เรื่องซวยๆในชีวิต - เรื่องซวยๆในชีวิต นิยาย เรื่องซวยๆในชีวิต : Dek-D.com - Writer

    เรื่องซวยๆในชีวิต

    ใครอยากรู้ว่าคนเราจะซวยได้ถึงไหนกัน ในขณะที่คนรอบข้างกับดีวันดีคืน ถ้าคุณอยากรู้เข้ามาอ่านบทความนี้ดูแล้วจะรู้ว่า ความซวยมีจริง ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงนะ แค่ชื่อเท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลง

    ผู้เข้าชมรวม

    90

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    90

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ก.ย. 50 / 15:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เรื่องรักรอบตัว

      ชา - เป็นน้องสาวฝาแฝดกับเพื่อนฉันชื่อ ชล ใครๆก็ต่างบอกว่าแยกสองคนนี้ไม่ค่อยจะออก แต่สำหรับเพื่อนสนิทอย่างพวกเราแล้วสองคนนี้ ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเอาซะเลย ชา จะเป็นคนไม่ชอบแต่งตัวมักปล่อยให้ตัวเองหน้าตกมันจนเพื่อนต่างทนดุไม่ได้ ต้่องคอยบอกให้มัน ไปซับมันซะ แถมชายังเป็นคนหัวอ่อน ไอ้ชลสั่งอะไรมันก็ยอมทำตามหมด ส่วนไอ้ชลนั้นมัน

      บ้าอำนาจ วันไหนไม่ได้ดุไอ้ชาจะลงแดงตาย เออนะ...เอากับมันซิ แต่ยั้งไงซะ ขึ้นชื่อว่าฝาแฝดแล้ว มันก็ต้องมีส่วนที่คล้ายกันบ้างล่ะน่า  เรื่องไหนนะหรอ ฮ่าๆๆ ง่ายเลยก็ทั้งชลทั้งชามันมักจะชอบ ปลื้ม ผู้ชายคนเดียวกันเสมอ แต่สเปกสองสาวก็ใช่ย่อยซะที่ไหน ก็คุณเธอเล่นปิ้งระดับเดือนคณะ มันก็แน่อยู่แล้วว่าการผ่าผันใช่เรื่องง่ายซะที่ไหน แต่ความพยายามเพื่อนฉันซะอย่างเป็นเริดอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเก้าในสิบจะรับประทานแห้วเป็นประจำก็ตาม แต่ใครว่าว่าวันเห็นชัยชนะจะไม่บังเกิด 

                      วันนั้นเป็นวันพฤหัสบดีที่พวกเรามีเรียนตอน 8 โมงเช้า  พวกเราก็รู้ๆกันอยู่ล่ะว่า การตื่นเช้า เป็นเรื่องที่ทรมารชีวิตเป็นที่สุด นี้ถ้าไม่เช็คชื่อนะ ข้าพเจ้าคงยังเฝ้าพระอินอยู่เป็นแน่แท้  

      “จุ้ย ...จุ้ย ..ทางนี้แก “ เสียงนุ้ยนั้นเอง มันเรียกเราตอนเปิดประตูห้องเรียนเข้าไป  “อ้าวแล้วคนอื่นล่ะแก “ ฉันรีบถามเพราะตอนเข้าห้องไปก็สายจะแย่อยู่แล้ว พร้อมกับส่งยิ้มแหย่ๆ ไปให้อาจารย์ที่ส่งสายตาอำมหิตมาให้   “ถ้ามาแกก็เห็นแล้วดิ” นุ้ยตอบกับมาพร้อมส่งสายตากวนบาทมาทางฉัน  ขอบใจนะ ถ้าแกไม่ตอบจะดีกว่านะ ฉันคิดในใจ “กวนแต่เช้านะแก...โทรศัพท์ แกดังอ่ะ ...รับด  เร็ว!!.” ฉันรีบเร่งมันเพราะกลัวโดนอาจารย์ด่า   “พวกแกอยู่ไหนเนี้ยะ แม่งจะเช็คชื่อแล้วนะโว้ย” นุ้ยคุยโทรทัพท์ด้วยเสียงไม่ดังนัก สักพักมันก็ทำหน้าเบ้ “ไรนะ  ...ที่ไหน .... เออๆเดี๋ยวเซ็นชื่อให้เอง ....เออนะ ..อืม”  ช่างเป็นประโยคที่คนแอบฟังอย่างฉันรู้เรื่องสิ้นดีเลย  ....

      แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีเวลาคุยกันต่อเพราะต้องทำงานส่งเพิ่มอีกสามชิ้น แถมต้องพยายามให้ลายมือแตกต่างกันด้วย  พอจบคาบฉันถึงมีเวลาโง้หัวขึ้นมาถาม “มีเรื่องไรกันอะ”    “เดี๋ยวแกก็รู้ ตามมา “นุ้ยบอกฉันพร้อมกับเดินนำไปทางโรงอาหารกลาง ทำให้เห็นกลุ่มคนเล็กกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งดูอะไรซักอย่าง พอพวกเราเข้าไปใกล้จึงได้เห็นว่ามีลูกหมา นอนอยู่กลางถนน  แต่ก็ส่ายหางอย่างบ้าคลั่ง  “ ทำไมไม่ขึ้นเรียนล่ะ “ ฉันถามเพื่อนอย่างสงสัย       “ ก็มีคนบอกว่ามีคนชนหมาแล้วหนี เลยมาดูนะ” ชลตอบ “แม่งใจร้ายว่ะ “ ชาสมทบ “แต่พอถามไปถามมา สรุปมีคนเอาหมามาทิ้ง แล้วขับรถออกไป  ...ทำได้ไงเนี้ยะ “ ชาอุ้มมัน

      พร้อมสำรวจดู  “พามันไปหาหมอเถอะ ไม่รู้เป็นไรกันแน่มันไม่ยอมลุกเลย” ชลมองหน้าพวกเรา “เอาดิ ไอ้กันต์ มาพอดี ...กันต์ทางนี้ “ฉันตะโกนเรียกเพื่อนอีกคนในกลุ่มเรา  พวกเราต่างรู้ว่าฝาแฝดคู่นี้รักหมาเป็นชีวิตจิตใจ จึงพามันไปหาหมอ “มันเป็นไรค่ะ “ กันต์ถาม “เป็นปอริโอนะ เพราะมันติดเชื้อ แต่ไม่ต้องห่วงนะ มันไม่ติดต่อคนหรอก “ นิสิตหมอหน้าตาตี้ บอกเรา  หลังจากนั้นเราเลยพามันกลับมหาลัย  แต่วันนั้นทั้งวันทุกคนต้องพลัดกันขึ้นเรียนเพราะ ไม่มีใครตดูหมา แต่โชคดีที่ ชลกับชา เรียนคนละคณะ ชลเรียนเคมีกับพวกเรา ในขณะที่ชา เรียน จุลชีวะ  “แกจะเย็นแล้วนะ จะทำยังไงกับมันดี “ ฉันถามด้วยความเป็นห่วงเพราะ ฉัน กับกันต์และ นุ้ย พวกเราต่างอยู่หอ ไม่สามารถนำสัตว์เลี้ยง เข้าที่พักได้ “กลับบ้านฉันไม่ได้นะ ที่บ้านมีหมาแก เดี๋ยวกัดมันตาย “ ชล บอก “เอาไงดีล่ะ “ชามีท่าทีกังวลใจ “ ออๆๆ ใช่แล้ว จำรุ่นพี่ที่แกปลื้มได้เปล่า คนที่เรียนฟิสิกส์ ไง “ นุ้ยบอก “เออ..ช่าย พี่เข้านอนที่มหาลัยนิ ชอบหมาด้วย ไปหาเขาให้ช่วยดีม่ะ “ กันต์รีบออกความเห็น “ แต่ฉันไม่มีเบอร์เขาอ่ะ ....ไอ้นัทก็ไม่ยอมรับสาย “ ชาตอบ  “งั้นวันนี้ฝากไว้กับยามก่อนล่ะกัน “ ฉันบอก  ทุกคนเห็นด้วย กว่าเราจะอ้อนว้อนยามได้เล่น เอากลับบ้านกันดึก

