ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนผึกทักษะผู้ใช้เทพอลเวง

    ลำดับตอนที่ #20 : บทที่ 19 คอสโม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 224
      0
      27 ก.ค. 58

    พูดจบทั่วร่างของมิกิก็บังเกิดแสงสว่างสีทองพร้อมกับสายลมนับสิบสายพุ่งกระจายออกเป็นวงกว้างผมสีชมพูที่ปกติจะมัดไว้เรียบร้อยถูกปล่อยออกมาเป็นอิสระ ชุดผ้าแพรสีสะอาดตาและเส้นผมของเธอพลิ้วไสวไปตามแรงลมก่อนสายลมและแสงสีทองทั้งหมดจะไปรวมกันที่แห่งเดียวจนเกิดเป็นรูปร่างผู้หญิงคนหนึ่ง อาวุธและเครื่องป้องกันที่เธอใช้เป็นแบบเดียวกับมิกิทุกอย่างแต่เธอคนนั้นทรงพลังกว่าจนเทียบไม่ติด

    ‘’ อธีน่า ‘’ คอลซิสมองเทพีเหตุโอลิมปัสด้วยสายตาแข็งกร้าว เทพีสงครามไม่สนใจพญามังกรผู้ใหญ่เลยสักนิดเธอเดินไปหามิกิที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น ‘’ นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้อัญเชิญฉันออกมา ‘’ อธีน่าพูด

    ‘’ ครั้งสุดท้ายที่สู้กับเทพของลิขิตก็เมื่อห้าปีที่แล้ว ‘’ มิกิตอบเสียงเรียบ

    ‘’ ใจร้ายจัง ทำไมไม่อัญเชิญฉันมาบ่อยๆ เจ้าเอเรสมันชวนฉันทะเลาะทุกครั้งก็เจอหน้าจนฉันรำคาญเต็มที ‘’ อธีน่าปักหอกทองคำลงพื้นก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ส่วนคอลซิสเห็นว่าตนเองถูกเมินก็โกรธจนหน้าแดงก่ำมันดึงดาบสองคมขนาดใหญ่ที่สะพายออกมาก่อนจะพุ่งไปยังมิกิและอธีน่าราวกับวายุพิโรธที่จะปัดเป่าทุกอย่างให้หายไป

    อธีน่าส่ายหัว ‘’ ข้างหลังแกน่ะ ‘’ เธอพูดก่อนจะนั่งลงข้างๆมิกิอย่างใจเย็น ส่วนคอลซิสได้ยินเข้าก็รีบหันหน้าไปดูทันทีแต่สายไป มันถูกหมัดของเคมิสต่อยเข้ากลางใบหน้าอย่างแรง เปรี้ยงงง!! เสียงกัมปนาทราวกับฟ้าฝ่า ร่างของมันกระเด็นไปกระแทกพื้นดินจนเป็นหลุมใหญ่ เคซิสที่ลอยอยู่เหนือปากหลุมยืนมองผลงานตัวเองก่อนจะผายมือไปข้างหน้า ‘’ ฝ่ามือเพลิงโลกันต์ ‘’ พูดจบก็มีลูกไฟสีน้ำเงินร้อนระอุขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา ลูกไฟสีน้ำเงินพุ่งใส่คอลซิสอย่างดุดันหมายฆาตชีวิต

    คอลซิสเห็นลูกไฟสีน้ำเงินพุ่งมาโจมตีตน มันก็เกร็งท่อนแขนจนกล้ามเนื้อกระตุกจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนออกมา ออร่าสีดำแดงแผ่ออกมารอบตัวพร้อมจิตสังหาร มันใช้ดาบยักษ์ของมันขว้างไปที่ลูกไฟสีน้ำเงินอย่างแรง ฟิ้ววว!! เสียงดาบเหล็กเสียดสีกับอากาศด้วยความเร็วจนเกิดการลุกไหม้ ถ้ามองจากไกลๆจะเห็นเป็นแสงสีแดงเส้นหนึ่ง พลังของทั้งสองเข้าปะทะกันกลางอากาศอย่างรวดเร็วจนเกิดการระเบิดเพลิงสีน้ำเงินขนาดใหญ่ สะเก็ดลูกไฟสีน้ำเงินขนาดเท่ากำปั้นนับไม่ถ้วนพุ่งกระจายออกจากศูนย์กลางของแรงระเบิดต่างตกลงมาราวกับห่าฝน

    สะเก็ดลูกไฟที่เกิดจากการระเบิดกระจายไปในรัศมีหลายกิโลเมตรจนอธีน่าต้องสร้างโล่สีทองมาป้องกันตัวเองกับมิกิไว้ โดยปกติสำหรับเธอความรุนแรงแค่นี้ไม่จำเป็นต้องสร้างโล่มากป้องกัน แต่มิกิตอนนี้ไม่อยู่ในสภาพที่จะปกป้องตัวเองได้เธอจึงต้องปกป้องผู้อัญเชิญก่อนเป็นลำดับแรก ส่วนสะเก็ดลูกไฟสีน้ำเงินลูกอื่นที่ตกลงพื้นก็ระเบิดออกมาจนพื้นที่รอบๆบริเวณเต็มไปด้วยหลุมเล็กหลุมน้อย

