ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ESP Online

    ลำดับตอนที่ #9 : Client:8 ผจญภัย (ตรวจสอบ 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 57


    บทที่8

                ท้องฟ้าสีเทาครึ้มฟ้าครึ้มฝนเป็นสัญญาณของลางร้ายที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แต่สำหรับจิราภัทรและหทัยลางร้ายเหล่านี้ถือว่าสายไปเสียแล้วเพราะสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดได้เกิดขึ้นแล้ว

                เมื่อพวกเขาทั้งสองเดินทางมาถึงสถาบันวิจัย ESP ของบริษัทผู้ผลิตเกมชั้นนำของประเทศ ชายร่างสูงโปร่งรีบร้อนเข้าไปทักทายอย่างทันทีก่อนจะนำทางในทั้งสองตามไปที่ห้องปฏิบัติการ ภายในห้องเป็นสีขาวล้วนทึบซึ่งบรรจุบล็อกที่โปร่งใสไว้กว่าหนึ่งหมื่นบล็อก ซึ่งภายหลังได้รับคำตอบจากนพดลว่ามันใช้สำหรับบรรจุผู้เคราะห์ร้ายที่ยังไม่ฟื้นจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

                “มีใครอธิบายให้ฉันฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

                จิราภัทรเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดคุยกับทีมพัฒนาก่อนโดยที่มีหทัยและบรรดาญาติๆของผู้เล่นยืนอยู่รอบข้าง

                “ทางเรากำลังหาสาเหตุนี้อยู่ครับ”

                “ไม่ต้องรอน้องฉันตายก่อนหรอ ถึงจะหาสาเหตุได้!

                “ใจเย็นภัทร ฟังเขาก่อน”

    หทัยรีบห้ามปรามความรีบร้อนของเพื่อนตนเองก่อนที่เธอจะไปหาเรื่องกับหน่วยพัฒนาไปมากกว่านี้

    “ขอเชิญพวกคุณทางนี้ครับ”

    เด็กหนุ่มหน้าตาใสสะอาดที่เข้ามาทีหลังขอเชิญพวกเราทั้งสี่คนฉัน จิราภัทร นพดลและป้าของฉันให้ตามเขาไป  ไม่รู้ว่าพวกเขาจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรแต่รู้แค่ว่าเด็กผู้ชายคนนี้คงจะมีคำตอบที่น่าจะแก้ความสงสัยได้

    เมื่อพวกเราเดินตามเข้ามาถึงห้องด้านในสุดก็พบว่าเป็นห้องที่อยู่ส่วนกลางด้านในลึกสุด  เมื่อมองไปรอบๆก็พบว่ามีผู้เล่นคนอื่นๆถูกเชิญมาเหมือนกับพวกเราด้วย นริศาซามูไรสาวแห่งทิศเหนือ   GMแมนผู้ดูแลเซิฟเวอร์ที่สอง  โรซารี่หัวหน้ากิลคิเมล่าอันดับหนึ่งและผู้เล่นคนอื่นๆมากมาย

    “ทุกคนที่อยู่ที่นี้คือผู้เล่นที่สามารถออกจากเกมมาได้ตอนเกิดเหตุ”

    ???

    โรซารี่อธิบายว่า  ถึงแม้พวกเขาจะออกมาได้แต่ก็มีบางอย่างได้ถูกยึดคืนไปแล้วนั่นก็คือพลัง ESPที่ตัวเกมได้มอบให้ก่อนเริ่มเกมทำให้พวกเขาไปสามารถเกมได้อีกแล้ว  นอกจากนี้เบาะแสมีเพียงรูปถ่ายของเด็กหนุ่มผู้เรียกตัวเองว่าต้นแบบของ ESP

    “เด็กคนนั้นเป็นลูกชายของเจ้าของเกมนี้ครับ”

    GMแมนอธบายให้ทุกคนได้เข้าใจว่าภาพที่พวกเขานั้นเห็นเป็นคนที่มีตัวตนจริงบนโลกไม่ใช่NPCของเกมแต่อย่างใด

