คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ปาร์ตี้ของสาวกสีดำ
ร่มสีดำ : ตอนที่ 6 ปาร์ตี้ของสาวกสีดำ
รถเมล์ประจำสายของโรงเรียนแล่นมาจอดที่หน้าห้างสรรพสินค้าเซนทรัล ซึ่งเป็นที่ที่รถเมล์คันนี้จอดเป็นประจำทุกๆวัน ยังไม่พอครับ อีกอย่างยังเป็นที่ชื่นชอบสำหรับนักเรียนทุกๆคนที่มารอผู้ใหญ่มารับ ซึ่งตัวผมก็นานๆทีจะมาครับ หลังจากนั้นผมกับแจ๊คก็ลงรถเมล์พร้อมกับนักเรียนส่วนใหญ่แล้วแจ๊คก็นำทางไปด้านข้างของห้างอีกที เลี้ยวเข้าซอยอีก 2 ซอยแล้วจึงเห็นเป็นบ้านหลังเล็กๆซึ่งตกแต่งเต็มไปด้วยต้นไม้ประดับ และมีหมีตัวใหญ่ตั้งอยู่ปากประตูละมีป้ายใหญ่ๆเขียนชื่อร้านว่า”ค๊อฟฟี่ พี่หมีใหญ่”
ก่อนที่พวกผมจะเดินเข้าไปในร้าน ผมเผอิญนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้โทรบอกสตางค์เลย ผมจึงควักโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงแล้วหาเบอร์ของสตางค์ เอ้อ!ผมลืมบอกไปครับ...สตางค์เธอเป็นนักกีฬาว่ายน้ำตัวประจำโรงเรียนเลยแหละครับ เรื่องความเร็วกับความอึดนี่ไม่ต้องถามเลยครับ...ผมยังสู้เธอไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“แจ๊ค...รอแปบนึง......ตูโทรบอกน้องแปบนึง”
เสียงที่ผมทักแจ๊คทำให้มันหยุดรอที่หน้าประตูร้าน
ตู๊ด.......ตู๊ด........คลิ๊ก!
“โหลๆ...ตังค์หรอ?”
“ค่ะพี่...มีอะไรหรอคะ หนูกำลังจะลงสระพอดีเลย”
“พอดีพี่มาทำธุระในเมืองนี่หน่อยนะ....อาจจะกลับดึกหน่อย หาข้าวเย็นทานเองนะ”
“ง่ะ.....พี่ไปทำอะไรอีกล่ะเนี่ย”
“เอาน่าๆ ดูแลตัวเองละกัน.....หาไรทานด้วยล่ะถ้าถึงบ้านก็โทรบอกพี่ด้วยนะ”
“อ่า..ค่าพี่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ...เจอกันค่า จุ๊บๆ”
“อือๆ”
ผมวางสายและเก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋ากางเกงที่เดิมพลางหันไปหาแจ๊ค พบกับสายตาอิจฉาที่มองผมมา ผมถึงกับผงะแล้วจึงถามไอ้แจ๊ค
“เป็นเห้อะไรของเอ็งวะ?”
“ตูอิจฉาเอ็งฟร่ะ”
“อิจฉาอะไรวะ?”
“ลองคิดดูสิอยู่บ้านกับน้องสองคนแถมสวยด้วยไม่พอยังเป็นนักกีฬาโรงเรียนอีก โชคอะไรจะเข้าข้างเอ็งขนาดนี้”
“เออๆน้องตูนะคับ”
บทสนทนาของพวกผมจบลงแล้วเดินเข้าไปในร้าน.......สภาพภายในร้านตกแต่งเน้นด้วยสีเหลืองโทนน้ำตาลและที่สำคัญเต็มไปด้วยตุ๊กตาหมี,ของสะสมของหมี,โปสเตอร์หมี ฯลฯ สารพัดเกี่ยวกับหมี จากนั้นก็มีพนักงานแต่งตัวด้วยชุดเมดคาเฟ่ออกมาต้อนรับ ใบหน้าของเธอเรียวเล็กตาตี่มัดผมทรงทวินเทลสีน้ำตาลอ่อนและที่สำคัญยังใส่แว่นกรอบสีขาวอีกด้วย โอ้วววว....อย่างกับคอสเพลญี่ปุ่นเลยครับ
“ท่านลูกค้า...มาที่นี่ต้องการอะไรรึเปล่าคะ?....เชิญสั่งมาได้เลยค่า ^ ^”
น่ารักมากมายเลยครับ ทำเอาผมกับไอ้แจ๊คตกอยู่ในภวังค์พักนึง
“เอ่อ....ท่านลูกค้าคะ “= =”
“ค...ครับ คือว่าที่นี่มีการจัดงานเกี่ยวกับบัตรเชิญนี้รึเปล่าครับ?”