    ‘’ เคมิสมีพลังเยอะขนาดนี้เชียวหรอ มากกว่าตอนปะทะกับฉันเสียอีก ‘’ มิกิพูดอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง อธีน่าหันมาอธิบาย ‘’ หัวใจของมังกรเป็นแหล่งกำเนิดพลัง ตอนแรกเคมิสสยอมละหัวใจเพื่อทำลายขีดจำกัดทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นมหาศาล ภายหลังเทมิสใช้วิชาแลกเลือดปลูกถ่ายหัวใจของตนเองให้เคมิสทำให้เคมิสได้พลังของเทมิสมาโดยไม่สูญเสียพลังเดิมของตนเองไป ‘’

    ‘’ งั้นก็แสดงว่าเคมิสจะสามารถเอาชนะคอลซิสได้นะสิ ‘’ มิกิพูดออกมาอย่างยินดี อธีน่าส่ายหัว ‘’ ไม่เลยสักนิด แตให้เธอกับเคมิสอยู่ในสภาพสมบูรณ์รุมโจมตีมันก็ตาม ‘’ อธีน่าสลายโล่พลังออกก่อนจะนั่งดูการต่อสู้ของมังกรทั้งสอง

    เคมิสที่อยู่ในร่างของมนุษย์มองทอลซิสด้วยสายตาแข็งกร้าว เขาร่ายเวทสายฟ้าทมิฬโอบล้อมร่างกายก่อนจะถีบเท้าพุ่งใส่มันดั่งอสนีบาตฟาดฟันลงมาก่อเกิดคลื่นกัมปนาท ทอคซิสถมน้ำลายลงกับพื้นก่อนจะแผ่ออร่าสีแดงฉานพุ่งขึ้นไปหาเคมิสทันทีด้วยความเร็วไม่แพ้กัน เมื่อพลังมหาศาลกับพลังที่ทรงอำนาจมาปะทะกันทำให้เกิดคลื่นที่มองไม่เห็นกระจายออกจากแรงปะทะเป็นคลื่นโซนิค

    แม้ทั้งสองจะต่อสู้กันกลางอากาศแต่ก็สามารถทำให้พื้นดินข้างล่างถูกพลังจากแรงทะปะกดลงให้ยุบลงไปเป็นหลุมขนาดใหญ่ได้ ทั้งสองเคลื่อนที่พริบตาแลกหมัดกันอย่างรุนแรงจนกำแพงอากาศที่อยู่รอบๆแตกเป็นเสี่ยงๆ การต่อสู้ของทั้งคู่กินรัศมีไปไกลหลายกิโลเมตร จนเหล่าบรรดาสัตว์รวมไปถึงพวกมอนเตอร์บางส่วนหนีตายกันจ้าละหวั่น ทั้งสองกระโดดแยกจากกันก่อนจะถีบเท้าพุ่งใส่คู่ต่อสู้ เคมิสฟันศอกใส่ใบหน้าอีกผ่ายอย่างแรงแต่อีกผ่ายยกการ์ดขึ้นมากัน เปรี้ยงงง!! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนแสบแก้วหู ความรุนแรงถึงขนาดทำให้แผ่นดินสะเทือนไปหลายกิโลเมตร

    เคมิสจ้องหน้าทอลซิสอย่างไม่วางตาไม่ว่าจะโจมตีอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้อีกผ่ายบาดเจ็บได้ถึงแม้พลังที่เขามีจะมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัว ส่วนคอลซิสมองเคมิสด้วยสายตาเย็นชา ‘’ แค้นที่เพื่อนแกตายเรอะ ความแค้นอย่างเดียวมันเอาชนะข้าไม่ได้หรอก ‘’ พูดจบมันก็เคลื่อนร่างพริบตาไปโผล่เหนือศีรษะเคมิสก่อนจะยกส้นเท้าขึ้นสูงฟาดลงมาใส่หน้าผากอีกฝ่าย แต่เคมิสยกการ์ดขึ้นมากันอย่างถ้วนทีแต่ความแรงมหาศาลทำให้เขากระเด็นไปกระแทกพื้น เปรี้ยงงง!! ตู้มม! อ้ากกก! ‘’ บัดซบ ‘’เคมิสสถบออกมาอย่างโมโหก่อนจะพุ่งไปหาคอลซิส แต่มันเคลื่อนที่พริบตามาดักหน้าเขาจะถีบเข้ากลางอกจนเคมิสกระเด็นไปกลิ้งกับพื้นหลายตลบ

