ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No reason ไม่มีเหตุผล...ที่ฉันรักเธอ [Draco x Hermione]

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5: ซ้ำเติม...ความรู้สึก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.02K
      128
      30 เม.ย. 65

     

    No reason chapter 5

    Chapter 5: ซ้ำเติม…ความรู้สึก


     

           เดรโก มัลฟอยลงมายังคุกใต้ดิน เพื่อกลับไปยังหอสลิธีริน หลังจากที่เขาแน่ใจว่าสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองและข่มน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีกครั้งได้แล้ว เมื่อเดินมาจนถึงประตูทางเข้า เด็กหนุ่มก็สาวเท้าเข้ามายังห้องนั่งเล่นรวมโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด ความคิดของเขามีเพียงแค่อยากพาร่างกายไปพักผ่อนเท่านั้น

    ทว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นอย่างแรกคือ นักเรียนแทบจะทุกชั้นปีกำลังหัวเราะ และพูดคุยกันเรื่องต่างๆนานาอย่างมีความสุข เสี้ยววินาทีนั้น ความคิดหนึ่งก็ผ่านเข้ามาในหัวว่า ทำไมเขาถึงไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในวงสนทนาที่น่าสนใจนั้นกันนะ เดรโกกำลังจะก้าวเท้าไปพร้อมกับความหวังแล้ว หากแต่การกระทำของทุกคนในห้องนั่งเล่นก็หยุดชะงักราวกับถูกร่ายเวทมนต์ เสียงเจื้อยแจ้วก่อนหน้ากลับเงียบสนิท เช่นเดียวกับภาพแห่งความสุขที่เดรโกได้เห็นเมื่อครู่ก็หายไป ร่างสูงหยุดนิ่งอยู่กับที่ เมื่อสิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้ มีเพียงสายตาชิงชังเท่านั้นที่ส่งมาให้ และทุกคนที่ห้องนั่งเล่นรวมนี้ก็พร้อมใจกันอย่างสามัคคีที่จะทำอย่างนั้น

           เดรโกตั้งท่าที่จะเดินไปยังหอนอนชายแทน เมื่อการกระทำของทุกคนเริ่มทำให้เขาหงุดหงิด ดวงตาสีฟ้าซีดหันมามองเพื่อนชั้นปีเดียวกับเขาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครหวาดกลัวเขาเหมือนแต่ก่อนเลย สิ่งที่พวกเขาทำก็แค่การเบนสายตาไปทางอื่นอย่างเสแสร้งแทน เดรโกหันกลับมาแล้วตัดสินใจมุ่งไปยังหอนอน เพราะเขาไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวประหลาดมากไปกว่านี้...

           แต่ก่อนที่ร่างสูงจะได้ก้าวขึ้นบันไดหอนอนชายแค่ไม่กี่ก้าว เพื่อนชั้นปีเดียวกับเขาคนหนึ่งก็พูดขึ้น

           “นายกลับมาทำไมกัน”

           เดรโกผงะต่อน้ำเสียงนั้นและค่อยๆหันไปมองเจ้าของคำถาม

           เบลส ซาบินีเดินฝ่าเหล่านักเรียนและเพื่อนคนอื่นๆที่ยืนขวางหน้าเขาอยู่ออกมา หลังจากเอ่ยประโยคนั้นอย่างใจร้าย

           มันเป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบเลยสักนิด แต่ต้องการจะเยาะเย้ยมากกว่า เดรโกได้แต่ยืนชาอยู่กับที่ เขาแค่ยืนชะงักกับคำพูดของเพื่อนเขาเท่านั้น เด็กหนุ่มไม่ขยับหรือเคลื่อนไหวใดๆ และยืนรอฟังเพื่อนที่คงไม่คิดว่าเขาเป็นเพื่อนอีกแล้วพูด เมื่อเป็นเช่นนั้น เบลสที่เห็นเดรโกไม่ตอบโต้อะไรจึงพูดต่อไป

           “พวกเราทุกคนนึกว่านายจะถูกโยนเข้าไปในอัซคาบันเป็นเพื่อนพ่อขี้คุกของนายซะอีก!” เบลสพูดจนจบประโยคครบถ้วน ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากนักเรียนแต่ละคน โดยเฉพาะพวกที่เป็นเพื่อนกับเขา เดรโกใช้สายตากวาดมอง บางคนก็คงอยากจะหัวเราะเต็มที แต่ก็เลือกที่จะยิ้มน้อยๆและหันไปทางอื่น

