ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love has no end date. {Kyuhyun x Seohyun} [SJ&SNSD]

    ลำดับตอนที่ #3 : stage-02 >>>>>>> -100%-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 817
      0
      12 มี.ค. 53




    “นะๆๆๆ คยูฮยอน~” เสียงเล็กแหลมของคิมรยออุกเข้าสู่โสตประสาทของร่างสูงที่กำลังนอนฟุบโต๊ะหลังจากที่กลับมาประชุมที่สภานักเรียน

    “นายพูดอังกฤษได้เหรอ ?” เจ้าของใบหน้าคมคายที่ฟุบอยู่ที่ท่อนแขนแกร่งของตัวเองเอ่ยเมื่อนึกถึงผลสอบคะแนนวิชาภาษาอังกฤษของเพื่อนตัวเล็กซึ่งอยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก

    “เดี๋ยวไปอยู่โน่นก็พูดได้เองแหละ” รยออุกตอบแบบใช้สีข้างถู

    “นี่มันเรื่องของฉัน... ยังไงๆฉันก็ไม่ให้นายไป” เจ้าของฉายาเจ้าชายนิทราเอ่ยเสียงงัวเงียคล้ายกับเพิ่งตื่นพลางยกหัวขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงออดของโรงเรียนอันเป็นสัญญาณเข้าเรียนวิชาแรกของวันแรกในสัปดาห์

    “นายก็รู้นี่นา... ว่าคยูฮยอนน่ะดื้อแค่ไหน” เจ้าชายแก้มป่องเอ่ยกับเพื่อนตัวเล็กของเขา
    “ถ้าคยูฮยอนไม่ยอมก็คือไม่ยอม” เยซองพยายามอธิบายให้รยออุกที่พยายามขอให้ตนได้ไปอังกฤษเพราะอยากเรียนสบายๆที่ต่างประเทศฟัง แต่ดูทว่ารยออุกคงไม่ยอมรามือง่ายๆ

    “เอาล่ะๆๆ เรียนได้แล้วนะครับนักเรียน” อาจารย์ประจำวิชา ‘การเจรจา’ เอ่ยขึ้น
    “นักเรียนคงไม่อยากฟังครูบ่นไปจนท้ายชั่วโมงใช่มั้ยครับ ?” ครูผู้ชายที่ยังหนุ่มกล่าวเมื่อเห็นนักเรียนไม่ค่อยกระตือรือร้น เมื่อได้ยินครูพูดเช่นนั้นจึงรีบค้นหาหนังสือวิชาการเจรจาที่อยู่ในกระเป๋าทันที
    ‘โลแกน แวร์วูล์ฟลีน’ ครูผู้สอนยิ้มทันที่เมื่อเห็นนักเรียนเริ่มกระตือรือร้น แต่รอยยิ้มนั้นกลับหายไปเมื่อเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังหาวเอามือปิดปากแล้วค่อยๆขยี้ตาจากนั้นจึงหยิบหนังสือวิชาการเจรจาที่อยู่ใต้โต๊ะขึ้นมา สีหน้าของโลแกนไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะลูกศิษย์คนนั้นคือบุตรชายคนเดียวของผู้อำนวยการโรงเรียน

    “วิชานี้น่าเบื่อชะมัด” เยซองบ่นอุบและอธิบายว่าเขาต้องการไปเป็นนักร้อง ไม่ได้อยากเป็นนักการทูต ทำไมต้องเรียนวิชานี้ด้วย

    “เอาไว้เจรจาเรื่องค่าตัวนายไง” คยูฮยอนตอบเสียงเรียบ
    “นายไม่คิดเหรอว่านายจะเจอคนที่อาจจะเบี้ยวค่าตัวนายก็ได้” คยูฮยอนเสริมพลางเปิดหนังสือไปที่หน้า 97 ตามคำสั่งของครูที่อยู่หน้ากระดานสอนที่กำลังพูดไม่หยุด ทำให้นักเรียนต้องตั้งใจฟังเนื่องจากกลัวสอบตกวิชานี้ เยซองได้ฟังก็แอบยิ้มเล็กๆและคิดในใจว่าต้องขอบคุณคยูฮยอนที่ทำให้เขาคิดได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ได้ทำอาชีพตามที่ฝันแน่ๆ

    ...



    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .




    ...

