ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนผึกทักษะผู้ใช้เทพอลเวง

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 17 มังกร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 287
      0
      26 ก.ค. 58

    ***ตอนนี้เป็นตอนของกลุ่มลิขิต

     หลังจากที่รุ้งคุยกับเมอลินเสร็จเธอก็ออกดินเล่นต่อสักพัก บริเวณภายนอกปราสาทค่อนค่างกว้างพอสมควร สามารถจุกองทัพทหารได้เป็นพันๆ แผ่นหินอ่อนมันวาวถูกปูไปตามทางเดินเป็นระยะๆ บางทีก็เจอทหารสองสามคนเดินตรวจตราไปมาส่วนใหญ่จะพบพวกสาวใช้เสียมากกว่า

    ‘’ แย่แน่ๆทำไงดี ‘’ เสียงสาวใช้คนหนึ่งพึมพำเบาๆ

    ‘’ มีอะไรหรอ ‘’ รุ้งโผล่หน้าออกมาจากข้างหลังสาวใช้คนนั้น จนเธอสะดุ้งรีบถอยห่าง เธอพูดด้วยน้ำสียงตะกุกตะกัก ‘’ อ...อัญมณีที่ฉ...ฉันสั่งซื้อตามคำสั่งองค์ราชินีถูกพวกออร์ดปล้นไประหว่างทาง ‘’

    รุ้งตาโต ‘’ ที่นี่มีพวกมอนสเตอร์ด้วยหรอ‘’ สาวใช้พยักหน้าเบาๆ ‘’ เธอมาจากตะวันออกคงไม่ทราบสินะ ที่นี่มีทั้งมอนสเตอร์ มังกร ภูติ เอฟ รวมไปถึงปีศาจด้วย มันค่อนค่างหน้ากลัวหน่อย แต่ถ้าเธออยู่ที่นี่ปลอดภัยแน่ ‘’

    รุ้งหัวเราะ ‘’ เจ้าพวกนี้แหละที่พวกฉันออกตามหาตั้งแต่แรก แต่เจ้าพวกจิ้งแหลนยักษ์นี่ยังไม่เคยเจอแฮะ ‘’ เธอกอดอกเหมือนกำลังใช้ความคิด สาวใช้คนนั้นรีบพูดด้วยความร้อนรน ‘’ ต่อให้เธอจะเก่งกาจขนาดไหนก็ตาม พวกมังกรเท่านั้นที่อย่าเข้าไปยุ่งต่อให้เธอมีสิบชีวิตก็ไม่พอ ‘’

    ‘’ แย่จังแต่ไม่เป็นไร เธอรู้เบาะแสหรือเปล่าว่ามันหนีไปทางไหน พอดีฉันกำลังว่างๆอยู่น่ะ ‘’ รุ้งพูด

    ‘’ อย่าเสี่ยงเลยดีกว่านี่ก็จะมืดแล้ว พวกมอนสเตอร์จะแข็งแกร่งกว่าปกติในเวลากลางคืน ที่สำคัญถ้าแขกของเราเป็นอันตรายมีหวังฉันได้โดนฆ่าแน่ ‘’ สาวใช้พูด   รุ้งยืดอกพูดอย่างสบายๆ ‘’ ฉันก็แข็งแกร่งในเวลากลางคืนเหมือนกัน งั้นเอาแบบนี้เดี๋ยวฉันจะพาเมอลินไปเป็นองครักษ์ด้วย ‘’

    ‘’ ถึงคุณเมอลินจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไรฉันก็ขอปฎิเสธเพื่อตัวของคุณเอง ‘’ สาวใช้ยังยืนยันคำเดิม รุ้งจึงต้องใช้วิธีสุดท้าย ‘’ งั้นฉันจะฟ้ององค์ราชินี ‘’ พูดจบรุ้งก็หันหลังเดิน ก่อนที่สาวใช้จะรีบวิ่งเข้ามากอดเอวเธอใว้ ‘’ ก็ได้ๆ ฉันยอมแพ้เธอ ‘’ รุ้งยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะฟังข้อมูลของออร์คที่มาปล้นอัญมณี

    เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมงก็ตรงกับเวลา 2 ทุ่มพอดี

    ‘’ ทำไมฉันต้องมากับเธอด้วยนี่ ‘’ เมอลินบ่นอุบอิบ

    ‘’ นายจะให้ผู้หญิงตัวเล็กๆเดินในป่าคนเดียวตอนเวลากลางคืนหรอ ‘’ รุ้งแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร ทำให้เมอลินต้องส่ายหน้าเบาๆ ‘’ แล้วเธอไม่ชวนเพื่อนอีกสองคนมาด้วยหรอ ‘’ เขาถาม

