ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ESP Online

    ลำดับตอนที่ #8 : Client:7 จุดเปลี่ยน (ตรวจสอบ 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 57


    บทที่ 7

                สายฝนโปรยลงมาเล็กน้อยกระทบกับหน้าต่างห้องนอน สาวน้อยผู้เป็นพี่ตื่นจากฝันอันยาวนานลุกขึ้นดูที่หน้าต่างของห้องก่อนจะนาฬิกาปลุกที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาดู

    05:30

    ตัวเลขสี่เขียวเรืองแสงสว่างปรากฏให้เห็นเด่นชัดเจนบนนาฬิกาดิจิตอล  บ่งบอกถึงเวลาที่สองพี่น้องควรจะลุกจากเตียงได้แล้ว

    “โย ลุก! ได้เวลาแล้ว”

    หทัยสะกิดผู้เป็นน้องสาวของตนที่นอนอยู่ข้างๆอย่างแรงเพราะรู้ว่าหากเธอไม่ทำแบบนี้ โยอาจจะไม่รู้สึกตัวและนอนต่อก็เป็นได้  เธอก้าวลงจากบันไดชั้นสองมายังห้องครัวที่อยู่ชั้นหนึ่งแต่ก็ต้องประหลาดใจว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังทำอะไรบางอย่าง

    “วันนี้ป้าไม่ได้เข้าเวรหรอคะ?

    “เข้าจะ แต่เป็นตอนสายๆน่ะพอดีว่าจะทำอาหารเช้าให้หลานสาวซักหน่อย”

    “ทำอะไรกินอ่ะ หอมจัง”

    นฤนาถที่พึ่งลงจากชั้นสองตามมาทีหลังเอ่ยแซวผู้เป็นป้าของตนเล็กน้อยเพราะนานๆทีเธอจะว่างมาทำกับข้าวให้หลานทานกัน

    “วันนี้มีพิธีจบของมัธยมศึกษาปี่ที่หกสินะ”

    นฤนาถพูดขึ้นมาลอยๆพร้อมกับกำลังบีบซอสมะเขือเทศลงไปบนไข่ดาวในจานก่อนจะหันไปขอความเห็นจากหทัย

    “เร็วจังเลยนะ หกปีแล้วหรอเนี่ย”

    “เอ้า!รีบกินเข้าจะสายแล้วนะ”

    ผู้เป็นป้าพูดกระตุ้นให้หลานสาวทั้งสองรีบทานอาหารเช้าก่อนที่เวลามันจะสายไปมากกว่านี้แล้ว

    .

    .

    .

    รถบัสของโรงเรียนมาจอดเทียบท่าเหมือนเดิมตามปกติ วันนี้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกของโรงเรียนSเอกชนชื่อดังแต่งตัวเรียบร้อยกันผิดปกติ ซึ่งถ้าเป็นวันธรรมดาพวกเขาจะไม่ค่อยสนใจว่าจะใส่ชุดนักเรียนหรือชุดพละตามตารางเรียน

    “ไงหทัย”

    จิราภัทรโบกมือให้สัญญาณกับหทัยและนฤนาถว่าเธอและนันทกรนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง  เผื่อว่าทั้งคู่จะสนใจมานั่งสนทนาด้วยกันด้านหลังรถบัสโรงเรียน  ตลอดทางที่จะถึงโรงเรียนทั้งสี่คนได้แต่สนทนากันในหลายๆเรื่องไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่แต่ละคนเลือก  กำหนดการพิธีและเกม

    เมื่อรถจอดที่ด้านหน้าของประตูโรงเรียนนักเรียนทุกคนก็ทยอยกันลงจากรถ  วันนี้เพลงตามสายของโรงเรียนที่มักจะเปิดกันตอนเช้าได้เปลี่ยนเป็นเพลงที่หลายคนอาจจะคุ้นหูเพราะนานๆทีจะเปิดให้ฟัง  เพลงประจำโรงเรียน ไง

    ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนปกติเพียงแต่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่หกไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนเดิมอีกแล้วเพราะพวกเขาจัดเตรียมงานพิธีและซ้อมการรับใบวุฒิบัตรแทน

    “ทุกคนมาถ่ายรูปเก็บไว้กัน”

    นทีตะโกนเรียกให้เพื่อนห้องB ไปรวมตัวกันที่หน้าเสาเพื่อถ่ายเป็นที่ระลึกเก็บไว้ซึ่งกล้องที่ใช้เป็นของศิลานั่นเอง เขาบอกว่าจะส่งเป็นอีเมลล์ไปให้เพื่อนๆที่หลัง

    “งั้น พวกเราถ่ายกลุ่มเด็กเล่นเกมไว้มั่งสิ”

    ศรศิลป์ที่อยู่ห้องข้างๆขอเดินมาร่วมวงสนทนาด้วยและได้ยินพวกนทีพูดถึงรูปถ่ายจึงเสนอให้ถ่ายรูปพวกเราที่เล่นเกมเก็บไว้บ้าง

    “ถึงแม้จะไม่ได้เรียนที่เดียวกันแต่ก็ยังเล่นเกมเหมือนเดิมนะ”

    นริศาพูดให้กำลังใจทุกคนเพราะรู้ว่าในที่นี้มีเพียงไม่กี่คนที่ได้มหาวิทยาลัยเดียวกัน และอีกหลายๆคนที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเรียนมหาวิทยาลัยไหนดี

    เมื่อถึงเวลาตามกำหนดการนักเรียนทุกคนจัดเรียงแถวตามที่ได้ฝึกซ้อมไว้ก่อนหน้านี้โดยมีนักเรียนชั้นปีที่น้อยกว่ามายืนล้อมรอบ  ครูใหญ่ของโรงเรียนออกมากล่าวให้โอวาทแก้นักเรียนที่อยู่ในพื้นที่นี้รวมถึงมอบใบวุฒิบัตรให้แก่นักเรียนชั้นมอหกทุกคนเรียงตามห้องและรายชื่อ

    ศิลาที่ได้รับวุฒิบัตรก่อนเป็นคนแรกของห้องก็มานั่งอยู่ข้างหลังคอยถ่ายรูปแต่ละคนให้แทนในขณะที่ตอนเขารีบนั้นนทีเป็นคนอาสาถ่ายให้ นอกจากนี้เขาก็ไล่ถ่ายไปเรื่อยๆทั้งสถานที่ภายในโรงเรียน คุณครู เพื่อนและรุ่นน้องของตัวเอง จนกระทั่งไปเผลอถ่ายรูปเพื่อนสาวกลุ่มเล่นเกมด้วยกันไว้ได้โดยไม่ตั้งใจ

    “ทำอะไรน่ะ”

    หทัยเดินมาคว้ากล้องของศิลาไปแอบดุก็พบว่ามีรูปของเธอและเพื่อนอยู่เต็มไปหมดจริงเอ่ยออกไปว่า

    “โห หน้าตาประหลาดเลยเรา ถ้าจะถ่ายบอกก่อนสิจะได้โพสท่าให้”

    หทัยคว้าคอของศิลามาไว้ข้างๆก่อนที่จะกดชัตเตอร์ลงไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ฝากไว้ในเมมโมรี่ของกล้องดิจิตอลขนาดพกพา

    “อะนี่ เสร็จแล้ว”

    ศิลารับกล้องของตัวเองมาแบบงงๆว่าตกลงแล้วหทัยเต็มใจให้ถ่ายหรือไม่เต็มใจกันแน่  จึงเปิดกล้องกลับไปดูพบว่ารูปที่ถ่ายคู่กับทหัยนั่นบังเอิญมีเพื่อนๆคนอื่นติดมาด้วยอยู่ข้างหลังเหมือนจงใจสุด

    นี่จะเป็นภาพที่สำคัญที่สุดของเรา”

    “จากนี้ไปคงไม่เจอกันแค่ในเกมแล้วละมั้ง”

    “ไม่หรอกเดี๋ยวเราจะตามไปเยี่ยมทุกคนเลยโดยเฉพาะ….

