คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Part 05
May be you
เมื่อตื่นมาอีกครั้งซองมินก็พบว่าเจ้าของเตียงนอนสีทึมหายไปแล้ว คนตัวเล็กล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกดูก็พบว่าเวลานี้ในขณะนี้เลยเที่ยงวันมาเกือบสามชั่วโมงแล้ว น่าตกใจที่เขานอนไปนานถึงเพียงนี้แต่เมื่อนึกได้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเขาผลาญเวลานอนไปกับการครุ่นคิดเรื่องราวระหว่างตนเองกับใครอีกคนจนไม่มีโอกาสได้พักผ่อนแถมยังตามขึ้นมาง้อหมอนั่นตั้งแต่หกโมงเช้าก็ปลงใจว่าคุ้มแล้วกับการใช้เวลาเพลิดเพลินในโลกของความฝัน
คนตัวเล็กมองเครื่องเล่นเพลงที่วางอยู่ข้างตัว แล้วหยิบขึ้นมากดๆจิ้มๆ ทันทีที่ภาพพื้นหลังหน้าจอปรากฏเขาก็พบตัวเองอยู่ในนั้น.. ไอ้เสี่ยว! มันบังอาจมากที่แอบถ่ายรูปเขาตอนที่นอนหลับไม่ได้สติ(แถมผมยังชี้ฟูเป็นรังนกหลังโดนพายุ)แล้วเอามาตั้งเป็นภาพพื้นหลังหน้าจอ ซองมินรู้ว่ามันจงใจทำไว้เพราะรู้แน่ว่าเขาต้องเปิดเพลงฟังแล้วจะต้องเห็นภาพนี้
คนตัวเล็กส่ายศีรษะไปมาด้วยความอ่อนใจก่อนสไลด์นิ้วเลื่อนโปรแกรมเข้าไปที่โฟลเดอร์ภาพถ่าย รูปเขาไม่ได้มีแค่ที่เห็นตอนนี้หรอก คยูฮยอนมันเล่นเขาหนักแน่ซองมินเชื่ออย่างนั้น ร่างเล็กยังคงเลื่อนหารูปตัวเองไปเรื่อยๆแล้วในที่สุดก็เจอโฟลเดอร์รูปที่ถ่ายวันนี้ อีซองมินทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ข้างซ้าย ข้างขวา ที่สำคัญไม่มีรูปไหนที่เขาดู'หล่อ'เลยแม้แต่รูปเดียว -*-
เมื่อไล่ดูรูปทั้งหมดก็เบาใจได้ว่าอย่างน้อยรูปพวกนี้ก็เขาแค่ไม่หล่อนิดหน่อย ไม่ได้มีอะไรทุเรศบาดจิตถึงขั้นรับไม่ได้..
ร่างเล็กยังคงนอนกลิ้งเกลือกไปมาบนเตียงกว้างถึงแม้ว่าจะรู้ว่าวันนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ว่าจะเป็นรายงานที่ยังค้างส่วนอ้างอิงอยู่หรือแม้กระทั่งเพลงใหม่ที่เพิ่งเริ่มแกะไปได้เพียงครึ่ง อารมณ์อึนๆลอยๆที่เป็นอยู่ตอนนี้ทำให้ซองมินอยากนอนฟังเพลงไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องคิดถึงอย่างอื่น
คลื่นความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะเผลอหลับไปเพราะความอ่อนเพลียยังคงลอยตัวปะปนกับบรรยากาศในห้องนอนนี้ ซองมินยังหาคำอธิบายไม่ได้ว่าการกระทำของโจคยูฮยอนเกิดจากอะไร แต่ถ้าถามว่ามันดีมั้ยเขาคงตอบได้เพียงว่ามันดีมากๆ
เพราะอย่างน้อยสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันก็เริ่มบ่ายหน้ามายังทิศทางที่ซองมินคิดว่ามันควรจะเป็น..
R R R R R R R R R R R
โทรศัพท์ที่วางไว้ข้างตัวส่งเสียงเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ อีซองมินยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นมองดูชื่อคนโทรเข้าแล้วก็พบว่าคนที่อยู่ปลายสายเป็นน้องชายตัวเล็ก
"ว่าไงรยออุก"
((พี่ทำอะไรอยู่ ทำไมเสียงเหมือนคนเพิ่งตื่น)) อีซองมินแอบยิ้มคนเดียวเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกคนทักกลับมา คิมรยออุกน่ารักแบบนี้เสมอ
"พี่นอนอยู่ไง เสียงเลยเหมือนคนเพิ่งตื่น"
((อ้าวว จริงเหรอครับ ผมโทรมากวนพี่หรือเปล่า))
"เปล่า ไม่ได้กวน พี่นอนเฉยๆไม่ได้หลับ"
((งั้นก็แล้วไป วันนี้ค่ำๆพี่ว่างมั้ยครับ ไปดูหนังกัน)) น้ำเสียงตื่นเต้นเกินจำเป็นทำให้ซองมินสงสัยไม่น้อย น้ำเสียงของรยออุกดูตื่นเต้นในยามที่เอ่ยปากชวนเขาแต่ถึงอย่างนั้นซองมินก็ไม่ได้ถามออกไปตรงๆ รุ่นพี่ของคิมรยออุกเลือกที่จะถามเพียงว่านัดวันนี้มีใครบ้าง
"แล้วมีใครไปบ้าง"
((ตอนนี้มีผมกับฮยอกแจสองคน พี่จองอุนไม่ว่างซีวอนก็ติดธุระคิบอมไปกับทงเฮ อ้อ ส่วนไอ้เสี่ยวยังไม่รู้ชะตากรรมครับ))
"แค่เราสามคนใช่มั้ย"
((ครับ มีพี่ ผม แล้วก็ฮยอกแจ))
"โอเคงั้นไป แล้วให้พี่ไปรับตรงไหนกัน" อีซองมินเอ่ยปากถามอย่างมีน้ำใจ เพราะเขารู้ว่าวันนี้สองคนนั้นไม่มีรถแน่ๆก็เป็นตุ๊กตาหน้ารถจนชินนี่นา
((ที่หน้าพวกคณะผมก็ได้ครับ เดี๋ยวผมนั่งรอแถวนั้นพี่มาถึงก็โทรเรียกได้เลย))
"โอเค แล้วเดี๋ยวเจอกัน" กดตัดสายเสร็จอีซองมินก็จำใจลุกขึ้นจากเตียงนอนที่วันนี้เขาเกือบจะฝังรากลงไปแล้ว คนตัวเล็กจัดการเก็บที่นอนให้เรียบร้อย สำรวจจนแน่ใจแล้วว่าไม่ได้ลืมอะไรจึงพาตัวเองกลับห้องไปเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับนัดเย็นนี้
.
.
.
ร่างหนาที่ผ่านวูบไปด้านหลังไม่ได้ทำให้คนที่นั่งเหม่ออยู่รู้สึกตัว จนกระทั่งบังยองกุกหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวข้างๆกันซงจีอึนถึงได้สติคืนมา หญิงสาวมองหน้าคนรักที่มาถึงเร็วกว่าที่นัดไว้เกือบครึ่งชั่วโมงด้วยความสงสัย
"ทำไมมาเร็วล่ะ"
"อาจารย์ติดธุระด่วนน่ะ ว่าแต่นั่งเหม่ออะไรอยู่ เดี๋ยวใครก็ฉุดไปหรอก" พอถูกทักว่าเป็นอะไรคนที่ถูกทิ้งให้อึ้งอยู่นานก็นึกขึ้นมาได้ นิ้วเรียวจิ้มไปบนซองของขวัญที่หลังจากพี่รหัสตัวดีจากไปแล้วหล่อนก็รีบไปคว้ามันกลับขึ้นมาจากถังขยะ
"นี่ไง ของขวัญที่เมื่อวานเราเล่าให้ฟังว่าเทซูฝากมาให้ซองมินโอปป้าน่ะ"
"แล้วทำไมมันเปื้อนแบบนี้หล่ะ" ซงจีอึนมุ่ยหน้าลำบากใจเมื่อนึกไปถึงต้นเหตุรอยเปื้อนนั้น
"คยูฮยอนโอปป้าเหวี่ยงลงถังขยะน่ะสิ เรารีบไปเก็บกลับมาแทบไม่ทัน" เสียงหัวเราะในลำคอหลุดรอดมาให้ได้ยินทำให้ซงจีอึนยิ่งมุ่ยหน้าหนัก ถึงแม้จะแอบดีใจอยู่ลึกๆ แต่เรื่องวันนี้เธอจะบอกเพื่อนว่ายังไงล่ะ ปาร์คเทซูคงจะนอนฝันอยู่ว่าซองมินโอปป้าจะทำหน้าแบบไหนตอนที่รับของ เธอไม่อยากหักหาญน้ำใจเพื่อนโดยการเดินเข้าไปบอกว่าไอ้พี่รหัสสุดเสี่ยวของเธอกลายร่างเป็นหมาบ้าหวงก้างโยนของฝากของเขาทิ้งไปแล้ว เธอควรจะเอาของชิ้นนี้ไปคืนเทซูไหม
"เราจะทำยังไงดี เอาของไปคืนเทซูหรือแอบส่งไปให้ซองมินโอปป้าด้วยตัวเอง" บังยองกุกหรี่ตามองคนกลุ้มใจแล้วจึงเอื้อมมือไปโยกศีรษะเล็กไปมา
"อย่าคิดมากเลยน่า พี่รหัสเธอใช่ว่าจะโหดเหี้ยมอำมหิตแต่ฉันว่าทางที่ดี โยนทิ้งไปเหอะ" ซงจีอึนฟาดแขนคนรักดังปั่ก!เหมือนที่ทำกับพี่รหัสก่อนหน้านี้ วันนี้มันวันอะไรทำไมถึงมีคนชอบเข้ามาให้เธอทดสอบพละกำลังเหลือเกิน!
