คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 10 : เปลวไฟ และ ภัยร้ายที่คืบคล้าน
เฟลมมองท่าทางที่นายท่านแสดงออกมาก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่น
" ช่างเถอะ เรามาเริ่มเรียนรู้ธาตุไฟกันดีกว่า นายท่าน "
" ครับ "
เฟลมที่ได้ยินการตอบรับจากนายท่านจึงพาผู้เป็นนายเดินขึ้นไปบนปากภูเขาไฟที่อยู่สูงขึ้นไปอีก 2 กิโลเมตรได้ โดยเส้นทางที่ใช้เดินขึ้นไปนั้น เป็นแนวของหินภูเขาไฟที่จับตัวกันเกิดจากลาวาที่ปะทุขึ้นมาก่อนจะเย็นตัวลง ริเก็นริวมองบรรยากาศภายในป่องภูเขาไฟอย่างเพลิดเพลินจนกระทั้งได้เดินมาถึงปากภูเขาไฟแล้ว ริเก็นริวที่เดินตามเฟลมมาจนถึงปากป่องภูเขาไฟแล้วก็ได็หันหลังกลับไปมองเส้นทางที่เดินขึ้นมาด้วยความสนใจที่ได้เห็นและสัมผัสภูเขาไฟใกล้ๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงร่างวิญญาณก็ตาม
" ว้าวววว สวยจังเลยครับ " ข้ามองนายท่านที่ตื่นตากับภาพจากมุมสูงของภูเขาไฟเงียบๆก่อนจะดึงความสนใจเพื่อที่จะได้สอนเพราะตอนนี้ตนนั้นได้รับสัญญาณจากเฟียร์ถึงผู้ที่กำลังบุกรุกเข้ามายังดินแดนแห่งนี้
" นายท่าน ! ท่านจงควบคุมลาวาที่อยู่ในภูเขาไฟจากที่ตรงนี้ให้ได้ ห้ามท่านลงไปเด็ดขาด แล้วอีก 10 เดือนข้าจะกลับมาดูผลการฝึกของท่าน และ ท่านต้องสร้างคริสตันแห่งธาตุไฟให้ได้ด้วย ข้าขอตัว " ข้ามอบแบบทดสอบให้แก่นายท่านก่อนจะเดินทางไปโดยผ่านทางลาวาเพื่อที่จะไปยังจุดตั้งรับเหล่าผู้บุกรุก
" ไปแบบนี้กันอีกแล้ว . . . " แล้วผมก็ต้องมานั่งลองผิดลองถูกเองสินะครับ ริเก็นริวคิดในใจอย่างปลงๆแล้วจึงเริ่มการเรียนรู้ด้วยตนเองอีกครั้ง
ชายแดนทวีปแกรด์ฮูป
ร่างของเฟลมปรากฎขึ้นเป็นคนสุดท้ายจากเปลวไฟที่โซทเตอร์เป็นคนจุด
บัดนี้ เหล่าผู้พิทักษ์ได้มาร่วมตัวกันครบแล้ว
" เจ้ามาช้านะ เฟลม " เกอารอนในชุดออกรบเอ่ยอย่างอารมณ์ดีที่ได้เห็นผู้พิทักษ์ธาตุไฟมาช้ากว่าปกติ
" เงียบซะ เกอารอน . โซทเตอร์ ศัตรูที่มาคราวนี้ล่ะ " เฟลมหันไปบอกคนแคระสาวก่อนจะถามผู้พิทักษ์ธาตุวิญญาณถึงศัตรูที่บุรุกมาคราวนี้
โซทเตอร์กวาดสายตาไปรอบๆมองบางสิ่งที่มีเพียงตนเท่านั้นที่เห็น
" มีกองทัพของเผ่าสวรรค์จำนวน 500 นาย กำลังบินมา โห้! มีอาวุธครบมือทุกตนเลย " โซทเตอร์รายงานด้วยความร่าเริงก่อนจะเปลี่ยนกายหยาบให้กลายเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแต่ทุกอย่างยังคงเป็นเช่นเดิม
" ช่างโง่เขลาเสียจริงนะ ชาวสวรรค์ ทั้งๆที่พวกมันเป็นเพียงของปลอมแท้ๆ กลับยกตนขึ้นอยู่เหนือกว่าทุกๆเผ่าพันธุ์ " ร่างของผู้พิทักษ์ธาตุแสงพูดออกมาด้วยความรังเกลียด ก่อนจะถูกกอดโดยเฟียร์
" ฮิๆๆๆ อย่างพูดแบบนั้นสิคะ พี่ชาย " เฟียร์ว่าอย่างไม่จริงจังนักแล้วผละออกไป
" อย่าเล่นกันให้มากนัก ทางนั้นมากันแล้วนะ ทุกตน " โอแกรนเอ่ยเตือนเหล่าสหายของตนเมื่อกองทัพของชาวสวรรค์ได้เข้ามาอยู่ในระยะที่สายตาสามารถมองเห็นได้
