ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ]::May be you:: |KyuMin|

    ลำดับตอนที่ #3 : Part 03

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 54


    May be you

     












    Part 03










    หลังจากพูดเรื่องหัวใจ(ต้องห้าม)ไป อีซองมินก็เกิดอารมณ์อยากดราม่าขั้นสุด พ่อเจ้าประคุณใช้อำนาจเจ้าของรถบังคับให้เขาแวะที่มินิมาร์ทก่อนถึงคอนโดแล้วท่านก็ลงไปเหมาลังเบียร์มาอย่างกับว่าจะกินซักสามวันติดกัน(ไม่ต้องถามนะว่าใครแบกลังพวกนั้น มันจะมีคร๊ายยยย!)พอกลับถึงห้องก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดลังนั่งซัดคนเดียวโลด ซักแอะก็ไม่ชวนไอ้คนที่มันยืนหัวโด่อยู่กลางห้อง เดือดร้อนให้โจคยูฮยอนคนนี้เชิญตัวเองเข้าไปร่วมวงหน้าด้านๆ(เหะๆ)


    ยิ่งดื่มก็ยิ่งดึก ยิ่งดึกก็ยิ่งเงียบวงเหล้าที่มีคนเพียงแค่สอง อันที่จริงจะเรียกวงก็ไม่น่าถูกเพราะเราไม่ได้นั่งหันหน้าเข้าหากัน เราเพียงแต่นั่งข้างกัน ตรงกลางมีขวดเบียร์ทั้งเปล่าและไม่เปล่าตั้งอยู่ระเกะระกะ  อีซองมินดื่มเก่งคยูฮยอนรู้ แต่ต่อให้ดื่มเก่งแค่ไหนอีซองมินก็แค่คนธรรมดาไม่ได้มีสติล้นฟ้าที่จะสามารถดื่มเบียร์ไปเกือบลังแล้วแต่ก็ยังไม่เมา และโจคยูฮยอนก็ไม่ต่างกัน เพราะสุดท้ายไอ้หนุ่มนักดนตรีทั้งสองก็เมาพับเกยกันอยู่หน้าโซฟา

     

    เสียงโครกครากที่ดูคล้ายว่าจะมาจากห้องน้ำที่แง้มประตูไว้ทำให้คยูฮยอนสะดุ้งตื่นในความมืด ใครปิดไฟวะ.. 
    ร่างสูงพยายามยันตัวขึ้นยืนแล้วค่อยสืบเท้าไปยังต้นเสียง มือหนาดันบานประตูออกกว้างแล้วจึงยื่นหน้าเข้าไปสำรวจด้านในก่อนจะพบว่าอีซองมินกำลัง'บูม'ชักโครกอยู่ โหยยย โคตรเท่! 


    "พี่อ้วกเรอะ" ส่งเสียงถามไปก่อนถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ซองมินกำลังเป็นอยู่คืออะไร โจคยูฮยอนเกาะบานประตูมองอีกฝ่ายโบกมือไปมาพร้อมกับส่งเสียงอ้อแอ้ยานคางด้วยสายตาเอือมๆ


    "อือ นายไปนอน ..เถอะ เดี๋ยวหาย มึน  แล้ว ฉันจะ ออกไปเอง ไปเถอะ ไม่ต้อง ห่วงร้อกกกก" อวดเก่ง! สองคำที่ผุดออกมาทันทีที่ได้รับคำตอบจากคนที่แม้แต่จะยืนก็คงไม่ไหว ถ้ามีสติเต็มร้อยเหมือนทุกทีโจคยูฮยอนก็คงจะเดินหนีอีซองมินเวอร์ชั่นนี้ไปให้ไกล


    แต่ตอนนี้ ตอนที่สติของเขายังถูกฉาบเคลือบด้วยแอลกอฮอล์ที่พล่านเต็มกระแสเลือดโจคยูฮยอนจะทำมึนเป็นคนดีช่วยไอ้รุ่นพี่ไม่เจียมตัวก่อน 


    ร่างสูงโซเซตามเข้าไปในห้องน้ำ มือหนายื่นไปลูบแผ่นหลังเล็กของคนที่กอดชักโครกสีขาวอยู่ ใบหน้าคมยู่ลงทันที กลิ่นอ้วกที่วิ่งมาปะทะจมูกดูจะหนักหนากว่าที่คิดไว้ 


    หื่ออ  แม่งสุดจะทนเถอะ แต่ทำไงได้อารมณ์คนดีมันปะทุถ้าไม่ได้ช่วยอีซองมินคืนนี้โจคยูฮยอนคงนอนไม่หลับ ความรู้สึกผิดที่เป็นตะกอนลอยคว้างในความคิดบอกกับเขาว่าอาการเมาไม่รู้เรื่องของอีซองมินในคืนนี้เกิดจากไอ้นิสัยปากไวไม่เข้าเรื่องของคยูฮยอนเอง ถ้าเขาไม่พูดเรื่องหัวใจอีซองมินก็คงจะไม่ดราม่าขนาดนี้หรอก(คิดว่านะ)
     


    หลังจากที่อีกฝ่ายหยุดบูมชักโครกนานพอจนแน่ใจได้ว่าจะไม่ขย้อนเอาอะไรออกมาอีก โจคยูฮยอนก็ประคองแก้วน้ำมาให้คนตัวเล็กกว่าล้างปาก ความจริงอยากจะเอาน้ำราดไปทั้งตัวให้สะใจเล่นแต่คิดไปคิดมาเขาว่ามันไม่คุ้ม ก็ใครมันจะมีแรงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีซองมินวะ


    ถึงจะเมาน้อยกว่าแต่ก็ใช่ว่าเขาจะรู้เรื่องหรือมีแรงเหมือนปกติซะเมื่อไหร่ อีซองมินน่ะเห็นตัวเล็กๆแบบนี้แต่เตี้ยล่ำนะเว้ย  รุ่นพี่เขาคนนี้มันแมนนี่ ปาเกียวสัญชาติเกาหลี  พูดน้อย ต่อยหนัก เกิดพ่อเจ้าประคุณอาละวาดขึ้น
    มาไม่ต้องทายให้เสียเวลาเลยว่าไอ้หน้าไหนมันจะซวย!  เพราะงั้นคืนนี้ก็นอนกันตามมีตามเกิดเถอะนะ 
     