"ยองกุก ฉันเครียดจริงๆนะ นายรู้มั้ยว่าเทซูคาดหวังกับมันมาก" ปากเล็กบุ้ยใบ้ไปที่ซองของขวัญเพื่อบอกให้รู้ว่าเพื่อนเธอชอบพี่ซองมินจริงๆ ปาร์คเทซูเป็นแฟนคลับมือกีต้าร์หน้าหวานประจำวงดนตรีของมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่ปีหนึ่ง จนกระทั่งไม่นานมานี้ถึงได้รวบรวมความกล้าไปซื้อบัตรเข้างานเทศกาลดนตรีเพื่อชวนพี่ซองมินไปด้วยกัน แล้วดู.. ดูสิ่งที่พี่รหัสเธอทำกับบัตรสองใบนั้น โอ้ยยย จีอึนจะบ้า!
เห็นท่าทางปวดประสาทของคนรักแล้วบังยองกุกก็ได้แต่ยิ้ม ขอโทษที่ผิดที่ผิดเวลาไปนิด แต่ใบหน้าอึดอัดขัดใจมันก็ทำให้แฟนเขาน่ารักขึ้นไปอีก ก็ตอนที่จีบใหม่ๆเจ้าตัวชอบทำหน้าแบบนี้ใส่เขาแถมยังวิ่งโร่ไปฟ้องพี่รหัสว่าเขาแกล้งอย่างนั้นอย่างนี้แฟนใครวะน่ารักเป็นบ้า มือหนาเลื่อนไปกอบกุมมือบางไว้ ยองกุกออกแรงบีบเบาๆหวังปลอบโยนคนรักแต่มันคงผิดที่ผิดเวลาไปจริงๆ เพราะอยู่ดีๆก็มีเสียงตะโกนมาจากหน้าต่างชั้นสามของตึกเรียน
"ประกาศ! ไอ่เสี่ยวคยูฮยอน น้องรหัสมึงกำลังถูกแตะเนื้อต้องตัวที่ตำแหน่งสิบนาฬิกา รีบมาด่วนเลย" เพียงเท่านั้นมือสองข้างก็ละออกจากกัน ซงจีอึนเงยหน้ามองต้นเสียงก็พบว่าเป็นรุ่นพี่ปีสามเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับพี่รหัสของเธอ และผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีใบหน้าหล่อเหลาของโจคยูฮยอนก็ยื่นออกมาจากหน้าต่างบ้าง ชายหนุ่มมาพร้อมกับชีทที่พยายามม้วนเป็นทรงโทรโข่งเพื่อขยายเสียง
"โย่ววว วอทซับอีกครั้งจ้าเบบี๋ เบบี๋บอกยองกุกไปหรือยังจ๊ะที่พี่สั่งไว้เมื่อกี้น่ะ แต่ไม่เป็นไรไหนๆก็ไหนๆ เดี๋ยวพี่บอกเอง" ว่าจบก็ทำท่ากระแอมในลำคอเรียกร้องความสนใจ ก่อนยกโทรโข่งจำเป็นจ่อปากอีกครั้ง
"บังยองกุก! อย่าได้เหิมเกริมให้มันมากนักถึงน้องรหัสฉันจะมีใจให้นายแต่นายก็ยังต้องจ่ายค่าสินสอดนะ ซึ่งฉันเรียกไม่แพงหรอก ข้าวมื้อเดียวก็พอ.." พูดยังไม่ทันจบดีน้ำเสียงห้วนห้าวก็ดังสวนขึ้นมาแบบที่โจคยูฮยอนเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวแถมมันยังดังมาจากหน้าต่างบานถัดไปอีกด้วย
"ยองกุก ถามพี่รหัสแฟนนายดิ๊ว่ามันจะกินอะไร" เป็นการตอบโต้ที่รวดเร็วมาก ไอ้ซึงฮยอน ไอ้มนุษย์นามสกุลชเว ไอ้บ้านรวย ไอ้หน้าตาดี ไอ้พี่รหัสของบังยองกุก!
"มึงจะพาไปเลี้ยงทั้งสายรหัสกูมั้ยละ เดี๋ยวกูเรียกนัดรวมตัวตั้งแต่ปีสี่ยันปีหนึ่งเลยเทมป์" นี่ก็ไม่แพ้กัน โจคยูฮยอนหันไปถามเพื่อนร่วมชั้นปีที่สะเออะมาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
"กูจะชวนมึงกินเหล้า จะไปเปล่า เห็นว่าวันนี้วันอังคารรุ่นพี่คยูฮยอนผู้โด่งดังไม่ต้องไปห้องซ้อมแถมแฟนก็ทิ้งไปแล้วเลยคิดว่าตอนนี้มึงควรจะว่างเพื่อเพื่อนอย่างพวกกูบ้างอะไรบ้าง" เป็นการชวนกินเหล้าที่..จ๊าบมาก! คยูฮยอนมองสีหน้าเพื่อนแต่ละคนแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ลองว่าวันนี้เขาไม่ไปกับพวกมันมีหวังว่าในหนังสือรุ่นคงไม่มีชื่อรุ่นพี่คยูฮยอนให้น้องๆรุ่นหลังเห็นเป็นแน่!
"เออ ไปครับไป.." ว่าจบก็รีบชะโงกหน้าลงไปด้านล่างอีกครั้ง
"เบบี๋~ พี่คยูฮยอนไปเรียนต่อแล้วนะจ๊ะ หมดเวลาพักแล้ว บายๆ จุ๊บๆ" ซงจีอึนยกมือบายๆตอบกลับไปให้คนที่ยืนโบกมืออยู่บนชั้นสามด้วยท่าทางเพลียใจ ถามว่าอายมั้ยก็อาย แต่ทำไงได้เธอโดนปฏิบัติด้วยความเอาใจใส่แบบเสี่ยวๆเช่นนี้มาตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่ง ตอนนี้ก็ชินจนชาแล้วล่ะ
"พี่รหัสเธอนี่ได้ใจจริงๆ" น้องรหัสของคนถูกชมเบ้ปากใส่ทันที
"ได้ใจในความเสี่ยวน่ะสิ เก่งที่หนึ่งละรายนั้น เสี่ยวเองไม่พอยังจะลากฉันเข้าไปเสี่ยวด้วย ทุกวันนี้พอเดินออกนอกคณะไปฉันยังกลัวอยู่เลยว่าจะเอานิสัยเสี่ยวที่ติดจากโอปป้ามาไปใช้กับคนอื่น"
"ก็น่ารักดีจะกลัวอะไร ดูพี่รหัสเธอเป็นตัวอย่างสิ แคร์ใครที่ไหนกัน" ยิ่งพูดเหมือนจะยิ่งเข้าตัว มือบางยกห้ามอีกฝ่ายแล้วหันกลับมาสนใจเรื่องของขวัญ
"อ๊ะ หยุดพูดเรื่องอื่นสิ ตกลงซองนี่เอาไงอ่ะ" คนถูกถามยกยิ้มร้าย แตะปลายนิ้วเรียวลงบนซองของขวัญที่เป็นปัญหาแล้วไถมันกลับไปตรงหน้าหญิงสาวผู้รักเพื่อน..
