คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Client:3 Class Change (ตรวจสอบ 100%)
บทที่ 3
เป็นเช้าอีกวันที่ดูท่าว่าจะวุ่นวายมากเพียงแต่วันนี้สองพี่น้องตื่นเร็วกว่าปกติ อากาศเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนของประเทศไทยแต่ไม่คิดว่ามันจะคั่นช่วงด้วยอากาศร้อนเช่นนี้ พูดถึงเมืองไทยนอกจากรถติดแล้วอากาศร้อนนี้เป็นที่หนึ่งเลยทีเดียว
“วา วันนี้ป้ายังไม่ได้กลับเลยเขาแปะโน้ตไว้ที่ตู้เย็นเนี่ย”
หทัยเดินงัวเงียไปที่ตู้เย็นพร้อมกับหยิบเจ้าโน้ตสีขาวที่แปะไว้ขึ้นมาดู “พอดีแวะกลับมาดูที่บ้าน ตอนเช้าป้ากลับช้านะจ้ะ หาข้าวเช้าทานเองนะ”
“วันนี้ต้องกินข้าวกล่องร้านสะดวกซื้อแล้วล่ะ”
“เอ๋ อีกแล้วหรอ?”
นฤนาถเริ่มบ่นที่รู้ว่าวันนี้ตัวเองต้องทานข้าวกล่องร้านสะดวกซื้ออีกตามเคย เป็นเพราะว่าตัวเธอเองนั้นไม่ค่อยมีพรสวรรค์ในการทำอาหารซักเท่าไหร่แต่ถ้าง่ายๆอย่างไข่เจียวอาจจะทำได้ก็ได้นะ
“ลองทำข้าวกินเองบ้างก็ได้นะ โตไปจะได้ทำให้แฟนกินไง”
“จะทำไปทำไมอ่ะ พี่นพเขาเรียนเชฟนะ”
“เออ จริง”
ใช่แล้ว นพดล หรือ นพ เป็นแฟนหนุ่มของนฤนาถที่อายุมากกว่าสองปีปัจจุบันเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย B สาขาการทำอาหาร เคยมีคนบอกฉันมาเหมือนกันว่าผู้ชายที่ทำอาหารได้จะมีเสน่ห์ไม่รู้จริงหรือเปล่า
ก่อนที่ฉันจะไปอาบน้ำแต่งตัวก็โทรไปหาจิราภัทรก่อนแล้วเพื่อวานฝากซื้อข้าวกล่องตอนกลางวันให้ด้วย ตัวฉันเองกลับน้องคงไม่อยากกินข้าวร้านสะดวกซื้อบ่อยนักหรอก หลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วนั้นก็ออกมารอรถโรงเรียนตามปกติวันนี้มีอะไรที่แตกต่างกันออกไปทุกคนไม่ได้ใส่เครื่องแบบนักเรียนอย่างที่เคยเป็นประจำ แต่กลับมาใส่เสื้อโปโลกีฬาที่มีสีสันแตกต่างกันไปถึงสี่สี ฟ้า ชมพู ม่วงและเขียว
“แย่จังเลยอ่ะ ต้องอยู่สีชมพูคนเดียว”
“ไม่เป็นไรมีเจ้าต๊องนทีอยู่ด้วยนิ”
“ไม่เอาอ่ะ”
นฤนาถทำหน้าเบื่อหน่ายกับงานกีฬาสีของเธอปีนี้มากแต่ที่ไปโรงเรียนไม่ได้หวังไปช่วยลงกีฬาหรือแข่งขันอะไรหรอก เพียงแต่วันนี้ นพภดลสัญญาว่าจะแอบมาหา ซึ่งฉันและเจ้านัทก็เล็งของฝากไว้เหมือนกัน
“วันนี้พี่นพจะมานี่นา ใช่ไหมครับพี่นฤนาถ? ”
นันทกรเอ่ยแซวนฤนาถที่แฟนหนุ่มของเธอยอมถ่อมาไกลเพื่อมาหาเลยทีเดียวแต่ที่จริงๆแล้วอาจเป็นการประชดอย่างหนึ่งเพราะนฤนาถไม่ได้ลงแข่งกีฬาอะไรไว้เลยว่างนั่นเอง เทียบกับนันทกรที่ต้องลงแข่งว่ายน้ำและกรีฑาแล้วมันดูเสียเปรียบกันชัดๆ
“นี่จ้ะข้าวกล่อง จะกินเลยไหม?”
