ...งานวันเกิดต่างหาก พูดให้มันถูกๆ หน่อย”
ผมพูดกับเขาก่อนจะยื่นมาไปรับแผ่นมาส์กมาจากแบคฮยอนแล้วเริ่มแกะซองออก
“เอาน่า...จะงานไหนมันก็เรียกได้เหมือนกัน
เดี๋ยวพวกนายก็ต้องสร้างโมเม้นท์กันอยู่ดีล่ะ ฉันเชื่อมั่นในจงอินเต็มที่เลยว่ามันต้องทำ
และเอาล่ะ...ต่อจากนี้อีกยี่สิบนาทีเราน่าจะอยู่เงียบๆ เพื่อให้นายได้คิดนะว่าจะสร้างโมเม้นท์ยังไงให้แฟนคลับชอบดี
พวกเขาเรียกว่าอะไรนะ...อ่า...ใช่ๆ ฟิน นายต้องทำให้พวกเขาฟินล่ะ นี่คือหน้าที่ของนายวันนี้”
แบคฮยอนยิ้มให้ผมแล้วทาบแผ่นมาส์กลงไปแล้วแผ่ตัวนอนลงบนโซฟา
ผมหัวเราะให้เขาก่อนจะเอ่ยออกมาเป็นครั้งสุดท้ายในขณะที่ดึงมาร์สออกจากซอง
“โธ่...งั้นก็ไม่เห็นต้องคิดมากเลย
ถ้าจงอินเสนอฉันก็เป็นคนสนองแค่นั้นก็จบ
และใช่...ฉันรับรองได้เลยว่าแฟนคลับต้องฟินตายแหงๆ
พวกเขาคงจะแปลกใจว่าทำไมโมเม้นท์ระหว่างเราถึงได้ดูเหมือนจริงนัก ฮ่าๆๆๆ”
ผมบอกกับแบคฮยอนที่ตอนนี้เม้มปากแน่นสนิทและส่งนิ้วโป้งมาให้แทนคำพูดเพราะว่าแผ่นมาร์สหน้านั้น
ผมแปะแผ่นมาร์สเย็นๆ ลงไปบ้างแล้วเอนตัวลงนอนแผ่กับพื้นห้องนั่งเล่นที่ผมเองมักจะเป็นคนที่ทำความสะอาดมันเสมอ
หยิบมือถือขึ้นมากดข้อความส่งไปให้จงอินที่ตอนนี้น่าจะกำลังซ้อมเต้นอยู่ที่บริษัทแล้วแอบยกยิ้มออกมาบางๆ
จงอินอ่า...ซ้อมเต้นเหนื่อยไหม?
ฉันกำลังเข้าคอร์สเจ้าสาวแบบเร่งรัดกับแบคฮยอนอยู่ล่ะ
เพราะงั้นแล้วก็รีบๆ กลับมารับพี่นะครับน้องจงอิน...
งานปาร์ตี้ของเราถูกจัดขึ้นตอนสามทุ่มครึ่งตามเวลาของเกาหลี
ระหว่างที่ผมนั่งรถจากหอพักมาจนถึงบริษัทผมเองก็ขอยืมไอแพดจากแบคฮยอนเพื่อเช็คเล็กน้อย
ผมรู้สึกตื่นเต้นเอามากๆ เพราะว่าในบล๊อค Cyworld นั้นกำลังลงรูปของขวัญที่บ้านแฟนเบสนั้นซื้อให้เรา
ผมรู้สึกดีใจสุดๆ เพราะของที่ผมได้รับนั้นมันมากเกินไปจริงๆ
อันความจริงแล้วผมเฝ้ารอของขวัญพวกนี้มาตลอดหลังจากที่วันเกิดของทุกๆ คนนั้นผ่านไป
แต่พอมาถึงวันนี้แล้วผมกลับคิดว่าของพวกนี้มันมากเกินไปที่ผมควรจะได้รับ...