    ‘’ ความลับ พูดได้แค่เริ่มก่อนได้เปรียบ ‘’ รุ้งหัวเราะก่อนจะเดินนำหน้าอย่างไม่รู้สึกรู้สา สร้อยมรกตที่เธอสวมเปล่งแสงอย่างต่อเนื่อง ‘’ เอ..ปกติพวกหมาป่าต้องเข้ามาโจมตีสิ ทำไมวันนี้เงียบจัง ‘’ เมอลินตี่งข้อสงสัย

    ‘’ สงสัยวันนี้มันลาพักร้อนมั้ง อย่าไปใส่ใจเลย ‘’ รุ้งพูด ก่อนจะก้มมองสร้อยที่เธอสวมอย่างพอใจ ‘’ เธอนี่คิดอะไรแปลกๆหมาป่ามันลาพักร้อนเป็นที่ไหนล่ะ ‘’ เมอลินตอบ ถ้าเขาสังเกตตามข้างทางดีๆก็จะพบศพหมาป่าที่นอนตายอยู่ข้างทางจำนวนมากสภาพศพเละอย่างสยงสยองเหมือนถูกทุบด้วยอะไรบางอย่าง

    ‘’ งั้นพอแค่นี้ละกัน เดี๋ยวจะผิดสังเกตเกินไป ‘’ รุ้งพูดกับตัวเองเบาๆ พูดจบหมาป่าสามตัวก็กระโจนออกจากพุ่งไม้มาหมายเอาชีวิตเธอ แต่เมอลินใช้โล่คู่กายกระแทกพวกมันจนล้มกลิ่งไปหลายตลบ ส่วนอีกตัวหนึ่งโดนคมดาบสีเงินฟันคอขาดสะบั้น

    เอ๋งๆๆ หมาป่าสองตัวที่โดนโล่กระแทกครางด้วยความเจ็บปวด สภาพขาหลังบิดเบี้ยว ส่วนอีกตัวกระดูกสันหลังแตกตายในเวลาต่อมาไม่นาน เมอลินยังคงกะชับอาวุธในมือแน่น

    ‘’ เย้ เก่งจังเลยย ‘’ รุ้งที่นั่งอยู่บนต้นไม้ตบมือชื่นชม

    ‘’ เธอขึ้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ ‘’ เขาถามอย่างไม่เชื่อสายตา

    ‘’ ฉันมันพวกหนีเก่งน่ะ ‘’ รุ้งหัวเราะก่อนจะกระโดดลงจากต้นไม้ทันที

    ‘’ อันตราย! ‘’ เมอลินร้องลั่นก่อนจะกระโดดสไลท์หน้าแถกับพื้นไปรับรุ้งทันที โคร้มม! ฝ่าเท้าคู่ของรุ้งกระแทกกลางหลังของเมอลินอย่างพอดิบพอดี ‘’ โอ๊ยยย ยัยเพี้ยนนี่คิดจะฆ่าตัวตายหรือไง ‘’ เขาพูดออกมาทั้งๆที่กำลังจุก

    ‘’ เอ๊ะ ขอบคุณมากๆฉันเป็นหนี้บุญคุณนายซะแล้ว ‘’ รุ้งยืนเกาหัวก่อนจะประคองให้เมอลินลุกขึ้น เขาบ่นใส่เธอเล็กน้อยก่อนจะออกเดินทางต่อ เมื่อเดินทางได้ครึ่งชั่วโมงรุ้งก็ชวนเมอลินคุย ‘’ นายไม่กลัวพวกออร์คหรอ ‘’ รุ้งถาม

    ‘’ กลัวสิ แต่เห็นเธอมาขอร้องขนาดนี้ฉันก็ปฏิเสธคนไม่เก่งซะด้วย ‘’ เมอลินที่เดินนำตอบตรงๆ รุ้งยิ้มหวานก่อนจะวิ่งไปชะเง้อหน้าไปโผล่ข้างๆ '' นายนี่มันศัตรูของผู้หญิงจริงๆ ถ้าฉันตกหลุมรักนายขึ้นมาจะว่าไงนี่ '' เธอแกล้งทำสีหน้าจริงจัง