    หลังจากการเรียนวิชาเจรจาจบลงไป ร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆเจ้าชายนิทราก็เริ่มกล่าวถึงเรื่องที่ค้างไว้เมื่อต้นชั่วโมงที่แล้ว

    “นะๆๆๆ คยูฮยอน~ ให้ฉันไปด้วยน้า~” แผนอ้อนของรยออุกกำลังดำเนินไป ร่างบางรู้ดีว่าร่างสูงเป็นคนขี้รำคาญ ทนอะไรนานๆไม่ค่อยได้ เยซองได้แต่มองด้วยความเหนื่อยใจปนรำคาญนิดๆ เพราะเขาบอกไปหลายรอบแล้วว่าคยูฮยอนนั้นดื้อด้านยิ่งกว่าอะไร แต่เจ้าเพื่อนตัวเล็กของเขานั้นไม่ฟังเอาเสียเลย

    “ไม่ๆๆๆๆๆๆๆ” คยูฮยอนตอบได้เพียงคำเดียวเพราะเขาไม่อยากให้รยออุกไปที่อังกฤษ ถ้าเกิดรยออุกไปคงอยู่ได้ลำบาก เพราะรยออุกไม่มีพื้นฐานวิชาภาษาอังกฤษเลย

    “เฮ้อ...” เยซองถอนหายใจจนรยออุกหันมามอง
    “นายขอคยูฮยอนไปไม่ได้หรอกมั้ง” เยซองที่เดินไปที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ของห้องเอ่ยขึ้นเมื่อได้อ่านข่าว

    “ทำไมล่ะ ?” รยออุกเดินมาหาเยซองที่อ่านข่าวอยู่เพื่อมาอ่านด้วย

    “นายต้องไปสมัครกับอาจารย์ใหญ่ด้วยตัวเองน่ะสิ” เยซองเอ่ยเสียงเรียบพลางอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและคิดได้ว่านี่คงเป็นแผนการณ์ของคยูฮยอนที่จะพาซอฮยอนไปต่างประเทศ

    ...

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    ...


    “ไม่ได้!!!” เสียงทุ้มต่ำที่ดังลั่นห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่หรือผู้อำนวยการโรงเรียน‘เอริออส’ สถาบันฝึกสอนเยาวชนให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต นี่เป็นเวลาพักเที่ยงทีนักเรียนสามารถพักทานอาหารกลางวันได้ จึงไม่มีใครสงสัยเสียงนั้นเพราะนักเรียนมัวเอาแต่กินอยู่

    “จะเสียงดังไปทำไม คยูฮยอน...” ผอ.ปรามลูกชายที่กำลังโกรธเหมือนภูเขาไปกำลังปะทุที่สามารถระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

    สายตาอ่อนโยนของผู้อำนวยการโรเงรียนเอริออสมองไปทางนักเรียนสามคนที่มาขอพบตนเกี่ยวกับเรื่องทุนเรียนพิเศษของ ‘GES’ ในโครงการนักเรียนทุนพิเศษที่จะไปศึกษาต่อที่อังกฤษ นักเรียนทั้งสามคนประกอบด้วย ‘คิมจงอุน’หรือ‘เยซอง’ เจ้าของรางวัลชนะเลิศการร้องเพลงโอเปร่า ‘คิมรยออุก’ เจ้าของรางวัลเชฟมือหนึ่งของโรงเรียนเอริออส ‘อีซองมิน’ เจ้าของตำแหน่งรองประธานนักเรียนม.ปลายปีหนึ่งฝ่ายชาย สาเหตุที่เขามาสมัครโครงการนักเรียนทุนเพราะเขาสนใจที่จะไปเรียนที่ต่างประเทศ

    “เราก็แค่มาสมัครนี่ครับ” เยซองแสร้งทำเสียงเศร้า
    “ถ้าเค้าไม่อยากให้เราไปก็น่าจะบอกดีๆนี่นา” เยซองชายตามองไปยังหนึ่งในผู้ตัดสินให้พวกเขาได้ไปเรียนต่อหรือไม่ ทำเอาร่างสูงกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ

    “แต่ความรู้ของนายยังน้อยอยู่เลยนะ แบบนี้จะไปอยู่ได้เหรอ ?” ร่างสูงกัดฟันถามคนที่พูดเมื่อกี้ ทำเอาคนฟังคิดหนัก

    จริงอยู่ที่ความรู้ของเขาอาจจะด้อยกว่าคยูฮยอนที่ไปต่างประเทศบ่อยๆทำให้เขาได้เปรียบข้อนี้ เยซองจึงคิดคร่าวๆและแย้มรอยยิ้มออกเมื่อคิดอะไรได้

