คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Client:5 Item Code!? (ตรวจสอบ 100%)
บทที่ 5
แสงแดดจ้าฉายอยู่บนเหนือหัวของผู้เป็นพี่ที่นอนอยู่บนเตียงกว้างขนาดหกฟุต ไม่ใช่เพราะเธออยากได้เตียงที่มีขนาดใหญ่เท่าไหร่นักเพียงแต่การพ่วงน้องสาวที่นอนอยู่ข้างๆมาอาศัยนอนด้วยทุกคืนนั่น เตียงขนาดหกฟุตจะช่วยแบ่งเบาไม่ให้เธอกลายเป็นหมอนข้างทั้งคืนได้
“เช้าแล้วหรอเนี่ย?”
หทัยเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างโต๊ะขึ้นมาดูเวลา แต่ก็ไม่ได้ทำท่าทุกข์ร้อนอะไรเมื่อทราบว่านี่มันจะเที่ยงแล้ว เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดรายสัปดาห์เธอจริงตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
“โย ตื่นได้แล้วมันเที่ยงแล้วเนี่ย!”
หทัยดึงผ้าห่มที่คลุมตัวของนฤนาถไว้ออกมา หากผู้เป็นน้องไร้ซึ่งผ้าห่ม ผู้เป็นพี่รู้ว่าอีกไม่นานก็จะลุกขึ้นมาเองพร้อมแถมท้ายด้วยการปิดพัดลมแล้วเดินจากไปข้างล่างที่ชั้นหนึ่งแทน
วันนี้ป้าของพี่น้องสองสาวได้หยุดพักหนึ่งวัน เธอกลับมาทำตัวเป็นผู้ปกครองของที่ดีโดยการเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ถึงแม้จะรู้ว่าหลานทั้งสองของตนจะลงมาทานในตอนเที่ยงก็ตาม
“วันนี้ป้าได้พักหรอคะ?”
หทัยเอ่ยถามป้าของตนเพราะแปลกใจที่ว่าวันนี้ป้าของเธออยู่ที่บ้านและไม่มีทีท่าว่าจะออกไปไหนเลยด้วย
“จ้ะ พอดีขอลาพักมาจัดการเรื่องหลานไง”
ใช่แล้วป้าของเธอลาพักมาเพื่อที่จะกลับมาเตรียมเอกสารในส่วนของผู้ปกครองให้กับหทัยก่อนถึงวันที่เธอจะไปสอบสัมภาษณ์อีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า
“แล้วนาถล่ะลูก ยังไม่ตื่น?”
“หนูปลุกแล้วค่ะ คงอีกซักพักแหล่ะ”
สองสาวป้าและหลานแอบนินทาผู้เป็นน้องอย่างสนุกเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่านิสัยของนฤนาถนั่นเป็นอย่างไร ไม่นานนักเสียจากชั้นสองก็ดังลงมาโวยวายใส่หทัยเป็นชุด
“ทำไมชอบปลุกโดยปิดพัดลมทุกทีอ่ะ”
“แบบนั่นมันได้ผลเร็วกว่าไง”
หทัยส่งสายตากวนๆไปยังน้องสาวของตนก่อนจะส่งหนังสือที่ค่อนข้างหน้าจำนวนสามเล่มให้เมื่ออ่านดีๆแล้วมันคือ หนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษและภาษาไทยนั่นเอง
นฤนาถรู้ดีเลยว่าวันนี้เธอต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบและทดแทนในส่วนที่ล่าบอสไปเมื่อวานด้วย ถึงแม้ของรางวัลเมื่อวานจะได้มาแบบเจ็บใจแต่คาดว่าอย่าง นพดล จะต้องมีการล้างแค้นแน่นอน
ลา ลา ลา!
เสียงโทรศัพท์มือถือของหทัยดังขึ้น ถึงแม้เสียงเรียกเข้าจะดูเฉยๆแต่มันก็เรียบง่ายดีที่จะจำว่าใครโทรมา
“ดีจ้ะภัทร มีอะไรหรอ?”
“พอดีว่าจะชวนไปติวที่บ้านน้องศรัญเป็นเพื่อนเจ้านัทมันน่ะ ไปเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม?”