      วันต่อมาชาพยายามติดต่อพี่โอตั้งแต่เช้า  พอตอนเที่ยงก็ติดต่อได้ พี่โอเขาจะมาดูตอนเย็นหลังจาก เรียนเสร็จ  เพราะพี่เอาเป็นทีเอด้วยต้องอยู่ช่าวยอาจารย์ พวกเราก็รอจนเย็นซักพักพี่เขาก็มา พร้อมกับเพื่อนรักของเขาที่เรารู้ภายหลังว่าชื่อ ทัด  แต่นิสัยแตกต่างกับพี่โอราวฟ้ากับเหว พวกเราจึงตั้งชื่อให้พี่แกใหม่ว่า ถ่อย ฮ่าๆช่างเหมาะสมจริงๆ เข้าเรื่องต่อ พอพี่โอมาดูพี่เขาก็ยอม เอามันไปนอนด้วยแถมดูแลเอาข้าวเอาน้ำไปให้  หลังจากนั้นน้องหมาตัวนั้นก็อยู่กับพี่เขาตลอด ส่วนพวกเราก็พลัดกันซื้อข้าวซื้อน้ำไปให้น้องหมา แต่ส่วนใหญ่ คนที่เอาไปให้จะเป็นชามากกว่า เพราะพวกเราต้องทำเลป  หลังจากนั้นไม่นาน สองคนนี้เริ่มไปไหนมาไหนกันมากขึ้นจนพวกเรา สังเกตุเห็น ว่าสองคนนี้ต้องปิ้งกันแล้วแน่ๆๆ  แต่ใครจะเชื่อชีวิตช่างเหมือนนิยายจริงๆขณะที่สอง คนนั้นกำลังไปกันได้ด้วยดี อยู่ๆก็มีรุ่นพี่ปอโทที่แอบชอบพี่โอ เริ่มเกาะติดพี่เข้าอย่างออกหน้า เล่นเอาเพื่อนฉันตั้งตัวไม่ติดหน้าเสียไปเลย แถมไม่พูดกันอีกต่างหาก พวกเราจึงว่าแผนให้พวกเขา มาเจอกัน โดนพี่ถ่อยกับพวกเรานัดเล่นหมากรุก ทำให้ ชาที่อยากกับบ้านใจจะขาดไปไหนไม่ได้ เพราะสองคน(ชลกับชา)มันต้องกลับด้วยกัน ไม่งั้นแม่มันว่า ทำให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันได้  หลังจากนั้นไม่นาน พี่โอกับเข้าไปเครียกับผู้หญิงที่ตามตื้อว่าเขาชอบชาคนเดียวเท่านั้น  โอ้โห หวานกันจริงๆสองคนเนี้ยะ ฮ่าๆ ทำเอาเพื่อนในกลุ้มอิจฉาเลย  ตอนนี้สองคนนั้นกำลังหมั่นกันอยู่ เพราะอีไม่นานพี่โอจะไปเรียนต่อเมืองนอกเพราะได้ทุน ส่วน ชาตอนนี้ก็เรียนโทใกล้จะจบแล้ว