"คืน.." จบไม่ต้องพูดอะไรต่อ ซงจีอึนเม้มปากมองคนรักที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเชียร์พี่รหัสเธอขนาดไหน ความจริงเธอเองก็แอบลุ้นคู่นี้แต่บังเอิญว่าทางโน้นก็เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่มัธยม ที่ผ่านมาก็เห็นพี่คยูฮยอนคบกับสาวๆคนอื่น พอถูกบอกเลิกได้ไม่กี่วันก็ถูกบอกรักเป็นวัฏจักรไปเรื่อยๆ เจ้าตัวอาจจะมองไม่ออกหรือไม่ได้สังเกต แต่รู้จักกันมาสองปีจีอึนบอกได้เลยว่าคนที่พี่คยูฮยอนใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดก็คือพี่ซองมิน..
และมันก็ไม่ใช่แค่เธอ เพราะเพื่อนร่วมชั้นเรียนอีกหลายคนก็ยังเคยเลียบๆเคียงๆถามว่าตกลงแล้วพี่รหัสเธอคบกับใครอยู่กันแน่ระหว่างสาวๆที่ผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยๆกับรุ่นพี่ซองมินปีสี่ เธอรู้ว่าพี่คยูฮยอนกับพี่ซองมินไม่ได้คบกัน แต่กระนั้นเธอก็ยังแอบคิดว่าสองคนนั้นต้องมีอะไรมากกว่าที่เธอเห็น คนส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับแฟนมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่กับพี่รหัสของเธอเพราะโจคยูฮยอนเป็นคนส่วนน้อย
.
.
.
กว่าจะจัดการตัวเองเสร็จอีซองมินก็ได้ฤกษ์ออกจากคอนโดเกือบๆหกโมงเย็น ยังไม่ถือว่าสายมากนักเมื่อเทียบกับเวลาที่รุ่นน้องทั้งสองคนนัดไว้ ระยะทางจากคอนโดของเขาไปถึงมหาวิทยาลัยไม่ได้ไกลกันมากดังนั้นถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่รถค่อนข้างหนาแน่นอีซองมินก็ยังคงเหยียบคันเร่งไปแบบไม่รีบร้อนและเมื่อขับรถเข้าไปในเขตของมหาวิทยาลัยได้เพียงครู่เดียวเสียงโทรศัพท์ก็ดังมาให้ได้ยิน
"ว่าไง พี่ถึงแล้วนะ กำลังจะเข้าไปที่คณะนาย"
((อ่าครับ ผมก็กำลังจะโทรมาบอกว่าผมรอตรงม้านั่งข้างหน้าเลย โอ๊ะ ผมเห็นรถพี่แล้ว ฮยอกแจๆพี่ซองมินมาถึงแล้ว)) ไม่ต้องพูดต่อให้มากความคิมรยออุกกดตัดสายซองมินทันที และคนที่เพิ่งขับรถเข้ามาถึงก็เห็นว่าน้องชายสองคนกำลังเร่งเก็บข้าวของบนโต๊ะแล้วก็เสร็จพอดีตอนที่ซองมินเอารถเข้าไปจอดเทียบตรงหน้า
"หวัดดีครับ" พร้อมใจกันโค้งศีรษะทักทายเสร็จแล้วก็กระโดดขึ้นรถโดยไม่ต้องให้เจ้าของรถเชิญ คิมรยออุกยกนาฬิกาขึ้นดูแล้วจึงบอกว่าเหลือเวลาอีกเกือบสองชั่วโมงกว่าหนังจะฉาย นักดนตรีของมหาวิทยาลัยทั้งสามจึงตกลงใจว่าจะไปหาอะไรทานกันก่อนและร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าประจำก็คือเป้าหมายของคนหิว แน่ละ ตั้งแต่เมื่อวานที่ทานหมูจุ่มกับเด็กชายคยูฮยอนไปก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องซองมินนอกจากน้ำเปล่าแก้วเดียว
ใช้เวลาไม่นานนักทั้งสามคนก็มาเดินเตร่อยู่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นที่ใช้ฝากท้องเป็นประจำในยามที่ยกโขยงมาดูหนังกันที่นี่ ร้านบรรยากาศเป็นกันเองราคาไม่แพงแถมชาเขียวยังอร่อยถูกปากที่สำคัญตัวร้านตั้งอยู่บนชั้นเดียวกันกับโรงภาพยนตร์ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาไปไหนไกล นั่งรอครู่เดียวอาหารที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ และโดยไม่ต้องให้บอกพอทุกเวลาวางครบก็ลงมือโซ้ยกันทันที
"พี่ครับ วันเสาร์นี้ที่จะไปทะเลเราออกกันซักเจ็ดโมงเช้าดีมั้ย" คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีกับทริปโอ้ทะเลแสนงามเอ่ยปากถามความเห็นจากคนเป็นพี่
"ก็ดีนะ ไปแต่เช้าจะได้มีเวลาแวะถ่ายรูปไปตลอดทาง แล้วนี่เราไปกันยังไง ถ้าขับรถไปกันเองเจ็ดคนนั่งกันไม่พอมั้ง" เพราะปากยังเคี้ยวตุ้ยๆอยู่คิมรยออุกจึงรีบยกมือขึ้นมาทำเป็นรูปกากบาทแทนคำตอบในเบื้องต้นไปให้พี่ชายร่วมวงก่อนจะรีบกลืนแล้วรีบบอก
"โนวๆๆ ไม่ต้องลำบากครับพี่ ทริปนี้ไปกับเสี่ย" ว่าแล้วก็บุ้ยปากใส่อีฮยอกแจที่กำลังโซ้ยเส้นเหลืองๆอย่างเมามัน "ซีวอนบอกว่าจะเอารถตู้ที่บ้านไปครับ สงสัยจะอยากเอาใจแฟน เราเลยพลอยฟ้าพลอยฝนโชคดีไปด้วย" คราวนี้ซองมินจึงย้ายสายตาไปมองน้องชายอีกคนแล้วก็ทันได้เห็นว่าแก้มของมือคีย์บอร์ดคนเก่งเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ นานๆจะเห็นอีฮยอกแจเขินสักที ..
"เขินแล้วน่ารักนะเรา" ครั้นจะปล่อยให้น้องชายเขินแบบเงียบๆก็ดูจะผิดวิสัย คนที่วันนี้เสียสละตัวเองเป็นเจ้ามือให้น้องชายทั้งสองคนเลยขอแซวเด็กแลกค่าข้าวก็ยังดี..
"โหยยย นานๆจะเห็นพี่ซองมินชมใครว่าน่ารักซักที แบบนี้ไม่ต้องกินต่อแล้วมั้งฮยอกแจ เป็นฉันน่ะอิ่มถึงเดือนหน้าเลยนะ" นี่ก็พูดเกินจริง อีซองมินส่งด้ามตะเกียบไปจิ้มหน้าผากรยออุกแล้วจึงคิดได้ว่ามีเรื่องคาใจอยู่ ดวงตากลมเขม้นมองน้องชายทั้งสองที่วันนี้ดูเหมือนจะแต่งตัวดีกว่าปกติ
"ว่าแต่วันนี้ดูหนังเสร็จแล้วจะไปไหนกันต่อหรือเปล่า" ทันทีที่จบคำถามซองมินก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศบนโต๊ะมันชะงักไป ฮยอกแจและรยออุกหันไปมองหน้ากันก่อนจะยิ้มกว้างอย่างที่ซองมินเห็นแล้วนึกรู้ว่าต้องมีอะไรตามมาแน่..