“ขอถามโยก่อนนะ”
หทัยตะโกนถามน้องสาวที่อยู่ในห้องน้ำของตนก่อนจะได้รับไฟเขียวกลับมาว่ายอมไปด้วยแน่นอน
“โอเคจ้ะ เดี๋ยวไปหาที่บ้านนะขออีกครึ่งชั่วโมง”
“จ้ะ แล้วเจอกัน”
“จะไปบ้านของจิราภัทรหรอลูก อย่าไปรบกวนเขามากนะ”
ผู้เป็นป้าเอ่ยความเกรงใจเตือนหลานสาวของตนเพราะรู้ว่าหลายครั้งแล้วที่เธอและหลานสาวทั้งสองต้องขอความช่วยเหลือเพื่อนบ้านคนนี้อยู่บ่อยๆ
“วันนี้เธอเอ่ยปากชวนเองค่ะ วันนี้ป้าจะไปไหนหรือเปล่า?เดี๋ยวหนูจะกลับมาเฝ้าบ้านให้”
”ไปเล่นเถอะ วันนี้อยู่ทั้งวันละจ้ะว่าจะขอนอนพักสบายๆบ้างน่ะ"
“ค่ะ”
.
.
.
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปสองพี่น้องเดินทางไปยังบ้านของจิราภัทรและนันทกรเพื่อไปต่อที่บ้านของศรัญอีกที หทัยรู้ว่าจิราภัทรนั่นหัวค่อนข้างดีเธอสามารถสอนการบ้านให้น้องชายและรับงานพิเศษอย่างเป็นครูสอนพิเศษอยู่บ่อยครั้งถึงแม้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้เก็บเงินก็ตาม
“พอดีว่าภาษาอังกฤษของนัทและศรัญมีปัญหานิดหน่อยน่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง”
บทสนทนาของพี่สาวสองคนยากที่จะให้นันทกรสามารถเข้าไปแทรกได้จึงหันไปคุยกับนฤนาถที่อยู่ข้างๆแทน เอ่ยถึงความเสียดายที่เมื่อวานไปล่าบอสกันถึงสิบคนแต่ไม่ได้ของดีอะไรติดมือมาเลย ขนาดใช้สกิลของสายอาชีพล่าสมบัติแล้วก็ตาม
“สงสัยคงต้องมีการกดใบเพิ่มอัตราดรอปแล้วล่ะ”
“ผมว่าการ์ดใบนั่นราคาแพงอยู่นะ จะคุ้มหรอ?”
“ทั้งสองคนวันนี้เราต้องงดคุยเรื่องเกมนะ เพราะไม่งั้นศรัญคงไม่มีสมาธิเรียนแน่เลย”
“นั่นสิครับ”
นันทกรหัวเราะแห้งๆให้กับจิราภัทรเพราะรู้ว่าหากเพื่อนของตนได้ยินอะไรก็ตามเกี่ยวกับเกมเข้าจะทำให้ไม่มีสมาธิในการติวหนังสือและพาลจะชวนไปเล่นเกมทุกที
เมื่อไปถึงที่บ้านของศรัญก็พบว่ามีศรศิลป์ นทีและศิลาอยู่ก่อนแล้ว จิราภัทรที่สงสัยจึงหันไปมองด้วยสายตาที่แปลกไปที่น้องชายของตนเอง
“ผมไปยกน้ำเย็นมาให้นะ”
นันทกรรีบหาข้ออ้างที่จะอยู่ให้ไกลจากพี่สาวตนในชั่วขณะหนึ่งอย่างรีบร้อนพร้อมกับลากหทัยไปช่วยด้วยทันที
“ขอร้องนะครับพี่ ช่วยผมหน่อยนะ”
“นัทโทรชวนพวกนั้นมาหรอ?”
หทัยเอ่ยพลางหันไปมองบรรดาหนุ่มๆกำลังเล่นกันมากกว่าจะติวกันซะอีก
“ก็คนเยอะๆจะได้ไม่เบื่อไง”
“จ้าๆ”
ทหทัยเอ่ยลอยพร้อมกับรินน้ำใส่ในแก้วทีละใบอย่างช้าๆแต่สังเกตเห็นแก้วใบหนึ่งมีลายแปลกไปจากใบอื่นๆมันคือแก้วรุ่นจำหน่ายแบบจำกัดจำนวนของเกมESPทำให้หทัยชะงักไปเล็กน้อยเพราะความอยากได้
“แก้วใบนั้นเป็นของพี่ศิลาอ่ะ พอดีคนเยอะแก้วไม่พอผมเลยให้พี่เขาเอามาเผื่อให้ บ้านใกล้กันก็สะดวกดีเนอะ”
“เอ้ะ บ้านศิลาอยู่แถวนี้หรอ?”
