คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Part 08 |May be special|
[May be special]
รถยนต์คันเล็กที่แถวบ้านโจคยูฮยอนเรียกว่า‘มินิคูเปอร์’แล่นมาหยุดตรงริมถนนบริเวณอาคารพานิชย์ในย่านการค้าใจกลางเมืองหลวง เจ้าของรถดับเครื่องก่อนจะมองเข้าไปในตัวอาคารที่ชั้นล่างสุดเป็นร้านขายเครื่องดนตรีหลากชนิด ส่วนชั้นสองและสามแบ่งย่อยเป็นห้องเรียนดนตรีที่มีเจ้าของเดียวกัน
ร่างสูงก้าวลงจากรถแล้วเดินเร็วๆเข้าไปในตัวร้านที่เวลานี้ประตูเลื่อนหน้าร้านถูกปิดลงมาแล้วกว่าครึ่งซึ่งเป็นการบอกให้รู้ว่าทางร้าน’หมดเวลาทำการ’ในวันนี้แล้ว ใบหน้าหล่อจัดขมวดมุ่นขณะที่มุดเข้าไปในร้านที่บัดนี้เจ้าของเปิดไฟให้เหลือส่องสว่างเพียงแค่ดวงเดียว
วันนี้คยูฮยอนนัดกับซองมินว่าจะไปทานหมูจุ่มกันแต่เพราะติดธุระบางอย่างจึงทำให้มาช้าไปเกือบชั่วโมง คยูฮยอนเดินลัดเลาะผ่านเครื่องดนตรีที่ตั้งโชว์อยู่เข้าไปยังด้านหลังของร้านซึ่งกั้นเป็นห้องทำงานเล็กๆของซองมิน
คยูฮยอนมองผ่านกระจกสีน้ำตาลเข้มเข้าไปก็พบว่าคนตัวเล็กนั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะทำงาน ข้างตัวมีกีต้าร์คู่ใจวางอยู่ในลักษณะที่พร้อมจะหยิบมาใช้ได้ทันที มือหนาเคาะลงบนประตูที่ทำด้วยกระจกเพื่อเรียกความสนใจจากคนที่ตั้งใจอ่านสิ่งที่คยูฮยอนเห็นแล้วว่ามันน่าจะเป็นโน้ตเพลง เคาะประตูแล้วก็ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายออกปากอนุญาตคนตัวสูงที่ถือสิทธิ์ว่าเป็นหุ้นส่วน(ชีวิต)กับเจ้าของร้านก็เปิดประตูเข้าไปทันที
“พี่ครับ” อีซองมินเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา คนตัวเล็กยิ้มรับอีกฝ่ายบางๆแล้วเอ่ยปากถามถึงสาเหตุการมาสายกว่านัดของคยูฮยอน ปกติโจคยูฮยอนไม่ใช่คนที่ชอบผิดเวลาโดยไม่มีเหตุจำเป็น
“มาช้านี่มีอะไรหรือเปล่า” คนถูกถามส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างๆเจ้าของร้านที่ยังมีอีกตำแหน่งเป็นเจ้าของสถาบันสอนดนตรีเล็กๆแห่งนี้
“พี่หิวมากหรือเปล่าครับ พอดีผมติดธุระที่ชมรมนิดหน่อย” อีซองมินพยักหน้าเบาๆเป็นอันว่ารับรู้ มือเล็กรวบกระดาษโน๊ตตรงหน้าให้เรียงกันเรียบร้อยก่อนจะเก็บของใช้ส่วนตัวลงกระเป๋าแล้วจึงเดินนำอีกฝ่ายออกมาจากห้อง
“หิว แต่ไม่มาก แล้วที่ชมรมมีอะไรกัน คิ้วขมวดไปหมดแล้ว” ซองมินหันมาหาคนที่ยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่รอเขาระหว่างที่กำลังจะปิดไฟในร้าน มือเล็กเอื้อมไปคลึงระหว่างหัวคิ้วให้อีกฝ่ายเบาๆอย่างที่ทำเป็นประจำเวลาที่คยูฮยอนเครียดจนคิ้วขมวดมุ่นไปหมด เห็นดังนั้นคนตัวสูงจึงวาดแขนไปโอบเอวเล็กเข้ามากอดจนชิดพร้อมถือโอกาสก้มลงสูดกลิ่นที่ได้รับแล้วทำให้รู้สึกสบายใจกว่าอะไรทั้งหมด
