ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนผึกทักษะผู้ใช้เทพอลเวง

    ลำดับตอนที่ #26 : บทที่ 24 งานเลี้ยงเต้นรำ2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 103
      0
      13 ส.ค. 58

    ‘’ เมอลิน!! ‘’ ลิขิตเผลออุทานออกมา ภาพตรงหน้าที่เธอเห็นคือชายหนุ่มที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีเปลี่ยนสภาพไปเป็นคนละคน ใบหน้าเรียวยาว จมูกโด่ง คิ้วเข้ม ทรงผมถูกเสยขึ้นมาอย่างเรียบร้อยแต่ให้บุคลิกภาพดูดุดัน มั่นใจ และน่าเกรงขามไม่น้อย

    ‘’ องค์หญิง ‘’ เมอลินโบกมือเรียกหญิงสาวที่เดินตามลิขิตมาข้างหลัง จากนั้นทั้งสองก็ไปสนทนากันข้างนอกระเบียงโดยไม่ทราบว่ามีสายตาของแขกในงานนับไม่ถ้วนจ้องมองอยู่ บางคนก็ยิ้มอย่างพอใจ บางคนก็แสดงสีหน้าขัดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ที่เหลือส่วนน้อยจะไปสนใจกับการผูกมิตรกับผู้นำเมืองอื่นมากกว่า

    ‘’ ฮุฮุ เป็นไงล่ะฝีมือฉัน ‘’ รุ้งแวบมาโผล่ตรงหน้าลิขิตโดยไม่บอกไม่กล่าวจนเธอแทบหงาย ก่อนจะหันไปหาคิล ‘’ อ่าวฟื้นละหรอ มีเรื่องที่ต้องถามเยอะแยะเลย ‘’

    ลิขิตโบกมือ ‘’ อย่าเพิ่งไปสนใจอย่างอื่นสิ ไปหาข่าวแร่ผนึกวิญญาณกันดีกว่า ‘’

    ‘’ แต่เคมิสบอกไม่ใช่หรอ ว่ามันกำเนิดในดินแดนของเหล่าปีศาจ ‘’ รุ้งสงสัย

    ‘’ ยุคนี้มันเป็นยุคที่ดินแดนของเทพมารและทวีปมนุษย์ยังไม่แยกจากกัน คาดว่ามันต้องมีบางส่วนหลุดออกมาอยู่แล้ว 100% ‘’ คิลที่ยืนฟังตอบแทนทำให้ลิขิตกับรุ้งหันมามองเขาเป็นตาเดียว

    ‘’ คนเข็นผักอย่างนายนี่มีความรู้กับเขาด้วยหรอ ‘’ ลิขิตพูดอย่างแปลกใจ

    ‘’ ระหว่างวันหยุดก่อนจะไปฝึกกับครูสมิงฉันเข้าห้องสมุดกับไรท์บ่อยนะเฟร้ย ยัยเฉิ่ม ‘’ คิลตอบ

    ‘’ เข้าไปป่วนมิกิน่ะสิไม่ว่า เห็นว่าเธอเป็นคนดูแลงานที่นั่นนี่ ‘’

    ‘’ เอาเป็นว่าฉันอ่านหนังสือจนมีความรู้มากกว่าเธอละกัน ‘’ คิลตัดบทก่อนจะมองไปที่ชายวัยกลางคนหัวล้านตัวอ้วนที่ยืนคุยกับเหล่าผู้นำในแต่ละเมืองอยู่ไม่ห่างนัก

    ‘’ โดยพื้นฐาน คนที่มีความรู้เกี่ยวกับแหล่งสินค้า พืชผักสมุนไพรรวมไปถึงแร่ชนิดต่างๆต้องเป็นพ่อค้าแน่นอน ‘’ เขาพูดก่อนจะเดินตรงไปค้อมศีรษะให้ชายคนนั้นโดยทันที

