ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนผึกทักษะผู้ใช้เทพอลเวง

    ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ 22 ผนึก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 178
      0
      2 ส.ค. 58

    พอรุ้งพูดจบ พื้นดินบริเวณรอบๆตัวคิลก็ค่อยๆยุบตัวลงราวกับถูกกดด้วยน้ำหนักมหาศาล เคมิสที่ยืนมองพื้นดินที่ยุบตัวลงไปเรื่อยๆต่อหน้าก็แอบลอบกลืนน้ำลายอย่างหวาดเสียว รุ้งจำกัดพื้นที่ไว้ไม่มากเพราะใช้พลังค่อนค่างเยอะพอสมควร เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีเธอจึงหันหลังเดินไปนั่งพักบนก้อนหินก้อนหนึ่ง

    ‘’ ยังไม่จบหรอกน่า ‘’ เสียงอันน่าหวาดหวั่นดังกระซิบข้างๆหู เธอสะดุ้งก่อนจะหันไปมองคิลที่ยืนอยู่ข้างหลังตอนไหนไม่รู้ก่อนจะรีบเทเลพอทหลบการโจมตีของชายหนุ่มทันที เปรี้ยงงง!! ก้อนหินที่เธอนั่งถูกฝ่าเท้าที่เต็มไปด้วยออร่าสีแดงเหยียบแตกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย ชายหนุ่มมองเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะเคลื่อนที่พริบตาตามเธอมาติดๆ

    รุ้งมองชายหนุ่มเคลื่อนไหวพุ่งมาหาเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย ‘’ นายเคยโดนเตะด้วยน้ำหนักแสนเท่ามั้ย ‘’ พูดจบเธอก็หมุนตัวแนวขวางเตะศีรษะอีกฝ่ายจนหน้าจมลงไปในพื้น ตู้มมม!! ถึงการโจมตีเธอจะได้ผล แต่เธอก็ไม่คิดที่จะลดการ์ดลงแม้แต่น้อย เปรี้ยงงง!! ร่างของคิลพุ่งทะลุขึ้นมาลอยเหนือพื้นก่อนจะก้มมองรุ้งด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับเร่งออร่าสีแดงจนเข้มข้น

    ส่วนรุ้งรู้ว่าอีกผ่ายกำลังเอาจริงเธอจึงบังคับก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นที่อยู่รอบตัวนับไม่ถ้วนให้ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ ฟิ้ววว!! ก้อนหินส่วนหนึ่งลอยวนรอบตัวเสมือนเกราะป้องกันที่ไร้ช่องโหว่ เธอรู้ว่าการจะเอาชนะชายตรงหน้าได้ต้องกินเวลามากกว่าสองวันและบาดเจ็บหนักไม่น้อยซึ่งไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก

    มิกิ เธอรีบๆมาช่วยฉันหน่อย พลังพิเศษใช้กับคิลไม่ได้ผลรุ้งส่งกระแสจิตไปหาอีกฝ่าย

    ตกลง เดี๋ยวฉันส่งอธีน่าไปช่วยเดี๋ยวนี้แหละพูดจบเธอก็อัญเชิญอธีน่าทันที เหมือนอธีน่าจะรู้จุดประสงค์ของมิกิอยู่แล้วจึงถีบเท้าทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง เธอใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบริเวณที่รุ้งกับคิลอยู่

    ทางฝั่งของคิลพยายามเร่งออร่าสีแดงเข้มข้นเข้าโจมตีรุ้งอีกครั้งแต่ถูกอธีน่าพุ่งมาข้างหลังก่อนจะกระชากคอเสื้อพร้อมกับขัดขาจนหงายท้องไปนอนกับพื้น เธอใช้เข็มสีทองสิบเล่มพุ่งไปปักส่วนต่างๆของร่างกายเขาเพื่อหยุดการไหลเวียนของพลังพิเศษ

    อธีน่ากระโดดถอยออกมาก่อนจะเกาคางตัวเองเบาๆ

    ‘’ ท่าทางจะแย่แฮะ ‘’

    ส่วนรุ้งที่เคยเจอเหตุการณ์ก่อนหน้าก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