ไอ้แจ๊คตั้งสติได้จึงถามพนักงานสาวพลางยื่นบัตรเชิญจากกระเป๋าเสื้อให้ดู ส่วนผมก็ยังคงมองเธอคนนี้อยู่ =[]=
“อ่อๆ...ค่าๆขอความกรุณาตามดิฉันมาด้วยนะคะ”
ไอ้แจ๊คกำลังจะเดินตามพนักงานสาวไป มันก็ดึงแขนเสื้อผมเพื่อลากกลับไปด้วย พวกเราเดินกันไปที่ระเบียงข้างๆร้าน ทางซ้ายเป็นห้องหลายๆห้องที่ดูแล้วน่าจะเป็นห้องรับแขกส่วนตัวของร้าน ส่วนด้านขวาถูกจัดตกแต่งเป็นสวนหย่อม ที่มีต้นไม้ประดับ และยังมีรูปปั้นหมีหลายตัว หลายท่าทางกระจัดกระจายเต็มสวนหย่อม ผมดูแล้วก็แปลกตาและดูน่าสนใจดี พนักงานสาวผู้ใส่ชุดเมดคาเฟ่พามาที่ห้องที่ 3 ป้ายหน้าห้องได้เขียนว่า “ปาร์ตี้เรื่องลี้ลับ กับอาคารร้าง 10 ปี เชิญด้านในครับ (โปรดแสดงบัตรในขณะเข้าห้องด้วย) ” ผมกับไอ้แจ๊คมองหน้ากันและกระซิบคุยกัน
“แจ๊ค.......เอ็งแน่ใจนะว่าจะเข้าไปตูชักเขินๆยังไงไม่รู้ว่ะ”
“นั่นสิวะ.....อุตส่าห์มาแล้วก็ลองเข้าไปหน่อยก็ได้นะ....มั้ง?”
“มั้ง?...ทำไมวะไอ่แจ๊ค”
“คุยอะไรกันอยู่หรอคะ??”
เสียงของพนักงานสาวเมดถามกลับมาทำเอาพวกผมสะดุ้งเลยทีเดียว ผมจึงรีบตอบกลับไป....
“ไม่มีอะไรค...ครับ ขอบคุณมากเลยนะครับที่มาส่ง ว่าแต่คุณชื่อ....”
สายตาผมที่มองหน้าของพนักงานสาวเลื่อนลงมามองที่หน้าอกที่ติดป้ายชื่อไว้ แต่เหมือนเธอจะทำท่าทางเขินอายจึงรีบเอามือมาปิดที่หน้าอกเอาไว้ทำให้ไม่เห็นชื่อ
“นี่...คุณมองอะไรของคุณคะ??”
“หะ...หา..คือผมแค่จะมองชื่อเฉยๆครับ ขอโทษครับๆ”
“อ่อ...ค่ะนึกว่าคุณจะเป็นพวกโรคจิตเสียอีก......ชั้นชื่อ ไลลา ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักและบริการอีกครั้งค่ะ”
“ครับ”
พนักงานสาวที่ชื่อไลลา โค้งคำนับแล้วเดินจากไปทิ้งไว้ให้ผมกับไอ้แจ๊คอยู่หน้าประตูห้อง
“ไลลา.....ชื่อน่ารักจุง”
ไอ้แจ๊คพูดลอยๆขึ้นมา
“เฮ้ยๆ.....ตูถามชื่อนะเว้ย!ไม่ยกผลงานให้ตูหน่อยเรอะ!”
ผมหันไปแขวะไอ้แจ๊คมัน...
“นั่นมันเรื่องของแก......งั้นเราเข้าไปเลยไหม??”