“ผมเหนื่อยจัง ใกล้งานมหาลัยเข้ามาเรื่อยๆ พวกคณะกรรมการก็นัดประชุมบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เพลงเก่าก็ต้องซ้อมเพลงใหม่ก็ต้องแกะยังจะต้องแบ่งเวลาไปประชุมอีก เมื่อก่อนพี่จองโมจะเหนื่อยแบบนี้มั้ยนะ” คยูฮยอนบ่นอู้อี้กับกลุ่มผมของคนในอ้อมกอด อีซองมินยกแขนขึ้นกอดอีกฝ่ายไว้บ้าง ร่างเล็กโยกตัวไปมาน้อยๆคล้ายจะปลอบคนเหนื่อย
“ช่วงนี้ของปีใครๆเค้าก็วุ่นวายกันทั้งนั้น นายเป็นประธานชมรมอาจจะหนักกว่าคนอื่นไปบ้าง โตแล้วก็ทนเอาหน่อยนะ ป่ะ ไปหาอะไรทานเพิ่มพลังกันดีกว่า” ว่าจบก็ผละตัวออกจากอ้อมกอดอบอุ่น มือเล็กจับข้อมือคนที่วันนี้ดูอิดโรยมากกว่าปกติไว้แล้วจูงไปที่หน้าร้าน
หลังจากช่วยกันปิดประตูร้านเสร็จแล้วครู่เดียวทั้งคยูฮยอนและซองมินก็มานั่งบนรถคันเล็ก และซองมินก็เพิ่งเห็นว่าบนคอนโซลมีชีทปึกหนึ่งวางอยู่ ดูผ่านๆแค่แผ่นแรกก็พอจะเดาได้ว่าเป็นเอกสารประกอบการเรียนแต่เนื้อหาวิชากลับไม่คุ้นเลยแม้แต่น้อย
“ชีทอะไรน่ะ” มือเล็กฉวยขึ้นมาดูก่อนจะเหลือบไปเห็นว่ามุมล่างด้านขวามีตัวหนังสือน่ารักที่น่าจะเป็นลายมือผู้หญิงเขียนไว้ว่า’เจอิน’ เมื่อเห็นว่าคงจะไม่ใช่ของคยูฮยอนซองมินจึงวางมันลงไว้ที่เดิม
“ของเจอิน ตอนที่ผมออกมาจากห้องประชุมกลางบังเอิญเจอตรงใต้ตึก เค้ามาประชุมเหมือนกัน เห็นว่ามากับเพื่อนแต่เพื่อนมีธุระกลับก่อนเลยขอติดรถผมมาลงที่หน้ามหาลัย” ฟังคนที่ขับรถไปด้วยเล่าไปด้วยซองมินก็เริ่มนึกรู้ว่าทำไมโจคยูฮยอนถึงได้มาช้า แต่ถ้าจะให้เรื่องแค่นี้มาทำให้ผิดใจกันก็คงไม่ถูก
ฝ่ายนั้นเป็นผู้หญิงแถมยังเป็น’แฟนเก่า’ถึงแม้ตอนที่เลิกกันมันจะไม่สวยหรูนักแต่ในเมื่อเรื่องมันก็นานมาแล้วและในขณะนั้นที่อีกฝ่ายเดือดร้อนอย่างน้อยความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัยก็ยังสามารถใช้อ้างเป็นเหตุผลในการให้ความช่วยเหลือได้และซองมินคิดว่ามันก็มีน้ำหนักเพียงพอ
“เมื่อกี้โทรมาบอกว่าลืมไว้ จะลืมได้ไงก็วางอยู่ต่อหน้าแท้ๆ แล้วยังมาบอกว่าต้องใช้อ่านคืนนี้เพราะจะสอบ ตอนแรกจะให้ผมรีบเอาไปคืนให้แต่ผมบอกไปว่าไม่ว่าง เดี๋ยวทานข้าวเสร็จค่อยไปคืน เบื่อจริง เปลืองน้ำมัน!” เอาเถอะ ถึงซองมินไม่บ่นก็ยังมีคนบ่น
คนตัวเล็กกลั้นยิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนที่ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกง้อขอคืนดี ซองมินไม่พูดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่คิด เหตุการณ์แบบนี้เป็นใครก็เดาออกทั้งนั้นว่าน้องหนูแฟนเก่าอยากเขี่ยถ่านกับพี่ประธานชมรมดนตรี แต่ไอ้ตัวดีเจ้าของเรื่องดั๊นคิดได้แค่ว่าฝ่ายนั้นอยากแกล้งให้เปลืองน้ำมันรถเล่น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่ผ่านมาคยูฮยอนถึงไม่เคยรู้เลยว่าซองมินรู้สึกยังไง นอกจากจะเสี่ยวแล้วยังความรู้สึกช้าอีกด้วย
