ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] ✚ :: THE BIGGEST FANBOYs :: ✚ [KAI&DO]*

    ลำดับตอนที่ #3 : BIGGEST FANBOYs ::: 03

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 56


    Author: MR.SNOWMAN
    Starring : Kim Jongin & Do Kyungsoo
    Rate :  PG - 13






     

    THE BIGGEST FANBOYs






    - 03 -










     

    แบคฮยอนหัวเราะคิกคักกับตัวเอง ในขณะที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงนอน

    สองมือถือโทรศัพท์ เขาสัมผัสแป้นพิมพ์บนหน้าจอรัวเร็ว

    ยิ้มกว้างตามบทสนทนาที่ได้คุยผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์

     

     

    Direct   Massage

     

     To @REALACE_CHANYEOL

    23.12:     ทำไมพี่ชานยังไม่นอนอีกครับ?

    23.12:     เห็นบอกวันนี้งานเยอะ ไม่เหนื่อยเหรอ?

    23.13:     พักผ่อนเยอะๆ หน่อยสิครับ ผมเป็นห่วงนะ

     

    To @Junmyeon_botkr

    23.15:     ช่ายครับ วันนี้งานเยอะมากๆ

    23.15:     ง่วงนะ แต่ยังไม่อยากนอนเลย

     

    To @REALACE_CHANYEOL

    23.16:  อ้าว ทำไมอ่ะครับ?

     

    To @Junmyeon_botkr

    23.16:     ก็ตอนนอน พี่ไม่ได้คุยกับจุนมยอนนี่นา...          

    ถ้าให้อดนอนเพื่อคุยกับจุนนี่ พี่ก็ยอมนะครับ ^^             

     

     

    อะหือ เพลงเนื้อคู่คลอมาเลย...

    หล่อๆ หล่อๆ อย่างผม แล้วใครจะทนไหวเล่า!! T////T

     

    แบคฮยอนกัดริมฝีปากอย่างเขินอาย กรีดร้องอยู่ในใจก่อนจะกลิ้งตัวไปมาบนเตียงกว้าง

    รู้สึกเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก โฮววววว ทำไมพี่ชานบอทนี้ถึงปากหวานกระชากใจ

    เจอแบบนี้แล้วใครจะทนวะครับ!!

     

     

    To @REALACE_CHANYEOL

    23.16:     ง่า แต่ผมเป็นห่วงพี่นะครับ เรายังมีเวลาอีกนาน

    พี่น่าจะไปพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องทำงานอีกไม่ใช่เหรอ

     

     

    To @Junmyeon_botkr

    23.17:     อ่า...จะว่าไปแล้วก็ถึงเวลาต้องนอนแล้วจริงๆ ครับ

           พี่ไปก่อนครับ ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะครับจุนนี่อ่า 

    ฝันดีนะครับ ^^                                                    

     

    To @REALACE_CHANYEOL

    23.16:     คร้าบผม... ฝันดีนะครับชานยอลของจุนนี่

     

     

    แบคฮยอนพิมพ์ข้อความด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะทิ้งมือถือลงที่ข้างตัว

    กลิ้งไปมาใต้ผ้าห่ม รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ ริมฝีปากเหยียดพรายออกมาเองอย่างช่วยไม่ได้...

    นี่สินะเขาถึงได้ว่ากันว่า...เวลาคนเรามีความรัก ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ก็มักจะดูสวยงามไปหมด

     

    แบคฮยอนเป็นติ่งมาได้หลายปีแล้ว

    เริ่มแรกก็ในสมัยที่ยังเป็นผู้ชายกะโหลกกะลาก็ชอบมองผู้หญิงขาวๆ สวยๆ

    แบคฮยอนเลยเริ่มทำการเบิกเนตรเข้าสู่วงการติ่งด้วยการเป็นแฟนคลับวง Girls’ Generation

    มีเมนเป็นแทยอนนูน่า แม่สาวหลอดไฟที่เป็นลีดเดอร์ของเก้าสาวเกิร์ลกรุ๊ปนั่นไง

    และเพราะตอนนั้นความแมนยังล้นเปี่ยม ไฟแห่งแฟนบอยของแทยอนนูน่าก็เลยแรงมาก

    มองเห็นแต่ความขาว จนไม่สามารถมองใครได้เลย...