    ‘’ ลื้อมีอาลาย ‘’ ชายอ้วนท้วมถาม

    ‘’ คุณคือพ่อค้าใช่หรือเปล่า คือผมอยากรู้ข้อมูลบางอย่าง ‘’

    เขาเกาคางเบาๆ ‘’ อืมมม ข้อมูลมันก็มีราคานะ ‘’

    ‘’ งั้น สิ่งนี้พอจะที่จะต่อรองได้หรือเปล่า ‘’ คิลพูดพร้อมกับโยนถุงหนังสีทำตาลเข้มให้ชายอ้วนดู ซึ่งอีกฝ่ายพอรับมาได้ก็เปิดห่อดูทันที

    ‘’ โอ้นี่มัน..เพรชบริสุทธิ์ ‘’ เขาพูดพร้อมกับหันซ้ายหันขวา ‘’ เดี๋ยวไปคุยกันข้างนอกนะ ‘’ พูดจบเขาก็พาคิลเดินฝ่าผู้คนออกมาจากในงานเลี้ยง

    ‘’ ว่าแต่ลื้อมีอาลายจะถาม ‘’

    คิลยิ้มก่อนจะพูด ‘’ ท่านรู้จักหินแห่งชีวิตมั้ย ‘’

    ชายอ้วนครุ่นคิดก่อนถาม ‘’ เจ้าหมายถึงสโตนออฟไลฟหรอ ‘’

    ‘’ อื้มม ประมาณนั้น ‘’ คิลตอบ

    ‘’ เป็นของล้ำค่ามาก พวกนักเวทชอบใช้ประกอบพิธีกรรมแต่ด้วยความหายากของมันทำให้มีการไล่ล่าแย่งชิงกันบ่อยๆ ‘’

    ‘’ ท่านทราบถึงแหล่งที่มาหรือเปล่า ‘’

    ‘’ ไม่แน่ใจ แต่มีข่าวลือว่ามันกำเนิดที่ส่วนลึกสุดของดินแดนเหล่ามารและเทพ อีกที่หนึ่งก็... ‘’ ชายอ้วนทำสีหน้าครุ่นคิดอีกครั้ง

    ‘’ ที่ไหน ‘’ คิลคาดคั้น

    ‘’ ดินแดนของเหล่าภูติ ‘’

    ‘’ แล้วมันอยู่ที่ไหน ‘’

    ‘’ อั๊วะม่ายรู้ ‘’

    ‘’ ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล ‘’ คิลพูดจบก็เดินออกมาทันทีก่อนจะจมอยู่ในความคิดตัวเอง เมื่อเดินผ่านหน้าต่างเขาก็หยุดชะงัดก่อนจะชะเง้อคอลงไปมองข้างล่าง ภาพที่เห็นคือมีหญิงสาวในชุดอิศวินกำลังกวัดแกว่งดาบคาตานะเล่นอยู่ภายในสวน

    ‘’ หวัดดีแจ้ ‘’ คิลตะโกนลงไปทักทายหญิงสาว

    หญิงสาวเงยหน้ามองต้นเสียงก่อนจะโบกกลับ ‘’ ท่านพ่อให้มาตามหรอ ขอเวลาอีกสักครึ่งชั่วโมงแล้วจะรีบไป ‘’

    ‘’ เปล่าๆพอดีเห็นเธออยู่คนเดียวไม่กลัวอันตรายหรอ ‘’

    ‘’ ก็ไม่นี่ เห็นแบบนี้ฉันก็เก่งนะ ‘’ เธอยืดอก

    ‘’ ด้วยวิชาดาบงูๆปลาๆของเธอนี่นะ ‘’ คิลถอนหายใจ

    เธอยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส ‘’ งั้นนายลงมาสอนฉันหน่อย พอดีฉันเพิ่งยื้มดาบนี่มาน่ะ ‘’

    ‘’ ก็ได้ ‘’ คิลพูดพร้อมกับกระโดดทะยานลงมาจากปราสาทชั้นสอง ก่อนจะลงพื้นอย่างนุ่มนวล ‘’ แต่ต้องมีค่าตอบแทนนะ ‘’