    ‘’ พลังพิเศษที่มีคุณสมบัติผนึกการเคลื่อนไหวหรือผนึกพลังใช้ไม่ได้ผลกับเขา ‘’

    ‘’ งั้นก็ใช้พลังพิเศษเสริมพลังกายเข้าต่อสู้ เราคงต้องช่วยกันจับตัวเขาแล้วแหละ ‘’

    ‘’ เข้าใจแล้ว ‘’

    จากนั้นอธีน่าก็ส่งกระแสจิตสื่อสารกับมิกิทันที

    มิกิ เธอได้ยินฉันมั้ย

    มีไรหรออธีน่า มิกิที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าปราสาทตอบกลับ

    พลังพิเศษทั่วไปใช้ควบคุมเขาไม่ได้ ก่อนหน้าที่เขาไปฝึกกับครูสมิงแล้วไม่มีอาการแสดงพลังออกมา ฉันคิดว่าตอนนั้นเขาต้องมีอะไรบางอย่างที่คอยควบคุมพลังนั่นเอาไว้

    ขอฉันคิดดูก่อนนะ

    มิกิเดินตรงเข้าไปในปราสาทจนมาหยุดที่ซากของอาคารแห่งหนึ่ง เธอมองไม้กางเขนสีเงิบประกายเงาวับตรงหน้าก่อนจะลงมือคุ้ยเศษอิฐทีละชิ้นจนมาพบกับประตูทางลับใต้ดินขนาดสี่เหลี่ยมจตุรัส เธอออกแรงเพียงนิดเดียวก็สามารถเปิดประตูอย่างง่ายดายก่อนจะก้าวขาลงไป เป็นจังหวะเดียวกับลิขิตเดินสวนขึ้นมาพอดี

    ‘’ มิกิ!! ‘’ ลิขิตโผลกอดเพื่อนสาวอย่างดีใจ

    ‘’ ลิขิต ‘’ มิกิยิ้มก่อนจะถามเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซึ่งเธอก็ได้ตอบตรงๆไม่มีบิดเบือนเลยแม้แต่น้อย มิกิทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะดีดนิ้วเบาๆ ‘’ ฉันรู้แล้ว ‘’

    ‘’ รู้อะไร ‘’ ลิขิตถามด้วยความสงสัย

    ‘’ สร้อยกางเขนของคิลไง เธอได้เก็บมันมาหรอเปล่า ‘’

    ‘’ อื้ม เห็นใส่ไว้ตลอดไม่ยอมถอดฉันก็เลยเก็บมาด้วย ‘’ เธอพูดพร้อมกับแบมือที่เต็มไปด้วยเศษโลหะสีเงินสภาพดูไม่สร้อยสักนิด มิกิรับโลหะสีเงินมาถือก่อนจะแปรสภาพให้กลายเป็นเข็มเล็กๆ

    ‘’ ถ้าทำให้มันกลับเป็นเหมือนเดิมนี่คงทำได้ยากยิ่งเวลามีจำกัดแบบนี้ สงสัยต้องใช้วิธีนั้นอย่างเดียว ‘’

    ‘’ วิธีไหนหรอ ‘’

    ลิขิตถามอย่างสงสัย มิกิจึงขยับเข้าไปกระซิบเบาๆทำให้ลิขิตแสดงสีหน้าตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

    ‘’ ถึงจะโหดไปหน่อย แต่ก็มีอยู่ทางเดียว ‘’ มิกิพูด

    ‘’ เข้าใจแล้ว ‘’

    เมื่อทั้งสองคุยกันเสร็จ ทั้งคู่ก็ทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงสุดทันที

    ‘’ บ้าจริง เจ้านี่มันไวเป็นปรอทเลย ‘’ อธีน่าพูดอย่างหงุดหงิด เธอพยายามที่จะเข้าหาตัวคิลหลายๆครั้งแต่ก็ถูกสะบัดออก หรือไม่ก็เคลื่อนที่พริบตาหนีไปซะดื้อๆ เพราะอีกฝ่ายเข้าใจเจตนาของพวกเธอดีจึงไม่ยอมให้จับตัวง่ายๆ ส่วนรุ้งมองคิลที่ยืนลอยตัวห่างออกไปไม่มากก่อนจะปิ๊งไอเดียอะไรบางอย่างออก เธอเทเลพอทมาหาเคมิสที่นั่งดูเหตุการณ์เบื้องล่างอย่างลุ้นระทึก