ไหนจะตู้อบผ้า...ไหนจะเค้กสารพัดที่แฟนคลับเตรียมไว้ให้อีก
ฮือออออออ ผมล่ะซึ้งใจจังเลยครับ
“น่าอิจฉาสุดๆ แต่จะว่าไปก็น่าสงสารสุดๆ เหมือนกันนะเนี่ย
ตอนนี้นายมีเครื่องอบผ้า งั้นก็แปลว่าต่อจากนี้ไปนายต้องซักผ้าให้พวกเราอ่ะดิ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ชานยอลพูดขึ้นมาในขณะที่เขากำลังชะโงกหน้ามาจากเบาะหลัง
“ทำอย่างกับว่าที่ผ่านมาฉันไม่ได้เป็นคนซักผ้าให้พวกนายอย่างนั้นแหละ” ผมตอบเขาพร้อมทั้งแยกเขี้ยวใส่
“โถๆๆๆๆๆ พี่คยองซูที่น่าสงสาร
งั้นเอาไว้วันเกิดปีหน้าผมจะเขียนคูปองซักผ้าเองให้พี่นะ”
เซฮุนตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ หลังจากที่เงยหน้าขึ้นมาจากมือถือในมือ
“งั้นพี่ขอคูปอง 365 ใบเลยนะ...เผื่อพี่จะได้ไม่ต้องซักผ้าให้นายอีก
กะอีแค่ยัดๆ ลงเครื่องแล้วตากมันยากตรงไหนวะ? พวกนายนี่...ไม่ได้เรื่องเลย”
ผมบ่นออกมากระปอดกระแปดก่อนจะคืนไอแพดไปให้แบคฮยอนเมื่อรถของเราใกล้จะถึงบริษัท
พี่จุนมยอนปลุกจงอินให้ตื่นแทนผมที่กำลังเตรียมความเรียบร้อยของเสื้อผ้า
“เอาเป็นว่าเรามีเวลาหนึ่งชั่วโมงนะ...
แล้วหลังจากนั้นเราจะกลับไปฉลองกับพวกเพื่อนๆ ที่หอกัน
เออ แล้วอย่าหลุดพูดอะไรเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ล่ะ...”
พี่จุนมยอนหันมาบอกกับพวกเราในขณะที่ทุกคนกำลังมองออกไปข้างนอกหน้าต่างรถ
ผมเห็นแบคฮยอนกำลังโบกมือให้แฟนคลับที่รออยู่ด้านหน้าบริษัทและจงอินก็พยายามสะบัดหน้าเพื่อเรียกสติ
“เอาล่ะ...ถ้าพร้อมแล้วก็ลงไปได้แล้ว รีบๆ เดินนะอย่ามัวแต่อ้อล้อล่ะ”
พี่ผู้จัดการหันมากำชับกับเราก่อนที่เขาจะลงมาเปิดประตูให้
ผมและจงอินยิ้มให้กันเล็กน้อยเมื่อเขาหันมามองผม
เขาพูดออกมาเป็นคำพูดที่ไร้เสียงว่า
“อย่าลืมภารกิจของเรานะ”
ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อยในขณะที่ปีนตัวลงไปจากรถ
ก่อนจะเดินตามหลังแบคฮยอนเข้าไปในบริษัทอย่างร่าเริง
กระซิบตอบกลับเขาไปอย่างเป็นสุขเมื่อจงอินเดินเข้ามาซ้อนข้างหลังแล้วเริ่มโอบเอวผมไว้
.
.
“ฟินแน่ไม่ต้องกลัว...”
