ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No reason ไม่มีเหตุผล...ที่ฉันรักเธอ [Draco x Hermione]

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9: คำพูดบางคำและการกระทำที่เผลอไป (Rewritten)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.09K
      109
      25 ต.ค. 65

    Chapter 9

    คำพูดบางคำและการกระทำที่เผลอไป

           รอนและแฮร์รี่เดินจ้ำๆไปตามโถงทางเดิน เตรียมตัวไปเข้าเรียนวิชาต่อไปที่พวกเขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นวิชาอะไร หากแต่คนที่เดินนำหน้าพวกเขาตอนนี้เป็นเฮอร์ไมโอนี่ ทั้งสองจึงทำได้แค่เดินตามหลังไปก่อน แฮร์รี่ที่เห็นเฮอร์ไมโอนี่ดูเงียบๆผิดปกติ ตั้งแต่เดินออกมาแล้ว จึงพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบลง

           “อากาศดีนะ ว่ามั้ย” 

    รอนหันไปมองแฮร์รี่ที่อยู่ๆก็พูดอะไรขึ้นมาเสียดื้อๆอย่างงงงวย “เอ่อ…ใช่ น่าไปซ้อมควิดดิชมากเลย”

           เด็กหนุ่มผมดำพยักหน้าไปพลางๆ แต่เขาสังเกตว่าเด็กสาวเพื่อนสนิทไม่ได้หันมาสนใจแต่อย่างใด จึงหันไปมองตาเพื่อนอีกคนอย่างขอความเห็น พยายามสื่อสารกันทางสายตา และดูเหมือนว่ารอนก็จะเข้าใจดี เด็กหนุ่มผมแดงกระแอมไอนิดหนึ่ง ก่อนจะถามเด็กสาวที่เดินนำหน้าอยู่อย่างกล้าๆกลัว ตอนที่พวกเขาสาวเท้ามาถึงมุมหนึ่งของทางเดินแล้ว

    “เฮอร์ไมโอนี่ เธอ…เป็นอะไรมั้ย” ทั้งสามหยุดเดิน เด็กสาวที่ถูกถามหันมามองเจ้าของเสียง เธอพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดอย่างไร้ประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรรอนและแฮร์รี่ก็คงดูออกอยู่ดีว่าอารมณ์ของเธอไม่ได้อยู่ในระดับที่จะมาส่งยิ้มหรือหัวเราะกับใคร

           “เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก ไม่มี” เฮอร์ไมโอนี่ตอบโดยไม่มองหน้าพวกเขา พลางส่ายหน้าปัดๆ

           รอนและแฮร์รี่หันมามองหน้ากัน แน่นอนอยู่แล้วว่าพวกเขาไม่เชื่อเธอ

           “มันเกี่ยวกับเขารึเปล่า” แฮร์รี่โพล่งออกไปตรงๆ “มัลฟอยน่ะ”

    เฮอร์ไมโอนี่มองแฮร์รี่ทันทีที่เขาเอ่ยชื่อนั้น โดยไม่ได้พูดอะไร เด็กหนุ่มผมแดงจึงแทรกขึ้น “จริงสิ แล้วทำไมเธอถึงไปปรุงยาโต๊ะเดียวกับมันล่ะ”

           ทั้งสองมองเด็กสาวที่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นเธอจึงให้คำตอบ

           “ฉันมีส่วนผสมไม่ครบน่ะ เลยต้องยืมจากเขา” เธอเอ่ยเสียงเรียบ “แล้วก็… ฉันพูดไม่ดีีใส่เขานิดหน่อย”

           “พนันได้เลยว่ามันเป็นฝ่ายเริ่มก่อน” รอนพูดเสียงโมโห และเชื่อความคิดตัวเองอย่างมั่นใจ

           “แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง” แฮร์รี่ถามต่อ

           “ฉันไม่รู้ คือว่า…” เด็กสาวรู้สึกปั่นป่วน “เขาบอกว่าอยากคุยดีๆกับฉัน แต่เขากลับทำตรงกันข้าม”

    รอนและแฮร์รี่หันใบหน้าฉงนสงสัยเข้าหากัน เมื่อได้ฟังเรื่องน่าประหลาดใจจากเธอ เด็กหนุ่มผมแดงคิดว่านี่คงเป็นเรื่องที่พิลึกที่สุดแล้วที่เขาเคยได้ยิน คนอย่างมัลฟอยน่ะหรือ จะพูดอะไรแบบนี้เป็น