     

    จนดวงตาเห็นธรรม และไม่รู้ว่าฟ้ากลั่นแกล้งหรือเปล่าล่ะน่า

    บางทีแบคฮยอนกับแทยอนนูน่าอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กันก็ได้ #มโนฯ

    ฟ้าเลยประทานไอ้หูกางหน้าหล่อคนนี้ผ่านเข้ามาในสายตา ในวันที่แบคฮยอนดันไปติ่งแทยอนนูน่าที่หน้าบริษัท

     

    บ้าเอ๊ย...แบคฮยอนล่ะจำได้ดีเลยว่าเขาแทบจะหุบปากไม่ลง

    ตอนที่ได้เห็นไอ้คนตัวสูงคนนั้น สะพายกีต้าร์หลังใหญ่ที่กลางหลังแล้วเดินเข้าไปในตึกวันนั้นพอดิบพอดี

    ตอนแรกคิดว่าเป็นทีมงานในบริษัทซักคน...

    แต่แบคฮยอนก็พบว่าตัวเองคงบ้าไปแล้ว

    ที่ดันไปจ้องเขาตาแทบถลนตอนที่เห็นเขาโซโล่กีต้าร์ในงานรวมศิลปินของค่าย SM Ent.

     

    เป็นอันชัดเจนว่าเขาเป็นเด็กฝึกของทางค่าย...

    และตั้งแต่วันนั้นมา...แบคฮยอนก็ตามติ่งตามกรีดร้อง ปาร์ค ชานยอล มาโดยตลอดแหละนะ

     

    อ่า...บ้าจริง นี่ทำเป็นตำนานได้เลยนะเนี่ย เขียนเป็นฟิคได้ป่ะครับ

    แบบมนต์รักหน้าเอสเอ็ม ไรประมาณนี้น่ะ...เออ แต่ว่าใครจะอ่านวะเนี่ย - -

     

    แบคฮยอนนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนที่เริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองกำลังนอนไม่หลับ

    คิดอะไรไม่ออก เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเขา

    ที่บอกว่าเพื่อนรักเพียงคนเดียวน่ะ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครคบน่ะครับ

    แต่ก็อย่างว่า เพื่อนที่เป็นติ่งด้วยกันน่ะ มันก็คุยกันรู้เรื่องและสนิทใจกว่าเพื่อนที่ไม่ชอบดารานักร้องเห็นๆ

    จะว่าไปเมื่อก่อนคยองซูก็ไม่ได้บ้านักร้องเกาหลีหรอกนะ แต่สุดท้ายดวงตาก็เห็นธรรมจนได้ล่ะน่า...

     

    “ฮัลโหลคยองซูอ่า...มึงนอนยังวะเนี่ย?” กรอกเสียงถามไปในโทรศัพท์

     

    “อ๋อ...ยังอ่ะ แต่กูอาบน้ำแล้วนะ

    ตอนแรกว่าจะนอนแล้ว แต่หาข้อมูลเรื่องหมอนข้างจงอินนาอยู่

    มึงว่าพันสองแพงไปป่ะวะ กูยิ่งไม่ค่อยมีตังค์อยู่...แต่ก็อยากได้อ้ะ”

     

    คยองซูส่งเสียงร้อนรนมาจากปลายสาย

    ฟังจากเสียงแล้วแบคฮยอนล่ะคิดออกเลยว่าเจ้าตัวคงจะเบะปากอยู่แน่ๆ

    แบคฮยอนเลยหัวเราะในลำคออย่างขำๆ ก่อนจะแนะนำคยองซูถึงสิ่งที่ดีกว่า

     

    “ร้านไหนของมึงวะ...แพงไปป่ะเนี่ย

    มึงลองเมนชั่นไปหา @w1807 ดิวะ...ร้านของสเตลล่านูน่า

    กูเคยสั่งมาช่วงก่อนหน้านี้ประมาณสองอาทิตย์ เห็นช่วงนี้เพิ่งเปิดล๊อตใหม่

    สเตลล่านูน่าใจดีครับมึง ลองเมนชั่นไปถามเขาดิ...”

