คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part 02
May be you
PART 02
'ไม่มีคำว่าสงบถ้าอยู่ครบแก๊งค์' คำกล่าวนี้ยังคงใช้ได้เสมอกับสมาชิกชมรมดนตรีสากล เพราะตอนนี้ปาร์คจองซูกำลังส่งไมค์ต่อไปให้'คิมจองโม'ที่เพิ่งตามมาถึง
ทันทีที่รู้ถึงสาเหตุของการเลี้ยงฉลองปาร์คจองซูก็เปิดห้องคาราโอเกะห้องใหญ่ให้สมาชิกชมรมรุ่นน้องเป็นของขวัญ เรื่องของเรื่องก็มาจากคิมจองโมประธานชมรมที่กำลังจะเรียนจบในปีนี้ได้รับทุนไปเรียนต่อไกลถึงฝรั่งเศสเลยเป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่สมาชิกในชมรม เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ป่าวประกาศให้ได้หน้าก็ไม่ใช่ชมรมดนตรีมหาภัยแล้ว
ทั้งที่คิมจองโมที่ไปติดต่อเรื่องทุนเพิ่งจะตามมาถึงที่งานเลี้ยง(ย่อมๆ) แต่ดูเหมือนทุกคนจะเป็นกันเองมาก โดยการแสดงอาการ'กรึ่ม'ให้เห็นกันอย่างชัดเจน ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำเยิ้มและหวานย้อย เสียงร้องเพลงก็ชักเป๋ แต่กระนั้นทุกคนก็ยังมีแรงลุกมาชนแก้วกับเจ้าภาพของงานอย่างปรีติยินดี
ใบหน้าหวานออกจะแดงเรื่อตามระดับแอลกอฮอล์ที่วิ่งอยู่ในกระแสเลือด ความจริงซองมินไม่ได้ตั้งใจจะดื่มมากแบบนี้ แต่เป็นเพราะวันนี้ซองมินอยากจะแสดงความยินดีกับพี่จองโมจริงๆพอมีใครยื่นแก้วมาก็เลยชนเรียบ
ความจริงแล้วอีซองมินเป็นรุ่นน้องของพี่จองโมหนึ่งปี เพราะคิมจองโมเรียนสถาปัตย์จึงต้องใช้เเวลารียนถึงห้าปี แต่ซองมินเรียนดนตรีแค่สี่ปีก็จบแล้ว พี่จองโมเป็นคนเก่ง เก่งทั้งเรื่องเรียนเรื่องดนตรีและการใช้ชีวิต เขารู้จักคิมจองโมมาสี่ปีเพราะเข้าชมรมดนตรีตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งจึงสนิทกันมากกว่าใครๆ
พี่จองโมเป็นพี่ชายที่แสนใจดี ให้คำปรึกษาได้ทุกเรื่อง อีซองมินที่เป็นลูกชายคนโตจึงค่อนข้างถูกใจที่ได้มาเจอคนที่เป็นเหมือนพี่ชาย กับพี่จองโมซองมินจะเป็นเด็กขี้อ้อนเพราะอ้อนแล้วได้ผล เอาแต่ใจบ้างแต่ก็ไม่บ่อยจนเกินงาม ที่สำคัญอยู่ด้วยแล้วสบายใจ นั่งคิดถึงวันเก่าๆเพลินๆก็มีกรอบเงาสูงใหญ่เคลื่อนเข้ามาบดบังแสงไฟสีอ่อนที่ส่องอยู่กลางห้อง เสียงทุ้มเจือแววหงุดหงิดเอ่ยถามอีซองมินเบาๆ
"พี่.. พี่กะจะดื่มให้ตายไปเลยหรือไง" อ้าว! ไอ้หมอนี่มันเป็นอะไรมากไหมวันนี้มันถึงได้ขัดขาเขาทั้งวัน ซองมินสะบัดหน้าหนีโจคยูฮยอนที่ยืนค้ำหัวอยู่ และเมื่อหันไปเจออีฮยอกแจกำลังเต้นท่านกกระเรียนอยู่กับคิมรยอุกใบหน้าหวานก็คลี่ยิ้มอย่างถูกใจ เดี๋ยวซองมินจะเต้นท่า .. นกฟลามิงโก้ โฮ๊ะๆๆๆๆ
"นายอย่ามาขัดชั้นน่า ถ้าอยากกลับบ้านก็ไปก่อนเลย" ไม่ว่าเปล่า อีซองมินยังล้วงกระเป๋าหากุญแจรถให้คยูฮยอนอีกต่างหาก ชนะเลิศ อีซองมินชนะเลิศศศศ เด็กเสี่ยมินจิ๊ปากขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากรับกุญแจมาแต่โดยดี โบราณบอกว่าน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง
เพราะแบบนี้คยูฮยอนเลยซุกกุญแจรถใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วกลับไปนั่งคอตกอยู่ข้างๆคิมคิบอมเหมือนเดิม ถามว่าตอนนี้เศร้าอะไรมากกว่าระหว่างอกหักกับอกเหี่ยว คยูฮยอนคงต้องบอกว่าอย่างหลัง เชื่อขนมกินได้เลยว่าคืนนี้เขาต้องตามเช็ดอ้วกอีซองมินทั้งคืนแน่ๆ ก็เสี่ยเมาแล้วเป็นภาระตลอดอ่ะ เซ็ง!