“ครับ”
ศรัญตอบกลับคำถามของหทัยได้ทั้งหมดเขาเหมือนจะรู้จักทุกอย่างเกี่ยวกับศิลามากกว่าใครๆอาจเป็นเพราะบ้านใกล้กันก็ได้ ศรัญจึงเฉลยให้ฟังว่าที่จริงแล้วเขาสองคนเป็นญาติกัน
เมื่อยกแก้วน้ำมาวางเรียงไว้ศิลากับส่งแก้วลายเกมให้กับหทัยหน้าตาเฉยเหมือนเขาไม่ได้หวงอะไรมันมากเลย
“นี่แก้วของนายไม่ใช่หรอ?”
“เห็นนัทบอกเธออยากได้ไม่ใช่หรือไง?”
“ก็ใช่นะ แต่….”
“ไม่เป็นไรที่บ้านมีอีกสองใบ อะนี่”
ศิลาส่งแก้วที่มีน้ำเปล่าพร้อมน้ำแข็งอยู่เต็มให้กับหทัยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะหันไปส่งใบอื่นๆให้กับคนอื่น
“วะ ว้าว”
หทัยรับแก้วมาพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับแก้วที่ถืออยู่ในมือก่อนจะนำมันไปให้จิราภัทรดู ซึ่งเธอก็อยากได้เหมือนกันศิลาจึงสัญญาว่าหากไม่ลืมจะเอามาให้เพราะเหลืออีกสองใบ
บรรยากาศการติวหนังสือผ่านไปอย่างสงบ สงบซะจนมีผู้เข้าแข่งขันสองรายไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้วนั่นคือ หทัยและศรศิลป์ จิราภัทรที่เห็นอย่างงนั้นเกิดอาการอิจฉาที่ทั้งคู่สามารถนอนในที่แบบนี้ได้โดยไม่ห่วงอะไร
“นอนตรงนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก วา เอ้ย หทัย”
“ไม่เป็นไรหรอกทุกคนในที่นี้รู้ว่าภัทรจะเรียก หทัยว่า วา และนาภว่าโย ส่วนเธอก็ซิลสินะ ”
“รู้ดีจังนะ”
“ส่วนผม นัทครับ”
นันทกรรีบแสดงตัวเพื่อบอกชื่อที่เขาใช้ในเกมให้กับศิลารู้ทันทีเผื่อว่าเขาจะยอมเรียกนันทกรว่านัทบ้างในบางครั้ง
“อืมนอนตรงนี้คงเป็นหวัดแน่ๆเลย”
ศิลาเดินไปถามอะไรบางอย่างกับศรัญที่นั่งเคร่งกับการทานของว่างแทนที่จะอ่านหนังสิอ ไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับผ้าห่มบางๆสองผืนโดยห่มให้ศรศิลป์และหทัย ตามลำดับ
“เหมือนคุณพ่อเลยนะ”
จิราภัทรแซวศิลาที่ทำตัวเหมือนผู้ปกครองทั้งสองคนที่คอยตามห่วงสุขภาพร่างกายของลูกๆ ศิลาทำได้แต่ยิ้มตอบกลับไปโดยไม่กล่าวอะไรโต้ตอบทั้งสิ้น
“มานอนแบบนี้มันน่าอิจฉาอ่ะ”
โยเริ่มงอแงที่รู้ว่าหทัยอู้จากการอ่านหนังสือแล้วหลับไปก่อนแล้วจึงคว้าเอาอาวุธลับที่อยู่ในกระเป๋าใบน้อยออกมา มันคือโทรศัพท์มือถือแบบถ่ายรูปได้ ด้วยความคมชั้นกว่า สิบล้านพิกเซลภาพจึงคมชัดและถ่ายออกมาสวย(ฮา)
“เจอนี่หน่อยเป็นไง”
แชะ! แชะ!