"พี่เนี่ย นอกจากเรียนเก่ง เล่นดนตรีเก่ง ยังเดาเก่งอีกด้วย" ซองมินหัวเราะในลำคอทันทีที่ได้ยินคำชม มือเล็กวางตะเกียบก่อนจะยกขึ้นกอดอก เอียงคอรอคำอธิบายต่อไป
"ก็วันนี้อ่ะพี่จองอุนก็ไม่อยู่ ซีวอนก็ติดธุระ ผมสองคนอยากไปเที่ยว แต่ถ้าจะไปกันแค่นี้ก็กลัวว่าเดี๋ยวพี่จองอุนหรือซีวอนรู้แล้วเราจะโดนดุเพราะงั้นวันนี้พี่ไปเป็นผู้ปกครองให้ผมกับฮยอกแจทีนะครับ" สายตาออดอ้อนสองคู่ที่พร้อมใจกันส่งมาประสานกับดวงตาคู่สวยของคนเป็นพี่ที่วันนี้กำลังจะเลื่อนไปเป็นผู้ปกครองอีกตำแหน่งมันวิงค์วับจนอีซองมินเกือบจะยอมแพ้ในทันที แต่ยังก่อน เขาต้องถามถึงสถานที่ที่ไอ้ตัวดีทั้งสองอยากไป'เที่ยว'เสียก่อน
"แล้วจะไปที่ไหนกันหล่ะ" ลองว่ามาแนวนี้โบกมือลาร้านพี่จองซูได้เลย รับรองว่าที่ที่รยออุกกับฮยอกแจอยากไปน่ะต้องอโคจรกว่านั้นแน่!
"แต๊งส์.." ว่าแล้วมั้ยล่ะ ไอ้ร้านเหล้าที่อยู่แถวๆมหาวิทยาลัยที่คนแสนจะเยอะแยะและแออัด แต่เปิดเพลงสนุกและบริการดีกว่าร้านอื่นๆ เพราะแบบนี้เลยมาทำหน้าอ้อนวอนให้เขาเป็นผู้ปกครองจำเป็นให้พาไปสินะ เพราะถ้าชวนแฟนตัวเองไปรับรองว่าไอ้พวกหวงเข้าไส้อย่างคิมจองอุนกับชเวซีวอนไม่มีทางพาไปหรืออนุญาตให้ไปแน่ๆ
"บอกจองอุนหรือยัง แล้วซีวอนรู้มั้ย" ไอ้ยิ้มตาปิดแล้วส่ายหน้าพร้อมกันนี่ความหมายว่าจงใจปิดบังใช่ไหม..
"น้าา ถ้าพี่พาไป พี่จองอุนกับซีวอนก็จะได้ไม่ว่า เพราะสองคนนั้นรู้ว่าอยู่กับพี่ซองมินยังไงก็ปลอดภัย เนอะๆๆๆ" ท้ายประโยคยังอุตส่าห์หันไปพยักเพยิดหน้าใส่กัน อีซองมินจ้องหน้าเด็กอยากเที่ยวพร้อมกับประเมินสถานการณ์ไปในตัว นี่คงเป็นที่มาของน้ำเสียงตื่นเต้นตอนที่รยออุกโทรไปชวนเขาออกมาดูหนังด้วยกัน ดูท่าจะงุบงิบวางแผนกันไว้หมดแล้วตั้งแต่รู้ว่าแฟนตัวเองไม่อยู่พร้อมๆกัน มันก็เป็นอย่างที่สองคนนั้นบอก ถ้าไปกับเขาทั้งจองอุนและซีวอนก็คงไม่ว่าอะไร
เฮ้ออ มองกันตาละห้อยขนาดนี้ซองมินเองก็ขัดใจน้องไม่ลง ดูท่าแล้วราตรีนี้คงอีกยาวไกล..
"อืม ไปก็ไป" เท่านั้น..ทั้งฮยอกแจและรยออุกก็แทบจะถลาไปกอดพี่ชายใจดีที่วันนี้จะเป็นไกด์พาเที่ยว..
หลังจากออกจากโรงภาพยนตร์มาแล้วทั้งสามศรีพี่น้องจึงฆ่าเวลาระหว่างที่รอไปเที่ยวด้วยการไปเตร่ดูนักดนตรีเปิดหมวกเล่นริมถนนในย่านการค้าที่เป็นเส้นทางผ่านไปยังร้าน 'Thanks' อีซองมินจอดรถไว้ชิดขอบทางด้านหนึ่งแล้วจึงพาน้องๆเดินชมแสงสีไปเรื่อยๆ
เสียงเพลงจากเครื่องดนตรีคลาสสิคหลายชนิดทั้งเครื่องสายและเครื่องเป่าดังคลอให้ความรู้สึกดีระหว่างทางที่เดิน สุดปลายทางคือน้ำพุเล็กๆประดับแสงไฟที่ซองมินคิดเอาในใจว่าจะเดินไปให้ถึงน้ำพุแล้วค่อยเดินย้อนกลับมาที่รถและมันก็คงพอดีกับเวลาที่รออยู่ ใบหน้าของนักดนตรีแต่ละคนดูมีความสุขยามได้รับเสียงปรบมือชื่นชมจากคนดู ทั้งรยออุกและฮยอกแจดูจะตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้ยืนซึมซับฝีมือนักดนตรีริมถนนเหล่านี้
"ผมไม่ค่อยได้มาเดินดูอะไรแบบนี้เลย เพิ่งรู้นะครับว่าแต่ละคนเก่งกันมาก" เพราะเคยแต่ไปดูนักดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลกในหอประชุมใหญ่ๆที่มีเครื่องเสียงเพียบพร้อมแถมราคาบัตรเช้าชมยังสูงลิบเลยทำให้หลงคิดว่านั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด แต่เมื่อได้สัมผัสกับวิธีการส่งความสุขแบบเรียบง่ายโดยไม่ต้องอาศัยเวทีใหญ่โตโออ่าจึงทำให้ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ทั้งที่เคยเห็นในยามที่นั่งรถผ่านแต่ไม่เคยหยุดรถเพื่อเข้ามาสัมผัสอย่างจริงจังจนทำให้พลาดความสวยงามเหล่านี้..
"พี่มาบ่อยหรือครับ" อีซองมินพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบ บางครั้งการได้ออกมาเดินซึมซับความไพเราะเหล่านี้ก็สามารถใช้เป็นแรงบันดาลใจให้กับงานของเขาได้เช่นกันหรือแม้กระทั่งในวันที่ต้องการคำปลอบใจเพื่อผ่านวันคืนที่แสนโหดร้ายไปเพียงลำพังเสียงเพลงจากศิลปินผู้ใจดีก็ยังช่วยโอบอุ้มเขาไว้
อีซองมินไม่นิยมแสดงความอ่อนแอให้ใครอื่นเห็น เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะมาเรียกร้องให้คนอื่นสนใจและปลอบโยนเพราะเขาเชื่อว่าไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์สิ่งเหล่านั้นก็เกิดจากใจตัวทั้งสิ้น หากเราเรียนรู้ที่จะหาความสุขให้ตนเองได้ความทุกข์ที่เผชิญก็จะบางเบาไม่ต่างจากสายลมที่พัดผ่านมาแล้วก็จากไป
บ่อยครั้งที่ซองมินตีตั๋วไร้ราคาแถวหน้าแล้วยืนฟังเพลงจนลืมเวลาเมื่อรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่นักดนตรีเก็บของใส่กระเป๋าจึงได้กล่าวขอบคุณแล้วเดินจากมาพร้อมความรู้สึกดีๆเต็มหัวใจ และนี่ก็คือวิธีการแสวงหาความสุขที่เรียบและง่ายของอีซองมิน
"มีอีกหลายคนเลยที่เล่นดีพี่เลยอยากให้พวกนายได้ลองฟัง เสียดายวันนี้เรามีเวลาไม่นานไว้คราวหน้าค่อยมาใหม่ละกัน" เมื่อยกนาฬิกาขึ้นดูก็พบว่าเลยเวลาที่กะไว้คร่าวๆมาเกือบครึ่งชั่วโมง ถ้าไปช้ากว่านี้โต๊ะอาจจะเต็มก่อน เห็นดังนั้นอีซองมินจึงชวนน้องอีกสองคนกลับไปที่รถเพื่อออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป
ลานจอดรถของร้าน Thanks เริ่มแน่นไปด้วยยานพาหนะหลากหลายยี่ห้อ อีซองมินวนรถไปก็เจอที่ว่างเกือบด้านในสุดจึงไม่รีรอรีบหักพวงมาลัยหันหัวรถเข้าหาที่จอดทันที ..