คยูฮยอนนั่งเงียบๆมองเพื่อนๆที่กำลังกิน ดื่ม ร้องเพลง แล้วก็นินทาชาวบ้าน(ขาดไม่ได้หรอกข้อนี้) ความจริงเขาเองก็ไม่ได้ต้องการทำตัวแปลกแยกเพียงแต่มันมีบางอย่างรบกวนจิตใจมันเลยสนุกได้ไม่เต็มที่
จริงอยู่ที่ว่าเขาเพิ่งอกหักแต่ถ้าว่ากันตามตรงแล้วความเศร้ามันมีได้ไม่ถึงครึ่งของความเหนื่อยใจ หรือบางทีคนอย่างเขาอาจจะไม่เหมาะกับการมีแฟน เขาอาจจะผิดเองที่ชอบใช้เวลากับเพื่อนมากกว่าไปขลุกอยู่กับแฟน ทั้งที่ตอนที่เริ่มคบกันพวกเธอเองก็บอกว่าเข้าใจเรื่องที่เขาไม่มีเวลาให้ คยูฮยอนให้ได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้นขอให้ได้คบกันก็พอ เสนอมาขนาดนี้เขาเป็นผู้ชายใจดีอยู่เลยก็เลยสนองตอบไปแบบไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอนานไปพวกเธอกลับเรียกร้องเพิ่มมากขึ้น คยูฮยอนไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องตั้งเงื่อนไขให้ความรักมากมายขนาดนั้น .. หรือความจริงแล้วมันอาจจะไม่ใช่ความรัก ..
เสียงเพลงจังหวะแช่มช้าดังเข้ามากระทบหู เพียงแค่ตัวโน๊ตแรกเขาก็รู้ว่าเพลงนั้นคือเพลงอะไร ไอ่เสี่ยวซีวอนมันเลือกเพลงนี้เพื่อจะร้องกับคุณอีฮยอกแจ โดยมีคิมคบอม อีทงเฮ คิมรยออุกและพี่จองอุนนั่งทำตาหวานใส่กันโดยไม่เกรงใจฟ้าดินเป็นตัวประกอบ
เออเว้ย เขาลืมไปได้ไงว่าในนี้มันคนมีคู่ทั้งนั้น คิดได้ดังนั้นดวงตาคมก็กวาดมองหาสิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่มีคู่เหมือนกันกับเขา .. อ้าว พี่ซองมินหายไปไหน พี่จองโมก็ด้วย พอมองหาพี่ชายคนสนิทไม่เจอโจคยูฮยอนก็ตัดสินใจลุกขึ้นแล้วส่งสัญญาณบอกรยออุกว่าจะไปห้องน้ำ เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นพยักหน้ารับรู้จึงเดินออกมาสูดอาการสำหรับคนโสดข้างนอกห้อง โว้ย! จะบิวท์ให้มันแหววไปไหนเนี่ย
ร่างสูงก้าวเท้าไปตามทางเดินแคบๆที่มุ่งไปสู่หลังร้าน อย่างคยูฮยอนน่ะไม่ใช้ห้องน้ำสำหรับลูกค้าหรอก มันไม่เท่ ห้องน้ำส่วนตัวของพี่จองซูจะอยู่ในโซนหลังร้านที่ต้องเดินเลยห้องครัวไป พอดีเขาเป็นลูกค้าวีไอพีเลยรู้ดีว่าอะไรอยู่ตรงไหน
ชายหนุ่มส่งยิ้มให้พนักงานเสิร์ฟอาหารที่เดินผ่านไปอย่างเป็นกันเองก่อนจะไปหยุดที่ทางแยกจะไปห้องน้ำกับประตูหลังร้าน มือหนาเตรียมจะดันประตูออกไปหวังจะลัดเลาะไปยังโซนที่จัดไว้ให้สูบบุหรี่แต่สายตาที่ดีมาตั้งแต่เกิดมันดันเหลือบไปเห็นชายเสื้อของใครบางคนโผล่มาจากมุมเลี้ยวที่จะไปยังห้องน้ำเสียก่อน และคยูฮยอนคงจะไม่สนใจถ้าไม่มีชื่อที่แสนจะคุ้นหูลอดมาให้ได้ยิน