    แฮร์รี่อ้าปาก แล้วก็หุบ ระหว่างคิดหาคำพูดในหัว ราวกับว่าอยู่ๆสมองของเขาก็ขัดข้องไปชั่วขณะ

    “ล้อเล่นใช่มั้ย” 

    “…” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัวเป็นคำตอบ

    “เริื่องจริงหรอ”

    “…” เด็กสาวพยักหน้า “ฉันรู้ว่าพวกเธอต้องไม่เชื่อ”

    “แล้วเธอเชื่อหรอ” รอนถาม

    เฮอร์ไมโอนี่ผงะ ไม่ใช่ว่าเธอเชื่อคำพูดของเด็กหนุ่มคนนั้น แต่ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้เธอตอบออกไปในทันทีไม่ได้ว่า ไม่เชื่อ ส่วนลึกในใจของเธอและยามที่เธอเห็นแววตาของเขา มันเหมือนกับว่าเธอได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเขา ทว่าการกระทำที่เขาแสดงออกมานั่นแหละ ที่ทำให้เธอคิดว่าคำพูดของเขามันกลวงสิ้นดี

    “เปล่า” แม้จะเอ่ยเสียงเบา โชคดีที่พวกเขาไม่ได้จับความลังเลในน้ำเสียงเธอได้

    “แต่ลองคิดอีกที เขาอาจจะพูดจริงก็ได้นะ” ทั้งคู่หันมามองรอนเป็นตาเดียว อะไรทำให้อยู่ๆเขาคิดแบบนั้นกัน “บางทีมัลฟอยอาจจะแอบชอบเธอ เขาคงเห็นเธอดูดีขึ้น เลยอยากมาตีสนิท หรือไม่ก็คงอยากหาเพื่อน”

    รอนพูดขำๆ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กลอกตา “แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก หมอนั่นเป็นผู้เสพความตาย – ”

           “เคยเป็น” แฮร์รี่แทรก

           “ก็เหมือนกันนั่นแหละน่า”

           “ฮื่อ! ลืมมันซะเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจกับความคิดประหลาดๆที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ของรอน

           “เอ้อ! เราเรียนอะไรต่อเนี่ย” แฮร์รี่นึกขึ้นได้ เมื่อรู้สึกว่าพวกเขาจะคุยกันนานเกินไปแล้ว

           รอนหุบยิ้มทันที สีหน้าเบื่อหน่าย และรีบหยิบตารางสอนขึ้นมาดู เฮอร์ไมโอนี่เสมองไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่า คาบเรียนต่อไปเป็นวิชาประวัติศาสตร์เวทมนต์

           “ให้ตายเถอะ คาบต่อไปเราเรียนวิชาประวัติศาสตร์เวทมนต์” รอนหันมาบอกแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่

           “ก็ไม่แย่เท่าไหร่หรอก” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยท่าทีสบายๆ

           “พนันได้เลยว่าเราต้องหลับแน่ เราเรียนกับบินส์ที่ลอยไปทางนู้นทีทางนี้ที น่าเบื่อชะมัด” รอนยังคงบ่นต่อไป

           “เรา” เฮอร์ไมโอนี่ทวนคำ “แต่ไม่รวมฉันนะ”

           “แน่สิ เธอทนเข้าไปได้ยังไง สำหรับฉันอย่างกับต้องกินยานอนหลับเข้าไปทุกที”

           แฮร์รี่เกาหัว มองรอนและเฮอร์ไมโอนี่ที่เถียงกันสลับไปมา

           “พวกเธอน่ะไม่มีความอดทนและความตั้งใจกันสักนิด”

           รอนทำหน้าไม่สนใจในคำพูดของเธอ พร้อมกับก้มหน้าอ่านตารางสอนต่อไป

           “หลังจากเรียนประวัติศาสตร์เวทมนต์แล้ว เราก็เรียนพยากรณ์ศาสตร์กับศาสตราจารย์ทรีลอนี่ย์ ก็ยังดีขึ้นมาหน่อย ว่ามั้ย” รอนหันไปขอความเห็นจากแฮอร์รี่ ซึ่งเขาก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

           “แล้วเธอล่ะ เฮอร์ไมโอนี่ เธอเรียนอะไรต่อจากวิชาประวัติศาสตร์เวทมนต์?” แฮร์รี่หันไปถามเฮอร์ไมโอนี่ ระหว่างที่พวกเขาเดินไปห้องเรียนประวัติศาสตร์เวทมนต์