     

    แบคฮยอนหยิบโฟโต้บุ๊คที่หัวเตียงออกมาเปิดเล่น ดูรูปชานยอลไปด้วยในขณะที่คุยกับคยองซู

    ค่อยๆ เปิดไปทีละหน้าอย่างทนุถนอม เพราะราคาที่ซื้อมาไม่ใช่ถูกๆ...
    และพูดกันตามความจริง แบคฮยอนควรซื้อมาเก็บไว้บนหิ้งเสียด้วยซ้ำ

    แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้กับหน้าปกอันยั่วยวน จำเป็นต้องเอามาวางข้างๆ หมอน

    เวลาที่คิดถึงก็เปิดออกดูสนองนี๊ดตัวเอง แง...เขานี่มันติ่งสุดๆ

     

    โปสเตอร์ที่ติดอยู่ในห้อง
    แบคฮยอนก็จำเป็นต้องซื้อมาสองชุดเพื่อที่จะเอามาติดห้องชุดนึงและเก็บไว้อีกชุดนึง

    ดูเอาเถอะว่าเขาบ้าแค่ไหน...ถ้าหม่าม๊ารู้ว่าแต่ละวันเอาเงินมาล้างผลาญไปกับเรื่องแบบนี้ทุกวันล่ะก็

    แบคฮยอนต้องโดนหักตังค์ออกครึ่งนึงแน่นอนไม่ต้องถามเลย...

     

     

    “อ่อเหรอ...เออๆ งั้นจะลองไปถามดู

    นี่มึงทำไมยังไม่นอนวะ คุยกับบอทพี่ชานเหรอ?”

     

    คยองซูถามมาหลังจากที่เพิ่งสังเกตว่า

    ขณะนี้เลยเวลาปกติที่แบคฮยอนจะเข้านอนมาได้เกือบๆ สิบห้านาทีแล้ว

     

    “อือ...วันนี้พี่ชานงานยุ่ง เลยต้องคุยกันตอนดึก

    แต่ก็ได้คุยแปปเดียวเองอ่ะ เพราะพรุ่งนี้เขาทำงานแต่เช้า

    แย่จังเลยว่ะ อยากคุยนานๆ แต่พี่เขาไม่ค่อยว่างเลย

    ดีนะยังมีส่งข้อความมาทักบ้าง...ไม่งั้นต้องคิดถึงตายห่าแน่เลย” แบคฮยอนตอบกลับพลางถอนหายใจ

     

    “อู้หูยยยย มึงนี่นะ...เป็นแฟนเขาไม่กี่วันก็มีอารมณ์นอยด์แล้วเหรอ

    จะไปรอดไหมเนี่ย แต่อย่าเลิกเพราะเขางานเยอะนะมึง น่าสงสาร”

     

    “เฮ้ย บ้า...กูไม่เลิกกับพี่เขาเพราะเรื่องแค่นี้หรอกน่า” แบคฮยอนเสริมกลับ

     

     

    “เออ งั้นก็ดีแล้ว...ความรักมันไม่ใช่เล่นขายของนะมึง

    จะคบใครอย่าคบเล่นๆ ถึงจะเป็นรักในบอทก็เถอะ

    แต่ถ้าถึงขนาดว่าพูด คำว่ารักกับคำว่าแฟน ออกมาแล้ว

    มันไม่ใช่เรื่องที่มึงจะทำตัวเป็นเด็กๆ ทำตัวเล่นๆไปวันๆ ไม่ได้อีกแล้วนะรู้เปล่า...”

     

    คยองซูพูดตอบกลับมาจากปลายสาย

    ทำเอาแบคฮยอนต้องเบ้ปากออกมาเมื่อรู้ว่าเพื่อนกำลังตำหนิตนเองเหมือนเป็นเด็กๆ

     

    “รู้แล้วหน่า...มึงทำอย่างกับกูเป็นเด็กๆ เลยนะคยองซูอ่า”

     

    “ยังไม่รู้ตัวอีกว่ามึงอ่ะเด็ก... ทุกวันนี้อย่างกับเลี้ยงลูก” คยองซูหัวเราะในลำคอเบาๆ

     

    “ห๊ะ จริงดิ แล้วใครเป็นพ่อกูวะ?”  แบคฮยอนแกล้งถามแหย่

     