            ไม่มีคำไหนที่เดรโกจะไม่ได้ยิน เขาได้ยินมันเต็มสองหู และทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเดือดดาลอยู่ไม่น้อย เขาทั้งโมโห เจ็บปวดที่เพื่อนของเขาแท้ๆ ที่รู้จักกันมาตั้งแต่ปีแรก มาพูดแบบนี้ ความรู้สึกเหล่านั้น มันผสมปนเปกันไปหมด จนกลั่นกรองออกมาเป็นความโกรธเคืองและความเสียใจ ฝ่ามือซีดเผือดกำไว้แน่นพร้อมกับกรามที่ขบแน่นอย่างเจ็บใจ เด็กหนุ่มได้คิดว่าเขาน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้เพื่อระบายความโกรธ แต่ก่อนที่จะคิดไปได้ไกล เพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่งของเขาก็พูดเสริมขึ้นมาอีก...

           “นั่นสิ ถึงนายจะกลับมา อะไรๆก็ไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยหรอก” มิลลิเซนต์ บัลส์โตรดพูดขึ้นอย่างไร้ความเมตตาและยิ้มเยาะ “สิ่งที่นายทำลงไป มันสายเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขแล้ว เดรโก”

           “แล้วพวกนายจะไม่ให้โอกาสฉันบ้างเลยรึไง?!” เดรโกหันไปมองพวกเขาและพูดออกไปอย่างเริ่มหมดความอดทน

           “โอกาสหรอ?” เบลสทวนคำพูดของเขาอย่างไม่เชื่อ “นายอยากได้โอกาสอย่างนั้นหรอ? ขนาดศาสตราจารย์ ดัมเบิลดอร์ให้โอกาสนายกลับใจ ในตอนนั้น นายก็ยังปล่อยมันไป” เบลสพูด “หึ นายมันเป็นผู้เสพความตาย นายมีส่วนทำให้ฮอกวอตส์ต้องเกิดสงคราม นายซ่อมตู้บ้าๆนั่น แล้วก็ให้ผู้เสพความตายเข้ามาที่นี่ นายมันชั่วร้าย!”

           “พวกนายไม่เป็นฉันนี่ พวกนายจะรู้อะไรล่ะ ฉันไม่มีทางเลือก!” ร่างสูงเถียงกลับ

           “นายไม่เลือกต่างหาก นายมันเห็นแก่ตัว!” เบลสพูดเสียงดัง

           เดรโกหมดคำพูด สิ่งที่เบลสพูดออกมาแทบจะไม่ผิดเลย จริงที่ว่าเขามีส่วนทำให้ฮอกวอตส์ต้องเกิดสงคราม เขาซ่อมตู้อันตรธานนั่น และทำให้ผู้เสพความตายเข้ามาที่นี่…ที่ฮอกวอตส์ และทำลายความทรงจำดีๆ จริงอยู่ที่ดัมเบิลดอร์ให้โอกาสเขา แต่ในตอนนั้นเขาไม่มีทางเลือกจริงๆ แม้ดัมเบิลดอร์จะยังมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งที่เขาทำลงไปแล้วนั้นมันกลับมาแก้ไขไม่ได้ เขาเดินมาไกลเกินกว่าที่จะย้อนกลับไปได้ ความหวาดกลัวผลักดันให้เขาต้องทำเรื่องมากมาย เพียงเพราะเด็กหนุ่มแค่อยากช่วยครอบครัวของเขาเท่านั้น โดยที่เขาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใคร

           เดรโกไม่พูดอะไรต่อ เขาหันหน้าหนีพวกนั้น แล้วรีบเดินขึ้นไปยังหอนอนให้เร็วที่สุด

           …………..

           เด็กหนุ่มผมบลอนด์นั่งอยู่บนเตียงสี่เสาที่คุ้นเคย หลังจากที่เพิ่งจะโต้เถียงกับเพื่อน และไปชำระล้างร่างกายของตัวเอง เปลือกตาปิดลงอย่างเหนื่อยล้า พลางยกฝ่ามือปิดหน้าตัวเอง และถอนหายใจ หวังจะขับไล่ความรู้สึกทั้งหมดที่ประเดประดังเข้ามา

           ‘นี่เขาไม่เหลือใครแล้วจริงๆหรือ?... เขาทำผิดมากขนาดไหนกัน?... เขาควรทำอย่างไรต่อไป?...มีใครที่พร้อมจะให้โอกาสเขาบ้างไหม?’

