ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร่มสีดำกับเรื่องราวอาถรรพ์ (Rewrite)

    ลำดับตอนที่ #3 : กลับบ้าน

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 57


    ร่มสีดำ : ตอนที่3 กลับบ้าน

    หลังจากที่ผมวิ่งกลับบ้านตลอดทางโดยไม่ได้หุบร่มเลย เพราะอะไรหรอครับ?  มันหุบไม่ได้น่ะซิ เป็นอะไรที่แย่อยู่แล้ว เพราะมีแต่คนมองตลอดทางที่ผ่านร้านสะดวกซื้อ  ร้านอาหารกลางทาง และหลายๆอย่าง  ทุกคนคงคิดว่าผมบ้าไปแล้วล่ะนะ  แต่ที่ผมรู้สึกแย่กว่าก็คือ.......มีทั้งวิญญาณทั้งผีตายโ หงและพวกสัมภเวสีวิ่งตามผมมาตลอดทางเลย   แง๊!!!จะบ้าตายเหนื่อยก็เหนื่อย หยุดวิ่งก็ไม่ได้ทำยังไงดีคร้าบบบบบ....T^T

     

    “เฮ้ย!เจ้าหนูเห็นข้าด้วยหรอวะ  ช่วยข้าหน่อยยย”

    “ขอส่วนบุญหน่อยสิ........ทำบุญให้ข้าด้วยยยยย”

    “หนาว...หนาวเหลือเกิน ช่วยด้วย.......”

    “แค้น.....แค้นเหลือเกินไอ้บ้าที่ไหนมายิงข้าวะ....”

    “แย่จริงๆเลย......ไม่น่าขับมอไซต์เร็วเลย  ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นอย่างนี้...”

    “กูจะฆ่าพวกมึงให้หมด...ให้สมที่พวกมึงฆ่ากู”

    “ชั้นจะฆ่าแก....เพราะแกชั้นถึงไม่ไปผุดไปเกิด.....ชั้นจะแกไปอยู่ด้วย”

    ฯลฯ

    หลากหลายเสียงที่ได้ยินตลอดเวลาทางกลับบ้าน.....มันทำให้ผมกลัวมากๆ แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าถ้าเราทำอะไรไม่ดีหรือประมาณกับชีวิต   ผมคงต้องพบจุดจบเหมือนกับคนพวกนี้แน่ๆเลย    ผมวิ่งถึงหน้าบ้านแล้ว...ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรรีบเปิดประตูและปิดทันที    ทำให้พวกผีที่วิ่งตามมาเป็นขโยงเข้าบ้านไม่ได้เพราะอะไรน่ะรึครับ?? เพราะบ้านผมมีศาลพระภูมิไงล่ะครับ  ผมรีบวิ่งเข้าบ้านปิดประตูและแอบส่องหน้าประตูผ่านหน้าต่าง  พวกผีที่ตามผมมาทำท่าทางผิดหวัง  และเดินกลับไปบ้าง  หายตัวไปบ้าง  คิดลัวขนลุกขนชัน   ทำไมผมถึงต้องเห็นคนเดียวเนี่ย   ผมนั่งถอนหายใจบนโซฟาและพอนึกขึ้นได้ ร่มสีดำนั้นก็หุบลงไปแล้ว    ผมรีบวางไว้บนโต๊ะรับแขกโดยเอาไว้ห่างตัวให้ไกลที่สุด  ผมเอามือก่ายหน้าผาก....

     

    “ถ้าเราช่วยคนพวกนั้นให้ไปเกิดใหม่ได้.......ก็คงจะดีสินะ  จะได้ไม่ต้องทรมานอย่างนี้?”

     

    “มานั่งเพ้อะเมออะไรของพี่เนี่ย...”

    ผมหันไปหาต้นเสียง.....เป็นเสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเองครับ   เธอชื่อว่า”สตางค์”เธอเรียนอยู่ชั้น ม.2  เธอย้ายมาอยู่บ้านกับผมตั้งแต่เธอมาเข้า ม.1  อ้อ..ลืมบอกไปนะครับในบ้านหลังนี้มีแค่ผมกับสตางค์เท่านั้นนะครับ เพราะพ่อกับแม่ของผมไปทำงานที่อื่น ต้องรอสิ้นเดือนถึงจะกลับมาทีนึงครับ......