"พี่รักซองมิน รักมาก รักมานานแล้ว"
อ่า .. เขาควรจะยืนฟังต่อเพื่อรอดูว่า'ซองมิน'จะตอบรับ'พี่'คนนั้นว่ายังไง หรือควรจะทำไม่รู้ไม่เห็นแแล้วเดินออกมา จิตฝ่ายดีสั่งให้คยูฮยอนเดินหนีไปจากตรงนั้นเพราะนั่นคือเรื่องของคนอื่น แต่เนื้อแท้และตัวตนของเขากลับสั่งให้สองขาปักหลักแล้วเงี่ยหูฟังให้ชัดกว่าเดิม เอาเถอะ ถือซะว่ามันเป็น'นิสัยที่ฝังลึก'ของสมาชิกชมรมดนตรีมหาภัยก็แล้วกัน.. ( ป้องปากหัวเราะ โฮ๊ะๆๆๆๆ)
ร่างสูงขยับตัวเข้าไปแนบกับผนังร้านแล้วยืนนิ่งรอฟังคำพูดถัดไป เขาอยากรู้ว่าอีซองมินจะตอบว่ายังไง ผู้ชายที่หวงความเป็นตัวเอง มีชีวิตอยู่กับเสียงดนตรี ไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครเข้าใกล้เส้นความเป็นส่วนตัว อีซองมินจะตอบรับประโยคบอกรักจากรุ่นพี่ที่เคารพด้วยคำพูดแบบไหน .. เขาอยากรู้จริงๆ
เนื้อเสียงบางเบาที่กระแอมไอขึ้นมาทำเอาคยูฮยอนสะดุ้งเล็กน้อย หัวใจของคยูฮยอนเต้นแรงเมื่อสำนึกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่คือการแอบฟังเรื่องส่วนตัวของคนอื่น(ที่ไม่อื่นเท่าไหร่) เขากำลังจินตนาการถึงใบหน้าของพี่ซองมินในขณะที่เค้นคำตอบ
ใบหน้าของพี่ซองมินจะเรียบสนิทเหมือนทุกครั้งที่มีเด็กหนุ่มผู้หลงใหลใบหน้าหวานล้ำเอาดอกไม้มาฝากให้หรือเปล่า หรือจะเป็นใบหน้าที่กำลังคลายยิ้มอ่อนโยนถ้าเปลี่ยนเป็นขนมนมเนยจากเด็กสาวผู้หลงใหลในความเท่ยามที่เจ้าตัวกรีดนิ้วลงบนสายกีต้าร์ แต่ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าแบบไหนสุดท้ายคำตอบที่เหล่าคนกล้าได้รับก็คือคำปฏิเสธอยู่ดี
ในความเงียบที่แสนจะเป็นใจทำให้คยูฮยอนได้ยินเสียงถอนหายใจชัดเจน อีซองมินไม่รู้หรือไงว่าการถอนหายใจในสถานการณ์แบบนี้คือการเสียมารยาท แต่..ก็นั่นแหละ ที่ผ่านมาหมอนี่เคยสนใจความรู้สึกใครอื่นที่ไหนกัน และเขาคิดว่าถึงจะเป็นพี่จองโมก็คงไม่ได้รับการยกเว้น คยูฮยอนเตรียมตัวให้พร้อมที่จะขยับหนีทันทีหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเกิดพุ่งพรวดออกมา แต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะยังเล่นเกมส์จ้องตากันอยู่ ..
อีซองมินถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากที่เบือนหน้าหนีสายตาเว้าวอนของคิมจองโม การถูกบอกรักโดยไม่ได้ตั้งตัวทำให้เขาไปไม่เป็น ยิ่งเป็นคำบอกรักที่มาจากรุ่นพี่ที่เคารพยิ่งไปไม่ถูก จริงอยู่ที่เขาชื่นชอบพี่จองโมแต่กระนั้นมันก็ไม่เคยเกินเลยไปจากคำว่าพี่น้อง
เขาไม่เคยรู้ว่าพี่จองโมรัก เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้มันบีบรัดและอึดอัดเกินไป ซองมินรู้ว่าพี่จองโมต้องการคำตอบรับแบบใด คิมจองโมไม่ได้ต้องการให้เขา'รับรัก' ผู้ชายคนนี้เพียงต้องการให้เขาเก็บคำ'บอกรัก'ที่ได้รับมาไป'พิจารณา' และถ้าเขาตอบออกไปแบบนั้นมันก็จะหมายถึงการที่พี่จองโมได้เข้ามายืนบนเส้นความเป็นส่วนตัวของเขา และมันก็มากพอที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการก้าวไปในขั้นที่ลึกเข้าไปเรื่อยๆ ..
พี่จองโมฉลาดและเขาคิดว่าตอนนี้ต้องเพิ่มคำว่า'มาก'เข้าไปด้วย ซองมินเคยถูกสารภาพรักแต่ไม่เคยมีใครทำให้เขาจนมุมได้แบบนี้ ทุกคนที่ผ่านมาล้วนจัดฉากหวังให้เขาเห็นถึงความตั้งใจและนั่นทำให้ทุกคนพลาด ซองมินรู้ล่วงหน้าว่าจะเจอกับอะไรจึงบ่ายเบี่ยงและหาทางปฏิเสธได้ทุกครั้ง แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทำเหมือนใครๆ พี่จองโมใจเย็น รั้งรอเวลาที่เหมาะสมและจู่โจมเขาในสถานที่ที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่ใครจะมาบอกรักกัน และเมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงไร้โอกาสที่จะทักท้วงเมื่อพี่จองโมเอ่ย'คำนั้น'ออกมา..
ไม่มีคำพูดใดเล็ดรอด เสียงเดียวที่ดังอยู่ในตอนนี้คือเสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็วของตัวเขาเอง คิมจองโมยืนนิ่งสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าราบเรียบของอีซองมิน ดวงตาที่มักจะพราวระยับกลับไร้ความรู้สึกใดๆ
เขารู้ว่าอีซองมินไม่รักเขาและไม่เคยแม้แต่จะคิดเป็นอื่น และไม่ว่าซองมินจะตอบแบบไหนเขาก็พร้อมจะยอมรับ เขาไม่หวังว่าจะได้คำตอบที่ตัวเองต้องการอยู่ลึกๆ เขาเพียงแค่หวังว่าอีซองมินจะได้รับรู้ความรู้สึกของเขาและเก็บไปคิด .. เขาอยากให้อีซองมินคิดถึงเขา และมองเขา'ต่าง'ไปจากในวันที่ผ่านมา หลังจากนี้จองโมหวังว่าตัวเองจะมีความหมายที่ลึกซึ้งมากขึ้นในสายตาของอีซองมิน
แต่จองโมก็ทำได้เพียงแค่ .. หวัง
เพราะอีซองมินก็ยังคงเป็นอีซองมิน คนที่ไม่ยอมให้ใครเข้ามามีอิทธิพลเหนือไปกว่าความคิดและอารมณ์ของตนเอง คนตัวเล็กกว่ากดยิ้มที่ตั้งใจให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาลำบากใจมากเพียงใดกับการเฉลยความในใจของพี่ชายคนสำคัญในครั้งนี้ ซองมินไม่ได้หลบตาในยามที่เอ่ยปากปฏิเสธความรักและความหวังดีของคิมจองโม ดวงตาสีดำขลับเต็มไปด้วยแววของความแน่วแน่เพราะสิ่งที่กำลังจะพูดคือความจริง