    ‘’ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ฉันคงต้องปฏิเสธเธอไปตรงๆเพราะฉันชอบจัสมินคนเดียวเท่านั้น ‘’ เมอลินยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ เธอยิ้มอย่างพอใจ ‘’ ฉันเมื่อยขอขี่คอหน่อย ‘’ รุ้งพูดก่อนจะกระโดดเกาะหลังเมอลินเป็นตุ๊กแก

    ‘’ ทำอะไรของเธอนี่ รีบๆลงไปเลยนะ ‘’ เมอลินโวยวาย

    ‘’ ฉันเป็นแขกของอาณาจักรแห่งนี้นะ ปฏิบัติตนให้สมกับเป็นองครักษ์จำเป็นหน่อย ‘’ รุ้งพูดเสียงแข็ง

    ‘’ เธอน่ะแหละ ปฏิบัติตนให้สมกับเป็นผู้หญิงหน่อย ‘’ เมอลินย้อน รุ้งส่ายหน้า ‘’ ไม่เอาฉันเมื่อยละขี้เกียจเดิน ‘’ สำหรับเธอปกติจะเคลื่อนไหวโดยใช้พลังจิตลอยตัวอยู่เสมอ เมื่อต้องลงมาเดินแบบคนธรรมดาความอดทนย่อมต่ำกว่าคนทั่วไปเห็นๆ

    ‘’ เธอนี่เอาแต่ใจชะมัด ‘’ เมอลินบ่น แต่เขาก็ยอมให้รุ้งขี่หลังเขาแต่โดยดี 

    ‘’ ขอบคุณ ‘’ พูดจบเธอก็เอาคางเกยไหล่เมอลินก่อนจะหลับทันทีด้วยความอ่อนเพลีย เมอลินหน้าแดงก่อนจะรีบสะบัดหัวแรงๆเพื่อเรียกสติก่อนจะเดินทางต่อ เมื่อไม่มีรุ้งคอยป่วนบรรยายกาศรอบตัวก็เงียบสงัด จนสามารถได้ยินเสียงชุดเกราะที่เขาใส่กระทบกับเข็มขัดสงเสียงแหลมตามจังหวะก้าวเท้า เมื่อเข้าป่าทึบลึกขึ้นเรื่อยๆแสงสว่างจากแสงจันทร์ก็เริ่มริบหรี่ลง   เมอลินจึงตัดสินใจจุดคบเพลิงทันที โดยมือข้างที่ไม่ถือคบเพลิงก็แบกรุ้งไปด้วย เมื่อเดินไปได้ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง

    ‘’ มนุษย์ มนุษย์ ‘’ เสียงของสัตว์อะไรบางอย่างพึมพำ

    ‘’ ใช่มนุษย์ ‘’ อีกเสียงตอบรับ

    ‘’ มันต้องมีสมบัติมาแน่ ไปปล้นสมบัติมันมา ‘’ เสียงตัวแรกพูดก่อนจะกระโดดมาขวางทางเมอลินไว้ มันเป็นออร์คสีเขียวตัวอ้วน ใส่เสื้อผ้าขาดๆสกปรก สูงสันทัดคนทั่วไป ในมือมันถือกระบอกขนาดเหมาะมือก่อนจะทุบกระบอกลงพื้นเสียงดัง สนั่นเพื่อข่มขวัญ ตู้มมม!! เมอลินผงะถอยออกไปก่อนจะหันไปเรียกรุ้งที่ขี่หลังเขาอยู่ให้ตื่น

    ‘’ นี่รุ้ง อ่าวหายไปไหน ‘’ เมอลินรีบหันซ้ายหันขวาก่อนจะพบเธอถูกออร์คสองตัวแบกรุ้งในสภาพที่กำลังหลับวิ่งหนีไปอีกทาง ‘’ บัดซบ ‘’ เมอลินพูดก่อนจะชักดาบวิ่งไล่ออร์คสองตัวราวกับอสนีบาต ก่อนจะถูกออร์คตัวที่เหลือพุ่งเข้ามาขวางด้วยความเร็วไม่แพ้กัน

    ‘’ ไม่ให้ตามไปหรอก ไม่ให้ตามไปหรอก ‘’ พวกมันพูดซ้ำซากจนเมอลินเหลืออด ก่อนจะคำรามออกมาอย่างกราดเกรี้ยว ‘’ ข้าจะฆ่าพวกแกให้หมดไม่ให้เหลือสักตัว ‘’ พูดจบเขาก็พุ่งไปหาออร์คเขียวตัวแรกก่อนจะง้างดาบฟันเป็นแนวขวางกลางลำตัว มันยกกระบองขึ้นรับ เคร้งงง!! มันยิ้มเยาะอีกผ่าย