           “ตัวเลขมหัศจรรย์กับศาสตราจารย์เวกเตอร์น่ะ”

           “เธอนี่เรียนแต่วิชาที่ฉันล่ะเบื่อ” รอนพึมพำ

           “ก็ฉันไม่เบื่อนี่ แต่ดีหน่อยที่ช่วงบ่ายฉันว่าง”

           “ดีจังนะ เราน่าจะว่างแบบนี้บ้าง” รอนบ่นกับแฮร์รี่

           “ฉันว่าเรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสาย” แฮร์รี่เร่งแล้วเดินนำหน้าพวกเขาไป แต่ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะเรียนวิชานี้ เพียงแต่เขาไม่อยากฟังเพื่อนของเขาเถียงกัน แล้วเขาต้องมาออกความคิดเห็นอะไรอีก รอนและเฮอร์ไมโอนี่จึงรีบเดินตามเขาไป

    .......

           วิชาประวัติศาสตร์เวทมนต์เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในหมู่นักเรียนว่าเป็นวิชาที่น่าเบื่อที่สุดเท่าที่เคยประดิษฐ์ขึ้นมาโดยชนชาติพ่อมด ศาสตราจารย์บินส์ อาจารย์ผีของพวกเขามีเสียงวี้ๆหึ่งๆ ที่รับประกันได้แน่นอนที่สุดว่าจะทำให้เกิดความง่วงอย่างรุนแรงภายในเวลาสิบนาที และแค่ห้านาทีถ้าอากาศร้อน เท่าที่แฮร์รี่จำความได้ เขากับรอนสอบผ่านวิชานี้มาได้อย่างหวุดหวิดก็เพียงเพราะว่าลอกสมุดจดงานของเฮอร์ไมโอนี่ก่อนสอบ แต่ทฤษฎียานอนหลับคงใช้ไม่ได้กับเด็กสาวที่ดูมุ่งมั่นกับการเรียนยิ่งกว่าใคร เธอเป็นคนเดียวที่ดูเหมือนจะต้านทานพลังยานอนหลับในเสียงของศาสตราจารย์บินส์ได้ หรือแท้จริงแล้วมันอาจเป็นเพียงแผ่นเสียงที่กำลังบรรเลงเพลงสำหรับเธอล่ะมั้ง

           เฮอร์ไมโอนี่กำลังจดสิ่งที่ศาสตราจารย์บินส์พูด และฟังอย่างตั้งใจ โดยไม่สนใจว่าเพื่อนของเธอกำลังทำอะไร เฮอร์ไมโอนี่เห็นแฮร์รี่นั่งเท้าคาง มืออีกข้างก็ขีดเขียนอยู่ที่มุมกระดาษอย่างเกียจคร้าน ส่วนรอนก็สัปหงกไปหลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว แต่อย่างว่า พวกเขาจะต้องสนใจเรียนไปเพื่ออะไร เพราะในความเป็นจริงพวกเขาสามารถเป็นมือปราบมารได้ โดยไม่จำเป็นต้องกลับมาเรียนต่อด้วยซ้ำ

    เธอหันมาจดสมุดของเธอต่อเป็นระยะๆ จนจะกระทั่งศาสตราจารย์สั่งการบ้านให้เขียนรายงานคนละฉบับ พอดีกับที่ระฆังตีหมดเวลา รอนและแฮร์รี่รีบเก็บของอย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่มองพวกเขาเก็บของพลางถอนหายใจ ก่อนจะพากันเดินออกมาจากห้องหลังเลิกเรียน

    “ฉันชอบใช้ชีวิตตอนเรียนนะ แต่อย่างเดียวที่ฉันไม่ชอบเลยก็คือ…” รอนพูดอย่างโล่งอก

    “อะไร” แฮร์รี่หันไปมองแล้วถาม

    “การบ้านน่ะสิ ทำไมต้องมีการบ้านด้วย”

    “โอ้ว เธอรู้ด้วยหรอว่ามีการบ้าน” เฮอร์ไมโอนี่พูดล้อๆ

    “ถึงจะหลับ แต่หูฉันฟังนะ” รอนพูดอย่างมั่นใจ “เขียนรายงาน ส่งสัปดาห์หน้า”

    “ส่งมะรืนต่างหาก” เด็กสาวแก้ให้

    เด็กหนุ่มตาโต ราวกับเพิ่งได้สติ “พูดเป็นเล่น”