      รันทด

                       ดูชีวิตเพื่อนฉันซิช่างเหมือนนิยายอะไรเช่นนี้ โชคดีแค่ไหนกันที่ผู้ชายที่ตัวเองแอบชอบ มาตั้งนาน ก็ชอบตัวเองเหมือนกัน  ผิดกับฉันเลย! ชีวิตเรื่องงานว่าแย่แล้วนะดวงความรัก ก็กุดไปด้วย ก็ผู้ชายที่ฉันแอบชอบมาตั้งแต่ปอห้านะถึงนะซิ จนถึงตอนนี้ยังตัดใจไม่ได้เลย ก็แอบชอบเพราะ อีตานี่หน้าตาดีมากๆๆ ใครๆในโรงเรียนก็ต่างชอบโดยเฉพาะในหมู่สาวๆนะ ยิ่งป็อปเข้าไปใหญ่ แต่เชื่อไหมว่าตาบ้านี้ แอบชอบเพื่อนฉันเองล่ะ ชื่อ โอ๋ แต่ก็สมควรหลอก โอ๋เป็นคนสวย หน้าตาน่ารัก นิสัยก็ดี แต่ดันไม่ชอบอีตาบ้านี่เอามากๆๆ ซึ่งทำให้สงสารอีตานี้ชมัด  ถ้าซื้อของให้โอ๋ๆก็จะทิ้งมันต่อหน้าต่อตา ฉันยังเคยลองถามโอ๋เลย ว่าทำไมไม่ชอบมันล่ะ เรียนก็เก่ง นิสัยก็ดี เหมาะกับแกออก  แต่โอ๋ดันตอบว่าไรรู้ไหม! “ฉันไม่ชอบมันอ่ะ จริงๆนะแก“โอ๋พูดด้วยหน้าตาเคร่งเครียด  “แต่แกก็ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นี่คุยเป็นเพื่อนกันนะ “ฉันบอกโอ๋เพราะฉันสงสารอีตานั้นจริงๆ จะว่าไปแล้วตัวเองก็บ้าใช่ย่อย เหมือนกันนะ ที่็ชอบอีตานี่ เอามากๆ  เราพบกันตอนไหนนะหรอ ตอนปอห้านะซิ ก็ตอนเรียนประถมมันต้องมีเวร ทำความสะอาดทุกเย็น พอดีวันนั้นเป็นเวรทำความสะอาด ทำห้องตัวเองเสร็จเลยไปวิ่ง

      เล่นห้องเพื่อนคือฉันอยู่ห้องสามนะส่วนตานั้นอยู่ห้องห้า ห้องห้าจะเป็นห้องที่ไม่สุงสิงกับให้ทั้งๆ ที่พวกเราอยู่ชั้นเดี่ยวกันแท้ๆ อย่าพึงงงนะ คือโรงเรียนฉันเป็นโรงเรียนบ้านนอกนะ ในแต่ละห้อง จะคละเด็กกัน ไม่ได้เรียงลำดับห้องตามความฉลาดหลอก  เอาเป็นว่าเด็กคนไหนที่ไม่คุ้นหน้า ละก็เดา ได้เลยว่ามาจากห้องห้าชัว   ตอนนั้นเล่นซนกับเพื่อนไปหน่อยเลยเข้าไปห้องห้าโดย ไม่ได้ตั้งใจ พอดี่ตานี่กำลังทำความสะอาดอยู่พอดี  เลยหันมามองประมาณคงงง ว่าไอ้พวกบ้านี่มาทำไรห้องฉันประมาณนี้ล่ะมั่ง ส่วนพวกเราก็มัวแต่เล่นเลยไม่ห้องตานั้นยืนดูอยู่ จนกระทั่งเพื่อนอีกคนร้องตกใจนึกว่าผีหลอก ตอนนั้นล่ะถึงได้เห็นหน้าตานั้นชัดๆ เลยรีบของโทษและวิ่งออกไปแทบไม่ทันมารู้ตอนหลังว่าตานั้นแอบชอบเพื่อนเรา  แต่ตอนนั้นฉันก็ชอบตานั้นเอาซะแล้ว เลยรับประทานแห้วโดยยังไม่เริ่มทำไรเลย หลังจากนั้นมาเมื่อจบปอหก พวกเราต่างก็แยกย้ายกันไปเรียนโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด คือมันมีโรงเรียนชายหญิงประจำจังหวัดนะ เลยไม่ได้เจอกันเลยสามปีเต็ม ต่างคนต่างก็ใช้ชีวิตของตัวเองตามประสาเด็กมอต้น ตอนั้นฉันก็มีทอมมาชอบเหมือนกันนะ แต่ก็ยังว่าล่ะไม่ใช่สเป็กอ่ะ คบกับไม้ป่าเดียวกันเป็นแฟนมันแปลกๆ แต่ตอนนั้นฮิตน่าดูก็อย่าง