    ‘’ แน่ใจแล้วหรอ ‘’ เมอลินพูด ทำให้ออร์คตัวนั้นรีบก้มมองกระบองของตัวเองก่อนจะพบว่าอาวุธมันได้ขาดเป็นสองท่อนเรียบร้อย แต่ยังไม่จบแค่นั้นแรงเหวี่ยงจากคมดาบได้เข้าทะลวงสีข้างมันจนทะลุลำตัวมันขาดครึ่ง เมื่อพวกออร์คพบว่าตัวเองเสียท่า พวกมันจึงเรียกพวกบริเวณนั้นมาเสริม เมอลินยิ้มเยาะ ‘’ ดีๆ จะได้ไม่เสียเวลาหา ‘’ ถึงแม้ว่าเมอลินจะเป็นทหารไพร่ที่รับหน้าที่มาเป็นองครักษ์ชั่วคราวก็เถอะ แต่เขาเป็นถึงบุตรชายของหัวหน้าองครักษ์ผู้มีฝีมือระดับสูงของพระราชวัง เขาย่อยได้รับการเขี้ยวเข็ญฝีมือมากจากผู้เป็นพ่อจนมีความสามารถทัดเทียมกับบิดาได้ เขาเคลื่อนที่สลับซ้ายขวาโจมตี    ออร์คอย่างต่อเนื่องจนสร้างความบาดเจ็บให้พวกมันพอสมควร

    ‘’ อักกก!! เจ้านี่ไม่ธรรมดา พวกเราใช้ธนูกันเถอะ ‘’ เมื่อออร์คตัวหนึ่งพูด เมื่อความเห็นตรงกันมันก็ยกโล่ไม้ทรงกลมขนาดพอดีเรียงแถวผลักเมอลินให้ออกจากระยะประชิด ก่อนที่พวกออร์คแนวหลังจะระดมยิงธนูใส่ราวกับห่าฝน

    ‘’ บ้าชิบ ‘’ เมอลินยกโล่โลหะเข้าตั้งรับ จากการวิเคราะห์ของเขาต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมงในการจัดการเจ้าพวกออร์คทั้งหมดนี่ ‘’ แต่กว่าถึงเวลานั้นขออย่าให้มันทำอันตรายรุ้งเลย ‘’  เมอลินพูดพึมพำกับตัวเองก่อนจะฝืนยกโล่ก้าวไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก

    ทางฝั่งของรุ้ง เวลา 6 โมงเช้า

    ภายในรังของออร์คขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างลวกๆแต่แข็งแรงรังของมันส่วนนี้จะรวบรวมของที่ได้จากการปล้นหรือขโมยมาได้โดยมีหัวหน้าของมันเป็นคนคุม รอบๆรังจะเป็นซุ้มที่พักของมัน ส่วนลึกไปตรงกลางจะเป็นบังลัง รุ้งลืมตาตื่นขึ้นอย่างงัวเงียเนื่องจากวันทั้งวันเธอต้องทำอะไรหลายๆอย่าง รวมทั้งออกเดินทางในเวลากลางคืนทำให้เธอเพลียมากเป็นพิเศษ แถมยังเผลอหลับสนิทด้วย

    ‘’ ตื่นแล้วๆมนุษย์ตื่นแล้ว ‘’ เสียงแหลมๆดังขึ้นมา

    ‘’ มัดเธอแน่นหนาแล้วใช่มั้ย ‘’ เสียงเล็กๆอีกตัวพูด

    ‘’ ฮิฮิ ข้ามัดไม่เคยหลุด ‘’ มันพูดจบก็หัวเราะอย่างน่าขยะแขยง

    ‘’ มัดใครหรอ ‘’ รุ้งที่โผล่มาจากข้างหลังออร์คตัวที่หัวเราะชะโงกหน้าไปมอง

    ‘’ มัดเจ้าไง ฮิฮิ ‘’ มันยังคงหัวเราะอยู่โดยไม่สังเกตเพื่อนๆมันนับร้อยตัวต่างมองเข้ามาอย่างกับเห็นผี ‘’ เก่งจังเลย ฮิฮิ ‘’ รุ้งหัวเราะเลียนแบบ ‘’ แน่นอน ฮิฮิ ‘’ เจ้าออร์คหัวเราะก่อนจะคิดอะไรบางอย่างออก เฮือกกก!! มันกลืนน้ำลายก่อนจะพูดตะกุกตะกัก ‘’ ธ..เธอ..ควร..จะ..ย.อยู่ตรงนั้นสิ ‘’ มันชี้ไปทางต้นไม้ที่ว่างเปล่า