    ‘’ เคมิสจ๋า ‘’

    ‘’ ครับ ‘’

    ‘’ ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ ‘’ รุ้งพูดพร้อมกับกุมมือเคมิสอย่างแน่นหนา แววตาดูไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด

    ‘’ แหะๆ ไม่จำเป็นต้องจับกันแน่นเลยก็ได้นะครับ ‘’ เคมิสเหงื่อตก เขาหัวเราะแห้งๆพร้อมกับพยายามแกะมือเธอออก แต่ช้าไปแล้วรุ้งดึงมือเขาให้เข้ามาใกล้ๆก่อนจะออกแรงจับปกเสื้อ โยนเขาพุ่งไปหาคิลด้วยความเร็วสูงลิบ

    ‘’ สู่ความเวิ่งว้างอันไกลโพ้น ‘’

    ฟิ้ววว!! แว๊กกก!! ร่างของเขาหมุนติ้วพร้อมกับตะเกียกตะกายกลางอากาศ ก่อนจะมาหยุดที่เบื้องหนาของชายหนุ่มผู้มีดวงตาแดงก่ำผู้น่าขนลุก มันเร่งออร่าสีแดงเข้มก่อนจะยิ้มเหี้ยมมาที่เขา

    ‘’ เอ่อ หวัดดีครัช ‘’ เคมิสยิ้มหวานพูดพร้อมกับกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะฟังคำพูดเขาแน่นอนบาทาแสนหนักหน่วงถูกทิ้งลงมาใส่ใบหน้าเคมิสอย่างจัง เปรี้ยงงง!! เสียงปะทะดังก้องแสบแก้วหูก่อนจะส่งเขาหมุนติ้วกลับนะจุดเดิมที่เขามาในสภาพหน้าทิ่มพื้น

    ‘’ ตอนนี้แหละ ‘’ รุ้งตะโกนลั่น ส่วนอธีน่าก็เร็วเท่าความคิด เธอพุ่งไปข้างหลังคิลก่อนจะรวบแขนเขาไว้ข้างหลังก่อนจะพาทั้งสองร่างพุ่งลงมาที่พื้นธรณี ตู้มมม!! แผ่นหลังของอีกฝ่ายปะทะกับพื้นดินอย่างแรง อธีน่ารีบใช้จังหวะนี้ก้มหน้าลงไปกดคออีกฝ่ายด้วยศอกเพื่อไม่ให้เขาลุกหนี เมื่อตรึงอีกฝ่ายได้แล้วรุ้งจึงชี้ไปที่ร่างทั้งสองก่อนจะดีดนิ้วเบาๆ

    ‘’ ขอโทษนะอธีน่า ‘’ เธอพูด

    ‘’ ฉันเข้าใจ ‘’ หญิงสาวผมทองร่างอ้อนแอ้นถอนหายใจ

    รุ้งเข้าใจดีว่าการใช้พลังโดยตรงกับคิลย่อมไร้ผลอยู่แล้ว เธอจึงเลือกใช้ทางอ้อมกับอธีน่าโดยให้เธอไปค่อมร่างคิลให้ได้ก่อนจะกดให้ติดพื้น ส่วนอธีน่าก็ทราบอยู่แล้วว่าลำพังแรงของเธอก็เอาไม่อยู่เพราะเธอก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนเฮอร์คิวลิส

    ‘’ แรงโน้มถ่วนแสนเท่า ‘’

    เปรี้ยงงง!! ผลของแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นมหาศาลทำให้เทพีสาวที่กำลังนั่งก้มหน้ากดร่างอีกฝ่ายถลาตัวลงมาจนใบหน้าเธอแนบชิดกับแก้มของฝ่ายตรงข้าม

    ‘’ แต่เดี๋ยวก่อนนะยัยรุ้ง ในเมื่อฉันก็ช่วยจับให้แล้วเธอไม่จำเป็นต้องใช้แรงโน้มถ่วงระดับนี้ก็ได้ ‘’ อธีน่าพูดอย่างตื่นตระหนก

