คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Client:4 รางวัลแห่งเกียรติยศ(ตรวจสอบ 100%)
บทที่ 4
รุ่งเช้าอันแสนครึกครื้นของโรงเรียนมาถึงไม่ใช่เพราะวันนี้เป็นงานกีฬาสีแต่อย่างใด แต่เนื่องจากว่าหากวันไหนมีกิจกรรมใหญ่โตที่โรงเรียนแล้ววันนั้นจะไม่มีเรียนนั่นเอง เด็กนักเรียนทุกคนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมปลายต่างสวมเสื้อกีฬาสีหลากหลายสีสันยืนสนทนาและวิ่งเล่นกันไปมายกเว้นเพียงแต่นักเรียนบางส่วนที่ต้องเตรียมตัวเข้าสู่การแข่งขัน
“พยายามเข้านะ จิราภัทร”
“แกก็เหมือนกัน หทัย”
เพื่อนสาวสองคนต่างอวยพรกันเองที่จุดเตรียมพร้อมก่อนออกตัววิ่ง ทั้งคู่คิดว่าคงไม่มีใครสนใจการแข่งของพวกเธอมากเท่าไหร่เพราะเป็นแค่ตัวประกอบคนอื่นเท่านั้น เพราะอะไรงั้นหรือจิราภัทรจึงส่งสายอันเสียดแทงไปยังบรรดาแฟนคลับของพิมพ์ที่ต่างส่งเสียงเชียร์อยู่ข้างขอบสนามอย่างน่ารำคาญ
“ปีนี้พวกเราคงเป็นได้แค่ตัวประกอบสินะ”
เพื่อนสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆบอกกับจิราภัทรและหทัยว่า ตั้งแต่ที่พิมพ์ไปประกวดกับนิตยสารแห่งหนึ่งก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมา และวันนี้พวกนักข่าวสัมภาษณ์ก็มาเยอะพอดูด้วยพลางชี้ไปที่ข้างๆเส้นชัย
“ถ้าหนึ่งในพวกเราสามคนเข้าเส้นชัยก่อนคงหน้าแตกน่าดูอ่ะ”
“งั้นจัดเลย”
จิราภัทรตอบรับคำพนันของเพื่อนสาวอีกคนอย่างเต็มใจ ดูจากสีหน้าของเธอแล้วคงจะมีความสุขมากเลยถ้าทำให้คนที่เธอเหม็นขี้หน้าสามารถลงไปอยู่เบื้องล่างได้
ปัง!!!
เสียงสัญญาณของการออกตัววิ่งดังขึ้น นักวิ่งกรีฑาทั้งสี่ออกตัวพร้อมกันอย่างรวดเร็ว ด้วยระยะทางถึงหนึ่งกิโลเมตรทำให้หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันมีความเร็วที่ลดลง จิราภัทรและหทัยวิ่งมาพร้อมกันจนถึงจุดเส้นชัยแต่น่าเสียดายที่คนที่เข้าเส้นชัยตามมาคือเพื่อนสาวอีกคนที่อยู่สีชมพูไม่ใช่พิมพ์แต่อย่างใด การแข่งขันจบลงที่ผู้ที่อยู่อันดับหนึ่งคือ จิราภัทร อันดับสอง คือ หทัยและปิดท้ายด้วย ดาว สาวน้อยจากสีชมพู
เป็นอย่างที่ดาวคาดไว้จริงๆพิมพ์ไม่สามารถเข้าสู่เส้นชัยได้เลยแม้จะอันดับสุดท้ายก็ตาม เมื่อพิมพ์มาถึงที่เส้นชัยเป็นคนสุดท้ายบรรดาเสียงเชียร์ทั้งหลายก็เงียบลงพร้อมกับอึ้งไปตามๆกัน จิราภัทรมองอย่างเย้ยหยันให้กับพิมพ์ในขณะที่เธอกำลังรับเหรียญทองของเธออยู่
“วิ่งเร็วไปไหนเนี่ย”
“แกน้ำหนักขึ้นหรือเปล่า ความเร็วมันถึงได้ลดลงน่ะ”
“เอ้ะ…ไม่มั้ง”
หทัยตื่นตูมที่จิราภัทรแซวว่าเธออาจจะอ้วนขึ้นจึงใช้มือทั้งสองข้างจับที่หน้าท้องของตนเองพลางขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา
“ทั้งสองคนทำได้ดีมากจ้ะ อ่าวหทัยปวดท้องหรอจับท้องทำไม?”
“เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร”
นริศาอดเป็นห่วงที่หทัยมีท่าทีที่แปลกไปจึงหันไม่ถามข้อสงสัยกับเพื่อนสาวอีกคนที่กำลังยิ้มกริ่มกับเหรียญทองของเธออยู่ จึงได้รับคำตอบกลับมาว่าเธอคิดว่าหทัยอาจจะต้องลดน้ำหนักเพราะความเร็วลดลงทั้งที่เมื่อก่อนก็สูสีกันแท้ๆ
“พี่ครับ ไปดูพวกพี่ศรศิลป์แข่งบาสกัน”
นันทกรที่ตามมาทีหลังก็เสนอให้พวกเราไปดูการแข่งขันบาสที่อยู่ตรงสนามใหญ่กัน
“ทำไมฉันต้องไปเชียร์ ศรศิลป์ด้วย”
“เอาน่าพี่ เร็วๆเดี๋ยวก็จบก่อนหรอก”
นันทกรพยายามดันตัวของพี่สาวไปที่สนามบาสอย่างรวดเร็ว เมื่อไปถึงที่นั้นก็พบว่าพวกศรศิลป์กำลังแข่งบาสกันเองอยู่ พร้อมกับบรรดาเสียงกรี้ดกร้าดของสาวๆที่เชียร์อยู่ข้างขอบสนาม
“นายศรศิลป์นี่หุ่นใช้ได้เลยนะ ว่าไหม?”
หทัยเอ่ยกระซิบที่ข้างๆจิราภัทรเพราะรู้ว่ารสนิยมผู้ชายของผู้เป็นเพื่อนนั้น นายศรศิลป์ผ่านอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“ก็ งั้นๆ”
หลังจากการแข่งขันจบลงพวกศรศิลป์ก็ตรงดิ่งมาที่จุดนั่งพักของนักกีฬาทันที
“นั่น แฟนแกมาแน่ะ”
นทีแซวศรศิลป์ที่กำลังตั้งท่าจะนั่งลงแต่กลับเด้งตัวขึ้นทันทีเพื่อมองหาพวกจิราภัทร และพบว่าพวกเขากำลังยืนคุยเรื่องอะไรกันบางอย่างอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้ๆกับสนามแข่ง
“มาดูด้วยหรอ ดีใจจัง”
“โอ้ นี่มัน”
หทัยและนริศาออกท่าทางโอเวอร์ไปกับรอยยิ้มของศรศิลป์พร้อมชูป้ายที่เขียนด้วยไปว่า 80 คะแนน โดยมีนันทกรเขียนว่า +20 ไปข้างหลังถึงแม้ว่าศรศิลป์จะไม่เข้าใจว่าอะไรก็พยายามส่งยิ้มแบบแห้งๆกลับไปแทน
“ไปทานข้าวด้วยกันไหม?”
“หะ?”