"ขอโทษครับ แต่ผมรักพี่แบบพี่ชายคนหนึ่งและความรู้สึกของผมมันจะไม่มีวันเป็นอย่างอื่น ผม..ขอโทษจริงๆครับ"
อีซองมินค้อมตัวต่ำก่อนจะยิ้มอีกครั้ง และคราวนี้รอยยิ้มของอีซองมินเป็นรอยยิ้มที่โล่งใจ คำพูดของซองมินไม่ได้สวยหรูเพราะเขาหวังเพียงให้คนฟังเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการบอก อีซองมินไม่สามารถรักคิมจองโมในรูปแบบอื่นได้นอกจากคำว่าพี่น้อง ถ้าพี่จองโมเข้าใจ รูปแบบความสัมพันธ์ของเราก็จะดำเนินไปอย่างเดิมอย่างที่เคยเป็นมา แต่หากว่าไม่ .. ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของเราก็จะหยุดลง และเราก็จะกลับไปเป็นแค่เพียงคนรู้จักกัน
โจคยูฮยอนยืนหอบหายใจอยู่ระหว่างซอกประตูห้องเก็บของ เขาเกือบจะพลาดเพราะมัวแต่เพลินกับการรอฟังคำตอบของอีซองมิน คยูฮยอนยืนนิ่งมองปลายเท้าตัวเองพร้อมกับเงี่ยฟังเสียงเดินของอีกสองชีวิต เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าลับไปแล้วจึงค่อยๆแง้มประตูแล้วโผล่หน้าออกมา
ร่างสูงแทรกกายผ่านประตูกลับเข้าไปนั่งในห้องคาราโอเกะซูเปอร์วีไอพีดังเดิม คยูฮยอนกวาดตามองรอบห้องแล้วจึงพบว่าอีซองมินกำลังนั่งจ้องแก้วในมือส่วนพี่จองโมกำลังคุยกับชเวซีวอน ถึงแม้ใบหน้าจะติดรอยยิ้มแต่เขาคิดว่าพี่จองโมไม่ได้สนุกเหมือนตอนแรกที่มาถึง และอีซองมินก็คงเป็นเหมือนกัน
"อะ แฮ่ม อะ แฮ่ม" เสียงกระแอมไอในลำคอเรียกให้ทุกคนในห้องหันไปสนใจ(สอง)คนที่ยืนถือไมค์อยู่หน้าจอทีวี ใบหน้าของอีฮยอกแจกับคิมรยออุกดูมีความสุขจนเปล่งปลั่ง แถมยังส่งยิ้มหวานเยิ้มให้โจคยูฮยอนจนไอ่คนที่กำลังหลุดออกจากความคิด(เรื่องรุ่นพี่ทั้งสองคน)เกิดอาการหางตากระตุกแปลกๆ
"เพลงปิดท้ายที่เราจะร้องในวันนี้ขอมอบให้กับท่านประธานชมรมดนตรีสากลคนต่อไปในปีการศึกษาหน้า ใครที่ร้องได้ช่วยกันร้องด้วยนะคร้าบบบบ" โจคยูฮยอนยกมือตบหน้าผากดังผลัวะ แค่ทำนองเพลงที่ดังขึ้นมาเขาก็รู้ว่าความซวยมาเยือนแล้ว ทราบครับทราบว่าต้องการย้ำประเด็นอกหักของโจคยูฮยอนคนนี้ .. แต่ว่า หึหึ ไม่ทันแล้วมั้ง
ทำนองเพลงคล้ายว่าจะคุ้นหู เนื้อหาคล้ายว่าจะตรงประเด็นกำลังขับเคลื่อนความมาคุในใจของใครบางคน ที่ไม่ใช่โจคยูฮยอน .. คำว่าร้องเพลงเดียวโดนใจประธานชมรมทั้งสองคนคงจะใช้ได้กับเหตุการณ์นี้
"อยากปักป้ายแขวนขึ้นแผ่นเท่าฝา
ประกาศให้คนรู้ว่าบ้านนี้หนามีชายอกหัก ~ ~ "
หึหึ นอกจากโจคยูฮยอนกับเจ้าของเรื่องแล้วจะมีใครอีกบ้างที่รู้ว่าในห้องนี้มีคนอกหักถึงสองคน โธ่ รู้ก็บ้าแล้ว นั่งมองตากันหวานซึ้งเป็นคู่ๆแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปสนใจคนอื่นวะ นิสัย!