    ‘’ ฮิฮิ นั่นสิ ก่อนอื่นต้องขอบคุณที่พามาที่รังพร้อมกับหาที่พักให้ด้วยแต่ดูแขนนี่สิ มัดจนมีแต่รอยเชือก ‘’ รุ้งมองที่แขนขาวๆอย่างเศร้าๆก่อนจะจับไหล่ทั้งสองข้างของออร์คตัวนั้น ‘’ มันมีผลต่อผิวฉันนะ ‘’ ตู้มมม!! พูดจบแรกกดมหาศาลก็ส่งให้ออร์คเคราะห์ร้ายตัวนั้นจมดินไปต่อหน้าต่อตาเพื่อนของมัน ส่วนออร์คตัวอื่นเมื่อตั้งสติได้ก็รีบชักอาวุธของตัวเองออกมาอย่างพร้อมเพรียง

    ‘’ มันไม่ธรรมดา ฆ่ามันซะ ‘’ ออร์คตัวหนึ่งพูด พวกมันทั้งหมดนับร้อยจึงวิ่งเข้าหารุ้งรอบด้าน ด้วยน้ำหนักฝีเท้าของออร์ดนับร้อยถึงกับทำให้แผ่นดินสั่นสะเทื่อน รุ้งเปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชาไร้อารมณ์ ‘’ คุกเข่าต่อหน้าฉันซะ เจ้าพวกโง่พระเจ้าของแกอยู่ข้างหน้าแกยังไม่รู้ตัวอีกหรอ ‘’ พูดจบเหล่าออร์คก็คุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง ร่างกายของมันเกร็งกระตุกเพราะพยายามขัดขืน รุ้งดีดนิ้วเบาๆก่อนจะเคลื่อนร่างไปนั่งไขว้ขาบนบังลังของมัน ก่อนจะชี้นิ้วไปที่พวกมันสลับกับตัวเธอเอง

    ‘’ พวกนายอ่อนแอ ฉันแข็งแกร่ง ถ้าอยากรอดตายจงบอกที่เก็บสมบัติมาซะ แล้วก็อัญมณีที่ปล้นมาเมื่อวานด้วย ‘’ รุ้งพูดอย่างวางอำนาจ

    ‘’ ทำไมพวกเราต้องบอกเธอด้วย ถึงเราจะปล้นมาก็...อ้ากกก!! ‘’ เฟี้ยววว!!ฉึกก! ออร์คหนึ่งในนั้นพูดยังไม่ทันจบก็โดนลูกธนูเหล็กเสียบทะลุปากลงไปปักพื้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มันขาดใจตายไปทันที

    ‘’ นั่นไม่ใช่คำตอบที่ฉันต้องการ ‘’ รุ้งพูดเสียงเหี้ยมในขณะที่ลูกธนูนับร้อยลอยวนรอบตัวเธอ พูดจบเธอก็ดีดนิ้วเบาๆหนึ่งทีก่อนที่ลูกธนูสองดอกที่ลอยรอบๆตัวเธอพุ่งไปปักขาออร์คฝั่งขวามือสุด

    โอ้ยยย!! มันร้องลั่น ลูกธนูอื่นๆก็เริ่มพุ่งโจมตีออร์คตัวที่เหลืออย่างต่อเนื่อง แม้พวกมันอยากจะลุกขึ้นวิ่งหนีแต่กลับทำไม่ได้ทำได้เพียงคุกเข่ารอความตายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

    ‘’ โอ๊ยๆ ข้ายอมบอกเจ้าแล้ว ‘’ ออร์คตัวหนึ่งโวยวายอย่างเหลืออด เฟี้ยววว!! ฉึกก! ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเฉียดใบหน้ามันทะลุไปกับพื้นข้างหลังทิ้งรอยแผลบางๆไว้บนแก้มมัน ‘’ พวกแกพูดกับพระเจ้าของแกแบบนี้หรอ ‘’ รุ้งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบจนทำให้พวกออร์คที่ยังเหลือรอดผวา