“คงไม่ว่างสินะ งั้นไปกันได้แล้วพวกเรา”
จิราภัทรรีบหันหลังกลับออกไปทันทีที่พูดจบซึ่งทำให้ศรศิลป์ยังงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ นันทกรจึงอธิบายไปว่าเมื่อกี้เธอชวนให้เขาไปทานข้าวกับพวกเราด้วยเพราะวันนี้แฟนของนฤนาถมาจากมหาวิทยาลัย ศรศิลป์จึงรับปากไปทันทีพร้อมกับขอชวนนทีและศิลาไปด้วย
ก่อนที่จะเริ่มสั่งเมนูอาหารฟาสฟู้ดมาเจ้ามือจึงขอแนะนำตัวกับบรรดารุ่นน้องทั้งหลายถึงตัวตนของเขา
“พี่ชื่อ นพดล เรียก พี่นพเฉยๆก็ได้”
“พี่นพคงจะรู้จักหทัยกับจิราภัทรดีอยู่แล้วแต่เดี๋ยวจะนะนำคนอื่นให้นะคะ”
หทัยเริ่มเอ่ยชื่อของเพื่อนแต่ละคนพลางบ่ายมือไปตามเจ้าของชื่อแต่ละคนจนสุดท้ายมาหยุดอยู่ที่เพื่อนของนันทกร
“นี่นันทกรน้องชายของจิรภัทร นริศา นที ศรศิลป์ ศิลาและศรัญเพื่อนของนันทกร ค่ะ”
ขณะที่กำลังรับประทานเมนูสุดฮิตอยู่นั้นทุกคนต่างพูดคุยกันในเรื่องเดียวนั่นก็คือ ESP Online ทำให้ทราบว่าทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้เป็นผู้เล่นของเกมดังกล่าวทั้งสิ้น นพดลจึงตัดสินใจชวนน้องๆที่ยังไม่มีกิลอยู่ไปอยู่ด้วยซึ่งได้แก่ นที ศิลา ศรัญ โดยตัวของศรศิปล์นั้นบอกว่าหทัยชวนไว้ก่อนแล้ว (จริงๆอยากจะอยู่กับจิราภัทรก็บอกมาเหอะ)
“ในเมื่อในที่นี้ทุกคนก็เป็นผู้เล่นควรมีสิทธิ์ที่จะได้รู้ไว้”
“เรื่องอะไรหรอพี่นพ”
นฤนาถเริ่มกังวลในน้ำเสียงของนภดลที่ฟังดูจริงจังอย่างมากคาดว่าเรื่องที่เขาจะกล่าวต่อไปนี้อาจมีผลกระทบกับทุกคนในที่นี้ได้
“พี่ได้ข่าวมาว่าในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ นี้บริษัท ESP จะเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่เห็นเขาว่าจะนัดให้พวกเราผู้เล่นทุกคนไปรวมตัวกันในวันที่ 20 เพื่อแจ้งข่าวว่าจะเอายังไงกับเกมน่ะ”
“คงไม่ปิดหรอกมั้ง มันทำรายได้ดีจะตาย”
“ก็หวังว่างั้น”
ศรศิลป์ถอนหายใจเฮือกใหญ่เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่เกี่ยวกับข่าวนี้ แต่อาจจะคิดไปเองเพียงคนเดียวจึงไม่ได้บอกให้ใครรู้ทั้งๆในที่นั่นยังมีอีกคนที่มีความรู้สึกแบบเดียวกับศรศิลป์อยู่
“หา? 20 แย่แล้วล่ะวันนั้นหทัยจะไปสอบสัมภาษณ์ที่ ม.S ทำอย่างไรดีล่ะ”
“ใช่ๆแล้วจิราภัทรจะเป็นคนไปเป็นเพื่อนแทนเพราะคุณป้าไม่ว่างน่ะ”
“ไม่เป็นไรหทัยเดี๋ยวนาถก็บอกเองแหล่ะเราอยู่บ้านเดียวกันไม่เป็นไร”
นฤนาถพูดปลอบใจผู้เป็นพี่สาวของตนว่าหากมีข่าวสารอะไรเปลี่ยนแปลงเธอจะเป็นคนติดตามและนำมาบอกต่อให้กับหทัยเอง
จากนั้นนพดลก็เตรียมตัวที่จะกลับไปที่หอพักของมหาวิทยาลับเพราะในวันพรุ่งนี้เขามีคาบเรียนในตอนบ่ายพร้อมกับเสนอให้ทุกคนในที่นี้ไปปราบบอสซามูไรด้วยกัน
“เจอกันตอน ทุ่มครึ่งนะ”
.
.
.