บทเพลงบาดอารมณ์ยังคงดังกระทบแก้วหูแต่นาทีนี้คยูฮยอนมีอย่างอื่นให้สนใจมากกว่าอาการจุกในอกแล้วหล่ะ โจคยูฮยอนแค่นยิ้มแปลกๆมองหน้าผู้หวังดีแต่ละคนแล้วก็แอบถอนหายใจเงียบๆ พี่จองโมยังคงนั่งคุยกับชเวซีวอนราวกับไม่มีเสียงเพลงรบกวน แต่เขาก็ยังแอบเห็นว่ารุ่นพี่หน้าหล่อแอบมองอีซองมินเป็นครั้งคราว
งานเลี้ยงคืนนี้จบลงด้วยดี และในที่สุดก็ถึงเวลากลับบ้านกลับช่องไปนอนไตร่ตรองดูว่าเหตุการณ์คืนนี้เขาควรจะตีแผ่ให้คนอื่นฟังดีหรือเปล่า~~ โฮ๊ะๆๆๆๆ คยูฮยอนจะเข้าไปขอบคุณพี่จองโมดีมั้ยน้า อย่างน้อยตอนนี้อีซองมินก็ดูเหมือนว่าจะสร่างเมาแล้ว ร่างเล็กกำลังยกกระเป๋าพร้อมกับควานหากุญแจรถเห็นดังนั้นคยูฮยอนจึงก้าวเข้าไปหาคนที่ทำหน้ายุ่งอยู่
"กุญแจรถพี่อยู่ที่ผม" อีซองมินเงยหน้าขึ้นมองผู้หวังดีที่ก้าวมาประชิดตัวแล้วพยักหน้าว่ารับรู้ ใบหน้าหวานติดจะแดงเรื่อแต่คยูฮยอนว่าวันนี้อีซองมินเก็บอาการมึนเมาได้ดีกว่าที่เคย มันก็แน่อยู่แล้วแหละ ลองว่าไม่มีเหตุการณ์บอกรักสะเทือนฟ้าดินสิโจคยูฮยอนคงได้แบกอีซองมินกลับบ้านไปแล้ว
"ไปกันเถอะ" ว่าจบก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง อีซองมินเดินดุ่มออกจากห้องไปเป็นคนแรกตามด้วยคยูฮยอนแล้วหลังจากนั้นใครจะไปใครจะมาเขาก็ไม่รู้แล้วล่ะ อีซองมินไปหยุดที่เคาร์เตอร์คิดเงินเพื่อบอกลาปาร์คจองซูใบหน้าหวานคลี่ยิ้มละมุนในตอนที่โค้งตัวขอบคุณรุ่นพี่เจ้าของร้าน
"ขอบคุณนะครับพี่สำหรับวันนี้" ปาร์คจองซูมองดูน้องชายตัวเล็กที่มากพิธีกว่าปกติด้วยแววตามึนงงเล็กน้อยก่อนที่จะมีอีกหนึ่งมนุษย์ขยับก้าวมายืนชิดกับอีซองมิน โจคยูฮยอนโค้งตัวต่ำเหมือนกับที่ซองมินทำแต่กลับเอ่ยวาจาที่แตกต่างกันราวกับว่ามากันคนละคณะ
"หวังว่าพี่จะให้พวกผมมารบกวนบ่อยๆนะครับ ขอบคุณคร้าบบบ" ว่าจบก็ส่งยิ้มทะเล้นแล้วโบกมือลาเจ้าของร้านทันที ไอ้ตัวกวนเผ่นแน่บไปแล้วก่อนที่อีซองมินจะก้าวยาวๆตามไป ปาร์คจองซูมองตามคู่ป่วนแห่งปีแล้วก็ส่ายหน้าเบาๆ คนนึงเป็นบ้า คนนึงขี้เมา เขาไม่แปลกใจเลยที่มันยังคบกันได้มาจนถึงทุกวันนี้ ประหลาดทั้งคู่..
