คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Client:7 จุดเปลี่ยน (ตรวจสอบ 100%)
บทที่ 7
สายฝนโปรยลงมาเล็กน้อยกระทบกับหน้าต่างห้องนอน สาวน้อยผู้เป็นพี่ตื่นจากฝันอันยาวนานลุกขึ้นดูที่หน้าต่างของห้องก่อนจะนาฬิกาปลุกที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาดู
“05:30 ”
ตัวเลขสี่เขียวเรืองแสงสว่างปรากฏให้เห็นเด่นชัดเจนบนนาฬิกาดิจิตอล บ่งบอกถึงเวลาที่สองพี่น้องควรจะลุกจากเตียงได้แล้ว
“โย ลุก! ได้เวลาแล้ว”
หทัยสะกิดผู้เป็นน้องสาวของตนที่นอนอยู่ข้างๆอย่างแรงเพราะรู้ว่าหากเธอไม่ทำแบบนี้ โยอาจจะไม่รู้สึกตัวและนอนต่อก็เป็นได้ เธอก้าวลงจากบันไดชั้นสองมายังห้องครัวที่อยู่ชั้นหนึ่งแต่ก็ต้องประหลาดใจว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังทำอะไรบางอย่าง
“วันนี้ป้าไม่ได้เข้าเวรหรอคะ?”
“เข้าจะ แต่เป็นตอนสายๆน่ะพอดีว่าจะทำอาหารเช้าให้หลานสาวซักหน่อย”
“ทำอะไรกินอ่ะ หอมจัง”
นฤนาถที่พึ่งลงจากชั้นสองตามมาทีหลังเอ่ยแซวผู้เป็นป้าของตนเล็กน้อยเพราะนานๆทีเธอจะว่างมาทำกับข้าวให้หลานทานกัน
“วันนี้มีพิธีจบของมัธยมศึกษาปี่ที่หกสินะ”
นฤนาถพูดขึ้นมาลอยๆพร้อมกับกำลังบีบซอสมะเขือเทศลงไปบนไข่ดาวในจานก่อนจะหันไปขอความเห็นจากหทัย
“เร็วจังเลยนะ หกปีแล้วหรอเนี่ย”
“เอ้า!รีบกินเข้าจะสายแล้วนะ”
ผู้เป็นป้าพูดกระตุ้นให้หลานสาวทั้งสองรีบทานอาหารเช้าก่อนที่เวลามันจะสายไปมากกว่านี้แล้ว
.
.
.
รถบัสของโรงเรียนมาจอดเทียบท่าเหมือนเดิมตามปกติ วันนี้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกของโรงเรียนSเอกชนชื่อดังแต่งตัวเรียบร้อยกันผิดปกติ ซึ่งถ้าเป็นวันธรรมดาพวกเขาจะไม่ค่อยสนใจว่าจะใส่ชุดนักเรียนหรือชุดพละตามตารางเรียน
“ไงหทัย”
จิราภัทรโบกมือให้สัญญาณกับหทัยและนฤนาถว่าเธอและนันทกรนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง เผื่อว่าทั้งคู่จะสนใจมานั่งสนทนาด้วยกันด้านหลังรถบัสโรงเรียน ตลอดทางที่จะถึงโรงเรียนทั้งสี่คนได้แต่สนทนากันในหลายๆเรื่องไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่แต่ละคนเลือก กำหนดการพิธีและเกม
เมื่อรถจอดที่ด้านหน้าของประตูโรงเรียนนักเรียนทุกคนก็ทยอยกันลงจากรถ วันนี้เพลงตามสายของโรงเรียนที่มักจะเปิดกันตอนเช้าได้เปลี่ยนเป็นเพลงที่หลายคนอาจจะคุ้นหูเพราะนานๆทีจะเปิดให้ฟัง เพลงประจำโรงเรียน ไง
ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนปกติเพียงแต่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่หกไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนเดิมอีกแล้วเพราะพวกเขาจัดเตรียมงานพิธีและซ้อมการรับใบวุฒิบัตรแทน
“ทุกคนมาถ่ายรูปเก็บไว้กัน”
นทีตะโกนเรียกให้เพื่อนห้องB ไปรวมตัวกันที่หน้าเสาเพื่อถ่ายเป็นที่ระลึกเก็บไว้ซึ่งกล้องที่ใช้เป็นของศิลานั่นเอง เขาบอกว่าจะส่งเป็นอีเมลล์ไปให้เพื่อนๆที่หลัง
“งั้น พวกเราถ่ายกลุ่มเด็กเล่นเกมไว้มั่งสิ”
ศรศิลป์ที่อยู่ห้องข้างๆขอเดินมาร่วมวงสนทนาด้วยและได้ยินพวกนทีพูดถึงรูปถ่ายจึงเสนอให้ถ่ายรูปพวกเราที่เล่นเกมเก็บไว้บ้าง
“ถึงแม้จะไม่ได้เรียนที่เดียวกันแต่ก็ยังเล่นเกมเหมือนเดิมนะ”
นริศาพูดให้กำลังใจทุกคนเพราะรู้ว่าในที่นี้มีเพียงไม่กี่คนที่ได้มหาวิทยาลัยเดียวกัน และอีกหลายๆคนที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเรียนมหาวิทยาลัยไหนดี
เมื่อถึงเวลาตามกำหนดการนักเรียนทุกคนจัดเรียงแถวตามที่ได้ฝึกซ้อมไว้ก่อนหน้านี้โดยมีนักเรียนชั้นปีที่น้อยกว่ามายืนล้อมรอบ ครูใหญ่ของโรงเรียนออกมากล่าวให้โอวาทแก้นักเรียนที่อยู่ในพื้นที่นี้รวมถึงมอบใบวุฒิบัตรให้แก่นักเรียนชั้นมอหกทุกคนเรียงตามห้องและรายชื่อ
ศิลาที่ได้รับวุฒิบัตรก่อนเป็นคนแรกของห้องก็มานั่งอยู่ข้างหลังคอยถ่ายรูปแต่ละคนให้แทนในขณะที่ตอนเขารีบนั้นนทีเป็นคนอาสาถ่ายให้ นอกจากนี้เขาก็ไล่ถ่ายไปเรื่อยๆทั้งสถานที่ภายในโรงเรียน คุณครู เพื่อนและรุ่นน้องของตัวเอง จนกระทั่งไปเผลอถ่ายรูปเพื่อนสาวกลุ่มเล่นเกมด้วยกันไว้ได้โดยไม่ตั้งใจ
“ทำอะไรน่ะ”
หทัยเดินมาคว้ากล้องของศิลาไปแอบดุก็พบว่ามีรูปของเธอและเพื่อนอยู่เต็มไปหมดจริงเอ่ยออกไปว่า
“โห หน้าตาประหลาดเลยเรา ถ้าจะถ่ายบอกก่อนสิจะได้โพสท่าให้”
หทัยคว้าคอของศิลามาไว้ข้างๆก่อนที่จะกดชัตเตอร์ลงไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ฝากไว้ในเมมโมรี่ของกล้องดิจิตอลขนาดพกพา
“อะนี่ เสร็จแล้ว”
ศิลารับกล้องของตัวเองมาแบบงงๆว่าตกลงแล้วหทัยเต็มใจให้ถ่ายหรือไม่เต็มใจกันแน่ จึงเปิดกล้องกลับไปดูพบว่ารูปที่ถ่ายคู่กับทหัยนั่นบังเอิญมีเพื่อนๆคนอื่นติดมาด้วยอยู่ข้างหลังเหมือนจงใจสุด
“นี่จะเป็นภาพที่สำคัญที่สุดของเรา”
“จากนี้ไปคงไม่เจอกันแค่ในเกมแล้วละมั้ง”
“ไม่หรอกเดี๋ยวเราจะตามไปเยี่ยมทุกคนเลยโดยเฉพาะ….”