    “แต่ว่าเขากลายเป็นเจ้าชายนิทราแบบผู้เล่นคนอื่นมากว่าสิบปีแล้ว”

    “หา?แบบนี้ก็ผีน่ะสิ”

    นริศาเริ่มหน้าถอดสีเมื่อรู้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่นั้นมันเริ่มจะยุ่งยากเสียแล้ว

    “นี่เป็นรายงานที่ฉันไปหามา รับไปสิวา”

    โรซารี่พูดพลางส่งรายงานฉบับหนาขนาดสามนิ้วให้กลับหทัย ใช่แล้วเธอสองคนเคยพบกันมาก่อนตอนงานรับรางวัลเมื่อสี่หรือห้าปีก่อนแต่ทั้งคู่ก็ยังติดต่อหากันอยู่บ่อยๆ

    “นี่มัน

    ทันทีที่หทัยได้รับรายงานมาก็รีบเปิดรายงานเล่มนั้นออกดูก็พบว่าเป็นภาพของเด็กผู้ชายสองคนที่ดูท่าว่าจะเป็นพี่น้องกัน

      

                “แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเด็กคนนี้?

    “ก่อนที่ฉันจะออกจากเกมมา เด็กคนนี้มาปรากฏตัวและบังคับให้ผู้เล่นที่หลงเหลืออยู่ตามหาตัวฆาตกรให้  ฉันคิดว่าหากเราหาเบาะแสที่เกี่ยวกับเด็กคนนี้เพิ่มขึ้นพวกเราอาจจะช่วยคนอื่นที่อยู่ในเกมได้”

    “นอกจากนี้แล้วมีอะไรอีกไหม?

    จิราภัทรเริ่มสนใจกับปมปริศนาที่เด็กชายชื่อ เซย์รัน หรือ เร็น ทิ้งไว้ให้ว่ามันจะพาพวกเราไปถึงไหนกัน

    “ตอนนี้สิ่งที่พวกเรารู้มีสามอย่าง  ข้อแรกฆาตกรยังอยู่ในเกม ข้อที่สองหากเข้าเกมไปแล้วเมื่อออกจากเกมจะโดนยึดพลังไปและข้อสุดท้ายตัวเกมปิดได้จากในเกมเท่านั้น”

    “หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าปิดในเกมเท่านั้น?

    หทัยไม่เข้าใจกับคำอธิบายที่โรซารี่บอกจึงขอคำอธิบายเพื่อให้มันกระจ่างชัดมากกว่านี้

    “หอคอย ลาเมียที่ลอยอยู่เหนือเมืองคริสตัลเป็นศูนย์รวมระบบสั่งการของเกมไงล่ะ ทางทีมพัฒนาบอกว่าหากพวกเราเข้าไปปิดมันได้ทุกคนก็จะฟื้นแต่มีปัญหาตรงที่เราไม่สามารถติดต่อคนที่อยู่ในเกมได้เลย”

    โรซารี่ชี้ที่หน้าจอของภาพรวมเกมในนั่นที่แสดงให้เห็นว่าตอนนี้พวกผู้เล่นในเกมกำลังทำอะไรกันอยู่  และอธิบายว่าส่วนใหญ่จะอยู่ที่เมืองหลัก(ดอลเช่)มากกว่าเมืองคริสตัลซึ่งภายหลังอาจมีการเปลี่ยนสถานที่  

    “ทีมงานต้องการอาสาสมัครจำนวนห้าคนเข้าไปปิดเกมแต่….ฉันเข้าไปไม่ได้แล้ว”

    “ไม่ต้องห่วงให้เป็นหน้าที่พวกเราเอง!

    หทัยตอบรับคำร้องขอของหน่วยทีมพัฒนาก่อนที่จะขอปรึกษากับเพื่อนของตนว่ามีความเห็นอย่างไร

    “ภัทรแกจะเอายังไง?