    ‘’ คิกคิก เอาชัวไว้ก่อนดีกว่าน่า ฉันไม่อยากให้เคมิสเจ็บตัวอีกรอบหรอกนะ ‘’ รุ้งหัวเราะก่อนจะมองเคมิสที่กำลังพยายามดันตัวเองขึ้นจากพื้นอย่างช้าๆ

    ‘’ เธอนี่มัน!! ‘’ อธีน่าหน้าแดงแจ๋ ก่อนจะพูดอ้อมแอ้มเบาๆ ‘’  มันชิดกันเกินไป ‘’

    ‘’ ตายแล้ว ฉันก็ลืมไปซะสนิทเลยว่าเธอเป็นเทพีผู้ยึดถือพรหมจรรย์ ไม่คุ้นกับผู้ชายนี่ ‘’

    ‘’ ยัยปีศาจ ‘’ อธีน่าพูดจบพวกมิกิก็มาถึงพอดี

    ‘’ พอได้แล้วน่ารุ้ง ฉันได้เจ้าสิ่งนี้มาแล้ว ‘’ มิกิพูดพร้อมกับแบมือที่เต็มไปด้วยเข็มสีเงินเล็กๆ ‘’ ฉันคิดว่าเจ้านี่มีคุณสมบัติยับยั้งพลังของคิลได้ ซึ่งฉันได้ใส่หอกเข็มทองคำผสมลงไปด้วยซึ่งน่าจะได้ผลดีเลยทีเดียว ‘’

    ‘’ งั้นก็รีบจัดการเลยก่อนที่คิลจะเสียตัวให้อธีน่าเสียก่อน ‘’ รุ้งแกล้งพูด ส่วนเทพีสาวก็หันขวับมามองเจ้าตัวอย่างคาดโทษ

    ‘’ งั้นก็เริ่มกันเลย ‘’ มิกิพูดพร้อมกับเคลื่อนร่างไปหาคิลก่อนจะหยิบเข็มสีเงินแทงไปที่ไหล่ขวาทันที ‘’ อืม ได้ผลอยู่นิดหน่อยนะ เพราะถูกทำให้เล็กลงแน่ๆ ‘’

    ‘’ มิกิ!! ‘’ อธีน่าพูดเสียงดัง ‘’ ฉันรู้นะว่าเธอคิดจะเล่น รีบทำให้มันจบๆได้แล้ว ‘’

    มิกิถอนหายใจอย่างเสียดายก่อนจะหันไปหารุ้ง

    ‘’ เธอปลดแรงโน้มถ่วงออกได้แล้ว อธีน่าเล่นนอนแนบชิดติดกันขนาดนี้ฉันจะผนึกส่วนนั้นได้ยังไง ‘’

    รุ้งพยักหน้าก่อนจะดีดนิ้วอีกครั้ง อธีน่าก็เป็นอิสระเธอรีบผงะออกจากร่างคิลทันที จากนั้นมิกิก็เคลื่อนร่างมานั่งบนตัวเขาก่อนจะใช้ฝ่ามือทาบไปที่ตำแหน่งหัวใจอย่างแผ่วเบา เปรี้ยงงง!! แสงสว่างประกายสีทองเจิดจางไปรอบบริเวณก่อนจะค่อยๆริบหรี่ลง ตอนนี้ออร่าสีแดงเข้มข้นที่ล้อมรอบตัวคิลนั้นได้หายไปหมดแล้ว

    ‘’ เฮ้อ ‘’ สาวๆต่างพากันถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าแตกต่างกันไป ส่วนเคมิสเอาหัวขึ้นจากพื้นได้แล้วก็มองอย่างงงๆก่อนจะรับหน้าที่แบกคิลกลับเข้าเมืองในเวลาต่อมา ส่วนคอลซิสที่นั่งมองการต่อสู้ก็กลับไปแบบเงียบๆ

