ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร่มสีดำกับเรื่องราวอาถรรพ์ (Rewrite)

    ลำดับตอนที่ #2 : สิ่งที่ได้กับสิ่งที่เจอ

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 57


    ร่มสีดำ : ตอนที่2 สิ่งที่ได้กับสิ่งที่เจอ

    ในเย็นวันนั้นเป็นไปตามคาดเลยครับ  ผมเดินออกมาจากโรงเรียนเพียงไม่แค่กี่เมตรฝนก็ตกปรอยๆลงมา  ผมรีบวิ่งฝ่าฝนไปหาที่หลบฝนเพื่อไม่ให้ตัวเองเปียกปอนไปมากกว่านี้   และผมก็ไปสะดุดตากับสถานที่หนึ่ง มันเป็นเหมือนตึกแถวร้างที่เสื่อมโทรม  ผมไม่รอช้ารีบวิ่งจ้ำอ้าวไปหลบฝน  พอไปถึงที่นั่นผมจึงหาที่ที่หลบไกลจากฝนได้  จากนั้นจึงบรรจงปาดน้ำฝนที่เปียกติดตัวออกพลางลูบและสะบัดหัวเพื่อไม่ให้เปียกและเป็นหวัด

     

    “ชิ!ไม่น่ารับปากทำเวรให้ไอ้เจ้าพวกนั้นเลย เวรตูก็ไม่ใช่นะ”

    ผมบ่นพึมพำพลางคิดในใจว่า ถ้าเราออกมาก่อนก็คงจะดีเพราะจะได้ไม่โดนฝนตกตามมา รู้ยังงี้น่าจะหาซื้อร่มมาพกติดตัวไว้นะ ยิ่งช่วงนี้หน้าฝนซะด้วย.....

    ผมยืนรอได้สัก 10นาทีฝนยิ่งตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมลนลานพลางควักมือถืออกมาดูเวลา ขณะนี้เวลา 4 โมงกับอีก 23 นาที อ๊ะแย่จริงๆเลย ผมยิ่งรีบด้วยกับการไปเรียนพิเศษในวันนี้  เพราะครูสอนพิเศษจะเริ่มสอนในเวลา 5 โมง มันทำให้ผมรู้สึกว่าเวลามันเหลือน้อยเต็มที  เพราะผมคิดอยู่เสมอว่าเวลาที่เสียไปนั้นมันเอากลับมาใช้ไม่ได้แล้ว  ผมนึกอยู่ในใจพลางคิดไปถึงเรื่องต่างๆนานา ที่เกิดขึ้นวันนี้ กับลุงแก่ปริศนาที่เข้ามาในห้องโดยไม่มีใครเห็นเลย มันเป็นไปได้ยังไงนะ? ทันทีที่ผมคิดถึงเรื่องนั้นมันกลับมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก  ผมจึงค่อยๆหันไปทางซ้ายของผม  โอ้ววว!!!พระเจ้าช่วย!!!!ลุงแก่ที่ผมเจอในห้องเรียนนั้นกำลังเดินมาทางนี้! ซึงผมจำได้ไม่ผิดแน่นอนเพราะร่มสีดำสนิทอันเป็นเอกลักษณที่ไม่น่าจดจำเลย ผมจึงรีบหันหน้ากลับทันควัน   ไม่กี่อึดใจลุงแก่คนนั้นก็ได้มาอยู่ข้างผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทิ้งระยะห่างไม่กี่ก้าวก็โดนตัว  ผมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจหรือหันหน้าไปมองเลย ในใจผมตอนนี้เต็มไปด้วยความกลัวที่บอกไม่ถูกว่าควรทำอย่างไรต่อกับชีวิตดี   เวลาผ่านไปนานมากจนไม่รู้ว่าเท่าไหร่ฝนก็ยังคงตกลงมาไม่มีท่าว่าจะหยุด โดยทิ้งความเงียบสงัดไว้ในบริเวณรอบๆตัวผม...

     

    ”เฮ้ย!ไอ้หนู”

     แค่เพียงเสียงทักทายออกมาทำลายความเงียบกลับทำให้ผมถึงกับสะดุ้งโหยงกันเลยทีเดียว อ...อะไรอ่าลุงคนยิ่งกลัวๆอยู่แท้ๆ  ผมค่อยๆหันไปหาลุงคนนั้น

     

    ”เอ็งอยากได้ร่มคันนี้ไหม?...”

    ลุงแกพูดสวนออกมาทำให้ผมนิ่งไปสักพักด้วยความกลัว..

    ”ข้าขอถามอีกครั้งนะ......เอ็งอยากได้ร่มคันนี้ไหม?...”

     

    ผมไม่รู้จะตอบลุงแกอย่างไรดี จึงพูดออกไปว่า

     

     

    ”เอ่อ....ค....คือ ถ้าลุงจะให้ร่มคันนี้ไป...ละ..แล้วลุงจะ....”