    “อ๋อ...พ่อมึงเหรอ? ก็จงอินนาของกูไง

    คราวหลังห้ามเรียกจงอินนาของกูว่าไอ้ดำอีกนะมึงเดี๋ยวเจอกูเตะปาก

    ไปติ่งคราวหน้าต้องเรียกว่าป่ะป๊า...ตกลงป่ะครับน้องแบคฮยอน”

     

     

    “ป่ะป๊าพ่อง...อยากได้อย่างมึงว่ากูแนะนำให้มึงไปนอนครับโดคยองซู”

     

    “ฮ่าๆ...เออ กูไปก็ได้

    ดึกแล้วครับลูกกู ไปนอนเดี๋ยวนี้...ฝันดีครับมึง จู๊บุ”

     

    “เออครับหม่าม๊า...ฝันดี”

     

    แบคฮยอนเอ่ยลา ก่อนจะกดวางสายคยองซูในที่สุด

    แบคฮยอนหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะกดปิดไฟหัวเตียงของตัวเองเพื่อเตรียมจะเข้านอน

    หากแต่ก่อนที่จะได้หลับตา...แบคฮยอนก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

    ก่อนจะเปิดโปรแกรมทวิตเตอร์ เข้าไปในกล่องข้อความอีกครั้ง

     

     

    To @REALACE_CHANYEOL

    00.12:     ฝันดีนะครับชานยอลของผม...รักมากกว่าเมื่อวานนะครับ <3


     

    ดพิมพ์ข้อความส่งไปก่อนจะยกยิ้มกว้าง...

    แบคฮยอนวางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเองอย่างช้าๆ

    เฝ้าคิดถึงความรักที่ตัวแบคฮยอนเองไม่เคยรู้จักมาก่อน...

    ความรักน่ะเหรอ แบคฮยอนไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยซักครั้ง

    เคยแต่รักกับศิลปินในโปสเตอร์...อย่างชานยอลตัวจริงนั่นไง

    แต่ถ้าการที่แบคฮยอนมีความสุขกับข้อความทุกตัวอักษรที่อีกคนส่งตรงมาให้...

    แบคฮยอนก็เพียงแค่หวังว่ามันจะเป็นความรักอย่างที่เขาอยากให้เป็นจริงๆ...

     


     

    *********

     

     

     

    ชานยอลยกยิ้มเมื่อโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นแจ้งเตือนข้อความในกล่องดีเอ็ม

    คนตัวสูงยิ้มกว้างซะจนปากจะฉีกถึงหู เมื่อกดเปิดอ่านข้อความที่บอทจุนมยอนที่น่ารักที่สุดบนโลกนี้(เว่อร์)ส่งข้อความมาหาเขา

    ใช่ครับ...คุณอาจจะเดากันได้แล้วว่าพี่ชานยอลบอทคนนั้นคือใคร

    และช่าย...โปรยจูบหนึ่งทีสำหรับคนที่เดาถูก ผมเองครับ ปาร์ค ชานยอลแห่งวงเอ!

     

    ผมติดโซเชียลเน็ตเวิร์คมาตั้งแต่ก่อนเดบิวต์...ว่ากันตามจริงแล้วผมก็ดังมาจากมันนั่นแหละ

    สมัยก่อนผมชอบที่จะถ่ายรูปตัวเองแล้วอัพลงบล็อกไซค์เวิลด์อยู่เรื่อย

    และคนติดตามก็มีมากขึ้นตามความหล่อของผม(ไม่ได้โม้นะครับ)


    ช่วงที่ยังเป็นเด็กฝึกผมมีทั้งแอคเคาท์ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค ไซค์เวิลด์และยูเอฟโอ

    แต่แน่นอนว่าผมต้องปิดมันทั้งหมดเมื่อผมกลายมาเป็นไอดอลอย่างตอนนี้

    อ่า...ความจริงผมเองก็ไม่ได้ปิดมันทั้งหมดหรอก ผมมีทวิตเตอร์ส่วนตัวที่ผู้จัดการเป็นคนควบคุมดูแลอยู่

    แต่ก็อย่างว่าแหละครับ...จะพิมพ์จะตอบใครก็ต้องอนุญาติกันไปทุกอย่างแบบนั้น ใครจะอยากเล่นล่ะจริงไหม?