นฤนาถจัดการถ่ายรูปภาพตอนนอนหลับของศรศิลป์และหทัยไว้อย่างเรียบร้อยแล้วทำการส่งต่อให้กับคนในกลุ่มอย่างรวดเร็วก่อนที่จะโดนจับได้และลบทิ้งไป จิราภัทรกล่าวว่าจะนำภาพของหทัยไปตั้งเป็นหน้าจอคอมประจานกันเลยทีเดียว พวกที่ได้รับเมลล์ส่งต่อต่างพากันหัวเราะและอมยิ้มเล็กน้อย
“โอ้ย อ่านไม่ไหวแล้วหิวอ่ะ”
ศรัญบ่นขึ้นเมื่อสมาธิของเขาไม่ได้อยู่กับตัวแล้ว
“แกกินตลอดเลยนะ”
นันทกรเสริมให้กับคำพูดของเพื่อนในด้านลบเพราะถึงจะบ่นว่าอ่านไม่ไหวแล้วแต่เขาก็ยังไม่เห็นเพื่อนหยุดหยิบขนมใส่ปากซักที
“ช่วยไม่ได้นะ ไปซื้ออะไรที่ร้านสะดวกซื้อกัน”
โยชวนศรัญและนันทกรไปซื้อขนมด้วยกัน ฝ่ายนทีที่ตั้งใจว่าจะสั่งของเยอะหน่อยกลับถูกใช้ไปเป็นคนถือของแทน
“พักหน่อยละกัน”
จิราภัทรเอ่ยคำอนุญาตให้น้องๆและเพื่อนสามารถพักกันได้ตามอัธยาศัย แต่เหมือนเห็นศรศิลป์ที่กำลังนอนอย่างสบายใจก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ทุกที่ เธอไม่สามารถไปวุ่นวายอะไรกับคนที่เรียนบ้างไม่เรียนบ้างแต่กลับได้ระดับท็อปของห้องตลอดแต่ก็อดที่จะแกล้งไม่ได้เลยทีเดียว
“ทำอะไรน่ะ ภัทร”
ศิลาเอ่ยทักไว้ก่อนที่เพื่อนจะเริ่มลงมือบรรจงลายเส้นบนหน้าเพื่อนอีกคน
“เปล่าแค่…หมั่นไส้นิดหน่อย”
“อ่า…เข้าใจนะทางนู้นก็เหมือนกันนอนน่าอิจฉามากมาย”
“หทัยน่ะ ฉันรู้ดีว่าเวลานอนน้อยที่บ้านวุ่นๆนะเพราะอยู่กันแค่ป้าหลานสามคน”
“อ่าว แล้วพ่อแม่ไปไหนซะละ?”
“ทำงานต่างประเทศน่ะ นานๆกลับมาทีหนึ่ง”
ศิลาหันไปมองเพื่อนสาวที่หลับอย่างสบายใจบนโซฟาก่อนจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆว่าเธอใกล้จะตื่นหรือยัง แทนที่จะได้รับคำขอบคุณอย่างนุ่มนวลกลับกลายแรงแรงโจมตีแบบกระทันหันเข้าอย่างจัง
ทันทีที่หทัยลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นหน้าของศิลาอยู่ใกล่จึงเกิดตกใจขึ้นมาพร้อมกับปล่อยหมัดสวยๆขวาตรงไปอย่างจัง ทำให้ร่างสูงที่นั่งอยู่หงายไปทันที
“เหวอ ศิลา!เป็นไรเปล่า?”
“ทำอะไรไปน่ะ วา ศิลาเอ้าผ้าเช็ดซะ”
จิราภัทรรีบเข้ามาดูอาการของศิลาที่ถูกเพื่อนสาวของตนซัดไปอย่างเต็มแรง ปรากฏว่าเขามีเลือกกำเดาไหลออกมาเล็กน้อยทำให้หทัยตื่นจากอาการง่วงทันทีก่อนจะรีบเข้าไปในครัวหาน้ำแข็งมาประคบให้
“ขอโทษ นร้า….คือมันตกใจอ่ะ”
“ไม่เป็นไรๆ”
ศิลาโบกมือไปมาแสดงท่าทีสบายดีให้กับเพื่อนสาวที่นั่งเป็นกังวลอยู่ข้างๆ
หลังจากนั่นไม่นานทั้งสามคนที่กลับมาจากการซื้อของก็เข้ามาเห็นฉากบรรยากาศแปลกๆเข้าให้
“คือพี่ศิลาไปทำอะไรพี่หทัยหรอครับ?” นันทกรเริ่มสงสัย
“ทำไม่หน้าเป็นงั้นเนี่ย ฝีมือวาแน่ๆ” นฤนาถเสริมทับ
“ไปแกล้งไรไอวามันชัวร์” นทีเอ่ยลอยขึ้นมา
“ไม่ใช่! พอดีตกใจตอนตื่นมาอ่ะเลยชกไปเต็มแรงไปหน่อยเท่านั้นเอง”
หทัยรีบแก้ต่างเข้าใจผิดของพวกน้องๆและเพื่อนอย่างทันควันก่อนที่ทุกคนจะเข้าใจศิลาผิดไปมากกว่านี้