“อือๆเข้าไปเข้าไปเลยละกัน”
ผมพูดพลางเคาะประตู 3 ครั้งแล้วเปิดเข้าไปและก็พบกับ...โต๊ะประชุมเรียงเป็นรูปตัวUขนาดย่อมๆ ภายในห้องนั้นได้มีชายหญิงรวมกันประมาณ 10 คนและภายใน 10คนนั้นได้มีคนใส่ชุดประหลาดโดยใส่ผ้าคลุมสีดำลักษณะปลายผ้าคลุมแหลมยาวปกปิดใบหน้าเห็นแต่ดวงตาละช่องอากาศหายใจคลุมศรีษะและยาวลงไปจนถึงเท้า หลังจากที่ทุกคนได้ยินเสียงเปิดประตูเข้าไปทุกๆสายตาก็จับจ้องมาที่พวกผม …..จากนั้นก็มีคนรูปร่างสูงใหญ่คล้ายผู้ชายใส่ผ้าคลุมสีดำเดินเข้ามาหา
“มีบัตรเชิญรึเปล่าครับ?”
“นี่ครับ....ผมมี 1 ใบแต่ชวนเพื่อนมาเพิ่มอีก 1 คนนะครับ”
ไอ้แจ๊คพูดพลางควักบัตรเชิญจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้กับชายคนนั้น.....ชายคนนั้นรับไว้จากนนั้นก็ตรวจสอบโดยพลิกไปมาหลายๆรอบ ซึ่งผมก็ไม่แนใจว่าจะทำไปเพื่ออะไร...
“ของจริงครับ....ขอบคุณที่มางานด้วยครับทั้งสองคน ต่อไปนี้ให้เรียกบุคคลที่คลุมผ้าคลุมว่าสาวกแล้วตามด้วยชื่อนะครับ”
“แล้วเราจะรู้ชื่อได้ยังไงครับ??”
แจ๊คถามด้วยความสงสัยพลางผมก็พยักหน้าสนับสนุนคำถามนั้น...
“อีกเดี๋ยวสักพักเราก็จะมีการเปิดประชุมครับเดี๋ยวเราจะให้ทุกคนแนะนำชื่อและแขวานป้ายชื่อไว้ครับ”
“อืม....ครับ”
ไอ้แจ๊คพยักหน้าขานรับคำตอบ
“เชิญทั้งสองคนนั่งรอแถวๆนี้ก่อนนะครับ”
พวกผมเดินไปว่าจะเดินไปนั่งตรงโต๊ะตัวยูทางฝั่งขวา โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งกดโทรศัพท์อยู่ ทางด้านริมหน้าต่างฝั่งซ้ายก็มีคู่ชาย-หญิงยืนคุยกันอยู่ ตรงกลางของโต๊ะรูปตัวยูก็มีผู้ชายสองคนนั่งคุยกัน ทางริมหน้าต่างฝั่งขวาก็มีหญิงสาวสามคนยืนคุยกันเสียงดัง บริเวณรอบๆห้องก็มีพวกสาวกอะไรทำนองนั้นยืนกันอยู่รอบๆ......พอไอ้แจ๊คเดินไปก็สะดุดตากับผู้หญิงคนที่นั่งกดโทรศัพท์....จึงหันมาหาผม
“เฮ้ย!ไอ้ชาย.....ผู้หญิงที่นั่งตรงนั้นหน้าตาคุ้นๆว่ะ”
ไอ้แจ๊คพูดพลางชี้ที่โต๊ะของผู้หญิงคนนั้นนั้งอยู่...
“หืม.....คุ้นๆนะ....เฮ้ย!หรือว่า....”
พวกผมสองคนหันหน้ามามองกันด้วยความตกใจและรีบเดินไปหาผู้หญิงคนนั้น
“ติ๋ม!!!!”
เสียงของพวกผมสองคนดังพอที่จะทำให้ทั้งห้องสะดุ้ง แน่นอนครับยัยติ๋มก็ตกใจเกือบจะจับโทรศัพท์ตัวเองไว้ไม่อยู่แล้วยัยติ๋มก็หันกลับมาด้วยความสีหน้าโมโหแต่ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นตกใจแทน....