    ‘’ เล่นกับแกจนเบื่อละ คราวนี้ก็ตายได้แล้ว ‘’ ทอลซิสพูดก่อนจะย่างสามขุมไปหาเคมิสก่อนจะดึงร่างเขาขึ้นอย่างช้าก่อนจะเรียกลูกพลังสีทมิฬในมือขวาจนเกิดเป็นประกายไฟฟ้าวิ่งรอบท่อนแขนของมันอย่างน่าหวาดเสียว แต่ก่อนมันจะลงมือก็ถูกหอกทองคำพุ่งไปใส่ท่อนแขนของมันที่ถือร่างของเคมิสอยู่ มันจึงปล่อยเคมิสก่อนจะกระโดดถอยห่างก่อนที่หอกจะโดนแขนมัน มันมองไปหาอธีน่าด้วยสายตาแข็งกร้าว

    ‘’ ฉันคิดว่านายพอแค่นี้ดีกว่า เดี๋ยวฉันจะมาเล่นกับนายแทนละกัน ‘’ อธีน่าพูดก่อนการเคลื่อนร่างมาโผล่ตรงหน้าคอลซิสโดยไม่ทันตั้งตัวก่อนจะใช้เท้าขวาเตะเสยใบหน้าของมันจนกระเด็นขึ้นฟ้า เธอเคลื่อนที่พริบตาไปดักทอลซิสอย่างรวดเร็วก่อนจะประสานมือชูเหนือหัวทุบใส่กลางแผ่นหลังของมันอย่างแรงจนมันพุ่งลงอัดกับพื้นจนพื้นดินแตกร้าว เปรี้ยงงง!! ตู้มมม! ไม่พอแค่นั้นเธอยังใช้ประโยชน์จากแรงโน้มถ่วงบวกกับพลังแสงสีทองของเธอพุ่งไปซ้ำหน้ากลางอกของมันโดยไม่ทันได้ลุก อ้ากกก!! มันกระเลือดออกมาเป็นฝอย อธีน่าไม่มีความปราณีอะไรทั้งนั้น เธอใช้มือซ้ายกระชากคอลซิสขึ้นมาต่อยรัวๆอยู่ผ่ายเดียวจนใบหน้ามันหมดสภาพไม่เหลือเค้าโครงดีๆอยู่เลย

    ‘’ กระจอก ‘’ พูดจบเธอก็เหวี่ยงร่างมันลงไปอัดกับพื้นจนแผ่นดินสะเทือน เธอมองร่างของคอลซิสที่นอนแผ่หลาอย่างหมดสภาพก่อนจะใช้บาทาเหยียบใบหน้ามันอีกครั้งจนร่างมันเกร็งกระตุก เลือดสดๆสีดำจำนวนมากไหลออกมาจากบาดแผลของมันรวมไปถึงหูตาจมูกมันด้วย

    ‘’ แปลงร่างสิ กลับเป็นมังกรที่คิดว่าทรงพลังนักหนาไง ‘’ อธีน่าพูด แต่ดูเหมือนทอคซิสจะจะสลบไปเรียบร้อยแล้ว เธอหัวเสียนิดหน่อยก่อนจะเดินไปหิ้วร่างเคมิสวาปมาหามิกิทันที ‘’ เธอไม่ได้ฆ่ามันหรอ ‘’ มิกิถาม

    ‘’ ถึงมันจะสมควรตาย แต่มันก็เป็นถึงหนึ่งในพญามังกรที่คอยถ่วงดุลอำนาจของหุบเขามังกร ถ้าฆ่ามันเมื่อไหร่อาจมีการก่อกบฎเกิดขึ้นและไทฟอนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แน่นอน ‘’ อธีน่าอธิบายก่อนจะหันไปมองร่างเคมิสที่สลบอยู่ ‘’ ส่วนเคมิสไม่สามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงไม่สามารถกลับหุบเขามังกรได้ ถ้าปล่อยให้ตายก็คงจะใจดำเกินไป ‘’

    เมื่อจบปัญหาอธีน่าก็กลับไปยังโอลิมปัสทันทีก่อนเธอจะคิดอะไรออก ‘’ ที่นี่มีฉันสองคนนี่นา ‘’ อธีน่าพูด แน่นอนว่าเมื่อเธอพูดจบเอเรสกับโพไซดอนก็ปรากฏตัวออกมาตรงหน้าเธอพอดี

    ‘’ อธีน่า ‘’ เอเรสพูด

    ‘’ อธีน่า ‘’ โพไซดอนพูด

    ‘’ เรียกจังเลย ตาแก่กับตาบ้าสงคราม ‘’ อธีน่าตอบกลับอย่างรำคาญ

    ‘’ เธออยู่กับซุสไม่ใช่หรอไง ‘’ โพไซดอนถาม

    ‘’ ใช่ ตัวฉันตอนนี้อยู่กับซุส ไม่เชื่อไปดูได้เลย ‘’ อธีน่าตอบท่าทางกวนประสาท

    ‘’ ใครคือตัวจริง ‘’ เอเรสถามเสียงเรียบ

    ‘’ ฉันคือตัวจริงทั้งคู่ ‘’ พูดจบเอเรสก็ง้างหมัดต่อยใส่อธีน่าอย่างรุนแรงจนแผ่นดินสะเทือน ความแรงจากการต่อยทำให้พื้นที่บริเวณรอบๆยุบตัวลงหลายเมตร เอเรสรู้ดีว่าอธีน่าเคลื่อนร่างหลบมาอยู่ข้างหลังเขา มันจึงเนตรมิตดาบสลับคมขนาดเหมาะมือออกมาฟันสวนไปที่ลำตัวเธออย่างรวดเร็ว