    ‘’ ฉันอยากอาบน้ำเหลือเกิน ‘’ รุ้งพูดพร้อมกับบิดขี้เกียจ

    ‘’ ก่อนอื่นต้องกลับไปเคลียปัญหาที่ปราสาทก่อน จากนั้นก็จับตัวคนอัญเชิญมังกรออกมา ‘’ มิกิพูดพร้อมกับทำสีหน้าครุ่นคิด

    ‘’ ถ้าเป็นเจ้านั่นล่ะก็ มันตายไปแล้วล่ะ ‘’ ลิขิตพูด

    ‘’ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง ‘’ มิกิพ่นลมหายใจออกมาแรงๆก่อนจะเดินมาหยุดที่ประตูทางเข้าหน้ากำแพงปราสาทขนาดใหญ่ เธอออกแรงนิดเดียวประตูขนาด 50 เมตรก็เปิดออกอย่างง่ายดาย

    ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้สามสาวกับมังกรอีกหนึ่งแปลกใจไม่น้อยเพราะเหล่าทหารและพวกแม่มดออกมาต้อนรับเนืองแน่น พวกนั้นโห่ร้องออกมาอย่างยินดีก่อนจะกรูกันเข้ามาทักทาย

    ‘’ สมแล้วที่พวกคุณมาจากดินแดนตะวันออก เก่งสมคำร่ำลือจริงๆ ‘’ คอสโม่ผู้เป็นตัวแทนค้อมศีรษะ

    ‘’ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ฉันยังทำอะไรไม่ค่อยได้เลย ‘’ ลิขิตโบกมือหยอยๆ

    ‘’ ทำไมถึงพูดเช่นนั้นล่ะ ท่านช่วยชีวิตฉันถึงสองครั้งสองคราถือว่ามีประคุณอย่างสูง ‘’ คอสโม่รีบกล่าว

    ‘’ พอได้แล้วทุกคน ทำแบบนี้มีแต่จะทำให้แขกของเราอึดอัดเปล่าๆรีบไปทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว ‘’ เสียงของกษัตริย์ดังขึ้นทำให้ทหารกับแม่มดต้องรีบแยกย้ายกันทันที กษัตริย์เดินเข้ามาหาพวกลิขิตก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

    ‘’ ขอบคุณที่ช่วยจัดการปัญหาต่างๆให้เรา พวกเธอน่าทางจะเหนื่อยนะไปพักที่ห้องกันก่อนสิ ‘’ เขาพูดก่อนจะหันมาหาเคมิสที่กำลังแบกคิลอยู่ ‘’ ส่วนพวกเธอไปพักอีกฝั่งแล้วกันนะ แต่ถ้าไม่สบายใจมาฉันจะเคลียห้องข้างๆพวกผู้หญิงให้ ‘’

    ‘’ มิได้ครับๆ ผมจะสบายใจมากถ้าอยู่ห่างๆพวกเธอ ‘’ เคมิสรีบตอบ

    มิกิกับรุ้งหันขวับมาหาเคมิสทันที ส่วนเจ้าตัวก็แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้เดินหนีไปซะดื้อๆ

    ‘’ ไม่มีอะไรแล้ว ก็ขอให้เชิญตามสบายนะ ‘’ กษัตริย์พูดก่อนจะเดินจากไป

    ห่างจากตัวปราสาทไม่มากมีหญิงสาวกับชายหนุ่มกำลังคุยกันอยู่

    ‘’ นายรู้ข่าวที่ว่ามีมังกรมาโจมตีปราสาทมั้ย ‘’ หญิงสาวผมดำเงาร่างเล็ก ใบหน้าเรียวงามพูด

    ‘’ ได้ยินสิ ฉันเลยรีบวิ่งแจ้นมาที่นี่เลยล่ะ แต่มันถูกปราบไปแล้ว ‘’ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาเอาการ ไว้ผมสั้นสีแดงเข้มพูดด้วยน้ำเสียงเซงๆเล็กน้อย

    ‘’ ได้ข่าวว่าคนที่ปราบมันเป็นสาวกของเทพธิดา ‘’

    ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะชี้ไปหาเคมิสที่เดินเล่นอยู่บนกำแพงปราสาท

    ‘’ ฉันไม่คิดว่ามังกรจะมาเป็นสาวกเทพธิดาหรอก ‘’