ศรศิลป์พูดด้วยหน้าชื่นบานก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้จิราภัทรที่ยืนอยู่ข้างๆหทัย
“จ้าๆ ”
นริศายกมือห้ามจิราภัทรก่อนที่จะหาเรื่องศรศิลป์เพราะรู้ว่าเธอเป็นคนขี้อายชอบทำอะไรแปลกๆอย่างเช่นหาเรื่องศรศิลป์กลับแทน ไม่ก็อาจจะโดนต่อยกลับก็ได้
เมื่องานพิธีจบลงอาจมีบ้างที่หลายคนจะร้องไห้กันเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พวกเราจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันภายในรั้วโรงเรียนนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะจากกันไปไหนไกลนักหรอก
“ไม่ร้องเหมือนคนอื่นบ้างหรอ”
“ไม่อ่ะ สงสารไอนัทมากกว่า”
จิราภัทรพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายกับนฤนาถก่อนจะหันไปมองน้องชายของตนที่ยืนอยู่กับเพื่อนๆในแถว
“ทำไมล่ะ?”
“ก็ถ้าพวกเราเรียนจบกันไปเรียน นันทกรก็ต้องอยู่ที่นี้กับเพื่อนแค่สองคนน่ะสิแต่จริงๆแล้วคนที่เหงาคือแกใช่ไหมล่ะภัทร?”
หทัยที่เข้ามาร่วมวงสนทนาจับได้ว่าเพื่อนของตัวเองนั้นเป็นพี่สาวติดน้องชายมากกว่าที่คิด เธอคงเป็นห่วงว่าถ้าพวกเราไม่อยู่นันทกรอาจจะเหงาก็ได้
“กลับบ้านกันเถอะพรุ่งนี้แกต้องไปสอบสัมภาษณ์นะ”
จิราภรกล่าวเตือนเพื่อนของเธอที่ยังทำตัวสบายๆไม่รู้สาอะไรทั้งๆที่พรุ่งนี้จะมีเรื่องให้น่าเครียดกว่าเรื่องนี้ซะอีก
“เอ้ะวันนี้วันที่สิบเก้าแล้วหรอ ไวจัง”
หทัยยิ้มแห้งๆให้กับจิราภัทรและนริศาก่อนจะรีบไปเอากระเป๋าแล้วตามนฤนาถกลับบ้านด้วยกัน
เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอไม่รีรอที่จะเปลี่ยนชุดก่อนก็เข้าไปเดินเครื่องเล่นเกมก่อนเลยเพื่อหวังที่จะสอบถามข้อมูลจากนพดลว่าการสอบสัมภาษณ์นั้นต้องเตรียมอะไรไปบ้าง
“ยินดีต้อนรับสู่ ESP ONLINE”
โครม!!
เสียงของอะไรบางอย่างที่วิ่งมาชนเธอเข้า แต่เมื่อมองดีๆแล้วมันเป็นกระต่ายที่น่าตาประหลาดมากเลยทีเดียว
“พี่วาจับมันไว้”
เสียงของหนุ่มน้อยที่หทัยคุ้นเคยตะโกนบอกให้เธอจับเจ้าตัวประหลาดนั้นไว้ให้
“นี่มันอะไรกันละเนี่ย?”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นร่างพัฒนาของเจ้าจี๊ด (หนูที่อยู่บนไหล่ของนันทกร) นะ”
“เอ๋!!!”