เมื่อมาถึงร้านหมูจุ่มคยูฮยอนก็พาซองมินเดินลัดเลาะผู้คนมายังโต๊ะประจำที่อยู่ริมในสุดเพราะคยูฮยอนรู้ว่าซองมินไม่ค่อยชอบคนเยอะ
ร้านข้างทางเล็กๆแต่กิจการที่แลดูแล้วไม่น่าจะเล็กตามขนาดของร้านในวันนี้มีคนหนาแน่นกว่าปกติมาก ก็อย่างว่าช่วงต้นเดือน ใครๆก็เงินเดือนออกทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่คยูฮยอน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงเลี้ยงคนที่นั่งตรงข้ามกันไปแล้ว แต่ในเมื่อวันนี้สถานะเราเปลี่ยนไปเป็นเด็ก(น้อย)นักศึกษากับคุณเสี่ยเจ้าของกิจการร้านขายเครื่องดนตรีและเจ้าของสถาบันสอนดนตรี (โอเค!ถึงจะไม่ได้ใหญ่โตคับฟ้าแต่ก็ใช่ว่าจะน้อย) แล้วแบบนี้จะให้เด็กอย่างน้องโจคยูฮยอนควักเงินเดือนที่พ่อกับแม่ให้ไว้ใช้เพื่อการศึกษามาเลี้ยงคุณเสี่ยใหญ่(เหรอ)ก็คงไม่ถูกต้องนัก
แต่ก็อย่างว่าเขาให้เสี่ยเลี้ยงแค่ปีเดียวหรอกเพราะหลังจากเรียนจบคยูฮยอนก็ตั้งใจว่าจะทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงอีซองมินไปทั้งชีวิตเลย
“พี่เอาอะไรบ้างนอกจากเครื่องใน ผมเอาหมูแค่สามจานนะ นอกนั้นสั่งเครื่องในมาหมดเลย กินทีไรไม่เคยจะทันพี่อ่ะ” บ่นอีกแล้ว บางครั้งซองมินก็อยากจะรู้ว่าทำไมเด็กอายุแค่นี้ถึงได้ชอบบ่นนัก โจคยูฮยอนเป็นมนุษย์ชอบบ่น บ่นได้ทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้กระทั่งกับซองมินคยูฮยอนก็ยังหาเรื่องมาบ่นได้ นอนดึกบ้างล่ะ ใส่ชุดนอนบางไปบ้างล่ะ คุยโทรศัพท์(กับรยออุก)นานเกินไปบ้างล่ะ
ซองมินเข้าใจว่าคยูฮยอนปรารถนาดีแต่บางครั้งผู้ชายอายุยี่สิบสองก็ดูเหมือนคุณลุงวัยทองไม่มีผิด แต่..ถึงอย่างนั้นซองมินเองก็คิดว่าในบางครั้งเสียงบ่นของคยูฮยอนก็ทำให้เขาทานข้าวได้อร่อยขึ้น
“เอาตามที่นายสั่งนั่นล่ะ เดี๋ยวไม่พอค่อยสั่งเพิ่มอีกรอบ เอาน้ำอะไรล่ะ” คยูฮยอนมุ่นคิ้วคิดอยู่ครู่เดียวแล้วจึงสั่งเป็บซี่ไปเพราะรู้ว่าซองมินชอบ ถึงแม้ว่าตัวเองจะชอบโค้กมากกว่าก็ตาม เอาใจเจ้ามือเค้าซักหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา..
เมื่อพนักงานยกถาดของทั้งหมดที่สั่งไปมาเสิร์ฟต่างคนต่างก็งัดตะเกียบออกมาประชันฝีมือกันทันที ซองมินที่ก้มหน้าก้มตาคุ้ยเอาเครื่องในแข่งกับคยูฮยอนอยู่ดีๆก็มีตะเกียบยื่นมาตรงหน้า ทุกทีถ้าเจอผักที่ไม่ชอบคยูฮยอนจะวางไว้ในจานให้แต่คราวนี้เด็กในสังกัดกลับคีบสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเครื่องในมาจ่อถึงปาก
คนตัวเล็กเหลือบมองปลายตะเกียบของอีกฝ่ายแล้วจึงอมยิ้มแก้มป่อง ใบหน้าหวานแดงเรื่อขึ้นมาจนเห็นได้ชัด คนตัวเล็กเงยหน้ามองเจ้าของตะเกียบแล้วจึงเอ่ยขอบคุณเบาๆ(ในความเสี่ยวรับประทาน)