     

    ”ข้าจะวางร่มไว้ตรงนี้นะเข้าใจไหม!!!

    ลุงแกพูดสวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงใหญ่น่ากลัวผมเลยตกใจรีบหันหน้ากลับไป

     

    ”ค...ครับลุง”

    ผมกลัวไม่กล้าหันหน้าไปแต่ใจหนึ่งเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบไปเรียนพิเศษนี่หว่า...ผมเลยหันหน้าไปแล้วตั้งใจจะบอกกับลุงว่าขอติดร่มไปส่งหน่อยได้ไหม แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็มีแค่ร่มสีดำคันหนึ่งวางตรงพื้นอยู่  โดยรอบๆปราศจากลุงแก่คนนั้นเลย ผมจึงกวาดสายตาไปรอบๆว่าพอจะมีร่องรอยของรอยเท้าย่ำน้ำที่เดินเข้ามาและเดินจากไปหลงเหลืออยู่หรือไม่ แต่พื่นรอบๆนั้นมีเพียงแค่รอยเท้าของผมที่เดินเข้ามาและรอยน้ำฝนของร่มสีดำเท่านั้น!!  ผมตกใจทำอะไรไม่ถูก แต่เพราะมีหน้าที่ที่ต้องรีบไปเรียนพิเศษจึงพยายามไม่คิดเรื่องของลุงคนนั้น  ผมถอนหายใจพักนึงก่อนที่จะพึมพำกับตัวเอง

     

    ”ลุงครับผมขอยืมร่มไปก่อนนะครับ  แล้วเดี๋ยวจะเอาไปคืนให้นะครับ.....ถ้าผมเจอลุงนะ”

     

    พอบ่นจบผมจึงหยิบร่มสีดำขึ้นมา  ทันทีที่หยิบร่มมานั้นผมรับรู้สึกถึงพลังงานที่แผ่ออกมาจากร่ม  มันเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา สิ่งที่น่าขยะแขยง สิ่งที่เป็นอาถรรพ์ เต็มไปหมดเลย....ผมรับรู้ได้เลยว่าร่มนี่มันทั้งเบาและหนักมากในขณะที่มันจะขยับมาอยู่เหนือหัวของผม   ในที่สุดเงาร่มมันก็ทอดผ่านรอบๆตัวผมเรียบร้อยแล้ว  สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกได้ในตอนนั้นคือมันทำให้ผมเย็นหลังพร้อมกับลางสังหรณ์แปลกๆ

    ”ฮืออออออ....”

     

    เสียงอะไรอ่ะ มันดังมาจากไหนกัน! ผมพยายามหาต้นเสียงนั้น  มันเป็นเสียงผู้หญิงร้องไห้ที่ฟังแล้วน่าขนลุกมากๆแล้วพบกับ...ผู้หญิง! ผู้หญิง!! แมร่งมานั่งอยู่ข้างหลังตูตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!ทำเอาผมตกใจหมดเลย

     

     “เอ่อ....คือ..เป็นอะไรหรือครับ?ทำไมถึงมาอยู่ที่แบบนี้คนเดียวล่ะครับ?"

    ผมถามไป  ไม่มีเสียงตอบกลับมาเลย  มีแต่เสียงฮือออ....(คือเธอร้องไห้ตลอดเวลาเลย)ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงบอกไปว่า

     

    ”มีอะไรก็บอกผมได้นะครับคุณ...ผู้หญิงครับ”

    ผมบอกไปโดยหวังว่าเธอจะตอบกลับมา  โดยในใจผมกลัวเอามากๆเลยแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงยังกางร่มอยู่ตลอดเลย โดยไม่เอาร่มลงทั้งๆที่ยังไม่ได้ออกจากที่หลบฝน

     

     “คือ....คือว่าฉัน.......ถูกฆ่าตายอยู่ตรงนี้นะค่ะ”

     

    ”อ๋อ....ก็นึกว่าเรื่องอะ.....ไร....นี่......”

     

    ผมนิ่ไปเลยกับคำพูดของเธอคนนี้  สิ้นเสียงผมเธอก็ลุกพรวดขึ้นมา  ร่างกายเธอเต็มไปด้วยรอยแผลฟกช้ำและใบหน้าเธอเต็มไปด้วยเลือดสดๆ!!!

     

    “ว๊ากกกกกกกกก..........”

    ผมร้องสุดเสียง แต่ก้าวขาไม่ออกเลย ไม่รู้ทำไม  พระพุทธ  พระธรรม พระสงฆ์ ช่วยผมด้วยค้าบบบบ!!!(โอยย...ฉี่จะแตก)

     

     “ใจเย็นๆสิคะคุณ ฉันยังไม่ได้ทำอไรเลย”

     

    ”ฮือออ......คุณคุยกับผมใช่ไหมครับ  คุณต้องการอะไรจากผมครับ ฮืออออออ......เดี๋ยวจะทำบุญไปให้นะครับอย่ามาหลอกหลอนผมเลยคร้าบบบบ...”