หทัยตกใจกับการแสดงความคิดเห็นของโยที่ไม่คาดคิดเพราะปกติแล้วพวกมาสคอตของตัวละครจะไม่เปลี่ยนร่างไปจากเดิมเท่าไหร่
“ขอโทษทีครับพอดีมันเกิดอาละวาดตอนยัดหินลงไปอ่ะ”
นันทกรวิ่งมารับเจ้ากระต่ายหน้าตาประหลาดไปจากมือของหทัยแต่มันก็ไม่ยอมอยู่นิ่งซักทีจนเจ้าจี๊ดกระโดดไปชน ศิลาที่กำลังเดินมาพร้อมกับนที
“เห้ย!”
นทีที่เห็นเจ้าตัวประหลาดเลยคว้าหูอันน้อยนิดของมันไว้พร้อมกับชูขึ้นส่งให้กับนันทกร
“กระต่ายเขาจับอย่างนี้ไม่ใช่หรอ?”
“ไม่ใช่ย่ะ นั่นมันความเชื่อผิดๆแล้วต้องจับแบบนี้หรอก”
นริศารีบเข้ามาอุ้มกระต่ายออกไปจากมือของนทีทันทีก่อนที่จะลูบหัวมันเบาๆ
“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
“พอดีว่ายัดหินพัฒนาร่างไปน่ะครับแล้วมันเกิดความสัมพันธ์ลดขึ้นมาก็เลย…..เป็นอย่างที่เห็น”
“พอดีว่าเจ้านัทอยากให้พลัง ESP เพิ่มเลเวลน่ะ”
การเพิ่มรับความสามารถให้กับมาสคอตของตัวเองจะทำให้ระดับความสามารถของการใช้พลังเพิ่มขึ้นตามไปด้วยแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถทำได้เหมือนกันทุกสายมีแต่เพียงสายอ่านใจเท่านั้นที่ทำได้ และมีผู้เล่นอยู่เพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะมีพลังนี้
“ถึงจะเพิ่มก็ใช่ว่าจะอ่านใจพวกพี่ได้นิ”
“นั่นสินะ กฎมันบอกไว้ว่าจะมีผลก็ต่อเมื่อเลเวลพลังเท่ากันหรือน้อยกว่าสินะ”
โยเสริมคำแนะนำให้กับนันทกรเผื่อเขาจะได้นำไปเป็นแนวทางในการใช้พลังต่อไป
“ในที่นี้คนที่มีเลเวลพลังESPน้อยที่สุดคงจะเป็น นันทกร ศรัญและ…นที”
ศิลาเริ่มนับเรียงลำดับค่าพลังก่อนจะถึกได้ว่าผู้เป็นเพื่อนของตนก็ยังมีค่าESP ยังไม่ถึงเลเวลสี่ซักทีและวิธีการจะพัฒนาได้นั้นก็ยากพอๆกับพลังของศิลาเหมือนกัน
“ทุกคน เห็นจดหมายที่ส่งมาจากระบบไหม?”
นภดลติดต่อมาทางสายแชทพร้อมกับเสียงเอ่ยดังขึ้นกลางวง เมื่อหทัยกดเปิดจดหมายนั้นอ่านดูมีเพียงแต่ข้อความ วันที่และสถานที่นัดพบผู้เล่นของเกมนี้เท่านั้นในวันพรุ่งนี้
“แย่จังฉันกับจิราภัทรต้องพลาดอะไรดีๆแน่ๆ”
“ไม่เป็นไรเดี่ยวพวกเราเก็บของไว้ให้”
หทัยคิดว่าวันพรุ่งนี้ที่พวกเขานัดผู้เล่นไปรวมตัวกันอาจจะเป็นเพราะเปลี่ยนผู้บริหารใหม่เลยจะมีการแจกของขวัญพิเศษให้แต่ละคนเอาไปทดลองใช้เล่น โดยที่จริงๆแล้วมันอาจจะมีบางอย่างแอบแฝงอยู่ที่ทุกคนไม่คาดคิดก็ได้
“ไปนอนได้แล้ว วา พรุ่งนี้ออกแต่เช้านะ”
“ก็ได้ ฝันดีนะทุกคน”
“บายๆ”
“ฝันดีจ้า”
“พยายามเข้านะ อย่าไปสะดุดล้มล่ะ”
ศิลาแซวหทัยที่เวลาตื่นเต้นแล้วเธอชอบทำอะไรเปิ่นๆออกไปโดยไม่รู้ตัว และอดเป็นห่วงไม่ได้เสมอเวลาที่เธอชอบเก็บเรื่องต่างๆไปคิดอยู่คนเดียว
“อย่าลืมท่องบทล่ะ ยิ่งความจำไม่ค่อยดีอยู่”
จิราภัทรทิ้งท้ายให้เพื่อนสาวอย่างน่าเจ็บใจ เพราะเธอรู้ว่าการรับพลังESPมาใช้ของหทัยนั้นมันส่งผลเสียให้ตัวหทัยเองแต่เธอก็ยังใช้อยู่บ่อยๆทุกที
.