“ขอบใจ..” ซองมินยื่นหน้าไปรับ’หัวใจ’(หมู)ที่ถูกแล่เป็นชิ้นไม่ใหญ่นักเข้าปากแล้วจึงยิ้มตาปิดส่งให้อีกทีและก็ทำเอาคนป้อนเองเป็นฝ่ายแก้มแดงขึ้นมากระทันหัน วินาทีนี้ความร้อนดูจะพุ่งสูงกันทั้งสองฝ่าย ปกติคยูฮยอนไม่ใช่คนเขินง่าย เพียงแต่เวลาที่เห็นซองมินเขิน(อะไรก็ตามที่เกิดจากตัวเอง)คยูฮยอนก็มักจะเขินตามไปด้วย เห็นเสี่ยวๆแบบนี้แต่บางทีคยูฮยอนก็เขินนะครับ
“หวานเนอะ” ซองมินพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม ก็พอจะรู้อยู่ว่าคนพูดหมายถึงอะไร แต่ถ้าต่อความไปอาจจะเขินตายก่อนจะได้อิ่มท้องซึ่งมันก็คงไม่คุ้มเท่าไหร่ ทานไปป้อนหัวใจกันไปพักใหญ่คยูฮยอนก็เริ่มอิ่ม มือหนาวางอาวุธคู่ใจไว้บนถ้วยซุปแล้วจึงเท้าคางมองคนที่วันนี้ดูจะทานได้เยอะกว่าปกติ ทุกทีเขากับซองมินมักจะอิ่มพร้อมๆกัน แต่วันนี้ดูเหมือนคนตัวเล็กจะนั่งละเลียดได้เรื่อยๆ
“อิ่มแล้วเหรอ” ถามด้วยความแปลกใจนี่เขาทานเยอะไปหรือคยูฮยอนทานน้อยเอง คนถูกถามคลี่ยิ้มบาง ดวงตาคู่คมวิบไหวเป็นประกายในยามที่เอ่ยปากบอกคำตอบ
“ครับอิ่ม..ใจ” ซองมินกัดปากกลั้นยิ้มกับคำตอบที่ได้รับ
“เสี่ยว..” ตอบโต้ได้แค่นี้แหละ พอเขินหนักเข้าก็พาลทำให้อิ่ม(ใจ)ไปด้วย มือเล็กวางตะเกียบลงแล้วยกแก้วเป็บซี่ขึ้นจิบพร้อมกับพึมพำว่าอิ่มแล้ว พอเลื่อนสายตาไปมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็เห็นว่าเจ้าแห่งความเสี่ยวกำลังส่งสายตารู้ทันมาให้ คนตัวเล็กบุ้ยใบ้ไปที่เป็บซี่ที่เหลืออยู่ครึ่งขวด
“เอาหน่อยมั้ย แก้เลี่ยน..” โจคยูฮยอนหลุดขำพรืดกับมุกของคุณเสี่ย ชายหนุ่มหยิบขวดเป็บซี่ขึ้นมาก่อนจะเทใส่แก้วของซองมิน ดวงตาคู่คมมองสบเข้าไปในดวงตาคู่หวานที่กำลังสั่นระริกพลางยกยิ้มมุมปาก
“เอาตัวเองให้รอดก่อนมั้ยครับ” ยักคิ้วแถมให้อีกทีเป็นการปิดประเด็นแล้วยกมือขึ้นมาโบกเรียกหาพนักงาน
“พี่อยากทานอะไรอีกมั้ย” เห็นคนถูกถามส่ายหน้าปฎิเสธแล้วคยูฮยอนจึงบอกให้พนักงานคิดเงินได้เลย หลังจากนั่งรอเพียงครู่เดียวพนักงานก็กลับมาพร้อมค่าเสียหายทั้งหมด จัดการจ่ายเงินเรียบร้อยทั้งซองมินและคยูฮยอนก็เดินพุงกางกลับมาที่รถ คนตัวเล็กฮัมเพลงงุ้งงิ้งในขณะที่รอคยูฮยอนออกรถ
“จำได้ว่าล่าสุดที่มาทานร้านนี้ผมทิ้งให้พี่กลับบ้านเอง” อยู่ดีๆคุณคนขับก็พูดขึ้นมา คนตัวเล็กเลื่อนสายตาจากถนนด้านหน้าไปหาคนข้างๆที่ยังไม่ยอมออกรถ
“นายก็กลับเองเหมือนกัน” โจคยูฮยอนคลี่ยิ้มให้คนที่มองมา มือหนาเลื่อนมาจับมือบางไว้พร้อมกับเอ่ยเสียงนุ่ม
“แต่วันนี้เรากลับด้วยกันแล้วเนาะ” แรงกระชับเบาๆจากฝ่ามือใหญ่ทำให้ซองมินรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังบอกอะไรบางอย่าง คยูฮยอนเคยทิ้งซองมินไว้ ความทรงจำของเราที่นี่ในวันนั้นอาจจะไม่สวยงามนักแต่วันนี้คยูฮยอนพาซองมินกลับมาอีกครั้ง ถึงแม้เรื่องเก่าอาจจะไม่ลบเลือนไปแต่ความทรงจำครั้งใหม่จะทำให้เรารู้สึกดี..