    เคร้งงง!! เสียงดาบปะทะกับโล่ดังสนั่น อธีน่าใช้หอกในมืออีกข้างแทงสวนไปที่ลำคอเอเรสอย่างรวดเร็ว แต่มันเคลื่อนร่างหลบก่อนจะต่อยสวนกลับมาที่ใบหน้าของเธอ ฟุบบ! เธอเอียงตัวหลบก่อนจะหมุนตัวเตะกลับหลังเข้ากลางอกเอเรสอย่างแรง เปรี้ยงงง!! แรงปะทะเหมือนจะรุนแรงแต่ดูเหมือนจะเล็กน้อยสำหรับมัน เอเรสถอยหลังออกมาสองก้าวก่อนจะถอนหายใจ

    ‘’ ตัวจริงทั้งคู่สินะ ช่วยอธิบายมาหน่อยว่าทำไมจู่ๆเธอถึงมีสองคนได้ ‘’ เอเรสพูดจบอธิน่าก็เล่าเหตุการณ์แต่แรกตั้งแต่เดินทางเข้ามาในช่องว่างระหว่างมิติและเกิดการย้อนเวลาตามที่เห็น ถึงแม้เธอจะไม่อยู่ในเหตุการณ์โดยตรงแต่เธอก็สามารถรับรู้เรื่องราวผ่านมิกิได้

    ‘’ เหตุการณ์มันเป็นแบบนี้เองสินะ เอาเถอะเดี๋ยวเราจะแจ้งให้เทพองค์อื่นทราบเอง อย่าก่อความวุ่นวายล่ะ ‘’ โพไซดอนพูดก่อนจะเปล่งแสงออร่าสีฟ้าออกมารอบตัวก่อนจะวาปหายไปพร้อมกับเอเรส

    ‘’ เจ้าพวกนี้วุ่นวายเป็นบ้า ‘’ อธีน่าบ่นก่อนจะเดินเข้าไปหามิกิ ‘’ เหมือนเดิมนะ ขออาศัยร่างหน่อยละกัน ‘’ พูดจบอธิน่าก็เดินหายเข้าไปในตัวมิกิทันที

    มิกิถอนหายใจเบาๆก่อนจะใช้ความคิด พวกมังกรที่เหลือรอดต่างก็พากันหนีกลับหุบเขามังกรเรียบร้อย เธอมองเคมิสที่นอนหมดสติในสภาพไม่ต่างอะไรกับเศษผ้าขี้ริ้วที่จะชาดแหล่มิขาดแหล่

    ทำไงดีมิกิเพ่งสมาธิถามอธีน่าที่อยู่ในตัว

    เจ้านั่นไม่ตายง่ายๆหรอก เธอไม่ต้องกังวลไปเสียงอธีน่าดังขึ้นมาในหัว

    เมื่อได้คำตอบที่ดี มิกิก็อุ้มเคมิสในแนวขวางทะยานกลับปราสาทอย่างรวดเร็ว โดยมิทันสังเกตถึงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก ‘’ นี่รึพลังที่พระเจ้าประทานให้แก่มนุษย์ ‘’ ชายคนหนึ่งพูดเสียงเข้ม ไม่มีเสียงตอบรับจากคนอื่นๆเขาจึงส่ายหัวก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับคนกลุ่มนั้น

    มิกิถีบเท้าใส่อากาศก่อนจะพุ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องจนพ้นแนวเขตที่ถูกทำลายจากการต่อสู้ เธอเคลื่อนที่ผ่านป่าทึบแห่งหนึ่งก่อนจะทะยานร่างลงเดินเพื่อไม่ให้ผู้คนในเมืองที่มาเก็บของป่าผ่านมาเห็นเข้า ระหว่างที่เธอกำลังเดินเลาะป่าไปเรื่อยๆเธอก็ได้ยินเสียงคุ้นหูตะโกนเรียก

    ‘’ มิกิ มิกิ นี่ฉันเอง ‘’ เสียงเรียกทำให้เธอหันไปมองรุ้งกับเมอลินที่นั่งอยู่บนหลังเกวียนโดยมีออร์คสองตัวคอยลากอย่างขันแข็ง ข้างหลังเกวียนที่รุ้งกับเมอลินนั่งอยู่มีขบวนแถวออร์คจำนวนนับร้อยแบกกล่องสมบัติคนละกล่องสองกล่องเดินตามอย่างเงียบๆ