หลังจากงานกีฬาสีได้จัดการแข่งขันฟุตบอลเป็นการแข่งขันประเภทสุดท้ายจบลงแต่ละสีออกมารวมตัวกันที่สนามเพื่อรับทราบถึงคะแนนที่แต่ละทีมได้รับกัน ปรากฏว่าที่หนึ่งได้แก่สีม่วงนั่นเองงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราทุกคนหลังจบจากงานก็พากันมารื้นอุปกรณ์ละของตกแต่งของสีตัวเองที่ประดับไว้ตามเสา ต้นไม้และสถานที่ต่างๆอย่างรวดเร็วเพื่อหวังว่าจะสามารถกลับบ้านได้เร็วขึ้น
“วันนี้จะไปตีบอสกันตั้งสิบคนแน่ะ ดีจังเลยนะที่เกมนี้สามารถรับคนร่วมปาร์ตี้ได้มากกว่ายี่สิบคน”
“อืมถ้าได้ของดีๆก็ดีน่ะสิ”
“เอ้าๆรีบเข้านะ จะได้กลับไปเล่นเกมกันจ้ะ”
นริศาส่งเสียงเรียกเพื่อนทั้งสองคนที่มัวแต่อู้คุยเรื่องเกมกันจนมือหยุดการทำงานไปแล้วในขณะที่มองเห็นเพื่อนสาวอีกคนยืนมองภาพที่ติดอยู่บนบอร์ดหลังห้อง
“ดูอะไรอยู่หรอ หทัย?”
“นี่ไง เริ่มจากตรงนี้ จนมาถึงตรงนี้”
หทัยชี้ในนริศาเห็นว่าภาพของบรรดาเพื่อนๆที่เริ่มมาอยู่ใกล้ชิดกันตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่สี่จนถึงมัธยมศึกษาปีที่หกนั่นมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น และลดลงไปบ้างแล้ว
“ใช้เวลาเพียงไม่กี่เสี้ยวนาทีพวกเราก็จะจบออกจากโรงเรียนนี้แล้วนะ”
“นั่นสินะ ไหนดูสิ”
ทั้งสองคนกำลังสนุกสนานกับภาพความทรงจำที่แปะอยู่บนบอร์ดจนลืมไปว่ายังมีอีกสองคนที่อู้อยู่เหมือนกันแบบนี้งานเก็บกวาดจะเสร็จไหมหนิ
จบจากการทำความสะอาดสถานที่ต่างๆที่ใช้ในงานกีฬาสีแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านซึ่งสิ่งที่พวกหทัยตั้งตารอก็คือการกลับไปแล้วตรงดิ่งไปเปิดเครื่องเล่นเกมโดยทันที
“วา ไปออนรอก่อนเลยขอไปซื้อขนมตุนก่อน”
“ฝากซื้อน้ำส้มด้วยนะ โย”
“ยินดีต้อนรับสู่ ESP ONLINE”
หทัยสอดสายตาทอดยาวหาบรรดาเพื่อนตัวสบของเธอจากหมู่บรรดาผู้เล่นมากมายที่เดินผ่านไปมาในเมืองคริสตัลแห่งนี้
“วา!!”
นริศากระโดดเข้ามาทางด้านหลังของเธอพร้อมกับเพื่อนคนอื่นที่ตามมาอย่างติดๆตอนนี้เหลือเพียงเจ้าภาพที่ชวนกับแฟนของเขาเท่านั้น
“มาเตรียมพวกยาที่จะเอาไว้ใช้ก่อนดีกว่านะ”
ทั้งแปดคนหันหน้าไปคุยกับ NPC Rookie สาวน้อยตัวจิ๋วที่ยืนขายของและสินค้าต่างๆให้กับบรรดาผู้เล่นอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย(นั่นสินะเป็น NPC นี่)
“วา ยืมสองแสนดิ”
“เฮ้ยไรว้า!!!”