    เห็นอีกฝ่ายครึ่งหลับครึ่งตื่นโงนเงนไปมาอยู่ตรงอ่างล้างหน้าโจคยูฮยอนก็เลยล๊อกแขนคนเมา(กว่า)ไว้แล้วค่อยลากบ้างประคองบ้างจนไปถึงห้องนอนของเจ้าตัว พอปล่อยปุลงบนเตียงอีซองมินก็ขยับตัวควานหาหมอนใบเก่ง เจอปุ๊บก็ปรับท่านอนให้ได้อย่างใจแล้วจึงปล่อยเสียงกรนคร่อกออกมาทันที


    เออเว้ย ช่างเป็นผู้ชายเรียบง่ายเสียจริง เห็นดังนั้นคยูฮยอนก็เกี่ยวเอาหมอนหนุนที่ว่างอยู่อีกใบมากอดไว้แล้วจึงทิ้งตัวลงกองแหมะข้างเตียงบ้าง ผ้าห่มไม่มีก็ช่างมัน ตอนนี้เขาร้อนตับจะแตกเพราะอิทธิฤทธิ์เบียร์ลังนั้นจนจะแก้ผ้านอนได้อยู่แล้ว


    สุดท้ายคนที่พยายามฝืนเปลือกตามาเกือบครึ่งชั่วโมงก็ผล็อยหลับไปง่ายๆไม่ต่างจากคนที่นอนอยู่บนเตียง สรุปว่าน๊อคทั้งมุมแดงมุมน้ำเงิน..


    .

    .

    .
     

    เสียงเพลงปลุกใจให้ฮึกเหิมดูเหมือนจะดังก้องมาจากป้อมปราการบนเนินเขา เสียงฝีเท้าม้าที่เร่งตามมาเขาเดาว่าคงเป็นของแม่ทัพคิบอม คยูฮยอนอยากหันกลับไปมองให้แน่ชัดแต่ก็ไม่สะดวกนักเนื่องจากแขนข้างที่ถนัดตอนนี้มันกลับชาจนไร้ความรู้สึก หากแต่ถ้าฝ่ายที่ไล่ตามมาไม่ใช่ท่านคิบอมเล่า เขาคงสิ้นชื่อตรงนี้กระมัง..


    "คยูฮยอน!" ห่ะ ชื่อเขา! เจ้าคนนั้นเรียกชื่อเขา แต่ไม่ใช่เสียงแม่ทัพคิบอม คยูฮยอนพยายามจะเบี่ยงตัวกลับไปมองให้แน่ว่าผู้ใดกันที่ร้องเรียกชื่อเขาจนก้องไปทั้งเนินแห่งนี้ แต่หากแขนข้างนั้นก็ยังคงไร้ความรู้สึก ชายหนุ่มกัดฟันเพื่อเบือนหน้ากลับไปมองทั้งที่ไม่ลดความเร็วฝีเท้าของม้าที่ควบอยู่ลงแม้แต่น้อย ทันทีที่หันกลับไปเขาก็รู้สึกเหมือนถูกแรงกระชากให้ตกจากหลังม้าและใบหน้าของคนผู้นั้นก็ปรากฏในทันใด..





    "พี่ .. พี่ซองมิน" เสียงแหบต่ำอย่างคนที่เพิ่งตื่นนอนเล็ดลอดจากริมฝีปากซีดเซียว ใบหน้าที่เคยหล่อจัดสะท้านฟ้าดินบัดนี้บิดเบี้ยวจนคนมองแทบจะไล่ให้ไปเกิดใหม่ โจคยูฮยอนเบ้ปากเมื่อพยายามจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง แขนข้างขวารู้สึกไร้เรี่ยวแรงจนดันตัวเองไม่ขึ้น


    อา.. ไอ้ที่แขนไร้ความรู้สึกในฝันเมื่อกี้เป็นเพราะเขานอนทับแขนตัวเองหรือวะเนี่ย



    "เออ ฉันเอง นายเป็นอะไร" เมื่อคนตัวเล็กทรุดตัวลงนั่งยองๆตรงหน้าก็ทำให้โจคยูฮยอนมองเห็นอีกฝ่ายได้ชัดขึ้น และเท่าที่มองคร่าวๆ อีซองมินน่าจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แถมยังมีกลิ่นหอมลอยคลุ้งตามเข้ามา อ้ออออ นี่คงจะหิวละสิ ถึงได้รีบตื่นมาอาบน้ำล้างหน้าหาข้าวหาปลากินน่ะ คน(เกือบ)อ้วนก็แบบนี้แหละ ชีวิตนี้มีแต่กิน ริมฝีปากได้รูปเหยียดยาวตามสิ่งที่เจ้าตัวคิดอยู่ ถ้าไม่รู้ก็จะบอกให้นะครับว่าการได้แอบจิกกัดอีซองมินในใจเป็นความสุขหนึ่งของคยูฮยอนเลยล่ะ 


    "เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรผมแค่ฝันนิดหน่อย"  


    "แล้วจะ'ฝัน'ต่อมั้ย" คิ้วเข้มกระตุกพรวดทันทีที่สบตาคนถาม สายตาที่เต็มไปด้วยแววล้อเลียนพร้อมกับเน้นยำคำว่าฝันมันทำให้เขานึกรู้ว่าไอ้ที่ถามว่าจะฝันต่อน่ะหมายถึงอะไร โจคยูฮยอนแทบจะเขวี้ยงหมอนตามคนที่ลุกพรวดแล้วเดินจ้ำออกจากห้องนอนไป


    ย๊ากกก อีซองมิน ไอ้รุ่นพี่ขี้เมา เขาไม่ได้แร้นแค้นจนต้องมานอนฝันเปียกเอาเองนะเว้ย!








    หลังจากถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงเพลงรับอรุณของอีซองมิน โจคยูฮยอนจึงจิกหัวพาตัวเองกลับไปห้องพักที่อยู่ชั้นถัดไป ชายหนุ่มทำเป็นเมินมองกองชีทประกอบการเรียนที่อยู่บนโต๊ะหนังสือตอนที่เอากระเป๋าไปวาง ร่างสูงสาวเท้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วจึงเดินฮัมเพลงเข้าห้องน้ำไปแบบมึนๆ ได้ข่าวว่าไอ้คนที่เมาหนัก(กว่า)ตอนเมื่อคืนที่ผ่านมาไม่ใช่โจคยูฮยอนแต่ทำไมเช้านี้กะโหลกเขามันถึงได้ปวดตุบตับแบบนี้วะ!