" จ้า ! ข้าขอไปก่อนนะ " แฟรี่สาวว่าแล้วก็ทะยานเข้าสู่สนามรบทันที โดยที่ผู้พิทักษ์ตนอื่นๆห้ามเอาไว้ไม่ทัน
" อา . . . คงจักไม่เหลือมาถึงมือพวกเราเสียแล้วสิ " ผู้พิทักษ์ธาตุแสงเอ่ยออกมาเบาๆเมื่อได้เห็นท่าทางของแฟรี่สาว
" พินาศเป็นแน่แท้ " โอแกรนพูดออกมาอย่างปลงๆ เพราะเมื่อไรที่แฟรี่สาวได้หัวเราะเช่นนั้น มักจักมีความพินาศเป็นย่อมๆตามมา
ทางแฟรี่สาว หลังจากที่บินออกมาแล้ว ก็ได้เริ่มบรรเลง และ ร่ายรำบทเพลงของสายลมทันที ทุกๆการเคลื่อนไหวของเฟียร์จักต้องมีทหารของเผ่าสวรรค์ล้มตายอย่างน้อยหนึ่งคน คมดาบของสายลมที่ปรากฎออกมาจากการร่ายรำได้ตัดผ่าร่างของศัตรูเป็นชิ้นๆก่อนที่ร่างทั้งหลายจักตกลงไปในทะเล เป็นอาหารแก่สัตว์เลี้ยงที่น่ารักของผู้พิทักษ์ธาตุน้ำที่ตอนนี้ได้แหวกว่ายอยู่ใต้พื้นน้ำเพื่อสร้างความปั่นปวนแก่ศัตรูที่พลาดท่าตกลงมา ให้ไม่สามารถกางปีกบินได้ ก่อนที่ชาวสวรรค์เหล่านั้นจะตกเป็นอาหารอันโอชะแก่เด็กๆที่ว่ายตามจินเรย์มา
" อ๊ากกกกก! "
" ม่ายยยยย ! "
" ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย ! "
เหล่าผู้พิทักษ์ที่ไม่ได้เข้าไปร่วมวงด้วยต่างยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บนหน้าผาต่างมีสีหน้าเรียบเฉยปนกับความเบื่อหน่าย ก่อนที่จะกระโดดหลบออกไปเมื่อมีก้อนพลังหลงมาจากการต่อสู้กำลังพุ่งมาทางพวกตนด้วยความรวดเร็ว
" มั่วแต่เล่นกันเสียจริง " เฟลมว่าพลางเรียกเปลวเพลิงขึ้นมาเผาไหม้ก้อนพลังที่กระเด็นมาทางตนอย่างรวดเร็ว
" ใจเย็นน้าเฟลม ก็พวกเค้าคงจะเบื่อกันละมั้ง " โซทเตอร์บอกก่อนจะกลายเป็นร่างวิญญาณเมื่อมีบอลแสงถูกโยนมาจากคนแคระสาว ทำให้บอลแสงนั้นตกลงทะเลไป
" จะฆ่ากันรึไง !! " โซทเตอร์หันกลับไปว่าผู้ที่ตีเจ้าก้อนแสงลูกนั้นมาทางตน ซึ่งทางคนแคระสาวได้แต่ยิ้มแห้งๆกับสิ่งที่ตนได้ตีพลาดไปหาอีกตน
" ขอโทษจ้า โซทเตอร์คุง พอดีทางนี้ตีเพลินไปหน่อย " เมื่อตนได้ขอโทษเรียบร้อยแล้ว คนแคระสาวก็จับค้อนของตนขึ้นมาหวดเหล่าลูกหลงให้หายไปในพริบตาทันที
" เกอารอน ทางที่เจ้าตีไปมันเป็นเส้นทางที่เหล่าตัวปลอมพวกนี้มาไม่ใช่หรือไง " ผู้พิทักษ์ธาตุแสงบอกสหายตนที่ตอนนี้ทำหน้าทำตาดูภูมิใจเสียเหลือเกิน
" อ้าว
ช่างมันเถอะเนอะ ชินจาคุง "
เกอารอรกล่าวอย่างไม่ใส่ใจเลยสักนิดกับเส้นทางที่ตนได้ตีกลุ่มพลังที่หลงมาไป
" แล้วแต่เจ้าเลยละกัน " ผู้พิทักษ์ธาตุแสง หรือ ชินจา บอกแล้วหันไปรับร่างของแฟรี่สาวที่กระโดดเข้ามาใส่ โดยที่เบื้องหลังนั้นคือความพินาศของเหล่าผู้บุกรุก ซากศพของชาวสวรรค์ที่ตายไปแล้วด้วยฝีมือของเฟียร์ ต่างถูกอสุรกายใต้ทะเล และ สัตว์เลี้ยงของจินเรย์ กัดกินจนไม่เหลือซาก บางตัวก็กระโดดขึ้นมาเพื่อนำซากศพเหล่านั้นลงไปกินใต้น้ำ
" เก่งขึ้นมากเละนะ เฟียร์ " ทางเฟียร์ที่ได้รับคำชมก็ดีใจใหญ่ทำให้บินไปอย่างไม่รู้ทิศทางก่อนไปชนเกอารอนเข้า
" โอ๊ย! / ว้าย ! "
" จินเรย์ เป็นไงบ้าง ? " โอแกรมเอ่ยถามสหายของตนที่ได้ว่ายกลับมาแล้ว
" อ่า
. .