    เปรี้ยงงง!! มิกิกระทืบเท้าลงพื้นอย่างแรงจนพื้นธรณีแตกออกเป็นชั้นๆแรงสั่นสะเทือนทำให้เหล่าออร์คที่แบกกล่อมสมบัติต่างกันล้มระเนระนาด เธอเคลื่อนที่พริบตามาโผล่ตรงหน้ารุ้งราวกลับภูตผีก่อนจะมองด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ รุ้งรู้ความผิดของตัวเองดีก็ยิ้มแห้งๆออกมา ‘’ ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลยนี่ ‘’

    ‘’ โกรธมาก ‘’ มิกิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยจิตสังหาร

    ‘’ เอ่อ ผมว่าพวกคุณกลับปราสาทก่อนดีกว่าครับ แล้วค่อยว่ากันอีกที ‘’ เมอลินพยายามเกลี้ยกล่อม ก่อนจะละสายตามามองเคมิสที่มิกิอุ้มอยู่ ‘’ ชายคนนั้นท่าทางบาดเจ็บหนักนะครับ ผมว่าคุณให้เขามานอนบนเกวียนดีกว่า ‘’

    มิกิพยักหน้าก่อนจะวางเคมิสด้านหลังสุดของเกวียนโดยที่เธอก็นั่งอยู่ไม่ห่าง รุ้งสงสัยว่าทำไมเคมิสถึงมากับมิกิได้เธอจึงเอ่ยปากถาม ‘’ ทำไมชายที่บาดเจ็บคนนี้ถึงมากับเธอได้ เธอไม่ได้อยู่กับมิกิในปราสาทหรอ ‘’

    ‘’ เรื่องนี้มันอธิบายยาก เอาเป็นว่าฉันต่อสู้และเอาชนะชายคนนี้ได้ มันเลยบอกว่าจะต้มยำทำแกงอะไรก็เชิญจากนั้นก็พากันมาเจอเธอนี่แหละ ‘’ มิกิไม่อยากบอกเรื่องของคอลซิสกับเทพแห่งโอลิมปัสจึงตอบปัดๆ ส่วนรุ้งตาโต ‘’ เธอเป็นเผ่ากินคนหรือไง ‘’

    ‘’ โอ้ยย!! ‘’ เคมิสครวนครานออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมามองคนแปลกหน้าสองคนกำลังก้มมองเขาอยู่ เคมิสรีบถอยกรู่หลังติดเกวียนทันที ‘’ ท...ทำไมผมมาอยู่ที่นี่ได้ ‘’ เคมิสพูดออกมาอย่างระมัดระวัง

    ‘’ นายบอกว่าจะต้มยำทำแกงอะไรก็เชิญไม่ใช่หรอ ฉันไม่ได้บอกว่าจะปล่อยนายสักหน่อย ‘’ มิกิพูด ส่วนก็เคลื่อนร่างมานั่งข้างๆเคมิสก่อนจะกระซิบเบาๆ ‘’ ยัยนั่นจะกินนายไง ‘’

    ‘’ เอ๋!! ‘’ เคมิสตาโตพูดออกมาอย่างตกใจ

    ‘’ ต้มยำมังกรท่าจะอร่อยเนอะ ‘’ มิกิแกล้งพูดทำให้เคมิสหน้าเสีย ส่วนเมอลินกับรุ้งเมื่อได้ยินคำว่ามังกรต่างก็แสดงสีหน้าหลากหลายอารมณ์ ‘’ แต่ตอนนี้เขาแปลงร่างไม่ได้เลยต้องติดเหง็กอยู่ในร่างมนุษย์ ฉันก็ไม่นิยมกินมนุษย์ซะด้วย ‘’ มิกิมองเคมิสก่อนจะยิ้มเบาๆ ‘’ ไว้รอนายคืนร่างได้ก่อนแล้วกัน แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นนายต้องติดตามฉันไปทุกหนทุกแห่งในฐานะคนรับใช้ ‘’

    เคมิสยิ้มออกมา ‘’ คุณนี่ทั้งสวยทั้งใจดี ‘’ พูดจบรุ้งก็แทรกขึ้นมาทันที ‘’ ยัยนี่โหดจะตาย อย่าไปหลงรูปลักษณ์ภายนอกสิ ‘’ เธอพูดโดยไม่สนมิกิที่กำลังจ้องเธอจนตาเขียว

    ‘’ ไร้สาระ อิจฉาฉันน่ะสิยัยแฟบ ‘’ มิกิพูดเสียงเรียบ ทำให้รุ้งแผ่ออร่าประหลาดออกมา ‘’ ไปคุยกับฉันตรงนั้นหน่อยสิ ยัยแว่น ‘’

    ‘’ ย่อมได้ ‘’ เธอตอบเสียงเรียบ แต่พอรุ้งกับมิกิกำลังจะลงจากเกวียนเคมิสก็ตะโกนห้ามเอาไว้ ‘’ ใจเย็นๆก่อนครับ คุณรุ้งก็น่ารักมากเหมือนกัน ‘’