    หญิงสาวเบ้ปาก ‘’ งั้นก็นั่งดูวิชาดาบงูๆปลาๆของฉันเถอะย่ะ ‘’

    คิลไม่ตอบ หญิงสาวจึงลองร่ายรำกระบวนท่าดาบอีกครั้งแต่ดูไม่คล่องแคล่วนักเพราะน้ำหนักดาบที่เธอเคยใช้มันมากกว่าคาตานะหลายขุม เธอก้าวเท้าขวากลับหลังก่อนจะพุ่งกระโดดเงื้อแขนฟันอากาศเป็นวงกว้างเป็นเส้นแสงสีขาวอ่อนๆ คิลที่นั่งดูบนโขดหินอยู่ไม่ไกลนึกสนุกจึงหยิบกองใบไม้นับสิบใบมาปาใส่เธอ

     หญิงสาวยิ้มอย่างถูกใจก่อนจะหมุนตัวกลับหลังกลางอากาศควงคาตานะรัวฟันใบไม้ขาดเป็นสองซีกเกือบทุกใบอย่างง่ายดาย เธอทรงตัวลงพื้นก่อนจะเดินมาหาคิล

    ‘’ เป็นไงล่ะ ยังกล้าว่าฝีมือดาบฉันอีกมั้ย ‘’

    ‘’ ก็ดีกว่าที่คิดนิดหน่อยอ่ะนะ ‘’

    ‘’ งั้นนายแสดงให้ฉันดูหน่อยสิ ว่าของจริงเป็นอย่างไร ‘’ เธอพูดพร้อมกับโยนคาตานะให้อีกฝ่าย

    ‘’ ก็ได้ งั้นดูนี่นะ ‘’ คิลพูดพร้อมกับเตะกองเศษใบไม้ที่อยู่ตรงปลายเท้ากระจายขึ้นฟ้าก่อนจะย่อตัวกระโดดหมุนตัวพุ่งฝ่าเศษใบไม้นับร้อย ก่อนจะหายตัวไปในพริบตากลางอากาศพร้อมกับใบไม้เหล่านั้น

    ‘’ ห...หายไปแล้ว ‘’ หญิงสาวอ้าปากค้าง

    ‘’ เป็นไงล่ะ วิชากายาก้าวไร้เงาของฉัน ‘’ คิลที่ยืนกอดอกพิงต้นไม้พูดออกมาจากข้างหลังหญิงสาว อีกฝ่ายจึงรีบหันกลับมามองด้วยความตกใจก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายหายไปอีกแล้ว คิลที่พุ่งอ้อมมาข้างหลังอีกฝ่ายใช้สันดาบแตะไหล่หญิงสาวเบาๆ

    ‘’ เธอตายแล้วหนึ่งครั้ง ‘’

    ‘’ น..นายทำได้อย่างไร ‘’ เธอหันกลับมาถาม

    ‘’ วิชาดาบปกติแหละ เทคนิคการก้าวขาโดยเฉพาะ ‘’ เขาตอบ

    ‘’ แล้วเศษใบไม้ล่ะ ‘’

    ‘’ กลายเป็นผงละ ‘’

    ‘’ สอนฉันหน่อยสิ ‘’ หญิงสาวตาเป็นประกาย

    ‘’ มีค่าครูนะ ‘’ คิลหัวเราะ

    ‘’ ไอ้งก ‘’

    ‘’ จ่ะ ‘’ คิลตอบสั้นๆก่อนจะหันไปมองมิกิที่กำลังกวัดมือเรียกตรงลานน้ำพุอยู่ไม่ห่างนัก จากนั้นเขาก็ขอตัวออกไปทักทายเพื่อนสาวอีกคนทันที คิลมองมิกิที่กำลังเงยหน้ามองแสงจันทร์ก่อนจะถาม

    ‘’ เรียกมามีอะไรหรอ ‘’