จิราภัทรส่งข้าวในหทัยสองกล่องพลางแบมือขอเงินค่าข้าวไปด้วย
“ไม่ล่ะคงไม่ทันแล้วเอาไว้กินตอนเที่ยงละกัน”
หทัยตอบรับกับเพื่อนสนิทของตนพลางหยิบแบงค์ห้าสิบบาทหนึ่งใบส่งให้กับจิราภัทรพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณที่เธอคอยเป็นธุระเรื่องนี้ให้อยู่บ่อยๆ
เมื่อถึงโรงเรียนวันนี้หทัยยังไม่ได้แอบงีบนอนบนรถเลยจึงทำให้รู้สึกง่วงเล็กน้อยแต่ก็ไม่หนักเท่ากับวันอื่นๆ ในขณะที่ทอดสายตายาวมองหากลุ่มเพื่อนของตนเอง ชายหนุ่มหน้าตาค่อนข้างดีสามคนก็เดินเข้ามาทักพวกเธอ
“ไง ไปรวมกลุ่มกับคนอื่นกัน”
“อืม ว่าแต่นายนี่มาไงอ่ะ”
จิราภัทรหันไปพูดจิกกัดศรศิลป์ที่ยืนถัดจากนที เธอรู้ตัวดีว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนี้คือคนที่คอยสะกดรอยตามอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเรียน พักกลางวันหรือตอนกลับบ้านก็ตาม
“เอาน่าๆคนกันเองทั้งนั้นแหล่ะ แยกย้ายไปเข้าสีได้แล้ว”
หทัยดันตัวของจิราภัทรออกจากตรงนั้นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่หน้าสะพรึงขึ้นแทน ในขณะที่ศิลาก็เดินตามหทัยและนันทกรไปติดๆเพราะพวกเขาทั้งสามคนอยู่สีเดียวกัน
“หทัยลงกีฬาอะไรไว้บ้างละ”
ศิลาเป็นคนเริ่มสนทนาด้วยก่อน ไม่ยักรู้ว่าเขาก็เอาใจใส่คนอื่นๆเป็นเหมือนกัน
“กรีฑาน่ะ แต่ฉันคงต้องไปแข่งกับยัยพิมพ์แฟนนายน่ะเพราะเธอก็ลงเหมือนกัน”
หทัยพยายามจะไม่วนกลับมาเรื่องนี้แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าทั้งสองคนนั้นเป็นแฟนกันจริงตามที่เพื่อนจับคู่ให้หรือแค่เล่นๆไปเท่านั้นเอง
“ว่าแต่ พี่หทัยผู้ชายคนเมื่อกี้ที่พี่ผมทะเลาะด้วยเป็นใครอ่ะ?”
“อ่อ ชื่อศรศิลป์น่ะเห็นว่าชอบจิราภัทรอยู่เป็นคนนิสัยดีนะ พี่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร”
“งั้นหรอ งั้นผมก็จะช่วยสนับสนุนเขาด้วย”
“เห…เป็นคนดีนี่นา”
หทัยเริ่มแปลกใจในสิ่งที่นันทกรพูดเขาไม่คิดว่าน้องชายที่ติดพี่อย่างเขานั้นจะยอมปล่อยให้ผู้ชายแปลกหน้ามาจีบจิราภัทรได้ง่ายๆ
“เปล่าครับ ถ้าพี่คนนั้นจีบพี่ผมได้ พี่จิราภัทรจะต้องหันไปแกล้งเขาแทนผมแน่ๆไง”
นั่นไงว่าแล้วเชียวมาอีหรอบนี้เองบทสนทนาของฉันกับนันทกรสร้างความฉงนให้กับศิลาเป็นอย่างมากเขาทำได้แต่เพียงหัวเราะแห้งๆตอบรับเพราะไม่เข้าใจว่าตกลงแล้วที่เราคุยกันนั้นมันคืออะไร
“งั้นเราขอไปซ้อมกับเพื่อนๆก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็ไปตามที่สนามบาสละกัน”