    “เอาล่ะ ฉันว่าเราแยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน” แฮร์รี่ตัดบท “ไว้เจอกันที่ห้องโถงนะ เฮอร์ไมโอนี่”

    พูดจบ เขาก็ดึงรอนไปทางห้องเรียนพยากรณ์ศาสตร์ เด็กสาวได้ยินรอนถามแฮร์รี่อีกครั้งเกี่ยวกับการบ้าน เธอมองตามเพื่อนไม่เอาไหนของเธออยู่หน้าห้องเรียนประวัติศาสตร์เวทมนต์อยู่อย่างนั้น จากนั้นเธอก็หันหลังเดินไปอีกทาง เพื่อไปเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์

           เขามองเธออยู่นานแล้ว จ้องมาตั้งแต่เธอเดินมาเรียนวิชาประวัติศาสตร์เวทมนต์จนหมดเวลาเรียน

           เดรโกเดินตามเธอไป เขาเองก็เรียนวิชาตัวเลขตัวเลขมหัศจรรย์เช่นกัน แต่ที่เขาต้องเดินตามเธออย่างนี้ เพราะเขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะไปไหน ทำอะไร คุยกับใคร เขาจะได้หาเรื่องแกล้งเธอได้ด้วย หลังจากที่ชั่วโมงปรุงยาเธอด่าเขาอย่างเจ็บแสบ ในเมื่อเธอไม่คุยกับเขาดีๆ ดังนั้น เขาก็จะหาเรื่องแกล้งเธออย่างงี้แหละ

           เดรโกเดินตามเธอมาเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงห้องเรียนตัวเลขมหัศจรรย์แล้ว เฮอร์ไมโอนี่ที่รู้สึกว่ามีใครบางคนตามหลังเธอมา การก้าวเท้าของเธอหยุดชะงักและหันไปมองด้านหลังอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่เธอจะรู้ว่าเดรโกแอบตามหลังเธออยู่ เขาก็รีบไปหลบตามมุมเสาก่อนที่เธอจะเห็นเขา เฮอร์ไมโอนี่ล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อคลุม ตั้งท่าจะดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา เป็นการป้องกันตัวเอาไว้ก่อน และกวาดสายตามองบริเวณนั้นด้วยความสงสัย แต่เมื่อไม่มีอะไรผิดปกติ เธอจึงรีบเดินไปยังห้องเรียนอย่างรวดเร็ว เดรโกออกมาจากมุมเสา พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

           เกือบแล้ว

    ……………………

           เฮอร์ไมโอนี่เข้ามาในห้องเรียนตัวเลขมหัศจรรย์และเลือกนั่งลงข้างดีน โทมัส

           “หวัดดี เฮอร์ไมโอนี่” ดีนทัก

           “หวัดดี ดีน” เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับ

           ทั้งสองทักทายกันก่อนจะหันไปมองหน้าชั้น พร้อมกันกับที่เสียงประตูห้องเรียนดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่หันหลังไปมอง เดรโกนั่นเอง เขาหันมามองหน้าเธอเช่นกัน เฮอร์ไมโอนี่จึงหันกลับไปมองหน้าชั้นดังเดิม เด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาเดินไปนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่หลังสุดของห้อง จากนั้นศาสตราจารย์เวกเตอร์ก็ปรากฏกายอยู่หน้าชั้น แล้วเริ่มสอนนักเรียนภายในห้อง

            เฮอร์ไมโอนี่จดแต่สิ่งที่จำเป็นลงในสมุด (อันที่จริงเธอไม่มีสมาธิเลย เพราะเดรโกมองเธอ) เธอรู้สึกได้ว่าดวงตาสีซีดของเขาจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา เฮอร์ไมโอนี่พยายามชำเลืองคนที่นั่งอยู่หลังห้อง และเธอเห็นว่าเขายังมองเธออยู่ เดรโกยังไม่ละสายตาไปจากเธอ เขารู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวแล้ว เขารู้ว่ามันทำให้เธอรำคาญใจ แต่นั่นแหละคือการแกล้งเธอ

           โชคเป็นของเธอที่ตอนนี้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว เฮอร์ไมโอนี่รีบเก็บของ สะพายกระเป๋าและหอบหนังสือเต็มมือ เธอตั้งใจว่าจะออกไปพร้อมดีน แต่ศาสตราจารย์เวกเตอร์กับเรียกให้เขาไปช่วยงานบางอย่าง เธอจึงคิดว่าควรจะออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด เมื่อเธอเก็บของเรียบร้อยแล้ว เธอก็หันไปทางประตู... เฮอร์ไมโอนี่ยืนนิ่ง กวาดสายตามองไปทั่วห้อง เธอไม่เห็นเด็กหนุ่มผมบลอนด์ เขาเดินออกไปแล้ว