    “พี่นพกับริศาเขาจะไปแน่เพราะพวกเพื่อนๆและน้องเขาอยู่ในนั้น”

    “ไปอยู่แล้วจะปล่อยให้เจ้านัทมันร้องไห้ขี้มูกโป่งได้ไง ฮ่าๆ”

    เมื่อสามารถยืนยันตัวอาสาสมัครได้แล้วทีมงานก็พาพวกเราทั้งสี่คนไปพบกับเด็กผู้ชายที่พวกเราเจอก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มแนะนำตัวเองว่าเป็นหนึ่งในทีมพัฒนาที่มีอายุน้อยที่สุดนอกจากนี้ก็เป็นน้องชายฝาแฝดของเร็นด้วยถึงแม้จะไปเหมือนมากก็ตาม

    ก่อนที่พวกเราจะเตรียมตัวเข้าสู่เกมนั่นทางทีมพัฒนาก็ขอคำยืนยันจากพวกเราก่อนว่าสมัครใจที่จะเข้าไปเองพร้อมกับอธิบายวิธีปิดเกมจากข้างในให้กับพวกเราทั้งสี่คนด้วย

    การที่เขาให้อาเรียหรือ เอ็นไปกับเราด้วยนั่นเพื่อเป็นไม้กันหมาไม่ให้เร็นเข้ามาขัดขวางพวกเราได้เพราะตามข้อมูลแล้วเร็นเป็นคนที่รักน้องชายมากหากเอ็นพูดเขาอาจจะยอมถอยไปแต่โดยดี

    “แต่พวกเราจะโดนยึดพลังไปสินะ?

    จิราภัทรหันไปส่งสายตาให้กับหทัยเมื่อรู้ว่าพลังที่ตัวเองอุตส่าห์ทุ่มเท่พัฒนาเลเวลมานั่นจะต้องถูกยึดคืนไปอย่างช่วยไม่ได้

    “แต่ไม่เป็นไร ถ้ามันจะทำให้ช่วยทุกคนได้ละก็นะ”

    “ใช่แล้ว….รอก่อนนะทุกคน”

    .

    .

    .

    มีเวลาสามวันก่อนที่จะถึงกำหนดการช่วยเหลือหทัยได้อธิบายให้กับป้าของเธอฟังว่าตัวเธอเองต้องเข้าในเกมด้วยเหมือนกันเพื่อช่วยเหลือนฤนาถและคนอื่นๆที่กำลังรอการช่วยเหลือ

    “ไปเถอะยังไงป้าก็ห้ามอะไรไม่ได้อยู่ดี แต่ก็รีบๆกลับมานะลูกป้าจะทำกับข้าวรอ”

    “ค่ะ”

    พวกเราทั้งสี่เข้ารับการฝึกฝนจิตใจและร่างกายให้พร้อมสำหรับการเข้าไปปิดตัวเกมโดยมีระยะเวลากำหนดเพียงแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้นหากมีอะไรผิดพลาดอาจจะทำให้เวลาคลาดเคลื่อนได้   พวกเราต้องช่วยทุกคนก่อนที่มหาวิทยาลัยจะเปิดให้ได้

    “รับนี่ไปด้วยนะ”

    L8…..รหัสไอเท็มโค้ดหรอ?

    “เอาไว้เผื่อฉุกเฉินน่ะ”

    GMแมนได้แจกไอเท็มพิเศษให้กับพวกเราเพื่ออำนวยความสะดวกให้ ก่อนที่พวกเราจะเดินทางไปที่ห้องปฏิบัติการก็มีบรรดาญาติๆของผู้เล่นต่างมาให้กำลังใจและอ้อนวอนขอให้พวกเราพาลูกๆของพวกเขากลับมาให้ได้  แบบนี้อึดอัดอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

    “เอาล่ะทุกคนมาพร้อมกันแล้วสินะ”

    ชายแก่รูปร่างท้วมคนหนึ่งเอ่ยกับพวกเราว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัท ESPรู้สึกละอายใจที่ต้องให้ผู้เล่นเป็นคนเข้าไปแก้ปัญหาเองเนื่องจากตัวเขาไม่ได้รับพรสวรรค์ใดๆพาลจะไปเป็นตัวถ่วงไปเสียเปล่าๆและขอฝากหลานชายที่เหลือเพียงคนเดียวของเขาไว้กับพวกเราด้วย

    “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลทุกคนให้”

    นภดลที่ดูท่าว่าจะแก่ที่สุด เอ้ย พึ่งพาได้เพราะเป็นผู้ใหญ่แล้วรับปากกับท่านประธานว่าจะปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จให้ได้ พวกเราทั้งห้าคนจึงไปอยู่พร้อมประจำที่เก้าอี้ของแต่ละคนแต่คราวนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วเปลียนไปให้ระบบสัมผัสด้วยมือเชื่ออมต่อเข้ากับระบบประสาทเอา

    “ยินดีต้อนรับสู่ ESP Online

    โครม!!