ศิลาเอ่ยขอตัวไปร่วมวงซ้อมกับเพื่อนๆ เพราะวันจริงเขากับเพื่อนคงต้องแข่งกันเองถึงแม้แต่ละคนจะรู้ฝีมือกันอยู่แล้วก็ตามอาจทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบนิดหน่อย
นันทกรและหทัยก็ได้ลองซ้อมวิ่งกรีฑาไปกลับอยู่หลายรอบเหมือนกัน สำหรับสภาพร่างกายของพวกเด็กเล่นเกมแล้วนั่นถือว่าใช้ได้เลยทีเดียวที่ไม่เหนื่อยและอ่อนแอเหมือนแบบในการ์ตูน
“ผมว่าพักกันหน่อยดีกว่า ว่าจะไปดูทางฝั่งสีอื่นๆมั่ง ไม่รู้ว่าพวกพี่เขาซ้อมกันเสร็จยัง”
“อืม ได้ๆพี่ว่าจะแอบงีบซักชั่วโมงหน่อย ฮา”
“อ่าครับๆเดี๋ยวตอนกลางวันผมจะไปตามทีสีนะ”
นันทกรกล่าวลาหทัยที่ยังยืนเก็บของใส่กระเป๋าเป้อยู่ก่อนที่จะตั้งหน้าวิ่งไปที่สนามซ้อมวิ่งของสีอื่นๆ โรงเรียนของพวกเราได้แบ่งสนามออกเป็นสี่พื้นที่ใหญ่ๆแบ่งให้กับแต่ละสีใช้ซ้อมกัน
“ว่าแต่จะไปแอบนอนที่ไหนดีละเรา?”
หทัยเริ่มหาที่แอบงีบที่เป็นกิจวัตรประจำวันของเธอแล้วก็ไปสะดุดกับมุมวางกระเป๋าของสีตัวเองเข้าตรงนั้นนอกจากจะมีคนเดินเพ่นพล่านน้อยแล้วยังไม่ตกเป็นเป้าสายตาใครด้วย เธอจึ่งเดินไปที่มุมวางกระเป๋าทันทีโดยที่ไม่รู้ว่ามีใครบางคนกำลังจับตามองเธออยู่ตลอดเวลา
หทัยใช้กระเป๋าตัวเองเป็นหมอนหนุนที่คอแล้วใช้กระเป๋าของเพื่อนๆสร้างเป็นเกราะกำบังขนาดใหญ่เพื่อนให้รอดจากสายตาของบรรดาครูที่คอยเดินตรวจตราการอู้ของนักเรียน ในขณะนั้นก็มีเงาของใครบางคนมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอแต่หทัยคงไม่รู้สึกตัวแล้วเพราะได้ไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้ว
.
.
.
เสียงกริ่งบอกช่วงเวลาพักกลางวันดังขึ้นเด็กสาวที่นอนอยู่หลังกำแพงกระเป๋าขนาดมหึมาก็ลืมตาตื่นขึ้น เธอสังเกตว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไป ใช่แล้วเสื้อคลุมของใครก็ไม่รู้มาห่มไว้ให้อาจเป็นเพื่อนที่หวังดีผ่านมาก็ได้ แต่เนื่องจากไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของเสื้อจึงทำได้เพียงเขียนคำขอบคุณใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวที่พับไว้แล้วเท่านั้น
ไม่กี่นาทีต่อมาศิลาพร้อมกับพวกนทีที่ซ้อมบาสเสร็จแล้วนั้นเดินเข้ามาชวนไปทานข้าวกับทุกคน แต่หทัยบอกปฏิเสธเนื่องจากนัดกับจิราภัทร นันทกรและนฤนาถไว้แล้ว
“งั้นเราก็ไปทานกับพวกสาวๆก็ได้”
ศรศิลป์เอ่ยข้อเสนอให้กับวาและพวกศิลาแทนใจจริงแล้วเขาคงอยากทานข้าวกับพวกจิราภัทรซักครั้งละมั้ง?