เมื่อหลายคนเดินมาถึงลานจอดรถก็พบว่าคยูฮยอนเตรียมพร้อมจะออกรถแล้ว คุณเจ้าของรถที่ไม่ได้รับความไว้วางใจให้จับพวงมาลัยถูกเปลี่ยนไปนั่งทำหน้าเลิศๆแทนที่เด็กเสี่ยมิน และเมื่อรยออุกเดินเข้ามาใกล้ตัวรถร่างสูงก็ลดกระจกลงเพื่อบอกลาคนที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่ชาย
"ฉันกลับก่อนนะ ฝากบอกพี่จองอุนด้วยว่าไม่ต้องขับรถเร็ว" คิมรยออุกพยักหน้ารัวๆแล้วจึงยกมือขึ้นโบกลาพี่ชายคนสนิทที่พยักเหยิดหน้ามาให้
"พี่กลับก่อนนะ"
"ครับ ขับรถดีๆนะคยู" ตอบรับอีซองมินแล้วประโยคหลังคนตัวเล็กจึงหันกลับมาสั่งคนขับรถของเสี่ยมินอีกครั้ง รยออุกถอยออกมายืนมองไฟท้ายรถคันเล็กของอีซองมินแล้วจึงเดินไปเข้าไปหาประธานชมรมการแสดงที่จอดรถรออยู่
ภายในรถคันเล็กยังคงเงียบ ก็จะไม่ให้เงียบได้ยังไง ในเมื่อไอ้คนขับก็ขับไป ส่วนเสี่ยน่ะหลับสบายไปแล้ว ตลอด เป็นแบบนี้ตลอดดด พอเมาละก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เขาไม่น่าดีใจไปก่อนเลยเถอะเพราะสุดท้ายไอ้คนที่ต้องแบกอีซองมินกลับห้องก็ยังเป็นโจคยูฮยอนคนนี้อยู่ดี!
คยูฮยอนหันไปมองคนที่ปรับเบาะเอนนอนตั้งแต่เขาออกรถ เสี้ยวหน้าหวานเรียบสนิทเข้ากันดีกับลมหายใจสม่ำเสมอ เปลือกตาบางพริ้มหลับดูไม่สนใจโลก ชายหนุ่มเบะปากใส่คนนอนแล้วจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ สบายจริงพ่อคุ๊ณณณณ
"ถอนหายใจทำไม.." อ้าววว ไม่ได้หลับนี่หว่า ชิชะ แกล้งเมาแล้วจะให้เขาจ่ายค่าทางด่วนหรือไง
"พี่หลับไปเถอะ เดี๋ยวถึงแล้วผมปลุก"
"นายรำคาญฉันหรือ" มาละ พอเมาแล้วก็แบบนี้ เล่นบทโศกตลอด โถๆๆๆ เสี่ยครับ ผมจะรำคาญเสี่ยได้ยังไง ในเมื่อเสี่ยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของผมนะครับ!
เหอะ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงละวะ โจคยูฮยอนทำอาหารไม่เป็นแถมร้านแถวๆคอนโดก็ใช่ว่าจะอร่อยนักหนา ไปหากินที่อื่นก็แพง สู้ฝากท้องกับเสี่ยมินก็ไม่ได้ อร่อย สะอาด ประหยัด ที่สำคัญ .. ไม่ต้องไปไหนไกลให้เสียเวลาเล่นเกมส์ โอ๊ย สบายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
"เปล่า ผมคิดเรื่องตัวเองน่ะ"
"เรื่องที่โดนบอกเลิกมาน่ะหรือ" โอ๊ย แล้วพี่จะย้ำทำไมเนี่ย เรื่องบางเรื่องรู้แล้วเก็บไว้ก็ไม่เสียหายนะเว้
"อือ.."
"นายรู้สึกแบบไหนเวลาที่โดนบอกเลิก.." ขอบคุณสำหรับคำถามนะครับอีซองมิน!
ร่างสูงละสายตาจากรถราบนถนนเพื่อหันไปมองหน้าคนถามให้ชัดและอีซองมินก็กำลังมองมา ดวงตาคู่โตมีแววหวานกว่าปกติแต่คยูฮยอนก็ไม่ได้แปลกใจเห็นดังนั้นคยูฮยอนจึงหันกลับไปมองถนนเหมือนเดิม
เวลาที่เมาซองมินก็เป็นแบบนี้ประจำ แต่คราวนี้รู้สึกว่าจะพูดรู้เรื่องกว่าทุกทีแฮะ ชายหนุ่มบิดยิ้มแปร่งปร่าเมื่อนึกหาคำตอบให้อีกฝ่าย ความจริงมันก็อาการทั่วๆไปตามสูตรผู้ชายถูกบอกเลิก เสียใจ เสียหน้า รู้สึกแย่ ประมาณนี้ ว่าแต่ที่ถามนี่ต้องการจะย้ำใช่มะว่าไม่เคยโดนทิ้ง ชิ หมั่นไส้ว่ะ!