    เมื่ออาบน้ำให้หายจากความซกม๊กแล้วเจ้าของตำแหน่งนักร้องนำของวงดนตรีมหาภัยก็จ้ำเท้าไปรูดม่านในห้องนอนให้ปิดสนิทชนิดที่ว่าไม่ยินดีต้อนรับแสงสว่างจากทางใดทั้งนั้น จากนั้นจึงพาตัวเองไปที่เตียงนอนหลังใหญ่มุมห้อง ขอนอนอีกรอบเถอะเดี๋ยวตอนบ่ายค่อยตื่นมาว่ากันใหม่


    มือหนาตลบผ้าห่มคลุมตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าหวังใจว่าจะนอนเอาแรงซักงีบก่อนจะไปเผชิญความโหดร้ายของโจทย์เพลงที่อาจารย์คิมฮันซูให้มา คิดมาได้ไงวะไอ้โจทย์ทำอารมณ์ร้องเพลงจีบสาวเนี่ย 


    ขอโบวกก ขอโบวกกกก บอกกันไว้ตรงนี้เลย ถึงจะอกหักบ่อย แต่คนอย่างโจคยูไม่เคยจีบใครก่อนนะครับ!

    .

    .

    .


    เสียงเพลงที่ตั้งใจเปิดทิ้งไว้เป็นเพื่อนระหว่างที่เก็บกวาดทำความสะอาดห้องถูกแทรกด้วยเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ คนที่กำลังตั้งใจกับการถูพื้นหน้าโซฟาชะงักมือก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์ตแบตไว้ตรงข้างโทรทัศน์ขึ้นมาอ่านชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ 'รยองกู' เห็นดังนั้นซองมินจึงกดรับ


    "ว่าไงรยออุค"


    ((พี่ซองมิน ทำไรอยู่ครับ))


    "ทำความสะอาดห้องน่ะ"


    ((ผมโทรมารบกวนพี่หรือเปล่า))


    "นิดหน่อย.." 


    ((โธ่ พี่อ่ะ โกหกบ้างก็ได้นะครับ)) เสียงน่ารักกระเง้ากระงอดที่ส่งมาทำให้ซองมินนึกภาพใบหน้าเรียวเล็กของคนที่อยู่ปลายสายได้ไม่ยาก คงจะทำหน้ายู่ใส่เขาอยู่ละสิไอ้ตัวเล็ก


    "ก็ไม่ได้อะไร รบกวนแต่คุยได้ไง แล้วที่โทรมานี่มีอะไรหรือเปล่า"


    ((ผมจะชวนพี่ไปทะเลกัน อาทิตย์หน้าพี่ว่างมั้ยครับ พอดีพี่จองอุนถอยกล้องตัวใหม่มา แล้วผมเห็นว่าพี่เองก็ชอบถ่ายรูป ไปด้วยกันนะครับ ชวนไอ้เสี่ยวไปด้วย เดี๋ยวผมกับมันจะเป็นนายแบบให้พี่กับพี่จองอุนเอง)) อีซองมินคำนวนตารางชีวิตในวันอาทิตย์หน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับนึกถึงหน้าไอ้เสี่ยวที่รยออุคพูดถึงไปด้วย เขาน่ะว่างอยู่แล้ว แต่ไอ้เสี่ยวนี่สิ ช่วงนี้ปีสามเหมือนจะมีกิจกรรมเยอะแล้วหมอนั่นมันก็มาสคอตของรุ่น หน้าที่เยอะแยะตามระดับหน้าตา


    "รยออุคลองโทรไปถามคยูเองนะว่าว่างมั้ย แต่ของพี่ว่างอยู่แล้ว น่าจะไปด้วยได้ ดีเหมือนกันไม่ได้พาลูกชายไปเที่ยวนานแล้ว" 


    ((โอเคครับ เรื่องไอ้เสี่ยวไม่มีปัญหาอยู่แล้วเดี๋ยวผมคุยเอง ตกลงว่าพี่ซองมินไปนะ ผมจะได้ชวนคิบอมกับฮยอกแจไปด้วย))


    "ดีๆ ไปกันเยอะๆสนุกดี"


    ((งั้นผมไม่รบกวนแล้ว พี่ไปทำงานต่อเถอะ แล้วยังไงผมจะโทรมาบอกรายละเอียดอีกที แล้วเจอกันนะครับ))"อือ แล้วเจอกัน" กดตัดสัญญาณเสร็จก็วางโทรศัพท์ให้ชาร์ตแบตต่อ


    จากนั้นซองมินก็ลากเอาไม้ถูพื้นเข้าไปยังโซนที่เป็นห้องครัวแล้ววางมันไว้ตรงซอกระหว่างตู้เย็นกับเค้าน์เตอร์ซิ้งล้างจาน คนตัวเล็กเดินกลับมาที่หน้าเตา เปิดฝาหม้อที่มีซุปเห็ดข้นๆอยู่ในนั้นออกดู 


    กลิ่นหอมของอาหารมื้อสายของวันทำเอาน้ำย่อยในท้องซองมินหลั่งมากกว่าปกติ  อีซองมินตักซุปใส่ถ้วยใบขนาดพอดีแล้วจึงเดินไปหยิบขนมปังในจานที่ปิ้งรอไว้แล้วเดินออกไปที่โซฟากลางห้อง รีโมทคอนโทรลสองสามอันที่วางระเกะระกะอยู่แถวนั้นถูกหยิบขึ้นมาใช้งานทีละอันเมื่อเจ้าของห้องเริ่มปิดเพลงจากเครื่องเสียงแล้วเปลี่ยนไปเปิดโทรทัศน์แทน


    อีซองมินเริ่มมื้อแรกของวันไปพร้อมกับรายการเพลงที่มีสาวๆวิ่งวุ่นเต็มหน้าจอ ก็เปล่า เขาไม่ได้ตั้งใจจะดูสาวๆแต่บางครั้งเพลงพวกนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจแปลกๆให้กับนักแต่งเพลงมือสมัครเล่นอย่างเขาได้เหมือนกัน บางครั้งความสุขของการฟังเพลงมันก็ขึ้นอยู่กับวิธีการเสพ..


    .

    .

    .