     

    “ครูสอนพิเศษพี่โทรมาที่บ้านอ่ะว่าทำไมพี่ไม่ไปเรียน”

    “คือ......คือพี่ติดฝนนิดหน่อยนะลัวระหว่างทางกลับมาก็เกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะ”

    “เรื่องอะไรหรอพี่??”

    “ก็.....ไม่มีอะไรมากหรอกนะคือไปช่วยงานตำรวจเขาอย่าใส่ใจเลยนะ”

    “อ่าจ้าๆ  หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีสินะคะ?”

    “อ.....อื้อๆ  หิวแล้วอ่ะมีอะไรให้กินบ้าง?”

    “อยู่ในครัวค่ะพี่”

    พอสิ้นเสียงผมก็ลุกเข้าไปกินข้าวในครัว  โดยไม่รู้ว่าน้องของผม เธอกำลังสงสัยกับร่มคันสีดำ เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วก็ทำท่าจะกางมันออกมา   ผมเหลือบไปเห็นพอดีจึงตกใจ 

     

    “อย่านะตังค์!!!!!

    พูดไม่ทันจบเธอก็กดตะขอเปิดร่มออกมา ในใจผมกลัวว่าหากเธอกางขึ้นมาอาจจะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นก็เป็นได้.....แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่านั้นเสมอไป  ร่มที่เธอกดตะขอเปิดมัน มันไม่กางออกเลยสักนิด มันเลยทำให้ผมรู้สึกโล่งใจเอามากๆ

     

    “ขอโทษค่ะพี่.......ร่มมันเสียหรอ??”

    เธอพูดพลางวางร่มไว้ที่เดิม

    “ก็นะ......พอดีร่มคันนี้มันไม่ใช่ของพี่อ่ะนะ มีคนให้พี่มาน่ะ”

    “อื้มๆ”

    เธอพูดจบ ก็เดินขึ้นห้องไปโดยบอกให้ผมปิดไฟ ปิดประตูให้เรียบร้อย ..........เวลาล่วงเลยผ่านถึง5ทุ่มกว่าๆหลังจากที่ผมทำกิจวัตรเสร็จแล้วก็เตรียมตัวเข้านอน  โดยสตางค์นั้นเธอนอนอยู่ข้างห้องติดกับผม   ผมกระโดดขึ้นเตียงไปทำท่าว่าจะนอนแต่เหลือบไปเห็นสิ่งที่ผิดปกติอย่างหนึ่ง.......ร่ม!!!!มันมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของผมได้ยังไง!เพราะที่เห็นก่อนหน้านั้นคือก่อนผมเข้าห้องมันยังอยู่ที่โต๊ะรับแขกอยู่เลย.......ผมรีบหันตัวหนีไปทางอื่นแล้วพยายามข่มตาหลับ  โดยยังไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกัน.....

    รุ่งเช้า.........ผมตื่นขึ้นมาวันนี้เป็นเวรของผมที่ต้องทำอาหารเช้าให้สตางค์ทาน โดยเมนูวันนี้ผมจะทำโจ๊กหมูใส่ไข่ให้เธอกับผมทาน   พอทำเสร็จผมจึงขึ้นไปเรียกเธอที่ห้องว่าอาหารเช้าเสร็จแล้ว.....จากนั้นผมจึงไปทำกิจวัตรของผมเช่นเดิม เวลา 6โมงครึ่งกว่าๆ ผมจึงลงมากินโจ๊กที่ผมทำไว้พร้อมกับสตางค์   7โมงกว่าๆพวกเราสองคนก็เตรียมตัวออกจากบ้าน  ผมกำลังจะเดินออกจากบ้านมาแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าลืมร่มนั่นไว้บนบ้านแต่ก็ต้องตกใจอีกครั้ง  เมื่อมันแขวนอยู่ในกระเป๋าของผม  และมันก็ทำท่าทางว่าจะกางออกมาเอง  ด้วยความที่สตางค์ยังไม่รู้เรื่องอะไรผมจึงรีบบอกเธอว่า...