    ศรศิลป์พูดด้วยหน้าชื่นบานก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้จิราภัทรที่ยืนอยู่ข้างๆหทัย

    “จ้าๆ ”

    นริศายกมือห้ามจิราภัทรก่อนที่จะหาเรื่องศรศิลป์เพราะรู้ว่าเธอเป็นคนขี้อายชอบทำอะไรแปลกๆอย่างเช่นหาเรื่องศรศิลป์กลับแทน ไม่ก็อาจจะโดนต่อยกลับก็ได้

    เมื่องานพิธีจบลงอาจมีบ้างที่หลายคนจะร้องไห้กันเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พวกเราจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันภายในรั้วโรงเรียนนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะจากกันไปไหนไกลนักหรอก

    “ไม่ร้องเหมือนคนอื่นบ้างหรอ”

    “ไม่อ่ะ สงสารไอนัทมากกว่า”

    จิราภัทรพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายกับนฤนาถก่อนจะหันไปมองน้องชายของตนที่ยืนอยู่กับเพื่อนๆในแถว

    “ทำไมล่ะ?

    “ก็ถ้าพวกเราเรียนจบกันไปเรียน นันทกรก็ต้องอยู่ที่นี้กับเพื่อนแค่สองคนน่ะสิแต่จริงๆแล้วคนที่เหงาคือแกใช่ไหมล่ะภัทร?

    หทัยที่เข้ามาร่วมวงสนทนาจับได้ว่าเพื่อนของตัวเองนั้นเป็นพี่สาวติดน้องชายมากกว่าที่คิด เธอคงเป็นห่วงว่าถ้าพวกเราไม่อยู่นันทกรอาจจะเหงาก็ได้

    “กลับบ้านกันเถอะพรุ่งนี้แกต้องไปสอบสัมภาษณ์นะ”

    จิราภรกล่าวเตือนเพื่อนของเธอที่ยังทำตัวสบายๆไม่รู้สาอะไรทั้งๆที่พรุ่งนี้จะมีเรื่องให้น่าเครียดกว่าเรื่องนี้ซะอีก

    “เอ้ะวันนี้วันที่สิบเก้าแล้วหรอ ไวจัง”

    หทัยยิ้มแห้งๆให้กับจิราภัทรและนริศาก่อนจะรีบไปเอากระเป๋าแล้วตามนฤนาถกลับบ้านด้วยกัน

    เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอไม่รีรอที่จะเปลี่ยนชุดก่อนก็เข้าไปเดินเครื่องเล่นเกมก่อนเลยเพื่อหวังที่จะสอบถามข้อมูลจากนพดลว่าการสอบสัมภาษณ์นั้นต้องเตรียมอะไรไปบ้าง

    “ยินดีต้อนรับสู่ ESP ONLINE

    โครม!!

    เสียงของอะไรบางอย่างที่วิ่งมาชนเธอเข้า แต่เมื่อมองดีๆแล้วมันเป็นกระต่ายที่น่าตาประหลาดมากเลยทีเดียว

    “พี่วาจับมันไว้”

    เสียงของหนุ่มน้อยที่หทัยคุ้นเคยตะโกนบอกให้เธอจับเจ้าตัวประหลาดนั้นไว้ให้

    “นี่มันอะไรกันละเนี่ย?

    “ดูเหมือนว่าจะเป็นร่างพัฒนาของเจ้าจี๊ด  (หนูที่อยู่บนไหล่ของนันทกร) นะ”

    “เอ๋!!!