    ‘’ เอ่อครับ ผมจะบอกที่ซ่อนสมบัติทั้งหมดเดี๋ยวนี้แหละครับ ‘’ ออร์คตัวนั้นรีบเปลี่ยนคำพูดทันที ‘’ ไม่ต้องบอกแกไปขนสมบัติทั้งหมดมากองต่อหน้าฉัน ส่วนพวกแกสองตัวไปช่วยมันขนสมบัติมา ‘’ รุ้งชี้นิ้วสั่งออร์คอีกสองตัวก่อนจะทำให้มันขยับตัวได้ตามปกติ มันรีบวิ่งไปยังที่เก็บสมบัติอย่างไวที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ฝั่งเมอลินในเวลาไล่เลี่ยงกัน

    เขาใช้เวลานานกว่าที่คิดไว้มากเมื่อจัดการออร์คทั้งหมดเขาจึงบังคับออร์คที่รอดชีวิตตัวหนึ่งพามาที่รังทันที ออร์คเขียวที่เต็มไปด้วยบาดแผลคมดาบพาเขาขึ้นเนินไปเรื่อยๆจนพ้นขอบชายป่านอกจากเขากันออร์คตัวนี้แล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรอยู่เลย แสงแดดยามเช้าส่องลงมากระทบใบหน้าเขาผมที่ผมที่ยาวปิดใบหน้ากับสภาพมอมแมมทำให้เขาดูเหมือนขอทานมากกว่าอัศวินเสียอีก

    ‘’ อีกไกลมั้ย ‘’ เมอลินถาม

    ‘’ อีกไม่ไกลครับนายท่าน ‘’ ออร์คเขียวตอบ

    ‘’ ถ้าโกหกล่ะก็เจอดีแน่ ‘’ เมอลินพูดเสียงเหี้ยมจนทำให้ออร์ดเขียวสะดุ้ง ‘’ ม...ไม่โกหก..น...แน่นอนครับ เอาหัวเป็นประกัน ‘’ มันพูดจนลิ้นพันกัน

    ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่จู่ๆก็มีเงาขนาดใหญ่เคลื่อนร่างผ่านบริเวณที่ทั้งสองยืนอยู่ แสงแดดร่มที่ขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เมอลินเงยหน้ามองด้วยความสงสัย ภาพที่เขาเห็นทำให้เขาตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ส่วนออร์คเขียว มันกลัวมากจนถึงขนาดใช้แรงอันน้อยนิดทั้งหมดเท่าที่มีสะบัดเมอลินที่จับกุมตัวมันออกก่อนจะวิ่งหนีย้อนเข้าไปซ่อนในป่าพร้อมกับกรีดร้องอย่างน่าสมเพช

    ‘’ เจ้าสัตว์ชั้นต่ำน่ารำคาญ ‘’ เจ้าของเงาขนาดยักษ์พูดด้วยความรำคาญก่อนจะพ่นลูกไฟขนาดยักษ์ใส่เจ้าออร์คตัวนั้นทันที ตู้มมม!! เสียงพลังทำลายอันทรงพลังดังสนั่นทั่วป่าพร้อมกับฝุ่นควันพิษลอยไปทั่ว ฝูงนกกาบินแตกตื่นส่งเสียงเซ็งแซ่ ความร้อนจากลูกไฟทำให้หินละลายกลายเป็นหินหนืดเดือดปุดๆกินอาณาเขตกว้างกว่าสองกินโลเมตร

    ‘’ ท่านมาทำอะไรที่นี่ ‘’ เมอลินตะโกนถาม

    ‘’ ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับเจ้า ‘’ เจ้าของเงาตอบเสียงเรียบ

    ‘’ แล้วการที่ท่านมาทำแบบนี้ไม่เกรงว่าท่านพญามังกรผู้ยิ่งใหญ่ไทฟอนจะลงโทษท่านรึ ‘’ เมอลินคงยังถามต่อ พูดจบมันก็หัวเราะออกมาดังลั่น ‘’ ฮ่าๆ ไทฟอนไม่ทำอะไรข้าหรอกในเมื่อข้าออกมาจากหุบเขามังกรตามกฎโบราณ ‘’

    เมอลินหน้าเสีย ‘’ ใครเป็นคนทำพิธีเรียกท่านออกมา ‘’

    ‘’ ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะรู้ เจ้าควรจะสำเหนียกตัวเองซะบ้างที่บังอาจมาคุยกับข้าคอลซิสผู้ยิ่งใหญ่ ‘’ พูดจบมันก็บินจากไปทันที