บรรยากาศด้านในร้านยังคงแออัดเช่นทุกครั้งที่เข้ามา ซองมินไม่ได้มาที่นี่บ่อยๆจำนวนครั้งที่มาก็คงไม่ต่างจากไอ้เด็กสองคนที่เดินขนาบข้างนี่เท่าไหร่เพราะทุกทีก็ยกโขยงกันมาจากห้องซ้อมอยู่แล้วดังนั้นจำนวนคนที่มาด้วยยังไงมากกว่าสามชีวิตแน่ๆ
หลังจากพิจารณาแล้วจึงตกลงใจกันว่าจะเลือกโต๊ะที่อยู่ชิดริมผนังมากกว่าที่จะไปหานั่งแถวๆกลางร้าน แสงสลัวกำลังดี ทั้งยังใกล้ทางออกและทางเดินไปห้องน้ำ ผ่านไปครู่เดียวเครื่องดื่มที่สั่งไปก็ถูกยกมาเสิร์ฟพร้อมสรรพ อีซองมินนั่งมองเด็กในสังกัดที่วันนี้หน้าตาเปลี่ยนไปผสมเครื่องดื่มก็ให้ใจอ่อน ชะรอยว่าจะได้หิ้วปีกกลับทั้งคู่..
เสียงตะโกนคุยกันโหวกเหวกข้ามโต๊ะในขณะที่มือก็ชี้ชวนกันดูแม่สาวโต๊ะข้างๆทำให้ชายหนุ่มผู้รักในเสียงดนตรีทั้งหลายเป็นที่สนใจของสาวๆหลายคนที่อยู่รายรอบ โจคยูฮยอนนั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะตามจังหวะเพลงพลางมองเพื่อนร่วมแก๊งค์หลายคนวาดลีลายักย้ายส่ายสะโพกที่ดูจะถนัดไม่แพ้ในยามที่จับเครื่องดนตรี ถามว่าสนุกมั้ยก็คงต้องตอบว่าสนุก แต่ก็ยังไม่มากพอ..
"กูถามจริงเหอะ มาวันนี้นี่มึงกะซดเหล้าอย่างเดียวเลยหรือไง" ในที่สุดก็ทนไม่ได้จนต้องกระแทกแดกดันออกไป ชเวซึงฮยอนผสมเครื่องดื่มแบบเข้มจัดส่งไปให้คนที่วันนี้แก้วรั่วบ่อยกว่าชาวบ้านด้วยความหมั่นไส้ ทุกทีถ้ามาด้วยกันไอ้เสี่ยวประจำคณะไม่ได้อยู่เฉยหรอก โดนลากไปโต๊ะโน้นโต๊ะนี้ประจำ แต่วันนี้มันกลับสมัครใจนั่งเฝ้าโต๊ะปล่อยให้เพื่อนๆไปออกลีลาแสดงความเสี่ยวแทน
"ก็มึงชวนกูมากินเหล้า" ตอบไปเรียบๆพร้อมกับแจกยิ้มให้เด็กสาวโต๊ะข้างๆเมื่อเจ้าหล่อนส่งยิ้มมาให้ก่อน
"นั่นไง มึงก็ชวนน้องไปเต้นสิ" พอเห็นเพื่อนส่งยิ้มตาเยิ้มให้น้องสาวโต๊ะข้างๆชเวซึงฮยอนก็เลื่อนตัวไปกระซิบยุยงอีกฝ่ายแต่กลับถูกปัดความหวังดีทิ้งอย่างรวดเร็ว
"ไม่เอา กูไม่ชอบเด็ก.." เป็นคำปฏิเสธที่ตรงมากจนไอ้หนุ่มตาคมต่อความไม่ได้ แต่สุดท้ายซึงฮยอนก็หลุดหัวเราะออกมาเมื่อหวนนึกได้ว่าไอ้เพื่อนของเขามันเคยพูดคำนี้แล้วก็ถูก'เด็ก'ตอกกลับจนหน้าหงายมาแล้ว
"ระวังจะโดนสวนเหมือนคราวโน้นนะมึง แต่กูว่า’เด็ก’คนนั้นอ่ะยิ่งโตยิ่งน่ามองว่ะ เสียดาย.." แววตามุ่งร้ายตวัดมองคนพูดทันที
"เสียดายอะไร.." ถามเสียงเข้มพร้อมกับจ้องตารอคำตอบจนคนถูกมองชักเสียวสันหลัง ซึงฮยอนอยากจะถามออกไปว่า'เด็ก'ของมันคนนี้แตะไม่ได้เลยใช่มั้ย แต่ดูแล้วคงผิดเวลาไปสักหน่อย
"ก็เปล่า กูก็แค่คิดว่าเค้าน่ารักดีแต่เสียดายที่ไม่ยอมมีแฟน หรือ..เค้าจะรอมึงอยู่" ตบท้ายประโยคด้วยคำพูดทีเล่นทีจริงแต่ทว่ากลับชวนให้คนฟังได้คิดและมันก็คงได้ผลเกินร้อย เพราะตอนนี้คนที่เอาแต่ทำหน้าเหม็นเบื่อเมื่อครู่ดูมีชีวิตชีวาขึ้น
ทำไม..ทำไมคยูฮยอนไม่เคยคิดถึงประเด็นนี้
"มึงหมายความว่าไง" ซึงฮยอนส่ายหน้าเบาๆราวกับว่าไม่มีอะไรสำคัญ
"กูก็แค่พูดเล่นๆ ก็มึงบอกไปว่าไม่ชอบเด็ก เค้าก็เลยอาจจะรอให้ตัวเองดูเป็นผู้ใหญ่ ประมาณว่ารอให้หน้าดูแก่เท่ามึงก่อนไง" เปล่า..นี่ไม่ใช่คำตอบที่คยูฮยอนต้องการ เขารู้ว่าซึงฮยอนมันต้องการขุดประเด็นหน้าแก่เกินอายุมาล้อเลียนเขา แต่ตอนนี้คยูฮยอนไม่ได้เห็นว่ามันสำคัญไปกว่าสิ่งที่เขาเพิ่งจะนึกได้
สิ่งที่เขาอยากรู้คือความหมายของคำว่า'รอ'ต่างหาก..
คนๆนั้นกำลัง'รอ'ใครอยู่หรือเปล่า..
"กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ คุยกับมึงแล้วปวดหัว อ้อ กูว่ามึงหยุดมอมเหล้าตัวเองก่อนดีมั้ย มองชาวบ้านตาเยิ้มแบบนี้อยากโดนทั้งสาวน้อยสาวใหญ่รุมทึ้งหรือไง" ว่าจบก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายย้อนชเวซึงฮยอนหมุนตัวออกจากโต๊ะไปทันที เดินลัดเลาะลบเลี่ยงจากสายตายั่วยวนของสาวๆหลายโต๊ะมาได้สุดท้ายแรพเปอร์หน้าหล่อก็มาโผล่ที่ข้างฟลอร์ฝั่งเดียวกับห้องน้ำ
ร่างที่ผ่านสายตาไปทำให้ปลายเท้าชะงักแต่สุดท้ายก็ตัดใจแล้วตรงดิ่งเข้าไปทำธุระส่วนตัวและเพียงครู่เดียวก็กลับออกมายืนสอดส่ายสายตาหาคนหน้าคุ้นที่เมื่อครู่เหมือนจะเห็นอยู่แวบๆ เพ่งมองฝ่าความสลัวสลับแสงไฟวิบวับอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงคลายยิ้มเมื่อรู้ว่าใช่แน่
.. อีฮยอกแจ .. เด็กบัญชีที่อยู่วงดนตรีของมหาลัยเหมือนไอ้เสี่ยวคยูฮยอน คนที่เขาเคยตามจีบอยู่พักใหญ่ตอนปีหนึ่งตอนหลังถึงได้รู้ว่าคนน่ารักมีแฟนอยู่แล้วแถมยังเรียนคณะเดียวกัน ถึงตอนนั้นจะนึกเสียดายมากแค่ไหนก็ทำได้เพียงตัดใจ
ร่างสูงก้าวช้าๆเข้าไปหาคนที่กำลังวาดลวดลายเท้าไฟโดยไม่นึกเกรงใจคนรอบข้าง ใบหน้าคมคลี่เป็นรอยยิ้มบางเมื่อเริ่มเข้าใกล้คนที่วันนี้แต่งตัวได้น่ารักกว่าทุกทีที่เคยเจอ ชายหนุ่มปรายตามองสอดส่องโดยรอบอีกครั้งจนแน่ใจว่าชเวซีวอนไม่ได้อยู่แถวนี้ มือหนายกไปแตะไหล่บางเรียกร้องความสนใจแล้วก็ได้ผลอีฮยอกแจหันกลับมามองแล้วยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร..