ถึงแม้ปากจะบ่นแต่หทัยก็ควักเงินในนทียืมไปสองแสนแบบไม่ลังเลทำให้พวกน้องๆของเธออย่างนันทกรและศรัญเริ่มสงสัยแล้วว่าพี่สาวคนนี้ไปเอาเงินเยอะแยะมาจากไหนกันแน่
“อ่าวๆมากันเร็วจัง”
“เดี๋ยวๆรอแฟนท่านก่อนดิ”
“นั่นไงๆมาแล้ว”
เมื่อทุกคนมารวมตัวกันที่หน้าดันเจี้ยนแห่งอัสดงที่อยู่ทางประตูทิศใต้ของเมืองคริสตัล ที่ซึ่งอันตรายสำหรับผู้เล่นที่มีเลเวลต่ำกว่าห้าสิบ นภดลได้ใช้บัตรผ่านทำการวาปเคลื่อนย้ายพวกเราทั้งสิบคนไปยังห้องของบอสได้ทันที บทสนทนาของสาวๆได้กล่าวถึงคำร่ำลืมที่ว่าบอสตัวนี้มัน หล่อมากก
ซึ่งบรรดาพวกผู้ชายทำได้แต่รับฟังไปแบบหูทวนลมเพราะพวกเขาสนใจแต่ของที่จะได้จากมันเพียงเท่านั้น เมื่อใกล้เวลาที่จะเข้าสู่การต่อสู้ระบบอัตโนมัติของเกมได้แนะนำให้ผู้เริ่มเริ่มทำการบัพพลังเสริมให้ตัวเองและเพื่อนของตน
ไม่นานนักภาพปรากฏแสดงตัวของบอสซามุไรก็เผยออกมา
“เจ้าพวกมนุษย์ต่ำต้อย หากยังรักชีวิตจงกลับไปซะ”
“ก็รักนะ แต่อยากได้ดาบจากเจ้ามากกว่า”
ทันใดนั้นนทีก็รีบปรี่เข้าไปหาบอสโดยตรงเขารู้ว่าหน้าที่ยืนชนกลับบอสนั่นเป็นของเขาแน่นอน เพื่อนๆจึงจัดเวทย์โจมตีสกิลหมู่เสริมเข้าไปแบบไม่ยั้งโดยไม่รอนับคูลดาวน์สกิลกันเลยทีเดียว
“วา จบท้ายที”
“ได้เลย”
สกิลของดีลเลอร์สามารถขโมยไอเท็มระดับสูงออกมาจากตัวมอนเตอร์ได้เลยโดยไม่จำเป็นว่าต้องตายก็ได้แถมยังเพิ่มโอกาสดรอปเงินมากขึ้นอีกด้วย
โครม!!
ถึงแม้ว่าเสียงสกิลจะไปน่าฟังซักเท่าไหร่แต่ผู้เล่น ณ ที่นี้เก้าคนรอฟังข่าวดีจากผู้เป็นเพื่อนของตนว่าเธอนั่นหยิบได้อะไรติดมือมาบ้าง
แต่แล้วภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนอึ้งไปชั่วขณะ วานั่งจมมืดมนอยู่กับพื้นก่อนจะหันไปส่งสายตาอันเวทนาให้กับนทีและนพดลผู้รอความหวัง
“ได้อะไรมา”
“นี่”
วา ส่งเช็คเงินหนึ่งพันลีออนให้กับนภดลพร้อมกับหินที่ทอประกายแสงหนึ่งก้อน
“นี่มัน!”
นริศราตกใจสุดขีดเมื่อเห็นหินที่ทอประกายแสงอยู่ในมือ
“ไม่ผิดแน่ นี่มัน”
“อะไรหรอพี่ริสา”
พวกน้องๆต่างเฝ้ารอคอยคำตอบอันแสนฉงนของริสาอย่างใจจดใจจ่อจนได้รับคำตอบกลับมาว่า
“ดูยังไงมันก็ก้อนกินในห้องบอสธรรมดาๆก้อนหนึ่งอ่ะ”
และแล้วทุกคนก็จากไปกับน้ำตาถึงแม้ว่าจะไม่ได้ของบอสติดมือกลับไปแต่ก็ได้เงินแบบหารกันแล้วสิบคนไปคนละหนึ่งร้อยลีออนพอดี
..............................................................................
Funtom ค่ะขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้นะคะใกล้จุดเปลี่ยนเข้าไปทุกทีแล้วคะ ทนกับความน่าเบื่อในโรงเรียนกันอีกซักหน่อยนะคะ ไม่รู้ว่ามีใครเป็นแบบเรามั่งไหมที่ล่าบอสแล้วได้ก้อนหินมาแทน ฮา
ปล.ยังไม่ได้ตรวจสอบคำผิดค่ะ
ความคิดเห็น