“พ......พวกนาย!มาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย!”
“ฉันน่าจะถามเธอมากกว่านะ......นึกว่าติดธุระที่ไหน..โธ่ว!ที่ไหนได้ก็มาที่เดียวกันนี่ฟ่า”
“แล้วฉันจะไปตรัสรู้ได้ไงยะ!ว่านายจะมาที่นี่....ไม่บอกอะไรสักคำ!ได้แต่พูดว่าจะพาไปดูเรื่องสนุกๆไหนล่ะยะ”
“ก็ที่นี่ไงเดี๊ยะ!พ่อโดดชกหน้า!”
“เอาสิเดี๋ยวถีบหน้ายับแม่ม”
ทั้งสองเถียงกันตามประสาเพื่อนทำให้สถานการณ์รอบๆที่ดูเงียบๆกลับเสียงดังขึ้นทำให้ผมกลัวว่าคนอื่นๆจะรำคาญ
“เอ่อ......พวกเธอทั้งสองคน...”
“อะไรของนายวะ!/ยะ!”
เสียงประสานทั้งสองคนหันมาตะคอกใส่ผมทำเอาผมสะดุ้งพร้อมทำให้ผมเลือขึ้นหน้ามานิดหน่อย
“ชะ!อ่าว......ไอ้สองคนเงียบๆหน่อยสิหัดเกรงใจคนอื่นซะบ้างไม่ใช่ว่าจะเถียงกันให้ตายๆไปข้างเดี๋ยวจะโดนทั้งคู่นะโว้ย!”
ผมพูดตะคอกเสียงดังใส่ทั้งสองคน...มันได้ผลครับดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเงียบ......แต่ก็ใช่ว่าจะคุยกันทั้งสองกอดอกแล้วสะบัดหน้าไปคนละข้าง...เอ่อเอาเข้าไปทำยังกะการ์ตูนรักน้ำเน่าพ่อแง่แม่งอน
“เฮ้อ!ชั้นจะไปทำยังไงกับพวกสองตัวนี่ดีเนี่ย”
ผมพูดพึมพำออกมาพลางกุมขมับ....
“ทุกๆคนครับ!ได้เวลาอันเหมาะสมแล้วครับเชิญนั่งที่ตามสบายเลยครับแล้วกรุณาอยู่ในความเงียบสักพักนะครับ”
เสียงห้วนๆของผู้ชายสาวกผ้าคลุมดำดังออกมาจากมุมๆหนึ่งของห้องทำให้ทุคนกรระจัดกระจายตัวกันนั่ง...เวลาผ่านไปประมาณไม่ถึงนาทีทุกๆคนก็นั่งตามที่นั่งที่ตัวเองอยากนั่ง...แน่นนอนครับผมต้องมานั่งคั่นกลางระหว่างไอ้แจ๊คกับยัยติ๋มที่ยังทำหน้าเชิดแล้วกอดอกทั้งคู่...ยังกะคู่สามีภรรยางอนกันซะไม่มี..........
ไม่นานนักได้มีเสียงประตูเปิดขึ้นมาโดยดังมาจากซอกหลืบที่หนึ่งในห้องนี้....ทุกๆคนหันไปมองรวมถึงผมด้วย...ปรากฎเป็นผู้ชายใส่แว่นกรอบสีดำหนาเตอะ ผมท่าทางยุ่งๆเหมือนคนตื่นนอนแล้วที่บ้านไม่มีหวีขอบตาคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนหน้าตาเต็มไปด้วยเม็ดสิวที่อักเสบเต็มบริเวณแก้ม...เขาเดินออกมาจากประตูนั่นมาที่บริเวณด้านหน้าที่มีโพเดียมวางไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ลัวจากนั้นจึงสวมผ้าคลุมสีดำทรงสามเหลี่ยมปิดบังใบหน้าไว้....