“อ้าว ซึงฮยอน มาเที่ยวเหมือนกันหรือ” เสียงเล็กตะโกนถามแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มทำให้ร่างสูงต้องยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ร่างเล็กอีกนิด
“อืม แล้วฮยอกแจมากับใคร”
“เรามากับรยออุกแล้วก็พี่ซองมิน” ใบหน้าคมผงกขึ้นลงเป็นการบอกว่ารับรู้ ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาอีกทีแล้วจึงพบว่าคิมรยออุกกำลังเมามันกับการเต้นถัดเข้าไปอีกนิดแต่เขาไม่เห็นพี่ซองมิน
"แล้วพี่ซองมินไปไหนแล้ว" ยื่นหน้าไปถามอีกทีแล้วคนน่ารักก็ยกมือชี้ไปที่โต๊ะทรงสูงมุมในสุด ซึงฮยอนมองตามปลายนิ้วเล็กไปแล้วก็พบผู้ชายร่างเล็กนั่งหมุนแก้วในมือไปมาคนเดียว..
ท่าทางคุ้นๆเหมือนเห็นใครทำอยู่เมื่อครู่..
"พวกฉันก็มากันหลายคน ไอ้คยูฮยอนก็มานะแต่สงสัยมันไม่รู้ว่าพวกฮยอกแจก็มาด้วย" อีฮยอกแจพยักหน้ารัวๆแล้วจึงมองหารยออุกที่หายไปนาน เมื่อเห็นว่าคนน่ารักหันไปสนใจสิ่งอื่นชเวซึงฮยอนจึงบอกลาอีกฝ่ายแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง
รอยยิ้มกระจายเต็มใบหน้าเมื่อชเวซึงฮยอนกลับมาถึงโต๊ะ กลิ่นหอมอ่อนๆจากคนตัวเล็กที่ลอยมาแตะปลายจมูกยามที่เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นจากเดิมมากทั้งที่เขาคิดว่าวันนี้อารมณ์ของตัวเองก็ดีอยู่แล้วในระดับหนึ่ง
อีฮยอกแจยังคงน่ารักเสมอแม้ว่าจะผ่านมานานถึงสามปี เขาไม่เคยบอกใครถึงความในใจแม้แต่เจ้าตัว
การแสดงออกของเขาอีฮยอกแจไม่เคยรู้ คนตัวเล็กไม่เคยให้ความหวังอื่นนอกจากคำขอบคุณพร้อมรอยยิ้มสว่างใสตอนที่หิ้วน้ำหรือขนมไปฝากเวลาที่เข้าไปเรียนในวิชาเดียวกัน ถึงตอนนี้เขาจะไปคบกับคนอื่นแล้วและถึงแม้จะไม่ได้รักใคร่ชอบพอฮยอกแจแบบเดิมแล้วแต่กระนั้นเขาก็ยังรู้สึกดีเสมอเวลาที่ได้รับรอยยิ้มสดใสจากคนๆนี้..
"ห้องน้ำเค้ารมกัญชาหรือไง" เห็นเพื่อนรักกลับจากห้องน้ำมาก็เอาแต่นั่งยิ้ม ขนาดว่าเขาเริ่มมึนๆบ้างแล้วแต่ก็คงไม่ได้เมาแบบมันละนะ
"สาบานมั้ยว่ามึงใช้ปากพูด ขัดคอกูจังเลยนะครับ" คนเมารอยยิ้มหันไปตอบโต้เสียงนกเสียงกาได้เจ็บแสบพอกัน ชเวซึงฮยอนยกแก้วขึ้นจิบก่อนจะเอ่ยปากเสียงเรียบ
"เมื่อตอนไปเข้าห้องน้ำกูเจอฮยอกแจกับรยออุกด้วย" ทันทีที่ได้ยินชื่อสมาชิกแก๊งค์ชมรมดนตรีโจคยูฮอยอนก็ผงกหน้าขึ้นมาทำตาเยิ้ม
"รยออุกเนี่ยนะ" ทวนชื่อญาติผู้พี่ก่อนจะขวมดคิ้วจนยุ่ง พี่จองอุนพารยออุกมาที่แบบนี้ด้วยหรือร้อยวันพันปีถ้าไม่มากับพวกเขาที่อยู่ชมรมดนตรีไม่มีทางที่รยออุกจะได้รับอนุญาตให้มาสถานที่แบบนี้
"สองคนนั้นมากับใครวะ กูว่าพี่จองอุนไม่น่าให้มา" คราวนี้ชเวซึงฮยอนจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้คน(เริ่ม)เมาแล้วเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเล่ห์ร้าย
"เด็กมึงไง" ตื่นเต็มตา! ซึงฮยอนขอจำกัดความใบหน้าไอ้เสี่ยวเพื่อนยากด้วยคำๆนี้ หลังจากที่รู้ว่าฮยอกแจและรยออุกมากับใคร
"ที่สำคัญ ดูเหมือนว่าจะมากันแค่สามคนด้วยนะครับ"
"โต๊ะไหน.." สั้น ง่าย ได้ใจความ คำถามที่ส่งออกมาถูกตอบสนองด้วยปลายนิ้วแกร่งที่ชี้ไปยังทิศทางที่เพิ่งจากมา
"โต๊ะมุมในสุดเลยนะ" ตะโกนตามคนที่เดินจ้ำออกจากโต๊ะไปอย่างรวดเร็วแข่งกับเสียงเพลงเสร็จแล้วก็อยากจะหัวเราะให้ดังๆ โจคยูฮยอนมันติดพี่ซองมินจริงจัง! ต่อให้มันเคยคบใครมากี่คนแต่เขาเชื่ออยู่อย่างว่าสุดท้ายสองคนนี้ก็หนีกันไม่รอด
คยูฮยอนมันจะรู้ไหมว่าเรื่องของมันกับพี่ซองมินคนทั้งคณะเค้าวางเดิมพันกันเยอะขนาดไหน ลองว่าตกลงปลงใจกันขึ้นมาวันใดรับรองว่าวันนั้นได้ปิดคณะเลี้ยงกันแน่ๆ
แค่เห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างคยูฮยอนก็รู้แล้วว่าใครที่กำลังนั่งโยกตัวไปมาอยู่ที่โต๊ะตัวนั้น โชคดีที่อีซองมินเลือกที่จะนั่งหันหลังชิดผนังของร้านทำให้คนอื่นๆไม่มีโอกาสเดินผ่านคนตัวเล็กนอกเสียจากว่าจะเดินเข้าไปหาตรงๆอย่างที่คยูฮยอนกำลังทำ และมันก็คงมีคนทำก่อนเขาด้วย
คยูฮยอนเห็นว่ามีผู้ชายอีกคนกำลังนั่งเสร่อทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่อีกฝั่งของโต๊ะตรงข้ามอีซองมิน ชายหนุ่มพยายามแทรกผู้คนเข้าไปที่โต๊ะทรงสูงด้วยความยากลำบาก เด็กสาวและไม่สาวที่จับจองพื้นที่ยักย้ายส่ายสะโพกเต้นเบียดเสียดดูจะเป็นอุปสรรคอย่างมากแต่สุดท้ายเขาก็ถึงจุดหมาย
อีซองมินเงยหน้ามองร่างสูงคุ้นตาก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายก็กำลังมองตนเองอยู่.. ใบหน้าคมมีรอยเรื่อลามเลียตามผิวแก้มบ่งบอกปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด ดวงตาเยิ้มฉ่ำ
โจคยูฮยอนไม่ได้สนใจผู้ชายอีกคนที่นั่งโต๊ะเดียวกับซองมิน หน้ามันไม่คุ้นและดูเหมือนว่าคนตัวเล็กก็กำลังรำคาญมันอย่างหนัก
"ไม่เห็นพี่บอกผมเลยว่าจะมาเที่ยว" น้ำเสียงตัดพ้อดูจะเข้ากันดีกับริมฝีปากเชิดงอน ..แต่มันไม่เข้ากับหน้าโว้ย! ซองมินอยากบอกแบบนี้แต่ก็กลัวเด็กชายโจจะเสียหน้าและงอแง
"ก็นายไม่อยู่ให้บอก ฉันรู้ว่าจะต้องมาเที่ยวก็ตอนค่ำแล้ว รยออุกกับฮยอกแจโทรมาชวน" ตะโกนแข่งเสียงเพลงที่เพิ่มจังหวะขึ้นแต่ดูเหมือนคนฟังจะยังได้ยินไม่ชัด ชายหนุ่มขยับกายแทรกหญิงสาวโต๊ะข้างๆจนเข้าใกล้ร่างเล็กได้ แผ่นอกหนาเบียดเข้าหาท่อนแขนกลมกลึงและปลายคางของคยูฮยอนก็กำลังแนบชิดอยู่กับขมับสวย ตัดอีกมนุษย์ออกจากวงโคจรโดยที่อีกฝ่ายทำได้แค่นั่งมอง
"เมื่อกี้พี่พูดอะไรผมไม่ได้ยิน ไหนพูดใหม่อีกทีซิครับ" กระซิบเสียงพร่ากับกลุ่มผมนุ่มติดปลายลมหายใจร้อนผ่าวจนคนถูกเบียดวูบวาบไปทั้งร่าง อีซองมินมองหาทางออกแต่ก็ไม่เจอเมื่อสถานการณ์เป็นใจให้อีกฝ่ายแนบชิดและเขาแน่ใจว่าตอนนี้สติของโจคยูฮยอนกำลังถูกคลอนด้วยแอลกอฮอล์
และพอเลื่อนสายตาไปหาคนที่เข้ามาขอนั่งด้วยเมื่อครู่ก็เห็นว่าฝ่ายนั้นกำลังมองมาด้วยความไม่พอใจ
โจคยูฮยอนเลื่อนมือโอบเอวเล็กไว้เมื่อรู้สึกว่ายืนได้ไม่เต็มเท้า สองขาไร้เรี่ยวแรงพาร่างโงนเงนไปมาจนฝ่ายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวสูงต้องรั้งแขนยาวไว้ด้วยสองมือ กอดกันเต็มรูปแบบเลยทีนี้..