“โอย...เหนื่อยอ่ะ”
จงอินบ่นออกมาเมื่อได้ทิ้งตัวลงกับเตียงกว้างแล้วถอนหายใจออกมาเสียงยาวเหยียด
เราเพิ่งขนเก้าอี้นวด กีต้าร์ ตู้อบผ้า บลาๆๆๆๆ และของขวัญทั้งหมดที่เราได้รับมาวางไว้ในหอพัก
และพากันใช้แรงงานเพื่อนๆ สมาชิกในการขนย้ายพวกมันมาวางไว้ในห้องได้ในที่สุด
“เอาน่า...อย่างน้อยเราก็ถึงห้องแล้วนะ
ถ้าเหนื่อยก็พักกันเถอะ...พรุ่งนี้ช่วงเช้าเรายังมีเวลาว่างที่จะแกะมันออกดูและเริ่มจัดมัน”
ผมบอกกับเขาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแผ่กับเตียงนอนเช่นกัน...
ก่อนจะยกยิ้มออกมาเมื่อจงอินยกแขนมาก่ายที่เอวผมเอาไว้และยิ้มออกมาทั้งๆที่หลับตา...
งานปาร์ตี้ผ่านไปอย่างราบรื่นและเร่งรีบ
ช่ายครับ...มันออกจะเร่งรีบไปหน่อย เพราะเรามีเวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น
วันนี้เพื่อนๆ ฝั่ง M อยู่กับพวกเราด้วยเราเลยต้องทำเวลากันหน่อยเพราะเราต้องกลับไปฉลองกับพวกเขา
เราจัดงานปาร์ตี้กับแฟนคลับด้วยรอยยิ้ม
ชานยอลทำหน้าที่เป็นพิธีกรในงานวันนี้ร่วมกับเซฮุน แต่ดูเหมือนว่าเซฮุนจะทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ = =
เขาพูดมากชะมัดเลย...ชานยอลน่ะ รวมถึงแบคฮยอนด้วยที่เอาแต่จิกกัดสร้างบรรยากาศให้งานเราเป็นไปอย่างสนุกสนาน
พี่จุนมยอนก็พยายามจะทำเหมือนกัน...
แต่เห็นได้ชัดว่าพี่เขามักจะสร้าง “จุนมยอนเอฟเฟ็ค” ทุกครั้งที่เขาพยายามจะเล่นมุกออกมา = =
ดังนั้นชานยอลก็เลยเป็นตัวสำคัญในการเดินงานวันนี้นั่นแหละนะ....
ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีอย่างที่ผมคิดเอาไว้ว่าจงอินต้องไม่พลาดที่จะทำมันแน่
ปกติแล้วถ้ามันมากไปผมก็ไม่ค่อยจะเล่นด้วยซักเท่าไหร่หรอก...เพราะทำตัวโจ่งแจ้งไปมันก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก
แต่วันนี้มันกลับเป็นความรู้สึกโอเคถ้าผมจะเล่นมันกับเขา เราได้เลยจับมือกันตอนที่ตัดเค้กล่ะ...
แบคฮยอนล่ะกระตุกชายเสื้อผมใหญ่เลยตอนที่เรากำลังตัดมัน...
และหลังจากนั้นชานยอลก็ดูจะคึกคักเป็นพิเศษจนดูเหมือนว่าเขาพี้กัญชาก่อนจะมางานนี้ = =
และเมื่อเรากลับมาฉลองด้วยกันกับสมาชิกเราก็ยังคงมีความสุขเหมือนเดิม
ออกจะวุ่นวายเกินไปด้วยซ้ำเมื่อเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกันแล้วพี่ผู้จัดการก็มักจะพบว่าเราน่ะยากเกินจะควบคุม
พวกชานยอล จงแด จื่อเทาและเซฮุนพากันตั้งวงดื่มเหล้าและพูดคุยกันเสียงดังอย่างสนุกสนาน
พวกพี่คริส พี่อี้ชิงและพี่จุนมยอนและสมาชิกที่เหลือต่างก็พากันยุ่งวุ่นวายอยู่กับการแย่งไมค์กันเพื่อร้องคาราโอเกะ
มันชุลมุนและจัดการยากจริงๆ...