    ‘’ โฮะๆ ของมันแน่นอนอยู่แล้ว เห็นแก่หน้านายฉันจะละเว้นยัยแว่นนี่ละกัน ‘’ รุ้งหัวเราะก่อนจะไปสั่งออร์คที่ลากเกวียนอยู่ ‘’ เร็วๆหน่อยเจ้าพวกตัวขี้เกียจ ให้ถึงวังภายในวันนี้นะ ‘’

    ‘’ รับทราบนายท่าน ‘’ ออร์คเขียวตอบรับอย่างแข็งขันก่อนจะเร่งฝีเท้าวิ่งเลาะป่าไปตามทางโดยไม่ออกนอกเส้นทางแม้แต่น้อย ‘’ ดีมาก ยิ่งเร็วยิ่งดี ‘’

    ‘’ ยัยพญาออร์คเขียว ‘’ มิกิพูดลอยๆ

    ‘’ เธอพูดว่าอะไรนะ ‘’ รุ้งที่อยู่หน้าสุดหันมาถาม เพราะเสียงฝีเท้าออร์ดกับเสียงเกวียนดังกลบสีมิกิทำให้เธอได้ยินไม่ค่อยชัด ส่วนเมอลินที่นั่งตรงกลางได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำก็ขนลุกอยย่างบอกไม่ถูกก่อนจะตอบแทน ‘’ มิกิเธออยากกินชาเขียวน่ะครับ ‘’

    ‘’ อ้อ หรอ ‘’ รุ้งพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ส่วนมิกิก็ลอยหน้าลอยตาไม่พูดอะไรต่อ

     

    ทางฝั่งของปราสาทเมื่อเวลาผ่านไปห้าชั่วโมงซึ่งตรงกับเวลาเย็นพอดี

    ‘’ ทำไมคอลซิสถึงไม่มา แล้วมังกรที่มาโจมตีปราสาทนั่นมันอะไร ‘’ เสียเงาคนหนึ่งกระโกนใส่หน้าบิชอป มันลูบเคราตัวเองเบาๆก่อนจะตอบ ‘’ ไม่รู้เหมือนกัน ก่อนอื่นรีบตรวจสอบชาวตะวันออกก่อนเสียดีกว่า เพราะมีแต่ทหารลือไปทั่วว่าคนที่ชื่อมิกิสามารถสยบมังกรตัวนั้นได้ในหมัดเดียว ‘’

    ‘’ ท่านเชื่อข่าวลือนั่นด้วยเรอะ ใครๆก็รู้ต่อให้ยกปืนใหญ่หลายสิบกระบอกมาโจมตีก็ใช่ว่าจะเอาชนะมันได้ ‘’ เงาอีกคนหนึ่งพูด แต่กลับถูกเงาคนแรกขัด ‘’ แล้วถ้าเธอคนนั้นเป็นสาวกเทพธิดาล่ะ การโจมตีแค่นั้นย่อมทำได้อยู่แล้ว ‘’

    ‘’ ไร้สาระ มันก็เป็นแค่ตำนาน ‘’ บิชอปตอบ

    ‘’ ข้าคิดว่าเราออกนอกประเด็นมามากพอควรแล้ว เราจะทำอย่างไรต่อ ‘’ เงาคนที่สี่ถาม

    ‘’ ตอนนี้สถานการณ์กำลังวุ่นวาย เราจะใช้โอกาสนี้ลงมือปลงพระชนกษัตริย์และราชินีเอง จากนั้นข้าจะบังคับให้เจอหญิงอภิเษกสมรสกับข้าแล้วครองราชย์โดยชอบธรรม ‘’ บิชอปพูด

    ‘’ แต่เรามีตัวปัญหามิใช่หรือไง ‘’ เงาคนที่สามพูดจบ เงาคนที่หนึ่งก็เสริม ‘’ ใช่ ยัยแม่มดนั่นไง ‘’

    บิชอปหัวเราะ ‘’ ข้าจะใส่ร้ายว่ามันเป็นกบฏอัญเชิญมังกรมากโจมตีเจ้าหญิง ‘’  พูดจบเงาคนที่หกก็เดินมาถึงพอดี บิชอปจึงหันไปพูดกับมัน ‘’ จงเอาวัตถุดิบในการเสกมังกรไปซ่อนไว้ในห้องของยัยนั่น พรุ่งนี้เราจะขับไล่แม่มดออกจากวังกัน ฮ่าๆ ‘’ พวกมันหัวเราะเบาๆก่อนจะแยกย้ายกันออกไป

    ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

    ภายในจัตุรัสห้องโถน

    ‘’ เอ๋ บิชอปหรอคะ ‘’ ลิขิตพูดออกมาอย่างไม่เข้าใจ ส่วนหญิงสาวในชุดผ่าคลุมสีดำพยักหน้าเบาๆก่อนจะพูดต่อ ‘’ ใช่ ฉันสงสัยมัน ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ ฉันยังไม่เห็นหน้ามันโผล่ออกมาเลยสักครั้ง ‘’ หญิงสาวพูด