.
.
เช้าแห่งคำพิพากษาได้มาถึงหทัยและจิราภัทรออกจากบ้านไปตามปกติเพราะพวกเขาต้องไปถึงก่อนเวลาพอสมควรถึงแม้ป้าจะไม่ได้ป้นคนไปดูแลแต่ก็โล่งใจที่รู้ว่าจิราภัทรเพื่อนรักของหลานสาวอาสาไปเป็นเพื่อนให้
“เดินทางดีๆนะลูก”
“ค่ะ”
“ไปก่อนนะคะ”
“โชคดีนะ”
นฤนาถยืนส่งยิ้มให้กับพี่สาวและเพื่อนสาวของตนก่อนจะเริ่มเข้าไปในเกมตามเวลาที่จดหมายได้ของเกมระบุไว้โดยที่ไม่รู้ว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้ส่งยิ้มให้กับพี่สาวของเธอ
“ป้าคะ มีอะไรให้หนูทำอีกไหม?พอดีนาถจะเล่นเกมนานหน่อยน่ะค่ะ”
“ไม่มีแล้วลูกไปเล่นเถอะ ป้าก็จะออกไปทำงานแล้วล่ะ”
“ค่ะ”
นฤนาถออนเข้าตัวเกมเหมือนเดิมตามปกติแต่สังเกตว่ามีเลขอะไรบางอย่างโผล่ขึ้นมาบนหน้าโปลไฟล์ตัวละครของเธอ
“1101 ?หมายความว่าอย่างไรกัน”
“ไงโยมาแล้วสินะ ทุกคนรออยู่เลย”
นทีเอ่ยทักทายเพื่อนของตนอย่างสุภาพก็จะชี้ไปทางนันทกรและศรัญว่าพวกเขาได้มาถึงก่อนหน้านี้แล้ว
“ริสา ล่ะ?”
“เห็นบอกว่าจะไปทำธุระให้แม่น่ะ จะตามมาทีหลัง”
“ทั้งสองคนมานั่งตรงนี้เร็ว”
ศิลาเอ่ยเรียกเพื่อนทั้งสองให้ไปนั่งรวมที่เดียวกันเพื่อรอฟังประกาศที่ทางทีมพัฒนาได้นัดไว้
ไม่นานนักก็มีภาพโฮโลแกรมของเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มปรากฏตัวออกมาพร้อมกับกล่าวคำทักทายผู้เล่นทุกคน
“สวัสดีเพื่อนร่วมชะตาทั้งหลาย”
“เราเป็น Original Esper นามว่า เร็น”
“ขอโทษ…ที่เราต้องหลอกพวกท่านมาที่นี่กันกว่า 10,000 ชีวิต”
“เอ้ะ ระบบมันพูดถึงอะไรอ่ะ”
โยเริ่มสงสัยในคำพูดของเร็นผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นต้นแบบของ ESPขั้นสูงพร้อมกับหันไปสะกิดนันทกรให้มองดูลาดเลารอบข้างไว้
“การปรากฏตัวครั้งนี้ของเราคือภารกิจของพวกท่าน”
“ได้โปรดช่วย…ตามหาฆาตกรให้ที”
“หา? ฆาตกรมีด้วยหรอในนี้อ่ะ”
ศรศิลป์เริ่มไม่สบายใจเมื่อได้ยินนทีพูดขึ้นอย่างเสียงดังตอบโต้กลับเร็น เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าต้นแบบESP
“การนัดรวมตัวครั้งนี้ไม่ใช้ของทีมงานค่ะ แต่ตัวระบบเกมมันทำเอง”
เสียงของหญิงสาวของหนึ่งตะโกนดังขึ้น เธอแนะนำตัวว่าเป็น หนึ่งในGM ที่ได้รับหมอบหมายมาตรวจสอบความผิดปกตินี้เพราะได้รับแจ้งจากผู้เล่นจำนวนมากว่ามีจดหมายแปลกๆส่งเข้ามา บางคนก็สนใจบางคนก็ไม่สนใจ
