คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Client:20 กลับบ้าน (ตรวจสอบ100%)
บทที่ 20
ฝุ่นควันที่เกิดจากการปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่ายลอยบางเบาอยู่ในบรรยากาศจนเริ่มจางหายไป เงาของชายหญิงคู่หนึ่งปรากฏเห็นเป็นร่างของคนอย่างชัดเจน ฝ่ายหญิงผายมือขึ้นไปเหนือศีรษะของเพื่อรอรับบูมเมอแรงอาวุธคู่ใจตนกลับมา
“ผู้กล้ามาแล้ว!”
เพื่อนสาวของเธอผู้มีผมสีน้ำตาลแดงเมื่อรู้ว่าบุคคลตรงหน้าทั้งสองคือเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวที่แยกตัวออกไปก่อนหน้านี้ จึงรีบวิ่งเข้าไปหาทั้งสองอย่างรวดเร็วฝ่ายหทัยที่เห็นจิราภัทรวิ่งมาหาก็ดีใจรีบอ้าแขนรับทีนที
ผัวะ!
เสียงคู่เท้าสองข้างกระโดดถีบบั้นท้ายของหญิงสาวอย่างจัง ก่อนจะถูกกระชากคอเสื้อขึ้นมาเพื่อต่อว่าอีก
“ไปไหนมาไหน ไม่เคยบอกเลยนะ ปล่อยให้…..คนอื่นเป็นห่วงอยู่ได้”
“ขอโทษจ้า”
หทัยขอโทษขอโพยเพื่อนสาวด้วยอาการหวาดกลัวว่าจะโดนเขกหัวกลับอีก
“ทั้งสอง…เราว่าเอาไว้คุยต่อทีหลังนะ สถานการณ์ตอนนี้ไม่สะดวกเท่าไหร่นะ”
ศิลารีบพูดตัดบทห้ามเพื่อนสาวทั้งสองคนไว้เพราะหากมัวแต่มาทะเลาะกันคงโดนจัดการได้ง่ายๆอย่างแน่นอน
“เพิ่มมาสองคน ก็ไม่มีทางชนะ AI ได้หรอก”
ชายวัยกลางคนร่างท้วมที่ยืนอยู่ด้านบนของขอบบล็อกสี่เหลี่ยมด้านเท่าเอ่ยหัวเราะเสียงดังพลางพูดปนดูถูกบรรดาผู้เล่นที่อยู่ในพื้นที่นี้ร่วมกว่าสามสิบชีวิต
“หยุดนะครับพี่….”
เสียงของหนุ่มน้อยเอ็น ดูท่าจะส่งไปไม่ถึงเร็นผู้เป็นพี่ชายเลยแม้แต่น้อย เขาทำได้แต่เพียงหลบการโจมตีของผู้เป็นพี่ชายก็ลำบากเต็มทีแล้ว
“ดูเหมือนว่าไม่ต้องไปหา ก็ยอมออกมาเองสินะครับ…คุณ GM”
“หา!?”
ดูเหมือนทุกคนในที่นี้นอกจากหทัยเมื่อได้ยินศิลาพูดถึง GM ก็ต่างพากันตกใจเพราะไม่คิดว่าชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้จะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้ดูแลเกมเลยแม้แต่น้อย เขาดูมีอายุมากเกินไปที่จะทำหน้าที่ที่มีความกดดันมากอย่างนั้นได้ แต่ในขณะที่ทุกคนต่างพากันตื่นตะลึงไปกับคำพูดของเพื่อนชายสูงวัยก็ค่อยๆเดินลงบันไดมาพร้อมกับเส้นโค้ดรหัสที่บิดเบี้ยวไปมาจนปรากฏเป็นชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งที่ผู้เล่นบางคนคุ้นตา
“GM เมื่อตอนลานประลอง?”
