คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : กลับบ้าน
ร่มสีดำ : ตอนที่3 กลับบ้าน
หลังจากที่ผมวิ่งกลับบ้านตลอดทางโดยไม่ได้หุบร่มเลย เพราะอะไรหรอครับ? มันหุบไม่ได้น่ะซิ เป็นอะไรที่แย่อยู่แล้ว เพราะมีแต่คนมองตลอดทางที่ผ่านร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารกลางทาง และหลายๆอย่าง ทุกคนคงคิดว่าผมบ้าไปแล้วล่ะนะ แต่ที่ผมรู้สึกแย่กว่าก็คือ.......มีทั้งวิญญาณทั้งผีตายโ หงและพวกสัมภเวสีวิ่งตามผมมาตลอดทางเลย แง๊!!!จะบ้าตายเหนื่อยก็เหนื่อย หยุดวิ่งก็ไม่ได้ทำยังไงดีคร้าบบบบบ....T^T
“เฮ้ย!เจ้าหนูเห็นข้าด้วยหรอวะ ช่วยข้าหน่อยยย”
“ขอส่วนบุญหน่อยสิ........ทำบุญให้ข้าด้วยยยยย”
“หนาว...หนาวเหลือเกิน ช่วยด้วย.......”
“แค้น.....แค้นเหลือเกินไอ้บ้าที่ไหนมายิงข้าวะ....”
“แย่จริงๆเลย......ไม่น่าขับมอไซต์เร็วเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นอย่างนี้...”
“กูจะฆ่าพวกมึงให้หมด...ให้สมที่พวกมึงฆ่ากู”
“ชั้นจะฆ่าแก....เพราะแกชั้นถึงไม่ไปผุดไปเกิด.....ชั้นจะแกไปอยู่ด้วย”
ฯลฯ
หลากหลายเสียงที่ได้ยินตลอดเวลาทางกลับบ้าน.....มันทำให้ผมกลัวมากๆ แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าถ้าเราทำอะไรไม่ดีหรือประมาณกับชีวิต ผมคงต้องพบจุดจบเหมือนกับคนพวกนี้แน่ๆเลย ผมวิ่งถึงหน้าบ้านแล้ว...ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรรีบเปิดประตูและปิดทันที ทำให้พวกผีที่วิ่งตามมาเป็นขโยงเข้าบ้านไม่ได้เพราะอะไรน่ะรึครับ?? เพราะบ้านผมมีศาลพระภูมิไงล่ะครับ ผมรีบวิ่งเข้าบ้านปิดประตูและแอบส่องหน้าประตูผ่านหน้าต่าง พวกผีที่ตามผมมาทำท่าทางผิดหวัง และเดินกลับไปบ้าง หายตัวไปบ้าง คิดลัวขนลุกขนชัน ทำไมผมถึงต้องเห็นคนเดียวเนี่ย ผมนั่งถอนหายใจบนโซฟาและพอนึกขึ้นได้ ร่มสีดำนั้นก็หุบลงไปแล้ว ผมรีบวางไว้บนโต๊ะรับแขกโดยเอาไว้ห่างตัวให้ไกลที่สุด ผมเอามือก่ายหน้าผาก....
“ถ้าเราช่วยคนพวกนั้นให้ไปเกิดใหม่ได้.......ก็คงจะดีสินะ จะได้ไม่ต้องทรมานอย่างนี้?”
“มานั่งเพ้อะเมออะไรของพี่เนี่ย...”
ผมหันไปหาต้นเสียง.....เป็นเสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเองครับ เธอชื่อว่า”สตางค์”เธอเรียนอยู่ชั้น ม.2 เธอย้ายมาอยู่บ้านกับผมตั้งแต่เธอมาเข้า ม.1 อ้อ..ลืมบอกไปนะครับในบ้านหลังนี้มีแค่ผมกับสตางค์เท่านั้นนะครับ เพราะพ่อกับแม่ของผมไปทำงานที่อื่น ต้องรอสิ้นเดือนถึงจะกลับมาทีนึงครับ......
“ครูสอนพิเศษพี่โทรมาที่บ้านอ่ะว่าทำไมพี่ไม่ไปเรียน”
“คือ......คือพี่ติดฝนนิดหน่อยนะลัวระหว่างทางกลับมาก็เกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะ”
“เรื่องอะไรหรอพี่??”
“ก็.....ไม่มีอะไรมากหรอกนะคือไปช่วยงานตำรวจเขาอย่าใส่ใจเลยนะ”
“อ่าจ้าๆ หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีสินะคะ?”
“อ.....อื้อๆ หิวแล้วอ่ะมีอะไรให้กินบ้าง?”
“อยู่ในครัวค่ะพี่”
พอสิ้นเสียงผมก็ลุกเข้าไปกินข้าวในครัว โดยไม่รู้ว่าน้องของผม เธอกำลังสงสัยกับร่มคันสีดำ เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วก็ทำท่าจะกางมันออกมา ผมเหลือบไปเห็นพอดีจึงตกใจ
“อย่านะตังค์!!!!!”
พูดไม่ทันจบเธอก็กดตะขอเปิดร่มออกมา ในใจผมกลัวว่าหากเธอกางขึ้นมาอาจจะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นก็เป็นได้.....แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่านั้นเสมอไป ร่มที่เธอกดตะขอเปิดมัน มันไม่กางออกเลยสักนิด มันเลยทำให้ผมรู้สึกโล่งใจเอามากๆ
“ขอโทษค่ะพี่.......ร่มมันเสียหรอ??”