“อะ....แฮ่ม”
ชายหนุ่มคนนั้นไอออกมาพลางกำมือหลวมๆมาบริเวณที่คาดว่าจะเป็นปากแล้วไอพอเป็นพิธี
“สวัสดีหนุ่มสาวทั้งหลายครับ.....ยินดีต้อนรับสู่งานปาร์ตี้สาวกสีดำของพวกเรา กระผมเป็นหัวหน้าของการจัดงานนี้ขึ้นมามีนามว่า..ครินทร์ครับแล้วเจ้าหน้าที่คนอื่นๆเดี๋ยวไปถามกันเอาเองนะครับเพราะพวกเขาจะมีป้ายชื่อเล็กๆติดไว้ตรงเสื้อแล้วนะครับ”
พอสิ้นเสียงแป๊บเดียว...มีชายคนหนึ่งยกมือขึ้นมาแล้วลุกขึ้นมาจากโต๊ะรูปร่างหน้าของเขาจัดว่าเป็นชายทั่วไปเลยล่ะครับสูงประมาณ165เซนติเมตร ใบหน้าของเขาเกลี้ยงเกลาไม่มีสิวผิดแผกจากหัวหน้างานที่ชื่อครินทร์เมื่อกี้เลยทรงผมไว้ทรงลองทรง ตาสองชั้นดวงตาสีน้ำตาลพอเห็นชัด ใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่ง
“คุณครินทร์ครับ...ผมสงสัยครับ”
“ครับ...ว่ามาเลยครับคุณ.....”
“เอ่อ..สวัสดีครับ...ผมชื่อมานะนะครับ..คือผมสงสัยว่าชื่อของเจ้าหน้าที่และเพื่อนๆทุกคนผมยังไม่รู้จักชื่อและมีป้ายชื่อกันเลยครับแล้วเราจะทำกิจกรรมกันยังไงล่ะครับถ้าเราไม่รู้จักชื่อกัน...”
“อ่าว....ก็ผมบอกให้คุณเจ้าหน้าที่โอห์มแล้วนี่ว่าให้เดินแจกป้ายแล้วให้พวกเขาเขียนชื่อไม่ใช่รึ”
หัวหน้างานครินทร์ทำท่าทางกวาดสายตาไปรอบๆแล้วถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ขอบคุณคุณมานะมากๆเลยนะครับเชิญนั่งได้เลยครับ”
ว่าแล้วคุณมานะก็นั่งแล้วทุกสายตาก็มองไปยังโพเดียมที่มีหัวหน้างานอยู่
“โอ้ย!ไอ้คุณเจ้าหน้าที่ทั้งหลายผมบอกให้คุณติดที่เสื้อก็เสื้อตัวเองจริงๆนะครับ....คุณเจ้าหน้าที่ครับช่วยถอดป้ายชื่ออกแล้วเอามาติดไว้ที่ผ้าคลุมข้างนอกด้วยครับแล้วก็แจกจ่ายป้ายชื่อและปากกาให้พวกเขาเขียนด้วยนะครับ”
ทางเจ้าหน้าที่ต่างคนต่างก้มเข้าไปในเสื้อคลุมแล้วดึงป้ายชื่อของแต่ละคนมาติดไว้ข้างนอก....แหม่ทุกคนนี้จะซื่อกันไปไหนครับ=[]=
ในเวลาต่อมาทางเจ้าหน้าที่ก็แจกป้ายชื่อให้แขวนคอและเขียนชื่อของตนลงไปที่แปลกของกระดาษแผ่นนี้ครับมันเป็นกระดาษแข็งสีดำสนิทโดยมีลวดลายของขอบกระดาษแตกต่างกันออกไปด้วยโดยของผมเป็นลายที่เหมือนกระดูกสัตว์มีเขา...รูปร่างน่าจะคล้ายๆกับแพะแกะวัวอะไรประมาณนี้ครับ ไอ้แจ๊คนั้นได้ลายขอบเป็นรูปคล้ายกับสุนัขหรือหมาป่าเนี่ยแหละครับ(เท่ห์ชะมัดเลยอยากได้ของมันง่ะ) ส่วนของยัยติ๋มนี่ดูลายแล้วคล้ายๆกับผีเสื้อนะครับเป็นลายปีกเล็กใหญ่ต่างกันออกไปดูแล้วแปลกตาดี........ผมเหลือบดูนาฬิกาเวลาประมาณ5โมงกว่ายังไม่ครึ่ง โดยคิดว่าในค่ำคืนนี้ต้องมีอะไรแปลกๆรออยู่แน่นอนผมสัมผัสได้
“ทุกคนเขียนป้ายชื่อกันเสร็จแล้วใช่ไหมครับ....งั้นต่อไปนี้เราจะพาทุกๆท่านพบกับเรื่องราวลี้ลับของงานนี้ได้เลยครับ”
ไฟรอบๆห้องริบหรี่ลงพร้อมกับไฟโปรเจคเตอร์ที่ฉายขึ้นมาบนผนังหน้าห้องพร้อมกับหัวหน้าครินทร์ยกโพเดียมมาไว้ด้านขวาของจอโปรเจคเตอร์เพื่อไม่ให้บังจอโปรเจคเตอร์ ทุกสายตารวมทั้งพวกผมต่างจับจ้องไปที่หน้าห้องที่ดูเหมือนว่าจะอะไรประหลาดหรือสิ่งที่น่าตื่นเต้นรออยู่.....