“ใช่ เขาอยู่กลับพวกเราในเกมมาตั้งแต่แรกแล้ว ชายคนนี้สวมรอยเป็นประธานบริษัท ESP ทั้งๆที่ความจริงแล้วคนที่เป็นตัวจริงนั้นคือชายแก่ร่างท้วมที่หทัยและจิราภัทรเจอก่อนที่จะเข้ามาในเกม ไม่แปลกที่คนดูแลระบบจะปรับเปลี่ยนโค้ดให้พวกเราและคนอื่นๆล็อคเอ้าค์ออกจากเกมได้”
ศิลาอธิบายถึงตัวตนที่แท้จริงของชายหนุ่มผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประหลาดนี้ทั้งหมด พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เขาได้รู้ผ่านกุญแจสำคัญ ชายหนุ่มหยิบลูกบอลเทมาริขนาดกลางที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกโชว์ให้ทุกคนดู
“เจ้าลูกบอลนี้คือคำใบ้ มันเป็นสัญลักษณ์ของความผูกพันซึ่งเร็นตั้งใจแสดงให้รู้ว่าคนร้ายเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเขา นั่นก็คือประธาน ..ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าคนที่มาสวมรอยเป็นประธานมากกว่า นอกจากนี้คุณก็คงจะจัดการประธานตัวโดยขู่ว่าจะฆ่าหลานคนสุดท้ายของเขาถ้าหากไปเปิดปากบอกใคร”
ชายหนุ่มร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าไม่ไกลนักจากศิลาเขายิ้มที่มุมปากเพื่อแสดงถึงความดีใจที่มีคนดูแผนการของเขาออก
“ไม่เลวนี่เจ้าหนู เจ้ารู้อะไรอีกล่ะ”
“คุณเป็นคนคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของกิงกะพี่สาวคนโต เพราะเธอเป็นคนแรกที่มีพลังพิเศษทั้งหมดนี้แต่เมื่อเธอคิดจะหนีคุณก็เลยกำจัดเธอทิ้ง”
ชายหนุ่มปรบมือเบาๆพร้อมกับเสียงหัวเราะก่อนจะหยุดจ้องมองที่ผู้เล่นหลายๆคนที่ยืนอยู่ในพื้นที่
“แล้วเขารู้ได้ไงว่าพวกเราอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่เพราะปกติแล้วพวกมอนสเตอร์จะไม่เห็นตัวคนที่แอบอยู่ได้เลย”
จิราภัทรถามถึงเหตุผลเพื่อไขข้อข้องใจของเธอที่คิดมานานเนื่องจากไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่มอนสเตอร์ตามรังควาญอยู่ตลอดเวลาไม่เว้นแม่แต่เขนพื้นที่ปลอดภัยอย่างในเมือง
“ไอเท็มโค้ด…ไงล่ะ”
“??”
หทัยขอทำหน้าที่อธิบายอย่างง่ายๆในคนอื่นได้ทราบกันว่าคนที่อยู่ในเกมปกติแล้วจะได้รับเลขแบบรันเลเวลให้ว่าเป็นคนที่เท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าใครอยู่ตรงไหนไง
“ส่วนพวกที่เข้ามาทีหลังอย่างทีมช่วยเหลือคงฝังระบบติดตามมาพร้อมกับไอเท็มโค้ดนั่นแหล่ะ”
“ทำไม่คุณถึงทำแบบนี้”
เสียงสั่นคลอของหนุ่มน้อยแสดงให้เห็นว่าเขาโกรธมากแค่ไหนสำหรับสิ่งที่ชายร่างสูงได้ทำไป แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะกฎหมายเท่านั้นที่จะเป็นคนลงโทษ
“เพราะเร็นมันรู้ว่าข้าจะขโมยความสามารถของทุกคนไปไงมันเลยคิดจะปิดเกมนี้ทิ้งเพื่อขัดขวางแต่ดีที่ฉันสำรองเกมไว้ได้ทันก่อนมันลบ….คุยกับพวกเจ้าไปก็เสียเวลา จัดการทุกคนในที่นี้เสีย เร็น”
ลูกแมวที่อยู่ในอ้อมแขนของนันทกรก็กระโดดออกจากมือของเขาไป กลายร่างเป็นสิ่งโตผู้สง่างามสีขาวเข้ามาขัดขวางเร็นไว้