    ร่างสูงที่ก้มๆเงยๆอยู่กับกลองชุดในห้องซ้อมส่วนตัวเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของคนที่นอนซุกอยู่บนโซฟาสีทึบตรงมุมห้อง ชเวซีวอนก้าวข้ามสิ่งกีดขวางระหว่างทางก่อนจะไปหยุดที่หน้าโซฟา มือหนาแตะปลายผมคนนอนแผ่วเบาแล้วจึงออกแรงขยี้อย่างมันเขี้ยว


    "โทรศัพท์แหนะฮยอกแจ" เจ้าของชื่อครางอือยาวๆแล้วจึงปัดโทรศัพท์ไปให้ไกลจากตัวอีกนิด


    "รับดิ รับเลยแล้วบอกว่าฉันอ่านหนังสืออยู่ ห้ามรบกวน" ว่าจบก็ซุกหน้าเข้าหาหมอนใบเขื่องไม่สนใจใครอีก เห็นดังนั้นชเวซีวอนจึงต้องหยิบโทรศัพท์อีกฝ่ายมาดูและเมื่อเห็นว่าชื่อคนที่โทรเข้ามาเป็นเพื่อนคนสนิทจึงกดรับทันที


    "ว่าไงรยออุก" คนปลายสายไม่แปลกใจเท่าไหร่นักเมื่อได้ยินเสียงห้าวของใครอีกคนที่ไม่ใช่เจ้าของโทรศัพท์"ซีวอน เราว่าจะชวนไปทะเลอ่ะ ไปเปล่าอาทิตย์หน้า" น้ำเสียงอ้ำอึ้งของคนอีกปลายสายทำให้รยออุกลอบยิ้ม


    "ไม่ต้องรีบตัดสินใจก็ได้เราแค่โทรมาชวนไว้ก่อน ถ้าฮยอกแจตื่นแล้วค่อยถามหมอนั่นละกัน" สมกับเป็นคิมรยออุกจริงๆ รู้ด้วยว่าอยากแจหลับ ซีวอนส่ายหน้าไปมา


    "อือ แล้วเดี๋ยวฉันโทรบอกนะ ขอบใจมากที่ชวน"


    "อือ ไปกันเยอะๆสนุกดี แค่นี้นะ หวัดดี.." วางสายปั๊บชเวซีวอนก็พบว่าอีกฝ่ายลุกขึ้นมานั่งสลึมสลือรออยู่แล้ว ร่างสูงขยับเข้าใกล้คนที่นั่งโงนเงนไปมาแล้วจึงดึงคนตัวเล็กกว่าเข้าหาอ้อมกอดแล้วกดริมฝีปากเข้าที่ขมับหอมด้วยความเอ็นดู


    "ไม่นอนต่อแล้วเหรอ" คนในอ้อมกอดยู่หน้าเป็นคำตอบ


    "รยออุกโทรมาว่าไงอ่ะ" 


    "ไม่ว่าไง แค่โทรมาชวนไปทะเล อยากไปป่าวววว" ท้ายประโยคคนใจดีจงใจลากเสียงยาวเพิ่มความน่าสนใจให้ทริปนี้อย่างออกนอกหน้า ก็พาแฟนไปทะเล..โอกาสแบบนี้หาได้ง่ายๆที่ไหนกัน


    "ไปๆ ใครไปบ้างอ่ะ"


    "รยออุกไม่ได้บอกไว้ แต่ก็คงไม่พ้นหน้าเก่าหรอก" หน้าเก่าที่ว่าก็ไอ้ชมรมดนตรีมหาภัยของมหาวิทยาลัยไงล่ะ 'นินทานอกสถานที่' ไม่ต้องตั้งชื่อทริปให้สวยหรูหรอกเพราะยังไงสุดท้ายมันก็เหลือแค่กิจกรรมเดียวนี่แหละที่ทำร่วมกันมาตลอดเวลาไปเที่ยวด้วยกัน..


    "งั้นก็ต้องไปดิ พลาดได้ไง ขืนไม่ไปก็โดนนินทา" นั่นไง.. ไม่ทันขาดคำ! ซีวอนยกคนตัวเล็กกว่าออกจากอกแล้วจึงเดินไปรินน้ำในตู้เย็นมาให้คนที่นั่งรออยู่ ขืนไม่ทำให้ตาสว่างรับรองว่าเดี๋ยวต้องล้มตัวนอนต่อแน่ๆรายนี้..  


    .

    .

    .


    แสงสีส้มอ่อนจางจากปลายฟ้าคือสิ่งที่มองเห็นเป็นอันดับแรกเมื่อรูดผ้าม่านเปิดออก ชายหนุ่มพลิกตัวกลับลงไปนอนบนเตียงด้วยความเกียจคร้านอีกครั้ง มือหนาควานหาโทรศัพท์ที่จำได้ว่าก่อนจะนอนเขาโยนทิ้งไว้แถวๆใต้หมอนหนุนเมื่อเจอแล้วจึงกดๆลงไปสองสามทีแล้วรอสาย


    "พี่.. มีอะไรกินบ้างอ่ะ ผมหิว" ไม่ต้องเกริ่นบทนำให้เสียเวลา ทันทีที่ปลายสายรับโทรศัพท์ก็ส่งเสียงถามถึงเรื่องที่ต้องการรู้ทันที


    ((มีซุปเห็ดเหลือนิดหน่อย อาหารหนักๆยังไม่มี))


    "แล้วพี่หิวมั้ย พิซซ่าป่าว เดี๋ยวผมโทรสั่งเองแล้วให้ไปส่งห้องพี่ ผมเพิ่งตื่นอ่ะขออาบน้ำแป็บนึงแล้วจะลงไปหา" 


    ((อือ พิซซ่าก็ได้ เอาเป็บซี่ขวดใหญ่ด้วยนะ เพิ่มไก่กับลาซานญ่า อ้อ แล้วเดี๋ยวหยิบโน๊ตเพลงที่นายเอาไปวันก่อนมาให้ฉันด้วย))


    "คร้าบบบบ งั้นแค่นี้นะแล้วเดี๋ยวผมลงไป" แหมะ ได้ทีละสั่งเป็นชุดเชียวนะเสี่ย นี่ท่าทางจะหิวเหมือนกันละสิ  ริมฝีปากสีสดขมุบขมิบนินทาคนปลายสายด้วยความนึกสนุก


    "อือ ไม่ต้องรีบนะ รอไก่หมดค่อยมา" สั่งความเสร็จไม่ต้องรออีกฝ่ายตอบกลับคนตัวเล็กก็กดตัดสายทิ้งทันที แบบนี้รับรองไม่เกินยี่สิบนาทีหมอนั่นโผล่ก็หน้ายาวๆมาแล้ว


    อีซองมินวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะมองไปรอบตัว เผลอหลับไปนิดเดียวฟ้าเริ่มมืดซะแล้ว คนตัวเล็กยันตัวลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะเตาะแตะไปที่ห้องน้ำเพื่อทำตัวเองให้สดชื่น นี่ถ้าคยูฮยอนไม่โทรมาปลุกสงสัยว่าเขาคงจะเผลอนอนไปอีกนานหลังจากล้างหน้าให้สดชื่นไม่นานอาหารที่สั่งไปก็มาถึง


    อีซองมินเหลือบตามองนาฬิกาที่แปะอยู่บนฝาผนังห้องก็พบว่าผ่านไปเกือบสี่สิบห้านาทีแล้วหลังจากที่โจคยูฮยอนโทรมาหา ทุกทีหมอนั่นมันไม่ได้ช้าแบบนี้ สงสัยว่าวันนี้คงมีอะไรซักอย่าง แต่ยังไม่ทันที่ซองมินจะได้กดโทรศัพท์ไปตามคุณชายก็เคาะประตูห้องเรียกเสียก่อน 


    อีซองมินมองคนที่เพิ่งแทรกตัวผ่านเข้ามาในห้อง มือน้อยเอื้อมไปรับเอากีต้าร์โปร่งพร้อมกับโน๊ตเพลงมาไว้เพื่อปล่อยให้คนที่ยังติดสายคุยโทรศัพท์ต่อ ได้ยินเสียงอือๆออๆว่าอาทิตย์หน้าว่างไปด้วยได้ก็นึกรู้ว่ารยออุกคงจะโทรมาชวนน้องชายไปทะเลด้วยอย่างที่ตั้งใจ เห็นดังนั้นซองมินจึงเอาของที่คยูฮยอนยัดใส่มือมาให้ไปวางไว้ข้างโซฟาแล้วจึงไปเตรียมอุปกรณ์รับประทานอาหารรอ ปล่อยให้อีกฝ่ายคุยโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ครู่เดียวจึงรู้สึกถึงแรงสะกิดจากข้างหลัง


    "เด็กพี่จะคุยด้วยอ่ะ" โทรศัพท์เครื่องสีดำถูกยื่นมาตรงหน้าก่อนที่มือหนาจะรับเอาจานและช้อนไปถือไว้เอง ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มละมุนยามที่ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู


    คิมรยออุกส่งเสียงมาบอกว่าทริปทะเลแสนงามอาทิตย์หน้าเป็นอันว่าคอนเฟิร์มเพราะทุกคนว่างหมดยกเว้นอีทงเฮที่ติดไปธุระกับครอบครัว เมื่อปลายสายวางหูไปแล้วซองมินจึงได้ฤกษ์หันมาสนใจคนที่กำลังตั้งหน้าแงะกล่องพิซซ่าทั้งที่ในปากมันยังคาบน่องไก่ไว้


    "กลัวมันจะไม่ติดคอตายหรือไง" อีซองมินส่งเสียงถามไปด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจแต่กลับได้รับค้อนลูกใหญ่กลับมาเต็มๆ ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มบางขณะที่เทเป็บซี่ใส่แก้วทรงฟักทองยักษ์ของตัวเองหลังจากนั้นจึงเทใส่อีกแก้วที่ดูแล้วคล้ายโอ่งมากกว่าแล้วจึงยื่นไปให้เจ้าของมันที่นั่งตาแป๋วรออยู่ ..สงสัยว่าไก่จะติดคอ.. 


    "พี่.. งานของอาจารย์ฮันซูวิชาขับร้องอ่ะ ที่แกจะให้โจทย์เพลงมาแล้วให้เราหาเพลงไปร้องแสดงอารมณ์ในคลาส ตอนพี่เรียนพี่ได้โจทย์อะไรจำได้ป่ะ" คำถามจากคนที่เพิ่งแทะไก่หมดไปทำเอาซองมินนิ่งไปครู่หนึ่ง


    จำได้ว่าตอนที่เรียนวิชานี้ทุกคนจะได้รับโจทย์เพลงต่างกันไปแล้วต้องหาเพลงไปร้องและแสดงให้เข้าถึงเพลงนั้น ตอนนั้นเขาได้โจทย์เกี่ยวกับการแอบรักใครสักคน คราวนั้นเขาเล่นกีต้าร์แล้วร้องเพลงไปด้วยแถมยังอินกับเพลงจนเพื่อนในคลาสบางคนปาดน้ำตาตามป้อยๆ 


    "โจทย์เป็นเพลงเกี่ยวกับแอบรัก แล้วฉันก็ร้องเพลงหนึ่งมิตรชิดใกล้" โจคยูฮยอนเลื่อนสายตาจากกล่องพิซซ่าไปเป็นใบหน้าของคนที่นั่งข้างกัน น้ำเสียงเศร้าลึกเกินจำเป็นของอีซองมินดูจะกระทบใจเขาบ่อยเกินไปแล้ว คนพูดยังคงมองไปข้างหน้า สายตาของอีซองมินแฝงแววบางอย่างจนคนมองรู้สึกอิ่มตื้อ 

    บางที..คยูฮยอนก็รู้สึกว่าความเย็นชาของอีซองมินเป็นเหมือนเปลือกนอกที่ใช้หลอกตาใครๆ ก็เท่านั้น..





    เสียงคุยหงุงหงิงขณะที่ทานพิซซ่าทำให้บรรยากาศยามเย็นไม่น่าเบื่อเกินไปนัก สองพี่น้องคนละตระกูลยังคงนั่งถกปัญหาในวงการเพลงไปเรื่อยๆ เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับวงดนตรีเกิดใหม่มีให้ได้ยินสลับกับเสียงแย่งน่องไก่ที่แม้จะสั่งเพิ่มแล้วแต่ก็เหมือนว่าจะไม่เคยพอสำหรับผู้ชายในวัยกำลังโต?สองคน


    "ทำไมพี่ถึงเลือกเพลงหนึ่งมิตรชิดใกล้.." น้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นดังขึ้นเป็นคำถามหลังจากที่รายการเพลงช่วงหัวค่ำจบลง อีซองมินปรายตามองน้องชายร่วมคณะพลางยักไหล่


    "ก็โจทย์เป็นเพลงแอบรัก นายจะให้ฉันร้องเพลงขอบคุณที่รักกันหรือไง" ริมฝีปากหนาเหยียดออกตอบรับคำประชด


    "ก็ป่าว แค่อยากรู้ว่าทำไมพี่ถึงเลือกเพลงนี้ ก็เพลงแอบรักเพลงอื่นมันก็ออกจะเยอะ.."