    ‘’ แล้วมาบอกคนนอกอย่างฉันทำไมหรอคะ ‘’ ลิขิตถาม

    ‘’ เพราะคนนอกอย่างเธอสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิศระโดยไม่มีใครสงสัย ขอร้องแหละช่วยลอบเข้าไปตรวจสอบห้องของบิชอปหน่อยว่ามีเครื่องมืออะไรแปลกๆหรือเปล่า แล้วรีบออกมารายงายฉันโดยไวล่ะ ‘’ หญิงสาวพูด ส่วนลิขิตก็พยักหน้าเบาๆ

    ‘’ ขอบคุณมาก ห้องของบิชอปอยู่ทางซ้ายมือหลังโบสถ์ ‘’  หญิงสาวยื่นขวดน้ำยาขนาดเท่านิ้วมือมาให้ลิขิต ภายในขวดบรรจุน้ำสีขาวขุ่นเอาไว้ ‘’ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้ปาขวดนี่ลงพื้นนะ ‘’ ลิขิตรับคำก่อนจะเดินออกมา

    ‘’ คุยอะไรกับหัวหน้าแม่มดหรอคะ ‘’ องค์หญิงจัสมินที่มาในชุดกระโปรงสีชมพูมีหลายดอกกุหลาบประดับถาม

    ‘’ เรื่องทั่วไปนั่นแหละ เราไปดูทหารซ่อมกำแพงกันดีกว่าพวกเขาคงจะดีใจไม่น้อยถ้าเจ้าหญิงผู้เลอโฉมมาให้กำลังใจพวกเขา ‘’ ลิขิตพูดก่อนจะดึงมือของจัสมินเดินไปที่ประตูวัง

    ‘’ เจ้าหญิงเสด็จมา พวกเราทำความเคารพ ‘’ หัวหน้าทหารที่ยืนคุมการก่อสร้างสั่งลูกน้องตัวเองก่อนจะหันมาทักทายจัสมิน ‘’ สวัสดีครับองค์หญิง มีอะไรให้พวกเรารับใช้ ‘’

    ‘’ คือพวกเราอยากจะมาดูการซ่อมปราสาทเฉยๆ ฉันอยากจะเรียนรู้เรื่องพวกนี้เหมือนกัน ‘’ เจ้าหญิงตอบ หัวหน้าทหารจึงหันไปหาลูกน้องของตน ‘’ ได้ยินแล้วใช่มั้ย องค์หญิงทรงเสด็จมาเรียนรู้การทำงานของพวกเรา อย่าทำให้เธอผิดหวังล่ะ ‘’ พูดจบเหล่าทหารก็ต่างพากันช่วยกันก่อสร้างกำแพงบางส่วนอย่างแข็งขันจนกินเวลาล่วงไปถึงสามทุ่ม ทหารที่เหลือต่างพากันทยอยไปพักผ่อน ส่วนลิขิตแยกจากองค์หญิงหน้าประตูวัง

    เธอตรงเข้าไปในโบสถ์อย่างรวดเร็วแต่ต้องสะดุ้งกับเสียงของบิชอปที่ดังมาจากด้านหลัง ‘’ มาสารภาพบาปหรอครับ ‘’ ลิขิตรีบส่ายหัวก่อนจะตอบ ‘’ เปล่าค่ะ คือฉันเห็นว่าคำภีร์ในโบถส์น่าศึกษาจึงมาหาอ่านค่ะ ‘’

    บิชอปพยักหน้าเบาๆ ‘’ งั้นก็เชิญตามสบายครับผมคงต้องขอตัวไปทานอาหารในวังก่อน ขอให้พระเจ้าทรงคุ้มครอง ‘’ พูดจบบิชอปก็เดินเดินจากโบถส์ไป ลิขิตถอยหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะแสร้งทำไปเดินดูหนังสือ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่เธอจึงเดินตรงไปในห้องของบิชอปทันนที

    แสงไฟจากตะเกียงถูกจุดขึ้นอย่างช้าๆแสงสว่างสาดส่องให้เห็นภายในห้องอย่างชัดเจน ภายในมีแต่ชั้นว่างหนังสือคัมภีร์ โต๊ะอ่านหนังสือกับเก้าอี้ไม้โยดตัวหนึ่ง มุมห้องมีเตียงสีแดงขอบทองขนาดไม่ใหญ่มาก บนพื้นมีพรมสีแดงฝืนใหญ่ปูยาวตั้งแต่ทางเข้าจนถึงขอบกำแพง

    ‘’ คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง ‘’ ลิขิตพูดก่อนจะเดินไปสะดุดพรมจนล้มลงกับพื้น ‘’ โอ้ยย! เจ็บจัง ต้องรีบจัดให้เข้าที่เดิม ‘’ พูดจบลิขิตก็รีบลนลานดึงพรมสีแดงมาจัดให้เรียบร้อยก่อนจะสังเกตอะไรบางอย่าง