"พี่อยากรู้ไปทำไม"
"ก็เปล่า เห็นนายโดนบอกเลิกบ่อยๆ เลยอยากรู้ว่ามันเป็นไง"
"ใช่สิ ผมไม่เหมือนพี่นี่ ที่จะได้เป็นฝ่ายบอกเลิกเป็นประจำน่ะ" อึก! อ้าว ชิ..หายแล้วกู ประชดไปแบบนั้นท่านจะตบบ้องหูมั้ยวะ
อาการสะดุดลมหายใจตัวเองยังไม่น่าตกใจเท่ากับสายตาเรียบนิ่งที่อีกฝ่ายเหลือบมองมา คนตัวเล็กขยับตัวปรับเบาะขึ้นมานั่งเหมือนคนข้างๆ วินาทีนี้โจคยูฮยอนอยากกระแทกเท้าลงกับเบรกจนจมมิดให้อีซองมินถูกแรงกระชากของรถหัวทิ่มคอนโซลแล้วหมดสติไปพอตื่นขึ้นมาจะได้จำไม่ได้ว่าคยูฮยอนพูดอะไรออกไป แฮ่~ ก็แค่คิดน่ะนะ เขาไม่กล้าทำจริงๆร้อกกกก
"ฉันเห็นนายที่หน้าห้องน้ำ" จบข่าว..
"เอ่อ ผม .. ผม .. พี่ ผมน่ะ ..ผม.." ผมผิดไปแล้ววววววว
"นายว่าฉันใจร้ายมั้ย" น้ำเสียงราบเรียบที่หลุดรอดผ่านริมฝีปากสีสดออกมาทำให้คนฟังหายใจไม่ทั่วท้อง อีซองมินถามราวกับว่าไม่ได้ต้องการคำตอบ ดวงตากลมยังคงจับจ้องไปยังท้องถนนด้านหน้า ร่างเล็กไม่มีทีท่าสนใจกับอาการกระอักกระอ่วนของคยูอยอนแม้แต่น้อย
"ฉันคงดูใจร้ายมากที่พูดออกไปแบบนั้น.." เพราะยังต้องใช้สมาธิในการขับรถ โจคยูฮยอนจึงไม่ได้หันไปมองหน้าคนพูด เขาไม่รู้ว่าอีซองมินกำลังทำหน้าแบบไหนตอนที่พูดตัดพ้อตัวเอง แค่ฟังไม่ได้ทำให้คยูฮยอนเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังสื่อมากนัก
น้ำเสียงไม่มั่นใจในตัวเองช่างแปลกหูเมื่อคนพูดคืออีซองมิน และในบรรดาความรู้สึกที่ส่งผ่านมาพร้อมกับถ้อยคำเหล่านั้น มีหนึ่งความรู้สึกที่ชัดเจนเสียจนเขาคิดว่ากำลังยืนอยู่ตรงหน้ากระจกที่สะท้อนภาพของตัวเอง คยูฮยอนมั่นใจว่าคนพูดกำลังรู้สึกเหงา
"ทำไมพี่ไม่หาใครซักคนมาดูแล" คำถามเรียบง่ายแต่ยังคงใช้ได้กับทุกคนหลุดรอดออกมา คยูฮยอนไม่ได้มองหน้าคนฟังตอนที่ถามออกไปแต่ก็นึกเดาเอาว่าอีกฝ่ายคงกำลังทำหน้านิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไรเหมือนเคย..
"ฉันดูแลตัวเองได้.." คยูฮยอนระบายลมหายใจยาวกับคำตอบที่ได้รับ เส้นแบ่งความเป็นส่วนตัวของอีซองมินเด่นชัดขึ้นในความรู้สึก เส้นที่หนาและหนักกดทับทุกอณูภายในรถคันเล็กให้เกิดเป็นความเงียบ
"ผมไม่ได้หมายถึงตัวพี่ .. หัวใจของพี่ต่างหากที่ต้องการคนดูแล พี่กำลังเหงา"
"อ้อ ก่อนที่จะเถียงผมช่วยหยุดคิดก่อนด้วย" สำทับอีกประโยคด้วยความอาจหาญแถมยังกล้าวางนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากบางที่ทำท่าว่าจะเผยอเป็นคำพูดแก้ต่างให้ตัวเอง อีซองมินอาจจะปิดบังตัวตนจากใครคนอื่นได้แต่ไม่ใช่กับเขา
มีคนเคยบอกไว้ว่าคนที่กำลังเหงามักจะเข้าใจกัน และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ อีซองมินเหงาอย่างที่เขากำลังเหงา..
และในค่ำคืนนี้ .. เรากำลังรู้สึกถึงความเหงาด้วยกัน
ความคิดเห็น