    ‘’ เรื่องหินแห่งชีวิตน่ะ ฉันไปถามคอสโม่มาแล้ว จำนวนในแดนมนุษย์มันมีจำกัด อย่างมากก็แค่เพียงพอที่จะส่งคนกลับยุคเดิมแค่สองสามคนเอง ‘’

    ‘’ แสดงว่าเธอจะไปที่แหล่งกำเนิดมันโดยตรงสินะ ‘’

    ‘’ เธอจะไปดินแดนของเหล่ามารตามที่เคมิสพูดหรอ ‘’ คิลถาม

    ‘’ เปล่า ฉันจะเดินทางไปที่โอลิมปัส ดินแดนแห่งสวรสวรรค์มันก็ต้องมีแร่พวกนี้อยู่แล้ว ‘’ มิกิตอบ

    ‘’ มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกมั้ง ‘’ เขาพูดลอยๆ

    ‘’ คิดไปก็เสียเวลาเปล่า ‘’ มิกิพูดเสียงเรียบเฉย

    ‘’ นั่นสินะ ‘’

    เขาเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า จู่ๆมิกิก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

    ‘’ นายรู้สึกเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่า ‘’

    เขาชี้มาที่ตัวเอง ‘’ ผมหรอ ก็ไม่นี่ ‘’

    มิกิถอนหายใจ ‘’ นายลองเพ่งจิตมารวมกันที่ฝ่ามือทั้งสองข้างดู ‘’

    ‘’ อ่า ได้ ‘’ เขาพูดก่อนจะทำตาม ทั่วร่างกายเขารู้สึกร้อนรุ่มอย่างชัดเจน เหงื่อเม็ดปริมาณมหาศาลใหลออกมาจนเสื้อเปี่ยกชุ่มจนมือไม้สั่นไปหมด

    ‘’ กะ..เกิดอะไรขึ้น ‘’

    เขาพูดอย่างตื่นตระหนก ส่วนมิกิก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเช่นเคย

    ‘’ จุดนี้ร่างกายจะร้อนขึ้น รวบรวมความรู้สึกนี้ไปรวมที่ฝ่ามือ ‘’

    คิลก็รีบทำตามแต่โดยดี อาการร้อนรุ่มตามร่างกายหายไปหมดแล้ว แต่มันกลับมารวมกันที่ฝ่ามือแทนจนรู้สึกถึงชีพจนเต้นตุบๆเป็นจังหวะชัดเจนและเต้นถี่ขึ้นตามลำดับ

    ‘’ จากนั้นให้จิตนาการว่ามันมาอยู่รวมกันเหนือฝ่ามือนาย ‘’

    คิลกัดฟันแน่นหลับตาเพ่งจิตอย่างหนักจนเส้นเลือดบนใบหน้าปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นอาการร้อนรุ่มกระสับกระส่ายก็หายไปในเวลาต่อมาไม่นาน เมื่อรู้สึกปกติแล้วเขาจึงลืมตาช้าๆ

    ‘’ เฮ้ยยย!! ‘’ เขาอุทานอย่างตกใจเมื่อพบว่ามีก้อนพลังสีเทาขนาดเท่าลูกบอลลอยอยู่เหนือฝ่ามือทั้งสองข้าง เขาจึงขว้างมันออกไปอย่างตกใจ ฟิ้ววว!! ลูกพลังงานก้อนเท่าลูกบอลพุ่งออกนอกปราสาทราวกลับดาวตกก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

    ‘’ ไม่ใช่สีแดงสินะ ‘’ มิกิถอนหายใจ

    ‘’ นี่มันหมายความว่าไง ‘’ คิลถามอย่างสงสัย

    ‘’ เรื่องมันยาวมาก ไว้ค่อยอธิบายนะหรือไม่ก็ถามจิตใต้สำนึกนาย ดูคาดว่าไม่นานหรอกนายจะได้ยินเสียงมัน ‘’ มิกิพูด