“ขอให้ผู้เล่นทุกคนทำการ ล็อคเอ้าค์ออกเพื่อความปล่อยภัยของข้อมูลนะคะ”
ในขณะที่ทุกคนกำลังจะกดปุ่มสีชมพูที่อยู่แถบล่างของหน้าจอเกม เร็นก็ได้เอ่ยบางอย่างขึ้น
“ขอให้สนุกกับภารกิจนะ”
เมื่อกดปุ่มแล้วกลับการเป็นว่าไม่สามารถออกไปจากเกมได้ตัวเธอยังคงอยู่ในโลกเกมโดยที่มีเพื่อนๆอยุ่ข้างๆเหมือนเดิม
“นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”
“ทั้งเราก็ไม่ได้เล่นเกมแบบสวมเกียร(คล้ายๆหมวกกันน็อค)นี่นา…ทำไม?”
“จิตสำนึกยังคงอยู่สินะ..คาดว่าตอนนี้ร่างของพวกเราคงจะสลบไปแล้วบนเก้าอี้ที่นั่งอยู่แต่จิตสำนึกของพวกเรายังอยู่ตรงนี้”
ศรศิลป์อธิบายให้ฟังว่าเขาสามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกผ่านทางจิราภัทรได้ทำให้รู้ว่าตอนนี้ตัวเขายังอยู่บนเก้าอี้โดยที่ไม่ขยับเขยื้อนเลย
“ไม่ต้องห่วงทางทีมงานต้องรีบแก้ไขอยู่แน่ค่ะ”
GM กิ่งพูดให้คำปลอบใจพวกเราทุกคนแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรได้เลยเพราะตอนนี้ทุกคนสติแตกกันไปหมดแล้ว แต่เมื่อนันทกรสังเกตดีๆก็พบว่ามีเพียงผู้เล่นจำนวนหนึ่งไม่เกินร้อยคนที่สามารถออกจากที่นี้ได้
“นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน เร็น ออกมานะ”
นันทกรตะโกนเรียกเด็กหนุ่มอย่างสุดเสียงเพื่อหวังให้เขาตอบกลับมาและมันก็ได้ผลเร็นกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับคำอธิบายที่ชวนงง
“เราแค่อยากให้พวกท่านช่วยเท่านั้นเอง คนที่ออกไปได้แสดงว่าเขาก้าวผ่านความสามารถของผมแล้วจึงสามารถผ่านประตูจิตสำนึกออกไปได้ หากพวกท่านต้องการจะออกไปก็ขอให้แปดพันกว่าชีวิตที่อยู่ตรงนี้ช่วยตามหาฆาตกรให้ผมด้วยหรือมีอีกทางเดียวก็คือฆ่าตัวตายซะ”
ก่อนที่เร็นจะจากไปเขาได้ทิ้งคำเตือยไว้ให้พวกเราเหล่าผู้เล่นจำนวนสามข้อก็คือ
“อย่าเข้าใกล้ดันเจี้ยน อย่าทำร้ายNPCและอย่าตาย”
นฤนาถได้แต่นั่งลงตรงนั่นพร้อมกับภาวนาและเอ่ยลอยๆว่าอยากให้หทัยและจิราภัทรรู้ข่าวนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อหวังว่าทั้งสองคนจะสามารถช่วยอะไรได้
“ในเวลานี้พวกเธอจะทำอย่างไรกันหทัย จิราภัทร”
นฤนาถมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามทีกำลังจะถูกปกคลุมด้วยฝนในอีกไม่ช้านี้
.