    เธอมองไปที่เคมิสก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

    ‘’ คิกคิก นั่นคู่แค้นนายนี่ โลกกลมจังเลยนะ ‘’

    ‘’ แต่อีกคนไม่เห็นมาด้วยกันเลย หรือว่าเจ้านั่นหลบอยู่แถวนี้ ‘’ ชายหนุ่มกวาดสายตามองหา

     ‘’ อยู่คนเดียวก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ นายจะได้ไปเอาดาบคาตานะมุรามาสะคืนสักที ‘’

    เขาส่ายหัวเบาๆก่อนจะมองเหม่อไปหาดาบคาตานะที่เคมิสคาดไว้อยู่

    ‘’ ไม่รู้สิ ฉันอยากชนะตอนที่เจ้าพวกนั้นอยู่พร้อมกันมากกว่า ‘’

    หญิงสาวตาเป็นประกาย ก่อนจะกระโดดลงมาจากต้นไม้

    ‘’ นายไม่กลัวแพ้แบบคราวนั้นหรอ ‘’

    ‘’ ไม่มีทาง ‘’ ชายหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ

    ‘’ ก่อนอื่นเราต้องสืบก่อนว่าพวกตะวันออกที่พามังกรเข้าปราสาทมันมีเจตนาอะไร ‘’ หญิงสาวหันไปมองรุ้งที่โผล่มาแกล้งเคมิสจนเขาแทบจะตกจากกำแพง

    ‘’ อืม หรือว่ายัยนั่นจะเป็นสปายพามังกรเข้ามายึดปราสาท ‘’ เขาตั้งข้อสงสัย

    ‘’ จากที่พวกทหารเล่ากันมา ดูเหมือนพวกเธอจะแกร่งพอที่จะสามารถยึดปราสาทโดยไม่ต้องยืมมือมังกรด้วยซ้ำนะ ‘’

    ‘’ ก็แค่ข่าวลือน่า พวกเราไปกันเถอะ ‘’ พูดจบทั้งสองก็หายไปราวกับสายลม

    ‘’ ฮัดชิ้ววว!! ‘’ รุ้งที่กำลังยืนชมวิวบนกำแพงปราสาทจามออกมาอย่างแรง ก่อนจะกวัดมือเรียกเคมิสให้เข้ามาหา ‘’ มีอะไรหรอครับ ‘’ เธอดึงชายของเขามาก่อนจะสั่งน้ำมูกใส่ทันที ซู้ดดด! พรื้ดด!!

    ‘’ อี๋ สกปรก ‘’ เคมิสรีบสะบัดชายเสื้อออกอย่างตกใจ

    ‘’ ดูเหมือนจะมีคนนินทาฉันนะ ฮัดชิ้ววว!! ‘’ รุ้งพูดก่อนจะจามอีกครั้ง

    ‘’ ผมว่าคุณเป็นหวัดมากกว่า เรากลับเข้าปราสาทกันเถอะ ‘’

    ‘’ เหมือนจะลืมอะไรบางอย่างนะ แต่นึกไม่ออกแฮะ ‘’ เธอพูดพึมพัมก่อนจะเดินเข้าปราสาทไป  

    ................................................................................................................................................................................

    ทางฝั่งของเมอลินที่กำลังนั่งอยู่บนเกวียนที่มีออร์คเขียวลากอยู่ ข้างหลังเขามีออร์คนับไม่ถ้วนแบกสมบัติเดินตามอยู่ไม่ห่างมากนัก นี่ก็ผ่านไปได้หลายชั่วโมงแล้วพวกมิกิกับรุ้งไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาเลย จนตะวันเริ่มตกดินแล้ว

    ‘’ นี่รุ้งมัวไปทำอะไรอยู่นะ กลับมาสักทีเถอะ ‘’ เมอลินบ่น

    ‘’ เรียกท่านรุ้งสิ ‘’ ออร์คเขียวที่ลากเกวียนหันมามองค้อน

    ‘’ ครับท่านรุ้ง ‘’ TT

     

     

    ตั้งวันพรุ่งนี้ประมาณสองสามวันจะติดธุระเน้อ จุฟๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×