    คิลอ้างปากค้างเพราะไล่ลำดับไม่ทัน ตอนนี้ก็งงเป็นไก่ตาแตกเรียบร้อย

    ‘’ นายมันพวกเรียนรู้ไว คนแบบนายไม่ดีก็เลวไปเลยแหละ เดี๋ยวฉันเข้าไปในงานก่อนนะรีบตามมาล่ะ ‘’ มิกิพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป

    คิลยังรู้สึกสงสัยอยู่ แต่ก็ไม่ใส่ใจเท่าไหร่นักเขาจึงเดินกลับมาที่เดิมซึ่งหญิงสาวในชุดอัศวินกำลังฝึกใช้ดาบคาตานะอยู่ เธอมองที่มาเยือนเล็กน้อยก่อนจะหยุดพัก

    ‘’ นายกลับมาสอนฉันหรอ ‘’

    ‘’ เปล่า พอดีไปทักทายเพื่อน ตอนนี้ก็ว่าจะเข้าไปร่วมงานเลี้ยงสักหน่อย ‘’ คิลตอบ

    ‘’ งั้นก็... ‘’

    เธอยังพูดไม่จบคิลก็ใช้ท่ากายาก้าวไร้เงาพุ่งมาตว้าร่างออกเธอหลบออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงของวัตถุปลายแหลมทิ่มพื้นถี่ยิบ ฉึกๆๆๆ! เขามองมีดสั้นสีทมิฬปักจากจุดที่ยืนอยู่ไม่ห่างโดยสีหน้าเรียบเฉย

    ‘’ พวกนายอีกแล้วหรอ ‘’

    ร่างของกลุ่มคนในชุดดำมิดชิดพร้อมกับหน้ากากปิดหน้าค่อยๆสืบเท้าออกมาจากเงามืดเล็กน้อย พวกมันเป็นกลุ่มคนที่คิลเคยเจอก่อนหน้าในปราสาทนั่นเอง

    ‘’ ไม่คิดว่าจะมาเจอกันอีกครั้งนะ ‘’ หนึ่งในชายชุดดำพูด

    คิลยิ้มเยาะ ‘’ ฉันก็ไม่ได้อยากจะเจอพวกนายสักหน่อย ‘’

    มันไม่พูดมาก มันถีบเท้าพุ่งเข้าใส่เป้าหมายอย่างรวดเร็วก่อนจะเหน็บมีดสั้นไว้ที่ง่ามนิ้วมือข้างละสามเล่มคล้ายกรงเล็บต่อยเข้าใส่อีกฝ่าย คิลเห็นอาวุธอีกฝ่ายพุ่งใส่ใบหน้าตน เขาจึงพลักเธอสาวออกไปห่างๆก่อนจะใช้สันมือพาดผ่านช่องว่างระหว่างมีดแต่ละเล่ม

    ผั้วะ! ความแรงในการพาดทำให้มีดสั้นสามเล่มร่วงจากมือตกสู่พื้น แต่ไม่หมดแค่นั้นมันใช้มืออีกข้างตวัดฟันเหนือไหล่ขวาของอีกฝ่ายเป็นแนวเฉียง คิลกะไว้แล้วจึงพุ่งสวนเข้าไปประชิดอีกฝ่ายทำให้การโจมตีนั้นไร้ผล เขาก้าวเท้าซ้ายแตะข้อพับอีกฝ่ายก่อนจะออกแรงผลักเบาๆอีกฝ่ายก็หงายหลังลงไปกระแทกกับพื้นอย่างง่ายดาย

    ตึ้งง! อั้กก! มันร้องอย่างเจ็บปวดก่อนจะรีบกลิ้งตัวหนีฝ่ายตรงข้าม คิลยืนมองไม่ได้ตามไปซ้ำ สายตาเขาจับจ้องไปที่ชายชุดดำอีกคนหนึ่งที่ยืนมองเพื่อนตัวเองอยู่ห่างๆ คิลชี้ไม่ที่ชายคนนั้น

     ‘’ ก่อนหน้านั้นนายไม่ได้อยู่กับคนพวกนี้นี่ นายเป็นใคร ’’