    "เพลงมันเพราะแล้วก็..ตอบโจทย์" คนถามพยักหน้าหงึกหงักขณะส่งเสียงครวญเพลงในลำคอ


    เนื้อเพลงที่พยายามนึกคิดจนสุดเซลล์สมองว่ามัน'ตอบโจทย์'ของอีซองมินยังไง คยูฮยอนค่อนข้างแน่ใจว่าไอ้ที่ว่าตอบโจทย์ที่บอกมาเมื่อกี้คนข้างๆเขาไม่ได้หมายความถึงแค่โจทย์เพลงที่อาจารย์ให้มาเท่านั้นแต่มันต้องลึกซึ้งกว่า.. 


    นั่งฟังน้องชายคนสนิทร้องเพลงที่ชอบในลำคอไปสักพักก็ชักเคลิ้ม ดวงตากลมเหม่อมองไปยังแสงไฟด้านนอกเพลงว่าเพราะแล้วแต่เสียงคนร้องกลับเพราะกว่า ซองมินชอบเสียงของคยูฮยอน ชอบเวลาที่คยูฮยอนร้องเพลงให้ฟัง มือเล็กเปลี่ยนมายกขึ้นเท้าคางมองอีกฝ่ายเมื่อคนตัวสูงร้องมาถึงท่อนที่ตนเองชอบมากที่สุด 


    "ไม่เคยเผยความในใจ 
    หากวันใดเผยใจกลัวเก้อ 
    เฝ้าคอยแต่หลงละเมอ 
    ยามเมื่อเธอห่างไป 
    อยากให้เธอได้มองเห็นใจฉันหน่อย 
    แต่เพียงน้อยคือหนึ่งมิตรเคยชิดใกล้ 
    จะคู่ควรเสมอเธอเพียงใด 
    สุดแต่ใจของเธอ.."เมื่อจบท่อนก็เงียบกันไปทั้งสองคน เพลงมันชวนให้เศร้าจริงๆนั่นแหละ


    ท้องฟ้าด้านนอกยังคงมืดมิดคลุมเครือ แม้จะมีแสงไฟให้ความสว่างแต่ในบางมุมก็ยังอยู่ในเงามืดและมันก็ไม่ต่างจากหัวใจบางดวง 


    "คิดอะไรอยู่" ดวงตาคู่คมเคลื่อนจากแสงไฟด้านนอกกระจกบานหนามายังใบหน้าของคนที่นั่งเคียงกัน ร่างสูงเหยียดขายาวออกไปหลังจากนั่งขัดสมาธิทับกันไว้นานพร้อมกับพ่นลมหายใจไปด้วย


    "คิดเรื่องเพลง ไม่รู้จะเอาเพลงอะไรดี งานนี้อาจารย์ให้คะแนนเยอะซะด้วย ผมอยากได้เอ" อีซองมินมองหน้าคนพูดก่อนจะพยักหน้าเบาๆ โจคยูฮยอนเป็นมนุษย์ที่จัดว่าเสียงดีมาก น้ำเสียงทุ้มนุ่มเป็นดั่งพรที่สวรรค์ประทานให้เจ้าตัวโดยเฉพาะ ทักษะในการขับร้องเองไม่ด้อยไปกว่าใคร ไม่งั้นมันจะได้เป็นนักร้องนำของวงดนตรีมหาภัย เอ้ย มหาวิทยาลัยได้ไงล่ะ เพียงแต่บางครั้งการที่เจ้าตัวร้องเพลงได้ดีมากจนไม่ต้องพยายามมันทำให้ดูเหมือนว่าคยูฮยอนไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมในการร้องเพลง ถ้าจะพูดง่ายๆก็คล้ายกับว่ามัน'ไม่อิน'นั่นแหละ..


    "อย่างนายได้อยู่แล้ว..มั้ง" มั้ง..เหรอ!


    "ทำไมต้องมีมั้ง" 


    "อ้าว ก็ฉันไม่ใช่อาจารย์ฮันซู ไม่ได้เป็นคนให้เกรดจะไปรู้ได้ไงว่านายจะได้อะไรแน่ เพียงแต่คิดว่าเสียงแบบนายไม่น่าจะพลาดหรอกถ้าไม่โง่ทำข้อสอบไม่ได้น่ะนะ" ใช่สิ.. เกรดคุณท่านมีแต่เอกับบี(บวก)นี่หว่า อาจารย์รักหลงกันทั้งคณะเกียรตินิยมไม่ต้องลุ้นเพราะยังไงก็ได้แน่ๆ


    คนอะไรน่าหมั่นไส้ไปทุกอย่าง หน้าตาก็ดี เรียนก็เก่ง บ้านก็รวย แถมมีสไตล์เป็นของตัวเอง เสียอย่างเดียวไม่ยอมมีแฟน อ๊ะ! หรืออีซองมินจะแอบรักใครถึงได้อินกับเพลงขนาดนั้น..


    "พี่แอบรักใครอยู่.." แล้วกูก็ปากไวอีกแล้ว! โจคยูฮยอนยิ้มแหยยามที่หันไปมองคนข้างๆ สายตาของซองมินกลับไปเรียบนิ่งอีกแล้ว เส้นแบ่งบ้าบอนั่นผุดชัดจนคยูฮยอนนึกกลัวแต่ยังไม่ทันได้ผวาไปมากกว่านั้นอีกฝ่ายก็เบือนหน้าหนี


    นิสัยปากเร็วนี่เขาไปติดมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ โดยปกติแล้วคยูฮยอนไม่ใช่คนที่พูดไม่คิดเพียงแต่ว่าบางอย่างเวลาอยากรู้มากๆปากมันก็ถามไปแบบยั้งไม่ทันแล้วผลมันก็ปรากฏแบบที่เห็น.. 