“ว่าแต่ได้ไรกันมามั้งละ”
จิราภัทรเริ่มเอะใจกับบรรดาถุงพลาสติกของร้านสะดวกซื้อที่มีน้อยเกินไปจากที่คาดไว้ เพราะหากต้องซื้อเสบียงสำหรับเจ็ดคนนั้นคงไม่พอแน่นอน
“พี่ดูนี่สิ นิตยสารมันแถมไอเท็มโค้ดด้วยอ่ะ(รหัสสำหรับเติมในเกมค่ะ)”
นันทกรรีบคว้านิตยสารที่ทั้งสามคนไปเจอในร้านสะดวกซื้อขึ้นมาโชว์ว่ามันแจกรหัสสำหรับชุดแฟชั่นที่ไม่มีขายในเกมด้วยซึ่งอาจจะทำให้จิราภัทรสนใจขึ้นมา
“นี่ๆซื้อมาครบเจ็ดเล่มเลยนะ คนละเล่ม”
“หา?ซื้อทำแมวไรตั้งเจ็ดเล่ม”
หทัยเริ่มเอะใจกับจำนวนหนังสือที่มากเกินไปในถุงพลาสติกก่อนจะถามหาขนมและอาหารที่ควรจะซื้อมา
“แล้วขนมล่ะได้ไรมามั้ง”
“เอิ่ม…..ลืมไปเลยอ่ะ”
ทั้งสามคนอึ้งในการกระทำของตัวเองเพราะจุดประสงค์ที่พวกเขาไปร้านสะดวกซื้อคือซื้อขนมไม่ใช่นิตยสารพวกนี้
“ให้ตายเถอะ พวกเธอไปซื้ออะไรกันมาเนี่ย!!!!”
จิราภัทรกล่าวดุนันทกร นที และนฤนาถที่ไม่รู้จักห้ามกันเองจนทำให้เสียตังในเรื่องไม่เป็นเรื่องมาแทน
สงสัยต้องออกไปกินข้างนอกแล้วมั้งนี่ก็ห้าโมงเย็นแล้วด้วยสิ ดีนะบ้านอยู่แค่นี้อ่ะ”
“แต่ศิลา….”
หทันหันไปมองศิลาที่นั่งอยู่ตรงโซฟาพร้อมผ้าเย็นแปะอยู่บนหน้า ก่อนจะเสนอไอเดียให้กับเพื่อนๆ
“อย่างนี้ก็โอเคนะ เบอร์อยู่ไหนอ่ะศรัญ”
“นี่ครับ”
ศรัญส่งสมุดจดโน้ตโทรศัพท์ขนาดเล็กให้กับจิราภัทร ในขณะที่คนอื่นๆนอกจากหทัยและศรัญยังสงสัยว่าจิราภัทรกำลังจะทำอะไรกันแน่
ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มีรถจักรยานยนต์ขี่มาจอดที่บริเวณหน้าบ้านของศรัญพร้อมกับเรียกชื่อของจิราภัทรออกมารับของ ใช่แล้วจิราภัทรสั่งหมูกระทะแบบเซตใหญ่สองชุดมากินด้วยกันนั่นเองเธอกล่าวว่ามื้อนี้จะเป็นคนลี้ยงแทนเพราะทั้งสามคนคงเอาเงินไปซื้อนิตยสารหมดแล้ว
"ว่าแต่พวกเราลืมใครไปหรือเปล่านะ?"
"เดี๋ยวนะ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า และหก?"
"ศรศิลป์!!"
สุดท้ายนี้หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อยแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านโดยให้สัญญาว่าหากยังไม่ผ่านการสอบไปจะไม่เข้าเกมเด็ดขาดเพราะมันจะทำให้ไม่มีสมาธิในการอ่าน โดยวันอาทิตย์ก็ต่างอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านตัวเองกัน
....................................................................................................................
ฺFuntom ค่ะน่าสงสารศรศิลป์จังบุคคลที่ถูกลืม(ฮา) ขอบคุณสำหรับการติดตามมาตลอดนะคะตอนนี้ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกมเลยฟังดูน่าเบื่อนิดๆแหะไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวอีกสองตอนจะชดเชยให้เลย พยายามทำให้การเหลื่อมล้ำของเวลาหายไปให้ได้อยู่จริงมีบางจุดที่ต้องใส่ใจจนเกินเหตุค่ะ
ความคิดเห็น