    หทัยตกใจกับการแสดงความคิดเห็นของโยที่ไม่คาดคิดเพราะปกติแล้วพวกมาสคอตของตัวละครจะไม่เปลี่ยนร่างไปจากเดิมเท่าไหร่

    “ขอโทษทีครับพอดีมันเกิดอาละวาดตอนยัดหินลงไปอ่ะ”

    นันทกรวิ่งมารับเจ้ากระต่ายหน้าตาประหลาดไปจากมือของหทัยแต่มันก็ไม่ยอมอยู่นิ่งซักทีจนเจ้าจี๊ดกระโดดไปชน ศิลาที่กำลังเดินมาพร้อมกับนที

     

    “เห้ย!

    นทีที่เห็นเจ้าตัวประหลาดเลยคว้าหูอันน้อยนิดของมันไว้พร้อมกับชูขึ้นส่งให้กับนันทกร

    “กระต่ายเขาจับอย่างนี้ไม่ใช่หรอ?

    “ไม่ใช่ย่ะ นั่นมันความเชื่อผิดๆแล้วต้องจับแบบนี้หรอก”

    นริศารีบเข้ามาอุ้มกระต่ายออกไปจากมือของนทีทันทีก่อนที่จะลูบหัวมันเบาๆ

    “เกิดอะไรขึ้นหรอ?

    “พอดีว่ายัดหินพัฒนาร่างไปน่ะครับแล้วมันเกิดความสัมพันธ์ลดขึ้นมาก็เลย…..เป็นอย่างที่เห็น”

    “พอดีว่าเจ้านัทอยากให้พลัง ESP เพิ่มเลเวลน่ะ”

    การเพิ่มรับความสามารถให้กับมาสคอตของตัวเองจะทำให้ระดับความสามารถของการใช้พลังเพิ่มขึ้นตามไปด้วยแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถทำได้เหมือนกันทุกสายมีแต่เพียงสายอ่านใจเท่านั้นที่ทำได้ และมีผู้เล่นอยู่เพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะมีพลังนี้

    “ถึงจะเพิ่มก็ใช่ว่าจะอ่านใจพวกพี่ได้นิ”

    “นั่นสินะ กฎมันบอกไว้ว่าจะมีผลก็ต่อเมื่อเลเวลพลังเท่ากันหรือน้อยกว่าสินะ”

    โยเสริมคำแนะนำให้กับนันทกรเผื่อเขาจะได้นำไปเป็นแนวทางในการใช้พลังต่อไป

    “ในที่นี้คนที่มีเลเวลพลังESPน้อยที่สุดคงจะเป็น นันทกร ศรัญและนที”

    ศิลาเริ่มนับเรียงลำดับค่าพลังก่อนจะถึกได้ว่าผู้เป็นเพื่อนของตนก็ยังมีค่าESP ยังไม่ถึงเลเวลสี่ซักทีและวิธีการจะพัฒนาได้นั้นก็ยากพอๆกับพลังของศิลาเหมือนกัน

    ทุกคน เห็นจดหมายที่ส่งมาจากระบบไหม?

    นภดลติดต่อมาทางสายแชทพร้อมกับเสียงเอ่ยดังขึ้นกลางวง เมื่อหทัยกดเปิดจดหมายนั้นอ่านดูมีเพียงแต่ข้อความ วันที่และสถานที่นัดพบผู้เล่นของเกมนี้เท่านั้นในวันพรุ่งนี้

    “แย่จังฉันกับจิราภัทรต้องพลาดอะไรดีๆแน่ๆ”

    “ไม่เป็นไรเดี่ยวพวกเราเก็บของไว้ให้”

    หทัยคิดว่าวันพรุ่งนี้ที่พวกเขานัดผู้เล่นไปรวมตัวกันอาจจะเป็นเพราะเปลี่ยนผู้บริหารใหม่เลยจะมีการแจกของขวัญพิเศษให้แต่ละคนเอาไปทดลองใช้เล่น    โดยที่จริงๆแล้วมันอาจจะมีบางอย่างแอบแฝงอยู่ที่ทุกคนไม่คาดคิดก็ได้

    “ไปนอนได้แล้ว วา พรุ่งนี้ออกแต่เช้านะ”

    “ก็ได้ ฝันดีนะทุกคน”