ผมสาบานได้ว่าเห็นพี่มินซอกพยายามจะแบกจงแดออกจากห้องพักของเราเมื่อตอนที่พี่ผู้จัดการไล่ให้เราไปนอนได้แล้ว
ชานยอลสลบเหมือดอยู่หน้าโซฟาและแบคฮยอนก็ไม่ได้แตกต่างกัน...
โชคดีที่วันนี้เซฮุนไม่ได้เมาหนักถึงขนาดกับว่าอ้วกเรี่ยราด...
ไม่งั้นล่ะผมคงรับรู้ชะตากรรมของตัวเองหลังจากตื่นนอนพรุ่งนี้ว่าคงไม่ใช่ใครหรอกนะที่ต้องเก็บกวาด
เราเลิกงานฉลองเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนเกือบตีสาม
พี่ๆ ผู้จัดการนั่งสัปหงกไปแล้วจนเมื่อสุดท้ายจงแดดันทำแก้วแตกไปหนึ่งใบ
พวกเราเลยต้องแยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมันเพราะว่าระเบิดเวลาลง = =
จนสุดท้ายแล้วผมก็ได้มานอนแผ่อยู่ตรงนี้จนได้...
รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองกำลังแดงก่ำและร้อนผ่าวเพราะว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่กินเข้าไปพอสมควร...
“แฟนคลับนายรวยมากเลยจงอินอ่า
ฉันได้ยินมาว่านายได้แมคบุ๊คตั้งสิบเครื่องเลยนะ” ผมพูดกับเขา
“ของผมก็เหมือนของพี่แหละน่า...จะพูดถึงเรื่องจำนวนทำไม
วันหลังอย่าพูดถึงมันอีกนะ ผมไม่ชอบ”
จงอินบอกทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา
แต่เขากลับเลื่อนตัวเข้ามาแล้วกอดผมเอาไว้แน่นกว่าเก่า
เห็นได้ชัดว่ากำลังเข้าใจผิดในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ...
โธ่...ผมน่ะไม่ได้อิจฉาเขาหรอกนะ แค่ดีใจต่างหากที่แฟนๆ ของจงอินทุ่มเทให้เขาขนาดนี้
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซักหน่อยน่า...คิดมากไปแล้ว”
ผมยกมือขึ้นไปลูบที่ศีรษะเขาเบาๆ แล้วยิ้มออกมาบางๆ
ใบหน้าเพียงเสี้ยวเดียวที่เห็นจากการที่เขานอนคว่ำแล้วแนบหน้าลงกับเตียงนั้น
ทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังสบายอกสบายใจที่ได้นอนแผ่อยู่บนเตียงแบบนี้
“อืม...งั้นก็ดีแล้วครับ” จงอินบอก ก่อนที่จะเลื่อนขึ้นมาจูบที่หน้าผากของผมเขาๆ ครั้งหนึ่ง
“สุขสันต์วันเกิดนะคยองซูอ่า” ก่อนจะพูดต่อเมื่อเขาลืมตาขึ้นมามองหน้าผมแล้ว...
“สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้าเหมือนกันนะจงอิน” ผมกระซิบตอบเขา
“นี่ๆ...ผมว่าที่พวกแฟนๆ ให้เก้าอี้นวดผมมานี่ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะคยองซู”
จู่ๆ จงอินก็พูดขึ้นมาพร้อมทั้งยกยิ้มกรุ้มกริ่มแบบที่เขาชอบทำทุกครั้ง
ผมขมวดคิ้วเมื่อจู่ๆ จงอินก็เลื้อยมือเข้ามาภายใต้เสื้อของผมอย่างช้าๆ
มือเย็นๆ เพราะอากาศที่หนาวเหน็บนั้นกำลังทำให้ผมต้องกลืนน้ำลาย
“หมายความว่าไง?” ผมถามเขาออกไปทั้งๆ ที่พอจะรู้อยู่แล้วว่าอะไรคือเหตุผล
“โธ่...ไม่เอาน่าจงอิน”
จงอินเล่นปูไต่อยู่ที่หน้าท้องของผมได้ไม่เท่าไหร่
เขาก็เลื่อนขึ้นมาทาบทับที่ตัวผมไว้แล้วเริ่มไล้จูบที่ตรงปลายคาง
ผมพยายามจะดันหน้าอกเขาให้ห่างออก...แต่แน่นอนว่าเรี่ยวแรงอย่างผมน่ะเหรอจะสู้เขาได้
“โธ่คยองซู วันนี้เป็นวันสำคัญนะ...เพราะงั้นเราไม่ควรจะพลาด
ตอนนี้พี่ชานยอลกับพี่แบคฮยอนก็หลับสนิทไปแล้ว!
ไม่มีใครมาสนใจเราในตอนนี้ซักคนเลยเห็นไหม??
พรุ่งนี้ตอนเช้าเราไม่มีงานด้วย เราจะตื่นสายแค่ไหนก็ได้ไม่มีเพราะงั้นมันถึงได้เวิร์คสุดๆ!!”
จงอินพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นและกัดริมฝีปากเอาไว้
ผมเองกลอกตาไปมาเพราะเหตุผลที่เขาพูดมาน่ะมัน...
ก็คือเอ่อ...มัน...มันทำให้ผมคิดว่าเราไม่น่าจะพลาดมันจริงๆนั่นแหละน่า!!
“ให้ตายเหอะไอ้เด็กบ้า” ผมพูดออกมาพลางยกมือขึ้นตีที่บ่าของไอ้เด็กเอาแต่ใจเบาๆ
“งั้นตกลงนะ” จงอินยิ้มก่อนจะก้มลงมาจูบผมเบาๆ
และแน่นอนครับว่าต่อให้ผมจะพูดหรือว่าปฏิเสธยังไง...
.
.
ผมก็เปลี่ยนใจจงอินไม่ได้อยู่แหละน่า...
+BONUS
“นี่ๆ คยองซู...ผมว่าปีหน้ามันคงจะดีนะ
ถ้าแฟนๆ ซื้อเครื่องเล่นบลูเรย์กับทีวีให้พวกเราเป็นของขวัญ”
จงอินพูดขึ้นมาในขณะที่เราเพิ่งจะผ่านช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันไปไม่นานนัก
ผมยังเปลือยกายอยู่ในอ้อมกอดเขา...
รู้สึกเหนื่อยและเพลียแต่ก็ยังมีแรงเหลือมากพอที่จะต่อบทสนทนากับจงอินอย่างสบาย
“หืม? ทำไมล่ะ?
ไม่คิดว่ามันจะมากไปหน่อยเหรอ?” ผมถามเขา
“ก็แค่ความอยากล่ะน่า...
แค่พูดเผื่อไว้ว่ามันน่าจะดีนะถ้าเราได้มัน” จงอินพูดต่อเมื่อเขายันแขนขึ้นมาค้ำศีรษะเอาไว้แล้วมองมาที่ผม
“แล้วทำไมต้องเป็นทีวีกับเครื่องเล่นบลูเรย์?” ผมถามเขาอีกครั้ง
“ก็...วันนี้ผมบอกว่าสิ่งที่ผมจะทำหลังจากอายุ 20 ก็คือดูหนังเรท
ผมคิดว่าปีหน้าต้องมีแฟนคลับไอเดียบรรเจิดส่งหนังเรทมาเป็นของขวัญผมแน่เลย
และมันก็คงจะดีนะถ้าเกิดว่า...
.
.
เราได้เครื่องเล่นกับทีวีมาโคฟเวอร์ท่าทางในหนังเรทด้วยกัน”
- THE END -
ผลงานอื่นๆ ของ NMNSnowman ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ NMNSnowman
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น