เธอพูดพลางวางร่มไว้ที่เดิม
“ก็นะ......พอดีร่มคันนี้มันไม่ใช่ของพี่อ่ะนะ มีคนให้พี่มาน่ะ”
“อื้มๆ”
เธอพูดจบ ก็เดินขึ้นห้องไปโดยบอกให้ผมปิดไฟ ปิดประตูให้เรียบร้อย ..........เวลาล่วงเลยผ่านถึง5ทุ่มกว่าๆหลังจากที่ผมทำกิจวัตรเสร็จแล้วก็เตรียมตัวเข้านอน โดยสตางค์นั้นเธอนอนอยู่ข้างห้องติดกับผม ผมกระโดดขึ้นเตียงไปทำท่าว่าจะนอนแต่เหลือบไปเห็นสิ่งที่ผิดปกติอย่างหนึ่ง.......ร่ม!!!!มันมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของผมได้ยังไง!เพราะที่เห็นก่อนหน้านั้นคือก่อนผมเข้าห้องมันยังอยู่ที่โต๊ะรับแขกอยู่เลย.......ผมรีบหันตัวหนีไปทางอื่นแล้วพยายามข่มตาหลับ โดยยังไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกัน.....
รุ่งเช้า.........ผมตื่นขึ้นมาวันนี้เป็นเวรของผมที่ต้องทำอาหารเช้าให้สตางค์ทาน โดยเมนูวันนี้ผมจะทำโจ๊กหมูใส่ไข่ให้เธอกับผมทาน พอทำเสร็จผมจึงขึ้นไปเรียกเธอที่ห้องว่าอาหารเช้าเสร็จแล้ว.....จากนั้นผมจึงไปทำกิจวัตรของผมเช่นเดิม เวลา 6โมงครึ่งกว่าๆ ผมจึงลงมากินโจ๊กที่ผมทำไว้พร้อมกับสตางค์ 7โมงกว่าๆพวกเราสองคนก็เตรียมตัวออกจากบ้าน ผมกำลังจะเดินออกจากบ้านมาแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าลืมร่มนั่นไว้บนบ้านแต่ก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อมันแขวนอยู่ในกระเป๋าของผม และมันก็ทำท่าทางว่าจะกางออกมาเอง ด้วยความที่สตางค์ยังไม่รู้เรื่องอะไรผมจึงรีบบอกเธอว่า...
“สตางค์....เธอเดินไปโรงเรียนก่อนเลยนะเดี๋ยวพี่ตามไป”
“อ่าว....ทำไมหรอพี่”
“พอดีพี่ลืมของไว้ในบ้านน่ะ แต่ไม่รู้อยู่ตรงไหนก็ว่าน่าจะหานานหน่อยน่ะ”
“งั้น...ให้ตังค์ช่วยหาไหม?”
“ไม่ต้องหรอก....รีบไปเถอะนะ”
สิ้นเสียงของผมเธอจึงเดินออก โดยที่ผมพยายามกำร่มไว้แน่นเพื่อไม่ให้มันกางออกเอง พอเธอลับตาผมไปผมจึงปล่อยให้ร่มมันกางเองแล้วมือของผมก็จับมันและกางขึ้นเหนือหัวผมเองเอาซะอย่างนั้น! ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าผมหลังจากที่ผมกางร่มแล้วคือ......เห็นชายแก่คนหนึ่งใส่ชุดสีขาวสะอาด ดูท่าทางน่าเคารพ ผมจึงเข้าไปไหว้และถาม
“สวัสดีครับ....เอ่อ..ลุงเป็นใครหรอครับ??”
“ถามมาได้นะ...ชั้นก็คือเจ้าที่ของบ้านนี้ไง..”
คำตอบนั้นทำเองผมตกใจอยู่สักพักโดยไม่นึกเลยว่าจะได้เจอกับเจ้าที่บ้านอย่างนี้
“แล้วเจ้าเห็นชั้นได้ยังไงล่ะเนี่ย?”
“คือว่า.....เพราะผมถือร่มคันนี้อยู่ล่ะมั้งครับ?”
“เอ้อ...แปลกดีเหมือนกันนะ ยังไงก็รีบไปโรงเรียนซะเถอะ”
“อ๊ะ....ครับขอบคุณมากครับ ยังไงก็ฝากดูแลบ้านด้วยนะครับ”
“ไว้วางใจชั้นเถอะ ชั้นทำหน้าที่นี้มานานแล้ว ไปเถอะๆ”
สิ้นเสียงพูดคุยกันผมรีบวิ่งออกมาจากบ้านเพื่อตามให้ทันสตางค์ พลางหุบร่มและถือมาตลอดทาง เมื่อพบกับสตางค์แล้วเธอจึงถามผมขึ้นว่า
“ลืมของอะไรหรอพี่”
“ของน่ะไม่ได้ลืมไว้หรอกนะ”
“อ่าว...แล้วลืมอะไรล่ะพี่??”
ผมยิ้ม
“ลืมไหว้เจ้าที่น่ะ”
“ง่ะ.....พี่ท่าทางจะแปลกไปทุกทีแล้วนะ....หนูกลัว”
“ฮ่าๆๆเอาเถอะๆ”
บางทีการได้พบเจอกับอะไรใหม่ๆก็เป็นเรื่องที่ดีมากอย่างหนึ่งแต่จะมีใครรู้ล่ะครับว่าหลังจากนี้ไปผมจะพบกับอะไรมาบ้าง กฃแล้วเราจะดำเนินชีวิตต่อจากนี้ไปอย่างไร เราควรจะเตรียมใจ้ผื่อไว้บ้างนะครับ ในตอนนี้ผมรู้สึกอยากจะรู้จักมักคุ้นกับสิ่งที่มนุษย์ไม่เห็นให้มากกว่านี้จัง จะได้รู้ว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง แต่ยังไงผมก็ยังกลัววผีอยู่ดีนะ
ความคิดเห็น