“ได้ๆเดี๋ยวโทรไปบอกพวกนั้นก่อน”
หทัยคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับกดไปที่เบอร์ของนันทกรน้องชายที่มักจะตัวติดกับพี่สาวของตนตลอดเวลาถึงกำหนดการทานข้าวกลางวันที่จะมีแขกไปร่วมวงเพิ่มถึงสามคน
“ได้ครับพี่เดี๋ยวเพื่อนผมไอศรัญจะมาร่วมวงด้วย”
“โอเค น้องชายบอกโอเคแล้วพวกนายก็เอากระเป๋าแล้วตามไปที่โรงอาหารเล็กได้เลย”
ที่หทัยเรียกว่าโรงอาหารเล็กนั้นเป็นเพราะร้านขายขนมทางฝั่งมัธยมนั้นเล็กกว่าฝั่งประถมหลายเท่า จนถึงกับมีม้านั่งหินอ่อนไม่พอกับจำนวนนักเรียนที่มาใช้บริการเลย ที่นั่นหทัยไม่ได้พาไปที่โรงอาหารโดยตรงแต่เป็นพื้นที่ลานกว้างข้างๆแทนซึ่งเป็นสถานที่กลุ่มของเธอใช้รับประมานอาหารกันเป็นประจำ ไม่ใช่แค่กลุ่มของเธอมีรุ่นน้องคนอื่นๆก็มาจับกลุ่มนั่งตรงนี้เหมือนกัน
“โห แหล่งชุมนุมไรเนี่ย”
นทีกล่าวออกมาด้วยความตกใจ เนื่องจากถึงแม้จะอยู่มานานแล้วแต่ก็พึ่งสังเกตได้ว่าพื้นที่ตรงนี้สามารถใช้เป็นแหล่งชุมนุมทานข้าวกลางวันได้
“มาทานข้าวตรงนี้มันจะเสียภาพลักษณ์ของโรงเรียนหรือเปล่า แบบมีโต๊ะให้แต่ไม่นั่งหรือโต๊ะไม่พอไรงี้”
“ไม่หรอกดูอบอุ่นดีออก ทุกคนเอากับข้าวของตัวเองมาแบ่งกันทานไงวันหนึ่งได้ทานกับข้าวไม่ซ้ำกับถึงห้าอย่างเลยนะ”
ศิลาพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของหทัยและเพื่อนๆของเธอเพราะนอกจากจะไม่โดนว่าอะไรแล้วยังได้รับการยืนยันจากจิราภัทรว่าผู้อำนวยการเองก็สนับสนุนการทานอาหารร่วมกันแบบพี่น้องด้วย
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนจนกระทั่งถึงเวลากลับบ้าน ช่วงนี้อยู่ในช่วงที่ทุกคนกำลังวุ่นกับงานกีฬาสีทำให้ไม่มีใครออนตัวเข้าเกม แต่หทัยก็แอบเข้าไปอยู่ดีเพื่อเข้าไปเช็คราคาของในตลาดไว้แทนส่วนของเพื่อนๆ แต่เมื่อไล่ดูไปมาเธอพบว่ายังมีอีกคนที่ยังเข้ามาออนเกมเหมือนเธอนั่นคือ ศิลา
“นึกว่ายุ่งกับงานกีฬาสีพรุ่งนี้ซะอีก”
“เข้ามาดูอะไรนิดหน่อยนะ พอดีจะเปลี่ยนอาชีพน่ะแต่ยังไงรู้ว่าจะไปทางไหนดี”
หทัยจึงอธิบายถึงความแตกต่างของระบบอาชีพของเกมนี้ให้ฟังแบบรายละเอียดพร้อมกับเสนอให้ความช่วยเหลือในการพาไปเปลี่ยนคลาสสามให้ เมื่อตกลงได้แล้วนั้นศิลาจึงขอความช่วยเหลือจากหทัยในการเปลี่ยนอาชีพ
“จะเปลี่ยนเป็นอาชีพนี้ยากตรงของที่มันให้หานี่แหล่ะ”
“นั่นสิ ไม่คุ้นชื่อเลยซักอัน”
ศิลาเริ่มไล่รายการของที่ NPC The Death ให้เขาไปตามล่ามาส่งเพราะนอกจากจะกำจัดบอสมอนสเตอร์ประจำอาชีพแล้วยังต้องหาของไปส่งมันด้วย หทัยจึงถือโอกาสอธิบายให้ศิลาเข้าใจถึง Job Class ไปในตัวโชคดีที่ของที่ NPCต้องการนั้นหทัยสามารถสร้างให้ศิลาได้ทันทีที่มีวัตถุดิบครบเพราะอาชีพรองเธอคือ เชฟ