. อ่านความทรงจำมาแล้วล่ะ
ชาวสวรรค์ที่มาบุกรุกเป็นประชาชนธรรมดาที่ถูกเจ้าพวกขุนนางบังคับมาล่ะนะ
"
จินเรย์ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้นต่อเมื่อเห็นว่าเหล่าสหายของตนกำลังหยุดนิ่งเพื่อที่จะฟังข้อมูล
" ตอนนี้สถานะการณ์ของชาวสวรรค์ไม่ค่อยดีนัก ถูกแบ่งออกเป็น 3
ฝ่าย
ฝ่ายแรกเป็นพวกหัวรุนแรงที่ต้องการจะละเมิดกฎที่ท่านพ่อได้กำหนดเอาไว้ ออกช่วงชิงทรัพยากรของเผ่าต่างๆเพราะถือว่าตนนั้นสูงส่งที่สุด ผู้นำของฝ่ายนี้คือ ริซาเดล เดอะ ฟาร์ เป็นตาแก่จอมโลภที่หวังครอบครองทุกๆอย่าง
ฝ่ายที่ 2 เป็นพวกที่ต่อต้านฝ่ายแรก แต่ก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไร เนื่องจากเป็นพวกที่มีความคิดว่าพวกพันธุ์อื่นเป็นเผ่าที่อ่อนแอ่ ดังนั้นพวกเราจึงต้องคอยปกครอง และ ช่วยเหลือ คิดว่าเผ่าปีศาจเป็นสิ่งชั่วร้ายสมควรถูกกำจัด ซึ่งกลุ่นนี้มีจำนวนมากที่สุด นำโดย ซาริเฟีย เดอะ แองเจเรีย
ฝ่ายสุดท้าย
เป็นพวกที่ไม่คิดแย่งชิงของผู้อื่น เรียกได้ว่าเป็นพวกที่รักสงบของแท้ มีความคิดทำนองเดียวกันว่า พวกตนนั้นไม่ได้สูงส่งมาจากไหน จึงไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินผู้อื่น
เพราะพวกเรานั้นต่างเป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้สร้างสรรค์ขึ้นมาเหมือนๆกัน อาศัยอยู่ในสวนพฤกษาที่อยู่ลึกสุดของสวรรค์
มีจำนวนที่น้อยกว่าสองกลุ่มแรกมาก
แต่ทว่าส่วนใหญ่เป็นเหล่าชาวสวรรค์ที่มีฝีมือเก่งกาจเป็นอย่างมาก นำโดย
ซาราเอล เจราฟิม "
จินเรย์พักหายใจเล็กน้อย
" นี้คือข้อมูลที่ข้าสามารถอ่านได้จากความทรงจำของทหารที่ถูกบังคับมา พวกเจ้าจะทำอย่างไรกัน " สิ้นคำถามของจินเรย์ เฟลมก็เอ่ยขึ้นมา
" ในยามนี้พวกเราคงต้องเฝ้าระวังเอาไว้ก่อน อย่าให้เผ่าต่างๆไม่ว่าจักเป็นเผ่าใดได้ผ่านเข้าไป ยกเว้นแต่ผู้ที่มาเพื่อประลองตามกฎของท่านพ่อเท่านั้นที่จักให้ผ่านได้ เข้าใจไหม ? "
" อืม
/ จ้า /
เข้าใจแล้ว " ข้ามองเหล่าสหายที่ตอบรับ
ก่อนจะหันกลับไปมองท้องฟ้าที่ได้เปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ก่อนที่จะกลับมาเป็นเช่นเดิม
" นายท่าน ความปั่นป่วนใกล้จักเกิดขึ้นอีกคราวแล้ว "
ท่านต้องเร่งมือในการเตรียมตัวแล้วนะขอรับ
.
.
.
ความมืดกำลังจะหวนคืนสู่โลกใบนี้ดังเช่นในอดีต
....................................................
ขอบคุณสำหรับ กำลังใจ และ ความคิดเห็นค่ะ
ความคิดเห็น