"เมามากแล้วนะ" คนตัวเล็กเอียงใบหน้าไปคุยกับคนเมาแล้วจึงรู้ว่าคิดผิด ดวงตาคู่คมกำลังทอดมองคนในอ้อมกอดและมันเต็มไปด้วยแววหวานจับใจ อีซองมินหลบตาอีกฝ่ายก่อนจะเห็นว่าผู้ชายที่นั่งฝั่งตรงข้ามลุกขึ้นแล้วเดินไปจากโต๊ะโดยไม่ได้พูดอะไร
"อือ เมาแล้ว เวียนหัวมากเลย เรากลับกันเถอะ" ตกลงว่านี่จะอ้อนใช่ไหมเขาจะได้รับมือถูก
คนตัวเล็กยกมืออีกข้างไปรั้งไหล่หนาไว้ไม่ให้โงนเงนหนักกว่าเก่าแล้วรีบมองหารยออุกกับฮยอกแจ สองคนนั้นหายไปในกลุ่มคนบนฟลอร์ตั้งแต่กินเหล้าเข้าไปแก้วแรก ตอนที่มาถึงเขาก็คิดว่าสองคนนั้นกะจะเมาไม่เหลือซากแต่ที่ไหนได้จิบเหล้าเข้าไปแค่คนละอึกสองอึกจากนั้นก็ขอตัวไปโชว์ลีลาแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลยจนกระทั่งตอนนี้
"ซองมินอา.. ผมง่วงจัง อยากกลับแล้ว" คราวนี้คนเมาซบหน้าลงไปกับศรีษะซองมินทำให้มองหาน้องอีกสองคนได้ยากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าโชคยังเข้าข้างซองมินเมื่ออยู่ๆเขาก็พบว่ารุ่นน้องตาคมร่วมคณะเดินเข้ามาหาที่โต๊ะ
"ซึงฮยอน ช่วยพี่ที" ไม่ต้องเกรงใจให้มากเพราะเพื่อนของชเวซึงฮยอนกำลังเริ่มทำตัวมีปัญหา มือเล็กขยับส่งตัวคนเมาไปให้คนตัวสูงและหนากว่า
"คยูขับรถมาหรือเปล่า.." หันไปถามเด็กในสังกัดที่วันนี้ออกจะทำตัวไม่รู้เรื่องอยู่สักหน่อย
"มันขับมาเองครับ เอ่อ แล้วผมก็มากับมัน" อีซองมินพยักหน้าแล้วจึงสั่งความทันที
"ซึงฮยอนช่วยพาหมอนี่ออกไปอยู่ที่ลานจาดรถรอพี่ทีนะ เดี๋ยวพี่หาตัวรยออุกกับฮยอกแจก่อนแล้วจะตามออกไป" ว่าจบก็ขยับตัวออกจากโต๊ะเข้าไปตามหาน้องอีกสองคนปล่อยให้ชเวซึงฮยอนลากโจคยูฮยอนออกไปด้านนอกร้าน..
ใช้เวลาสักพักอีซองมินก็ตามหาน้องท่ามกลางผู้คนเบียดเสียดยัดเยียดพบ โชคดีที่ไม่มีร่องรอยความเมาบนใบหน้าเด็กหัดเที่ยวและเมื่อซองมินอธิบายสถานการณ์ให้ฟังแล้วจึงกลับไปที่โต๊ะเพื่อเคลียร์บิลเตรียมกลับบ้าน จัดการทุกอย่างเสร็จจึงพากันเดินออกจากร้านไป
กลุ่มคนขนาดย่อมที่ยืนล้อมอะไรบางอย่างบริเวณทางเดินไปลานจอดรถเรียกความสนใจจากทั้งสามคนได้เป็นอย่างดี การ์ดของทางร้านสามสี่คนที่เดินไปเดินมายิ่งกระตุ้นการทำงานของต่อมอยากรู้อยากเห็นที่ติดตัวกันทุกคนของสมาชิกชมรมดนตรี
ฮยอกแจและรยออุกก้าวเท้าเร็วๆเข้าไปหาคนกลุ่มนั้นและเมื่อก้าวเข้าใกล้ในระยะที่พอจะเห็นว่าอะไรเป็นอะไรก็พบว่าชเวซึงฮยอนกำลังเกี่ยวแขนโจคยูฮยอนไว้คนละข้างกับการ์ดของทางร้าน ถัดไปอีกนิดก็มีผู้ชายที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมถูกการ์ดล็อคแขนไว้ไม่ต่างจากคยูฮยอน
"คยู" เสียงของรยออุกเรียกไปแบบนั้นแล้วเจ้าของเสียงจึงถลาเข้าไปหาญาติผู้น้อง
"เกิดอะไรขึ้น" ไม่ใช่รยออุก คำถามนั้นถูกส่งมาจากผู้ชายตัวเล็กที่เพิ่งก้าวเข้ามายืนข้างๆชเวซึงฮยอน อีซองมินจ้องตาคนที่ยืนฮึดฮัดอยู่ก่อนจะหันไปมองหาคู่กรณีของโจคยูฮยอน ..ผู้ชายคนนั้น..
"ก็ผมเดินออกมากับคยูฮยอน แล้วอยู่ดีๆไอ้หมอนั่นก็ตามมากระชากแขนคยูฮยอนมันไว้แล้วก็พูดประมาณว่ามึงหักหน้ากูแล้วก็ต่อยมันซะเลือดกลบปาก แต่พอพวกผมตั้งตัวได้ก็..อย่างที่เห็น" แรพเปอร์ตาคมอธิบายสถานการณ์ก่อนหน้านี้แล้วจึงสะบัดหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ อีซองมินเม้มปากทอดสายตามองรอยแตกที่มุมปากบนใบหน้าหล่อจัดแล้วถอนหายใจบ้าง ..เรื่องนี้มันมาจากเขาแน่ๆ
"แล้วนี่รออะไรกันอยู่"
"รอผู้จัดการร้านครับ" อีซองมินพยักหน้ารับรู้เบาๆและเพียงชั่วอึดใจผู้จัดการร้านก็ก้าวเร็วๆเข้ามายังกลุ่มที่พวกเขายืนอยู่ หลังจากคุยและจบปัญหาได้โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจต่อกันแล้วเพราะพยานรู้เห็นกว่าห้าคนรวมทั้งการ์ดของทางร้านให้การเป็นเสียงเดียวกันว่าผู้ชายคนนั้นเข้ามาทำร้ายโจคยูฮยอนก่อน(และทางฝ่ายของโจคยูฮยอนก็ได้จัดการเรียกค่าเสียหายคืนไปบ้างแล้ว)ซึ่งถ้าหมอนั่นไม่ยอมจบก็คงจะต้องเรียกตำรวจมาดำเนินการต่อ
"แล้วจะกลับกันยังไง" เสียงชเวซึงฮยอนเจ้าเดิมถามขึ้นมา ตอนนี้เขาคิดว่าไอ้เสี่ยวควรกลับไปนอนพักได้แล้วแต่รถที่มันขับมาล่ะ..