     

    และช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา...ผมรู้สึกนึกสนุกขึ้นมา

    มันคงจะดีเหมือนกันนะถ้าหากว่าผมจะติดตามข่าวของตัวเองในแบบของคนอื่นที่ไม่ใช่ปาร์คชานยอลดูบ้าง

    และผมก็ได้รู้ว่ามันเจ๋งดีเหมือนกันนะที่ได้ตามอ่านเรื่องของตัวเองในทามไลน์

    ผมขำแทบตายตอนที่ได้อ่านข่าวลือของผมกับเยจิน...

    อ่า...ความจริงผมเองก็เคยจีบเธอนะ แต่เราไม่ได้ถึงขั้นเป็นแฟนกันหรอกครับ ก็เธอไม่เอาผมอ้ะ!!

     

    แต่เรื่องนี้ผมเองก็ไม่อยากจะแก้ข่าวให้ยุ่งยากหรอกนะ

    ก็ใครจะอยากป่าวประกาศล่ะครับว่าผู้หญิงไม่สนใจ การปล่อยให้คิดกันแบบนั้นก็ดีแล้วล่ะสำหรับผม

    ผมตัดสินใจเปลี่ยนแอคเคาท์ทวิตเตอร์ของคนธรรมดา(ที่ไม่ใช่ชานยอล) มาเป็นบอทพี่ชาน เพราะผมว่ามันน่าสนุกดี

    และ...ใช่ครับ ตอนนี้ผมกำลังอินเลิฟและติดทวิตเตอร์เอามากๆ

     

    เพราะน้องจุนมยอนนี่ (แหวะ...พี่จุนมยอนเนี่ยนะ จะให้รักกันได้ไง ไม่จริงอ่ะ) ของผมน่ะ

    น่ารักมุ้งมิ้งอย่างถึงที่สุด...และผมใช้เวลาจีบตั้งสามเดือนเลยนะครับกว่าจะติด!!!

     

    โอ้มายก๊อด...ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีวันนี้ อารมณ์แบบ รักคนที่ไม่เคยหน้ากันน่ะ

    ในแง่หนึ่งมันอาจจะดีนะ ดีที่ว่าผมเป็นศิลปินแล้วมามีความรักแบบนี้มันก็ไม่มีข่าวอะไรเสียหาย

    แต่มาตอนนี้ผมว่ามันชักจะเริ่มไม่โอเคแล้วล่ะครับ

    เมื่อผมรู้สึกว่าผมอยากจะจริงจังกับเขามากกว่าที่จะคบกันเล่นๆ นี่นา

     
     

    โง้ย...คนห่าไรวะน่ารักมุ้งมิ้งฉิบหา!!

     
     

    ผมตะโกนในใจและยิ้มกว้าง...ก่อนจะรีบหย่อนโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋ากางเกง

    เมื่อจู่ๆ น้องจุนมยอนนี่(ตัวจริงเสียงจริงที่แค่มองหน้าก็คิดอะไรด้วยไม่ลง)

    เสือกเดินมาสะกิดหลังเรียกกันซะงั้น...

     
     

    “เฮ้ย ชาน... พี่ผู้จัดการเรียกนายไปคุยด้วยอ่ะ

    แหน่ะ...รีบเก็บมือถืออย่างไว มีความลับอะไรนักหนาฮึ?”

     
     

    น้องจุนมยอนนี่(โอย...จัดได้ว่าขนลุก) ถามผมขึ้นมาทันที

    ตาใสๆ ของจุนมยอนหรี่มองผมอย่างจับพิรุธ

     
     

    “อืม...ไม่มีอะไรหรอกน่า” และที่ผมทำได้ก็คือแค่บอกปัดๆ เขาไปอย่างนั้น

     
     

    “ช่วงนี้ติดไอแพดกับโทรศัพท์มากไปนะชานยอล

    นายคุยกับใครนักหนา...รู้ใช่ไหมว่าถ้านายมีแฟนมันจะยุ่งขนาดไหน”

     
     