    ‘’ แย่ล่ะสิต้องรีบไปแล้ว ‘’ เมอลินพูดจบก็รีบวิ่งไปตามทางที่ออร์คเขียวบอกทันที เขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงรังของออร์ดเป็นเวลาเดียวกับที่เหล่าพวกออร์คในรังต่างพากันแรงแถวแบกสมบัติออกมาทีละตัว เมอลินเห็นเข้าก็เตรียมชักดาบโจมตีแต่เขาต้องยั้งมือก่อนเมื่อเห็นพวกมันสี่ตัวสุดท้ายลากเกวียนที่มีรุ้งนั่งอยู่ข้างบน

    ‘’ ไวๆหน่อย ฉันมีเวลาไม่มาก ‘’ รุ้งสั่ง ทำให้ออร์คต้องเร่งฝีเท้า ‘’ ครับ ‘’ มันตอบรับสั้นๆ

    ‘’ รุ้ง ‘’ เมอลินตะโกนเรียก ทำให้ออร์คตัวอื่นต้องสะดุ้งถือกระบอกวิ่งไปล้อมเมอลินทั้นที ‘’ คำว่าท่านล่ะ เรียกนายท่านห้วนๆได้ไง เรียกท่านเร็วๆสิ ‘’ เจ้าออร์คตัวใหญ่พูดกับเมอลินในสภาพสั่นกลัวจนเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆใหลออกมาเต็มใบหน้า ส่วนรุ้งไม่พูดอะไร เธอได้แต่หัวเราะคนเดียว

    ‘’ เอ่อครับท่าน ‘’ เมอลินพูดตามอย่าง งงๆ

    ‘’ นายท่านครับ ทางที่อยู่ข้างหน้ามีลาวาขนาดใหญ่ขวางอยู่ครับ ‘’ ออรค์ดที่อยู่ข้างหน้าสุดตะโกนกลับมา รุ้งส่ายหัว ‘’ พวกเจ้าก็ว่ายข้ามไปสิ แค่นี้ต้องให้ฉันบอกหรือไง ‘’ คำพูดของเธอทำให้ออร์คสะดุ้งต่างพากันรีบส่ายหัว

    ‘’ มีทางอื่นมั้ย ‘’ รุ้งถอนหายใจก่อนจะถาม ‘’ เราต้องเดินอ้อมเอาครับ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน ‘’ ออร์คที่ยืนข้างๆรุ้งรายงาน

    ‘’ แต่เรามีเวลาไม่มากนะ ร..รุ้... ‘’ เมอลินพยายามจะพูดอธิบาย แต่ต้องสงบปากสงบคำก่อนเพราะออร์คเขียวนับร้อยมองเขาเป็นตาเดียว เขาถอนหายใจ ‘’ เอ่อ ท่านรุ้งครับ ‘’

     

    ทางด้านของลิขิตกับมิกิเมื่อผ่านไปได้ 3 วัน

    ภายในหอคอยชั้นสูงเฉียดฟ้ามิกิกับลิขิตนั่งอยู่ในห้องขององค์หญิงจัสมินดูทั้งสามร้อนรุ้มกับเหตุการณ์ที่เพื่อนสาวของตนหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ถึงพอจะทราบอยู่แล้วว่ารุ้งเป็นคนนิสัยอย่างไร แต่ก็อดห่วงไม่ได้สักที ส่วนเรื่องที่บุตรชายของหัวหน้าองครักษ์เมอลินหายตัวไปก็เป็นที่วุ่นวายเหมือนกัน พระราชามีคำสั่งให้ทหารออกตามหาทั้งสองทั้งวันทั้งคืนแต่ก็ไม่พบข่าวคราวเลยแม้แต่นิดเดียว

    ‘’ เราคงหมดหวังแล้ว ‘’ เจ้าหญิงจัสมินพูดทั้งน้ำตา ‘’ ทั้งสองต้องปลอดภัยแน่ รุ้งเป็นคนที่เก่งมากๆคนหนึ่ง ส่วนเมอลินก็มีฝีมือระดับสูงต้นๆของพระราชวัง ฉันเชื่อว่าไม่มีใครทำอันตรายพวกเขาได้หรอก ‘’ ลิขิตพูดปลอบใจ

    ห่างออกไปจากหอคอยทางใต้ดินของปราสาทมีชายกลุ่มหนึ่งกำลังสทนากันดูจากเครื่องหมายยศถาบรรดาศักดิ์แล้วก็สามารถบอกได้โดยไม่คิดเลยว่าเป็นขุนนางลำดับสูงๆของปราสาท