.
.
ทางฝ่ายหทัยที่ออกมาจากการสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อยไปด้วยดีจึงชวนจิราภัทรไปทานข้าวเพื่อตอบแทนที่มาเป็นเพื่อนแต่แล้วก็ไปได้ยินข่าวภาคเที่ยงที่เปิดอยู่เป็นข่าวเร่งด่วนเกี่ยวกับESP Online ที่ถูกสั่งปิดเนื่องจากมีปัญหากับระบบเกมและผู้เล่นไม่ได้สติระหว่างที่เล่นเกมอยู่
“จิราภัทร นั่น!”
หทัยชี้ให้จิราภัทรดูรายชื่อของผู้คนที่ยังไม่ฟื้นเพราะไม่สามารถออกมาจากเกมได้ตามคำให้การของ GMแมน ผู้ที่สามารถออกมาจากเกมได้ในขณะนั้น ปรากฏเป็นชื่อของพวกนันทกรและนฤนาถเพื่อนๆของพวกเธอยังอยู่ในนั้น
ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่องรับโทรศัพท์ด้วยจ้ะ!
เสียงเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์สุดกวนของหทัยที่ทำให้ทราบว่าใครเป็นผู้อยู่ปลายสาย
“ฮัลโหล พี่นพหรอข่าวนั่นหมายความว่าไง”
“ใจเย็นๆวาและฟังพี่ให้ดีนะ”
“ค่ะ”
“พี่โทรไปหานาถที่บ้านแต่ไม่มีใครรับจึงโทรไปหาป้าที่ทำงาน เมื่อกลับไปถึงบ้านนาถก็นอนไม่ได้สติแล้ววันนี้พี่เข้าไปช้ากว่าปกติเลยไม่ได้เอะใจอะไรแต่พอจะเข้าเกมมันก็เข้าไม่ได้แล้ว”
“แล้วคนอื่นๆล่ะคะ”
“ตอนนี้พี่อยู่กับป้าของพวกเธอและนริศารอฟังคำตอบจากทีมงานอยู่พวกเธอรีบนั่งรถตู้มาที่ สถาบันวิจัยESP เดี๋ยวนี้เลยนะพี่จะรอ”
หทัยรีบคว้ากระเป๋าเอกสารและมือของจิราภัทรมุ่งหน้าไปที่ท่ารถตู้ทันทีพร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้จิราภัทรฟังว่าเพื่อนๆของพวกเธอยังอยู่ในเกมนั้น
“รอก่อนนะทุกคน พวกเราจะไปหาเดี๋ยวนี้แหล่ะ”
............................................................................
Funtom ค่ะในที่สุด!!!มันก็มาถึงจุดนี้ซะที ปาดเหงือเลยทีเดียวเรื่องแรกขอสารภาพก่อนเลยว่าจำเป็นต้องดองค่ะเพราะจะกลับบ้านไปอยู่หลังเขาแบบไร้สัญญาณเน็ตใดๆทั้งสิ้น แต่สัญญาว่าจะมาลงต่อในวันที่ 11 สิงหาคมต่อไปวันละตอนจนครบค่ะ เ ขอบคุณสำหรับการติดตามมาถึงจุดนี้นะคะ
ติดตามตอนต่อไป>>>>>
ความคิดเห็น