ภาพโปรเจคเตอร์ปรากฏออกมาเป็นภาพของอาคารหลังหนึ่งที่คล้ายกับคฤหาสน์ด้านหน้าเป็นประตูใหญ่ ฝั่งซ้ายของบ้านเป็นเหมือนหอคอยชิดกับตัวบ้าน ด้านซ้ายเป็นอาคารหลังประมาณสองชั้นโดยเต็มไปด้วยพืชพรรณที่ขึ้นถึงขอบหลังคา ภาพถัดไปปรากฏออกมา เป็นสภาพภายในบ้านชั้น 1เป็นห้องโถงโดยมีบันไดขนาดกว้างทอดยาวขึ้นไปยังชั้นสอง มีประตูสองบานสีขาวซีดอยู่อย่างละฝั่งของบันไดที่มีสภาพเก่า ภายในเฟอร์นิเจอร์มีสภาพที่ชำรุดตามกาลเวลาและถูกทำลายไปบ้าง ผนังของบ้านเต็มไปด้วยรอยคราบราดำที่แฉะน้ำ ภาพถัดไปเป็นชั้นสองที่ฝั่งซ้ายของรูปเป็นระเบียง ฝั่งขวาเป็นห้องมากมายทอดยาวไปจนสุดทาง ภาพต่อไปเป็นห้องที่มีโต๊ะยาวและมีเก้าอี้อยู่หลายตัววางกระจัดกระจายกันอยู่ ภาพต่อมาเป็นบริเวณที่คล้ายกับสวนหย่อม มีน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางและมีวัชพืชแซมขึ้นมาในบ่อ ต้นไม้ที่โค่นล้มพาดลงมาระหว่างทางเดินที่พอเดินผ่านไปได้นิดเดียว ภาพต่อมามีสภาพคล้ายหอคอยที่ตั้งตระหง่านอยู่ โดยมีหมายเหตุเป็นตัวหนังสือสีแดงที่มุมล่างซ้ายภาพว่า ‘หาประตูทางเข้าไม่พบ’
“ภาพสุดท้ายนี้เป็นภาพที่เราไม่ดั้ดต่อหรือแต่งเติมขึ้นนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการดูด้วยนะครับ”
หัวหน้าครินทร์อธิบายก่อนกดเลื่อนดูภาพต่อไป เป็นภาพบ้านในอีกมุมหนึ่งซึ่งเห็นเป็นระเบียงของบ้านและหน้าต่างของบ้านอีกหลายๆบาน ปรากฎเป็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่างมีรูปร่างไม่สูงนักมีผมสีดำยาวมองหน้าของเธอไม่ถนัดอาจคงเป็นเพราะภาพที่ถ่ายจากมุมไกล.......ภาพนี้ทำเอาผมจ้องไม่ละสายตาเพราะดูจากบริเวณโดยรอบแล้วไม่น่ามีคนอยู่ในบ้านได้และอีกอย่างถ้าภาพนี้จัดฉากขึ้นมาคงไม่มีใครกล้าเข้าไปยืนอยู่ในนั้นคนเดียวแน่ๆ...บรื๋อออ ‘=A=
“นี่คือภาพไฮไลท์ของพวกเราสาวกสีดำที่ถ่ายภาพบรรยากาศและภาพติดวิญญาณมาได้ 1 รูป ภารกิจของพวกคุณคือการเข้าไปพิสูจน์ความน่ากลัวของอาคารหลังนี้และถ่ายภาพสิ่งที่คุณคิดว่าน่ากลัวสุดๆมาให้ได้โดยราวัลใหญ่เราจะมอบให้กับผู้ถ่ายภาพติดวิญญาณนะครับ”
“ให้ไปพิสูจน์เรื่องผีๆนี่นะหรอ?”