    “เพราะความรู้ยังน้อยนี่แหละครับ ถึงต้องไปหาประสบการณ์” เยซองตอบด้วยสีหน้ามั่นใจ เขาคิดถูกแล้วที่ตั้งใจเรียนวิชาการเจรจา ทำเอาเจ้าของคำถามนั้นเหงื่อตก

    คยูฮยอนวางแผนไว้ว่าเขาจะไปอยู่กับซอฮยอนอย่างสงบและอยู่แบบสบายๆไม่มีใครรบกวน แต่ความคิดนั้นกลับพังครืนไม่เป็นท่าเพราะเจ้าเพื่อนจอมกวนของเขา และแน่นอนว่าเขาไม่อยากพาเจ้าตัวกวนสองคนนี้ไปแน่ๆ เพราะไปแล้วรังแต่จะสร้างเรื่องให้คยูฮยอนแก้ปัญหาให้ แต่ที่คยูฮยอนยังอยู่คบกับพวกเขาได้ เพราะว่าเขาไม่ต้องการให้สาวๆที่ตามจีบเขาเข้าใกล้ เนื่องจากสาวๆไม่ชอบหน้าของเจ้าชายแก้มป่องและเจ้าชายตัวเล็กทั้งสองคน

    “เพื่อนลูกอยากไปเรียนต่อ...ลูกก็อย่าห้ามเขาเลย” โจอินซองหันมาเอ่ยกับโจคยูฮยอนผู้เป็นลูกชายแล้วหันกลับไปคุยกับเยซองและรยออุก
    “เธอสองคนอยากไปใช่มั้ย ?” อินซองถามทั้งสองคน คำตอบที่ได้คือการพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็วของทั้งสองคน
    “โอเค...พวกเธอไปได้” สิ้นคำพูดของโจอินซอง ทั้งเยซองและรยออุกก็ร้องเย้และกระโดดกอดกันอย่างสมหวัง ส่วนคยูฮยอนนั้นตีหน้าผากอย่างเหนื่อยใจที่เขาจะต้องเป็นคนดูแลเจ้าเด็กสองคนนี้
    “แล้วเธอล่ะ ?” อินซองหันมาถามอีซองมินที่นั่งอยู่ด้านหลังของเยซอง

    “ผมมาเพราะเหตุผลเดียวกันกับสองคนนั้น” ซองมินเอ่ยพลางชี้ไปที่เยซองและรยออุก

    “นายได้สิทธิ์ไป” คยูฮยอนเอ่ยอย่างไม่ต้องคิดมาก เพราะรู้ดีว่าซองมินเรียนเก่งมาก อีกทั้งประสบการณ์การเดินทางบ่อยเนื่องจากแม่ของซองมินเป็นครูสอนภาษาอังกฤษของที่นี่และเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมากและซองมินมักจะได้ไปด้วยเสมอ เพราะแม่ของซองมินอยากให้ลูกไปเปิดหูเปิดตา

    “ง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ ?” เยซองพูดอย่างไม่เชื่อหู ขนาดรยออุกขอคยูฮยอนแทบตายยังเกือบจะไม่ได้ไป

    “อืม” ร่างสูงตอบเสียงเรียบพลางก้มลงกระซิบกับผู้เป็นบิดา สักพักอินซองจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต

    “ทำไมซองมินได้ไปง่ายอย่างนั้นล่ะ ?” รยออุกเอ่ยถามด้วยความสงสัยพลางชี้มือไปยังคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังเยซอง

    “เพราะว่าซองมินมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่เราต้องการ” อินซองเอ่ยแทนคยูฮยอนที่กำลังจะพูด
    “ซองมินเรียนโปรแกรมภาษาอังกฤษอยู่ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะไปอาศัยอยู่ที่นั่นได้ รวมทั้งเขายังมีประสบการณ์ที่เคยเดินทางไปต่างประเทศมาแล้ว จึงเหมาะสมเป็นนักเรียนได้อย่างดี”

    เมื่อได้ฟังเหตุผล ทั้งสองจึงร้องอ้อทันที แล้วซองมินก็ขอตัวออกไปเพื่อเรียนต่อในคาบบ่ายที่กำลังจะถึง