    จุนมยอนบอกผมเป็นเชิงปราม... ผมกลอกตาเพราะใช่ว่าเรื่องนี้ผมจะไม่รู้

    ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เรื่องนี้น่ะผมโดนฝังหัวเอาไว้ในกะโหลกมาตั้งแต่เริ่มเป็นเด็กฝึกแล้ว

    และจำได้ขึ้นใจแม้ว่าจุนมยอนจะไม่ต้องบอกหรือเตือนด้วยซ้ำ

     
     

    “ผมรู้แล้วน่า...ช่วงนี้ผมคุยๆ กับพี่ยูราไง

    พี่ก็รู้นี่นาว่าตั้งแต่เราคัมแบ๊คอัลบั้มนี้

    เรายังไม่ได้มีวันหยุดกลับไปหาครอบครัวกันเลยซักวัน”

     
     

    ผมโบ้ยความผิด(?) ไปให้พี่สาวแท้ๆ ของผม...โดยไม่ได้คิดอะไรให้มันซับซ้อนมากไปกว่านี้

    ไม่ได้ยากเย็นอะไรนักหรอก เพราะพี่กับผมก็ไม่แตกต่างกันมากนัก

    ที่มีแอคเคาท์จำพวกโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ มากมาย

    เพราะฉะนั้นมันก็ไม่น่าจะมีปัญหะ...

     
     

    “พี่ยูราไม่เล่นทวิตเตอร์ไม่ใช่หรือไง?

    เขาเคยบอกฉัน...ว่าเขาเล่นแค่เฟซบุ๊ค”

     
     

    ปัญหามาเลยมึง...พูดยังไม่ทันขาดคำ

     
     

    “ก...ก็พี่ยูราเพิ่งสมัครไง

    แล้วผมก็คุยกับเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกัน ผิดหรือไงวะครับ?”

     

     

    ผมรีบแก้ตัวอย่างรวดเร็ว รีบหลบสายตาที่จุนมยอนหรี่มองอย่างจับผิด

    และสุดท้ายผมเลยปัดเรื่องนี้ให้หลุดออกจากประเด็นไปซะเฉยๆ

    แต่ดูเหมือนว่าจุนมยอนจะไม่ยอมให้ผมเปลี่ยนเรื่องไปได้ง่ายๆ

     
     

    “นายอยากเล่นอะไรฉันน่ะไม่ว่าหรอก แต่ขอให้ระวังหน่อยนะชานยอล

    โปรดรู้ตัวด้วยเถอะว่านายเป็นใคร...อย่าไปทำให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องเดือดร้อน

    และอย่าไปทำร้ายจิตใจเพียงแค่ความสนุกของนายด้วย...

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...คนที่เป็นแฟนคลับของเรา

     
     

    จุนมยอนพูดไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกไป

    ทิ้งชานยอลไว้เพียงลำพัง ให้เอาแต่ครุ่นคิดถึงความหมายในข้อความนั้น

    ชานยอลถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย...หากแต่สุดท้ายแล้วก็คว้ากระเป๋าขึ้นไปสะพายบนบ่า

    แล้วเดินออกไปพร้อมด้วยความหงุดหงิดในหัวใจ

     

    .

    .

    .

     

    อย่ามาตอกย้ำเรื่องที่ฉันกำลังคิดมากอยู่ได้ไหมล่ะจุนมยอน...

     

     
     

    *********

     


     

    เป็นไอดอลไม่สมควรมีความรัก...

     

    จุนมยอนถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อได้ครุ่นคิดถึงเรื่องที่พูดคุยกับชานยอลเมื่อก่อนหน้า

    ใครดูก็รู้ว่าตอนนี้ชานยอลกำลังอินเลิฟ...แต่กับใครนั้นจุนมยอนเองก็ไม่อาจจะรู้ได้หรอก

    แต่ไอ้การที่ยิ้มและหัวเราะคิกคักกับหน้าจอมือถือคนเดียวอย่างนั้นน่ะ

    ถ้าไม่ได้ตกอยู่ในห้วงแห่งรักก็คงจะเป็นไอ้บ้าไปแล้วแหงๆ

    ก็แค่หวังว่าจะไม่ใช่ไอดอลสาวๆ คนไหนเลย...ไม่อย่างนั้นล่ะก็มันคงจะวุ่นวายมากแน่ๆ

     
     