“มันคงถูกสร้างมาเพื่อการนี้แน่นอน”
นริศาพูดพลางยิ้มให้นันทกรโดยที่มือของเธอก็แตะที่ไหล่ของเขาเพื่อปลอบใจ
แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นใจพลังของการคุมคุมทำให้เร็นแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก สิงโตที่ถูกโจมตีก็กลับคืนสู่ร่างเดิมนฤนาถที่อยู่ใกล้ที่สุดจึงวิ่งไปอุ้มแมวน้อยกลับมาคืนนันทกร
“ฝากด้วยนะนันทกร”
“อืม”
นันทกรพยักหน้าตอบรับนฤนาถที่ส่งแมวกลับมาให้ในอ้อมแขนของเขา
“แบบนี้คงต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะ”
ศรศิลป์แนะนำให้แบ่งคนออกไปตามเจ้าประธานตัวปลอมนั่นโดยที่เขาเป็นคนอาสาเองกับนพดลเพราะมันเป็นงานที่อันตรายกว่าสู้กับเร็น ไม่มีใครรู้ว่าเจ้านั่นยังมีทีเด็ดอะไรในการจัดการกับผู้เล่น
“อย่างที่เคยบอกไปว่าใช้พลังพิเศษกลับเขาไปก็ไม่ได้ผลแต่คราวนี้เขาถูกควบคุมอยู่คงใช้พลังได้ไม่เต็มที่”
“รับทราบ”
ผู้เล่นทุกคนตอบรับแผนการของนทีก่อนจะพากันไปซ่อนตัวเพื่อรอเวลาที่จิราภัทรและหทัยเตรียมแผนการเสร็จ ไม่นานนักทุกคนก็ได้ยินเสียงของหทัยอยู่ในความคิด พร้อมอธิบายแผนการจากภาพสามมิติของจิราภัทร ฝ่ายศรศิลป์กับนพดลที่ตามชายร่างสูงไปกลับตามเขาไม่ทันและไม่เห็นวี่แววอีกเลยทั้งสองจึงถอดใจแล้วกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ
การต่อสู้ยังคงยื้อเยื้อต่อไปเพราะพลังของเร็นนั้นมากกว่าที่จิราภัทรคาดไว้หากเป็นอย่างนี้ต่อไปฝ่ายที่เสียเปรียบคงจะเป็นพวกเราอย่างแน่นอน ในขณะที่ขยับไปมาอยู่หลายครั้งจิราภัทรเริ่มสังเกตว่ามีบางช่วงที่สัญญาณติดต่อระหว่างถูกคนนั้นถูกตัดขาดหายไป จึงหันไปเร่งเพื่อนสาวของตนในปรับพลังของตนให้สมดุลมากขึ้นแต่แล้วเธอก็ถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเห็นเพื่อนของเธอที่อยู่ตรงหน้ามีบางอย่างแปลกไป
“พี่วา ที่หน้าพี่”
หทัยใช้มือปาดที่จมูกของตนก่อนจะพบว่าเธอมีเลือดกำเดาไหลออกมามากกว่าผิดปกติ ขาเธอทรุดลงนั่งลงกับพื้นและคิดว่าครั้งล่าสุดอาการของเธอยังไม่รุนแรงเท่านี้มาก่อน ศรัญจึงทักว่าเธอไปได้รับบาดเจ็บที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าแต่เมื่อนึกย้อนดูก็ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน นฤนาถจึงรีบวิ่งเข้ามาสมทบยังจุดที่หทัย ศรัญและนันทกรยืนอยู่ทันที
“ส่งมือมา”
นฤนาถกำลังใช้พลังของเธออ่านข้อมูลบันทึกในรหัสโค้ดที่ฝั่งอยู่ในแต่ละคนเรียกได้เธอแทบจะเป็นเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าแต่ละคนใช้พลังไปถึงระดับไหนแล้ว
“ครั้งสุดท้ายที่ใช้คือตอนไหน?”
“..ตอนระหว่างทางมาที่นี่ ใช้ตามหาพวกแกไง”
“ต้องหยุดใช้พลังเดี๋ยวนี้เพราะว่ามันถึงขีดจำกัดแกแล้ว ขืนเป็นแบบนี้และยังไม่ได้ออกเกมละก็แกต้องเป็นอันตรายแน่….”
“ไม่เป็นไรฉันยังไหว”
นฤนาถจึงให้นริศาเข้าไปตามศิลาที่อยู่แนวหน้ากลับมาก่อนเพราะต้องการให้เขาเป็นคนห้ามหทัยเอง
“เกิดอะไรขึ้น?”