    -----------------50 %



    “เดี๋ยวสิ...” ร่างสูงเดินตามร่างสมส่วนที่กำลังเดินออกจากห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ เสียงทุ้มส่งเสียงเรียกคนที่กำลังเดินไป ร่างสมส่วนหันกลับมาอย่างช้าๆ บ่งบอกได้ว่าเป็นคนเย็นชาเพียงไร

    “มีอะไร...” เสียงหวานๆที่ดูเข้ากับหน้าแต่ไม่เข้ากับบุคลิกเอ่ยเบาๆเมื่อเห็นหน้าของคนที่เรียกตนไว้ ร่างสูงกำลังเหม่อลอยกับใบหน้าหวานของร่างสมส่วนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงนั้น

    “เอ่อ...คือ...ทำไมนายถึงอยากไปที่อังกฤษ” คยูฮยอนเอ่ยถามเพราะว่าโรงเรียนที่ไม่มีใครรู้จักชื่อนั้นไม่น่าจะมีคนสนใจนัก คยูฮยอนค่อนข้างตื่นเต้นกับการพูดกับซองมิน ถึงแม้จะอยู่ในสภานักเรียนด้วยกันมานาน แต่เขาสองคนไม่เคยคุยกันเลยแม้แต่เรื่องงาน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พูดด้วยกัน

    “เพราะฉันอยากไป...ไม่มีเหตุผลอะไรอีกแล้ว...” ซองมินหลบหน้าและเดินหนีออกมา

    “เฮ้!! เดี๋ยวสิ...!!!” คยูฮยอนเอ่ยเรียกแต่ไม่สามารถตามไปได้เพราะออดโรงเรียนดังแล้ว แสดงว่าคาบเรียนตอนบ่ายนี้กำลังเริ่มขึ้น
    “เฮ้อ...กะจะถามอะไรอีกสักหน่อย...”

    ...

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .


    ...

    ฝ่ายซองมินที่เดินแยกตัวมาจากคยูฮยอนก็รีบเร่งให้เดินถึงห้องเรียนเร็วๆเพื่อที่จะได้ลืมอาการเมื่อสักครู่ มือเรียววางทาบที่แก้มแล้วรู้สึกถึงความร้อนที่ใบหน้าเนื่องมาจากการพูดคุยครั้งแรกกับร่างสูงที่เขาแอบชอบอยู่ มือเรียวเปลี่ยนมาแตะที่อกข้างซ้าย ทำให้รู้ว่าสิ่งที่อยู่ภายในนั้นกำลังสั่นอย่างรุนแรงจนแทบจะกระเด็นออกมาด้านนอก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นพร้อมกับเอาฟันกัดริมฝีปากล่าง คล้ายกับว่าไม่พอใจนักที่เกิดอาการแบบนี้กับตน ขาเรียวเดินให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

    “บ้าเอ๊ยยย ถ้าเกิดไม่ออดนะ...ป่านนี้เจ้านั่นก็คงรู้...” ซองมินเดินยิ้มๆคล้ายกับพึงพอใจที่ได้คุยกับลูกชายของอาจารย์ใหญ่
    “เลิกคิดดีกว่า...” ซองมินส่ายหัวไปมาเผื่อว่ามันจะทำให้เลิกคิดเรื่องบ้าๆนั่นพร้อมทั้งเอามือทาบแก้มแล้วรีบเดินต่อไป

    ...

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    ...


    “อะไรกัน...นี่นายจะถามซองมินแบบนี้จริงๆเหรอ ?” รยออุกเอ่ยพลางมองหน้าร่างสูงที่เอามือซุกกระเป๋ากางเกงแล้วเดินอย่างช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองพื้น เท้าที่สวมรองเท้าไนกี้สีดำเดินเตะกระป๋องที่ถูกทิ้งไว้บนพื้น จนกระป๋องกระเด็นไปโดนกำแพงด้านซ้าย เขาจึงรู้สึกตัวและวิ่งไปเก็บกระป๋องเพื่อเอามาทิ้งที่ถังขยะที่วางอยู่ฝั่งตรงข้ามของกำแพง

    “อ่อ..อื้ม...คงงั้นมั้ง...” ร่างสูงตอบแบบขอไปทีแล้วเดินจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็วจนทิ้งระยะห่างจากรยออุกแล้วเยซองที่เดินมาช้าๆได้เป็นระยะไกลมาก