นั่งฟังเพลงเพลินๆมาในรถรู้ตัวอีกทีซองมินก็ถูกพามาถึงอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง โจคยูฮยอนวนรถเข้าไปตรงที่จอดรถชั่วคราวแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก
“ฮัลโหล พี่เอาชีทมาให้น่ะลงมาเอาสิ” ว่าจบก็กดวางสายโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ทักท้วงมือหนาวางโทรศัพท์ไว้ตรงช่องใส่ของแล้วจึงหันมาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“พี่รอแป็บนึงนะครับ ผมเอาของไปให้เจอินข้างในก่อน” ซองมินมองตามคนที่เปิดประตูลงจากรถไป คยูฮยอนกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปด้านในตัวตึก ใบหน้ายุ่งเหยิงที่พกไปด้วยคงทำให้เจ้าของชีทปึกนั้นไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ท่าทางไม่เต็มใจและขัดเคืองนั่นกลับทำให้ซองมินอารมณ์ดี
คยูฮยอนยืนรออยู่บริเวณหน้าลิฟท์ครู่เดียวฮันเจอินก็ลงมาถึง ชายหนุ่มยื่นปึกชีทไปตรงหน้าแต่ฝ่ายนั้นกลับไม่ยอมรับมันไป หญิงสาวเดินเข้ามาเกาะแขนคยูฮยอนไว้พร้อมรอยยิ้มหวานโดยไม่ได้สนใจบรรยากาศอึมครึมรอบตัวแฟนเก่าของเธอเท่าไหร่
“ไหนๆก็มาแล้ว ขึ้นไปข้างบนก่อนมั้ยคะ” ได้ยินดังนั้นคยูฮยอนจึงส่ายหน้าไปมา
“ไม่ขึ้นแล้ว พี่มีธุระต่อ” ใบหน้าสวยแสร้งทำเป็นงอง้ำแต่มือบางกลับเกี่ยวแขนแกร่งไว้ไม่ยอมปล่อย
“ธุระสำคัญหรือคะ น่านะ..ขึ้นไปนั่งคุยกันก่อน พี่ทำเหมือนไม่เคยมาไปได้” โจคยูฮยอนเหยียดยิ้มร้ายทันทีเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด แล้วในที่สุดคยูฮยอนก็รับรู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของการลืมชีทปึกนั้นไว้ ร่างสูงดึงมือของฮันเจอินออกจากแขน
“ธุระสำคัญ แล้วก็มีคนรออยู่ด้วย”
“ก็บอกให้เค้ารอไปก่อนสิคะ” คยูฮยอนมองสบดวงตากลมของคนตรงหน้าเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไรพร้อมกดเสียงต่ำเอ่ยประโยคต่อไป
“ไม่ได้หรอก เพราะพี่มัวแต่เสียเวลาไปกับ’เรื่องไร้สาระ’เลยทำให้เค้ารอนานแล้ว ไปก่อนนะ” ว่าจบก็หมุนตัวเดินออกจากตึกไปโดยไม่เหลือโอกาสให้ฮันเจอินได้ต่อความอะไรอีกต่อไป คยูฮยอนส่ายหน้าให้กับ’เรื่องไร้สาระ’ที่เพิ่งเจอมาและเมื่อเดินมาถึงรถก็พบว่าคนที่รออยู่กำลังมีความสุขกับการร้องเพลงที่เปิดคลอในรถ
“พี่รอนานหรือเปล่าครับ”
“ไม่นาน..” ซองมินยิ้มบางขณะที่ตอบออกไป
“พี่อยากไปไหนอีกมั้ยครับ”
“นายเหนื่อยไม่ใช่หรือไง กลับบ้านเถอะจะได้พักผ่อน อ้อ ตอนที่นายเอาของไปให้เจอินคุณแม่โทรมาด้วยนะแต่ฉันไม่ได้รับ” ได้ยินดังนั้นคยูฮยอนจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็พบว่ามีหนึ่งสายไม่ได้รับจากคุณแม่ ชายหนุ่มกดโทรออกแล้วรอสายอยู่ครู่หนึ่ง
“แม่ครับ ครับ อยู่ข้างนอกยังไม่ได้กลับห้อง อ๋อ ผมมาอยู่ห้องพี่ซองมิน ทำโปรเจ็คจบไงให้พี่ซองมินช่วย อ่าครับ แป็บนึงนะ” คยูฮยอนยื่นโทรศัพท์มาข้างหน้าซองมินแล้วทำปากบอกว่าแม่จะคุยด้วย คนตัวเล็กจึงรับโทรศัพท์มาแล้วกรอกเสียงลงไป
“สวัสดีครับคุณน้า ครับอยู่ที่ห้องผมไม่ได้ไปไหน ไม่เป็นไรครับ อ่า งั้นหรือครับ ครับ ขอบคุณครับ ครับ สวัสดีครับ” มือเล็กกดตัดสายแล้วจึงวางไว้ที่เดิม
“คุณแม่นายบอกว่าพรุ่งนี้จะให้แม่บ้านเอาของมาส่งให้ที่ห้องฉัน พวกวัตถุดิบทำอาหารแล้วก็ของทานเล่นอะไรพวกนี้ ท่านเกรงใจแทนลูกชายน่ะ” คราวนี้คนขับจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง ใบหน้าหล่อจัดเปื้อนยิ้มขณะที่ขับรถไปเรื่อยๆ นิ้วยาวเคาะไปกับพวงมาลัยตามจังหวะเพลง คยูฮยอนลอบมองใบหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างกัน ซองมินดูมีความสุขในขณะที่ร้องคลอไปกับเพลงในรถ การจราจรบนตอนนี้ถนนค่อนข้างโล่งไปบ้างแล้วเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเร่งด่วนในตอนหัวค่ำ ใช้เวลาไม่นานมินิคูเปอร์คันสวยก็มาหยุดที่ลานจอดรถของคอนโด
“จะกลับห้องก่อนมั้ย” ซองมินหันไปถามอีกฝ่ายยิ้มๆ
“ข้าวของเครื่องใช้ผมขนมาไว้ที่ห้องพี่หมดแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกลับขึ้นไปดู” ตอบแบบไม่ได้สนใจสักนิดว่าห้องตัวเองจะเป็นยังไง
“อาบน้ำเลยนะเดี๋ยวฉันเก็บของก่อน” เมื่อมาถึงห้องซองมินก็ไล่คนเหนื่อยให้ไปอาบน้ำก่อน ส่วนตัวเองก็หยิบเอาขนมที่แวะซื้อจากร้านเบเกอรี่ระหว่างทางไปเก็บเข้าตู้เย็น ไม่ได้หรอกขนมอร่อยๆพวกนี้ตอนที่หิวจัดๆมีค่ายิ่งกว่าทองซะอีก..