นฤนาถอธิบายให้ศิลาเข้าใจว่าในสถานการณ์ตอนนี้หทัยใช้พลังไปมากกว่าที่คาดไว้เพราะด้วยจำนวนคนและช่วงระยะเวลาที่นานเกินไป และถ้าหากต้องหยุดใช้พลังจริงมันจะเป็นปัญหาด้านการสื่อสารกับคนอื่นๆ
“ฉันยังไหวนะ!”
“อย่าฝืนนะ”
แทนที่ศิลาจะห้ามเพื่อนสาวของตนแต่เขากลับบอกให้เธอทำตามที่อยากทำและไม่ให้ฝืนใช้พลังแทน
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเพราะสถานะการเป็นอมตะของเร็นยังคงอยู่ในพื้นที่ทำให้เมื่อเขาได้รับการโจมตีแล้วพลังจะฟื้นฟูเองอัตโนมัติ
“ฉันนึกอะไรออกแล้ว…นฤนาถ!”
นพดลอธิบายให้นฤนาถลองแก้โค้ดของพื้นที่นี้ดูแต่เธอไม่รับปากว่าจะได้หรือไม่เนื่องจากเลเวลของพลังพิเศษนั่นยังค่อนข้างต่ำอยู่ ถึงแม้ว่าจะแก้ไม่ได้แต่เธอก็ทำให้สถานะของฝั่งตัวเองได้รับผลนี้ด้วยเหมือนกันแทน
“เหวอ!”
นันทกรที่วิ่งหลบเถาวัลย์ ไปมาดันสะดุดกับรากไม้เข้าจนมือของเขาไปสัมผัสกับพื้น ทำให้มีภาพบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว
“อย่าเหม่อดิ”
ศรัญตะคอกใส่นันทกรเพราะเป็นห่วงว่าเพื่อนของตนจะเหม่อจนได้รับอันตรายเข้า
“ไม่ใช่…เมื่อกี้”
“??”
เพื่อความแน่ใจนันทกรจึงลองแตะที่เถาวัลย์อีกครั้งคราวนี้ภาพมันชัดกว่าเดิมขึ้น จิตใต้สำนึกของเร็นส่งคำพูดให้กับนันทกรว่าเขาต้องการคุยกับทุกคน นัทจึงวิ่งไปหาหทัยเพื่อเชื่อมต่อความคิดของเร็นเข้ากับระบบสื่อสารทางจิต
“ขอร้องล่ะ ช่วยหยุดผมที ผมไม่อยากทำร้ายใคร เทมาริลูกนั้นมีแอนติโค้ดที่ผมสร้างไว้อยู่เอามันมาให้ผม”
ใช้แล้วเร็นกำลังพูดถึงลูกบอลที่ศิลาและหทัยนำมาด้วยจากศูนย์วิจัย แต่การจะเข้าถึงตัวเร็นได้นั้นต้องเป็นคนที่มีทักษะระยะไกลและประชิดอย่างหทัยและนฤนาถเท่านั้นเพียงแต่เกราะของโยบางกว่าวาทำให้อาจไปไม่ถึงตัวได้
“ฉันจะเอามันไปส่งเอง”
“ไหวหรอวา”
นฤนาถพยุงร่างของหทัยให้ลุกขึ้นมายืนตั้งหลักเพื่อคุยกับทุกคน
“อย่าเลยร่างกายแกไม่ไหวแล้วล่ะ”
หทัยแกะมือของจิราภัทรที่รั้งตัวเธอไว้ออกเพราะกลัวว่าเธอจะทำตามที่อยากทำโดยไม่สนใจคำเตือนของจิราภัทร
จิราภัทรทำได้แต่ต้องปลงเพราะเพื่อนของตนเป็นพวกที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆแน่นอน เธอนำลูกบอลเทมาริคล้องกับกำไลข้อมือของเธอติดไว้กับบูมเมอแรงของหทัย
“ไปได้!”