           เฮอร์ไมโอนี่พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

           เขาไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ เขาไปแล้ว

           เธอคิดอย่างปลอบใจตัวเอง แต่ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือไปแล้วก็ช่าง อย่างไรเธอก็จะออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด

           เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาจากห้องเรียน เธอเดินไปตามทาง เตรียมจะมุ่งหน้าไปห้องโถงใหญ่ แต่ก่อนที่เธอจะได้เดินไปไหนไกล ใครบางคนก็เดินมาทางข้างหลังเธอและคว้าต้นแขนเธอเอาไว้เสียก่อน จนร่างบางของเธอต้องหันมาเผชิญหน้ากับเขา

           “จะรีบไปไหนล่ะ เกรนเจอร์” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน แต่แฝงแววเจ้าเล่ห์เอาไว้

           “ทำบ้าอะไรของนาย ปล่อยฉันนะ” เฮอร์ไมโอนี่ออกแรงสะบัด

           ”ปล่อยให้โง่สิ” เดรโกออกแรงบีบแขนเธอมากกว่าเดิม แล้วดึงเธอเข้าไปในห้องเรียนเก่าๆแถวนั้น เด็กสาวพยายามจะขืนแรงเขาไว้ แต่ก็ต้านไม่ไหว

           “มัลฟอย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! ทำอะไรของนายน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พยายามสะบัดแขนอีกครั้ง เมื่อเดรโกพาเธอเข้ามาในห้องเรียนเก่าๆ มืดๆ เธอหวั่นใจกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับเธอ และยิ่งเธอออกแรงมากแค่ไหน เขาก็ยิ่งออกแรงบีบแขนเธอมากขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงเธอเบาๆ เด็กสาวเซถลาไปยืนกลางห้อง ขณะที่เดรโกเดินกลับมาที่ประตูอีกครั้ง เพื่อจะปิดมันไว้ แต่ไม่ทันที่เขาจะเดินไปถึง เฮอร์ไมโอนี่ก็รีบวิ่งแซงหน้าเขาไป เดรโกที่รู้ว่าเธอจะวิ่งไปหาประตูจึงรวบตัวเธอจากด้านหลัง มือหนึ่งของเขารวบเอวบางของเธอไว้ อีกมือหนึ่งปิดปากเธอแน่น และดึงเธอมากลางห้องอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่ออกแรงขัดขืนเต็มที่ ซึ่งสร้างความรำคาญใจให้เขามาก

           “หยุดดิ้น เกรนเจอร์ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ!”

           เฮอร์ไมโอนี่ยอมหยุด เธอเหลือบตามองใบหน้าเขาที่อยู่ด้านหลัง ลมหายใจของเขาเป่ารดต้นคอของเธอเป็นจังหวะ เดรโกลดระดับมือที่ปิดปากเธอลงและปล่อยมือที่รวบเอวเธอไว้ เมื่อเห็นว่าเธอหยุดดิ้นแล้ว ไม่กี่วินาทีที่เขาปล่อยเธอ เฮอร์ไมโอนี่ก็ออกตัววิ่งหนีเขาอีกครั้ง แต่เขาทันที่จะจับข้อมือเธอเอาไว้ได้ และเธอออกแรงสะบัด

           “เกรนเจอร์!” เขาตะคอกใส่หน้าเธอ แต่เธอไม่ยอมหยุด

           เดรโกผลักเธอหลังติดกำแพง และตรึงข้อมือเธอไว้ทั้งสองข้างเหนือศีรษะของเธอ หนังสือหล่นลงพื้นกระจัดกระจาย เฮอร์ไมโอนี่หยุดดิ้นทันที เธอมองเขาอย่างตกตะลึง เดรโกหอบหายใจ ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เธอยอมหยุด

           “นายจะทำอะไร?” เฮอร์ไมโอนี่ถามเขาเสียงสั่น

           “เงียบ และฟังฉัน” เด็กหนุ่มหอบหายใจ พร้อมกับรวบรวมสติ “ฉันคิดว่าเธอต้องทำอะไรให้ฉันอย่างหนึ่ง เกรนเจอร์?”