จัดของเสร็จซองมินจึงหยิบเอาไม้กวาดแล้วจึงเริ่มกวาดห้อง พรุ่งนี้คุณชายโจมีเรียนบ่ายเดี๋ยวค่อยให้ฝ่ายนั้นตื่นมาถูตอนเช้า ซองมินไม่ได้ให้แม่บ้านมาทำความสะอาดห้องให้เหมือนที่คุณแม่ของคยูฮยอนส่งแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องของลูกชาย ซองมินชอบความเป็นส่วนตัว หากหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครอื่นเข้ามายุ่มย่ามได้ก็จะทำ แต่สำหรับคยูฮยอนแล้ว..นั่นเป็นข้อยกเว้น
คยูฮยอนเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเล็กในมือ เส้นผมสีดำสนิทยังเปียกลู่แนบไปกับศีรษะปล่อยหยดน้ำร่วงลงสู่พื้นจนคนที่กวาดห้องอยู่ต้องหรี่ตามอง
“พี่กวาดทำไมตอนนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมทำเอง ไปอาบน้ำเถอะ” ร่างสูงเดินเข้าไปหาคนที่กวาดห้องอยู่ก่อนจะแย่งไม้กวาดมาถือไว้เอง คยูฮยอนพยักเพยิดให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำแล้วเริ่มกวาดห้องในส่วนที่เหลือจากที่ซองมินกวาดไปบ้างแล้ว
“งั้นกวาดให้หมดล่ะ”
“คร้าบบบบ” รับคำพร้อมกับดันหลังอีกฝ่ายให้เดินเข้าไปในห้องนอนแล้วจึงเริ่มกวาดพื้นอีกครั้ง ช่วงหลังๆมานี้คยูฮยอนเริ่มทำงานบ้านคล่องขึ้นมาบ้างแล้ว แถมยังสามารถทำอาหารง่ายๆให้ซองมินทานได้ด้วย ถึงจะไม่ได้อร่อยมากมายอะไรแต่ก็เต็มไปด้วยของที่มีประโยชน์
หลังจากที่กวาดห้องเสร็จคยูฮยอนก็พาตัวเองมากองแหมะที่โซฟา กดรีโมตเปิดทีวีหาดูรายการเพลงอย่างที่ชอบทำในเวลาที่ต้องการพักผ่อนจริงๆขณะที่กดเลื่อนช่องไปเรื่อยๆก็เจอกับละครช่วงดึก เห็นนางร้ายกำลังออเซาะพระเอกก็ให้นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อตอนที่เอาของไปคืนให้กับฮันเจอิน ผู้หญิงในทีวีดูคลอเคลียกับพระเอกจนน่ากลัวทั้งที่ผู้ชายคนนั้นพยายามหลีกเลี่ยงแล้วและที่หนักหนายิ่งกว่าคือนางเอกกำลังมองเหตุการณ์นั้นโดยไม่ได้ยินบทสนทนามาจากมุมหนึ่ง..
คยูฮยอนนึกเหนื่อยใจแทนพระเอกในทีวีไม่น้อยเพราะนางเอกกำลังเข้าใจผิด ชายหนุ่มกำลังจะกดเปลี่ยนช่องก็สะดุดกับน้ำตานางเอกเสียก่อน ถ้าต้องเห็นคนรักอยู่กับคนอื่นจะเจ็บปวดมากขนาดไหนกัน..