     

    “สตางค์....เธอเดินไปโรงเรียนก่อนเลยนะเดี๋ยวพี่ตามไป”

    “อ่าว....ทำไมหรอพี่”

    “พอดีพี่ลืมของไว้ในบ้านน่ะ  แต่ไม่รู้อยู่ตรงไหนก็ว่าน่าจะหานานหน่อยน่ะ”

    “งั้น...ให้ตังค์ช่วยหาไหม?”

    “ไม่ต้องหรอก....รีบไปเถอะนะ”

    สิ้นเสียงของผมเธอจึงเดินออก โดยที่ผมพยายามกำร่มไว้แน่นเพื่อไม่ให้มันกางออกเอง   พอเธอลับตาผมไปผมจึงปล่อยให้ร่มมันกางเองแล้วมือของผมก็จับมันและกางขึ้นเหนือหัวผมเองเอาซะอย่างนั้น!  ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าผมหลังจากที่ผมกางร่มแล้วคือ......เห็นชายแก่คนหนึ่งใส่ชุดสีขาวสะอาด ดูท่าทางน่าเคารพ  ผมจึงเข้าไปไหว้และถาม

     

    “สวัสดีครับ....เอ่อ..ลุงเป็นใครหรอครับ??”

    “ถามมาได้นะ...ชั้นก็คือเจ้าที่ของบ้านนี้ไง..”

    คำตอบนั้นทำเองผมตกใจอยู่สักพักโดยไม่นึกเลยว่าจะได้เจอกับเจ้าที่บ้านอย่างนี้

     

    “แล้วเจ้าเห็นชั้นได้ยังไงล่ะเนี่ย?”

    “คือว่า.....เพราะผมถือร่มคันนี้อยู่ล่ะมั้งครับ?”

    “เอ้อ...แปลกดีเหมือนกันนะ   ยังไงก็รีบไปโรงเรียนซะเถอะ”

    “อ๊ะ....ครับขอบคุณมากครับ   ยังไงก็ฝากดูแลบ้านด้วยนะครับ”

    “ไว้วางใจชั้นเถอะ  ชั้นทำหน้าที่นี้มานานแล้ว ไปเถอะๆ”

     

    สิ้นเสียงพูดคุยกันผมรีบวิ่งออกมาจากบ้านเพื่อตามให้ทันสตางค์ พลางหุบร่มและถือมาตลอดทาง  เมื่อพบกับสตางค์แล้วเธอจึงถามผมขึ้นว่า

     

    “ลืมของอะไรหรอพี่”

    “ของน่ะไม่ได้ลืมไว้หรอกนะ”

    “อ่าว...แล้วลืมอะไรล่ะพี่??”

     

    ผมยิ้ม

    “ลืมไหว้เจ้าที่น่ะ”

    “ง่ะ.....พี่ท่าทางจะแปลกไปทุกทีแล้วนะ....หนูกลัว”

    “ฮ่าๆๆเอาเถอะๆ”

     

                    บางทีการได้พบเจอกับอะไรใหม่ๆก็เป็นเรื่องที่ดีมากอย่างหนึ่งแต่จะมีใครรู้ล่ะครับว่าหลังจากนี้ไปผมจะพบกับอะไรมาบ้าง  กฃแล้วเราจะดำเนินชีวิตต่อจากนี้ไปอย่างไร  เราควรจะเตรียมใจ้ผื่อไว้บ้างนะครับ  ในตอนนี้ผมรู้สึกอยากจะรู้จักมักคุ้นกับสิ่งที่มนุษย์ไม่เห็นให้มากกว่านี้จัง จะได้รู้ว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง แต่ยังไงผมก็ยังกลัววผีอยู่ดีนะ

     จบตอนที่ 3

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×