     

     “คือว่ามีเรื่องให้ช่วยหน่อยอ่าค่ะ”

     

     “คับผม....ยินดีช่วยครับ..ฮือออ(ผีคุยด้วยนี่ครั้งแรกจริงๆ)”

     

     “คือว่า....ศพของฉันอ่ะค่ะ เขายังไม่พบศพของฉันเลย..คุณช่วยโทรบอกตำรวจได้ไหมคะว่า ศพถูกซ่อนไว้ในตึกนี้ค่ะ “

     “ดะ....ได้ครับผม”

     

     ในใจผมกลัวจนไม่รู้วัน เวลา สภาพอากาศ หรือแม้แต่เบอร์ตำรวจเลยสักนิด แต่ไม่รู้ทำไมมือของผมกลับควักมือถือออกมากดโทรไปหาตำรวจ.......... ผมถือสายรอสักพักจนตำรวจรับโทรศัพท์ และบอกสถานที่เกิดเหตุพร้อมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับศพด้วย ซึ่งซักพักไม่นานนักพร้อมกับสติที่เหม่อลอยไม่รู้ว่านานเท่าใดตำรวจก็มาถึงและเข้ามาสะกิดผม  ผมจึงแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับศพของหญิงสาวดังกล่าว  ซึ่งสักพักก็ค้นเจอศพดังกล่าวภายในอาคารในสภาพขึ้นอืดประมาณ 2-3วันแล้ว  อ๊อก!!!แทบช็อค!

     

     “นี่น้องไปรู้เรื่องแบบนี้มาจากไหนนะ ทางญาติเขาแจ้งคนหายแล้วต่อมา  แฟนของผู้หญิงคนนี้ก็ออกมาสารภาพเกี่ยวกับการฆ่าเธอคนนี้  แต่ไม่ยอมบอกว่าเอาศพไปซ่อนที่ไหน น้องนี่เป็นพลเมืองดีจริงๆ”

     

    ตำรวจนายหนึ่งมาเล่ารายละเอียดให้ผมฟัง ทำให้ผมผ่อนคลายความกลัวได้เล็กน้อย.....ผมจึงหันไปรอบๆแล้วก็พบหญิงสาวคนดังกล่าวในสภาพที่ดูเป็นคนสวยคนหนึ่งมาเลย

     

    ”ขอบคุณมากนะคะน้อง ถ้าไม่ได้น้องช่วยพี่คงไม่รู้จะต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าใด พี่คงต้องไปแล้วล่ะนะ ขอบคุณมากเลยสำหรับสิ่งนี้นะ”

     

    สิ้นเสียงหญิงสาวในร่างวิญญาณเธอก็อันตรธานหายไป  ทำให้ผมได้คิดว่าถ้าเกิดเราไม่ได้เจอเธอ เธอก็คงต้องทรมานไปอีกนานแน่ๆ 

     

    “ไม่มีอะไรแล้วน้องครับ ขอบคุณมากเลยที่ให้ความร่วมมือกับตำรวจ กลับบ้านซะนะมันดึกมากแล้ว”

     

     ตำรวจคนเดิมเดืนเข้ามาบอกผม

     

     “อ๊ะครับขอบคุณครับ”

     

    ”แล้วก็..น้องหุบร่มได้แล้วมั้ง?  นี่ฝนก็หยุดตกแล้ว”

     

     “อ่อวครับ  ขอบคุณครับ”

    พอทุกอย่างเข้าที่ ตำรวจก็เดินทางกลับทิ้งไว้ให้ผมอยู่คนเดียว.....ผมจึงนึกขึ้นได้ว่านี่กี่โมงแล้ว ผมเลยควักโทรศัพท์ออกมา

     

     “ว๊ากกกก....สองทุ่มกว่าแล้วหรือเนี่ย.....ไปเรียนพิเศษไม่ทันแล้ว! ทำไงดีวะ”

     

    ผมคิดอยู่พักนึง จึงนึกขึ้นได้ว่ารอบๆบรรยากาศมันวังเวงมากๆแล้วตูก็ยังอยู่คนเดียวอีก  ผมจึงรีบวิ่งกลับบ้านอย่างรวดเร็ว.....

                                                   

    ในระหว่างทางที่วิ่งนั้นในมือผมยังคงกางร่มอยู่ตลอดเวลา โดยคิดไปในใจว่า อะไรที่ทำให้เราเจอกับเหตุการณืแบบนี้กันนะ? อาจจะเป็นเพราะลุงคนนั้นหรืออาจจะเป็นเพราะร่มคันนี้  หรือว่าเป็นเพราะโชคชะตาที่ทำให้ผมเจอเรื่องแบบนี้กันนะ??.....ขนลุกไม่หายเลย

    จบตอนที่ 2

     

     

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×