    “โอ้ยไม่เห็นเหมือนตอนก่อนหน้านี้เลยทั้งที่อาชีพฉันออกจะทรงตัวเก่งแท้ๆ”

    “อ่ะนี่จ้ะ”

    นริศาส่งมือให้กับหทัยที่ล้มก้นกระแทกพื้นอยู่ให้ลุกขึ้นและมองไปรอบๆก็รู้สึกว่าภาพมันชัดเจนและคุ้นมากกว่าปกติเยอะเลยทีเดียว

    “เอ็นเป็นนักเวทย์เหมือนโยนี่เอง”

    “ชุดนักเวทย์ชายนี่น่ารักจริงๆ”

    นริศาเข้าไปกอดเอ็นที่ประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกเสียแล้วก่อนที่จะโดนจิราภัทรทักให้ทุกคนหันไปมองรอบตัวเองว่าอยู่ที่ไหนกัน

    “เราอยู่ที่ไหนกัน?

    “จากวิวที่คุ้นเคยกับเจ้าตัวนี้….เราอยู่ที่เมืองเริ่มต้นเลยล่ะ”

    หทัยชี้ไปที่เจ้ากระต่ายตัวน้อยเลเวลหนึ่ง มอนสเตอร์ที่เหมาะสำหรับผู้เล่นเริ่มแรกเพราะปกติแล้วจะพบเห็นเจ้าตัวนี้ที่เมืองนี้เท่านั้น

    “โอ้ไม่นะนี่พวกเราต้องเดินอีกเจ็ดแผนที่จากทั้งหมดสิบสองเมืองเลยนะ”

    นพดลรู้สึกหดหู่กับอะไรหลายๆอย่างที่ทีมพัฒนาไม่ได้เซตไว้ให้พวกเขา  แต่มันอาจจะเป็นฝีมือของเร็นก็ได้

    “อย่างน้อย เลเวลพวกเราก็ยังอยู่นะ”

    จิราภัทรชี้ไปบนหัวของเธอที่โชว์ตัวเลข 89 ตัว ใหญ่ๆพร้อมกับแถบสีเขียวและฟ้าอยู่อย่างชัดเจน แบบนี้ถ้าโดนโจมตีจะเจ็บเหมือนในอนิเมะไหมนะ

    “ไปสอบถามเส้นทางกับพวก NPCกันดีกว่า”

    “เดินดีๆนะเอ็น เดี๋ยวจะล้มเอา”

    “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

    “เวลางอนก็น่ารัก”

    นริศาแซวเอ็นตัวน้อยอยู่ตลอดเวลา รู้สึกสงสารเอ็นจริงๆที่ดันมาตรงกับความชอบของนริศาได้แบบนี้เจ้านันทกรก็รอดตัวสบายๆเลย

    พวกเราทั้งห้าคนเดินมาถึงทางข้าวของประตูเมืองแต่ถูก NPC ขวางทางไว้โดยให้เหตุผลว่าตอนนี้ทั้งสิบสองเมืองเกิดความวุ่นวายแต่ละเมืองไม่พร้อมที่จะรับจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอีก

    “พวกเราแค่ผ่านทางมาอยากจะทราบวิธีที่ไปเมืองคริสตัลให้เร็วที่สุด”

    “เมืองคริสตัล? อย่าไปเลยที่นั่นมีพวกมอนสเตอร์เต็มไปหมด”

    NPCทหารใส่ชุดเครื่องแบบสีฟ้ากล่าวกับหทัยด้วยความหวังดีพร้อมกับเล่าให้ฟังถึงสถาณการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเมืองนั้น

    “ที่นั้นไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้หรอกเพราะระบบควมคุมกฎของเกิดมันเกิดรวนขึ้นมา ถ้าจะไปที่นั่นมีแค่ทางเดียวคือขี่มังกรไป”

    เขาพูดพลางชี้ไปที่ศูนย์กลางของเกมที่ลอยอยู่บนบนลอยฟ้าและร้านขายสัตว์ขี่สำหรับการเดินทาง

    “มังกร?