    “บายๆ”

    “ฝันดีจ้า”

    “พยายามเข้านะ อย่าไปสะดุดล้มล่ะ”

    ศิลาแซวหทัยที่เวลาตื่นเต้นแล้วเธอชอบทำอะไรเปิ่นๆออกไปโดยไม่รู้ตัว และอดเป็นห่วงไม่ได้เสมอเวลาที่เธอชอบเก็บเรื่องต่างๆไปคิดอยู่คนเดียว

    “อย่าลืมท่องบทล่ะ ยิ่งความจำไม่ค่อยดีอยู่”

    จิราภัทรทิ้งท้ายให้เพื่อนสาวอย่างน่าเจ็บใจ เพราะเธอรู้ว่าการรับพลังESPมาใช้ของหทัยนั้นมันส่งผลเสียให้ตัวหทัยเองแต่เธอก็ยังใช้อยู่บ่อยๆทุกที

    .

    .

    .

    เช้าแห่งคำพิพากษาได้มาถึงหทัยและจิราภัทรออกจากบ้านไปตามปกติเพราะพวกเขาต้องไปถึงก่อนเวลาพอสมควรถึงแม้ป้าจะไม่ได้ป้นคนไปดูแลแต่ก็โล่งใจที่รู้ว่าจิราภัทรเพื่อนรักของหลานสาวอาสาไปเป็นเพื่อนให้

    “เดินทางดีๆนะลูก”

    “ค่ะ”

    “ไปก่อนนะคะ”

    “โชคดีนะ”

    นฤนาถยืนส่งยิ้มให้กับพี่สาวและเพื่อนสาวของตนก่อนจะเริ่มเข้าไปในเกมตามเวลาที่จดหมายได้ของเกมระบุไว้โดยที่ไม่รู้ว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้ส่งยิ้มให้กับพี่สาวของเธอ

    “ป้าคะ มีอะไรให้หนูทำอีกไหม?พอดีนาถจะเล่นเกมนานหน่อยน่ะค่ะ”

    “ไม่มีแล้วลูกไปเล่นเถอะ ป้าก็จะออกไปทำงานแล้วล่ะ”

    “ค่ะ”

    นฤนาถออนเข้าตัวเกมเหมือนเดิมตามปกติแต่สังเกตว่ามีเลขอะไรบางอย่างโผล่ขึ้นมาบนหน้าโปลไฟล์ตัวละครของเธอ

    1101 ?หมายความว่าอย่างไรกัน”

    “ไงโยมาแล้วสินะ ทุกคนรออยู่เลย”

    นทีเอ่ยทักทายเพื่อนของตนอย่างสุภาพก็จะชี้ไปทางนันทกรและศรัญว่าพวกเขาได้มาถึงก่อนหน้านี้แล้ว

    “ริสา ล่ะ?

    “เห็นบอกว่าจะไปทำธุระให้แม่น่ะ จะตามมาทีหลัง”

    “ทั้งสองคนมานั่งตรงนี้เร็ว”

    ศิลาเอ่ยเรียกเพื่อนทั้งสองให้ไปนั่งรวมที่เดียวกันเพื่อรอฟังประกาศที่ทางทีมพัฒนาได้นัดไว้

    ไม่นานนักก็มีภาพโฮโลแกรมของเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มปรากฏตัวออกมาพร้อมกับกล่าวคำทักทายผู้เล่นทุกคน

     

    “สวัสดีเพื่อนร่วมชะตาทั้งหลาย”

    “เราเป็น Original  Esper  นามว่า เร็น”

    “ขอโทษที่เราต้องหลอกพวกท่านมาที่นี่กันกว่า 10,000 ชีวิต”

     

    “เอ้ะ ระบบมันพูดถึงอะไรอ่ะ”

    โยเริ่มสงสัยในคำพูดของเร็นผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นต้นแบบของ ESPขั้นสูงพร้อมกับหันไปสะกิดนันทกรให้มองดูลาดเลารอบข้างไว้