    ความคิดอันตัดพ้อและสิ้นหวังวิ่งเล่นอย่างร่าเริง ทุกคำถาม วนเวียนอยู่ในหัวเขาอย่างไม่จบไม่สิ้น แม้แต่โอกาสก็ไม่มีใครให้เขาเลย ให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าเขาสามารถเปลี่ยนตัวเองได้

           ‘ถ้าจะไม่ให้โอกาส แล้วทำไมต้องพร้อมใจกันสมน้ำหน้าอีกด้วยนะ?’

           ในเวลานี้ เดรโกคิดถึงแม่ของเขาเหลือเกิน แม่ที่คอยปลอบใจเขา ให้กำลังใจเขา ในยามที่เขาย่ำแย่ แต่ในเวลานี้เขาต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆมากมายเพียงคนเดียว และเขาต้องทำใจยอมรับให้ได้ แม้ปัญหาพวกนี้ มันจะสร้างความปวดร้าวภายในใจที่บอบช้ำมากแค่ไหน แต่...แต่ว่าเขาทำไม่ได้ เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจเขาเศร้าหมองเกินไป วันนี้เขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอให้เขาได้พักผ่อนอย่างสบายใจ ขอให้เขาได้ลืมเรื่องราวเหล่านั้นไปสักคืนหนึ่ง แล้วค่อยตื่นมาพบกับความจริงอีกครั้ง

           เดรโกทิ้งตัวลงนอน พยายามข่มตาให้หลับ แม้จะทำได้ยาก และปล่อยให้ตัวเเองได้จมสู่ห้วงนิทรา....

    ………………….

           ที่หอกริฟฟินดอร์ เฮอร์ไมโอนี่เข้ามาในห้องนั่งเล่นรวมพร้อมกับเพื่อนๆของเธอ เด็กสาวปรายตามองรอนทิ้งตัวลงบนโซฟา และพ่นลมหายใจอย่างสบายอารมณ์

           “เฮ้อ! อิ่มจัง..” รอนพูดยิ้มๆ แล้วลูบท้องของตัวเอง

           “แน่ล่ะ ก็เธอเล่นกินอย่างกับจะไม่ได้กินอีกตลอดชีวิต” เฮอร์ไมโอนี่พูดประชดเขา

           “ก็มันอร่อยนี่ แล้วฉันก็หิวมาก” รอนพูดพลางผิวปากอย่างพอใจ เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัวอย่างเซ็งๆก่อนที่เธอจะนึกอะไรมาได้อย่างหนึ่ง เด็กสาวชั่งใจอยู่ครู่หนึงว่าเธอควรจะพูดออกไปดีหรือไม่ ทว่าเธออยากพูดมันออกไป

           “เอ่อ...มีใครเห็นมัลฟอยบ้างรึเปล่า ตอนมื้อค่ำนี่” เด็กสาวพูดอย่างระมัดระวัง

           “เห็นสิ! ฉันเห็น เขาน่ะ...เหมือนตัวประหลาดเลยล่ะ” รอนโพล่งออกมาอย่างสะใจเล็กๆ

           “ฉันกับจินนี่ก็เห็นนะ เขาดู…น่าเห็นใจอยู่หรอก” แฮร์รี่พูดออกมาอย่างใจจริง และหันมาขอความคิดเห็นกับจินนี่ “ใช่มั้ย?”