           “อะไรของนาย ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยฉันได้แล้ว ” เฮอร์ไมโอนี่ออกคำสั่ง เธอมีท่าทีแปลกใจ

           “เธอต้องทำ เกรนเจอร์...” มัลฟอยย้ำเสียงเข้ม “เธอต้อง...ขอโทษฉัน”

           “ขอโทษนาย! ทำไมฉันต้องขอโทษนายด้วย แล้วมันเรื่องอะไรกันที่ฉันจะต้องขอโทษนายน่ะ ฮะ?” เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างไม่เกรงกลัว ออกจะสงสัยมากกว่า 

           “ก็เธอด่าฉันไง แล้วเธอก็ยังด่าพ่อฉันด้วย” เดรโกกล่าวโทษเสียงดุ

           “แต่นายเริ่มก่อนนะ” เฮอร์ไมโอนี่จ้องตาเขาเขม่น

           เดรโกขบกรามแน่น เพราะก็รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นความจริง

    “เธอต้องขอโทษฉัน เกรนเจอร์” เขาย้ำ มองเธอด้วยสายตายียวน “และฉันคิดว่าผู้หญิงที่เขาฉลาดกันจริงๆ ก็น่าจะคิดเป็นนะว่า การด่าคนอื่น แล้วไม่ขอโทษน่ะ เป็นการกระทำที่สุภาพสตรีดีๆเขาไม่ทำกันหรอก อ้อ! หรือว่าเธอไม่ใช่”

    “แล้วการดูถูกสุภาพสตรี มันเป็นการกระทำที่สุภาพบรุษควรมีมั้ยล่ะ อ้อ! หรือว่านายไม่ใช่” เฮอร์ไมโอนี่สวนทันควัน และเธอสะใจที่ทำให้เขาโกรธเธอขึ้นมาได้ “ถ้านายอยากให้ฉันขอโทษ นายก็ต้องขอโทษฉันด้วยเหมือนกัน ว่ายังไง”

    เดรโกอ้าปากเตรียมจะเถียง แต่ก็ไม่ไวเท่าริมฝีปากบางของเธอ

    “ถ้านายยังยอมรับความผิดตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จักขอโทษ ก็อย่ามาเที่ยวสั่งให้ใครต้องขอโทษนาย”

    เด็กหนุ่มมองดวงตาสีน้ำตาลวาวโรจน์ของเธอ ไม่เคยมีใครทำให้เขาต้องรู้สึกจนตรอกขนาดนี้ ไม่เคยแพ้ที่จะโต้เถียงกับใคร ถ้าไม่รวมแม่และพ่อเขาน่ะนะ แต่ในตอนนี้เขาหมดคำพูดที่จะต่อล้อต่อเถียง เมื่อสิ่งที่เธอกล่าว มันจริงยิ่งกว่าจริงซะอีก

    เดรโกมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ นี่ตกลงว่าเขามาเชือดตัวเองต่อหน้าเธอหรือไงนะ

           “ฉันขอโทษ พอใจมั้ย!” เดรโกตะโกนใส่หน้าเธออย่างเจ็บใจ เขาไม่เคยต้องเสียท่าหรือต้องยอมให้ผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย แต่ตอนนี้ เด็กหนุ่มผู้แสนจะเย่อหยิ่งได้กล่าวขอโทษคนที่เขาคอยดูถูก กลั่นแกล้งมาตลอดหลายปี

    เดรโกหันหน้าไปทางอื่นราวกับต้องการซ่อนใบหน้าเอาไว้ และสะบัดข้อมือของเธอออก

    ทำไมฉันต้องขอโทษยัยหัวฟูด้วยเนี่ย โธ่เว้ย!

    เสี้ยววินาทีหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่ตกตะลึงกับคำพูดจากปากเขา เธอไม่ได้คาดหวังเลยว่าเขาจะยอมขอโทษเธอง่ายๆ ต่อให้เขาจะยอมพูด เธอก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเขาคงไม่ได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมาพร้อมกับการสำนึกผิดหรอก แค่พูดว่าขอโทษออกมาได้ ก็เหลือเชื่อแล้ว โดยเฉพาะคำขอโทษจากปากคนอย่างเดรโก มัลฟอย ที่กล่าวต่อเธอ

           “ได้ ถ้านั่นเรียกว่าเป็นน้ำเสียงที่ดีที่สุดของนายแล้วที่จะใช้ขอโทษ ฉันก็พอจะเข้าใจนะว่าพวกมัลฟอยน่ะ ขอโทษใครไม่เป็น” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างประชดประชัน