“ไหมฝันแห่งความตาย ชื่อไม่น่ากินเลยซักนิด”
“นั่นสิมันใช้ น้ำตาลที่ขุดจากรอบๆ Hell Townและน้ำตาแม่มดในดันเจี้ยนนรกชั้นสอง”
“ไม่ยาก ศิลาไปขุดรอบๆเมืองละกันเดี๋ยวน้ำตาวาจะไปหาให้”
“เอ่อ ทำไมถึงใช้ชื่อ วาในเกมละ”
ศิลาเริ่ม เอะใจกับชื่อนี้อยู่บ่อยครั้งที่เพื่อนๆในกลุ่มของหทัยเรียกกันในชื่อที่แตกต่างกันออกไป หทัยจึงอธิบายให้ฟังว่าหากพวกเธอใช้ชื่อจริงในการเล่นจะทำให้เพื่อนบางคนที่มีอคติกับเด็กเล่นเกมมองพวกเธอในแง่ไม่ดีได้ แต่เหมือนถึงเวลาเธอจะแสดงให้คนในครอบครัวและคนอื่นๆทั่วโลกรู้ว่าถึงแม้จะเป็นเด็กเล่นเกม ติดเกม บ้าอนิเมะเราก็ยังเรียน ยังทำอะไรได้ดีพอๆกับคนอื่น
“เป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดสินะ”
ศิลายิ้มออกมาหลังจากที่รู้ว่าพวกหทัยนั้นมีใจรักในการเล่นเกมแค่ไหนและพวกเธอเก่งขนาดไหนที่จะจัดการเวลาให้กับการเรียนและเกมไปได้ดีพร้อมๆกัน
“เอาละแยกย้ายไปหาของได้”
หลังจากนั้นไม่เกินครึ่งชั่วโมงหทัยก็ไปหาศิลาที่เมืองนรกพร้อมกับน้ำตาของแม่มด หลังจากนี้ศิลาต้องเข้าไปรับบททดสอบด้วยตัวเองเธอทำได้เพียงแต่ให้กำลังใจและรออยู่หน้าประตูห้องเปลี่ยนอาชีพเท่านั้น ในขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆถึงงานกีฬาสีพรุ่งนี้และของที่ต้องเอาไปก็มีชายร่างสูงเดินมาทางข้างหลัง
“Demetor? ชุดมันออกจะดูเวอร์ๆไปแหะ”
ศิลากล่าวกับหทัยที่นั่งรออยู่ที่บันได เขาสำรวจตัวเองพร้อมกับออกเสียงชื่ออาชีพของตัวเองอย่างชัดเจน ศิลาบ่นว่าชื่อของอาชีพนั้นไม่เข้าเท่าไหร่เพราะดูเหมือนมันจะตรงข้ามกับตอนอาชีพแรกและอาชีพสุดท้ายอย่างเห็นได้ชัด
“เอาน่าอีกห้าสิบเลเวลก็เปลี่ยนเป็นขั้นสูงสุดแล้ว อะนี่”
หทัยส่งของบางอย่างที่ห่อด้วยกระดาษของขวัญสีฟ้ายื่นให้ เธออุส่าเอาอุปกรณ์จำพวกชุด ดาบและเครื่องป้องกันของDemetorมาห่อไว้ด้วยกันเพื่อให้ศิลาเป็นของขวัญ
“หลังจบกีฬาสีคงมีเวลาปั่นเวลนะ ”
“คิดว่างั้น”
หลังจากนั้นทั้งสองคนจึงกล่าวลากันไปนอนพักเพื่อรับศึกหนักในงานกีฬาสีพรุ่งนี้โดยศิลาได้ทิ้งท้ายคำขอบคุณให้หทัยไว้ว่า
“เธอยังเป็นคนร่าเริงและใจดีแบบนี้ไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“??”
..............................................................
Funtom ค่ะมาถึงตรงนี้แล้วยังอดคิดไม่ได้เลยค่ะว่าตัวละครหลักทั้งสิบยังออกมาไม่ครบเลยยังไม่มีบทของตุณพี่นพกับน้องศรัญเลยหวังว่าตอนหน้าคงจะได้ออกมาเผยบทให้เด่นบ้างซักทีนะคะ
ปล.ตรวจสอบคำแล้วอาจมีพลาดบ้าง หากใครพบเห็นข้อผิดพลาดรบกวนแจ้งให้เราทราบทีนะคะขอบคุณค่ะ
ติดตามตอนต่อไป>>>
ความคิดเห็น