    คยูฮยอนมองอีกฝ่ายที่หันไปเก็บกล่องพิซซ่าเปล่าใส่ถุงแล้วจึงถอนหายใจเบาๆ นี่แหละอีซองมินตัวจริง อย่าหวังจะได้คำตอบถ้าคุณท่านไม่อยากบอก ไม่มีการอิดออดให้มากความถ้าไม่อยากพูดถึงก็แค่ทำหน้าไม่รับรู้แล้วแล้วตีมึนจากไปพร้อมกับเมฆหมอกอึมครึม


    มือหนารวบเอาจานช้อนแก้วน้ำที่ใช้แล้วขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไปยังส่วนของครัว หลบไปล้างจานดีกว่า ใบหน้าเรียบเฉยของอีซองมินในตอนนี้มันน่ากลัวเกินไป คยูฮยอนเป็นคนบอบบางแถมจิตใจยังอ่อนไหวความโหดร้ายในบรรยากาศตอนนี้เขารับไม่ได้ เหะ..จริงๆแล้วเขาก็แค่กลัวจะโดนฟาดกบาลตายเพราะความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้นเอง -*-






    หลังจากล้างจานเสร็จคยูฮยอนก็ยังคงอ้อยอิ่งหาผ้าแห้งมาเช็ดจานจนเอี่ยมแล้วเก็บใส่ตู้ให้เรียบร้อยทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยนึกทำ เขาใช้เวลาในครัวจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงหยุดปล่อยออร่าความน่ากลัวแล้วก็โผล่หน้ามาเพื่อพบว่าพื้นที่ว่างตรงหน้าโซฟาเต็มไปด้วยกองกระดาษหลายแผ่นโดยมีอีซองมินนั่งขัดสมาธิกอดกีต้าร์อยู่ตรงกลาง


    โหย เอาดินสอทัดหูซะด้วย เท่มาก เสี่ยเท่มากกกกก เห็นดังนั้นคนที่มีชะนักติดหลังจึงเดินไปคว้ากีต้าร์ของตัวเองมาแล้วทรุดลงนั่งตรงข้ามกับคนที่นั่งอยู่ก่อนพร้อมกับเอ่ยปากถามราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    "พี่ทำอะไรเยอะแยะ" ไม่ถามเปล่า คนคอยาวยังชะโงกหน้าไปมองรายละเอียดในกระดาษเขียนโน๊ตเพลงอีกอย่าง


    "แกะเพลงใหม่เอาไว้เล่นปลายเทอม ท้ายคลาสอาจารย์ให้เล่นส่งท้าย" คนฟังเอียงหัวด๊อกแด๊กยิ้มกริ่ม"ปลายเทอมยังอีกนาน ตอนนี้พี่ช่วยผมหาเพลงก่อนนะ จะร้องวันจันทร์นี้แล้วเนี่ยยังไม่ถึงไหนเลย เออ ผมว่าจะเล่นกีต้าร์แล้วร้องแบบพี่อ่ะ พี่ว่าผมเอาเพลงไรดี" 


    "โจทย์ของนายคืออะไร" อีซองมินเขม่นมองคนพูด


    "จีบ.." สั้น ง่าย ได้ใจความ จีบ..


    ดวงตากลมหรี่มองเจ้าของโจทย์เพลงแล้วพยักหน้าเบาๆ 


    "เอางี้ ถ้าสมมติว่าพี่จะจีบผม พี่จะร้องเพลงอะไร" คนตัวเล็กนิ่งไปครู่หนึ่ง จีบ'โจคยูฮยอน'ใช่มั้ย..


    มือบางขยับกีตาร์ในท่าเตรียมพร้อมวางปลายนิ้วบนคอร์ดก่อนจะค่อยๆเริ่มทำนองเพลงด้วยความแช่มช้า ดวงตาคู่สวยมองสบกับคนตรงหน้าไม่ละไปไหน


    "ไม่เคย รักใคร ~ เท่า.. ติ๋ม~
    มีติ๋มคนเดียว ที่ทำให้..หวั่น .. ไหว~
    มีติ๋ม คนเดียว เป็นหนึ่งในดวง.. ฤทัย~
    ไม่เคย รักใคร .. รักใคร .. รักกกใคร .. รักกกกกใคร ~ ~ ~
    เท่าติ๋มมม.. เลยยยยย~ ~ ~ "


    "อีซองมิน.. ผมจริงจังอยู่ อย่าเพิ่งเล่น" โอ้โห ลุคนี้เข้มมาก! อีซองมินขยับตัวให้นั่งสบายขึ้นอีกนิดหลังจากกลั้นหัวเราะยามที่มองใบหน้าคยูฮยอนบิดเบี้ยวไม่ได้ดั่งใจ 


    "ก็จริงจังไง เพลงนี้ฉันเปลี่ยนทำนองให้นายสดๆเลยนะ จีบแบบน่ารักๆไง"


    "น่ารักบ้าไรล่ะ เสี่ยวมากกว่า!" "ก็เข้ากับหน้านายดีไม่ใช่เรอะ.." 


    "พูดดีไป พี่หาเรื่องแกล้งผมตลอดแหละ เมื่อวานก็ขังผมไว้ในห้องชมรม" อีซองมินยักไหล่ใส่คนรู้ทันแล้วจึงวางกีต้าร์ลง 


    "ขังอะไร ฉันถามไปแล้วเห็นเงียบก็นึกว่าไม่มีใครอยู่" เหอะ! คยูฮยอนมองตามคนตัวเล็กที่ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเร็วๆไปที่ชั้นหนังสือมุมห้อง ซองมินไล้มือไปตามสันหนังสืออยู่ครู่เดียวก็ดึงหนังสือเพลงกลับมาสองสามเล่ม


    "อ่ะ เอาไปเลือก อยากได้เพลงไหนก็ลองเล่นดู เดี๋ยวจะฟังให้" มือหนาเอื้อมมารับหนังสือเพลงไปแล้วก็พลิกดูไปเรื่อยๆ แล้วก็สะดุดใจเมื่อเจอเพลงที่จำได้ว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่เป็นที่สุดของการแอบรัก


    "ทำไมตอนนั้นพี่ไม่ร้องเพลงมุมล่ะ ออกจะเศร้าปนซึ้ง แถมยังดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง" อีซองมินสบตาคนถามครู่หนึ่ง หน้าหวานส่ายไปมา


    "มันไม่ตอบโจทย์.." ตอบเพียงแค่นั้นอีซองมินก็ยกหูฟังอันใหญ่ครอบหูจนมิดแล้วกดเร่งเสียงในเครื่องเล่นเพลงในระดับดังสุด ร่างเล็กเอนหลังลงพิงกับโซฟาแล้วหลับตาปิดกั้นทุกการการสื่อสารจากโลกภายนอก