กับเรื่องที่ผ่านมาก่อนหน้าที่เราจะคบกัน ถึงแม้ซองมินจะไม่ได้พูดแต่ทั้งอย่างนั้นคนตัวเล็กก็คงจะเจ็บปวดไม่น้อย แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ตอนเขาเอาของไปคืนเจอินหรือการได้รู้ว่าเขารับฮันเจอินขึ้นรถมาด้วยกันซองมินจะรู้สึกยังไง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเยื่อใยอะไรแล้วกับผู้หญิงคนนั้นแต่หากต้องมารับรู้ว่าคนรักของตัวเองมีน้ำใจช่วยเหลือคนที่เป็นแฟนเก่า ต่อให้เป็นคยูฮยอนเองก็คงรู้สึกแย่ไม่น้อย
คยูฮยอนมองคนตัวเล็กที่กำลังเดินออกมาจากห้องนอน ผมซองมินแห้งสนิทแล้วเพราะเมื่อครู่เขาเหมือนจะได้ยินเสียงไดร์เป่าผม ในขณะที่ผมของเขายังไม่แห้งดีนัก คยูฮยอนขี้เกียจเป่าผมเพราะไม่ชอบไอร้อนที่มากระทบศีรษะหรือใบหู จำได้ว่าเคยให้รยออุกเป่าผมให้ครั้งหนึ่งตอนเป็นเด็กหมอนั่นเป่าไปด้วยดูการ์ตูนไปด้วยสรุปว่าหูของคยูฮยอนเกือบจะไหม้ตั้งแต่นั้นเขาจึงไม่ชอบเป่าผมอีกเลย
ร่างเล็กที่มาพร้อมแก้วนมในมือทั้งสองข้างหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา ซองมินวางแก้วนมไว้บนโต๊ะแล้วจึงหยิบรีโมทมาเปลี่ยนหาดูช่องที่มีข่าวรอบดึก ตั้งแต่มาอยู่กับซองมินคยูฮยอนจะได้ดื่มนมก่อนนอนทุกคืนเพราะคุณเจ้าของห้องดื่มเป็นประจำ แรกๆซองมินจะถามก่อนว่าคยูฮยอนจะดื่มด้วยมั้ยแต่หลังๆมากลับเป็นคยูฮยอนเองที่เป็นฝ่ายซื้อนมมาแช่ไว้ในตู้เย็นของซองมิน คยูฮยอนขยับตัวเข้าไปหาคนที่นั่งข้างกันแล้วจึงเอนศีรษะไปซบไหล่เล็กวาดแขนพาดเอวซองมินไว้แล้วจึงเอ่ยเสียงเรียบ
“ผมถามอะไรนิดนึงได้มั้ยครับ” ได้ยินดังนั้นคนตัวเล็กจึงหันไปหาเด็กขี้อ้อนแล้วจ้องหน้ารอเพื่อบอกให้รู้ว่าพร้อมจะตอบคำถาม
“วันนี้ตอนที่ผมเข้าไปหาเจอิน พี่..รู้สึกยังไง” เกิดความเงียบขึ้นอึดใจหนึ่งเมื่อคยูฮยอนถามจบ คยูฮยอนขยับขึ้นมานั่งตรงๆแต่ยังไม่ยอมละมือจากเอวเล็ก ซองมินเอียงคอคล้ายกับจะครุ่นคิดทั้งที่มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว..
รู้สึกยังไงงั้นหรือ..
“แล้วนาย..อยากให้ฉันรู้สึกยังไง” ซองมินไม่ได้ตอบแต่กลับถามอีกฝ่ายด้วยคำถามเดียวกัน
“ผมไม่อยากให้พี่คิดมากหรือเข้าใจผิด” คยูฮยอนพูดด้วยรอยยิ้มบาง เรายืนกันคนละตำแหน่ง มองกันคนละมุมแต่สิ่งเดียวที่เรามีเหมือนกันคือความรักและเพราะอย่างนั้นเราจึงไม่ต้องการให้คนที่เรารักเจ็บปวดหรือเสียใจ แต่ถึงอย่างนั้นบางครั้งคยูฮยอนก็อยากให้ซองมินแสดงออกมาบ้างว่าไม่พอใจ..
“แต่ลึกๆแล้วก็อยากให้หึง..นิ๊ดนึง” ตบท้ายด้วยน้ำเสียงทะเล้นตามแบบฉบับจนอีกฝ่ายหลุดยิ้ม ซองมินเกี่ยวปลายนิ้วกับมือหนาแล้วแนบฝ่ามือลงไปวางนิ้วประสานกันจนไม่เหลือช่องว่าง คนตัวเล็กเอนกายพิงเข้าหาอกกว้างแล้วจึงตอบในสิ่งที่คยูฮยอนอยากรู้
“ถ้าฉันบอกว่าตอนนั้นฉันคิดมากแล้วก็..หึงนิ๊ดนึง แต่ไม่อยากให้นายไม่สบายใจเลยไม่ได้พูดอะไร นายจะว่ายังไง” คนฟังถอนใจยาวกับคำตอบที่ได้รับ ใบหน้าหล่อจัดเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความสุขใจ
จะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้ที่คิดถึงเราก่อนตัวของเขาเองอย่างที่ซองมินคิดถึงคยูฮยอน จริงอยู่ว่าซองมินอาจจะเอาแต่ใจไปบ้างแต่ก็ใช่ว่าจะละเลยความรู้สึกของคยูฮยอน เพราะไม่อยากให้เขาไม่สบายใจเลยไม่แสดงออกว่าไม่พอใจ..