    ‘’ การหายตัวของเมอลินกับแขกของปราสาทเป็นฝีมือของท่านบิชอปหรอ ‘’ เงาหนึ่งถาม

    บิชอปส่ายหัว ‘’ ไม่มีความจำเป็นต้องทำร้ายสองคนนั้น ถ้าเป็นยัยแม่มดแร้งทึ่งนั่นก็ว่าไปอย่าง ‘’ เงาที่เหลือพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ‘’ แล้วแผนการในวันนี้ของท่านล่ะ ‘’

    ‘’ ข้าได้สั่งให้อสูรกายนั่นไปลักพาตัวเจ้าหญิงมาก่อน เพื่อใช้เป็นข้อเสนอ ‘’ บิชอปพูด

    ‘’ ถ้าท่านมีอสุรกายที่ร้ายกาจขนาดนั้นทำไมท่านไม่ใช้พังปราสาทไปเลยล่ะ ‘’ เงาหนึ่งสงสัย

    ‘’ ข้าต้องการครอบครองปราสาท ไม่ใช่ซากปราสาทเจ้าโง่ ‘’ บิชอปตะคอก ‘’ เอาล่ะ ได้เวลาเปิดฉากแล้ว ‘’ พูดจบพวกมันก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างน่าสะอิดสะเอียน

    …………………………………………………………………………………………….

    ‘’ ขออณุญาตค่ะ ‘’ เสียงสาวใช้คนหนึ่งดังออกมาจากข้างนอกก่อนจะเปิดประตูเข้ามาหาองค์หญิงจัสมิน เธอถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาน้ำตาคลอ ‘’ เรื่องที่คุณเมอลินกับคุณรุ้งหายไปเป็นเพราะความสะเพร่าของดิฉันเองค่ะ ‘’

    มิกิเลิกคิ้วขึ้นสูง ‘’ เล่ามาให้ละเอียด ‘’ สาวใช้คนนั้นจึงเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่สั่งซื้ออัญมณีจนมาถึงการข่นส่งถูกสกัดกลางทางเพราะมีพวกออร์คดักปล้น ‘’ เดี๋ยวก่อนนะ เธอพูดว่าออร์คหรอ ‘’ มิกิถามซ้ำ

    ‘’ ค..ค่ะ ออร์คค่ะ ‘’ สาวใช้ตอบ

    ‘’ ยัยรุ้งตัวแสบ ‘’ มิกิที่ยืนฟังเงียบๆโกรธจนตัวสั่น

    ‘’ เอ่อ ออร์คทำไมหรอคะ ‘’ องค์หญิงถามอย่างไม่เข้าใจ แต่ทันใดนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงทหารโวยวายอยู่ข้างนอ เหล่าทหารที่เหลื่อในวังต่างพร้อมใจกันรีบหยิบคันธนูและปืนสั้นวิ่งออกมาจากปราสาท

    ‘’ ปืนใหญ่ เตรียมลูกกระสุนให้พร้อม ‘’ เสียงทหารนายหนึ่งตระโกน

    ‘’ พวกเรายิงมันไม่เข้าเลย เกล็ดมันแข็งเกินไป ‘’ ทหารที่สั่งพลธนูกับพลปืนตะโกนรายงานความคืบหน้า

    ‘’ บัดซับ ปืนใหญ่ก็ทำอะไรมันไม่ได้ ‘’ ทหารอีกนายหนึ่งตะโกนอย่างหัวเสีย

    ‘’ มีเรื่องอะไรกันหรอ ‘’ เจ้าหญิงจัสมินเปิดหน้าต่างไปดูเหตุการณ์ทำให้ทหารที่ยืนดูข้างล่างร้องโวยวายใส่ ‘’ เจ้าหญิงถอยไปจากหน้าต่างเดี๋ยวนี้ มันเป็นมังกร ‘’ 

    โคร้มม!! พูดจบหน้าต่างก็พังครืนเข้ามาพร้อมกับร่างองค์หญิงเซถอยหลังล้มลงกับพื้น หน้าของมังกรที่เต็มไปด้วยเกล็ดกับเขี้ยวแหลมคมขนาดใหญ่ของมันทพุ่งเข้ามาด้วยความแรงแต่กลับถูกหยุดด้วยฝ่ามือเล็กๆเพียงข้างเดียวของคนคนหนึ่ง

    ‘’ ค..คุณมิกิ ‘’ องค์หญิงพูดอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

    ‘’ เจ้าจิ้งจกบิน ไร้ค่า ‘’ มิกิพูดเสียงเหี้ยม


    *********************************************************************************************************

    *0* โทษๆลืมใส่เอฟเฟ็ต

    ขอโทษครั้งที่สองเบลอๆแล้วพิมพ์ผิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×