           “ฉันก็ว่าอย่างนั้นนะ” จินนี่พูดและพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

           “น่าเห็นใจหรอ แฮร์รี่? นั่นน่ะคือสิ่งที่มันควรจะได้รับต่างหาก” รอนพูดขึ้นมา เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นและหันมาขอความคิดเห็นจากเฮอร์ไมโอนี่ “ใช่มั้ย?” แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้พยักหน้า หรือแสดงการกระทำใด ที่สื่อว่าเธอเห็นด้วย เด็กสาวมีท่าทีลังเลก่อนที่เธอจะพูดขึ้น

           “แต่...ฉันเห็นเขาร้องไห้ด้วยนะ”

           เมื่อฟังเฮอร์ไมโอนี่พูดจบประโยค รอนที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขต้องชะงักกับพูดของเธอ แฮร์รี่ จินนี่ และเนวิลล์เองก็เช่นกัน

           “ร้องไห้? ล้อเล่นน่ะเฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยเนี่ยนะจะร้องไห้ ไม่มีทาง” เนวิลล์พูด เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่พูด แม้เด็กหนุ่มจะรู้ว่าเพื่อนเขาไม่ใช่คนพูดโกหกก็ตาม

           “แต่มัลฟอยก็เคยร้องไห้มาแล้ว ครั้งนึงตอนปีหกไง? จำไม่ได้หรอ?” แฮร์รี่ทวนความจำของทุกคน

           “เขาคงมีเรื่องทุกข์ใจแหละนะ” จินนี่ออกความเห็น

           “คงจะคิดถึงพ่อที่อยู่ในอัซคาบันล่ะมั้ง หรือไม่ก็แม่ตัวเองที่นอนป่วยอยู่เซนต์มังโก...” รอนพูดอย่างไม่สนใจ

           “หยาบคายน่ะรอน” เฮอร์ไมโอนี่ปรามเขา ต่อคำพูดที่ฟังแล้วไม่ค่อยจะมีความเห็นอกเห็นใจ

           เด็กหนุ่มผมแดงทำเสียงฮึดฮัด “...ถึงตอนนี้เขาก็ไม่ได้ต่างไปจากสุนัขข้างถนนหรอก ไม่มีใครต้องการ” รอนพูดก่อนจะเดินขึ้นหอนอนชายไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่หันกลับมามองใคร ดวงตาสีน้ำตาลมองการกระทำนั้นของเขาอย่างเหนื่อยใจ เพื่อนเธอคนนี้คงไม่มีทางเลิกเกลียดมัลฟอยได้แน่นอน!

           “รอนคงจะเกลียดมัลฟอยมาก ว่ามั้ย?” เนวิลล์ถามทุกคน แต่สายตาจ้องไปที่หอนอนชาย

           “แน่นอนอยู่แล้ว พวกเขาไม่ถูกกันเลยสักนิด” จินนี่พูด

           “เมื่อก่อน ฉันก็เกลียดเขานะ แต่จนถึงตอนนี้ เราน่าจะเปลี่ยนความคิดใหม่” แฮร์รี่พูดบ้าง

           “ใช่ ฉันก็ว่างั้น แล้วเธอล่ะ เฮอร์ไมโอนี่?” เนวิลล์หันไปถามเธอ

           เด็กสาวที่ถูกถามโดยไม่ทันตั้งตัวผงะไปครู่หนึ่ง

           “ฉัน...ไม่รู้สิ ทีแรกก็เกลียด แต่พอวันนี้ฉันเห็นเขาร้องไห้แล้วมัน...” เฮอร์ไมโอนี่บอกอย่างไม่เข้าใจตัวเอง เธอไม่รู้ว่าเธอรู้สึกแบบไหนกัน “ฉันสงสารเขาน่ะ”

            เด็กสาวร่างบางตอบไปตามที่ใจคิด

            ทุกคนหันมามองหน้ากัน และถอนหายใจ เนวิลล์ที่เริ่มง่วงแล้วจึงขอตัวไปนอนก่อน ตามด้วยแฮร์รี่ จินนี่และเฮอร์ไมโอนี่จึงบอกราตรีสวัสดิ์พวกเขาก่อนจะขึ้นไปนอนเช่นกัน


     

     

    TBC.

     

     

    จบไปแล้วอีกหนึ่งตอน

    ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะคะที่ติดตามอ่านนิยายเรื่องนี้กัน ติชมได้ตลอดค่ะ

    อ่อ ขอความคิดเห็นตามนี้หน่อยค่ะ หนุกๆ

    1.      “ด” ดีเยี่ยม
    2.      “ก” เกินความคาดหมาย
    3.      “พ” พอใช้ได้
    4.      “ย” แย่
    5.      “ล” เลวมาก
    6.      “ท” โทรล์

    ไม่เป็นไรนะคะ พิมพ์ได้ตามที่คิดเห็น....

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×