    คำพูดของคิลทำให้กลุ่มชายชุดดำต้องรีบหันไปมองชายคนนั้นอย่างหวาดระแวงก่อนจะรีบกระโดดถอยห่าง ส่วนเจ้าตัวก็ยืนกอดอกหัวเราะเบาๆ

    ‘’ ฮะๆ ความแตกเพราะนายคนเดียวเลย แย่จัง ‘’

    ‘’ ต่อให้ฉันไม่รู้ว่านายจะแฝงตัวมาด้วยเหตุผลอะไรก็เถอะ แต่ถ้านายช่วยพวกมันรุมฉันก็แย่น่ะสิ ‘’ คิลพูดเสียงเรียบ

    ‘’ ก็เลยรีบเปิดเผยตัวตนของผมก่อนหรอ ช่างรอบคอบจริงๆ ‘’ ชายคนนั้นพูด ก่อนจะเคลื่อนที่พริบตามาโผล่ข้างหน้าคิล ‘’ ถ้าผมกับนายสู้กันใครจะชนะ  ‘’

    ‘’ เราจะใช้เวลาสู้กันประมาณ 4-5 ชั่วโมงและคนชนะก็คือฉัน ‘’ คิลตอบ

    ‘’ งั้นหรอแย่จัง ‘’

    ชายคนนั้นพูดอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนได้ยินเสียงโวยวายจากรุ้งที่วิ่งตาลีตาเหลือกมาแต่ไกล ชายคนนั้นมองไปหารุ้งอย่างทึ่งๆคิลรู้ความคิดอีกฝ่ายอยู่แล้วจึงพูด

    ‘’ นายสัมผัสถึงพลังของเธอได้ใช่ไหม ‘’

    ‘’ ใช่ ‘’ เขาพยักหน้าเบาๆ ‘’ ถ้าผมสู้กับเธอ... ‘’

    ‘’ นายจะเดี้ยงภายใน 10 วินาที ‘’  คิดตอบโดยไม่คิด เป็นเวลาเดียวกับที่รุ้งวิ่งมาถึงพอดี

    ‘’ นี่คิล เห็นเพรชของฉันไหม มันหายไปไหนไม่รู้ ‘’ รุ้งถามอย่างตื่นตระหนก

    ชิบโหงละ เพรชของยัยรุ้งนี่หว่า คิลคิดในใจ

    ‘’ ถ้าแม่รู้ว่าใครขโมยไปนะ จะฆ่าให้หมดยกแผง ‘’ รุ้งพูดอย่างอาฆาตแค้น

    คิลกรอกตาไปมาก่อนจะชี้กวาดไปทางกลุ่มคนชุดดำ

    ‘’ พวกมันเป็นคนเอาไป ‘’

    ‘’ เอ้ยย!! ‘’ พวกมันอุทาน ส่วนชายอีกคนที่แฝงตัวเข้ามาก็อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก รุ้งมองอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมาอย่างน่าสยดสยอง เธอก้าวสามขุมไปดึงคอเสื้อชายคนแรกที่ยืนกับคิล

    ‘’ เอ่อ ผมไม่รู้จักพวกมันนะ แค่บังเอิญเดินผ่านมาแถวนี้ ‘’ อีกฝ่ายพูดก่อนจะพยายามกลืนก้อนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากลำบาก

    ‘’ หรอ ‘’

    ‘’ ฮับ ‘’

    ‘’ บินไปซะ ‘’ พูดจบเธอออกแรงเหวี่ยงอีกฝ่ายปลิวออกนอกปราสาทหายไปทันที  ‘’ ส่วนที่เหลือก็.. ‘’ รุ้งพูดก่อนจะมองไปหากลุ่มคนชุดดำที่กำลังนั่งกอดกันด้วยความสั่นกลัว

    อโหสินะ คิลคิดในใจก่อนจะหลับตาพยายามไม่มองภาพที่เกิดขึ้น

     

    เย้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×