ทุกสิ่งที่ซองมินทำลงไปก็เพราะว่ารัก..
“ผมเองก็ไม่อยากให้พี่ไม่สบายใจเหมือนกัน” ซองมินพยักหน้ารับแล้วจึงลุกขึ้นมานั่งจ้องตาอีกฝ่าย
“แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงมาถาม” คยูฮยอนยิ้มเผล่..
“เมื่อกี้ดูละคร แล้วก็เจอเหตุการณ์คล้ายๆกันแบบนี้ผมก็เลยสงสัย เพราะเห็นตอนเย็นพี่ไม่พูดอะไรเลย แต่ในทีวีนางเอกเค้าร้องไห้ใหญ่เลยนะ” ซองมินหัวเราะแบบไม่มีเสียงแล้วจึงถามอีกฝ่ายเสียงชื่น
“สรุปว่าสงสารนางเอก?” แล้วก็โดนคุณพระเอกเขวี้ยงค้อนมาหนึ่งวง คยูฮยอนหรี่ตามองคนที่ยังนั่งยิ้มไม่รู้เรื่องแล้วจึงจับตัวมนุษย์ชอบเบี่ยงประเด็นกดลงกับโซฟา แผ่นหลังเล็กแนบไปกับเบาะนุ่ม ออกแรงล็อกแขนไว้ไม่ให้คนที่นอนอยู่ใต้ร่างขยับหนีได้ จากนั้นจึงกดจมูกลงกับแก้มเนียนปล้นเอาความหอมมาได้ฟอดใหญ่
“พี่อยากรู้มั้ยว่าหลังจากที่นางเอกร้องไห้แล้วพระเอกเค้าทำยังไงให้หยุดร้อง..” คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าจนเส้นผมกระจาย เห็นอย่างนั้นคนที่นอนทับอยู่ด้านบนจึงซบหน้าลงกับซอกคอขาว
“แต่ผมอยากบอก..” ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดบนผิวเนื้อนวลเนียน ริมฝีปากร้อนปัดป่ายไปตามแนวคางก่อนจะวกขึ้นไปหาริมฝีปากบางแตะปลายลิ้นกับกลีบปากบาง แล้วจึงเพิ่มแรงบดเบียดลงไปดูดซับความหวาน มือเล็กที่เคยแข็งเกร็งขัดขืนอ่อนยวบลงจนต้องเปลี่ยนมายึดไว้กับไหล่หนา ซองมินหอบหายใจเผลอปล่อยริมฝีปากเผยอและก็เข้าทางคนที่รออยู่ คยูฮยอนแทรกปลายลิ้นผ่านริมฝีปากสวยรุกเร้าไล่ต้อนจนคนที่นอนอยู่ใต้ร่างระทดระทวยไร้ทางสู้ แก้มเนียนขึ้นสีจัดน่ามองจนคยูฮยอนต้องกดจูบหนักๆลงไปอีกครั้งก่อนจะขยับขึ้นมานั่งแล้วดึงเอาคนที่นอนอยู่ขึ้นมานั่งตาม..
“ความจริงพระเอกเค้าบอกนางเอกว่า..รัก แต่ของเราบทเมื่อกี้ผมเพิ่มเข้าไปเอง..” ว่าจบก็หอมแก้มคนที่นั่งส่งตาขวางมาให้ไปอีกที
คยูฮยอนหยิบแก้วนมสีขาวยื่นไปตรงหน้าซองมินพร้อมรอยยิ้มออดอ้อนแล้วจึงหยิบนมช็อกโกแลตของตัวเองมาดื่มบ้าง ยกซดไปหมดแก้วแล้วจึงหันมาหาคนที่แก้มยังมีสีแดงลามเลียอยู่ ใบหน้าคมยกยิ้มเจือเล่ห์ร้าย..
“คราวหน้าเราซื้อมาแต่นมจืดดีกว่า” ดวงตากลมโตมองมาด้วยความสงสัยในคำพูดของอีกฝ่ายเพราะปกติคยูฮยอนเป็นคนไม่ชอบดื่มนมรสจืด เห็นซองมินยังงงอยู่คนที่ไปไกลถึงดาวอังคารจึงต้องวกกลับมาอธิบายให้คนน่ารักฟัง
“ก็ถ้าอยากได้ความหวานเราก็จูบกันก่อนแล้วค่อยดื่มนมไงครับ..”
[END]
* ตอนนี้เป็นตอนพิเศษที่เค้าเขียนเพิ่มขึ้นมาเป็นของแถมค่ะ
* แล้วเจอกันเรื่องต่อไปเนาะ ^^
* รักคุณ ^^
ความคิดเห็น