      ว่าล่ะโรงเรียนหญิงล้วนก็มักเป็นอย่างนี้แหล่ะ มันเป็นเรื่องธรรมดามากๆ งั้นจะกรี้ดใครช่ายป่ะ พอขึ้นมอปลายโรงเรียนเปลี่ยนเป็นสหพอดีเลยรับนักเรียนชายเข้ามา ใครจะเชื่อล่ะ ว่าตานั้นจะเข้ามาเรียนที่โรงเรียนฉัน กรี้ดหัวใจจะวาย ดีใจสุดๆเลย ขอบคุณสวรรค์ค่ะ ที่ส่งเขากลับมา ฉันนึกอยู่ในใจ  แต่ไม่นานก็ต้องสลาย ใครจะคิดว่าอยู่ๆตาบ้านั้นก็ฮ๊อตซะขนาดนั้น ทั้งที่ตอนอยู่ประถมไม่เห็นมีใครรู้จักตานี่สักคนเลย เออนะเซ็งสุดๆ แล้วฉันจะมีปัญญาฝาด่าน ผู้หญิงพวกนี้ได้ไงกัน แต่ถึงอย่างนั้นอีตานั้นก็ไม่เคยเหลียวมองฉันหลอก แต่ตาโรคจิตนี้ทำไม ต้องแอบชอบเพื่อนฉันตลอดเลยนะ นี้สวรรค์ต้องกลั้นแกล้งฉันแน่ๆ  ฉันเลยเซ็งสุดๆหันไปคบ กับรุ่นน้องแทน หลายคนคงคิดว่ายายโง!่ก็เธอไม่สารภาพกับเขาเอง ใครมันจะรู้ล่ะ นั้นก็ถูกนะ แต่พวกเธอไม่รู้หลอกว่าทำไมฉันถึงไม่กล้าแม้แต่จะบอกเรื่องนี้กับเพื่อนของฉัน นั้นก็เพราะเพื่อนฉันทุกคนต่างแอบปลื้มตานั้นกันทั้งนั้น แถมเขามักจะทำท่ารังเกียจใส่ฉันอีก เขาทำยังไงนะเหรอ เวลาเห็นหน้าฉันต้องหนีไปทางอื่น ทำอย่างกับฉันเป็นแมงสาบ  เวลาพูดก็ไม่ยอมสบตากัน ทั้งๆที่กับเพื่อนฉันยังคุยเล่นเลย พอฉันมาถึงก็รีบไป ทั้งๆเพื่อนฉันบ้างคนแสดงออกอย่างฉันเจนเลยนะว่าชอบมันนะ แต่กับคุยเล่นได้อย่างสบายใจ  ไม่เข้าใจเลย .....มันจะรังเกียจไรต !ูหนักหนาว่ะ... หือๆๆ ....ไม่เข้าใจเลย  พอ ม.ห้า ก็ได้ทำงานร่วมกัน คือได้เป็นกรรมการนักเรียน ถึงอย่างนั้นพฤติกรรมมันก็ยังเหมือนเดิม ฉันก็เซ็งๆ แต่ก็คุยเล่นสนิทกับเพื่อนหมอนั้นแทนก็เพราะพวกเราต้องทำงานร่วมกันนะซิ  อุตสาพยายามจะสารภาพตอนจบ ม.หก แล้วนะ เพราะคิดว่ายังไงพวกเราคงไม่เจอกันอีกแล้ว แต่ก็ทำไมได้ เพราะผู้รอบกายต่างนั้นเยอะเหลือเกิน สุดท้ายต่างคนก็แยกย้ายไปเรียนมหาลัย ฉันก็พยายามลืม ไปกิ๊กกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว หลังจากนั้นตานั้นก็เอ็นใหม่  มามหาลัยฉัน! ทำไมมาหลอกหลอนกันจังว่ะ แต่ที่มันเอ็นใหม่นะเพราะคณะนั้นเป็นคณะที่มันใฝ่ฝันอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับฉันหรอก ต่อไปจะลืมอีตาบ้านั้นให้ได้เลย  ............

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×