     

    “การปรากฏตัวครั้งนี้ของเราคือภารกิจของพวกท่าน”

    “ได้โปรดช่วยตามหาฆาตกรให้ที

     

    “หา? ฆาตกรมีด้วยหรอในนี้อ่ะ”

    ศรศิลป์เริ่มไม่สบายใจเมื่อได้ยินนทีพูดขึ้นอย่างเสียงดังตอบโต้กลับเร็น เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าต้นแบบESP

    “การนัดรวมตัวครั้งนี้ไม่ใช้ของทีมงานค่ะ แต่ตัวระบบเกมมันทำเอง”

    เสียงของหญิงสาวของหนึ่งตะโกนดังขึ้น เธอแนะนำตัวว่าเป็น หนึ่งในGM ที่ได้รับหมอบหมายมาตรวจสอบความผิดปกตินี้เพราะได้รับแจ้งจากผู้เล่นจำนวนมากว่ามีจดหมายแปลกๆส่งเข้ามา บางคนก็สนใจบางคนก็ไม่สนใจ

    “ขอให้ผู้เล่นทุกคนทำการ ล็อคเอ้าค์ออกเพื่อความปล่อยภัยของข้อมูลนะคะ”

    ในขณะที่ทุกคนกำลังจะกดปุ่มสีชมพูที่อยู่แถบล่างของหน้าจอเกม เร็นก็ได้เอ่ยบางอย่างขึ้น

    “ขอให้สนุกกับภารกิจนะ”

    เมื่อกดปุ่มแล้วกลับการเป็นว่าไม่สามารถออกไปจากเกมได้ตัวเธอยังคงอยู่ในโลกเกมโดยที่มีเพื่อนๆอยุ่ข้างๆเหมือนเดิม

    “นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

    “ทั้งเราก็ไม่ได้เล่นเกมแบบสวมเกียร(คล้ายๆหมวกกันน็อค)นี่นาทำไม?

    “จิตสำนึกยังคงอยู่สินะ..คาดว่าตอนนี้ร่างของพวกเราคงจะสลบไปแล้วบนเก้าอี้ที่นั่งอยู่แต่จิตสำนึกของพวกเรายังอยู่ตรงนี้”

    ศรศิลป์อธิบายให้ฟังว่าเขาสามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกผ่านทางจิราภัทรได้ทำให้รู้ว่าตอนนี้ตัวเขายังอยู่บนเก้าอี้โดยที่ไม่ขยับเขยื้อนเลย

    “ไม่ต้องห่วงทางทีมงานต้องรีบแก้ไขอยู่แน่ค่ะ”

    GM กิ่งพูดให้คำปลอบใจพวกเราทุกคนแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรได้เลยเพราะตอนนี้ทุกคนสติแตกกันไปหมดแล้ว  แต่เมื่อนันทกรสังเกตดีๆก็พบว่ามีเพียงผู้เล่นจำนวนหนึ่งไม่เกินร้อยคนที่สามารถออกจากที่นี้ได้

    “นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน เร็น ออกมานะ”

    นันทกรตะโกนเรียกเด็กหนุ่มอย่างสุดเสียงเพื่อหวังให้เขาตอบกลับมาและมันก็ได้ผลเร็นกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับคำอธิบายที่ชวนงง

    “เราแค่อยากให้พวกท่านช่วยเท่านั้นเอง คนที่ออกไปได้แสดงว่าเขาก้าวผ่านความสามารถของผมแล้วจึงสามารถผ่านประตูจิตสำนึกออกไปได้  หากพวกท่านต้องการจะออกไปก็ขอให้แปดพันกว่าชีวิตที่อยู่ตรงนี้ช่วยตามหาฆาตกรให้ผมด้วยหรือมีอีกทางเดียวก็คือฆ่าตัวตายซะ”