    “เยซอง...นายว่าคยูฮยอนมันแปลกๆไปมั้ย ?” ร่างเล็กถามกับร่างหนาที่เดินข้างๆตน

    “อืม...คงใช่...” เยซองตอบพลางมองหลังของคยูฮยอนที่เดินลิ่วๆไป
    “แปลกตั้งแต่เราขอไปอังกฤษด้วยแล้ว...เป็นอะไรของมันนะ...” รยออุกหันมามองเยซองที่กำลังพูดและมองดูแผ่นหลังของคยูฮยอนที่เดินทิ้งช่วงห่างไปมาก

    ลมพัดมาทางด้านหลังเอื่อยๆทำให้ผมซอยยาวประบ่าของเยซองพัดไปด้านหน้า เส้นผมบางๆที่ปรกปิดแก้มป่องๆของเขาได้พัดออกไปเผยให้เห็นช่วงหน้าด้านข้างที่รยออุกผู้มองอยู่สังเกตได้ เยซองหยุดเดินเพื่อรับลมเย็นๆแล้วเอามือซุกกระเป๋ากางเกงเมื่อรู้สึกเย็นที่มือเมื่อโดนลมพัด รยออุกมองอย่างเพลินตา...เขาไม่เคยสังเกตเลยว่า...เพื่อนสนิทของเขาจะหน้าตาดีเพียงนี้ รูปร่างที่สูงโปร่งแต่ติดตรงที่เขาอวบนิดๆ ถ้าลดน้ำหนักลงได้เขาคงเป็นนายแบบได้

    “วิชาต่อไปเรียนอะไร ?” เยซองถามทำลายความเงียบ เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กของเขาไม่ตอบจึงถามซ้ำอีกที

    “หะ..หา..?!” รยออุกสะดุ้งเมื่อเยซองถามเสียงดังกว่าเดิม

    “ฉันถามว่าวิชาต่อไปเรียนอะไร ?” เยซองหันหน้ามาถามรยออุก ส่งผลให้เลือดสูบฉีดที่หน้าของรยออุกมากขึ้น

    “กะ...ก็...คหกรรม...ทำอาหารน่ะ...” รยออุกเบือนหน้าหนี ก้มหน้างุดเพื่อเก็บใบหน้าขึ้นสีของเขา

    “ฮะๆๆ อะไรของนาย...ฉันจะโดดวิชานี้นะ...นายจะไปเรียนก็ไปเถอะ...” เยซองหมุนตัวกลับแล้วก้าวขาพาร่างโปร่งของตัวเองไปโรงอาหารเพื่อหาอะไรกินเล่นทันที

    “นี่...อย่ามาทำให้เขินแล้วจากไปสิ...  ไอ้บ้า !!” รยออุกได้แต่พูดอยู่คนเดียวเมื่อเห็นเยซองเดินผ่านไป ความจริงแล้ว...เยซองไม่ได้ทำอะไรให้รยออุกเขินเลยแม้แต่น้อย เขาเขินเองต่างหาก...

    ...

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    ...

    ‘เฮ้อ...เซ็ง..จะทำอะไรดีนะ...’ ร่างสูงเดินไปคิดไปอย่างเหม่อลอย แน่นอนว่าเขาโดดเรียนมา ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ได้มาเดินสบายใจอยู่แถวนี้หรอก
    “ว่าแต่ทำไมเจ้ารยออุกต้องทำหน้าแปลกๆตอนที่เราถามเมื่อกี้นี่ด้วย” เยซองตั้งคำถามขึ้นในหัวตัวเอง
    “รึว่า...มันจะงอนเรา แต่งอนแบบนั้นมีด้วยเหรอ” ร่างสูงคิดอย่างหนักในสมองอันกลวงๆของเขา แน่นอนว่าเค้าไม่ได้รู้จักนิสัยของรยออุกดี
    “สงสัยต้องถามเจ้าคยูฮยอนแล้วล่ะมั้ง” <ทำไมไม่ถามเจ้าตัวเค้าล่ะคะคุณเย่ = =;>

    เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็เดินไปแถวๆรั้วโรงเรียนทางด้านหลังแล้วหาที่งีบหลับแบบสงบๆ ดวงตาเรียวยาวมองไปที่ต้นมะกอกที่ทีพื้นหญ้าด้านใต้ร่มรื่นแล้วดูสะอาด เขาจึงเดินไปนั่งเอาหลังพิงลำต้นแล้วค่อยๆเข้าสู่นิทราในที่สุด

    ...

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    ...