    โจคยูฮยอนมองคนที่พาตัวเองเข้าโลกส่วนตัวแล้วก็นึกปลง เดี๋ยวหาเพลงได้ค่อยเรียกให้ฟังแล้วกัน รายนี้ไม่ได้หลับจริงๆหรอก อย่างมากก็แค่นอนฟังเพลงบิวท์ตัวเองนั่นแหละ บางทีเขาก็แอบเห็นว่าอีซองมินไม่เปิดเพลงด้วยซ้ำแค่เอาหูฟังครอบอย่างเดียว แต่แบบนั้นก็ยิ่งทำให้รู้ว่าอย่าได้รบกวนไม่งั้นอาจจะโดนเหวี่ยงไปนอกโลกได้

    คนแบบนี้ก็มีด้วย ..ประหลาด..





    หลังจากที่ปล่อยให้คนประหลาดนอนบิวท์อารมณ์สุนทรีอยู่สักพัก คนปกติที่ลองเล่นเพลงนั้นเพลงนี้จนพอใจก็สะกิดไหล่มนเรียกร้องความสนใจให้ตัวเองบ้าง คยูฮยอนจัดแจงท่าทางให้ดูเหมือนนั่งอยู่หน้าคลาสรอคนที่เพิ่งขยับตัวขึ้นมานั่งตรงๆ

    ดวงตากลมของอีซองมินจับจ้องท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องของอีกฝ่าย มันดูน่าหมั่นไส้เล็กๆ


    "พี่ฟังนะ แล้วดูว่าผมร้องเป็นไงบ้าง" ว่าจบก็เริ่มกรีดนิ้วกับสายกีต้าร์ ทำนองเพลงคุ้นหูเมื่อครั้งที่เรียนมัธยมลอยมาให้ได้ยิน ซองมินกัดริมฝีปากล่างกลั้นยิ้ม ไอ้เสี่ยวเอ้ย!!


    "เป็นบุญที่ทำให้มาพบเธอ
    ดลใจให้เราได้มาพบเจอเธอกับฉัน
    จะมองอย่างไรเราก็ดูเข้ากัน
    จะมองกี่ทีก็มีในตาซุกซนจนอยากฝัน
    ก็ทำเอาประหม่าเลย
    ก็ทำเอาประสาทเลย
    สงสัยเหลือเกินว่าเธอนั้นเป็นใคร
    ก็แค่เดินไปเฉียดเธอ
    ก็แค่เดินไปแตะเธอ
    ได้ทักสักคำก็พร้อมยอมตาย" 

    มือบางคว้ากีต้าร์ตัวเองขึ้นมาก่อนจะเริ่มจับคอร์ดตามด้วยความคุ้นเคย เพลงกวนๆที่ชอบใช้เล่นแซวคนโน้นคนนี้ในชมรมดูจะเป็นที่พออกพอใจทั้งสองฝ่าย 


    "ก็น้องดูดี
    เจอะอย่างนี้โดนใจ
    เรี่ยมเร้เรไรอะไรจะปานนั้น
    อยากถามชื่อเธอ
    ส่งดอกไม้ให้กันได้รักสักวัน
    ยอมหมดเลย.."


    "เป็นไง เจ๋งมั้ย ผมว่าเพลงนี้ก็ตอบโจทย์นะ พี่ชอบว่าผมเสี่ยวผมเลยจัดให้" อีซองมินหัวเราะในลำคอพร้อมพยักหน้ารับ


    "ก็ดีนะ เกิดนายร้องเพลงซึ้งๆแล้วอารมณ์มันสะดุดเวลาหันไปมองเพื่อนในห้องแล้วคะแนนมันจะตก ไอ้พวกชอบแซวมันก็มีอยู่ถ้าร้องเพลงนี้ไปเลยก็จะได้ตัดปัญหา เสี่ยวไปเลยได้ใจเพื่อนในห้องด้วย" 


    "งั้นก็เอาเพลงนี้แหละ นี่ถ้าได้เล่นเป็นวงจะยิ่งฮานะ หรือผมควรพาไปทั้งวง" 


    "เล่นนอกเวลาค่าตัวฉันแพงนะ" คยูฮยอนเบ้ปากใส่คนที่โก่งค่าตัวเล่นแล้วจึงถือโอกาสเลื้อยตัวลงนอนข้างๆรุ่นพี่คนสนิท มือบางเอื้อมไปคว้าหมอนที่อยู่บนโซฟามาสอดรองศีรษะได้รูปแล้วดีดหน้าผากคนนอนด้วยความหมั่นเขี้ยวไปหนึ่งที 


    "เพิ่งจะตื่น ง่วงแล้วหรือไง"


    "ป่าว แต่อิ่มเลยง่วง" 


    "กินแล้วนอนระวังจะอ้วน" คนถูกว่าคว้าเอามือขาวจัดของคนพูดมาจับๆดึงๆ โหยย อีซองมินคนหล่อ หุ่นดี ผอมเพรียว ว่าคนอื่นดูตัวเองยังเนี่ยยยยย


    "พี่จะชั่งน้ำหนักแข่งกับผมมั้ย.."


    ".............." เงียบ ไม่ตอบ ตอบไม่ได้ละเซ่~


    โจคยูฮยอนเงยหน้ามองคนที่เงียบไป อีซองมินเบือนหน้าออกไปยังท้องฟ้าด้านนอกดวงตาคู่สวยเหม่อมองไร้จุดหมายคล้ายจะครุ่นคิดแต่คยูฮยอนกลับมองไม่เห็นความเศร้าในดวงตาคู่นั้นเช่นที่ผ่านมา


    กระไอบางอย่างดูอุ่นอวลในความรู้สึกยามที่แนบฝ่ามือประสานกัน คยูฮยอนไม่รู้ว่าอีซองมินจะรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่สำหรับเขาแล้วสัมผัสที่เพิ่งได้รับมันทำให้ไม่อยากละมือออกจากกัน 



    มันไม่ได้พิเศษกว่าเวลาที่จับมือกับใครคนอื่น เพียงแต่อะไรบางอย่างมันทำเขาอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ 




    อะไรบางอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ อะไรบางอย่างที่บางที..





    บางที ..  




















    May be continue..















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×