           “นี่ ฉันให้เธอขอโทษฉันนะ ไม่ได้ให้มาด่าฉัน!” เดรโกเอ่ย น้ำเสียงขุ่นเคืองใจ

           “ก็อยากด่าให้คุ้ม ถึงยังไงฉันก็ต้องขอโทษนายอยู่แล้ว ด่าไว้มากๆ จะได้ขอโทษนายรอบเดียว เพราะคำขอโทษของฉัน สำหรับนาย มีจำกัด” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเยาะเย้ย

           “เลือดสีโคลนพูดมากทุกคนมั้ย?” เดรโกเอ่ย ยืนเท้าเอว และมองหน้าเธออย่างเหนื่อยใจที่ต้องคุยกับเธอ

    เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาสักพัก ก่อนจะพูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ฉันขอโทษ ทีนี้ฉันไปได้รึยัง”

           “ยัง” เด็กหนุ่มร่างสูงเอ่ย และรีบเอาแขนข้างหนึ่งมายันไว้ที่กำแพง ขวางไว้ไม่ให้เธอไป

           “อะไรอีกเล่า?” เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจให้กับความฉลาดแกมโกงของเขาอย่างเบื่อหน่าย “ฉันขอโทษนายแล้วนะ มัลฟอย”

           “ก็ฉันยังไม่อยากปล่อย” เขาพูดหน้าตาเฉย “อยากอยู่ในนี้อีกสักพัก”

           “งั้นนายก็ปล่อยฉันไป แล้วนายก็อยู่ไปคนเดียว ห้องมืดๆแบบนี้มันก็เหมาะกับนายดีอยู่หรอกนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น

           เดรโกมองที่แก้มเนียนใสของเธอ ไล่ไปถึงดวงตาสีน้ำตาลที่หันมองไปทางอื่น เขายกมืออีกข้างที่ว่างยันกับกำแพง ทำให้ตอนนี้เธอต้องยืนเผชิญหน้า ในอ้อมแขนของคนร่างสูง เด็กสาวใจเต้นแรง เพราะแปลกใจกับการกระทำของเขาและระยะห่างที่อยู่ใกล้กันมากจนเธอสามารถได้กลิ่นหอมเจือจางจากเขา

    เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆหันไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขาตรงๆ

           “ก็เพราะมันมืดไง ฉันถึงไม่อยากอยู่คนเดียว” เดรโกกระซิบเสียงเบา

           ไม่มีความรู้สึกเย้าหยอกใดๆแอบซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเขา เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาตอนนี้มองทะลุเข้าไปในดวงตาสีซีดตรงหน้า ราวกับว่าเธอได้เห็นเดรโกอีกคน เขาดูเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ความรู้สึกบางอย่างบ่งบอกให้เธอรู้ว่าเขาไม่เหมือนเดิม สิ่งที่เขาพูดมันหมายความว่ายังไง เธออยากจะถามเขา แต่ความลังเลฉุดรั้งไม่ให้เธอได้เอ่ยออกไป คำพูดของเขาเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ความรู้สึกของเขามันซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะเข้าใจได้ แต่เธอมั่นใจว่าวูบหนึ่งในดวงตาของเขา เธอเห็นความเจ็บปวด ความโดดเดี่ยว ความเสียใจ ความโศกเศร้าปรากฏอยู่ ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นความเย็นชา แต่มันก็แค่ชั่ววูบ ซึ่งเธอไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง คนแบบเขาน่ะหรอ จะรู้สึกอะไรมากมายขนาดนั้นได้ อันที่จริง...เธอแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ๆเดรโกก็ยอมขอโทษเธอ เป็นเรื่องที่ยากมากพอๆกับที่จะให้เธอขอโทษเขาเช่นกัน

           ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่คิดอยู่ในใจ เดรโกกลับจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ เขาอยากรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เธอจะรู้หรือไม่ว่าที่เขาพูดออกไปนั้น มันหมายถึงอะไร ใจหนึ่งเขาไม่อยากให้เธอรู้ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็ปรารถนาจะให้เธอรับรู้เหมือนกัน โดยที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร เขาถึงคิดแบบนั้น แต่ในขณะที่เขาพูด ความรู้สึกเหล่านั้นต่างส่งผ่านมาทางดวงตาสีซีดของเขาอย่างช่วยไม่ได้ และเขาต้องพยายามปกปิดมันจากสายตาของเธอ

    นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้จับจ้องเธอนานที่สุด และมันทำให้เด็กหนุ่มได้รู้ว่า เขาไม่เคยสังเกตเธอจริงจัง ทุกครั้งที่เขามองเด็กสาวคนนี้ เขามักจะมองผ่านความอคติทางสายเลือด แต่ในเมื่อตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เดรโกได้มองเธออย่างใกล้ชิด เต็มตา โดยปราศจากความเกลียดชัง และได้รู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ดูดีมากขนาดไหน ผมสีน้ำตาลของเธอไม่ได้หยิกฟูเหมือนแต่ก่อน แต่มันเป็นลอนหนาสลวย ผิวขาวเนียนสีชมพูระเรื่อดูน่าหลงใหล ดวงตาสีน้ำตาลที่ประกายอยู่ในความมืด และริมฝีปากสีกุหลาบที่น่าสัมผัส

           เดรโกมองริมฝีปากคู่นั้นอย่างสั่นไหว ลมหายใจถี่ๆของเขาดังเล็ดลอดเบาๆออกมาจากริมฝีปากของเขา เฮอร์ไมโอนี่ยืนนิ่งในขณะที่สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากของเขา ร่างสูงยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้เธอช้าๆ เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นที่ริมฝีปากของเขาจะประทับกับริมฝีปากสีอวบอิ่มของเธอ เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอดึงกระเป๋าสะพายมากันอกแกร่งของเขาไว้ เพื่อเป็นฝ่ายเรียกสติกลับมา พลางหันหน้าหนี ปลายจมูกของเขาจึงสัมผัสเบาๆอยู่ที่แก้มสีระเรื่อของเธอ เดรโกยืนนิ่ง ความสับสนวิ่งวนอยู่ในดวงตาสีซีด

           ฉันทำอะไรลงไปวะเนี่ย

           เด็กหนุ่มคิดทั้งที่ปลายจมูกของเขายังสัมผัสอยู่ที่แก้มของเธอ กลิ่นหอมอ่อนๆลอยผ่านจมูกของเขาไป เดรโกสูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างแผ่วเบา เหมือนกับจะเรียกให้กลิ่นนั้นกลับมาหาเขาอีกครั้ง

           “เดรโก...”

           เฮอร์ไมโอนี่กระซิบเรียกเขาเบาๆด้วยน้ำเสียงสั่นๆ และยืนตัวชา เดรโกเบนสายตาไปที่ดวงตาสีน้ำตาลของเธอที่มีแววหวาดผวาฉายชัดอยู่ เธอดันอกเขาเบาๆ แต่สายตายังหันไปทางอื่น เด็กหนุ่มยอมถอยหลังออกห่างจากตัวเธอ เฮอร์ไมโอนี่ยืนก้มหน้าราวกับจะซ่อนความหวาดกลัวนั้นเอาไว้ เธอกลัวว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีกับเธอ แต่แล้วเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อเด็กหนุ่มกล่าวคำนั้นออกมา

           “ขอโทษ...” เดรโกเอ่ยเบาๆราวกับเสียงกระซิบ โดยไม่สบตา ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าหงุดหงิดและสับสน เขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้นกับเธอ

           แม้น้ำเสียงของเขาจะฟังดูแข็งกร้าว แต่ก็สร้างความประหลาดใจให้กับเธอไม่น้อย เฮอร์ไมโอนี่ยืนพิงกำแพงและนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีนี้อย่างไม่เข้าใจ และไม่น่าเชื่อเลยว่ามันได้เกิดขึ้นจริง 

     

    ……………….

     

    ----To be continue----

     

    Next chapter: อาการแปลกๆ

    >>>> >>>> >>>>

     

    มาอัพต่อให้เลยค่ะ โทษฐานที่หายไปนาน

    กำลังแต่งให้จบเร็วๆแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ก็คิดนิยายเรื่องใหม่เอาไว้ด้วย ซึ่งยังไม่ได้เริ่มแต่ง

    แล้วก็มีนิยายเรื่องสั้นอีกสองเรื่องที่พร้อมจะเอามาลงแล้วด้วยนะคะ

    เรื่องนึงเป็นคู่เดร/เฮอ อีกเรื่องเป็นเรื่องจริงของไรท์เองค่ะ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเอามาลงดีมั้ย

    ยังไงก็ขอความคิดเห็นด้วยนะคะ สำหรับตอนนี้กับนิยายเรื่องสั้นที่ไม่แน่ใจว่าจะเอามาลงน่ะค่ะ

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×