    ‘’ นี่มัน!! ‘’ ลิขิตกระชากพรมสีแดงฝืนใหญ่ออกก่อนจะพบประตูทางลงไปใต้ดิน ไม่รอช้าเธอดึงประตูขึ้นก่อนจะเดินฝ่าความมืดก้าวลงไปตามบันไดทันที เนื่องจากบันไดค่อนค่างชันเธอจึงต้องเอามือคลำกำแพงไปด้วย ความเย็นจากหินพื้นมันวาวของกำแพงทำให้เธอรู้สึกระแวงเล็กน้อย บรรยากาศรอบๆมีแต่ความเงียบสงัดไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ เมื่อเธอก้าวลงมาถึงชั้นล่างสำเร็จก็พบประตูไม้เก่าๆบานหนึ่ง ลิขิตหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเปิดประตูเข้าไป แสงสว่างจากตะเกียงทำให้เธอพบว่าเธออยู่ในห้องขนาดใหญ่ตรงกลางพื้นมีตราผนึกแปดแฉกสีเลือดอย่างชัดเจนรวมไปถึงบทสวดคาถาต้องห้ามมากมาย

    ‘’ นี่มันอะไรกันนี่ ‘’ ลิขิตพูดออกมาก่อนจะเดินตรงไปที่คบเพลิงสีน้ำเงินก่อนจะมองข้าวของที่ใช้ประกอบพิธี ‘’ บิชอปเป็นคนอัญเชิญมังกร ‘’ เธอพูดพึมพำกันจะรีบหันหลังตรงกลับไปยังปราสาท

    ‘’ เธอรู้มากเกินไปแล้ว ‘’ เงาของคนคนหนึ่งสืบเท้าอ้อมมาด้านหลังลิขิตก่อนจะใช้เชือกเส้นเล็กๆรัดคอเธอ อ็อกก!! ลิขิตพยายามใช้มือทั้งสองข้างคว้าเชือกที่รัดคอเธอ แต่ไร้ประโชย์เพราะเชือกมันเส้นเล็กเกินไป

    ‘’ อย่าเพิ่งฆ่าเธอ ข้าจะใช้เธอเป็นเครื่องสังเวยในพิธีอัญเชิญอีกครั้ง ‘’ บิชอปที่ก้าวขาออกมาพูด

    ‘’ พ..พวกแกทรยศ..ต..ต่อองค์..ร..ราชา ‘’ ลิขิตพูดออกมาเสียงติดขัด ใบหน้าเธอเริ่มมีสีม่วงคล้ำ

    ‘’ กษัตริย์แบบนั้นข้าไม่ต้องการ สิ่งที่ข้าต้องการคืออำนาจแล้วก็เงิน ‘’ บิชอปพูด ลิขิตพยายามใช้มือหยิบขวดแก้วที่บรรจุน้ำสีขาวขุ่นอย่างยากลำบากเอาไว้ก่อนจะขว้างขวดลงพื้น

    ตู้มมม!! แรงระเบิดดังลั่นก่อนจะมีควันขาวพุ่งพระจายออกมาไปทั่วบริเวณ จนบิชอปต้องถอยหลังเล็กน้อยก่อนจะเอามือปิดหน้า อ้ากกก!! เสียงของคนที่เอาเชือกรัดคอลิขิตร้องล่ะนก่อนจะกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงก่อนจะนอนแน่นิ่งไป

    ‘’ เกิดอะไรขึ้นวะ ‘’ บิชอปที่มองไม่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเพราะมีควันมาบดบังการมองเห็นตะโกนถามอีกฝ่ายทันทีแต่ก็ไร้เสียงใดๆตอบรับ ทันใดนั้นก็มีฝ่ามือเรียวงามพุ่งฝ่าหมอกควันสีขาวมาบีบคอบิชอปเอาไว้ก่อนจะดันมันไปอัดกำแพงดังโคร้ม เจ้าของฝ่ามือคนนั้นคือคนที่เขาเกลียดที่สุด

    ‘’ ยัยแม่มด ‘’ มันพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

    ‘’ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายจู่โจมแนวหลังคอสโม่ ขอจับกุมหัวหน้าบาตรหลวงบิชอปฐานใช้เวทต้องห้ามอัญเชิญมังกรและร่วมมือกันวางแผนก่อกบฏ ‘’

     

    *******************************************************************************************************

    *0* 

    '' เมื่อฉันจะมีบทสักที ปล่อยให้พวกตัวประกอบของมาโชว์กันอยู่ได้ '' คิลพูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

    '' มีแน่รอจบเรื่องของกลุ่มลิขิตจบก่อน นายได้โชว์เมพแน่ '' ไรเตอร์พูดก่อนจะนั่งแก๊กหล่อ

    '' แล้วเรื่องของเราล่ะ '' ไรท์กับต้าเดินเข้ามาถาม

    '' เรื่องของเราอย่าบอกใครเค้าเลย ''

    '' ถุ๊ยยย!! ''

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×