นันทกรร่ายเวทสนับสนุนให้กับหทัยเพื่อทำให้เธอเข้าถึงตัวของเร็นได้ง่ายอีกพร้อมกับการเปิดทางผ่านให้จากศิลาและนที คาดว่าเธอจะไปถึงตัวเร็นได้อย่างไม่มีปัญหาในขณะที่วิ่งฝ่าดงเถาวัลย์ไปนั้นการติดต่อระหว่างคนอื่นๆก็ขาดลงเพราะเธอได้ใช้พลังไปจนถึงขั้นสุดท้ายแล้วและคาดว่าคนอื่นๆก็คงจุรู้เหมือนกันโดยเฉพาะจิราภัทร
“รับนี้ไปซะ”
หทัยเหวี่ยงบูมเมอแรงออกไปจนสุดแรงเกิดทำให้ร่างของเธอที่ลอยอยู่บนอากาศนั้นร่วงลงมาอย่างรวดเร็วเพราะหมดสติไปจากผลของการใช้พลังเกินขนาด ศิลาที่เห็นว่าท่าจะไม่ดีเสียแล้วจึงเข้าไปรับร่างของหทัยอย่างรวดเร็วและพบว่าเธอหมดสติไปแล้ว
“นี่…ข้า”
หลังจากได้รับแรงโจมตีที่ติดไปกับระบบแอนตี้โค้ดทำให้สติของเร็นกลับมาเป็นเหมือนเดิม เอ็นที่เห็นว่าพี่ชายของตนไม่โจมตีคนอื่นแล้วนั่นก็รู้ได้ทันทีว่าเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วจึงรีบเข้าไปหาทันทีพร้อมกับมีนันทกรตามไปด้วยติดๆ
“พี่ครับ”
เอ็นเข้าไปกอดพี่ชายของตนทั้งน้ำตาเพราะนี้เป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่ผ่านมาที่เขาได้เข้ามากอดพี่ชายของตน นันทกรตั้งใจจะส่งแมวคืนให้กลับเร็นแต่เขากลับปฏิเสธพร้อมกับขอให้เขาดูแลมันแทน
“เอาการ์ดสีทองที่ได้มาใส่ลงไปที่ช่องตรงเครื่องหลักมันจะทำการรีเซตเกมทิ้งทั้งหมด”
ศรศิลป์เป็นคนอาสาเอาการ์ดไปใส่ที่เครื่องเอง ทันใดนั้นช่องว่างระหว่างพื้นที่ที่เกิดจากรอยร้าวของเซิฟเวอร์ก็ขยายตัวขึ้น เร็นบอกให้ทุกคนก้าวเข้าไปในนี้เพื่อที่จะกลับยังโลกที่แท้จริง
“พี่ไปกับพวกเรานะครับ”
“ไม่ได้หรอกเอ็น พี่ไม่มีร่างเหลืออยู่แล้ว”
เร็นจึงผลักน้องชายของตนไปให้กับนทีชายหนุ่มที่ยืนถัดออกมาจากนันทกรให้ช่วยลากน้องชายของตนข้ามช่องนั้นไปที บรรดาผู้เล่นคนอื่นต่างพากันทยอยเข้าไปในช่องว่างที่ว่าโดยมีจิราภัทรและนฤนาถคอยกำกับแถวอยู่
“แล้วคนอื่นๆจะเป็นอะไรไหม?”
นพดลรู้สึกเป็นห่วงกับบรรดาผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในที่นี้และที่เกมโอเวอร์ไปแล้วว่าพวกเขาจะฟื้นเหมือนคนอื่นๆหรือไม่
“ไม่ต้องห่วงทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
“ฉันสัญญาว่าจะตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้”
“ขอบใจนะ”
คนสุดท้ายที่ข้ามผ่านช่องนี้คือศิลาที่อุ้มหทัยอยู่ในอ้อมแขน เร็นแตะที่หน้าผากของหทัยและพูดออกมาว่า
“ไม่เป็นไร พักเสียหน่อยก็จะดีขึ้นเอง”
จากนั้นทุกอย่างก็ถูกทำลายลบเลือนหายไป ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้สาเหตุเกิดมาจากความริษยาของคนเพียงคนเดียวเท่านั้นนอกจากผู้เล่นที่อยู่ในเหตุการณ์
............................................................................
ความคิดเห็น