    ก่อนที่เร็นจะจากไปเขาได้ทิ้งคำเตือยไว้ให้พวกเราเหล่าผู้เล่นจำนวนสามข้อก็คือ

    “อย่าเข้าใกล้ดันเจี้ยน   อย่าทำร้ายNPCและอย่าตาย”

    นฤนาถได้แต่นั่งลงตรงนั่นพร้อมกับภาวนาและเอ่ยลอยๆว่าอยากให้หทัยและจิราภัทรรู้ข่าวนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อหวังว่าทั้งสองคนจะสามารถช่วยอะไรได้

    “ในเวลานี้พวกเธอจะทำอย่างไรกันหทัย จิราภัทร”

    นฤนาถมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามทีกำลังจะถูกปกคลุมด้วยฝนในอีกไม่ช้านี้

    .

    .

    .

    ทางฝ่ายหทัยที่ออกมาจากการสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อยไปด้วยดีจึงชวนจิราภัทรไปทานข้าวเพื่อตอบแทนที่มาเป็นเพื่อนแต่แล้วก็ไปได้ยินข่าวภาคเที่ยงที่เปิดอยู่เป็นข่าวเร่งด่วนเกี่ยวกับESP Online ที่ถูกสั่งปิดเนื่องจากมีปัญหากับระบบเกมและผู้เล่นไม่ได้สติระหว่างที่เล่นเกมอยู่

    “จิราภัทร นั่น!

    หทัยชี้ให้จิราภัทรดูรายชื่อของผู้คนที่ยังไม่ฟื้นเพราะไม่สามารถออกมาจากเกมได้ตามคำให้การของ GMแมน ผู้ที่สามารถออกมาจากเกมได้ในขณะนั้น ปรากฏเป็นชื่อของพวกนันทกรและนฤนาถเพื่อนๆของพวกเธอยังอยู่ในนั้น

    ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่องรับโทรศัพท์ด้วยจ้ะ!

    เสียงเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์สุดกวนของหทัยที่ทำให้ทราบว่าใครเป็นผู้อยู่ปลายสาย

    “ฮัลโหล พี่นพหรอข่าวนั่นหมายความว่าไง”

    “ใจเย็นๆวาและฟังพี่ให้ดีนะ”

    “ค่ะ”

    “พี่โทรไปหานาถที่บ้านแต่ไม่มีใครรับจึงโทรไปหาป้าที่ทำงาน เมื่อกลับไปถึงบ้านนาถก็นอนไม่ได้สติแล้ววันนี้พี่เข้าไปช้ากว่าปกติเลยไม่ได้เอะใจอะไรแต่พอจะเข้าเกมมันก็เข้าไม่ได้แล้ว”

    “แล้วคนอื่นๆล่ะคะ”

    “ตอนนี้พี่อยู่กับป้าของพวกเธอและนริศารอฟังคำตอบจากทีมงานอยู่พวกเธอรีบนั่งรถตู้มาที่ สถาบันวิจัยESP เดี๋ยวนี้เลยนะพี่จะรอ”

    หทัยรีบคว้ากระเป๋าเอกสารและมือของจิราภัทรมุ่งหน้าไปที่ท่ารถตู้ทันทีพร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้จิราภัทรฟังว่าเพื่อนๆของพวกเธอยังอยู่ในเกมนั้น

    “รอก่อนนะทุกคน พวกเราจะไปหาเดี๋ยวนี้แหล่ะ”
    ............................................................................
    Funtom ค่ะในที่สุด!!!มันก็มาถึงจุดนี้ซะที ปาดเหงือเลยทีเดียวเรื่องแรกขอสารภาพก่อนเลยว่าจำเป็นต้องดองค่ะเพราะจะกลับบ้านไปอยู่หลังเขาแบบไร้สัญญาณเน็ตใดๆทั้งสิ้น แต่สัญญาว่าจะมาลงต่อในวันที่ 11 สิงหาคมต่อไปวันละตอนจนครบค่ะ เ ขอบคุณสำหรับการติดตามมาถึงจุดนี้นะคะ


    ติดตามตอนต่อไป>>>>>

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×