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นมา...โดยเป็นหนึ่งในสามสาวที่คุยกันข้างหน้าต่างเมื่อกี้นี่เองครับ
“ใช่แล้วครับ....ถ้าหากคุณถ่ายภาพติดวิญญาณมาได้เราจะมอบเงินรางวัลให้ถึง5,000บาท”
“5,000!!”
เสียงของทุกๆคนดังขึ้นรวมถึงผมด้วย! โดยไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่ถ่ายภาพนี้เราก็ได้เงินแล้ว!ไม่น่าเชื่อ!
“เอาล่ะครับ...ทุกๆคนคงไม่มีปัญหาอะไรนะครับ....งั้นต่อไปนี้เราขอเชิญคุณทุกๆคนตามพวกผมมาเลยครับ”
หัวหน้าสาวกครินทร์เดินนำหน้าไปยังหน้าห้องโดยมีสาวกคนอื่นๆอีก5คนตามไปด้วยติดๆ รวมถึงคนที่ได้รับเชิญตามกันไปติดๆรวมถึงพวกผมผมด้วย...ผมเดินไปพลางคิดในใจว่าผู้หญิงคนที่ติดในภาพนั้นเป็นคนหรือวิญญาณกันแน่!ถ้าหากเป็นวิญญาณล่ะก็คงต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอคนนั้นแน่นอน....ผมคงจะต้องกางร่มออกไปเพื่อพิสูจน์ดูว่าเธอคือใคร..อะไรทำให้เธอตาย..ทำไมเธอถึงไม่ไปเกิดและอีกหลายคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบที่ผุดมาในหัวผม.....
“คุณคะ...คุณ”
เสียงใสๆพร้อมมือเรียวเล็กโผล่มาจากด้านหลังเงื้อมมาสะกิดที่ไหล่ขวาของผมทำเอาผมหยุดชะงักและหันหลังกลับไป....เป็นคุณไลลานั่นเอง!
“เอ่อ....มีอะไรรึเปล่าครับ??”
“นี่ค่ะ.....คุกกี้”
คุณไลลาพูดพลางยื่นถุงขนมคุกกี้มาให้ผม
“เอ่อ.....ให้ผมเรื่องอะไรครับ??”
“แทนคำขอโทษน่ะค่ะที่ไปว่าคุณเป็นพวกโรคจิต..ยังไงคุณก็เป็นลูกค้าของร้านเราคนนึงค่ะ....ช่วยรับไว้ด้วยนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ผมพูดขึ้นพลางยื่นมือไปรับไว้ พร้อมกับยิ้มให้คุณไลลาไป
“เฮ้ย!!ไอ้ชาย!มัวแต่ม่อหญิงเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก!”
ไอ้แจ๊คตะโกนขึ้นมาทำเอาผมสะดุ้ง
“เอ้อ....เดี๋ยวไปโว้ยยยย!!.....ผมไปก่อนนะครับคุณไลลา”
ผมหันหลังและวิ่งออกไปหาพวกแจ๊คกับติ๋มที่รออยู่ข้างนอกร้านเพื่อไปพิสูจน์สิ่งที่ผมยังคาใจอยู่......
“ชื่อชาติชายหรอ......ชื่อน่ารักดีนะ คิก คิก”
หญิงสาวที่ชื่อไลลาพึมพำขึ้นพร้อมแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนหันกลับไปทำงานต่อ....
จบตอนที่ 6
ปล.ขอโทษด้วยนะครับกับตอนที่ห่างหายไปนานมากๆจนดูเหมือนหลายๆคนจะลืมไปแล้วด้วย ;w; เป็นเพราะติดเรียน/อ่านหนังสือเตรียมสอบและความขี้เกียจของผมด้วย ต้องขออภัยอย่างยิ่งนะครับ =/\=
ความคิดเห็น