    “มันเป็นหนทางเดียวอย่างนั้นสินะ”

    “ดีเลย ฉันยังไม่มีมังกรเป็นของตัวเองเลย”

    นริศาตื่นเต้นจนออกนอกหน้าเมื่อหทัยพูดถึงมังกรเพราะเธอฝันอยากจะมีไว้ในครอบครองบ้างแต่ก้ถูกหทัยห้ามปรามไว้ทุกที

    “ก็ดีเหมือนกันนะ บินไปบนฟ้าอาจจะหลีกเลี่ยงมอนสเตอร์อื่นๆได้อีกเยอะ”

    นภดลออกความเห็นสมทบกับนริศาแต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการจะมีมังกรไว้ในครอบครองนั่นจะต้องผ่านเงื่อนไขอะไรบ้าง

    “คิดว่าจะซื้อมันได้ง่ายๆหรือไง! ตัวตั้งเป็นล้านลีออน”

    “ล้านลีออน!

    นริศาหยิบกระเป๋าตังตัวเองออกมานับเงินดูเธอมีเพียงแค่สองในสามของราคามันด้วยซ้ำ

    “อุย เงินไม่พอ”

    “เอาน่าวา แกก็ซื้อให้พวกเราทุกคนหน่อยสิ ฉันรู้นะว่าทรัพย์สินในครอบครองของแกมันมากกว่าฉันตั้งหลายร้อยเท่าเลยนะ”

    จิราภัทรคว้าต้นคอของหทัยไปกระซิปข้างหูในขณะที่ยื่นข้อเสนอให้ว่าหากจบภารกิจครั้งนี้แล้วเธอยินดีจะยกคลังของกิลทั้งหมดให้เป็นที่เก็บสมบัติของหทัยในขณะที่เดิมดีก็โดนยึดไปใช้อยู่แล้วเกือบครึ่ง

    “ช่วยไม่ได้ ไปเลือกมังกรกันเอาเองละกันฉันมีหน้าที่จ่ายพอ”

    หทัยถอนหายใจยาวๆก่อนจะหันหน้าไปคุยกับ NPC Warehouse เพื่อเบิกตังออกมา  แต่แล้วก็เกิดความสงสัยจึงหันไปถามจิราภัทรว่า

    “ซิล? Shiny Diamond ของแกไปไหนอ่ะ”

    “หะ?มันก็อยู่ในนั้นแหล่ะฉันไม่เอาไปขายหรอก”

    “คือถ้าเห็นฉันคงไม่ถามแกหรอก มาดูเลย”

    จิราภัทรจึงขอเข้าไปดูในคลังเก็บสะสมเพชรของเธอบ้างเพราะนอกจากเธอและหทัยแล้วลูกกิลคนอื่นก็สามารถถอนของออกไปได้เหมือนกันเนื่องจากไม่ได้ลงรหัสล็อคไอเท็มไว้

    “.......”

    “อย่าบอกนะว่า....เจ้านัท!!!
    .....................................................................................................


    Funtom ค่ะในที่สุดก็ได้กลับมาอัพนิยายต่อซักที มาถึงตอนนี้ก็เข้าสู้เนื้อหาหลักได้แล้วคงจะมีเหตุการณ์อื่นให้ได้รับชมกันต่อไป    ขอบคุณหลายๆท่านที่ยังติดตามนิยายเรื่องนี้อยู่และอีกหลายคนที่ช่วยเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการแต่งนิยายค่ะ
    ปล.ยังไม่ได้ตรวจสอบคำผิดนะคะ

     ติดตามตอนต่อไป>>>>>>>

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×