    ร่างสูงในชุดพ่อครัวใส่หมวกสีขาวทรงสูง ใส่เสื้อแขนยาวสีขาว ใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาว และสวมรองเท้าบู๊ตสีขาว ในมือกำลังถือกระทะและตะหลิวขนาดพอดีมือ เขาเอื้อมมือไปหยิบข้าวจานใหญ่ที่วางไว้บนโต๊ะด้านหลังแล้วเทใส่กระทะอย่างช้าๆ

    “เยี่ยมมากจ๊ะ คุณโจ” ครูผู้สอนคหกรรมทำอาหารร่างอ้วนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นฝีมือคยูฮยอนที่กำลังทำข้าวผัดกิมจิที่เธอสั่งอย่างขะมักเขม้น

    “ขอบคุณครับ” คยูฮยอนโค้งหัวน้อยๆเป็นเชิงเคารพและลงมือทำข้าวผัดกิมจิต่อ แต่แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้
    “อ้อ...อาจารย์ครับ...” คยูฮยอนเอ่ยเรียกคนที่เดินผ่านไปเมื่อกี้ เธอหันกลับมาแล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าฟังอยู่
    “ผมขอข้าวผัดกิมจินี่กลับบ้านได้มั้ยครับ ?” ลูกชายของอาจารย์ใหญ่ถามขณะที่เขาตักข้าวผัดใส่จาน

    “ได้สิจ๊ะ... แต่เธอต้องให้ครูชิมก่อนนะจ๊ะ” เมื่อครูร่างอ้วนพูดและเดินจากไป คยูฮยอนยิ้มแทบแก้มปริและจัดการแบ่งส่วนกลับบ้านและส่วนส่งครูไว้อย่างเสร็จสรรพพร้อมทั้งห่อส่วนกลับบ้านนั้นใส่กล่องอย่างดี

    รยออุกที่ยืนอยู่ข้างๆคยูฮยอนเห็นพฤติกรรมของคยูฮยอนก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันทีเพราะปกติแล้วคยูฮยอนไม่เคยห่อข้าวในวิชาคหกรรมทำอาหารกลับบ้าน และจะกินหมดตั้งแต่อยู่ในโรงเรียน อีกทั้งฝีมือไม่เอาอ่าวจึงมักจะให้หมาในโรงเรียนกินเสมอ แต่วันนี้คยูฮยอนดูมั่นใจกับฝีมือของเขาเหลือเกินแถมยังเตรียมกล่องใส่อาหารมาเพื่อใส่ข้าวด้วย ....มันจะเอาไปให้ใคร ?...


    เมื่อคยูฮยอนส่งข้าวผัดกิมจิแล้ว ครูร่างอ้วนก็ได้แต่เอ่ยปากชมคยูฮยอนว่าทำอาหารได้เก่งขึ้นและอร่อยกว่าเดิมมากและอนุญาตให้นักเรียนคนอื่นๆที่ขอลองชิมข้าวผัดกิมจิของคยูฮยอนให้มาชิมได้ รวมทั้งรยออุกที่เป็นสุดยอดเชฟนักเรียนก็ยังต้องขอชิม และเขาก็ต้องยอมรับว่าอร่อยจริงๆ

    “นี่นายทำได้ยังไง ?” รยออุกถามอย่างทึ่งๆ เพราะว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วคยูฮยอนยังทำได้บ๊วยของห้องอยู่เลย

    “ก็แค่ตั้งใจทำกว่าเดิม” คยูฮยอนตอบรยออุกและหยิบกล่องข้าวใส่กระเป๋าพร้อมทั้งวิ่งแจ้นออกไปโดยไม่ฟังครูและเพื่อนๆที่เรียกร้องให้ทำให้กินอีก

    .............ที่ฉันตั้งใจทำขนาดนี้ ก็เพราะฉันจะทำไปให้ซอฮยอนต่างหาก.............




    -------------------------------------------------------------------------------------------

    คืนเดียวแต่งได้แค่นี้เอง = =;;

    ฝีมือไรเตอร์คงแย่มาก -0-

    จะพยายามแต่งให้ยาวๆละกัน ><'

    ขอให้สนุกกับการอ่านนะ ~

    -------------------------------------------------------------------------------------------

    เย้ๆๆๆๆ อัพแล้วๆๆๆ

    หลังจากที่คอมพังไปเกือบอาทิตย์
    = =;;

    ในที่สุดก็ได้มาอัพ ^^

    เห็นเม้นเพิ่มขึ้นก็ชื่นใจ 555+

    รอตอนต่อไปนะค๊าบ ~
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×