    “คิดอะไรของพี่อยู่น่ะ คิ้วจะผูกเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว”

     
     

    เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะทำเอาจุนมยอนเกือบจะสะดุ้ง

    ก่อนจะรีบหันไปมองแล้วก็พบว่าไม่ใช่ที่ไหนเลย นอกจากรูมเมทเพียงคนเดียวของเขา คิม จงแด

     
     

    “เปล่าหรอก ก็คิดอะไรนิดหน่อย ไม่มีอะไร” จุนมยอนบอกปัด

     
     

    “อืม งั้นก็ดีแล้วล่ะ ผมอาบน้ำเสร็จแล้วล่ะ

    เรารีบเข้านอนกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องเข้าบริษัทแต่เช้า” จงแดบอก

     
     

    “หืม? ทำไมล่ะ

    ไหนว่าพรุ่งนี้เราไม่มีตารางซ้อมช่วงเช้า” จุนมยอนถามอย่างแปลกใจ

     
     

    “คำสั่งจากเบื้องบนอะดิ...ซวยหน่อยนะจุนมยอน

    คนอื่นเขาไม่ได้โดนเรียกเข้าบริษัทหรอก มีแค่พี่คนเดียวที่โดน” 

     
     

    จงแดยักไหล่ในขณะที่สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มหนาที่อยู่บนตัวของผมและเขา

    เด็กนั่นถือวิสาสะหยิบเอาหนังสือที่ผมถืออยู่ในมือออกไปวางไว้ที่ใต้หมอน

    ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมอย่างไม่ได้คิดว่าผมจะติดใจอะไร

    แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ได้คิดจะติดใจอะไรอยู่แล้ว

     
     

    “แล้วทำไม?” ผมถามพลางยกคิ้วขึ้น และจงแดตอบกลับผมมาว่า

     
     

    “ก็ไอ้คุณคริสอะไรนั่นเรียกพี่เข้าประชุมอีกแล้ว

    ไอ้ผู้บริหารคนใหม่นี่ไฟแรงดีนะ”

     
     

    จงแดตอบกลับก่อนจะเอี้ยวตัวไปคว้าสายชาร์ตโทรศัพท์ที่ข้างเตียงมาเสียบต่อกับโทรศัพท์ของเขา

    และผมรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่เขาทำอย่างนั้น...เพราะถ้าหากเขามองหน้าผมตอนนี้

    ก็คงจะเห็นใบริมฝีปากที่เบะออกและอาจจะทำให้มีคำถามมากมาย

     
     

    “อ๋องั้นเหรอ...แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นนายจะเข้าไปทำไมล่ะ

    อุตส่าห์มีเวลาพักผ่อน นายน่าจะตื่นสายๆ” ผมถามคนเป็นน้องอย่างเป็นห่วง

     
     

    “ไม่เป็นไร ผมจะไปส่ง” จงแดพูดอย่างดื้อรั้น

     
     

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวฉันเข้าไปแป๊ปเดียวก็กลับเข้ามาแล้ว นายคงยังไม่ตื่นหรอก”

     
     

    “ผมจะปล่อยให้พี่ไปไหนมาไหนคนเดียวได้ไงเล่า

    เดี๋ยวพวกแฟนๆ ก็ด่าผมตายแหง ที่ปล่อยให้พี่เหงา

    เอาเถอะน่า อย่าดื้อเลย...ดีออก

    พวกแฟนไซต์นูน่าที่ถ่ายรูปคู่เราสองคนจะได้มีงานทำ”

     
     

    จงแดหัวเราะคิกคักก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผมอย่างถือวิสาสะ(ก็ไม่เคยเห็นจะมีมารยาทกับผมซักที)

    ก่อนจะบังคับให้ผมรีบเข้านอนแล้วเอี้ยวตัวไปปิดโคมไฟที่หัวเตียงให้เสร็จสรรพ

    ผมรู้ดีว่าคงจะไปบังคับอะไรเขาไม่ได้มากกว่า เลยเลือกที่จะตามใจคนเป็นน้องไปอย่างนั้น

    ก็แบบนั้นแหละ...ว่ากันตามจริงผมก็ไม่เคยจะเถียงใครได้เลยซักที โดยเฉพาะไอ้เด็กดื้ออย่างจงแดคนนี้

     
     

    “อืม...งั้นก็รีบนอนเถอะ

    เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะปลุกเอง ฝันดีนะจงแด”

     

    ผมบอกฝันดีกับเขาและนอนตะแคงหันหลังให้...

    แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือความเคยชิน จงแดเอาแขนของเขามาพาดบนเอวของผม

    เขานอนกอดผมทุกคืน...จนผมเคยชินมากกว่าจะเขินอาย

    แต่พูดกันตามจริงคือผมไม่รู้จะปฏิเสธเขายังไงมากกว่า

     
     

    “ฝันดีครับ จุนมายอน” จงแดบอกผมอย่างนั้นก่อนที่จะวางศีรษะลงบนท้ายทอยของผมแล้วหลับไปเหมือนทุกคืน

     
     

    อาจจะเหมือนเดิม...แต่ในคืนนี้คงมีเพียงผมที่รู้สึกไม่ปรกติ

    ผมลอบถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ

    เมื่อแขนแข็งแรงของจงแดโอบรัดแน่นขึ้นราวกับว่าเขากำลังกอดหมอนข้างชั้นดี

    ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับนโยบายคู่จิ้นที่บริษัทจัดให้ผมกับจงแดแสดงออกบ้างเพื่อเรียกเสียงกรี๊ดจากพวกแฟนคลับ


    ว่ากันตามจริงผมโอเคมากๆกับมันเลยด้วยซ้ำ เพราะจงแดเองก็เป็นคนดี...และเขาดูแลผมได้ดีเสมอ

    ทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าหน้าที่หรือเปล่า แต่ผมก็รู้สึกดีนะที่จงแดเอาใจใส่ผมและคอยเป็นห่วงผมเป็นพิเศษ

    เราสองคนเคยชินที่ทำมาอย่างนี้ และผมก็คงจะมีความสุขอย่างนั้นไปเรื่อยๆ...ถ้าเขาไม่โผล่เข้ามา

     
     

    จุนมยอนขมวดคิ้ว จ้องมองผ่านความมืดไปยังที่ใดก็ไม่อาจจะรู้ได้

    เขาห่อไหล่...เพราะรู้สึกว่าการคิดถึงเขาก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย

     
     

    “อืม...พี่หนาวเหรอ?” จงแดถามขึ้นมาอย่างงัวเงีย เพราะเขาคงจะขยับตัวเร็วไปเลยทำให้จงแดตื่น

     

    “เปล่าหรอก แค่นี้ก็อุ่นดีแล้ว”

     

    จุนมยอนตอบไปแผ่วเบา เมื่อคนเป็นน้องดึงเขาเข้าไปใกล้มากขึ้น

    จุนมยอนลอบขำ เมื่อหลังจากที่คนเป็นน้องทำอย่างนั้น เขาก็กรนขึ้นมาเบาๆอย่างรวดเร็ว

    ไอ้ที่ถามเมื่อกี้ก็คงจะละเมอล่ะมั้ง...น่ารักดี

     

    จุนมยอนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเขาและจงแดเอาไว้จนถึงหัวไหล่

    ก่อนจะหลับตาลงแม้ว่าจะมีคำถามมากมายในหัวใจก็ตามที...

     

    ฉันมีความสุขดีอยู่แล้วกับทุกวันนี้...

     

    .

    .

    .

    .

     

    แล้วนายจะกลับมาทำไมกันนะอู๋ฟาน...

     

     


     

     

    ป.ล.ตอนหน้าไคโด้จะมา ><
    ป.ล.1 เฉินโฮทำไมฟินจยูง #ติ่ง T/////T
    ป.ล.2 หายไปนานเพราะงานยุ่งมาก
    แต่นมน.จริงจังจริงใจไม่ทอดทิ้งนะคะเบบี๋

    ใกล้จะกลับมาแต่งฟิค ลุยฟิค กลับไปโลดแล่นบนทล.แล้ว เด็กๆรอเค้าก่อนนะ :D




    สุดท้าย...เม้าท์มอยอย่าลืมติดแท็ก  #สุดยอดแฟนบอย ฮี่ๆ

     

    Amanita. theme
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×