"เอางี้ละกัน เดี๋ยวซึงฮยอนไปกับเราก็ได้ คยูเอากุญแจรถมาแล้วไปกับพี่ซองมินเลยฉันจะไปส่งฮยอกแจกับซึงฮยอนเอง" รยออุกว่าจบไอ้คนที่เคยบอกว่าเมามากอยู่เมื่อครู่ก็โยนกุญแจรถไปให้
ดวงตาคู่คมโชนแสงด้วยความหงุดหงิดที่อยู่ๆก็ต้องมาถูกต่อย เมื่อทั้งสามคนผละไปแล้วก็เหลือแค่คู่กรณีทั้งสอง อีซองมินมองความหงุดหงิดที่อีกฝ่ายแสดงออกมาทางสายตาแล้วก็พอจะรู้ว่าคยูฮยอนไม่พอใจเรื่องอะไร มือเล็กเอื้อมไปจับมือหนาไว้แล้วออกแรงจูงอีกฝ่ายเดินไปที่รถ คนเดินตามไม่มีท่าทางโงนเงนให้เห็นเหมือนตอนที่อยู่ด้านในร้าน คนตัวสูงวางฝีเท้าตามร่างเล็กไปเงียบๆ บรรยากาศคล้ายตอนเช้าตรู่ของวันกลับมาอีกครั้งเมื่อสองร่างเข้ามานั่งเคียงกันภายในรถคันเล็ก
"เจ็บมากมั้ย.." คนเป็นพี่ทอดเสียงถามด้วยความอ่อนโยน มือบางแตะอยู่ที่พวงมาลัยแต่ก็ยังไม่ยอมออกรถ
"ขอโทษ.. ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้นายต้องเจ็บตัว" ได้ยินดังนั้นคนที่นั่งเงียบก็ส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาคมมองสบกับฝ่ายที่กำลังทำหน้าเจื่อนยอมแบกรับความผิดไว้เองทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าไม่ใช่ความผิดตัว
เขารู้ตัวทุกอย่างตอนที่เดินเข้าไปหาซองมิน พอรู้ว่าตัวเองเป็นคนสำคัญในโลกของอีซองมินความรู้สึกหวงพื้นที่แคบๆนั้นก็เกิดขึ้นในใจ ในเมื่อโลกใบนั้นแคบเพราะฉะนั้นคนอื่นก็ไม่มีสิทธิมาแย่งพื้นที่ของเขา โจคยูฮยอนจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพื้นที่ของตัวเอง
"เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดพี่หรอก คนที่ผิดคือผมกับไอ้หมอนั่นต่างหาก โดนแบบนี้ก็สมควรแล้วหล่ะ" ดวงตาสองคู่สบกันในความมืด ตั้งแต่ตอนเช้าล่วงมาจนถึงช่วงดึกของวันดูเหมือนว่าจะเกิดอะไรขึ้นมากมายระหว่างเราทั้งคู่
แรงขับดันไร้ตัวตนกำลังชักนำให้เขาค่อยๆเผยความต้องการในเบื้องลึก โจคยูฮยอนมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย.. เมื่อเช้าตรู่เขายังเชื่ออยู่เต็มหัวใจว่าสิ่งที่เขารู้สึกกับอีซองมินไม่ใช่ความรัก โจคยูฮยอนไม่คิดจะหลอกตัวเองแต่เป็นครั้งแรกที่เขาอยากให้ความเชื่อนั้นกลบทุกความรู้สึกที่กำลังฉายออกมาทางแววตา
ยิ่งมองก็ยิ่งเห็น ยิ่งค้นก็ยิ่งพบ ทุกอย่างที่รวมเป็นคนๆนี้ ทุกสิ่งที่คยูฮยอนได้สัมผัส ตัวตนของอีซองมินเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การมอบความรักโดยแท้..
อีซองมินกำลังทำให้เขาอยากที่จะตกหลุมรัก..
รถคันเล็กเคลื่อนตัวเข้าไปจอดสนิทที่ช่องจอดประจำตัว อีซองมินหันไปมองใบหน้าคนที่กำลังนั่งหลับตานิ่งโดยไม่ขยับเขยื้อน มือเล็กเอื้อมไปดันไหล่หนาพอให้รู้สึกตัว ร่างสูงปรือตาขึ้นมองคนขับรถแล้วจึงออดเสียงนุ่ม..
"ผมเวียนหัวจัง" อีซองมินส่ายหน้าเบาๆ มือเล็กยกขึ้นไปปัดผมหน้าเปิดเหม่งคนเมาแล้วเลยขยี้ศีรษะได้รูปอย่างหมั่นเขี้ยว
"แข็งใจเดินนิดนึงนะ เดี๋ยวฉันพาไปส่งที่ห้อง" ได้ยินดังนั้นร่างสูงก็สะบัดหน้าไปมา มือหนาเอื้อมมากุมมือบางไว้แล้วเขย่าอย่างเด็กเอาแต่ใจ
"ไม่เอา ผมจะนอนห้องพี่ ไม่อยากนอนคนเดียว.."
"ไม่อยากนอนคนเดียวก็ลุกขึ้น ไม่งั้นคืนนี้นายก็นอนในรถนี่แหละ" ว่าจบคนเป็นพี่ก็ชักมือกลับเปิดประตูลงจากรถไป คนตัวเล็กรีบวิ่งอ้อมไปยังที่นั่งข้างคนขับแล้วก็ทันรับตัวไอ้คนเมาที่ตอนนี้ดูเหมือนจะหายตะลึงกับการโดนต่อยและกลับมาเมาต่อได้แล้ว โจคยูฮยอนถลาเข้าหาร่างเล็กจนอีกฝ่ายเซมาติดข้างรถ
แผ่นหลังเล็กถูกดันติดแนบกับตัวรถโดยมีคนเมาทับอยู่ กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจัดเป่ารดหน้าผากจนต้องรีบดันตัวอีกฝ่ายออกแล้วประคองด้วยการยกแขนมาพาดไหล่ คนตัวเล็กพาอีกฝ่ายเดินไปกดลิฟท์ด้วยความยากลำบาก โชคดีเหลือเกินที่ช่วงเวลานี้ไม่มีคนอื่นแล้ว และในที่สุดอีซองมินก็ลากเอาคนเมามาทิ้งไว้ที่โซฟาในห้องได้สำเร็จ
"คยู.. อาบน้ำไหวมั้ย" คนตัวโตเพียงแค่ผงกหัวขึ้นมองแล้วยิ้มจากนั้นจึงทิ้งตัวลงนอนแผ่กับโซฟาเหมือนเดิม สรุปว่าไม่ไหว..เห็นดังนั้นซองมินจึงทิ้งคนเมาให้เป็นภาระของโซฟาไปก่อน คนตัวเล็กเดินเข้าไปในห้องนอนหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วจึงเดินเลยเข้าห้องน้ำไป
ความเงียบในยามค่ำคืนทำให้ได้ยินเสียงน้ำที่ตกกระทบพื้นกระเบื้องอย่างชัดเจน คนที่เมื่อครู่นอนหลับตานิ่งเงียบค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมองเพดานห้องที่แสนคุ้นเคย
กลิ่นกายของอีซองมินคือกลิ่นเดียวกับที่เขาสูดได้จากหมอนใบโตที่ใช้หนุนอยู่ตอนนี้ซองมินชอบกอดหมอนใบนี้เวลานั่งทำงานหรือใช้คอมพิวเตอร์ที่อยู่มุมห้อง หัวใจที่เคยเต้นเป็นจังหวะมั่นคงกลับตีกระหน่ำเพียงแค่คิดได้ว่าตัวเองได้เผลอคิดเกินเลยกับเจ้าของห้องไปแล้ว นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่โจคยูฮยอนเป็นฝ่ายตกหลุมรักใครสักคนก่อน
ทั้งที่เคยเปรียบเทียบคนที่เดินแถวเข้ามาสารภาพรักกับอีซองมินว่าเหมือนพวกแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ แต่สุดท้ายเขาเองก็ต้องยอมรับว่าแม้จะร้อนและเผาไหม้แต่'แสงของไฟ'ช่างสวยงาม..
'May be Continue'
ความคิดเห็น